PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

แกะรอยตระกูล "คุณปลื้ม" กับอำนาจยุค "คสช."

สมจิตต์ นวเครือสุนทร
5 ชม.
แกะรอยตระกูล "คุณปลื้ม" กับอำนาจยุค "คสช."
หลังครม.มีมติแต่งตั้งสองพี่น้องตระกูลคุณปลื้มคือนายสนธยา หัวหน้าพรรคพลังชล และนายอิทธิพล อดีตนายกเมืองพัทยาเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล โดยนายสนธยาผู้พี่รับตำแหน่งกุนซือหรือที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ขณะที่คุณปลื้มผู้น้องคือนายอิทธิพล นั่งแท่นเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ซึ่งหมายถึงว่าเป็นตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีในโควต้าของนายกรัฐมนตรี แสดงถึงความใกล้ชิดจากการแต่งตั้งครั้งนี้ว่าเป็นอำนาจสายตรงที่ต่อท่อมาจากนายกรัฐมนตรี
หมากของ คสช.เกมนี้จึงถือเป็นการเปิดหน้าไพ่ที่ชัดเจนมากขึ้นถึงทิศทางการเมืองที่เตรียมปูฐานไว้สำหรับอนาคต ตอกย้ำว่าข่าวที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯจะตั้งพรรคการเมืองสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ โดยมีพรรคการเมืองตอบรับร่วมงานแล้วคือ พลังชล จึงดูเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่ายังจะมีการแต่งตั้งคนการเมืองจากพรรคอื่นในลักษณะนี้อีกในเวลาอันใกล้นี้
ย้อนมาดู 3 คนสำคัญในตระกูลคุณปลื้มใต้เงา คสช.กันหน่อยว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เริ่มกันที่กำนันเป๊าะ หรือ น.ช.สมชาย คุณปลื้ม นักโทษคดีสนับสนุนให้เจ้าพนักงาน (มีหน้าที่ซื้อทรัพย์) ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตกรณีซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว และคดีร่วมกันใช้จ้างวานให้ผู้อื่นฆ่าคนตาย กรณีจ้างวานฆ่ากำนันยูร หรือนายประยูร สิทธิโชติ ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 30 ปี 4 เดือน ถูกจับกุมวันที่ 30 ม.ค.56
ในยุคที่คสช.บริหารประเทศ มีการออกประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักโทษ กรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง พ.ศ.2560 ลงวันที่ 25 ม.ค.2560
ต่อมามีการประชุมคณะกรรมการพักการลงโทษประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 2/2561 สรุปผลการพิจารณาเห็นชอบให้พักการลงโทษกกรณีปกติ 407 รายและกรณีมีเหตุพิเศษ 2 ราย โดยพล.อ.อ.ประจินต์ จั่นตอง รมว.ยุติธรรม อนุมัติพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ในวันที่ 14 ธ.ค.60
นักโทษสองรายแรกที่ได้รับประโยชน์จากประกาศนี้ประกอบด้วย กำนันเป๊าะ และน.ญ.จันทร์เพ็ญ สืบเม้ย คดีมีและจำหน่ายยาบ้า
โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรงจากโรคมะเร็งระยะสุดท้าย รวมถึงเป็นผู้สูงอายุเกิน 70 ปีขึ้นไปไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงพักโทษเพื่อเป็นการสงเคราะห์ให้นักโทษเด็ดขาดได้รับการดูแลและรับการรักษาพยาบาลที่เหมาะสมตามหลักมนุษยธรรม
ก่อนหน้านี้กำนันเป๊าะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลชลบุรี โดยมีการให้เหตุผลเรื่องของอาการเจ็บป่วย พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าวนานเกือบ 3 ปี กระทั่งวันที่ 1 มี.ค.60 อธิบดีกรมราชทัณฑ์สั่งให้นำตัวกลับมาควบคุมที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ และในที่สุดก็ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ
การพักโทษดังกล่าวทำให้เกิดกระแสข่าวว่ามีการใช้เรื่องนี้ต่อรองทางการเมืองกับพรรคพลังชลแลกกับการหนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาปฏิเสธ
มาถึงนายอิทธิพล ซึ่งเป็นอดีตนายกเมืองพัทยากันบ้าง นายอิทธิพล ครบวาระในตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2559 และหัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่งตั้งพล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี เป็นนายกเมืองพัทยา ก่อนที่นายอิทธิพลจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี
ส่วนนายสนธยา เคยออกมาแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หลังมีโอกาสได้พบกับพล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างการประชุมพบปะพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ให้เหตุผลการแต่งตั้งครั้งนี้ว่า
"ผมจำเป็นต้องมีคนเหล่านี้เข้ามาบ้าง เพื่อมาทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า เอาคนนี้มาเพื่อประโยชน์อะไรของผม มันไม่ใช่ วันนี้ กำลังเดินหน้าไปสู่ตรงนั้น ผมก็ต้องมีคนที่รู้เรื่องเหล่านี้มาให้คำปรึกษาว่าเป็นอย่างไร"
นี่คือเรื่องราวของสามคนในตระกูลคุณปลื้ม ที่เกิดขึ้นในยุค คสช. ส่วนพล.อ.ประยุทธ์กำลังเดินหน้าไปสู่อะไร และจะมีผลกับประเทศชาติอย่างไร เป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตากันต่อไป
////////////

