PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

นายกฯ อังกฤษปัด ไม่ได้ตัดสินใจโจมตีซีเรียตาม “คำสั่งทรัมป์”

นายกฯ อังกฤษปัด ไม่ได้ตัดสินใจโจมตีซีเรียตาม “คำสั่งทรัมป์”
วานนี้ (16 เม.ย.) นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวต่อรัฐสภาว่าการตัดสินใจร่วมมือกับสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ปฏิบัติการโจมตีซีเรีย ไม่ได้เกิดขึ้นตามคำสั่งจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แต่เพราะ “มันเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทำ”
“เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะประธานาธิบดีทรัมป์บอกให้เราทำ” นางเมย์กล่าว “แต่เพราะมันเป็นผลประโยชน์ชาติที่จะปกป้องการใช้อาวุธเคมีในซีเรียในอนาคต และรักษาฉันทามติโลกที่ระบุว่าอาวุธเหล่านี้ไม่ควรถูกนำมาใช้จนเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะที่ซีเรียหรือที่ไหนก็ตาม”
เมื่อถูกถามถึงจำนวนครั้งที่ซีเรียใช้อาวุธเคมีนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา นางเมย์ตอบว่า “หลายครั้ง” พร้อมเสริมว่าสหราชอาณาจักรเห็นพ้องกับฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ว่า “ไม่เพียงเป็นความถูกต้องทางศีลธรรมแต่ยังเป็นความถูกต้องทางกฎหมาย ที่จะปฏิบัติการเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากทางมนุษยธรรม”
อย่างไรก็ดี ชาวอังกฤษในกรุงลอนดอนได้ออกมาชูป้ายประท้วงการตัดสินใจร่วมโจมตีซีเรียของรัฐบาล โดยผู้ประท้วงรายหนึ่งชี้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอยู่บนคำโฆษณาชวนเชื่อที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาโดยสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และฝรั่งเศส
ทั้งนี้ สามชาติตะวันตกจับมือกันโจมตีซีเรียทางอากาศในช่วงเช้ามืดวันเสาร์ (14 เม.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้กรณีการใช้อาวุธเคมีในเมืองดูมา โดยสหรัฐฯ แถลงว่าปฏิบัติการโจมตีประสบผลสำเร็จ สวนทางกับรัสเซียที่ระบุว่ากองทัพซีเรียสามารถสกัดขีปนาวุธร่อนได้ 71 ลูกจากทั้งหมด 103 ลูก
ด้านนางนิกกี ฮาเลย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่าปฏิบัติการโจมตีฯ นั้น “ชอบธรรม ถูกกฎหมาย และเป็นเรื่องสมควร” โดยเธอประกาศต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น (UNSC) ว่าสหรัฐฯ พร้อมโจมตีอีกครั้งหากเกิดการใช้อาวุธเคมีในซีเรียอีก

ไม่มีความคิดเห็น: