PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รัฐบาลทหารของ"พล.อ.ประยุทธ์"

ที่สุดของ มหกรรม “ชงเองกินเอง” ใน “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” หรือ “สภาคอตั้งหลังตรง” ก็บรรลุเป้าหมาย ที่ไม่พลิกความคาดหมายเท่าใดนัก สุดท้ายคนเข้าป้าย “นายกรัฐมนตรีคนที่ 29” ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากคoชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”คนส่วนใหญ่ไม่ผิดหวังกับผู้นำประเทศ โพลล์ออกมากี่ชุดกี่ชุดก็สนับสนุนแทบทั้งสิ้น

แม้ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จะโชว์ศักยภาพให้เห็นว่าไม่เป็นรองใครเท่าใด ทั้งพฤติกรรม และวาทกรรมที่แสดงออกผ่านรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ก็ดี ในการประชุมสภาคอตั้งหลังตรง ก็ดี ถือว่าเข้าถึงหัวใจคนไทยได้ไม่น้อย แต่ปัญหาจากวันนี้ มันแตกต่างไปจากเดิม
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกรัฐมนตรี ชีวิตจากนี้ไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเปลี่ยนไปแล้ว เพราะจากนี้การเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นบุคคลสาธารณะที่ย่อมจะโดนโจมตีติงได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะ กิน-ขี้-ฉี่-นอน หรือทำอะไรก็ตาม ไม่ต่างไปจากนายกรัฐมนตรีหรือนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
บริบทที่เด็ดขาดแบบทหาร การไม่ปรับทัศนคติต่อสังคม อาจจะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และการบริหารประเทศไม่น้อย การจับตามองถึงการใช้ อำนาจนิยม มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 จะมีมากขึ้นจนเห็นได้ชัด
ยิ่งไปกว่านั้น จากนี้ บุคคลที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับการยอมรับ จากประชาชน สังคมไทยและองค์กรต่างๆ มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะการคาดหวัง ต่อรัฐบาลใหม่ มีอยู่สูงว่าจะสามารถทำได้ดีกว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แน่นอนคุณสมบัติต้องซื่อสัตย์ สุจริต มีฝีมือ ต้องเสียสละ และทำเพื่อประเทศชาติโดยแท้ แล้วถ้าไม่ได้รับการยอมรับล่ะ อะไรจะเกิดสำคัญกว่านั้น นายกฯและรัฐบาลใหม่ต้องยกเลิก “กฎอัยการศึก”
ขนาดวันนี้ยังไม่มีการเลิกกฎอัยการศึก นักท่องเนตก็ยังสามารถเห็นเสียงคัดค้านโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ แบบดุเด็ดเผ็ดมันพอสมควร

ถึงแม้ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” โจรหน้าเหลี่ยม,นักโทษชายที่หนีคำพิพากษาศาลกรณีทุจริต จะประกาศสงบปากสงบคำยุติการเคลื่อนไหว เพื่อให้รู้สึกว่าไม่มีใครขัดขวาง หากพล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.ไม่สามารถนำพาประเทศให้ไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิมได้ ก็ไม่ใช่โดนปัดแข้งปัดขา แต่เพราะไร้กึ๋นไร้ฝีมือมากกว่า
ทว่า วันนี้ประดาแกนนำคนเสื้อแดง ก็ออกมาเรียกร้องให้เลิกกฎอัยการศึก คืนความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย ทั้งยังเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะไร้การตรวจสอบ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายอีกเช่นเคย เพราะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็คงทำหน้าที่เป็นเด็กดี เหมือนอย่างงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ง่ายนัก การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ไม่ปกติ อาจจะไม่ต้องใช้ขั้นตอน ตามวิถีทางระบอบ ประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเข้ามาเป็น ผู้นำประเทศ สำคัญกว่าการเข้ามา เพื่อทำประโยชน์ อันหนึ่งอันใดให้แก่ประเทศ

บทเรียนที่แสนแพงของคนไทย ในยุคที่ได้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นผู้นำประเทศ ยังอยู่ในจิตสำนึก คนไทยเสมอ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ มันเป็นความเจ็บปวดที่ ยากแก่การลืมเลือน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต่างไปจาก “ยิ่งลักษณ์” ล่ะ เวรกรรมประเทศไทย

วรพจน์ แสนประเสริฐ

การวางยาฆ่า ล้างเผ่าพันธุ์ และบางราย "ตายยกครัว" ตามมาตรา 20 ที่ฝังชิปไว้ในมาตรา 8 รธน.มัดตราสัง"ขังตาย" 220 นักเลือกตั้ง ...

