PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ฉลองวานเลนไทน์

ที่ประชุมใหญ่ 7 เสือ กกต.ลงมติ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ กรณีเสนอชื่อ “ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามบัญชีพรรคการเมือง

เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ได้กระทำความผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 92 คือ...

1, กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2, กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ ซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

3, กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ

หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพรรคไทยรักษาชาติ ได้กระทำความผิดเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ตามที่ กกต.ชงคำร้องให้พิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติให้สิ้นสภาพพรรคการเมือง

สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคทั้ง 14 คน

สั่งตัดสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรคทุกคนห้ามเกี่ยวข้องการเมือง 10 ปี

สรุปว่าพรรคไทยรักษาชาติ โผล่ออกจากมดลูกยังไม่ทันครบ 3 เดือน ต้องโดนเชือดยกเข่งฉลองวันวาเลนไทน์

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการสั่งยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 92 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เป็นการลงโทษคณะกรรมการบริหารพรรคโดยตรง

ใครที่ชิงลาออกหนีเอาตัวรอดก็ไม่รอดอยู่ดี

ส่วนสมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่อยู่ในข่ายต้องถูกตัดสิทธิการเมืองแต่อย่างใด

แต่ประเด็นล่อแหลมคือ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง กกต.และมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ “ก่อน” วันเลือกตั้งใหญ่ วันที่ 24 มีนาคม

จะส่งผลให้ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคไทยรักษาชาติทุกคนไม่สามารถหาพรรคสังกัดใหม่ได้ทันกรอบเวลา

ผลที่จะตามมาคือ ผู้สมัคร ส.ส.เขตพรรคไทยรักษาชาติ 121 คน และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 100 คน จะหมดสิทธิได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อย่างสิ้นเชิง

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าขณะนี้เหลืออีกเพียง 48 วัน ก่อนถึงวันเลือกตั้งใหญ่ตัดสินอนาคตการเมืองไทย

หรือถ้านับจากวันใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า (17 มีนาคม) จะเหลือเวลาอีกเพียง 41 วัน เท่านั้นเอง

ประเด็นอยู่ที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลากี่วัน??

หลังรับคำร้อง กกต.ไปจนถึงวันลงมติวินิจฉัยให้ยุบ หรือไม่ยุบพรรคไทยรักษาชาติ??

ถ้ายึดตาม “ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญ” ว่าด้วยวิธีพิจารณาคำร้องและการทำคำวินิจฉัยคดี ซึ่งแยกเป็นหลายขั้นตอน

ขั้นแรก องค์คณะตุลาการต้องพิจารณาก่อนว่าจะลงมติให้รับคำร้องกรณีนี้ไว้พิจารณาหรือไม่

จากนั้นจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ร้อง (คือ กกต.) และผู้ถูกร้อง (คือพรรคไทยรักษาชาติ) ได้ชี้แจงแถลงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในห้องพิจารณาคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

แล้วจึงประชุมองค์คณะตุลาการพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อลงมติ และเขียนคำวินิจฉัยกลาง

ตามปกติศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลา 2 เดือนถึง 3 เดือน

แต่...แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคดีนี้ไม่มีรายละเอียดซับซ้อนสามารถวินิจฉัยได้รวดเร็ว

เร็วที่สุด อาจจะใช้เวลา 1 เดือน??

ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

แค่ “ประยุทธ์” กับ “ทักษิณ”

วิบากกรรม” ที่ตามติดเป็นเงาตามตัว

ล่าสุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาจำคุก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา 6 แกนนําม็อบพันธมิตรฯ เป็นเวลา 8 เดือน ไม่รอลงอาญา

ในคดีนำม็อบบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ เมื่อปี 2551

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวส่งเข้าเรือนจำ สิ้นอิสรภาพทันที

นี่คือผลแห่งการกระทำ เกมช่วงชิงเกมอำนาจทางการเมืองที่ตามมาในเวลาไม่ช้าก็เร็ว บทพิสูจน์ประเทศไทยไม่มีคำว่า “ม็อบมีเส้น” หรือ “ม็อบไม่มีเส้น”

ชัดเจน “ม็อบ” ไม่มีสิทธิอยู่เหนือกฎหมาย

ใครคิดจะปลุกสงครามประชาชน ใช้เกมมวลชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ไม่มีใครจะรอดตัวไปแบบฟรีๆ

ตัดฉากกลับมาที่การเมืองร้อนๆกำลังระทึกอกระทึกใจ ตามท้องเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องชงให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ จาก “เซอร์ไพรส์ใหญ่” ส่ง “แคนดิเดตนายกฯ” ในบัญชีพรรค เข้าข่ายผิดกฎหมายปมอ้างสถาบันเพื่อผลในการเลือกตั้ง

กระทำการเรื่อง “มิบังควรอย่างยิ่ง”

ตามรูปการณ์ไม่ใช่แค่ยุบพรรค แต่ต้องลุ้นถึงขั้น “ใบดำ” ตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต

โทษประหารทางการเมือง โฟกัสไปที่ 14 กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ทายาทนามสกุลดังๆ ลูกหลานตระกูล “ชินวัตร–ติยะไพรัช–ณ ระนอง” อีกส่วนก็มืองานสำคัญของ “นายใหญ่” สายตรง “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้นกล้าของระบอบ “ทักษิณ” ส่อแท้งตั้งแต่ยังไม่ได้แจ้งเกิด

ที่แน่ๆกระแสข้ามช็อต สถานการณ์ฝุ่นฟุ้งกระจายจากการวิเคราะห์ของนักวิชาการ นักวิชาเกิน ผู้สันทัดการเมือง เดาทิศทางล่วงหน้า อาฟเตอร์ช็อกจากการยุบพรรคไทยรักษาชาติ

แต่โอกาสที่จะเป็นไปได้มากสุด มีน้ำหนักมากสุด น่าจะเป็นมุมของนายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ทีมกฎหมายสาย “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ประเมินแนวโน้มสถานการณ์พรรคสาขารองของ “นายใหญ่” ล่มก่อนเลือกตั้ง

พรรคเครือข่ายทั้งหลายก็รองรับคะแนนเสียงจากพรรคไทยรักษาชาติไป ไม่มีแรงกระเพื่อมอะไร

