PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประเทศไร้สติ ทายท้าวิชามาร

ใบตองแห้ง

“ม็อบพระ” ที่พุทธมณฑลสะท้อนความไร้สติไร้เหตุผลจนถึงจุดต่ำสุดของสังคมไทย
เปล่า ไม่ใช่แค่คลิปพระตะลุมบอนทหาร แต่รวมถึงท่าทีทุกฝ่าย ทหารถามพระ “เขาจ้างมาเท่าไหร่” กองเชียร์ 2 ข้างทั้งในสื่อและโลกโซเชียล กระพือเป็นการเมืองเสื้อสี ปลุกความเกลียดชังทำลายฝ่ายตรงข้ามโดยไม่เลือกวิธี
ผู้มีชื่อเสียงรายหนึ่งเสนอให้ใช้ทหารหญิง หมอนวด โคโยตี้ สลายม็อบพระ พร้อมกับตัดเสบียงอาหาร หลังเที่ยงส่งแม่ค้าไปขายไก่ย่าง ฯลฯ ก็ยังมีคนกดไลค์กดแชร์เป็นพันๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
อันที่จริงข้อเรียกร้องของพระก็เหลวไหล “พุทธเป็นศาสนาประจำชาติ” ขัดหลักประชาธิปไตยซึ่งให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา หรือห้ามรัฐก้าวก่ายสงฆ์ ทั้งที่มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรของรัฐ มียศถาบรรดาศักดิ์ ใช้อำนาจรัฐจัดการกับพระเสียเอง
เพียงแต่ในความเป็นจริง ก็รู้กันว่า ประเด็นสำคัญที่ “ม็อบพระ” ต้องการคือให้รัฐบาลเร่งทูลเกล้าฯ ตั้งสมเด็จวัดปากน้ำเป็นสมเด็จพระสังฆราช ตามมติมหาเถรสมาคม หลังโดนกลุ่มการเมืองที่เคยตั้งกรวยปิดถนนปิดเมืองล้มเลือกตั้ง ทั้งพระทั้งคนออกมาขวาง โดยใช้ท่าทีรุนแรง ปลุกความเกลียดชัง หวังพึ่งอำนาจ คสช.สกัดกั้น “สมเด็จช่วง” ทุกวิถีทาง
ว่าตามเนื้อหา ข้อเรียกร้องของพุทธอิสระ ไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ให้ “ปฏิรูปพุทธศาสนา” ตรวจสอบทรัพย์สินพระ ตรวจสอบ “ลัทธิจานบิน” ฯลฯ ก็สอดคล้องกับคนจำนวนมากโดยไม่แยกสี แต่กลับทำให้มีสี จนต้องถามว่านี่ต้องการปฏิรูปศาสนาจริง หรือใช้เป็นข้ออ้างเพื่อพลิกขั้วอำนาจในวงการสงฆ์
ความชอบไม่ชอบ ความลุ่มหลง การวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งคำสอนและการปฏิบัติของวัดธรรมกาย ไม่ใช่เรื่องเสื้อสี แม้วัดธรรมกายดูจะมีความสัมพันธ์อันดีกับทักษิณ แม้พระบางรูปเคยเคลื่อนไหวกับเสื้อแดง แม้เสื้อแดงบางส่วนเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวกับพระ แต่โดยสาระ นักอุดมคติประชาธิปไตยก็ขัดแย้งกับพระที่เรียกร้อง “ศาสนาประจำชาติ” เรียกร้องให้จำกัดกีดกันศาสนาอื่น รวมทั้งวิพากษ์ธรรมกายกันเนืองๆ
แต่ความขัดแย้งครั้งนี้ถูกทำให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อน ธรรมกาย=เสื้อแดง=แก๊งหนุนสมเด็จช่วง=สมุนทักษิณ เป็นแท่งเดียวกัน แล้วก็โหมความเกลียดชัง “โค่นล้มสมด็จช่วง” ราวกับ “โค่นล้มทักษิณ” ทำอย่างไรก็ได้เพื่อล้มมติมหาเถรสมาคม ขณะที่เสื้อแดงบางคนก็ไม่น้อยหน้า ปลุกมวลชนที่เกลียดไพบูลย์ เกลียดพุทธอิสระ ฐานขัดขวางเลือกตั้ง ให้มาช่วยกันเชียร์พระ
เลอะเทอะ หน้ามืดตามัวกันหมด กระทั่งคนมีศักดิ์ฐานะ คนมีการศึกษา คนที่เคยให้สติปัญญาสังคม
อย่าแปลกใจที่ประเทศหาทางออกไม่ได้ ร่างรัฐธรรมนูญไม่มีทางลง เพราะสังคมไทยเตลิดเปิดเปิงจนไร้เหตุผล คนยกร่างก็ไม่มีเหตุผล แล้วยังบอกว่าคนเสนอความเห็นต้องมีเหตุผล
ที่บอกว่าการศึกษาไทยตกต่ำ สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ก็ไม่ใช่คนชั้นต่ำไร้การศึกษา แต่คนมีการศึกษานี่แหละเบาปัญญา
ส่วนปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องพระก็ให้ คสช.กุมขมับรับเผือกร้อนไปเถอะ DSI บอกว่ารถสมเด็จช่วงนำเข้าผิดกฎหมาย พวก “โค่นล้ม” คงตีปี๊บดีใจกันใหญ่ แต่พระคงไม่พอใจ เพราะสั่งสมความรู้สึกว่าถูกกีดกันไม่ได้รับความยุติธรรมมานาน เดี๋ยวถ้ามีม็อบพระมาใหม่ ก็งัด ม.44 พ.ร.บ.ชุมนุม รถถัง รถฮัมวี เรือดำน้ำ ไปจัดการ ดูซิว่าจัดระเบียบพระได้ไหม

นายกฯ ชื่นชมความเป็นผู้นำของ Obamaช่วยยุติไวรัสอีโบลาระบาด ริเริ่มความมั่นคงสุขภาพระดับโลก