การวางยาฆ่า ล้างเผ่าพันธุ์ และบางราย "ตายยกครัว" ตามมาตรา 20 ที่ฝังชิปไว้ในมาตรา 8 รธน.มัดตราสัง"ขังตาย" 220 นักเลือกตั้ง ...

จรัญ พงษ์จีน : ลึกแต่ไม่ลับ รธน.มัดตราสัง"ขังตาย" 220 นักเลือกตั้ง และรายชื่อ′ครม.ตู่1′
ลึกแต่ไม่ลับ / จรัญ พงษ์จีน

เป็นผู้เปิดประเด็น นำร่องว่า "รัฐธรรมนูญปกครองชั่วคราว" พ.ศ.2557 มาตรา 8 และมาตรา 20 กลายเป็นเงื่อนไขพิเศษ มิต่างอะไรกับโซ่ตรวนเส้นใหญ่ จองจำนักการเมือง บ้านเลขที่ 111 และ 109 เต็มสารบบจำนวน 220 คน "ตายสนิท" หมดสิทธิรับตำแหน่ง ทั้ง "สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ-คณะรัฐมนตรี-สภาปฏิรูปแห่งชาติ"

เพราะ ล้วนแต่เข้าข่ายลักษณะ "ต้องห้าม" ตามมาตรา 8(4) ที่ระบุว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (8) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม (9) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดอันกระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ

ซึ่งเมื่อโยงไปถึงมาตรา 20 ในหมวดหมู่ของ "นายกรัฐมนตรี" และ "รัฐมนตรี" ที่บัญญัติว่า "ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8" (4)

2 มาตราของรัฐธรรมนูญปกครองชั่วคราว พ.ศ.2557 จึงเท่ากับว่า บุคคลที่เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาถึง ที่สุดว่าทุจริต และมีคำสั่งให้ยุบพรรค รวมถึงคนที่เคยถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ "กกต." แจกใบแดง ไม่สามารถรับตำแหน่ง ทั้ง 3 แท่งของ "ศูนย์อำนาจใหม่" ได้

และดีไม่ ดี "มาตรา 8 และ 20" ที่เปรียบเสมือน "กรงเล็บ" มีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะเป็นมรดกตกทอด ไปยัง "รัฐธรรมนูญถาวร พ.ศ.2558" เท่ากับเป็นการ "ขังลืม" นักการเมืองอาชีพ 220 คนไปตลอดชีวิต

ทั้งๆ ที่ประชากรบ้านเลขที่ 111 และ 109 ซึ่งส่วนใหญ่มิได้เป็นผู้ก่อการ หรือผู้กระทำผิด ต้องโทษแบนในฐานะ กรรมการบริหารพรรค และโทษคือถูกพิพากษาให้ "เว้นวรรค" คนละ 5 ปี ก็ได้ชดใช้มาจนครบกำหนด "พ้นโทษ" บางคนกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 5" ได้แล้วก็มี
คำพิพากษา ลงโทษให้เว้นวรรค เป็นไปตามกระบวนการของ "รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550" ซึ่ง "คสช." ของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หลัง "ปฏิวัติ-รัฐประหาร" ได้ฉีกทิ้งยัดตะกร้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่กลับกลายเป็นว่า "รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557" และแนวโน้ม "รัฐธรรมนูญถาวร 2558" จับ 220 นักเลือกตั้ง มัดตราสัง "ขังตาย"

ทั้งๆ ที่ ชาว 111 และ 109 จำนวนหนึ่ง ได้แหกด่านมะขามเตี้ย ออกจากเครือข่าย มาอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับ "ระบอบทักษิณ" และบางราย "แอบ" มาช่วยบางภารกิจให้กับ "คสช." จนตัวเองมีชื่อปรากฏว่า จะได้รับเชิญให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีดูแลกระทรวงหลัก-สมาชิกสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ-สมาชิกสภาปฏิรูป เสียด้วยซ้ำ

ที่ชัดเจนที่สุด คือ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ขณะที่คนอื่นๆ ก็ถูกหวยกันถ้วนหน้า อาทิ "สุรเกียรติ์ เสถียรไทย-พินิจ จารุสมบัติ-เนวิน ชิดชอบ-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ-วีระศักดิ์ โควสุรัตน์-สุวัจน์ ลิปตพัลลภ-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์-สมศักดิ์ เทพสุทิน"