แนวรบ พลังชล

แจ่มจันทร์ชัดเจนแน่นวล ตระกูล“คุณปลื้ม” พร้อมหนุนลุงตู่บริหารประเทศต่อหลังเลือกตั้งต้นปี 2562 ...
รัฐบาลตั้งสนธยา พี่ใหญ่ เป็นที่ปรึกษานายกฝ่ายการเมือง ส่วนน้องอิทธิพล อดีตนายกเมืองพัทยาเป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.ท่องเที่ยว...
พรรคพลังชล ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 เป็นครั้งแรก มีหมายเลขประจำพรรคคือ หมายเลข 6 และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 7 คน แบ่งเป็นระบบแบ่งเขต 6 คน (จังหวัดชลบุรีทั้งหมด) และแบบบัญชีรายชื่อ 1 คน ได้แก่
1. สันต์ศักด์ จรูญ งามพิเชษฐ์ แบบบัญชีรายชื่อ
2. สุชาติ ชมกลิ่น ชลบุรี เขต 1
3. อุกฤษณ์ ตั๊นสวัสดิ์ ชลบุรี เขต 2
4. รณเทพ อนุวัฒน์ ชลบุรี เขต 3
5. พันธุ์ศักดิ์ เกตุวัตถา ชลบุรี เขต 5
6. สุกุมล คุณปลื้ม ชลบุรี เขต 6
7. ประเมศร์ งามพิเชษฐ์ ชลบุรี เขต 7

อดีตผอ.เอฟบีไอสับเละ “ทรัมป์ไม่เหมาะเป็นปธน. จริยธรรมย่ำแย่ จอมโกหกมดเท็จ”

อดีตผอ.เอฟบีไอสับเละ “ทรัมป์ไม่เหมาะเป็นปธน. จริยธรรมย่ำแย่ จอมโกหกมดเท็จ”
นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการของสถานีโทรทัศน์เอบีซี เมื่อวันอาทิตย์ (15 เม.ย.) ว่า “ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำประเทศ โดยเฉพาะในเชิงศีลธรรมจรรยา”
โคมีย์ ซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนพ.ค. ปีก่อน กล่าวว่า “ทรัมป์พูดถึงและปฏิบัติกับผู้หญิงเหมือนพวกเขาเป็นของเล่น” และ “โป้ปดทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ไม่หยุดหย่อนแล้วเรียกร้องให้ประชาชนอเมริกันเชื่อถือ” รวมถึง “การทำงานให้กับรัฐบาลของทรัมป์นั้นสุ่มเสี่ยงในเรื่องจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
ทั้งนี้ คำสัมภาษณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ก่อนโคมีย์จะเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของเขาในวันอังคาร (17 เม.ย.) ซึ่งสื่อสหรัฐฯ บอกว่ามีเนื้อหาหลักวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์
ด้านทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ก่อนรายการออกอากาศในวันอาทิตย์ว่า “เจมส์ โคมีย์ จอมเจ้าเล่ห์ ชายผู้มีจุดจบเลวร้ายอยู่เสมอ ... จะลาลับในฐานะผู้อำนวยการเอฟบีไอที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์”
“ผมแทบจะไม่รู้จักชายคนนี้ (โคมีย์) ก็แค่อีกหนึ่งคำโกหกพกลมเท่านั้น” อีกหนึ่งข้อความที่ทรัมป์โพสต์บนทวิตเตอร์