เว้นแต่ถ้ายุบ 3 พรรคอาจเกิดแรงกระเพื่อม เพราะคะแนนไม่มีที่ไป

ตามเหตุที่พรรคไทยรักษาชาติ เชื่อมโยงอะไรกับใครบ้าง การส่งผู้สมัครมีความเชื่อมโยงกันหมดกับพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อชาติ ต้องการเอาคะแนนเสียงมาเชื่อมโยงกัน มีการเกลี่ยผู้สมัครในการลงแต่ละเขต ซึ่งมันก็เป็นไปได้ แล้วแต่ว่าจะขยายผลไปถึงไหนจะมีหลักฐานมากแค่ไหน

มาตรา 92 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุไว้เลยว่า “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า”

สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น

นี่แหละที่มันล้อกับอาการหายใจไม่ทั่วท้องของลูกข่ายยี่ห้อ “ทักษิณ”

ส่อโดนกิน 3 ต่อเข้าฮอร์ส แพ้ตั้งแต่ต้นกระดาน

เรื่องของเรื่อง ถ้าพรรคไทยรักษาชาติโดนยุบ คะแนนก็จะเทไป

ที่พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อชาติ เครือข่ายของ “ทักษิณ” หรือถ้าพรรคสาขาเครือข่าย “ทักษิณ” พังพาบหมด ก็ยังมีแนวร่วมนอกบริษัทจำกัดอย่างพรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

กองเชียร์ “ทักษิณ” แบบ “เข้าเส้น” ไม่เทแต้มให้ฝั่งตรงข้ามแน่

แต่จุดสำคัญมันอยู่ที่คะแนนคนกลางๆส่วนใหญ่ “พลังเงียบ” ยังไม่ตัดสินใจ

โดยเฉพาะอารมณ์ของพวกไม่เอา “ทักษิณ” แต่เซ็งเผด็จการทหาร เพราะอาการเบื่อ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. ที่ลากยาวมา 5 ปี

ตามรูปการณ์มองตื้นๆ แต้มน่าจะไหลไปที่ยี่ห้อ “อนาคตใหม่” ในจังหวะที่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กำลังปั่นภาพ “ทางเลือกใหม่” ได้วูบวาบ

แต่ก็อีกนั่นแหละ ยี่ห้ออนาคตใหม่ที่แฝงอยู่กับทีมงานกลุ่ม “นิติราษฎร์” ยังอยู่ในเงื่อนไขต้องเผชิญแรงเสียดทานปมสถาบัน สังเกตได้ในปรากฏการณ์แบบที่ “เสี่ยธนาธร” กำลังฮอตกับกระแส “ฟ้ารักพ่อ” ขวัญใจโหวตเตอร์รุ่นใหม่ ก็เจอย้อนเกล็ดโยงกับปม “ฟ้าเดียวกัน” แบบทันควัน

พันธนาการ “ธนาธร” กับอดีตโต้โผใหญ่นิตยสารเนื้อหาหมิ่นเหม่

ท่ามกลางเงื่อนไขสถานการณ์อ่อนไหว เชื้อชนวน “ระเบิด” ลากจากปรากฏการณ์ “แคนดิเดตนายกฯ” พรรคไทยรักษาชาติ ที่สะท้อนเกมล้มเดิมพันอำนาจประเทศไทย

“นายใหญ่” เล่นใหญ่ ยกระดับเกมรบแบบ “ไร้ขอบเขต”

คนเดียวที่จะเอา “ทักษิณ” อยู่ ก็มีแค่คนชื่อ “ประยุทธ์” เท่านั้น.