นายกฯ ชื่นชมความเป็นผู้นำของ Obamaช่วยยุติไวรัสอีโบลาระบาด ริเริ่มความมั่นคงสุขภาพระดับโลก GHSA ยันไทยปราบค้ามนุษย์ วาระแห่งชาติ-แก้IUU ยันแก้ค้าโรฮีนจา ทุกประเทศต้องช่วยกัน....วอนUSAสนับสนุน Logistic ร่วมวงถกProtecting Peace, Prosperity and Security in the Asia-Pacific พร้อมรับมือความท้าทาย ร่วม US-Asean คุยต้านก่อการร้าย ค้ามนุษย์ Climate Change
ปิดฉาก US-Asean Leaders Summit...
Obama ร่วมถ่ายภาพกับ ผู้นำอาเซี่ยน และ พลเอกประยุทธ์ ที่Sunnylands,Rancho Mirage,CA
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมช่วงที่ 2 (Retreat II) ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ และได้กล่าวถ้อยแถลง ในหัวข้อ “Protecting Peace, Prosperity, and Security in the Asia-Pacific”
พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า การประชุมช่วงที่ 2 (Retreat II) การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ในหัวข้อ “Protecting Peace, Prosperity, and Security in the Asia-Pacific” ที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่างๆ ครอบคลุม การก่อการร้าย การเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศของโลก การสาธารณสุข และปัญหาการค้ามนุษย์
พลเอกประยุทธ์ ได้ยืนยันความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับอาเซียนและสหรัฐฯ รับมือกับประเด็นท้าทายข้ามชาติ ซึ่งเป็นทั้งภัยเร่งด่วนและไม่สามารถแก้ไขโดยประเทศใดประเทศหนึ่งได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงงานสาธารณสุข โดยชื่นชมความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีโอบามาและสหรัฐที่มีส่วนสำคัญ ในการช่วยยุติการระบาดของไวรัสอีโบลาไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วโลก และยังได้ริเริ่มวาระความมั่นคงทางสุขภาพระดับโลก (GHSA) ช่วยคุ้มครองโลกจากภัยคุกคามของโรคระบาด อื่นๆ เช่นไวรัสซิกา ในอนาคตได้ ในฐานะประเทศที่มีบทบาทนำ (lead country)
ไทยพร้อมสนับสนุนและร่วมมือในกรอบด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะความร่วมมือทางวิชาการ การพัฒนากำลังคน และสนับสนุนการพัฒนาสมรรถนะของห้องแล็บทางการแพทย์ การฝึกอบรมบุคลากรจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไทยได้มีความร่วมมือด้านสาธารณสุขภายใต้กรอบอาเซียนด้วยแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ได้ให้ความช่วยเสริมในการส่งเสริมสมรรถภาพของหน่วยงานไทยในการป้องกันและควบคุมโรคและลดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรค ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งระดับภูมิภาค
ขณะเดียวกัน ในระดับทวิภาคี ไทยและสหรัฐ ฯ ก็มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดผ่านสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร หรือ AFRIMS ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย มีผลงานโดดเด่นในด้านการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับโรคติดต่อและล่าสุด ไทยได้รับความเห็นชอบให้เป็นที่ตั้งของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน ด้วย
โอกาสนี้ พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยถือเป็น "วาระแห่งชาติ" ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรทรัพยากรทั้งเวลา บุคคลากรและทุน เพื่อปฏิรูปการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบ โดยเฉพาะการปรับแก้กฎหมายให้เข้มงวดขึ้น การลงโทษเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิด การนำผู้กระทำผิด โดยเฉพาะรายใหญ่ มาดำเนินคดี การเพิ่มประสิทธิภาพของการพิจารณาคดีและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และการคุ้มครองความปลอดภัยของเหยื่อ เพื่อแสดงถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหานี้ทุกมิติ