ปฏิกริยา

ประสิทธิ์ชัย หนูนวล
1 ชม.
ประเทศมีแต่จะถอยหลัง ภายใต้การเข้ามาของทหาร
ผมเขียนตอนเริ่มต้นรัฐประหารว่า คราวนี้ทำรัฐประหารได้อย่างแนบเนียนและร้ายลึกที่สุด
นับวันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น นับตั้งแต่ตั้งสภาปฏิรูปมาแล้วไม่ปฏิรูปแมวอะไรเลย เป็นเพียงบริหารความหวังและสร้างภาพกับประชาชน
สิ่งเดียวที่รัฐบาลทหารกระทำคือ ออกกฎหมายและนโยบายเอื้อกลุ่มทุน ทั้งยุทธศาสตร์ชาติ EEC นโยบายประชารัฐที่ให้กลุ่มทุนเข้ามาเขียนนโยบาย
ที่บอกว่าเข้ามาเพื่อรักษาความสงบและ ปฏิรูปประเทศนั้นได้ดำเนินการทำอะไรบ้าง ผลงานด้านการเกษตรก็สมควรได้สมญาว่า 'ออกเปรต'
คนที่ทำผลงาน 'ออกเปรต'ก็มักจะสะสมพรรคพวกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่นนั้นแล้วพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เริ่มเผยธาตุแท้ออกมาว่าจะสืบทอดอำนาจ ภายใต้กลไกที่วางไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นอกจากนี้ก็ต้องสะสมกลุ่มการเมืองเอาไว้เป็นฐานเสียงนอกจาก สว.๒๕๐คนที่แต่งตั้งมาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
การสะสมกลุ่มการเมืองก็เดินหน้าหยิบยืมตระกูล คุณปลื้ม ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าไปคุยกับตระกูล สะสมทรัพย์ และคงติดต่อกลุ่มการเมืองอีกหลายกลุ่ม
ประเด็นสำคัญคือ ประเทศยังคงติดกับวังวน ออกไปไหนไม่ได้ภายใต้โครงสร้างทางการเมืองแบบที่วางไว้ในรัฐธรรมนูญ ผู้กุมอำนาจรัฐบาลจึงไม่อาจเป็นที่พึ่งของประชาชน
ประชาชนจึงต้องเร่งสร้างรูปแบบการพัฒนาของตัวเอง
ก่อนที่รัฐบาลจะสร้างกฎหมายให้กลุ่มทุนยึดประเทศนี้ไป ภายใต้การเอื้ออำนวยและประโยชน์ร่วมของผู้ถืออำนาจรัฐ
ความหวังของพลเอกประยุทธ์และคณะ
คงอยากกุมอำนาจต่อไป แต่คราวหน้าต้องใส่เสื้อประชาธิปไตย (ปลอม) เพื่อป้องกันไม่ให้คนออกมาขับไล่
และความหวังนี้แน่นอนมีผู้ผลักดันกลุ่มใหญ่ที่จะได้ประโยชน์จากการที่พลเอกประยุทธ์ได้สืบทอดอำนาจ

(data)คสช.แถลงผล เดินหน้าปราบปราม-กวาดล้างผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ

คสช.แถลงผล เดินหน้าปราบปราม-กวาดล้างผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ



คสช.ระบุเดินหน้าปฏิบัติการร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ปกครอง กวาดล้างผู้มีอิทธิพล อาชญากรรม สิ่งผิดกฎหมาย ดูแลสุจริตชนให้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข

วันนี้ (13 พฤษภาคม) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก คสช. ยังคงเดินหน้างานรักษาความสงบเรียบร้อย จัดระเบียบสังคม และป้องปรามอาชญากรรมและสิ่งผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ได้เข้มงวดในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเป็นการทำงานร่วมกันของฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2559 เรื่อง “การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” โดยได้ปฏิบัติการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลมาแล้วในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดนครปฐม สระแก้ว ลำพูน เป็นต้น สำหรับในช่วง 9-12 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคได้จัดกำลังร่วม 3 ฝ่ายกวาดล้างอาชญากรรมและสิ่งผิดกฎหมายตามแนวทางดังกล่าวในหลายพื้นที่ ได้แก่

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1 เข้าปฏิบัติการ 7 ครั้ง ในพื้นที่ 5 อำเภอ ใน จ.กาญจนบุรี และ อ.แหลมงอบ จ.ตราด จับผู้ต้องหาได้ 8 คน ยึดยาบ้า ยาไอซ์ อาวุธปืน ไม้ผิดกฎหมายได้จำนวนหนึ่ง กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 เข้าปฏิบัติการ 7 ครั้ง ในอำเภอ อ.สว่างแดนดิน อ.คำตากล้า จ.สกลนคร, อ.หนองสูง อ.เมือง จ.มหาสารคาม, อ.ท่าลี่ จ.เลย, อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู และ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ จับผู้ต้องหาได้ 7 คน ของกลางเป็นยาบ้า ไม้พะยูง และไม้หวงห้ามอื่นๆ จำนวนหนึ่ง

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 3 เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน และยาบ้าจำนวนหนึ่ง


กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4 เข้าปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมและสิ่งผิดกฎหมาย 5 ครั้ง ใน อ.เมือง อ.โมถ่าย และ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.เมือง จ.พัทลุง จับผู้ต้องหา 4 คน ยึดพืชกระท่อมและอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุนได้จำนวนหนึ่ง

และล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ากวาดล้างอาชญากรรมและสิ่งผิดกฎหมายใน จ.สมุทรปราการ ยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนได้จำนวนหนึ่งตามที่ปรากฏเป็นข่าวในวันนี้

ซึ่งผู้ต้องหาและของกลางที่ยึดได้จากปฏิบัติการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ได้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับจะนำข้อมูลไปขยายผลในงานด้านความมั่นคงต่อไป

คสช.ขอเรียนว่าปฏิบัติการตรวจค้นในพื้นที่ต่างๆ ดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ซึ่งปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ข้อมูลที่ได้ผ่านการกลั่นกรองอย่างรอบด้าน โดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับจากการร้องเรียนของประชาชนที่เดือดร้อน ที่ถูกข่มขู่ และที่ได้รับผลกระทบจากพฤติการณ์ของผู้มีอิทธิพล ทั้งนี้ คสช. มุ่งหวังให้ปฏิบัติการนี้สร้างความปลอดภัยและดูแลสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือถูกกดดันจากผู้มีอิทธิพลใดๆ และที่ผ่านมาปฏิบัติการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากสุจริตชน ซึ่ง คสช.โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจะยังคงเดินหน้าปราบปรามผู้มีอิทธิพลและสิ่งผิดกฎหมายในทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่องต่อไป