ทีมข่าวการเมือง

บันทึกหน้า4

ในที่สุด 7 อรหันต์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้ลง มติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 มอบหมายให้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ไปยื่นคำร้องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 ... งานนี้ก็ต้องลุ้นรายวัน เพราะ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็นัดพิจารณาเบื้องต้นว่าจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่อย่างไรในวันวาเลนไทน์ที่ 14 ก.พ. เวลา 13.30 น. แต่ที่ขำไม่ออกบอกไม่ถูก คือ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค ทษช. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กกต.ร้องหรือตัดสินเราด้วยเรื่องอะไร ข้อหาใด เรายังงงๆ ว่าในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา กระบวนการเป็นไปด้วยความรวดเร็ว พูดอย่างนี้ไม่เรียกว่าขัดกับแถลงการณ์ของพรรค ทษช. และการ ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่า ขอน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม” หรอกหรือ ...๐ ที่สำคัญหากอ่านพระราชโองการ เรื่อง ประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยใน ราชกิจจานุเบกษาเล่ม 136 ตอนพิเศษ 37ง เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2562 หรือฟังคลิป https://youtu.be/An2BlQnml9A ก็น่าจะชัดว่าทำไมเรื่องถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้ ส่วนที่พยายามปลุกโลกออนไลน์ให้ติดแฮชแท็ก #saveไทยรักษาชาติ แล้วแฮชแท็ก #ดึงฟ้าต่ำต้องรับผิดชอบ จะคิดอย่างไรดีเล่า ...๐ ที่สำคัญตอนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีมติรับหรือไม่รับเรื่องไว้พิจารณาอย่างไร และถึงแม้รับแล้วก็ยังไม่รู้อีกเช่นกันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมี คำวินิจฉัย อย่างไรบ้าง เพราะตอนนี้ยังมีแค่ความผิดกรณีตามมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เท่านั้น แต่ หากมีใครร้องกรณีคำกล่าวของนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช มารดาของ ร.ท.ปรีชาพลที่ไปออกรายการที่มี สุขุม นวลสกุลดำเนินรายการเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งโลกออนไลน์เผยแพร่อย่างหนักในช่วงนี้ มีเนื้อหาว่า “…โทรคุยกับลูกชายแล้ว ลูกชายบอกว่า เดิมไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะเสนอพระนามเป็นตัวแทนพรรคเป็นนายกฯ เขาสั่งมาให้เสนอพระนาม... คำพูดนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเข้าข่ายมาตรา 29 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองในเรื่องยุบพรรคอีกกระทงทีเดียว ...๐ พูดถึงเรื่องครอบงำพรรค เรื่องความเชื่อมโยงของ ทษช. กับพรรคไผ่กอเดียว เพื่อไทย-เพื่อชาติแล้วไม่รวม อนาคตใหม่ ไม่ได้ เพราะในช่วงนี้คงเห็น คลิปการแต่งงานของ ปิยบุตร แสงกนกกุลเลขาธิการ อนค.ที่ส่งต่อกันให้ว่อน ซึ่งหากใครยังไม่เห็นก็ดูได้ที่ https://vimeo.com/181282801 จะเห็นชัดว่าไผเป็นไผ แม้จะบอกว่าเป็นคลิปเก่าตั้งแต่ปี 2559 แต่งานแต่งงานเลิศหรูที่ Muse Hotel ซอยหลังสวนนั้น ก็น่าจะบอกอะไรได้อย่างดีว่าต้องเป็นคนสนิทแนบแน่น ซึ่งแขกในงานก็เรียกว่าทั้งระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ และคนเสื้อแดงที่มีบทบาททุกวันนี้ นี่ยังไม่รวมถึงการใช้เว็บแคมอวยพรมาจากแดนไกล ที่มีทั้ง จรัล ดิษฐาอภิชัย หรือ จักรภพ เพ็ญแข ก็น่าจะบอกอะไรให้คนไทยได้คิดว่าเป็นอย่างไร ...๐ พูดถึงเลขาธิการพรรค ไม่เอ่ยอ้างถึงหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้ เพราะดูเหมือนช่วงนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ราศีแคนดิเดตนายกฯ ส่องสว่างเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะการไปออกเวทีต่างๆ ที่พูดหนักแน่นในจุดยืนพรรคว่า ไม่เอาสืบทอดอำนาจ คสช.- แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560-ล้มล้างผลพวงรัฐประหาร แต่บรรดาคอการเมืองอยากถามชัดๆ ว่า ทำไมไม่เคยเห็น ธนาธร ลงรายละเอียดอะไรกอย่าง บอกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น จะแก้ทั้งฉบับเลยใช่หรือไม่ ล้มล้างผลพวงรัฐประหาร หมายความว่า คสช.ต้องติดคุกติดตะราง คดีที่ศาลตัดสินไปแล้วตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 ต้องนิรโทษกรรมหรืออย่างไร ที่สำคัญยังไม่เคยเห็น ธนากร ขีดเส้นเลยว่า จะทำทั้งหลายทั้งมวลนี้ภายในกรอบกี่วันกี่เดือน ...๐ นี่ยังไม่นับรวมข้อสงสัยในนโยบายหาเสียงของพรรค ส้มหวาน เรื่องหาเงินในการจัดทำสารพัดโครงการที่บอกว่าไม่ใช้เงินกู้แม้แต่บาทเดียวที่ติดตามป้ายหาเสียงไปทั่ว โดยเฉพาะ กรณีการลดสิทธิประโยชน์BOI (30,000 ล้านบาท), ลดสิทธิลดหย่อนภาษีบางส่วน (58,000 ล้านบาท) และลดงบประจำและงบกลาง (110,000 ล้านบาท) นั้น เขาถามกันให้แซ่ด ธุรกิจของครอบครัวหัวหน้าพรรค ยังใช้สิทธิของบีโอไออยู่หรือไม่อย่างไร แล้วที่ลดสิทธิลดหย่อนภาษีนั้นช่วยลงรายละเอียดได้ไหม มนุษย์เงินเดือนจะได้ตระหนัก และที่สำคัญลดงบประจำนี่หมายความว่าลดเงินเดือนข้าราชการใช่หรือไม่อย่างไร เพราะชาวบ้านชาวช่องเขาจะดีรู้กันแบบชัดๆ ว่าไม่ใช่การขายฝันและตีกินสไตล์การตลาดเท่านั้น ...๐

