PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

น.3คอลัมน์ : ท่าที ความพร้อม การเมือง ‘การเลือกตั้ง’ ปัจจัย คือ ‘คสช.’

น.3คอลัมน์ : ท่าที ความพร้อม การเมือง ‘การเลือกตั้ง’ ปัจจัย คือ ‘คสช.’


การนัดพบระหว่าง คสช.ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนอยู่ในฐานะประธานกับอีก 30 พรรคการเมืองเพื่อคุยเรื่อง “การเลือกตั้ง”
ถือเป็นเหมือน “พิธีกรรม”
ทั้งยังเป็นพิธีกรรมอันแทบไม่มีความจำเป็นอะไรเลย จึงมีพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ที่ปฏิเสธ
ไม่ปฏิเสธอย่างธรรมดา หากแต่ปฏิเสธในแบบ “วิพากษ์”
ขณะเดียวกัน กล่าวสำหรับพรรคการเมืองในจำนวน 30 พรรคที่ตอบรับคำเชิญ หากจับตาดูอย่างเกาะติดจะเห็นว่าเป็นการส่งคนไปในลักษณะ “ตัวแทน”
พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ไป
แม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทยซึ่งถือว่ามีสายสัมพันธ์แนบแน่นอย่างยิ่งกับ คสช. นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็บังเอิญติดธุระในต่างประเทศ
“พิธีกรรม” นี้จึงเป็นไปอย่างแกน-แกน
ถามว่าทำไมการหารือระหว่าง คสช.กับพรรคการเมืองครั้งนี้จึงไม่ได้รับความสนใจทั้งๆ ที่เป็นข้อกำหนดอันตราไว้ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560
คำตอบ 1 เพราะเป็นการใช้ “อำนาจ” นอกเหนือ “หน้าที่”
เด่นชัดยิ่งว่า ภาระหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติต้องเป็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ไม่ใช่เรื่องของ “คสช.”
คำตอบ 1 เพราะสภาวะลักลั่นในการดำเนินการ แรกทีเดียวมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม แต่ทำไปทำมากลายเป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลอยตัว
พลันที่ตกอยู่บนบ่าของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคการเมืองจำนวนไม่น้อยก็นึกถึงบรรยากาศของการประชุมในเรื่องปรองดองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560
เพราะในที่สุดก็ได้มาเพียง “น้องเกี่ยวก้อย”
มีความแจ่มชัดในลักษณะสะสมมาตั้งแต่เรื่องโรดแมป “เลือกตั้ง” กระทั่งปรากฏคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 มาแล้วว่า
ความไม่พร้อมในเรื่อง “เลือกตั้ง” มิใช่มาจาก “พรรคการเมือง”
ตรงกันข้าม ปัจจัยสำคัญก็คือ ความไม่พร้อมของ “คสช.” เห็นได้จากการเลื่อนโรดแมปจากที่เคยไปให้สัญญากับ นายชินโสะ อาเบะ เมื่อปี 2558 การไปประกาศในที่ประชุมสหประชาชาติเมื่อปี 2559 การไปประกาศต่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปี 2560
แต่ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก
ยิ่งเมื่อคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 ออกมายิ่งแสดงแจ้งชัดอย่างเป็นรูปธรรมว่า ใครกันแน่ที่ต้องการเตะถ่วง หน่วง ยื้อ การเลือกตั้ง เพื่อต้องการความได้เปรียบเหนือกว่า นับแต่เรื่องของ “สมาชิกพรรค” กระทั่งเรื่อง “การหาเสียง”
เป็น “คสช.” และพรรค คสช. ไม่ใช่ฝ่ายอื่น
ท่าทีและการเคลื่อนไหวของ คสช.จึงมิได้สร้างความมั่นใจ เพราะในที่สุดแม้กระทั่งการเลือกตั้งที่ว่าจะมีภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ก็ยังไม่แน่นอน
การหารือที่จัดโดย คสช.จึงเป็นเพียง “พิธีกรรม”
ท่าทีของพรรคการเมืองจึงเป็นท่าทีอันแสดงอย่างแจ้งชัดว่า หาก คสช.มีความพร้อมเมื่อใดก็ประกาศออกมาได้เลย ทุกพรรคการเมืองล้วนพร้อม
พร้อมต่อสู้แม้จะมาจาก “กติกา” ที่ คสช.เป็นผู้กำหนด

ยิ่งดิ้นแรงยิ่งเจ็บลึก!