(data)เปิดปฏิบัติการ “นครปฐมร่มเย็น” ทหาร-ตร. จู่โจมค้นบ้านสามพี่น้องตระกูล “สะสมทรัพย์”

เปิดปฏิบัติการ “นครปฐมร่มเย็น” ทหาร-ตร. จู่โจมค้นบ้านสามพี่น้องตระกูล “สะสมทรัพย์”


เมื่อเวลา 06.00น.วันที่ 3พฤษภาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นำกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กว่า300นาย เปิดปฏิบัติการ “นครปฐมร่มเย็น” เข้าบุกค้นที่พักของกลุ่มผู้มีอิทธิพล เกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม ยาเสพติด ฮั้วประมูล ในพื้นที่จ.นครปฐม 12จุด ในเขตอ.เมือง กำแพงแสน ดอนตูม สามพราน นครชัยศรี เบื้องต้นพบอาวุธสงคราม สัตว์ป่าคุ้มครอง(เสือ)
จากนั้นเวลา 09.50น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมด้วย พล.ต.วิจารณ์ จดแตง พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายคสช. นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่5 หมู่1ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่ตั้ง หจก.ส.โชคอนันต์ชัย ของนายชำนาญ นัดสูงวงศ์ อายุ 38 ปี กำนันตำบลบางแก้วฟ้า และนายบุญส่ง นัดสูงวงศ์ อายุ59ปี สจ.เขตนครชัยศรี บิดานายชำนาญ โดยเจ้าของสถานที่ได้นำเอกสารหลักฐานรถ และปืน มาแสดง ยืนยันว่าทั้งปืนและรถมีเอกสารถูกต้อง ตนเป็นกำนันมา30ปี รับใช้บ้านเมืองไม่เคยทำผิดกฎหมาย และสอนลูกหลานให้ทำให้ถูกต้อง
ต่อมาเวลา 10.40น. นำกำลังไปตรวจสอบ บ้านในอ.เมือง เนื้อที่ 8ไร่ แบ่งเป็นปั๊มน้ำมันและบ้านพัก 3หลังของตระกูลสะสมทรัพย์ พบนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตรมว.แรงงาน นายอนุชา สะสมทรัพย์ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยและครอบครัว พบอาวุธปืนจำนวนมาก กว่า 70กระบอก ส่วนใหญ่มีเอกสารถูกต้อง โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ นำกำลังเข้าตรวจสอบภายในบ้านนายอนุชา โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบ้าน
โดยนายเผดิมชัย พี่คนโตตระกูลสะสมทรัพย์ กล่าวว่า ไม่ขอชี้แจงอะไร นาทีนี้อยู่ในสถานะไม่ควรพูด ใครทำอะไรก็เป็นไปตามกรรม พวกตนเชื่อว่าทำดี ไม่ได้ทำผิด การเข้าค้นของทหาร ตำรวจและปกครองครั้งนี้มองว่าเป็นความผิดพลาดของข่าวกรอง หากงานข่าวกรองยังทำงานแบบนี้ต่อไปจะไม่มีคนดีของแผ่นดิน
ด้านนายอนุชา กล่าวว่า ปืนทั้งหมดเป็นของสะสมตั้งแต่ยังหนุ่ม อย่ามองอย่าพูดว่านี่คือคลังแสงคลังอาวุธ
จากนั้น รองผบ.ตร.นำกำลังไปยังบ้านสะสมทรัพย์ เลขที่ 211/2 อ.เมืองนครปฐม ของนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พบนายไชยา สวมเสื้อยืด กางเกงแพร ถือไม้เท้า พร้อมนางจุไร สะสมทรัพย์ ภรรยาภายในบ้านพบอาวุธปืน นกหลายชนิด เต่า สัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวน เจ้าหน้าที่ส่งกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)ตรวจสอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่คสช.พบการลักลอบลักใช้ไฟฟ้าสาธารณะต่อพ่วงกับเสาไฟสปอตไลท์ในบ้าน หลายจุด พบการลักลอบตั้งสถานีวิทยุโดยไม่มีใบอนุญาต โดยรองผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีทั้งนี้นายไชยา มีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ
นางจุไร กล่าวเพียงว่า การต่อสายไฟเข้าบ้านเป็นการดำเนินการของช่างที่กำลังต่อเติมบ้าน
จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.ดอนพุดทรา อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ของนายชัยพร วิจิตรโสภณ หรือเสี่ยเหลียง พบว่าพื้นที่มีการทำคล้ายสวนสัตว์ จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบเสือ 102 ตัว สิงโต 5 ตัว นกเงือก เต่า โดยลูกเสือไม่มีใบอนุญาต 8ตัว