จับตา!ศาลยุบทษช. กกต.ชี้ปรปักษ์การปกครอง ปรีชาพลตีมึนไม่รู้ความผิด

    กกต.มีมติเอกฉันท์ยื่นศาล รธน.ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ระบุการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข   ตาม ม.92 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ศาล รธน.นัดพิจารณา 14 ก.พ.นี้จะรับคำร้องหรือไม่ ขณะที่ ทษช.ดิ้นยื่น กกต.เบรกลงมติส่งศาล รธน. แต่ไม่ทันอ้างขอใช้สิทธินำหลักฐานเข้าแก้ข้อกล่าวหา ครวญไม่ควรรวบรัดตัดสินเหมือนลงโทษประหารชีวิตก่อนวันเลือกตั้ง อดีต กรธ.ชี้หากศาลยุบก่อนเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส.เป็นโมฆะ กก.บห.เจอโทษหนัก
    ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เวลา 10.40 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ แกนนำพรรค ทษช. นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค, นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรค, นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรค, น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค เดินทางเข้ามาประชุมที่พรรค เพื่อหารือกันถึงสถานการณ์ทางการเมือง การเตรียมความพร้อมของเอกสารและหลักฐานต่างๆ ที่จะต้องนำไปชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ท่ามกลางกระแสข่าวมีมติยุบพรรค ทษช.
     โดยระหว่างเดินเข้าพรรค มีวัยรุ่นชายดักรอมอบดอกกุหลาบสีชมพู พร้อมจับมือให้กำลังทั้งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค 
    ร.ท.ปรีชาพลกล่าวถึงกรณี กกต.จะยุบพรรคว่า   กระแสข่าว กกต.พิจารณาเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว และจะมีการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณายุบพรรค ทษช. ทางตนและทีมกฎหมายของพรรคก็มีความกังวลใจว่าความเป็นจริงตามมาตรา 93 พ.ร.ป.พรรคการเมือง กกต.มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน และเป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาที่จะต้องชี้แจง ทั้งเหตุผล ตลอดจนข้อกฎหมายและพยานต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสู้คดี แต่ปรากฏว่ายังไม่มีการให้เราไปชี้แจงแต่อย่างใด เราคิดว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญที่เราจะต้องมีสิทธิในการแสดงพยานหลักฐานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  ผู้สื่อข่าวถามว่า การเตรียมพยานบุคคล จะมีพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ด้วยหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องปรึกษากับทางฝ่ายกฎหมายก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน หากได้ข้อสรุปอย่างไรจะได้นำเรียนต่อสื่อมวลชนต่อไป
      ด้านนายพิชิต ชื่นบาน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรค ทษช. กล่าวว่า กรณีเตรียมพยานหลักฐานที่จะยื่นกับทาง กกต. ทางพรรคเตรียมทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร วันเดียวกัน ฝ่ายกฎหมายของพรรค ทษช.ได้ไปยื่นหนังสือกับทาง กกต. และ กกต.รับเรื่องเอาไว้ เราขอโอกาสให้ฟังความทุกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหลักสากล การร้องให้ยุบพรรค ทษช. คือการประหารชีวิตพรรค จึงขอวิงวอนต่อ กกต. ตามบทบัญญัติรัฐธรรมมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 ว่าการใช้อำนาจรัฐต้องยึดหลักนิติธรรม
        ผู้สื่อข่าวถามว่า พยานบุคคลจะรวมถึงทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ด้วยหรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า ขอยังไม่ตอบ เป็นเรื่องที่คณะกฎหมายจะต้องปรึกษาหารือกันต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญ ข้อกล่าวหายังไม่มี  
     เมื่อถามว่า หากที่สุดแล้ว กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรธน.ยุบพรรค จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป นายพิชิต กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายได้เตรียมการพร้อมหมดแล้วเราจะใช้สิทธิตามกฎหมายที่พึงมีในทุกๆ ศาล ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่การท้าทาย แต่เป็นการวิงวอนขอความเป็นธรรม ให้พรรคมีโอกาส ตามหลักการฟังความทุกฝ่ายยืนยันว่า กกต.ทั้ง 7 คนทราบดี และเป็นไปไม่ได้ที่จะประหารชีวิตพรรคการเมืองหรือยุบพรรคการเมือง แล้วไม่ฟังความอีกฝ่ายเลย
ดิ้น!ขอชี้แจง กกต.
     ที่สำนักงาน กกต. นายสุรชัย ชินชัย คณะทำงานด้านกฎหมายพรรค ทษช. เข้ายื่นหนังสือถึงประธานกกต. ขอให้ กกต.ปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม โดยนายสุรชัยกล่าวว่า หาก กกต.จะดำเนินการพิจารณาและมติดังกล่าว อย่างน้อยควรให้โอกาสไต่ถามว่าสาเหตุที่กระทำไปมีเจตนาอย่างไรและมีพยานหลักฐานใดจะเข้าชี้แจงบ้าง การเร่งรีบรวบรัดตัดสินเป็นเหมือนการนำพรรค ทษช.ออกไปจากสนามก่อนการลงคะแนนเลือกตั้ง ไม่ต่างอะไรกับการลงโทษประหารชีวิตก่อนที่จะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. การไต่สวนสอบสวนชี้ขาดการกระทำความผิดของพรรคการเมือง นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้รอบด้าน จะฟังความฝ่ายเดียวโดยไม่ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาให้ได้ชี้แจงแสดงหลักฐานไม่ได้ เพราะจะขัดต่อหลักนิติธรรมและหลักกฎหมาย
    "อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็ยังให้การคุ้มครองเสรีภาพโดยกำหนดไว้ในมาตรา 4 แม้แต่ผู้ต้องหาในคดีอาญาก็ยังมีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้คดีจนถึงที่สุด จึงต้องขอโอกาสให้กับพรรคได้ใช้สิทธิตามกฎหมาย  อย่างน้อยควรจะให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศที่มีสิทธิเลือกตั้งได้มีโอกาสไปใช้สิทธิขั้นพื้นฐาน เพราะการเลือกตั้งได้ห่างหายนานหลายปี เนื่องจากเรื่องนี้กระทบกับพรรคและสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ทั้งนี้ หาก กกต.เปิดโอกาสให้พรรคเข้าชี้แจงแสดงหลักฐาน ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็พร้อมจะนำพยานบุคคลเข้าชี้แจง"