รวมทั้งเร่งดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก
อย่างไรก็ตาม ไทยต้องแสวงหาความร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งในระดับทวิภาคี ซึ่งไทยมีความร่วมมือ อย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ เช่น FBI กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ โดยเฉพาะสถาบันฝึกอบรมว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ช่วยฝึกอบรมหน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายจากทั่วภูมิภาค เพื่อรับมือกับปัญหาการค้ามนุษย์และอาชญากรรมอื่นๆ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน องค์การระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคม ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาร่วมของทุกฝ่าย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสนับสนุน กฎหมายที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดทางเพศต่อเด็ก ที่ประธานาธิบดี Obama ได้ลงนาม ซึ่งไทยเองก็ให้ความสำคัญและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ ในการปกป้องเด็กและเยาวชนไม่ให้ต้องตกเป็นเหยื่อ
นอกจากนี้ ไทยยังให้มีการจริงจังในการแก้ไขปัญหาการประมง IUU ที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และสร้างความมั่นใจว่าสินค้าของไทยถูกต้องตามจรรยาบรรณและได้มาตรฐานสากล และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภาสหรัฐฯ ก็เพิ่งผ่านกฎหมายเรื่องการอำนวยความสะดวกและการบังคับเรื่องการค้า โดยมีประเด็นเกี่ยวกับแรงงานบังคับด้วย ซึ่งไทยเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหน่วยงานของสหรัฐฯ จะนำเอากฎหมายฉบับนี้ไปปฏิบัติอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องการกีดกันทางการค้าในทางปฏิบัติ
ทั้งนี้ การโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในภูมิภาคต่างๆ ในปีที่ผ่านมายังส่งผลให้สถานการณ์การค้ามนุษย์มีความสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงต้องเป็นอย่างครอบคลุมและภายใต้หลักการแบ่งเบาภาระระหว่างประเทศ โดยอาเซียนได้แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการพยายามแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียอย่างครอบคลุมและยั่งยืน สมาชิกอาเซียนมีส่วนร่วมที่แข็งขันในการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานฯ ทั้งสองครั้งในปีที่ผ่านมา เห็นได้อย่างชัดเจนจำนวนผู้อพยพชาวโรฮีนจาลดลงอย่างมากจากปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณสหรัฐฯ ที่แสดงความพร้อมสนับสนุนอาเซียนในการพัฒนาศักยภาพด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรับผู้โยกย้ายถิ่นฐานไปตั้งถิ่นฐานใหม่จำนวนหนึ่ง แม้จะมีภาระรับผู้พลัดถิ่นจากทั่วโลกจำนวนมากอยู่แล้วก็ตาม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังหวังว่า สหรัฐฯ จะยังคงร่วมมือกับอาเซียนในการตอบโต้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นภัยคุกคามอาเซียนอย่างรุนแรงในทุกปี และขอให้สหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนระบบLogistics ของการปฏิบัติการด้านการบรรเทาทุกข์และการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติของอาเซียน ซึ่งอาเซียนกำลังจัดตั้งคลังเก็บสิ่งของบรรเทาทุกข์และให้ความช่วยเหลือในภูมิภาค โดยเฉพาะในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเตือนภัยพิบัติและการแพทย์ฉุกเฉินด้วย

ปิดฉาก US-Asean Leaders Summit...