นายชัยพร กล่าวว่า จะเปิดสวนสัตว์ เริ่มทำตั้งแต่ปี2549 ตนชอบเสือ ถนัดเลี้ยงดูจะเปิดสวนเสือ สัตว์ส่วนใหญ่หามาอย่างถูกต้องมีใบอนุญาต โดยตัวที่ไม่มีใบอนุญาต น่าจะเป็นความบกพร่อง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ค้นอีกหลายจุดเครือข่ายนายไชยา โดยขณะนี้รอรวบรวมของกลางและผู้ต้องหา ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา และนำมาแถลงข่าว ที่ บช.ภ.7 จ.นครปฐม
อย่างไรก็ตามเป้าหมายการตรวจค้นในครั้งนี้หลายจุด รวมถึงกลุ่มบุคคลที่เข้าค้นเป็นกลุ่มเดียวกับที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)เปิดยุทธการปฐมเจดีย์ ตรวจค้นจับกุมไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2558
S__9658425
S__9658424
S__6815758

S__9666564
S__9666565

เสือที่เลี้ยงไว้ในบ้านพักของ นายชัยพร วิจิตรโสภณ หรือเสี่ยเหลียง
เสือที่เลี้ยงไว้ในบ้านพักของ นายชัยพร วิจิตรโสภณ หรือเสี่ยเหลียง

ดึง2พี่น้องตระกูล "คุณปลื้ม" ช่วยงานรัฐบาลคสช. ตั้ง "สนธยา" ที่ปรึกษานายกฯ


ดึง2พี่น้องตระกูล "คุณปลื้ม" ช่วยงานรัฐบาลคสช. ตั้ง "สนธยา" ที่ปรึกษานายกฯ ชง "อิทธิพล" ผู้ช่วยรมต.ท่องเที่ยว
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล อดีตรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการตามขั้นตอน และเป็นมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้วจึงมีมติออกมาและการแต่งตั้งนายสนธยา เพื่อมาเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็จำเป็นต้องมีคนเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
"ไม่ได้จะตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันนี้จะต้องเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องมีคนมาให้คำปรึกษาว่าการเมืองทำอย่างไร ส่วนนายสนธยาจะลาออกจากหัวหน้าพรรคหรือไม่ ไม่ทราบ อีกทั้งยังรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา ยังได้เสนอนายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้วย"
โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ได้รังเกลียดนักการเมือง ส่วนจะตั้งใครมาเพิ่มอีกหรือไม่ก็ต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสม
---
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ได้แต่งตั้งให้นายสนธยา คุณปลื้ม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง มีผลตั้งแต่วันนี้ (17 เม.ย.)
วันนี้(17เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม.สัญจร จ.จันทบุรี ในระหว่างวันที่ 5-6 ก.พ.นั้น นายสนธยา หัวหน้าพรรคพลังชลได้นำทีมอดีต ส.ส.ไปพบกับคณะของนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งกลุ่มมัชฌิมาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งมีอดีต ส.ส.อยู่ในจังหวัดสุโขทัย ชัยนาท และราชบุรี ท่ามกลางกระแสข่าวว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีความพยายามรวบรวม อดีต ส.ส.เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองที่จะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นอกจากนั้น พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่าได้เห็นชอบแต่งตั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยาเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
--                                                  
"แกนนำพลังชล" โอ่ "สนธยา-อิทธิพล" เหมาะ ช่วยงาน "พล.อ.ประยุทธ์"
           17 เมษายน 2561 นายสันต์ศักดิ์ จรูญ งามพิเชษฐ์ ที่ปรึกษาพรรคพลังชล ระบุ ถือเป็นเรื่องดี ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้ง นายสนธยา คุณปลื้มหัวหน้าพรรค เป็นที่ปรึกษานายกฯ และ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสันต์ศักดิ์ ยืนยันว่า บุคลากรของพรรคที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีประจำกระทรวง และเป็นบุคลกรที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาพื้นที่เข้าไปช่วยงานของรัฐบาล ทั้งการให้ข้อมูลที่ถูกทางและเหมาะสมต่อการพัฒนาในด้านต่างๆ ต่อไป
          "วันนี้เมื่อเราสามารถช่วยงานของรัฐบาลได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ซึ่งคุณสนธยา หรือ คุณอิทธิพลเองถือเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นเชื่อว่าจะสะท้อนความเห็นในด้านที่เป็นประโยชน์ได้ และประเด็นสำคัญที่อาจต้องผลักดันต่อไปคือ การพัฒนาเขตเศรฐกิจพิเศษ , การท่องเที่ยว รวมไปถึงการปฏิรูปที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พัฒนาและปฏิรูปได้จริง" นายสันต์ศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามถึงการถูกดึงตัวไปช่วยงานรัฐบาลหมายถึงการยอมให้พรรคพลังชลรวมกับพรรคของรัฐบาลในอนาคตใช่หรือไม่ นายสันต์ศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการเมืองตนยังตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคตและหากจะมีโอกาสดังกล่าวมาถึงต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความเหมาะสม​ ขณะที่การเคลื่อนไหวของพรรคต่อการยืนยันสมาชิกพรรค ล่าสุดยังอยู่ระหว่างดำเนินการและยังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคใด.
--

