PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559

บิ๊กตู่ป้องหลานชายไม่ผิด ท้าฟ้องศาล-ยันตั้งกันทุกปี ฉุน ต้องเปลี่ยนนามสกุลไหม


เมื่อเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งบุตรชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหลานชายเข้ารับราชการทหารว่า “เรื่องการแต่งตั้งลูกน้องชาย ปัดโธ่ เขาก็แต่งตั้งกันทุกปี เขาเปิดกันทุกปี เป็นการแข่งขันส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นการคัดเลือกจากคณะกรรมการระดับบน แล้วปลัดกลาโหมก็เซ็นชื่อไปในฐานะที่ได้รับมอบอำนาจให้เซ็นชื่อ จริงๆ ไอ้นี่มันก็ซื่อ จริงๆ ไม่ควรเซ็นด้วยซ้ำไป แต่มันก็ไม่ได้ จะให้คนอื่นเซ็นเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย เอาล่ะ ผมไม่ตอบดีกว่าในเรื่องนี้ ผมไม่ได้สนใจว่าเป็นนามสกุลเดียวกับผมเพราะผมบอกแล้วว่า ผมทำตามกฎหมาย ทำตามสิ่งที่มันมี ซึ่งถ้าทำตามกฎหมายทุกอย่างก็จบ วันนี้ก็มีคนไปฟ้องร้องก็ไปฟ้องสิ เรื่องแบบนี้เขาทำกันทุกปี ไม่ใช่เพิ่งมาทำปีนี้ให้น้อง ให้หลานเสียเมื่อไหร่”
เมื่อถามว่า จะขัดกฎหมายหรือไม่ เพราะในมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการปกครอง ห้ามไม่ให้มีการแต่งตั้งเครือญาติขึ้นดำรงตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เรื่องนี้เป็นการแต่งตั้งทดแทนผู้ที่เกษียณอายุไป ถ้าเป็นญาติกันแล้วตั้งไม่ได้ มันก็ไม่ใช่ ถือเป็นคนละขั้นตอน เป็นคนละส่วน อย่านำมาปนกัน ส่วนนั้นเป็นของกระทรวงกลาโหม ส่วนที่ทาง ป.ป.ช.รับเรื่องที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ก็ว่าไปสิ ถ้าจะมีการสอบสวน รับเรื่องได้ก็รับไป ตนไม่ได้ว่าอะไร บอกแล้วว่าทุกอย่างก็ต้องเป็นตามระเบียบ ของเดิมที่เขาทำไว้ก็ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นเท่านั้นเอง
“ผมเองก็เคยเป็น ผบ.ทบ.เก่า เคยแต่งตั้งคนมาเยอะแยะ ผมเป็น ผบ.ทบ. รับผิดชอบเรื่องกองทัพบกทั้งหมด ถ้าเหนือจากผมขึ้นไป เป็นเรื่องทางธุรการ ถ้าเป็นเรื่องของกฎระเบียบเป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม เขาแบ่งขั้นตอน มอบอำนาจกันมาหมด ไม่อย่างนั้นจะบังคับบัญชากันไม่ได้คนมันเยอะ อย่าไปมองว่านามสกุลเดียวกับผม ไม่อย่างนั้นผมเปลี่ยนนามสกุลก็ได้ จะได้หมดเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ทางปลัดกระทรวงกลาโหมระบุว่ามีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะมาแจ้งทำไม เป็นเรื่องภายในของกระทรวงกลาโหมเขา ในเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งทดแทน การบรรจุ เลื่อนยศ ปลด ย้าย ก็เป็นเรื่องภายใน ในส่วนของตนที่เสนอเข้ามาในนามรัฐบาลก็เป็นเรื่องการเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ในระดับชั้นนายพล ไม่ใช่ตนหรือรัฐมนตรีแต่เป็นอำนาจของกระทรวงกลาโหมและ ผบ.