PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

พัลลภ ปิ่นมณี :"ผมลอบสังหารพี่ซัน (พล.อ.อาทิตย์) 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ"

พัลลภ ปิ่นมณี :"ผมลอบสังหารพี่ซัน (พล.อ.อาทิตย์) 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ"

เขียนวันที่
วันจันทร์ ที่ 19 มกราคม 2558 เวลา 18:00 น.
เขียนโดย
ทีมข่าวการเมืองพิเศษ
 “..ครั้งหนึ่งเคยลอบสังหารพี่ซันที่เชิงสะพานหน้าวัดเบญจมบพิตร ผมกับลูกน้อง 3 คน เตรียมปืนไปยิง คำนวณเวลา คำนวณความเร็วรถหมดแล้ว แต่เคราะห์ดีตอนที่ขบวนรถพี่ซันขับผ่าน มีพระ 3 องค์ มาเดินบิณฑบาตระยะที่ผมจะยิงพอดี ผมเลยไม่ได้ยิง ลองคิดดูช่วง 3 โมงเช้า ปกติพระจะไม่บิณฑบาตแล้ว ผมเลยคิดว่าพี่ซันเป็นคนมีบุญ เลยล้มเลิกความคิดลอบสังหารพี่ซันเสียตอนนั้น..”
twddddd
เช้าวันที่ 19 มกราคม 2558 วงการ “กองทัพไทย” สูญเสียบุคคลสำคัญชื่อ “พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด อดีตผู้บัญชาการทหารบก
“พล.อ.อาทิตย์” ถูกขนานนามว่า “บิ๊กซัน” ได้รับความไว้วางใจจาก “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก่อนที่จะถูก “พล.อ.เปรม” สั่งปลดในภายหลัง
โดยอ้างว่าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการลดค่าเงินบาท แต่แท้ที่จริงมีกระแสข่าวออกมาว่า “บิ๊กซัน” จะปฏิวัติ “ป๋าเปรม”
ฉากชีวิตที่โลดโผนในวงการ “ทหาร” ทำให้ “บิ๊กซัน” มีทั้งมิตร มีทั้งศัตรู
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอหยิบฉากชีวิตบางส่วนของ “บิ๊กซัน” จากปากคำบอกเล่าของ “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” ถึงเหตุการณ์รอดตายจากการโดนลอบสังหารมาเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง
“พล.อ.พัลลภ” เปิดฉากเล่าว่า “ความจริงผมสนิทกับพี่ซันมาก เหมือนนายกับลูกน้อง ผมเคยตามท่านไปราชการที่ประเทศเวียดนาม ท่านชอบกินขนมชนิดหนึ่ง ผมก็เอาติดให้ท่านได้กินประจำ”
ทว่าชีวิตนายกับลูกน้อง ระหว่าง “น้องลภ” กับ “พี่ซัน” ต้องขาดสบั้นลง
เมื่อ “พล.อ.พัลลภ” เข้าร่วมกับเพื่อน “จปร. 7” นำโดย “พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร” เตรียมทำรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
โดย “พล.อ.เปรม” ใช้พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่ง “พล.อ.อาทิตย์” ดำรงตำแหน่งรองแม่ภาคที่ 2 เป็นสถานที่ต่อสู้กับ “กบฎเมษาฮาวาย”