พลังชลกั๊ก จับมือ ชทพ. เป็นพันธมิตร ระบุขอรอชัดวันเลือกตั้งก่อน

พรรคพลังชล กั๊กจับมือ ชาติไทยพัฒนา เป็นพันธมิตรสู้ศึกเลือกตั้ง ส่วนจะหนุนใครนั่งนายกฯ บอกยังมีเวลาอีกนาน ขอรอชัดเจนวันเลือกตั้งก่อน...
เมื่อวันที่ 4 มี.ค.61 นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวถึงการยื่นขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่วันแรกมีถึง 42 พรรคว่า ถือเป็นสิ่งที่สวยงามในระบอบประชาธิปไตย เป็นการทำตามกติกาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แต่รายละเอียดยังมีขั้นตอนที่แต่ละพรรคต้องทำอีกมาก เช่น เรื่องสมาชิกพรรค จำนวนสาขาพรรค เพื่อให้ได้รับการรับรองเป็นพรรคการเมืองอย่างสมบูรณ์ ส่วนวันที่ 28 มี.ค. ที่ กกต.จะเชิญพรรคการเมืองเดิม มาประชุมชี้แจงทำความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ ก่อนจะเริ่มดำเนินการเรื่องสมาชิกพรรคในวันที่ 1 เม.ย.นั้น อะไรที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม พรรคพลังชลยินดีให้ความร่วมมือ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันระหว่าง กกต.กับพรรคการเมือง
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวพรรคพลังชลเตรียมจับมือเป็นพันธมิตรการเมืองกับพรรคชาติไทยพัฒนาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายสุระตอบว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ได้มีการเจรจาพูดคุยกัน เวลานี้ คสช.ยังห้ามไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม จึงยังบอกไม่ได้ว่าใครจะไปรวมกับใคร หรือจะสนับสนุนผู้ใดผู้หนึ่งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องรอให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อน ยังมีเวลาอีกนาน อีกทั้งขอให้มีความชัดเจนอย่างแท้จริงก่อนว่าการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงใดแน่ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยมาหารือพูดคุยกัน.

--
ปชป.-พลังชลตบเท้าพบ บิ๊กตู่ร่วมประชุมผู้นำท้องถิ่น ชงพัฒนาภาคตะวันออก ปัดคุยการเมือง
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบุรี อ.เมือง จ.จันทบุรี ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.จะเดินทางมาเป็นประธานร่วมประชุมพบผู้นำท้องถิ่นของจันทบุรี โดยมีบรรดานักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น อาทิ นายทรงยศ เทียนทอง นายกฯอบจ.สระแก้ว จำนวน 41 คนในพื้นที่ภาคตะวันออกมาร่วมประชุมด้วย อาทิ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ นายธารา ปิตุเตชะ พร้อมด้วยอดีตส.ส.ในจังหวัดระยอง รวมทั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล พร้อมสมาชิกพรรคพลังชลที่อยู่ในพื้นที่ชลบุรี อาทิ นายวิทยา คุณปลื้ม และนายสันตศักย์ จรูญงามพิเชษฐ์
โดยนายสนธยา กล่าวว่า การเดินทางมาร่วมประชุมร่วมกับนายกฯในครั้งนี้เพื่อพยปะพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาท้องถิ่นในภาคตะวันออก ซึ่งมีทั้งหมด 8 จังหวัดในภาคตะวันออก โดยจะมีการนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งหมดจะต้องมีการเชื่อมโยงกับท้องถิ่นโดยในพื้นที่ได้มีการติดตามเรื่องกรออกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกซึ่งมีทั้งหมด 168 โครงการ งบประมาณพันๆล้านบาท รวมทั้งในพื้นที่จ.จันทบุรีและตราด ซึ่งนอกจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจด้านท่องเที่ยว ชายฝั่งทะเลและการเกษตร รวมถึงการส่งเสริมอัญมณี ผลไม้ จึงอยากให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องการขนส่งขนาดใหญ่ โดยไม่จำเป็นต้องมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ขอให้มีรถไฟรางคู่ เพื่อใช้ขนคนและสินค้าการเกษตร เพื่อรองรับอีอีซี
นายสนธนา กล่าวยืนยัน การร่วมประชุมร่วมกับนายกฯจะไม่มีการพูดเรื่องการเมือง เกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าพรรคการเมืองมีความอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ด้านนายสาธิต กล่าวว่า การเข้าหารือกับนายกฯจะไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง จะพูดคุยเรื่องการพัฒนาในพื้นที่ภาคตะวันออกจึงอยากให้รัฐบาลได้ดำเนินการ ในส่วนของจ.จันทบุรีและตราด ซึ่งเป็นพื้นที่เรื่องการท่องเที่ยว เกษตรและโรงงานอุตสาหกรรมโดยโครงการต่างๆที่ลงไปทั้ง 2 จังหวัด อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม เหมือรสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลที่ใช้คณะกรรมการกลางเข้ามาดูแล จึงอยากให้สารต่อตรงนี้ รวมถึงอยากให้ปฏิรูปเรื่องการศึกษา เพราะถือเป็นพื้นที่พิเศษที่ควรจะเข้ามาให้ความสำคัญ
/////