เหล่าทัพ มีการแบ่งอำนาจกันเป็นทอดๆ แล้ว สำหรับตนมีการรับทราบเป็นการส่วนตัว ซึ่งความจริงไม่จำเป็นต้องรายงานให้ทราบด้วย กระทรวงกลาโหมรายงานว่ามีการแต่งตั้งในอำนาจของ รมว.กลาโหมที่มอบอำนาจปลัดกระทรวงเป็นผู้เซ็นแต่นี่ตัดตอนเฉพาะ จันทร์โอชา มาคนเดียว ตนก็เบื่อเหมือนกัน
เมื่อถามว่า เมื่อเกิดคำครหาถึงตัวนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องดังกล่าวอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “มันเกี่ยวกับผมได้อย่างไร อย่างนั้น ผมต้องย้ายนามสกุลหรืออย่างไร ทุกคนมันนามสกุลเดียวกันไม่ได้หรือ เอาให้ดี พูดกันให้ชัด วันนี้ลูกหลานกำลังพลเขาก็มีการบรรจุเข้ามา ก็ถือเป็นลูกหลาน มีความไว้เนื้อเชื่อใจส่วนหนึ่ง เพราะอย่างไรก็เคยชินกับระบบวินัย พ่อแม่เป็นทหาร ก็มีข้อพิจารณาตรงนี้ด้วย ถ้ามาจากพลเรือนล้วนๆ ก็ต้องมีระบบคัดกรองเรื่องความมั่นคง รักษาความปลอดภัยขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง แล้วก็มีการคัดแยก ทั้งในเรื่องการสอบต่างๆ แล้วพวกคุณไม่ไว้วางใจผมหรืออย่างไรเล่า ทหารมีกี่เหล่า กี่หน่วย วันนี้ผมชี้แจงเฉยๆ ไม่ได้ไปตอบโต้หรือแก้ตัวแทนน้องหรือหลานผม แต่ชี้แจงว่าระเบียบมันเป็นอย่างไร และใช้กันมาอย่างไร เรื่องนี้ใช้กันมานานแล้วก็ไม่รู้สิ ขี้เกียจตอบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เคยคิดให้บุตรสาวทั้งสองคนเป็นทหาร และลูกสาวทั้งสองไม่เคยมอง ไม่อยากจะเป็นทหาร “เห็นพ่อมันลำบากอย่างนี้ มันจะเป็นทำไม ปัดโธ่ ไม่ได้อยากเป็นนักหรอก วันนี้แทบจะไม่มีคนอยากเป็นทหารอยู่แล้ว แต่ถามว่า ถ้าไม่มีทหารแล้วจะทำอย่างไร ทำไมมายุ่งอะไรกับลูกผมอีก วันนี้ทั้งสองคนเขาไม่ได้อยากเป็นอะไร เขาก็อยากเป็นลูกผมอย่างเดียว เขามีความสุขแล้ว พอเพียง ทำงานของเขา ในเรื่องการออกแบบเสื้อปั่นจักรยาน และของใช้เล็กๆ น้อยๆ ผมเองก็ไม่ได้ไปบังคับอะไร เขาชอบแบบนี้ก็ให้เขาทำไป วันนี้เขาขายในเว็บก็ให้ไปอุดหนุนกันเอาเอง แต่ไม่บอกเพราะไม่รู้ว่าเป็นเว็บอะไร เป็นเรื่องของลูก ปัจจุบันก็มีคนสนใจเข้ามาสั่งซื้อ 300-400 ตัว โดยเฉพาะนักกีฬา ซึ่งลูกของผมเขาตัวผอมชอบออกกำลังกาย ชอบขี่จักรยานอยู่แล้ว วันละประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ไม่ขอบอกว่าไปปั่นที่ไหน เพราะเราก็ห่วงเรื่องความปลอดภัย วันนี้ไปเรื่องลูกของผมอีกแล้ว เอาแค่หลานพอก่อน วันนี้ลูก หลาน เหลน โหลน หมดแล้ว อย่าให้ต้องพูดอะไรมาก เดี๋ยวก็มาขุดคุ้ยกันอีก ผมขี้เกียจ ถามเรื่องเสื้อกันเยอะ เดี๋ยวผมเอามาขายต้องซื้อกันนะ”