ยิ่งดิ้นแรงยิ่งเจ็บลึก!



ไม่พกเมียไปด้วย ผ้าพันคอหลุยส์ วิตตอง ไทม์พาดหัว “สฤษดิ์น้อย” แอบนัดพบ “ทักษิณ”
4 ประเด็นร้อนๆบนกระดานข่าวที่เกิดขึ้นระหว่างช็อตโกอินเตอร์ของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.นำคณะ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง บินไปเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส
โรดโชว์เมกะโปรเจกต์เรือธงโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
นี่คือปรากฏการณ์ที่สะท้อนเลยว่า การโกอินเตอร์ไปยุโรปของผู้นำรัฐบาลถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสถานการณ์ชิงกระแสที่กำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งของประเทศไทย
ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ “บิ๊กตู่” ได้เครดิต จ้องเตะตัดขาทุกจังหวะ
ปั่นกระแสด้านลบ กลบเนื้อหาสาระสำคัญด้านบวก
ในขณะที่เห็นชัดได้ว่า ทีมรัฐบาลก็ต้องการเดินหมากยกระดับเครดิตของ พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยช็อตการเยือนอังกฤษ ฝรั่งเศส พูดคุยกับผู้นำแถวหน้าของโลกอย่าง “เทเรซา เมย์–เอ็มมานูเอล มาครง” เจรจาตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศไทยระยะยาว
เป้าหมายเสริมหล่อให้ “ลุงตู่” แต่งตัวพร้อมลงสนามเลือกตั้ง
แน่นอน ถ้าประเมินกันในภาพรวม อย่างที่ “นายกฯลุงตู่” ได้โอกาสชี้แจงโรดแม็ปเลือกตั้งและเงื่อนไขสถานการณ์เกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญของคนไทย
อธิบายความจำเป็นให้ผู้นำโลกเข้าใจในบริบทประเทศไทย
อีกทั้งยังได้อยู่ท่ามกลางกองเชียร์คนไทยที่รุมล้อมทั้งที่ลอนดอน อังกฤษ และปารีส ฝรั่งเศส ถือโอกาสอธิบายความเป็นไปในประเทศให้คนไทยต่างแดนได้รับรู้
เชียร์ให้สู้ อยู่ต่อยาวๆไปเลย
โดยบรรยากาศทำให้ผู้นำ คสช.ได้โอกาสเปิดใจ แม้แต่เรื่องที่ไม่เคยพูด คสช.ขอเลือก ส.ว.แต่งตั้งเองในห้วง 5 ปีแรก เพื่อป้องกันสภาผัวเมีย หรือประเด็นสำคัญการตีตั๋วต่อผ่านพรรคการเมืองเพื่อให้งานปฏิรูปต่อเนื่องไปสู่เป้าหมาย ที่ยังพอมีเวลาตัดสินใจ ให้ไปลุ้นกันในเดือนกันยายน
สะท้อนอารมณ์มั่นใจของคนที่ตัดสินใจแล้ว แต่ยังกั๊กอยู่ในที
แต่ลงรายละเอียดลึกซะขนาดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ตีตั๋วต่อผ่านนายกฯบัญชีพรรคพลังประชารัฐแน่
และให้สังเกตอารมณ์ที่บอกปัดกระแสข่าวดักคอ แอบพบอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในลอนดอน เจรจาเปิดทางให้ผู้นำ คสช.ต่อเวลาอำนาจหลังเลือกตั้ง
นอกจากปฏิเสธแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังเบิ้ลเป็นนัย “ถึงแม้จะอยากพบผม ผมก็ไม่ให้พบอยู่แล้ว”
แนวโน้มโยนให้เป็นความพยายามของอีกฝ่ายมากกว่า
นั่นหมายถึงอาการมั่นใจใน “แต้มต่อ” สถานะอยู่ในจุดที่เลือกได้
สถานการณ์ตรงกันข้าม ตามอาการ “นั่งไม่ติด” ของอดีตนายกฯทักษิณ ที่เทกแอ็กชันให้เห็นถึงความพยายามตามประกบเบิ้ลบลัฟ “นายกฯลุงตู่” ในช็อตเยือนยุโรป
เหมือนกับได้โอกาสดักทุบโจทก์ที่ออกนอกประเทศไทยมาอยู่ในถิ่นอิทธิพลของตัวเอง
และนั่นก็หนีไม่พ้น “มุกเก่ง” การโชว์ฟอร์มผ่านสื่อต่างชาติ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซี ล็อบบี้ไทม์ ตีกินกระแส มั่นใจเลือกตั้งเมื่อไหร่ พรรคเพื่อไทยก็ยึดอีสาน มาเป็นที่หนึ่งแบบถล่มทลาย
แถมแขวะ ลูกผู้ชายชาติทหารห้ามโกงก็แล้วกัน
แต่ไฮไลต์สำคัญมันอยู่ตรงที่ “ทักษิณ” บอกอยากอาสากลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
เพราะยังไม่แก่เกินไปที่จะกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทย เมื่อเทียบกับ “ปู่มหาเธร์ โมฮัมหมัด” ที่หวนคืนเก้าอี้นายกฯมาเลเซียในวัย 92 ปี
ปลุกผี งัดไม้ตาย เร้ากองเชียร์ยี่ห้อ “ทักษิณ”
ทั้งหมดทั้งปวง ประมวลตามรูปการณ์ “นายใหญ่ดูไบ” ต้องขยับตัวแรงๆ ภายหลังการเปิดตัวรีเทิร์น ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็น “แบ็กอัพ” ให้พรรคพลังประชารัฐ
สร้างแรงสั่นสะเทือนพรรคเพื่อไทย ภาคอีสานส่ออาการ “เลือดไหลออก” ไม่หยุด
แต่ยิ่งเทกแอ็กชัน ออกอาการชัดเท่าไหร่ “นายใหญ่” ก็ยิ่งเสี่ยงเข้า “เงี่ยง” กฎหมาย
แบบที่ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ่อสอบคลิป “นายใหญ่ดูไบ” ประกาศกลางวงงานเลี้ยงวันเกิด “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มั่นใจลูกข่ายพรรคเพื่อไทยจะกวาด ส.ส.อีสาน
แถมประจานไล่ส่งพวกย้ายพรรคหนี บอกจะเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มาแทน
ส่อเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ฐานครอบงำ ชี้นำกิจกรรมพรรคทำให้สมาชิกขาดความเป็นอิสระทั้งทางตรงและทางอ้อม
เดินเข้ากับดักที่ยี่ห้อ “มีชัย ฤชุพันธุ์” วางล่อไว้
โอกาสเสี่ยงสูงถึงสูงมาก ที่จะนำมาซึ่งเหตุยุบพรรคเพื่อไทย.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีอะไรหรอก

ไม่มีอะไร หรอก !!

“บิ๊กป้อม” เชื่อบ้านเมืองสงบ ยันเลือกตั้ง ยัน ไม่มีอะไร หรอก ช่วงพระราชพิธีฯ แม้”อ.วิษณุ” ตั้งเงื่อนไขเลือกตั้งช้า-เร็ว  พระราชพิธีฯผ่านไปเรียบร้อยหรือไม่ พอใจ นักการเมือง เข้าใจ คุยรู้เรื่อง 

พลเอกประวิตร  รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึง การพูดคุยกับ 74พรรคการเมือง ว่า  พอใจ เพราะผ่านไปอย่างเรียบร้อย  ทุกคนก็โอเค.หมด ทั้ง 74 พรรค นักการเมือง คุยดี รู้เรื่องเข้าใจ เป็นสัญญาณที่ดี 

โดยเรา ขอความร่วมมือนักการเมือง ในการสร้างความสงบเรียบร้อย  ซึ่งมันก็สงบอยู่  เราจะต้องทำให้สงบ ไปจนถึง วันมีการเลือกตั้ง  ก็ตัองร่วมมือกันทุกฝ่าย

ส่วนการที่ อ.วิษณุ” ระบุว่า ปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น ช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับว่า พระราชพิธีฯ จะผ่านไปด้วยความสงบเรียบร้อย หรือไม่ นั้น ไม่มี  ไม่มีอะไรหรอก