    เมื่อถามว่า เตรียมข้อกฎหมายอะไรในการต่อสู้ นายสุรชัยบอกว่า จะขอใช้ความบริสุทธิ์ใจ จริงใจ ในการต่อสู้ รวมทั้งยืนยันว่าพรรคปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ กกต.และรัฐธรรมนูญ เมื่อถามต่อว่าถ้าตัดสินก่อนการเลือกตั้งพรรคไม่ยอมรับใช่หรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ก็สุดแท้แต่การใช้อำนาจ แต่สิ่งที่เรามาเสนอคือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ บทที่ 1 สิทธิเสรีภาพย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
    ขณะเดียวกัน นายเอกชัย หงส์กังวาน ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้ กกต.ยุติการพิจารณาเรื่องยุบพรรคทษช. โดยระบุว่า การดำเนินการของ กกต.เป็นการเร่งรัดและเร่งรีบเกินไป หากเปรียบเทียบกับการแข่งกีฬา หากนักกีฬา แพ้ตกรอบก็ถือว่าจบ ไม่ควรไปประหารชีวิตนักกีฬาอีก 
    ต่อมาสำนักงาน กกต.แจ้งว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2562 กกต.ได้พิจารณากรณีพรรคไทยรักษาชาติมีหนังสือแจ้งรายชื่อบุคคลเพื่อเสนอแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 1 ราย และเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคำสั่งให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ตามมาตรา 92
    โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินคดี ตลอดจนมีอำนาจในการดำเนินกระบวนการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญแห่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เดินทางไปยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
14ก.พ.ศาลรับคำร้องหรือไม่
    จากนั้น เวลา 12.40 น. ภายหลัง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 12 ก.พ. ส่วนรายละเอียดเป็นไปตามเอกสารที่ชี้แจงกับสื่อมวลชน ส่วนคำร้องที่ฝ่ายกฎหมายของพรรค ทษช.ยื่นขอส่งหลักฐานแก้ข้อกล่าวหานั้น จะรวบรวมส่งให้ประธาน กกต.พิจารณาเพื่อเข้าสู่ที่ประชุมต่อไป จากนั้น พ.ต.อ.จรุงวิทย์ได้โบกมือลาและเดินทางออกจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญทันที
    หลังจากนั้น เวลา 14.15 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารชี้แจงว่า เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการ กกต.ให้มายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องไว้ในทางธุรการ และอยู่ระหว่างการตรวจคำร้อง โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะเสนอคำร้องดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 13.30 น.
    ขณะเดียวกัน ที่ทำการพรรค ทษช. ร.ท.ปรีชาพล พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค แถลงต่อสื่อมวลชนกรณีที่ กกต.มีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค โดย ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ขณะนี้เราทราบว่าขั้นตอนอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่คำร้องเราก็ยังไม่เห็น หากทราบรายละเอียดแล้วจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 15.00 น. จะมอบให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอใช้สิทธิรับทราบข้อกล่าวหา เพื่อชี้แจงพยานหลักฐาน เพราะขณะนี้เรายังไม่รู้ว่า กกต.ร้องหรือตัดสินเราด้วยเรื่องอะไรข้อหาใด เรายังงงๆ ว่าในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา กระบวนการเป็นไปด้วยความรวดเร็ว 
    ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินหน้าหาเสียงหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ขณะนี้ทีมหาเสียงของเราที่แบ่งเป็น 7 ทีม ยังลงพื้นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง และผู้ประสานของพรรคก็ประสานงานกับ ส.ส.โดยตลอด ส่วนแกนนำพรรคในส่วนกลางจะพิจารณาเรื่องการลงพื้นที่ในอาทิตย์หน้า ยืนยันว่าพรรคต้องเดินหน้าต่อ เพราะเราเป็นความหวังของผู้สมัคร และประชาชน เราพร้อมลงสนามเลือกตั้ง โดยสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด ยืนยันเราตั้งใจดี ไม่มีใครปรารถนาร้าย ขอยืนยันคำเดินว่าเราบริสุทธิ์ใจ 
    เมื่อถามว่า มีแผนสำรองหากพรรคถูกยุบหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า มันคงเร็วเกินไปที่จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที ณ วันนี้ ความสิ้นสุดของพรรคการเมืองจะมีต่อเมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลออกมา เราจึงต้องเป็นหลักให้สมาชิก และผู้ให้การสนับสนุน
    ด้านนายพิชิตแถลงข่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า   ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะไปยื่นคำร้องขอความเมตตาต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีโอกาสได้รับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากตอนนี้ พรรค ทษช.เป็นคู่กรณีกับ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นคนกลางในการวินิจฉัย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เราจะไปยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลเมตตา โดยยึดหลักนิติธรรม ที่สำคัญที่สุด ขอให้พรรคทษช.มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหา อ้างพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้กระทำผิด เราขอโอกาสเห็นข้อกล่าวหาก่อน เราจะได้รู้ประเด็นข้อกล่าวหาก่อน เวลานี้จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะยื่นพยานอย่างไร
ทะแนะกังขา กกต.คิดอะไร
    "เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรม เพราะศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นองค์กรสูงสุดที่ทุกองค์กรต้องปฏิบัติตาม เมื่อเราเป็นคู่กรณี ตามหลักนิติธรรม คู่กรณีควรมีโอกาสในการแก้ข้อกล่าวหา เราเสียใจที่ชั้นสอบสวนไม่มีโอกาสแม้แต่จะทราบข้อกล่าวหา ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ กกต.จะมีการประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส. จึงตั้งข้อสังเกตว่า กกต. คิดอะไร" นายพิชิตกล่าว