“จะให้ผมเปลี่ยนนามสกุลหรือ”? คำต่อคำ‘บิ๊กตู่’แจงปม‘ปรีชา’บรรจุลูกติดยศ

“นี่เขาก็ซื่อ ไม่ควรเซ็นด้วยซ้ำไป แต่ให้คนอื่นเซ็นมันก็ไม่ได้อีก กฎหมายไง ผมไม่ตอบดีกว่าเรื่องนี้ ไม่ได้สนใจว่านามสกุลเดียวกับผม ผมบอกแล้วว่าทำตามกฎหมาย ทำถูกต้องมันก็จบ วันนี้มีคนไปฟ้อง ฟ้องไปเหอะ ไม่ใช่เปิดปีนี้ให้หลานผมเมื่อไหร่เล่า”
PIC bigtuuu 19 4 59 1
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณี พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม บรรจุนายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา บุตรชาย เข้ารับราชการในตำแหน่ง รรก.นายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน 
----
พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายเบื้องต้นว่า เรื่องการแต่งตั้งลูกของน้องชาย (นายปฏิพัทธ์ บุตร พล.อ.ปรีชา) เขาก็มีทุกปี เขาก็เปิดกันทุกปี มีการแข่งขันส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นการคัดเลือกของคณะกรรมการระดับบน ส่วนปลัดกระทรวงกลาโหมก็เซ็นชื่อไปในฐานะที่รับมอบอำนาจให้เซ็นชื่อ
“นี่เขาก็ซื่อ ไม่ควรเซ็นด้วยซ้ำไป แต่ให้คนอื่นเซ็นมันก็ไม่ได้อีก กฎหมายไง ผมไม่ตอบดีกว่าเรื่องนี้ ไม่ได้สนใจว่านามสกุลเดียวกับผม ผมบอกแล้วว่าทำตามกฎหมาย ทำถูกต้องมันก็จบ วันนี้มีคนไปฟ้อง ฟ้องไปเหอะ ไม่ใช่เปิดปีนี้ให้หลานผมเมื่อไหร่เล่า”
@การกระทำดังกล่าวอาจขัดมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ หรือไม่ 
พล.อ.ประยุทธ์ : เป็นคนละเรื่อง ไม่มีข้อห้ามในการแต่งตั้ง ถ้าเป็นญาติกันตั้งไม่ได้ มันคนละขั้นตอน มันคนละส่วนกัน อันนี้เป็นของกระทรวงกลาโหมเขา
@มีการยื่นเรื่องร้องเรียนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนข้อเท็จจริง 
พล.อ.ประยุทธ์ : จะสอบก็ว่าไป รับเรื่องได้ก็รับ ไม่ได้ว่าอะไร
“บอกแล้วว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ ของเดิมทำไว้ก็ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น ผมเคยเป็น ผบ.ทบ. เคยแต่งตั้งใครเยอะแยะไป”
@เรื่องนี้ต้องแจ้งนายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ 
พล.อ.ประยุทธ์ : จะแจ้งทำไม เป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม เรื่องการแต่งตั้งทดแทน การบรรจุ การเลื่อนยศ การปลด-ย้าย เป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม รัฐบาลมีหน้าที่เพียงเสนอทูลเกล้าฯเรื่องนายพล ต่ำกว่านั้นไม่ใช่หน้าที่ผม ไม่ใช่หน้าที่รัฐมนตรีด้วย เป็นอำนาจของกระทรวงกลาโหม
“ก็รับทราบ ก็เซ็นมา ก็รายงานมา จริง ๆ ไม่ต้องรายงานผม รายงานกระทรวงกลาโหม เขาก็รายงานมาว่า มีการแต่งตั้ง เป็นร้อยคนเลยมั้ง แต่นี่คำสั่งเดียว เล่นตัดตอน ‘จันทร์โอชา’ มาคนเดียว ผมก็เบื่อเหมือนกัน”
@เรื่องนี้ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี เพราะมีนามสกุลจันทร์โอชา 
พล.อ.ประยุทธ์ : จะเกี่ยวกับผมได้อย่างไร จะให้เปลี่ยนนามสกุลหรือไง ทุกคนนามสกุลเดียวกันไม่ได้เหรอ วันนี้ลูกหลานกำลังพลก็บรรจุเข้ามา ถือว่าเป็นลูกหลาน มีความไว้เนื้อเชื่อใจส่วนหนึ่ง เพราะยังไงก็เคยชินกับระบบวินัย ทีนี้พ่อแม่เป็นทหารมันก็มีข้อพิจารณาด้วย ถ้ามาจากพลเรือนล้วน ๆ ก็มีการคัดกรองด้านความมั่นคงอีกที มีการคัดแยก มีการแยกสอบแล้วคุณไม่ไว้ใจผมเหรอ ทหารมีกี่เหล่า กี่หน่วย 
“นี่ชี้แจงเฉย ๆ ไม่ได้ตอบโต้ ไม่ได้แก้ตัวแทนน้อง แทนหลาน แต่ชี้แจงให้เห็นว่า ระเบียบเป็นอย่างไร เพราะเขาใช้มานานเต็มที ไม่รู้สิ ขี้เกียจตอบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร”