"บิ๊กตู่" ปัดพบ "เผดิมชัย" ไร้ดีลการเมือง บอกคนเยอะหากดีลจริงไม่ทำแบบนี้ แจงแค่ไปตีกอล์ฟ เผยแค่ฝากให้ดูแลปชช.พร้อมลั่นเป็นนายกฯต้องไปได้ทุกที่ อย่าหยิบมาโจมตี

(29ธ.ค.60) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายนายกฯร่วมกับคนในตระกูล "สะสมทรัพย์"ผ่านเฟซบุ๊กว่า สำหรับตนไปไหนมาไหนก็ได้ในทุกจังหวัด ตนพร้อมไปทุกที่ หรือใครจะมาพบตนก็พร้อมพบ แต่มาแล้วไม่ใช่มองว่าพบเพื่อการเมือง เรื่องดีลต่างๆ 
    "ยืนยันว่าผมไม่ได้ดิลอะไรกับใคร ทุกวันนี้ผมมีหน้าที่ในการทำให้ประเทศมีความมั่นคงแข็งแรง วันข้างหน้าใครจะอยู่พรรคไหน อย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน เลือกตั้งก็ไปเลือกของท่าน เมื่อท่านเข้ามาท่านจะอยู่กับใครก็เป็นเรื่องของท่าน จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลหรืออยู่กับฝ่ายค้านผมไม่รู้ เพราะผมยังไม่ได้เข้าไปอยู่ตรงนั้นเลย แล้วผมจะไปดิวอะไรกับใครใช่หรือไม่"
 
    นายกฯกล่าวว่า วันนี้เห็นมีรูปออกมาหน้าสื่อสิ่งพิมพ์กับคนนั้นคนนี้ ตนก็ถ่ายได้กับทุกคน ใครอยากถ่ายกับตนก็ให้หมดไม่เห็นหรือ ตนถ่ายมาไม่รู้กี่รูปแล้ว ทุกคนขอถ่ายตนก็ให้ถ่าย ตนจะรังเกียจเขาได้หรือไม่ ถ้าเขาไม่ขอแล้วตนไปเสนอตัวไปให้เขาถ่ายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนไม่เคยไปเสนอตัว เขาขอตนให้ถ่าย และไม่ว่าจะใครมาขอถ่ายตนก็ให้ถ่ายร่วมได้ทั้งนั้น อย่าไปมองว่าเป็นการตกลง หรือเป็นการดีลกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นตนคงไม่ต้องไปไหนกันแล้ว
 
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้การที่ตนเดินทางไปในพื้นที่จังหวัดต่างๆนั้น ต้องการไปดูว่าทุกพื้นที่ว่าเป็นอย่างไรในแต่ละจังหวัด แล้วเมื่อมีคนเขามารับจะเป็นนักการเมือง หรือไม่ใช่นักการเมืองเขาอยากมารับก็มาไม่ได้ว่าอะไร จะไปมีดีลอะไร ตนยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
 
    "แต่สิ่งที่ผมพูดกับพวกเขาคือ วันข้างหน้าช่วยดูแลประเทศชาติหน่อย ไม่ว่าใครก็ตามที่จะเข้ามาสู่การเมืองขอให้ไปทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ทำให้ประชาชนมีความสุข และไว้วางใจ เพราะวันนี้เป็นปัญหาของนักการเมือง ไม่ใช่ปัญหาของผม และยิ่งมาว่าผมมากๆเข้า ผมก็ว่าเขาไม่มีอะไรจะดีขึ้น และเขาต้องไปแก้ที่ตัวของเขาเอง ไม่ใช่มาโจมตีผม และขอถือโอกาสอธิบายรูปภาพที่ออกมาว่า ผมไปถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้ อย่าคราวที่แล้วไปที่จ.สุโขทัย เขาก็มารับแล้วจะให้ผมทำอย่างไง จะให้ไล่เขาไปเหรอ ผมไปที่ไหนเขาก็มาหา เขารู้ว่าผมมา เขาอยู่ในพื้นที่เขาก็ต้องมาหามาพูดคุย ซึ่งพูดคุยเรื่องทั่วไป เรื่องประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างไร ผมก็ได้แต่ขอร้องว่าช่วยกันดูแลประชาชนให้ดี สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเอง ถ้าวันข้างหน้าจะกลับเข้ามาสู่การเมือง ต้องเป็นการเมืองที่มีธรรมาภิบาล ผมพูดกับทุกคนที่เป็นนักการเมือง พูดแค่นี้มันผิดตรงไหน" นายกฯกล่าว
 
