นายกฯ อังกฤษปัด ไม่ได้ตัดสินใจโจมตีซีเรียตาม “คำสั่งทรัมป์”
วานนี้ (16 เม.ย.) นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวต่อรัฐสภาว่าการตัดสินใจร่วมมือกับสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ปฏิบัติการโจมตีซีเรีย ไม่ได้เกิดขึ้นตามคำสั่งจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แต่เพราะ “มันเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทำ”
“เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะประธานาธิบดีทรัมป์บอกให้เราทำ” นางเมย์กล่าว “แต่เพราะมันเป็นผลประโยชน์ชาติที่จะปกป้องการใช้อาวุธเคมีในซีเรียในอนาคต และรักษาฉันทามติโลกที่ระบุว่าอาวุธเหล่านี้ไม่ควรถูกนำมาใช้จนเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะที่ซีเรียหรือที่ไหนก็ตาม”
เมื่อถูกถามถึงจำนวนครั้งที่ซีเรียใช้อาวุธเคมีนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา นางเมย์ตอบว่า “หลายครั้ง” พร้อมเสริมว่าสหราชอาณาจักรเห็นพ้องกับฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ว่า “ไม่เพียงเป็นความถูกต้องทางศีลธรรมแต่ยังเป็นความถูกต้องทางกฎหมาย ที่จะปฏิบัติการเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากทางมนุษยธรรม”
อย่างไรก็ดี ชาวอังกฤษในกรุงลอนดอนได้ออกมาชูป้ายประท้วงการตัดสินใจร่วมโจมตีซีเรียของรัฐบาล โดยผู้ประท้วงรายหนึ่งชี้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอยู่บนคำโฆษณาชวนเชื่อที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาโดยสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และฝรั่งเศส
ทั้งนี้ สามชาติตะวันตกจับมือกันโจมตีซีเรียทางอากาศในช่วงเช้ามืดวันเสาร์ (14 เม.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้กรณีการใช้อาวุธเคมีในเมืองดูมา โดยสหรัฐฯ แถลงว่าปฏิบัติการโจมตีประสบผลสำเร็จ สวนทางกับรัสเซียที่ระบุว่ากองทัพซีเรียสามารถสกัดขีปนาวุธร่อนได้ 71 ลูกจากทั้งหมด 103 ลูก
ด้านนางนิกกี ฮาเลย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่าปฏิบัติการโจมตีฯ นั้น “ชอบธรรม ถูกกฎหมาย และเป็นเรื่องสมควร” โดยเธอประกาศต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น (UNSC) ว่าสหรัฐฯ พร้อมโจมตีอีกครั้งหากเกิดการใช้อาวุธเคมีในซีเรียอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น