อานนท์-จ่านิว-วรรณเกียรติ ปรากฏตัวชุดขาว ไม่กี่นาทีโดนตำรวจคุมตัว

อานนท์-จ่านิว-วรรณเกียรติ ปรากฏตัวชุดขาว ไม่กี่นาทีโดนตำรวจคุมตัว
เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อานนท์ นำภา, สิริวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, วรรณเกียรติ ชูสุวรรณ ตัวแทนจากกลุ่มพลเมืองโต้กลับปรากฏตัวบริเวณทางเดินบีทีเอส อนุสาวรีย์ชัยฯ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเป็นจำนวนมากและกองทัพนักข่าว โดยมีมีประชาชนสวมเสื้อขาวจับกลุ่มยืนอยู่ใกล้เคียงราว 10-20 คน




จากนั้นเกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนต่อว่า แสดงความไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมดังกล่าว โดยระบุว่า เหตุการณ์สงบเรียบร้อยดีแล้วและไม่ต้องการให้พวกเขามาทำกิจกรรมสร้างความปั่นป่วน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจึงกันทั้งสามคนลงมาด้านล่าง จากนั้นก็นำตัวขึ้นรถตำรวจไปยัง สน.พญาไท โดยที่อานนท์เตรียมแถลงการณ์มาอ่าน แต่ไม่ทันได้อ่านแถลงการณ์หรือทำกิจกรรมใดก็ถูกควบคุมตัว รวมเวลาปรากฏตัวเพียงไม่กี่นาที

ชาญวิทย์ไม่รับรธน.

7 August เดือนสิงหา
No krab ไม่รับ

It is a Will of an old man not a Constitution of Thailand...
มีคนกล่าวว่า นี่เป็น พินัยกรรม ของชายชรา 
หาใช่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไม่

ดังนั้น ต้องโหวต No ครับ

เพราะว่า
รัฐธรรมนูญมีชัย ฉบับใหม่ 2559/2016 นี้
ถอยหลังกลับไปฉบัยมีชัยเก่า 2521/1978
คือ กลับไป 38 ปี 
พร้อมทั้งรักษาความเป็น
เผด็จการครึ่งใบ ประชาธิปไตยครึ่งใบ

(ฉบับมีชัยเก่า 2521 
รักษาอำนาจให้เสนาอำมาตย์ได้ 13 ปี 
ทำให้พลเอก เปรม เป็น นรม ได้ถึง 8 ปี

ส่วนฉบับมีชัยใหม่นี้ จะรักษาอำนาจให้เสนาอำมาตย์ ได้กี่ปี 
ก็ไม่ทราบได้ ว่ากันว่ากะจะอยู่กันให้ข้าม 2 ทศวรรษและข้ามรัชสมัย ?)