Obama ร่วมถ่ายภาพกับ ผู้นำอาเซี่ยน และ พลเอกประยุทธ์ ที่Sunnylands,Rancho Mirage,CA
นายกฯร่วมวงถกProtecting Peace, Prosperity and Security in the Asia-Pacific พร้อมรับมือความท้าทาย ร่วม US-Asean คุยต้านก่อการร้าย ค้ามนุษย์ Climate Change ชื่นชมความเป็นผู้นำObamaช่วยยุติไวรัสอีโบลาระบาด ริเริ่มความมั่นคงสุขภาพระดับโลก GHSA ยันไทยปราบค้ามนุษย์-IUU
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมช่วงที่ 2 (Retreat II) ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ และได้กล่าวถ้อยแถลง ในหัวข้อ “Protecting Peace, Prosperity, and Security in the Asia-Pacific”
พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า การประชุมช่วงที่ 2 (Retreat II) การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ในหัวข้อ “Protecting Peace, Prosperity, and Security in the Asia-Pacific” ที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่างๆ ครอบคลุม การก่อการร้าย การเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศของโลก การสาธารณสุข และปัญหาการค้ามนุษย์
พลเอกประยุทธ์ ได้ยืนยันความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับอาเซียนและสหรัฐฯ รับมือกับประเด็นท้าทายข้ามชาติ ซึ่งเป็นทั้งภัยเร่งด่วนและไม่สามารถแก้ไขโดยประเทศใดประเทศหนึ่งได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงงานสาธารณสุข โดยชื่นชมความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีโอบามาและสหรัฐที่มีส่วนสำคัญ ในการช่วยยุติการระบาดของไวรัสอีโบลาไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วโลก และยังได้ริเริ่มวาระความมั่นคงทางสุขภาพระดับโลก (GHSA) ช่วยคุ้มครองโลกจากภัยคุกคามของโรคระบาด อื่นๆ เช่นไวรัสซิกา ในอนาคตได้ ในฐานะประเทศที่มีบทบาทนำ (lead country) ไทยพร้อมสนับสนุนและร่วมมือในกรอบด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะความร่วมมือทางวิชาการ การพัฒนากำลังคน และสนับสนุนการพัฒนาสมรรถนะของห้องแล็บทางการแพทย์ การฝึกอบรมบุคลากรจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไทยได้มีความร่วมมือด้านสาธารณสุขภายใต้กรอบอาเซียนด้วยแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ได้ให้ความช่วยเสริมในการส่งเสริมสมรรถภาพของหน่วยงานไทยในการป้องกันและควบคุมโรคและลดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรค ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งระดับภูมิภาค
ขณะเดียวกัน ในระดับทวิภาคี ไทยและสหรัฐ ฯ ก็มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดผ่านสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร หรือ AFRIMS ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย มีผลงานโดดเด่นในด้านการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับโรคติดต่อและล่าสุด ไทยได้รับความเห็นชอบให้เป็นที่ตั้งของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน ด้วย
โอกาสนี้ พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยถือเป็น "วาระแห่งชาติ" ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรทรัพยากรทั้งเวลา บุคคลากรและทุน เพื่อปฏิรูปการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบ โดยเฉพาะการปรับแก้กฎหมายให้เข้มงวดขึ้น การลงโทษเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิด การนำผู้กระทำผิด โดยเฉพาะรายใหญ่ มาดำเนินคดี การเพิ่มประสิทธิภาพของการพิจารณาคดีและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และการคุ้มครองความปลอดภัยของเหยื่อ เพื่อแสดงถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหานี้ทุกมิติ
รวมทั้งเร่งดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก
อย่างไรก็ตาม ไทยต้องแสวงหาความร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งในระดับทวิภาคี ซึ่งไทยมีความร่วมมือ อย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ เช่น FBI กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ โดยเฉพาะสถาบันฝึกอบรมว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ช่วยฝึกอบรมหน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายจากทั่วภูมิภาค เพื่อรับมือกับปัญหาการค้ามนุษย์และอาชญากรรมอื่นๆ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน องค์การระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคม ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาร่วมของทุกฝ่าย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสนับสนุน กฎหมายที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดทางเพศต่อเด็ก ที่ประธานาธิบดี Obama ได้ลงนาม ซึ่งไทยเองก็ให้ความสำคัญและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ ในการปกป้องเด็กและเยาวชนไม่ให้ต้องตกเป็นเหยื่อ
