“ไพศาล” แนะเพิ่มประสิทธิภาพให้ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบทรัพย์สิน
นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อเช้าวันนี้ แนะ คสช. เพิ่มประสิทธิภาพให้ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบทรัพย์สิน ชี้นับตั้งแต่มี ป.ป.ช. เป็นต้นมากว่าสิบปีแล้ว ผลการตรวจสอบทรัพย์สินแทบไม่มีผลงาน สาเหตุเนื่องจากกฎหมายไร้ประสิทธิภาพ จึงทำให้การคอร์รัปชั่นเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง
นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าการตรวจสอบทรัพย์สินของ ป.ป.ช. ต้องอาศัยบทบัญญัติกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีปมปัญหาอยู่สองข้อ คือ อย่างไรจึงถือว่าร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งต้องหาข้อเท็จจริงที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และขึ้นอยู่กับดุลพินิจ จึงแทบไม่พบว่าใครร่ำรวยผิดปกติเลย นอกจากนักการเมืองหน้าใหม่ที่โง่เขลา และมีทรัพย์สินไม่มาก ในขณะที่พวกมืออาชีพไม่สามารถตรวจสอบได้เลย นอกจากนั้น กระบวนการในการตรวจสอบยืดเยื้อ ไม่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้การคอร์รัปชั่นเต็มบ้านเต็มเมือง และยึดทรัพย์สินพวกขี้โกงได้น้อยมาก ที่สำคัญคือหลักกฎหมายที่ ป.ป.ช.ใช้ล้าสมัย คือกำหนดให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต้องแสวงหาหลักฐานเอง และ ป.ป.ช. ต้องพิสูจน์ถึงความร่ำรวยผิดปกติ ในขณะที่หลักกฎหมายสมัยใหม่นั้นได้เปลี่ยนหลักการนี้ไปแล้ว แต่ไม่มีใครยอมแก้ไข นั่นคือต้องเปลี่ยนเป็นหลักการที่ว่า ผู้ใดครองข้อมูล ผู้นั้นต้องพิสูจน์ ดังเช่นที่บัญญัติในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายว่าด้วยศุลกากร เป็นต้น
นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่า คสช. จึงควรถือโอกาสนี้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบทรัพย์สิน ด้วยการออกประกาศปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมีหลักการดังนี้คือ
1. ให้ยกเลิกบทบัญญัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน
2. เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดที่ร่ำรวยผิดปกติ ให้ ป.ป.ช. อายัดหรือยึดทรัพย์สินของผู้นั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะถือกรรมสิทธิ์ หรือครอบครองโดยตนเอง หรือโดยบุคคลอื่น
“ร่ำรวยผิดปกติ” หมายความว่า มีทรัพย์สินมากกว่าจำนวนเงินได้ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี 15 ปี ก่อนดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยไม่หักรายจ่ายหรือค่าใช้จ่าย
ทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่มีทะเบียน หรือทรัพย์สินที่เป็นเงินฝากหรือตราสาร ให้ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัด และให้ผู้ครอบครองหลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ หรือหลักฐานแห่งความเป็นเจ้าของแก่ ป.ป.ช. ภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง
ทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ ให้ ป.ป.ช. ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์ไว้เป็นการชั่วคราว ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
3. ให้ผู้ถูกอายัดหรือยึดทรัพย์สินมีภาระการพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดนั้นเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยสุจริตและโดยชอบ หรือได้มาก่อนการดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และต้องพิสูจน์ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันถูกอายัด ถ้าพิสูจน์ไม่ได้หรือไม่พิสูจน์ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดดังกล่าว ให้ทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดตกเป็นของแผ่นดิน
ในกรณีที่ผู้ถูกอายัดหรือยึดทรัพย์สินพิสูจน์ตามวรรคแรก จะต้องพิสูจน์ด้วยว่าเงินหรือรายได้ที่ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดนั้น ได้เสียภาษีอากรถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่ ถ้าเสียภาษีอากรไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้จัดเก็บค่าภาษีอากรค้างนั้นนำส่งกรมสรรพากร และถ้ามีเงินเหลือเท่าใด ก็ให้คืนแก่ผู้ถูกยึดหรืออายัดนั้น
4. เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะแจ้งเบาะแสทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อ ป.ป.ช. ถ้าเป็นทรัพย์สินที่ไม่มีทะเบียน หรือมีทะเบียน แต่ถือในนามของผู้อื่นและสามารถยึดเป็นของแผ่นดิน ให้จ่ายค่าสินบนแก่ผู้แจ้งเบาะแสนั้นในอัตราร้อยละ 20 และให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแก่ผู้แจ้งเบาะแส
5. ให้ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการในการพิสูจน์ทรัพย์สินตามประกาศนี้ จำนวน 5 คน ประกอบด้วยกรรมการ ป.ป.ช. อย่างน้อย 1 คน และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ร่วมเป็นกรรมการ และเมื่อผู้ถูกยึดหรืออายัดได้พิสูจน์การได้มาซึ่งทรัพย์สินแล้ว ให้อนุกรรมการดังกล่าวสรุปรายงานต่อ ป.ป.ช. ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นมีทรัพย์สินที่ต้องยึดหรืออายัดเป็นจำนวนเท่าใด มีเงินได้ในระยะเวลา 15 ปีย้อนหลังเป็นจำนวนเท่าใด และพิสูจน์การได้มาซึ่งเงินและทรัพย์สินอย่างไร ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเท่าใด และต้องคืนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเท่าใด เมื่อ ป.ป.ช. เห็นชอบรายงานนั้นแล้ว ให้เป็นอันเสร็จสำนวน
6. ทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดินตามประกาศนี้
6.1 ในกรณีเป็นเงินสด ให้ถือเป็นรายได้แผ่นดินและให้นำเข้าฝากในบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1
6.2 ในกรณีเป็นสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินประเภทที่สูญหายหรือเสียหายได้ง่าย ให้กรมบังคับคดีดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และนำเงินรายได้จากการขายส่งคลังตาม 6.1
6.3 ในกรณีเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือเป็นสังหาริมทรัพย์
ประเภทมีทะเบียน ให้กรมบังคับคดีประมูลขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และนำเงินที่ได้จากการขายส่งคลังตาม 6.1 โดยอนุโลม
7. ในกรณีที่จะต้องจ่ายเงินสินบนตามประกาศนี้ ให้จ่ายจากรายได้แผ่นดิน จากบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1
นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าถ้า คสช. ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของกฎหมาย ก็จะทำให้ ป.ป.ช. มีขีดความสามารถและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และจะมีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างแน่นอน.