    ต่อมา 14.30 น. แกนนำพรรค ทษช.ได้ทยอยขึ้นไปหารือที่อาคาร B ที่ทำการชั้นสอง พรรค ทษช.อีกระยะ จากนั้นได้ทยอยกันเดินทางออกจากพรรคไปยัง อาคารชินวัตร 3 ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คาดว่าน่าจะไปหารือแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรค และประเมินสถานการณ์การเมือง 
       มีรายงานอีกว่า ในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 10.00 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง จะเดินทางมายังที่ทำการพรรค เพื่อร่วมติดตามสถานการณ์การเมือง และติดตามประเด็นการยุบพรรค
    ขณะเดียวกัน ได้เกิดแฮชแท็ก #saveไทยรักษาชาติ ขึ้นบนโลกโซเชียลด้วย
    ช่วงเย็น เวลา 16.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสุรชัย ชินชัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากหัวหน้าพรรค ทษช. เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญส่งสำเนาคำร้องยุบพรรคของ กกต.ให้แก่พรรค ทษช. และให้สัมภาษณ์ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ กกต. ก็ขอให้ศาลส่งสำเนาคำร้องให้แก่พรรค เพื่อให้ได้มีโอกาสโต้แย้ง ชี้เเจงข้อกล่าวหา ทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย รวมทั้งเเสดงพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุ เพื่อประกอบการพิจารณาและวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 
    "การปฏิบัติของ กกต. เป็นการข้ามขั้นตอน ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.และกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ซึ่งต้องแจ้งให้คู่กรณีทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนและกรรมการ แต่ปรากฏว่า กกต.กลับทำมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่แจ้งกับพรรค ทษช.ก่อน เปรียบได้กับตำรวจส่งฟ้องคดีต่อศาลโดยไม่สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาก่อน" นายสุรชัยระบุ
    นายอุดม รัฐอมฤต  อดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณายุบพรรค ทษช. และวินิจฉัยยุบพรรคตามคำร้องดังกล่าวถือว่าเป็นโมฆะ รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จำนวน 121 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 108 คน การรับสมัครเลือกตั้งที่ผ่านมาของพรรคถือว่าต้องจบ เพราะก่อนวันเลือกตั้งสมาชิกไม่มีพรรคสังกัดอยู่ก็ไม่สามารถที่จะให้ประชาชนเลือกได้ ดังนั้นต้องรอดูว่าในวันที่ 15 ก.พ.นี้ หาก กกต.ประกาศรายชื่อผู้สมัคร แต่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยกรณียุบพรรค ก็ต้องมาพิจารณาว่าระยะเวลาที่มีอยู่เพียงพอในการวินิจฉัยหรือไม่ 
    "หากถูกยุบก่อนการเลือกตั้งก็แน่นอนว่าผู้สมัครในพรรคอาจจะโดนหางเลขไปด้วย ทั้งนี้ บุคคลที่ต้องโดนมากกว่านั้นคือกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบทลงโทษคือ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งในกฎหมายรัฐธรรมนูญกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งได้แยกเรื่องสิทธิเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะต้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5-10 ปี แต่กฎหมายเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้มีเขียนบทลงโทษระยะเวลาไว้ ทำให้หลายคนคิดว่าศาลจะสามารถกำหนดเวลาได้หรือไม่ และอาจหมายถึงต้องรับโทษตลอดชีวิต" นายอุดม กล่าว 
"บิ๊กตู่"ปัดไม่เกี่ยว
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติยุบพรรคการเมืองและส่งศาลรัฐธรรมนูญ พรรคดังกล่าวต้องหยุดหาเสียงก่อนหรือไม่ว่า ในกฎหมายกำหนดให้ถามศาลรัฐธรรมนูญ และศาลจะบอกให้หยุดหรือไม่หยุดก็ได้ระหว่างรอคำวินิจฉัย เพราะแต่ละอย่างไม่รู้ว่าข้อหาเบาหรือหนักขนาดไหน ข้อหาในการยุบพรรคมีหลายเรื่อง เช่น ถ้าข้อหาที่ถูกร้องยุบพรรคเป็นความผิดที่ทำซ้ำๆ กันอยู่ทุกวัน ซึ่งระหว่างกระบวนการวินิจฉัยยุบพรรคยังไม่จบ จะให้ทำต่อคงไม่ได้ ซึ่งโดยปกติคดีแบบนี้ศาลจะพิจารณาด้วยความรวดเร็วอยู่แล้ว
    เมื่อถามถึงกรณีพรรค ทษช.ท้วงว่า กกต.ไม่ได้มีการไต่สวนพรรค ทษช.ก่อน ข้อเท็จจริงต้องเชิญพรรค ทษช.ชี้แจงก่อนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร และไม่ทราบว่าในชั้น กกต.จำเป็นจะต้องฟังใครขนาดไหน เป็นกระบวนการของ กกต. แต่ถ้ามีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญจริง ทั้งสองฝ่ายจะต้องไปชี้แจงต่อศาล เพราะในชั้น กกต.เป็นเพียงการรวบรวมหลักฐานว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าจะต้องยุบพรรค  
    ที่จุดชมวิวป่าชายเลนทะเลกรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ร่วมกิจกรรม “เพิ่มและขยายพันธุ์ไม้ป่าชายเลน” กับประชาชน ก่อนล่องเรือตามเส้นทางคลองศรีกุมาร มายังท่าเรือแพขวัญใจ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมติ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ทษช. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เห้ย ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ไปถามคนที่ยุบโน่น” เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการเร่งรัดเกินไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกัน 
    เมื่อถามอีกว่า คิดว่าสถานการณ์จะวุ่นวายและมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีหรอก ประชาชนเขารู้ อย่าไปดูถูกประชาชนเขาก็แล้วกัน และตนก็ไม่ได้มีข้อกังวลอะไร จะไปกังวลอะไรล่ะ ตนก็ทำงาน กังวลกับงานของตน ยังไม่เสร็จตั้งเยอะแยะ ตนก็กังวลกับงานของตนดีกว่า คนอื่นเขาก็มีหน้าที่กันอยู่แล้ว ก็ให้เขาทำหน้าที่กันต่อไป เข้าใจไหม
    เมื่อถามย้ำว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ถือว่าปกติเรียบร้อยดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ปกติ ถ้าไม่ปกตินายกฯ จะมานั่งเรือได้หรือ และไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าการเลือกตั้งจะไม่ราบรื่น
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นกระบวนการของ กกต.ที่ดำเนินการตามกฎหมาย เป็นอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายอยากเห็น ดังนั้นขอให้ทำงานและชี้แจงเหตุผลที่ได้ตัดสินใจ เพราะในส่วนของฝ่ายการเมืองไม่ได้ไปกดดันอะไรทั้งนั้น. 