นอกจากนี้ ไทยยังให้มีการจริงจังในการแก้ไขปัญหาการประมง IUU ที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และสร้างความมั่นใจว่าสินค้าของไทยถูกต้องตามจรรยาบรรณและได้มาตรฐานสากล และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภาสหรัฐฯ ก็เพิ่งผ่านกฎหมายเรื่องการอำนวยความสะดวกและการบังคับเรื่องการค้า โดยมีประเด็นเกี่ยวกับแรงงานบังคับด้วย ซึ่งไทยเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหน่วยงานของสหรัฐฯ จะนำเอากฎหมายฉบับนี้ไปปฏิบัติอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องการกีดกันทางการค้าในทางปฏิบัติ
ทั้งนี้ การโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในภูมิภาคต่างๆ ในปีที่ผ่านมายังส่งผลให้สถานการณ์การค้ามนุษย์มีความสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงต้องเป็นอย่างครอบคลุมและภายใต้หลักการแบ่งเบาภาระระหว่างประเทศ โดยอาเซียนได้แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการพยายามแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียอย่างครอบคลุมและยั่งยืน สมาชิกอาเซียนมีส่วนร่วมที่แข็งขันในการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานฯ ทั้งสองครั้งในปีที่ผ่านมา เห็นได้อย่างชัดเจนจำนวนผู้อพยพชาวโรฮีนจาลดลงอย่างมากจากปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณสหรัฐฯ ที่แสดงความพร้อมสนับสนุนอาเซียนในการพัฒนาศักยภาพด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรับผู้โยกย้ายถิ่นฐานไปตั้งถิ่นฐานใหม่จำนวนหนึ่ง แม้จะมีภาระรับผู้พลัดถิ่นจากทั่วโลกจำนวนมากอยู่แล้วก็ตาม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังหวังว่า สหรัฐฯ จะยังคงร่วมมือกับอาเซียนในการตอบโต้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นภัยคุกคามอาเซียนอย่างรุนแรงในทุกปี และขอให้สหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนระบบLogistics ของการปฏิบัติการด้านการบรรเทาทุกข์และการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติของอาเซียน ซึ่งอาเซียนกำลังจัดตั้งคลังเก็บสิ่งของบรรเทาทุกข์และให้ความช่วยเหลือในภูมิภาค โดยเฉพาะในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเตือนภัยพิบัติและการแพทย์ฉุกเฉินด้วย

การจัดอันดับประเทศที่มีแสนยานุภาพทางทหารมากที่สุดในโลก

การจัดอันดับประเทศที่มีแสนยานุภาพทางทหารมากที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. สำนักข่าว Sputnik news รายงานผลการจัดอันดับประเทศที่มีแสนยานุภาพทางทหารมากที่สุดในโลกของGlobalFirepower.com (GFP) ซึ่งมีสหรัฐฯ รัสเซีย และจีนติดสามอันดับแรก
รายงานระบุว่า กองทัพของสหรัฐฯยังคงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตามมาติดๆด้วยรัสเซียและจีน ส่วนงบการทหารของสหรัฐฯยังสูงนำประเทศอื่น เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วสหรัฐฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆนั่นเอง
ผู้เชี่ยวชาญของ GFP ชี้ว่า กองกำลังติดอาวุธของแต่ละประเทศกำลังพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น ส่วนอุตสาหกรรมด้านการป้องกันประเทศของรัสเซียก็ได้เพิ่มการจัดซื้อและการผลิตอุปกรณ์ทางการทหาร จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัสเซียมีแสนยานุภาพด้านการทหารมากขึ้น
รัสเซียมีรถถังประมาณ 15,398 คันซึ่งมากกว่ารถถังของสหรัฐฯที่ 8,848 คัน แต่เครื่องบินของรัสเซียที่มีจำนวน3,547 ลำน้อยกว่าของสหรัฐฯที่ 13,444 ลำ ส่วนรถถังของจีนถึงแม้ว่าจะมากกว่าสหรัฐฯแต่ก็น้อยกว่าของรัสเซีย
ประเทศที่มีแสนยานุภาพทางทหารเป็นอันดับที่ 4 นั้นคืออินเดีย ตามมาด้วยอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และตุรกี ตามลำดับ
ทั้งนี้ การจัดอันดับประเทศที่มีแสนยานุภาพทางทหารนั้นพิจารณาจากปัจจัย 50 ด้าน ซึ่งประกอบไปด้วย รายจ่ายด้านการป้องกันประเทศ จำนวนกองกำลังทหารเรือและทหารอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ และอื่นๆ ซึ่งทรัพยากรด้านกำลังคนนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการจัดอันดับ
อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับประเทศนี้ยังไม่ได้พิจารณาถึงศักยภาพของกองทัพและความเป็นผู้นำทางการทหารของประเทศ