PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

‘เป็นชุด’ อุดยังไงให้ทัน

‘เป็นชุด’ อุดยังไงให้ทัน



วิ่งอุดเลือดไหลออกกันไม่ทันเลย
ในอารมณ์แบบที่ลูกข่ายสายตรง “นายใหญ่” หน่วยสอดส่องของพรรคเพื่อไทย กำลังตีฆ้องร้องป่าวยุทธการดูด ส.ส.เข้าค่ายพลังประชารัฐ
แฉดักคอดักทาง ประจานดักหน้าดักหลังกันทุกวัน
แต่หันมาอีกทีก็ต้องสะดุ้ง กับมุกความเคลื่อนไหวเครือข่ายสามมิตรพยายามดึงแกนนำเสื้อแดง นชป.ในภาคอีสานเป็นแนวร่วมกับค่าย “พลังประชารัฐ” ในการสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ตีตั๋วต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ไม่ใช่แค่อดีต ส.ส.เกรดเอที่โดนดูด แม้แต่แกนนำเสื้อแดงยังหาย
ถามว่า เกมนี้มีเอฟเฟกต์แค่ไหน คำตอบมันก็อยู่ที่อาการของ “เดอะเต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำตัวจี๊ดกลุ่มเสื้อแดง นปช.ที่ต้องออกจากที่ซุ่ม “มุมหลบคุก” โวยวายใส่เกมดูดเสื้อแดง
นั่นแสดงว่า มันตรงเป้ายุทธศาสตร์ตัดกำลัง “นายใหญ่” เข้าจุดโฟกัส
แม้โดยลีลากลบเกลื่อน นายณัฐวุฒิจะถากถางกลุ่มสามมิตร เยาะเย้ยเกมย่อยสลาย นปช.ดูดไม่คล่องคอ แต่โดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่ทีม “นายใหญ่” ก็ปฏิเสธความจริงไม่ออก
กับดีกรีความร้อนแรงของกลุ่มเสื้อแดง นปช.ที่เบาลงจนรู้สึกได้
ภายหลังแกนนำส่วนหนึ่งเข้าไปอยู่ในเรือนจำ บางคนก็เพิ่งพ้นโทษออกมารอลุ้นคดีที่ยังค้างอยู่ ขณะที่บางส่วนก็มีคดีอยู่ระหว่างลุ้นศาลตัดสิน จ่อเข้าไปในเรือนจำ
เกมมวลชนลากถลำลึก จนคนเสื้อแดงต้องติดคุกจริง
ต้องเผชิญวิบากกรรมชีวิตจริง
และรู้ตัวแล้วว่า ถึงเวลาไม่มีใครกลับมาช่วยได้จริง
แม้แต่ตัวนายณัฐวุฒิเองก็ยิ่งชัดเจนกว่าใคร กับสถานะที่ต้องเป็น “ตัวชน” แทน “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานเสื้อแดง นปช.ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ
ตามรูปเกมจำเป็นต้องประคองกระแส รักษาเรตติ้งเสื้อแดงไม่ให้ตก
เพราะมันคืออำนาจต่อรองที่เหลืออยู่ของ “นายใหญ่”
แต่ก็เป็นอะไรที่สังเกตได้ “เดอะเต้น” ก็เล่นแบบผลุบๆโผล่ๆ เพราะแหยงคดีที่ติดชนักปักหลังอยู่
ไม่นับอาการของพวกที่สู้แล้วรวย อยากเลิกไปใช้ชีวิตปกติสุข
นั่นก็ทำให้แรงจูงใจของคนเสื้อแดงในการลุยหักดิบไปกับ “นายใหญ่” นับวันจะเหือดหายไป
ตามจังหวะมันก็เข้าเหลี่ยม ยุทธศาสตร์สลายตัวเงื่อนไขขัดแย้ง
ฝ่ายคุมเกมอำนาจต้องเคลียร์โจทย์สำคัญ นอกจากตัดฐานกำลังอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในจังหวะต่อเนื่องก็ต้องสลายแนวร่วมเสื้อแดง นปช.ในภาคอีสานที่ยังปักหลักเป็นฐานกำลังสนับสนุน “ทักษิณ ชินวัตร”
ตัดกองหนุน “นายใหญ่” ทั้งเกมมวลชนและพรรคการเมือง
เรื่องของเรื่อง ยุทธการแบบนี้ คสช.ก็ดำเนินการมาตลอดตั้งแต่ต้น แบบที่มีคนของ “นายใหญ่” ออกมาแฉประจานการส่งทหารบุกไปประกบมวลชนเสื้อแดงถึงในหมู่บ้านตามภาคอีสาน
นั่นแสดงว่า ทหารทำไม่เนียน โดนจับไต๋ได้
เสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยปักหลักต้านเต็มที่
แต่มาตรงนี้ ถึงจุดที่ต้องใช้บริการนักการเมืองเข้าไปสลายเงื่อนไขมวลชน
เบื้องต้นถือว่า ทำได้เนียนกว่าท็อปบูต
จากสถานการณ์ที่กลุ่มสามมิตรเปิดชื่อเปิดบัญชีแกนนำเสื้อแดงในภาคอีสาน ดึงมาเป็นแนวร่วมค่ายพลังประชารัฐ สนับสนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี
ถึงขั้นที่ “เดอะเต้น” ต้องออกจากที่ซุ่มมาโวยวาย สกัดดักคอดักทาง
แต่ในสถานการณ์ที่อีกทางก็เป็นยุทธการปั่นแต้ม ปูทางเข้าโหมดเลือกตั้ง
ตามจังหวะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ สั่ง “ติดเครื่อง” อัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก “ปล่อยของ” มาตรการบรรเทาปัญหาปากท้อง ทั้งคืนภาษีคนมีรายได้น้อย พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ดันราคาข้าวไม่ต่ำกว่าโครงการจำนำ แถมบวกออปชันพิเศษ ฯลฯ
ปล่อยโปรโมชันกันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์
ทีมงาน “นายกฯลุงตู่” จัดรัฐสวัสดิการให้ประชาชนคนไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน
อัดยา “ประชารัฐ” มาแก้อาการเสพติดยี่ห้อ “ประชานิยม”
ทั้งดูด ทั้งดึง ทั้งปล่อยของ เพื่อไทยจะอุดยังไงให้ทัน.
ทีมข่าวการเมือง

ปรับโทนเปลี่ยนยี่ห้อ

ปรับโทนเปลี่ยนยี่ห้อ



เพิ่งมีภาพปรากฏอยู่ในสนามเชียร์บอลโลกคู่ “อังกฤษ-โครเอเชีย” ที่ประเทศรัสเซีย
กระตุกเรตติ้ง กระตุ้นกองเชียร์พรรคเพื่อไทยได้ปลื้มกับช็อตที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กับ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องอดีตผู้นำไทยช่วยกันลุ้น “อังกฤษ” ทีมรัก แล้วก็พลาดหวังไปตามๆกัน
และนั่นก็มาไล่ๆกันเลย กับข่าวลึกปมร้อนล่าสุด พาดหัวข่าวใหญ่หนังสือพิมพ์
“รัฐส่อสูญแสนล้าน” เพราะองค์การคลังสินค้า (อคส.) ฟ้องแพ่งคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวในยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ไม่ทัน
ตามสัญญาณที่กระทรวงพาณิชย์ต้องสั่งการขั้นเด็ดขาดให้ อคส.เร่งมือแบบด่วนจี๋ พร้อมให้รายงานผลทุก 15 วัน ขีดเส้นฟ้องให้ทันภายในเดือนกันยายนนี้
“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” โผล่ลุ้นบอลโลก ตามจังหวะได้ลุ้นต่อคดีฟ้องแพ่งจำนำข้าว
กระแสเขย่าปมค่าโง่ ประจาน “เรือเกลือ” อคส. เสี่ยง “ฟาวล์”
โดยรูปการณ์ที่เดาทางได้ จากนี้ไปปมร้อนไล่บี้ฟ้องแพ่งแสนล้าน เรียกค่าเสียหายคดีทุจริตจำนำข้าวจากอดีตรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” จะเป็นกระแส “แรงส่ง” ให้รัฐบาล คสช. เร่งลงดาบ
ตอกย้ำพฤติการณ์คอร์รัปชัน ขยายผลด้านลบของประชานิยม
ฉายภาพอีกด้านของโครงการจำนำข้าว สินค้าที่ติดตลาดของยี่ห้อ “ทักษิณ”
ภายใต้บรรยากาศสถานการณ์ที่กำลังเข้าสู่โหมดเตรียมเลือกตั้งอย่างเป็นธรรมชาติ
จับจังหวะที่รัฐบาลกำลัง “ติดเครื่อง” ปั่นแต้มคะแนนนิยม
“ปล่อยของ” กันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์
ล่าสุด กับโปรโมชันของ “จอมยุทธกวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินสายจ่ายงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สั่งอัดฉีดแผนพักหนี้ให้กับเกษตรกรที่กู้ยืมเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นรายบุคคล โดยพักชำระหนี้ให้เกษตรกร 3 ปี ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนภาคเกษตรที่มีหนี้สินมากจนทำให้ชาวไร่ชาวนาหายใจลำบาก
“เร่งหยอดน้ำมัน” เศรษฐกิจฐานราก ประคองสถานการณ์ปากท้องคนมีรายได้น้อย
ตามจังหวะ “ปล่อยของ” ทีละดอก ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลทยอยออกนโยบายภายใต้โครงการสวัสดิการประชารัฐ จากที่ก่อนหน้าก็มีรายการคืนแวตให้ผู้มีรายได้น้อยใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการประชารัฐ ต่อเนื่องกับดอกแรกการประคองราคาข้าวปีนี้ เกษตรกรชาวนาจะได้ไม่ต่ำกว่าจำนำข้าว บวกเงินเพิ่ม 3,000 บาท
เดินหน้ายุทธศาสตร์เพิ่มโอกาสให้คนไทยที่ไม่มีระบบสวัสดิการ
“ของฟรี” ยังไงชาวบ้านก็ชอบ
ในทางการเมืองถือว่า ตอบโจทย์ “สมคิด” ที่ต้องปั่นเรตติ้งยี่ห้อ “ประชารัฐ” ให้ติดหูติดตาชาวบ้าน
เพิ่มโอกาสในการชิงส่วนแบ่งการตลาดกับยี่ห้อ “ประชานิยม”
อารมณ์ของมือการตลาดอาชีพต้องคิดยี่ห้อใหม่มาตีตลาดยี่ห้อเก่าที่ตัวเองมีส่วนออกแบบไว้
แต่นั่นก็อยู่ภายใต้บริบทของคนที่มี “บทเรียน” มาแล้ว
ตามแนวโน้มที่เห็นได้เลยว่า ระบบสวัสดิการของ “สมคิด” เป็นการปรับจากยี่ห้อ “ประชานิยม” ที่ถูกวิจารณ์เป็นแค่เครื่องมือทางการเมือง “มอมเมา” ประชาชนด้วยการให้จนพึ่งตัวเองไม่ได้
สุดท้ายเสี่ยงทำให้ระบบงบประมาณประเทศล่มสลาย
ลดโทนมาเป็นยี่ห้อ “ประชารัฐ” ที่เน้นการจัดสวัสดิการให้ประชาชน สร้างเครือข่ายระหว่างรัฐบาล ข้าราชการ ภาคเอกชน และชาวบ้าน เป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ที่สำคัญปิดจุดอ่อนในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน
เรื่องของเรื่อง มันมีจุดเทียบเคียงกัน กับผลที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
10 กว่าปีก่อน “ทักษิณ” ใช้ “ประชานิยม” เป็นเครื่องมือเข้าสู่อำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง
สุดท้ายหลงเข้าป่าเข้าพง ต้องเผชิญชะตากรรมยากลำบากทั้งตัวเองและประเทศชาติ
ขณะที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังมีโอกาสลุ้นยี่ห้อ “ประชารัฐ” เป็นเครื่องมือในการตีตั๋วต่อเก้าอี้ผู้นำช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูป เพื่อเดินหน้าภารกิจยกเครื่องใหญ่ประเทศไทยอย่างที่ให้สัญญาประชาคมไว้กับชาวบ้าน
โดยสถานการณ์ที่ “สมคิด” มีส่วนสำคัญ เกี่ยวข้องทั้งสองกรณี
แน่นอน คนอย่าง “จอมยุทธกวง” คงไม่มีคิวผิดพลาดซ้ำสอง.
ทีมข่าวการเมือง