ดังนั้น สรุป
No is better than Yes
ไม่รับ ดีกว่า รับ ครับ
กา ไม่รับ เพื่อชาติ และประชาชนสัญชาติไทย

ชาญวิทย์@16Apr2016
https://drive.google.com/file/d/0BwQmd3n3_9g1cV9IVmJGN1pzTjg/view

ลูกสาว'วัฒนา'ถอยตั้งหลักที่บ้าน หลังไร้คำตอบปล่อยตัวพ่อ | เดลินิวส์

ลูกสาว'วัฒนา'ถอยตั้งหลักที่บ้าน หลังไร้คำตอบปล่อยตัวพ่อ | เดลินิวส์

ลูกสาว'วัฒนา'ถอยตั้งหลักที่บ้าน หลังไร้คำตอบปล่อยตัวพ่อ ลูกสาว พร้อมทนายส่วน "วัฒนา" บุกทวงคำตอบทหาร ปล่อยตัวพ่อเมื่อไหร่ ลั่นรู้สึกโกรธทหารปฏิบัติไม่ดีกับพ่อ ก่อนถอยทัพตั้งหลักที่บ้าน หลังไร้คำตอบจากคสช. ด้านทนาย ขู่ฟ้องคนกักขังหน่วงเหนี่ยว จ่อร้องอียู 19 เม.ย.ก่อนฟ้องมะกันต่อวันถัดไป 

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลา 15.00 น. ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาวนายวัฒนา เมืองสุข เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความส่วนตัวนายวัฒนา และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และอดีตรมว.คลัง เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าว่าในวันนี้นายวัฒนาจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ 

โดยนายนรินพงศ์ กล่าวว่า เรามาถามความคืบหน้าว่านายวัฒนาจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ หากไม่ปล่อยจะได้เตรียมยาประจำตัวมาให้ พร้อมอยากทราบเหตุผลในการควบคุมตัวเพราะแผ่นปลิวที่ทหารนำมาแจกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น เราไม่สามารถรับได้ เพราะไม่มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร หากจะแจ้งข้อกล่าวหาต้องมีเอกสารที่มีการลงนามอย่างเป็นทางการเพื่อจะได้เตรียมข้อต่อสู้ในทางกฎหมาย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วีรดา ยังได้เตรียมอาหารกล่องเพื่อมามอบให้บิดาในครั้งนี้ด้วย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารหน้าป้อม มทบ.11 ระบุว่าขณะนี้นายวัฒนา กำลังเจรจากับผู้บังคับบัญชาอยู่ ยังไม่ทราบว่าจะหารือเสร็จเมื่อใด จากนั้นเวลา 16.30 น. นายนรินท์พงศ์ และบุตรสาว ได้เดินทางไปถามความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ทหารอีกครั้งว่านายวัฒนาจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ 

โดยนายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า การแสดงความเห็นของนายวัฒนาเป็นสิทธิ แต่การที่ยังไม่ยอมปล่อยตัวออกมากระทั่งเวลานี้ถือเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว และจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป แต่วันนี้ยังไม่ขอแจ้งความอะไร เพราะเรารอคำตอบอยู่ แต่ในวันพรุ่งนี้(19 เม.ย.) จะไปยื่นหนังสือถึงสหภาพยุโรป(อียู) และในวันที่ 20 เม.ย.จะไปยื่นหนังสือต่อสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญต่อไป ขณะที่น.ส.วีรดา กล่าวว่า "ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นคุณพ่อถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน รู้สึกโกรธเหมือนกัน แต่ที่สำคัญ อยากรู้ว่าคุณพ่อปลอดภัยหรือไม่ และวันนี้ที่เรามาขอความชัดเจนตรงนี้ เราไม่ได้มาขอเกินเลย มากกว่าสิทธิมนุษยชนที่ทุกคนได้รับ และก็ต้องฝากให้คุณพ่อดูแลสุขภาพด้วย เพราะคุณพ่อเป็นคนเจ้าโรคอยู่แล้ว" จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางกลับเพื่อติดตามข่าวที่บ้านพักต่อไป.“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/392410