“ผมก็ทะเลาะกับพี่ซันตั้งแต่ตอนนั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก เพราะเข้าใจบทบาทของพี่ซัน ที่ต้องช่วยป๋าเปรมปราบพวกผม"
“พล.อ.พัลลภ” เล่าต่อว่า หลังที่ได้รับการอภัยโทษแล้วกลับมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ ส่วนตัวก็คิดจะวางมือไปอยู่เงียบทำไร่ทำนา ซึ่งได้ปลูกไร่ข้าวโพดไว้ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
“ตอนนั้นพี่ซันไปได้ข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่าผมซ่องสุ่มกำลังปฏิวัติ ทั้งที่ผมปลูกข้าวโพด ฝักกำลังสวยเลย พี่ซันก็ส่งทหารขึ้นเฮลิคอร์ปเตอร์มา 2 ลำ มากัน 20 คน ดูแล้วคงจะมาจับผม แต่โชคดีผมไม่อยู่รถเสียอยู่ปากช่อง พอไปถึงไร่ข้าวโพดลูกน้องบอกว่าอย่าเพิ่งขึ้นไปทหารอยู่กันเต็ม พอไม่เจอผมทหารที่มามันก็เผาไร่ข้าวโพดทิ้งหมด นี่วันนั้นถ้าผมอยู่ไม่มันก็ผมต้องตายกันไปข้าง ผมไม่ยอมให้จับหรอก มาจับก็ต้องสู้กัน”
“หลังจากนั้นผมบอกกับตัวเองต้องเอาคืนพี่ซันให้ได้ ผมก็จัดการด้วยวิธีของผม ซึ่งผมลอบสังหารพี่ซัน 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เฝ้าอยู่ประตูนี้ แต่พี่ซันออกไปอีกประตู คลาดกันตลอด”
“พล.อ.พัลลภ” เล่าต่อว่า “ครั้งหนึ่งเคยลอบสังหารพี่ซันที่เชิงสะพานหน้าวัดเบญจมบพิตร ผมกับลูกน้อง 3 คน เตรียมปืนไปยิง คำนวณเวลา คำนวณความเร็วรถหมดแล้ว แต่เคราะห์ดีตอนที่ขบวนรถพี่ซันขับผ่าน มีพระ 3 องค์ มาเดินบิณฑบาตระยะที่ผมจะยิงพอดี ผมเลยไม่ได้ยิง ลองคิดดูช่วง 3 โมงเช้า ปกติพระจะไม่บิณฑบาตแล้ว ผมเลยคิดว่าพี่ซันเป็นคนมีบุญ เลยล้มเลิกความคิดลอบสังหารพี่ซันเสียตอนนั้น”
ในช่วงปี 2551 “พล.อ.พัลลภ” เดินทางไปหาเสียงให้กับเพื่อนที่จังหวัดเลย บังเอิญได้เจอกับ “พล.อ.อาทิตย์” อีกครั้ง
“ผมเจอพี่ซันที่จังหวัดเลย ผมก็เข้าไปทักสวัสดีครับนาย พี่ซันก็อ๋อไอ้ลภ มึงนี่ลอบฆ่ากู 7 ครั้งนะ ผมก็บอกว่าไม่ใช่พี่ ผมลอบฆ่าพี่แค่ 3 ครั้ง พี่ซันไม่ถือโกรธผม แค่บอกว่าไอ้ห่า แล้วเขกกบาลผมทีนึง ก็จบกันไป”
สุดท้าย “พล.อ.พัลลภ” บอกว่า “ผมโชคดีที่ฆ่าพี่ซันไม่ได้ พี่ซันก็โชคดีที่ฆ่าผมไม่ได้ เราทั้งสองคนต่างโชคดี แต่ทุกอย่างก็เป็นสัญจธรรม พี่ซันก็เป็นพี่ที่ดีของผม”
ทั้งหมดคือปากคำของ “พล.อ.พัลลภ” ผู้ลอบสังหาร “บิ๊กซัน” 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ !!!