ทำไมต้องSAVEทษช.

    ผลมาจากเหตุ
    กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติ เหตุและผลสอดรับกัน
    ใช่ว่าจู่ๆ อยากยุบก็ยุบ
    ณ วินาทีนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองมันย้อนกลับมาชนิดที่ว่า เหมือนหลับแล้วตื่นมาเห็นคนฆ่ากันตรงหน้า 
    ความขัดแย้งนี้จะดำรงต่อไปเรื่อยๆ และหลังเลือกตั้งจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ
    เพราะอะไร?
    วันนี้ปั่นกระแสกันอย่างไม่มีเหตุผล 
    #Saveทษช.
    เซฟจากอะไร? 
    ทำไมต้องเซฟ? 
    ถ้าเข้าใจความต่างระหว่าง "จารีต" กับ "กฎหมาย" คนที่บอกว่า "Saveทษช." จะละวางและทำในสิ่งที่ถูกต้อง
    ถามกลับใครก็ตามที่วันนี้เห่อกัน ติดแฮชแท็ก Saveทษช. ว่า หากพระนามของทูลกระหม่อมหญิงฯ ไปอยู่ในรายชื่อ เสนอเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ หรือประชาธิปัตย์ 
    จะ #Saveพปชร. #Saveปชป.หรือไม่? 
    อย่าโกหกตัวเอง 
    ถามตัวเองว่าคิดอย่างไร 
    ยอมรับหรือไม่ว่านี่คือ "การเมือง" 
    ใครที่เซฟ Saveทษช. ต่างก็รู้ดีว่า คดียุบพรรคไทยรักษาชาติมาจากเกมการเมืองที่ทักษิณ ชินวัตร  สร้างขึ้นมา 
    ถามกลับด้วยคำถามง่ายๆ     
    ไม่ว่าจะเป็น ปรีชาพล พงษ์พานิช, จาตุรนต์ ฉายแสง มีศักยภาพพอที่จะกำหนดเกมนี้หรือไม่ 
    ในสมองไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะทำเรื่อง "มิบังควร"
    และถามด้วยคำถามที่ง่ายกว่านั้น  
    วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ใครที่เซฟ Saveทษช. รู้สึกตกใจกับเซอร์ไพรส์ทางการเมืองหรือไม่
    ฉะนั้น...นี่ไม่ใช่เรื่องปกติทางการเมือง
    เรื่องนี้อยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว 
    ทนายถุงขนมบอกว่ามีพยานหลักฐานจะชี้แจงกับศาล ก็ควรเอาไปให้ครบ อย่าให้ขาด
    ที่จริงพรรคไทยรักษาชาติต้องเจออีกคดี นั่นคือปล่อยให้บุคคลภายนอก แทรกแซง ชี้นำ ครอบงำกิจกรรมของพรรค 
    ถ้าบอกว่าไม่ได้ชี้นำ
    แล้วทำไมต้องไปตั้งเซฟเฮาส์ที่ตึกชินวัตร ๓.