ที่จะพากันราพณาสูรมากกว่าใครเขาเพื่อน เห็นจะเป็น พลพรรคชาติไทย มิเพียงแต่ยกตระกูล "ศิลปอาชา" ทั้ง "บรรหาร -กัญจนา-วราวุธ ศิลปอาชา" เท่านั้น คอหอย-ลูกกระเดือก ไม่ว่าจะ "สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล-นิกร จำนง" ล้วนกอดคอกันตายหมู่

การวางยาฆ่า ล้างเผ่าพันธุ์ และบางราย "ตายยกครัว" ตามมาตรา 20 ที่ฝังชิปไว้ในมาตรา 8 "คนบ้านเลขที่" เชื่อว่า มี "มือมืด" สวมวิญญาณ "มือมีด" แอบลักไก่ หมายพิฆาต เพื่อเตะสกัดให้พ้นทางปืน
เหนือสิ่งอื่นใด กรณีที่คิดจะละเว้น ไว้ไมตรี ป้องกันไม่ให้ "คนกันเอง" ไปเป็นศัตรู ยังสามารถแก้ไขปรับปรุงได้ อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ที่ให้ "หัวหน้า คสช." ไว้ครอบจักรวาล เหนือกว่า อำนาจฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติและทางตุลาการ โดยคำสั่งให้ถือว่าเป็นที่สุด เพื่อกำหนดทิศทางปฏิรูปประเทศไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จ

กล่าวคือ "หัวหน้า คสช." หรือ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" จะสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในมาตรา 8 และ 20 หรืออื่นๆ ย่อมกระทำได้ ขึ้นอยู่กับว่า จะชิงลงมือหรือไม่เท่านั้น เพราะการชักเข้าชักออก มีโอกาสจะถูกข้อครหาได้สูง และเสี่ยงเช่นเดียวกัน จึงน่าจะปล่อยเลยตามเลย รอไป "วัดใจ" กันตอนร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ปี 2558

เมื่อเป็นเช่น นี้ เท่ากับว่า "สภานิติบัญญัติแห่งชาติ-คณะรัฐมนตรี-สภาปฏิรูป" ภายในร่มเงาของรัฐธรรมนูญปกครองชั่วคราว 2557 จะปลอดนักเลือกตั้ง ที่เป็นประชากรบ้านเลขที่ 111 และ 109 ร้อยเปอร์เซ็นต์

"สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ที่ถูกวางตัวให้เป็นรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีพาณิชย์มารับภารกิจใหญ่ของประเทศ ดูแลราคาข้าวให้ชาวนา อันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ เป็นอันชวดตำแหน่งแห่งหนอย่างทั้งหมด ที่ตั้งธงไว้ว่าจะปลอบขวัญให้ไปเป็น "ผู้แทนการค้า" มือวางระดับอดีตรองนายกฯ-ว่าที่นายกฯ คงไม่ลดดิวิชั่นไปรับตำแหน่ง เหลือสถานะที่ปรึกษา คสช. ไว้เพียงหนึ่งเดียวย่อมดีกว่า

ส่งผลให้ซีก พลเรือน เหลือ "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" กับ "ณรงค์ชัย อัครเศรณี" โชว์เพา พลังคู่กันสองคน และว่ากันว่า "หม่อมอุ๋ย" ลงตัวเรียบร้อยแล้ว เชนคัมแบ็ก ในตำแหน่งรองนายกฯ ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจทุกระบบแต่เพียงผู้เดียว โดยดึง "อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์" อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ขณะที่ "ณรงค์ชัย" เดิมทียังไม่ลงล็อก เป็นแค่ที่ปรึกษา คสช. กับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ "สนช." แต่เมื่อ "สมคิด" โดนเหลี่ยมมาตรา 8 และ 20 สลบเหมือด หมดสิทธิเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์และอื่นๆ "บิ๊กตู่" จำเป็นต้องส่ง "นมชง-พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ" ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เพื่อนเลิฟร่วมรุ่น ไปเป็น "รมว.พาณิชย์" สืบแทน

ส่วนเก้าอี้ที่คาดหมายเก่าคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน น่าจะเป็น "ณรงค์ชัย" ขึ้นว่าการ
มี ข่าวว่า "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หัวหน้า คสช. จะไม่เร่งคีย์ตีจังหวะ ครม. "ตู่ 1" เป้าหมายเดิมเดือนสิงหาคมจะลงตัวและแล้วเสร็จ อาจจะเลื่อนโปรแกรมไปเป็นกลางกันยายน เพื่อให้สอดรับกับการโยกย้ายในกองทัพ