105 ตุลาการเข้าชื่อเสนอปฏิรูปศาลปกครอง ปรับแก้หากเป็นครบ 2 ปีก่อนอายุ 65

105 ตุลาการเข้าชื่อเสนอปฏิรูปศาลปกครอง ปรับแก้หากเป็นครบ 2 ปีก่อนอายุ 65 โดยขยายเวลาไม่ได้ ป้องใช้อำนาจโดยไม่เหมาะสม ชี้นานกว่าศาลยุติธรรม-อัยการ
PIC-sanpokkrong-19-1-58 2
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2558 นายประสาท พงษ์สุวรรณ อธิบดีศาลปกครองจังหวัดระยอง พร้อมตัวแทนคณะตุลการศาลปกครอง ได้รวบรวมรายชื่อตุลาการศาลปกครอง 105 ชื่อ เสนอเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญ และปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปศาลปกครอง ต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ
สำหรับข้อเสนอการปฏิรูปศาลปกครอง มีเนื้อหาหลักอยู่ 6 ประเด็น เช่น ปรับปรุงระบบศาลและวิธีพิจารณาเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยควรเร่งรัดการพิจารณาคดีให้เร็วขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการฟ้องคดี ปรับปรุงเงื่อนไขในการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เป็นต้น
และเสนอให้อายุในการดำรงตำแหน่งทางบริหารของตุลาการและประธานศาลปกครองสูงสุด โดยให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นเข้ารับราชการได้ตั้งแต่อายุ 35-70 ปี โดยให้พ้นจากตำแหน่งบริหารทุกระดับไปเป็นตุลาการอาวุโสเมื่ออายุ 65 ปี เพื่อไม่ให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารในขณะที่มีอายุมากเกินไป และทำให้การเลื่อนตำแหน่งในระดับล่าช้าเกินไป
สำหรับตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด หากดำรงตำแหน่งมาครบ 2 ปี ก่อนอายุ 65 ปี ก็ให้พ้นจากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดไปเป็นตุลาการอาวุโสด้วย โดยไม่อาจขยายระยะเวลาได้ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยไม่เหมาะสมหากดำรงตำแหน่งนี้ยาวนานเกินไป จะยาวนานกว่าศาลยุติธรรม และอัยการที่เข้ารับราชการในอายุใกล้เคียงกัน จึงเป็นได้เพียง 1-2 ปีเท่านั้นในทางปฏิบัติ แต่ศาลปกครองอาจเข้าเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดได้ตั้งแต่อายุ 45-64 ปี จึงจำเป็นต้องกำหนดไว้เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต 
นอกจากนี้ยังเสนอแนะด้านระบบศาล อำนาจศาลปกครอง และคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลนั้น ให้คงไว้เหมือนเดิม เพียงแต่ให้แก้ไขกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มจาก 4 คน เป็น 6 คน ด้านโครงสร้างศาลและการเลื่อนตำแหน่งตุลาการ 
ส่วนในเรื่องหลักประกันความเป็นอิสระของตุลาการ และความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานธุรการกับศาลนั้น มีการระบุว่า ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีอำนาจแต่งตั้ง ถอดถอน และลงโทษทางวินัยเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เป็นต้น
ทั้งนี้ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า จะรับข้อเสนอของศาลปกครองไปพิจารณาต่อไป

PIC-ศาลปกครอง-1

PIC-ศาลปกครอง-2
PIC-ศาลปกครอง-3

สุริยาอัสดง "พล.อ.อาทิตย์"ถึงแก่อนิจกรรม

‘พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก’ ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ที่รพ.พระมงกุฎฯ เช้านี้
วันที่ 19 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผบ.ทบ. ผบ.สส. และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเลย ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 06.20 น. ที่ผ่านมา ที่รพ.พระมงกุฎฯ
ประวัติ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก เกิดวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2468 เป็น อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเลย
สำเร็จชั้นประถมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนพรหมวิทยามูล เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน) เลขประจำตัว 3827 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยม 6 ในปี พ.ศ. 2484 และ โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร เข้าศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารบก รุ่นที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2487 - 2491 รุ่นเดียวกับ พล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์, พล.อ.บรรจบ บุนนาค และพลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์
พล.อ.อาทิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2525 สืบต่อจาก พล.อ.ประยุทธ จารุมณี ที่เกษียณอายุราชการ จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2526 สืบต่อจาก พล.อ.สายหยุด เกิดผล โดยดำรงตำแหน่งทั้งสองควบคู่กัน
ขณะนั้นตรงกับรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังโดย นายสมหมาย ฮุนตระกูลได้มีการลดค่าเงินบาท เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2527 ถึง 14.8% จาก 23 บาท เป็น 27 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ พลเอกอาทิตย์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง [2] ทำให้เกิดความบาดหมาง และนำมาซึ่งการไม่ต่ออายุราชการของ พล.อ.อาทิตย์ และการปลด พล.อ.อาทิตย์ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก อย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 และแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่งแทน [3]
หลังจากเกษียณราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาทิตย์ ได้เข้ามาเล่นการเมือง โดยได้ก่อตั้งพรรคปวงชนชาวไทย สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ[note 1] แต่ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่ ก็ถูกจี้จับตัวโดยคณะ รสช. นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร ขณะกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534[3]
ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พรรคปวงชนชาวไทยของ พล.อ.อาทิตย์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น พรรคชาติพัฒนา โดยมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณเป็นหัวหน้าพรรค
ชีวิตส่วนตัว พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก มีชื่อที่เรียกเล่นๆ โดยสื่อมวลชนว่า "บิ๊กซัน" เป็นบุตรของ ร้อยตรี พิณ และนางสาคร กำลังเอก ชีวิตครอบครัวสมรสกับ ท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก (3 กุมภาพันธ์ 2474 - 11 มีนาคม 2526)