'น้ำใส' ใน 'สองฝั่งคลอง'

    ย้ำให้เข้าใจกันชัดๆ
    ขณะนี้.......
    พรรค "ไทยรักษาชาติ" ยังไม่ได้ถูกยุบ
    เพียงแต่ ๗ กกต.ประชุมแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า การที่พรรคไทยรักษาชาติ 
    เสนอพระนามสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเมื่อ ๘ ก.พ.นั้น
    "เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" 
    จึงมีมติให้ "ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ"
    เพื่อพิจารณาวินิจฉัยคำสั่ง "ให้ยุบพรรค" ไทยรักษาชาติ
    ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ๒๕๖๐ ตามมาตรา ๙๒
    นั่นคือ ไทยรักษาชาติ ตอนนี้ ยังไม่ถูกยุบ 
    แม้ถึงยุบ กกต.ก็ไม่ใช่ผู้มีอำนาจยุบ!
    กกต.ทำหน้าที่แค่ รวบรวมเอกสารหลักฐานไปยื่นคำร้องต่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ให้พิจารณาวินิจฉัยเท่านั้น
    ส่วนจะยุบหรือไม่ยุบ......
    เป็นอำนาจหน้าที่ "ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" จะวินิจฉัยชี้ขาด
    สรุป คือ เรื่องยุบพรรค ขณะนี้ ถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่วาน (๑๓ ก.พ.๖๒)
    และวันนี้ (๑๔ ก.พ.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ท่านจะประชุมกัน เพื่อพิจารณาว่า จะรับหรือไม่รับคำร้องนั้น
    ฉะนั้น วันนี้ จ้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญโน่น 
    ดูว่า ท่านจะ "รับคำร้อง" หรือไม่?
    แค่ขั้นตอน รับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่รับไว้พิจารณาเท่านั้นนะ ยังไม่ถึงขั้นมีคำวินิจฉัยชี้ขาด อย่าสับสน
    เมื่อทราบขั้นตอนเช่นนี้ ก็ไม่ต้องไปฟัง "ดรามาถุงขนม" ที่ตีโพย-ตีพาย ว่า กกต.รีบร้อน รวบรัดตัดตอนไปเลย
    กรณีนี้ ต้องย้ำว่า...
    ไม่ใช่ กกต.รีบร้อน หากแต่ กกต.ทำงานด้วยวิสัยทัศน์สอดคล้อง ครอบคลุมถึงผลก่อนและหลังการเลือกตั้ง
    ไม่ใช่รีบร้อน หากแต่ "ทำงานรวดเร็ว" ซึ่งดี!
    ว่ากันตรงๆ คดีนี้ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน มีเพียงประเด็นกฎหมายเท่านั้น ที่ต้องวินิจฉัย
    ส่วน "ข้อเท็จจริง" ล้วนประจักษ์ทางเอกสารหลักฐานชัดอยู่ในตัวมันแล้ว
    กกต.แค่นำหลักฐานใบสมัคร ใบปะหน้า "มติพรรค" ใบแถลงการณ์ และคำแถลงหัวหน้าพรรค ยื่นต่อศาล
    แค่นั้นก็เกินพอ ในขั้นตอน "รวบรวมหลักฐาน" เสนอยุบพรรค!
    ส่วนเรื่องที่ว่า ทำไมไม่สอบสวน ทำไมไม่ฟังคำชี้แจงก่อน นั้น... ใจเย็นๆ 
    เอาขนมในถุงมาแจกเด็กๆ ที่ไอ้ตัวแสบมันหลอกมาตายแทนมันรองท้องไปก่อนเถอะ
    เมื่อศาลรับคำร้อง และคดีเข้าสู่การพิจารณา ทั้งหัวหน้าพรรค ทั้งกรรมการบริหาร นายจาตุรนต์  ประธานยุทธศาสตร์พรรคด้วยก็ได้
    อยากมาให้การ ให้ปากคำอะไรๆ ก็ได้เลย!
    เพราะทางศาลต้องเรียกฝ่ายคนร้อง คือ กกต. และฝ่ายคนถูกร้อง คือพรรคไทยรักษาชาติ มาให้ปากคำอยู่แล้ว
    เข้าใจขั้นตอนนี้กันแล้วกระมัง?        
    ทีนี้ ถ้าถามว่า นานมั้ย กว่าจะตัดสินยุบหรือไม่ยุบ?
    ก็บอกแล้ว กรณีนี้ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน 
    ไม่ต้องสืบพยานมาก ไม่ต้องไต่สวนพยานหลักฐานมาก ไม่มีประเด็นให้แย้ง ชนิดต้องสืบเป็นสิบๆ หรือเป็นร้อยปาก
    เพราะเอกสารหลักฐานที่พรรคยื่นต่อ กกต.แบออกมาดู ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาแย้ง...........
    ว่าพรรคไม่ได้นำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์ เข้าตามลักษณะต้องห้าม ในการหาเสียงเลือกตั้ง
    ตามประกาศของประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ๒๘ ธ.ค.๖๑ ข้อที่ ๑๗
    "ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใด นำสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง"
    ในความเห็นผม.........
    ก็เหลือเพียงด้านข้อกฎหมายเท่านั้น ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยว่า เข้ามาตรา ๙๒  กฎหมายลูก ว่าด้วย "พรรคการเมือง" พ.ศ.๒๕๖๐
    "(๒) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
    ตามที่ กกต.เสนอให้ยุบหรือไม่เท่านั้น?
    ถ้าศาลไต่สวนแล้ว มีหลักฐาน "อันควรเชื่อได้ว่า" พรรคการเมืองกระทำการตามนั้น
    "ให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น"
    ตามมุมมองนี้ ผมจึงบอกว่า คดีนี้ "ไม่นาน"
    ผู้ผล "ยุบ-ไม่ยุบ" ก่อนเลือกตั้ง ๒๔ มีนาแน่!
    สรุปอีกที.........
    ก็หมายความ ขณะนี้ คือระหว่างศาลยังไม่มีคำสั่งอะไรออกมา พรรคไทยรักษาชาติ ยังดำรงสภาพพรรคอยู่
    ออกหาเสียงได้ตามปกติ!
    แต่พรรคจะอยู่จนได้เลือกตั้งวันที่ ๒๔ มีนาหรือไม่นั้น ผมว่า...
    ไม่!
    เมื่อวานเย็น ฟังข่าว ร.ท.ปรีชาพล ประชุมที่พรรคไทยรักษาชาติ ย่านแจ้งวัฒนะแล้ว กับคณะกรรมการส่วนหนึ่ง
    ก็พากันเดินทางไปเซฟเฮาส์.....
    อาคาร "ชินวัตร ๓" ย่านวิภาวดีรังสิต!?
    ฟังก็สงสัย ทำไมต้องไปอาคาร "ชินวัตร" พรรคไทยรักษาชาติ มีอะไรเกี่ยวพันกับที่นั่นหรือ?
    มองอีกที ไม่แปลก ใครๆ ก็ไปได้ แต่ที่ทำให้สะดุด ก็ตรงชื่อนี่แหละ
    ชื่อพรรค "ไทยรักษาชาติ" แต่กลับใช้อักษรย่อ "ทษช."
    พูดตรงๆ ขึ้นต้น แค่ชื่อพรรคก็ "บิดเบือน" ซ่อนนัย-ซ่อนเจตนา ไปจากความจริงที่ต้องเป็นแล้ว
    คือหลักภาษาในการใช้อักษรย่อมันมีอยู่ หลักใหญ่ๆ มีว่า ให้ใช้พยัญชนะต้นของพยางค์แรกของคำ เป็นตัวย่อ
    อย่างเช่น "ไทยรักษาชาติ"
    พยัญชนะแรกของ "ไทย" คือ ท.
    พยัญชนะแรกของ "รักษา" คือ ร.
    พยัญชนะแรกของ "ชาติ" คือ ช.
    ฉะนั้น ถ้าซื่อตรงต่อเจตนา ไม่บิดเบือนหลักภาษา "ไทยรักษาชาติ" ต้องใช้คำย่อว่า "ทรช."
    ไม่ใช่ "ทษช."!?
    การที่พรรคไทยรักษาชาติ ใช้อักษรย่อ "ทษช." มันบิดเบือนหลักภาษา มีเจตนาเดียวที่ต้องการสื่อให้คนเข้าใจ
    "พรรค ทษช." คือ........
    "พรรคทักษิณชินวัตร" นั่นเอง!
    ดูอย่างนี้ ก็พอคลายสงสัย ทำไมคณะบริหารไทยรักษาชาติ ต้องถอยร่น จากที่ทำการพรรคถนนแจ้งวัฒนะ ไปตั้งหลักที่ตึก "ชินวัตร ๓"!
    เมื่อการเมืองเรื่องพรรคนอมินีทักษิณกำลังทับรอยเดิม เมื่อปี ๕๐ 
    ก็อยากบอกให้ทางการระวัง!
    ระวังในความหมายอย่าประมาท ด้วยตายใจ ไม่ใช่บอกให้ใครตื่นตกใจกลัว
    แก๊งรับจ้างเคลื่อนไหวอิสระ ต้องออกมาใช้ประเด็นยุบพรรค สร้างกระแส ปลุกระดม ด้วยวาทกรรมบิดเบือนต่างๆ นานา ทั้งตามโซเชียลและตามถนน
    สุมเชื้อ รอไฟ จะให้เหมือน ปี ๕๒-๕๓ 
    และระวัง ไอ้เหนียงยาน มันจะส่งลูกน้องซุก "ประทัดจิ๋ว" หวังให้แตกตื่นทางจิตวิทยา งานแบบนี้...มันถนัด!
    ไทยรักษาชาติจะอยู่-จะไป ต้องเข้าใจ ว่าแค่เสนอชื่อ "ว่าที่นายกฯ" ของพรรคให้ประจักษ์เท่านั้น
    เกินพอแล้ว!
    ไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อ ไม่มีความหมายเท่ากับว่า ไพ่ตานี้..."ติดแล้ว" 
    คนทั้งโลกเห็นแล้วว่า "หน้าไพ่" ของไอ้ตัวแสบ ใหญ่ขนาดไหน?
    ยิ่งมีโพสต์ มีทวีต ด้วยข้อความต่างๆ ทุกวัน เห็นแล้วแสนจะอ่อนใจ
    นั่นทำให้กลุ่มฉกฉวยเหตุกวนเมืองฮึกเหิมว่ามี "หลังแข็ง" ซึ่งจะมองข้ามไม่ได้
    แต่นั่นแหละ...
    เกมการเมือง "จากข้างนอก" ที่เคยกระทำต่อบ้านเมืองเรา โดยเฉพาะจาก "อเมริกัน "ตอนนี้ กลับหลังหันแล้ว!
    หมายังไม่ตาย แต่อยู่ในสภาพ "หมาหัวเน่า" ที่นอนข้างถนน ก็ชักจะหายาก
    ท่านที่อ่านข่าวภาษาฝรั่งออก สังเกตกันเปล่า เกมนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือการเมือง
    ไม่ได้รับการตอบรับเชิงบวก จากการนำเสนอข่าวของสื่อต่างชาติเหมือนก่อน!
    ในทางกลับกัน สื่อต่างชาติ จะระบุ...
    นี่คือแผนของไอ้ตัวแสบ ไทยรักษาชาติ คือพรรคของเขา!
    ก็อยากบอกว่า อย่าไปว้าวุ่น หรือกลัดกลุ้มในเรื่องรายทางขณะนี้
    ดีซะอีก ทำให้ทุกอย่างชัดเจน และความชัดเจนนี้ นับจาก ครึ่งปีหลัง คือจากพฤษภาไป 
    ที่คลุมเครือ จะคลี่คลาย "ฟ้าใส" ชนิด คนทั้งนอกและในประเทศ สิ้นกังวล-หมดสงสัย เห็นเมฆยิ้มรายก้อนนั่นเลย
    ตอนนี้ ฝุ่นยังกั้นเมฆ......
    ก็ดูภาพ "สองฝั่งคลอง" ไปพลางๆ ก่อนละกัน!