    เมื่อถามว่า สรุปแล้วไปพบคนตระกูลสะสมทรัพย์เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า "จำไม่ได้นานมาแล้ว ผมไปเล่นกอล์ฟ มีคนบอกว่าจังหวัดมีสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดแถมได้รางวัลก็อยากรู้ว่าสนามกอล์ฟนั้นดีแค่ไหน เพราะเราไม่เคยไปตรงนั้นเลย ก็อยากไปดูเขาหน่อย พื้นที่ใครก็ยังไม่รู้เลย ซึ่งตนก็ว่าสวยงาม แต่ความจริงคนกลุ่มนี้มาอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเจ้าของด้วย สัปดาห์หนึ่งเขาก็จะมานั่งที่สนามกอล์ฟแห่งนี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ และตอนที่จองก็ให้คนอื่นไปจองเท่านั้นเอง แหม่..คนตั้งเยอะแยะจะไปดีลอะไรกันตรงนั้น และถ้าผมจะไปดีลกับใครก็คงไม่ทำแบบนี้ให้คนเห็น แล้วทำไมจะต้องไปดีลล่ะ
     
    ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่บังเอิญสถานการณ์ช่วงนี้มีกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อหลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อย่าไประแวงผมสิ เพราะผมบอกมาตลอดว่าผมเป็นรัฐบาลที่จะไปไหนก็ได้ ไม่ใช่ตรงนี้จังหวัดนี้ไปไม่ได้ แล้วถ้าผมไปไม่ได้ ประชาชนจะเข้าถึงผมได้อย่างไร เพราะวันนี้ไม่มีส.ส.ไม่มีอะไร ผมก็ต้องเป็นคนที่ต้องไปถึงประชาชน ข้าราชการก็ต้องเข้าถึงประชาชนทำหน้าที่แทนนักการเมือง อย่างวันนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีจิตอาสา รัฐบาลมีอาสาสมัคร ข้าราชการทุกคน รวมถึงอปท. ต้องไปดูแลประชาชนแทนให้ใกล้ชิดมายิ่งขึ้น ทุกฝ่ายต้องการสร้างการเรียนรู้ประชาชนให้มากขึ้นและทุกคนต้องพัฒนาตัวเองว่า เราจะรวมพลังกันอย่างไรในการพัฒนาประเทศให้พ้นจากความยากจน ซึ่งปีหน้ามาตรการใหม่ๆจะลงไปในพื้นที่"
--------

“ภาพลับ” ที่สนามกอล์ฟ “นครปฐม” ตกถึงมือ วัฒนา เมืองสุข ได้อย่างไร

วันที่ 30 ธันวาคม 2560 - 07:59 น.


มีความลึกลับ ซับซ้อน ดำรงอยู่อย่างยากที่จะปิดบังได้ กรณีการพบระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ คนในตระกูลสะสมทรัพย์ ที่สนามกอล์ฟนิกันติ นครปฐม

เริ่มตั้งแต่เป็นเรื่อง “บังเอิญ” จริงหรือ

เป็นไปได้หรือที่บุคคลระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่รู้ว่าสนามกอล์ฟนิกันติเป็นของใคร

อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นใคร

ไม่เพียงแต่จะดำรงตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” หากแต่ยังดำรงตำแหน่งเป็น “หัวหน้าคสช.” จึงได้มีบุคคลระดับ”ผู้ช่วยผบ.ทบ.”ตามไปด้วย

เว้นก็แต่ทั้ง “นายกรัฐมนตรี”และ”หัวหน้าคสช.”จะ”ไร้เดียงสา” อย่างยิ่งในด้าน “การข่าว”

ยิ่งกว่านั้น หากตรวจสอบผ่าน “ถ้อยแถลง” ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ยิ่งน่าสงสัย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำไม่ได้ว่าเป็นเมื่อไรเพราะ “นาน มาแล้ว”

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นบุคคลในตระกูลสะสมทรัพย์หรือไม่ “เพราะเดินมาทีหลังแล้วนายกฯเรียกมาถ่ายรูปด้วยกัน”

ทั้งยังปฏิเสธการมีอยู่ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า “ผมไม่เห็น”

แต่ที่ดูเหมือนทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ฉัตร ชัย สาริกัลยะ ไม่ถือเป็นประเด็นสำคัญอะไรก็คือ เหตุใดภาพนี้จึง ปรากฏต่อ”สาธารณะ”

กระทั่งถึงมือของ นายวัฒนา เมืองสุข


ไม่ว่าจะเป็นการพบกับคนของพรรคชาติไทยพัฒนาระหว่างเดินทางไปสุพรรณบุรี

ไม่ว่าจะเป็นการพบกับคนของพรรคชาติพัฒนาที่โคราช

ไม่ว่าจะเป็นการพบกับคนของกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยทีสุโขทัย และล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นการพบกับคนของตระกูลสะสมทรัพย์ที่นครปฐม

เชื่อได้เลยว่ารายละเอียดจะค่อยๆ”หลุด”ออกมาเป็นลำดับ

เพราะมีบุคคลระดับ “นายกรัฐมนตรี”และ”หัวหน้าคสช.”มาเป็น “ตัวละคร”สำคัญ