PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เขี้ยวชนเชี้ยว

น้ำมีจุดเดือดต่ำ ส่วนน้ำมันมีจุดเดือดสูง แต่ทั้งน้ำและน้ำมันเมื่อเจอความร้อนได้ที่ถึงจุดเดือดเมื่อไหร่ รับรองได้ร้อนฉ่าเดือดพล่านระเบิดเถิดเทิง

ฉันใดก็ฉันนั้น เปรียบได้กับอารมณ์มนุษย์ ถ้าโดนทุบโดนถอง โดนกดดันหนักๆจนถึงจุดเดือด ก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นกัน

เหมือนอย่างล่าสุด ในห้วงการต่อรองโควตารัฐมนตรีของพรรคการ เมืองที่แตะมือหลวมๆอยู่กับขั้วพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะตกลงเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล

เริ่มมีอาการขมึงเกลียวอาละวาดฟาดงวงฟาดงาออกมาให้เห็นกันโต้งๆ

เมื่อพรรคตัวแปรสำคัญ อย่าง พรรคภูมิใจไทย เปิดดีลทางลับกับ “ผู้มีบารมี” นอกพรรคพลังประชารัฐ จองเก้าอี้ รมว.คมนาคม รมว.สาธารณสุข และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา บวกรองนายกฯ และ 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการ

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เจรจาลับกับ “ผู้มีบารมี” นอกพรรคพลังประชารัฐเหมือนกัน ทำให้มั่นใจว่าจะได้เก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.พาณิชย์ และ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พร้อมเก้าอี้รองนายกฯ และ รมช.อีก 4 กระทรวง ไม่รวมตำแหน่งประธานสภาฯที่คว้าไปครองก่อนหน้านี้

นัยว่าเป็นสินสอดหมั้นหมาย แลกกับการยกพลเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย

แต่แผนนี้มีอันต้องสะดุดกึก เพราะแกนนำ ส.ส.ก๊กใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ไม่เออออห่อหมกด้วย

ที่แน่ๆคือ กลุ่มสามมิตร ภายใต้การนำของ 3 ส. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มองว่า พรรคตัวแปรเขี้ยวเกินเหตุ

หวังฮุบกระทรวงเกรดเอ และกระทรวงเศรษฐกิจ ผ่านผู้มีบารมีนอกพรรค

ข้ามหน้าข้ามตา ข้ามหัว ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่นั่งกันหัวโด่

แม้พยายามเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยน ขอคืนกระทรวงคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย และกระทรวงเกษตรฯจากพรรคประชาธิปัตย์ เอามาจัดสรรกันใหม่

แต่ก็ไม่เป็นผล เหมือนอ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง ย่อมง้างคืนลำบากเป็นธรรมดา

สุดท้าย เมื่อถึงจุดเดือด แกนนำ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เลยหันไปใช้แผนหักงวงไอยราประกาศเปรี้ยง

การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องผ่านความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรคซะก่อน และต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม อีกกระทอก!!!

ขณะที่ “ลุงตู่” รับมุกทันควัน บอกคนที่จะเป็นนายกฯ ต้องพิจารณารายชื่อรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคเสนอมา

“ไม่ใช่เสนอใคร ก็ให้เป็นรัฐมนตรีตะพึดตะพือ” ประโยคนี้ “ลุงตู่” ไม่ได้พูด แต่ “พ่อลูกอิน” พูดเองนะคุณโยม!!!

แต่ที่แสบสุด ก็คือ “เดอะตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ป่าวประกาศเป็นนัย ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้

ก็อาจนำไปสู่การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และหากจำเป็น นายกฯก็มีอำนาจยุบสภา

การเจรจาตั้งรัฐบาลจะวงแตกหรือไม่ ยังไม่รู้

แต่เมื่อเขี้ยวมาก็ต้องเจอเขี้ยวกลับ สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ แสบสันมั้ยล่ะทั่นมหา???

“พ่อลูกอิน”

ไม่มีความคิดเห็น: