ที่มา ไทยรัฐ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษายกฟ้อง “ทักษิณ” กรณีที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็น “ซุปเปอร์บอส” คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้
เวลา 14.30 น. วันที่ 30 ส.ค. 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2555 คดีหมายเลขแดง อม. 55/2558 ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 27 คน คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทในเครือบริษัท กฤษดามหานคร เรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ยักยอก ความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ความผิดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ชั้นยกคดีขึ้นพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 1)
ทั้งนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 1 ในวันนี้ ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำวินิจฉัยในสาระสำคัญกรณีคำว่า “ซุปเปอร์บอส” หรือ “บิ๊กบอส” ที่ นายณรงค์ชัย อินทรมีทรัพย์ แจ้งว่ามีลักษณะที่น่าจะหมายถึง นายทักษิณ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะเกิดเหตุ เป็นเพียงการคาดเดาไปตามความเข้าใจของนายณรงค์ชัย ซึ่งนายณรงค์ชัยไม่รู้จักนายทักษิณเป็นการส่วนตัว เพียงแต่อ้างว่า นายวิโรจน์ นวลแข จำเลยที่ 2 โทรศัพท์มาบอกว่า “ซุปเปอร์บอส ตกลงแล้ว อย่าถามข้อมูลมาก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว”
ทางด้าน นายอุตตม สาวนายน ก็ปฏิเสธว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้โทรศัพท์มาหา การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้ บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด โดยนายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา และนายบัญชา ยินดี จำเลยที่ 19 ในส่วนของนายอุตตม จึงไม่ได้เกิดจากจำเลยที่ 2 โน้มน้าวให้อนุมัติเพราะได้รับคำสั่งจากนายทักษิณ
“พยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมายังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 สั่งการผ่านจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้อนุมัติสินเชื่อดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นคดีแรกจากทั้งหมด 5 คดี ที่มีการพิพากษาลับหลังจำเลย ซึ่ง นายทักษิณ ตั้งทนายความสู้ และเป็น 2 จาก 5 คดี ที่มีการพิพากษายกฟ้อง พร้อมกับมีการสั่งให้ถอนหมายจับเฉพาะคดีนี้ด้วย.

(ภาพจากอินสตาแกรม thaksinlive)