PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ผ่าชะตาชีวิต “ทักษิณ” ใช้จุดแข็งลุยศึกเลือกตั้ง : ชนะคะแนน แพ้เกมอำนาจ

ผ่าชะตาชีวิต “ทักษิณ” ใช้จุดแข็งลุยศึกเลือกตั้ง : ชนะคะแนน แพ้เกมอำนาจ



ทั่วโลกพากันส่งแรงใจไปให้ประชาชนชาว สปป.ลาว
จากภัยพิบัติเขื่อนเซเปียน–เซน้ำน้อย แขวงอัตตะปือ ที่กำลังก่อสร้างเกิดสันเขื่อนแตก มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนผู้คนต้องหนีตายกันโกลาหล
เสียชีวิตหลายสิบรายสูญหายนับร้อย
โดยสถานการณ์ที่ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยแบบสุดกำลัง
ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้คณะสงฆ์หนตะวันออกทุกจังหวัด รวบรวมกัปปิยภัณฑ์พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค เท่าราคา 1 ล้านบาท เพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัยในครั้งนี้
ส่วนภาครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้มอบเงิน 5 ล้านบาทผ่านทางนายแสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูต สปป.ลาวประจำประเทศไทย เพื่อช่วยเหลืออุทกภัยจากเหตุเขื่อนแตกใน สปป.ลาว
กองทัพ หน่วยกู้ภัย ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือเพื่อนบ้าน
หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในกรุงเทพฯต่างจังหวัดระดมบริจาคส่งไปช่วยผู้ประสบภัย
แสดงพลังน้ำใจคนไทยที่ยิ่งใหญ่เสมอ
ยามเกิดภัย พร้อมใจกันช่วยหมด ไม่เลือกเขาเลือกเรา
ตัดฉากกลับไปที่บรรยากาศการเมือง ตามท้องเรื่องที่ยังแบ่งเขาแบ่งเราไม่เลิกรา
ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” นำคณะหางเครื่องชุดใหญ่ ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดอุบลราชธานี ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายจากเจ้าถิ่น ทั้งยี่ห้อเพื่อไทยและค่ายประชาธิปัตย์ช่วยกันตีฆ้องร้องป่าว ประจานดักหน้าดักหลัง
ตีกัน “พลังดูด” ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”
แต่ดูแล้วก็เหมือนเสียงโจมตีโห่ฮาไม่ได้มีผลอะไร จับอารมณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดชัดเลยว่า ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ยิ่งต้องลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรถี่ขึ้น
ตรงไหนไม่ชอบ ยิ่งต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจ
คนเป็นผู้นำต้องไปได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย
เป็นอะไรที่ปูทางล่วงหน้า จากนี้ไปจนกว่าจะเลือกตั้งคิวประชุม ครม.สัญจรจัดเต็มแน่
นั่นก็เพราะบวกลบคูณหาร ว่ากันตามเหลี่ยมยุทธศาสตร์การตลาด คิวประชุม ครม.สัญจรเริ่มตั้งแต่สุพรรณบุรีจังหวัดแรกมาถึงอุบลราชธานี มันคืออีเวนต์การเมืองที่ทำให้ “นายกฯลุงตู่” สามารถชิงกระแส เบียดแย่งพื้นที่ข่าว
โกยแต้มโกยคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ
ที่สำคัญมันคือจังหวะตอกย้ำยี่ห้อ “พลังประชารัฐ”
กับสารพัดมาตรการอัดฉีดที่รัฐบาลติดไม้ติดมือไปฝากประชาชนคนมีรายได้น้อยถึงหัวบันไดบ้าน
แบบที่มติที่ประชุม ครม.สัญจรจังหวัดอุบลราชธานี อนุมัติงบประมาณ 9.7 หมื่นล้านบาทซื้อใจชาวนา
อุดหนุนมาตรการดูแลข้าวปี 2561/62 กำหนดราคาจำนำยุ้งฉางและเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว สรุปตัวเลขชาวนาจะได้รับในส่วนของข้าวหอมมะลิตันละ 17,050 บาท ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 15,450 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 12,000 บาท และข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ตันละ 12,900 บาท
พะยี่ห้อ “ลุงตู่” สั่งลุย จัดหนักโปรโมชันอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก
ตามจังหวะที่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณออกมาก่อนหน้าจะอัปราคาข้าว ไม่ต่ำกว่าโครงการรับจำนำ
ทีม “นายกฯ ลุงตู่” หงายไพ่เด็ด กินแต้มเกษตรกรชาวนา
ในจังหวะกำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ก็ไม่แปลกที่จะได้เห็นอาการคึกคักของ “นายกฯลุงตู่” ประกาศดังๆพร้อมสู้ตาย
รับมุกเสียงเชียร์ของคนอุบลฯ “พวกเรารักลุงตู่”
เริ่มออกอาการมั่นใจ แถมเหลือไพ่ในมือให้ตีกินแต้มอีกหลายใบ
ตามสถานการณ์ที่อิงตามตัวเลขเชิงวิชาการ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำรวจความนิยมล่าสุดเป็นรอบที่สาม พล.อ.ประยุทธ์ ยึดแป้นอันดับหนึ่ง ประชาชนต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายเลือกตั้งปัจจุบันด้วยคะแนนร้อยละ 31.2
ทิ้งห่างอันดับสอง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเพื่อไทย และอันดับสาม “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชา-ชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แบบ 2–3 ช่วงตัว
ดูตามโพย ณ วันนี้ “ลุงตู่” ยังไม่มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมาประกบ
ในจังหวะที่ยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” ก็แซงพรวดขึ้นมาอยู่อันดับสอง รองจากพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากสุดในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
สถานการณ์หนุนเนื่อง ปัจจัยเอื้อ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
กุมความได้เปรียบแทบทุกประตู
แต่อย่างไรก็ตาม ว่ากันตามตัวเลขโพลที่ออกมา คะแนนพรรคเพื่อไทยก็ยังนำเป็นอันดับหนึ่งในฐานะพรรคที่ประชาชนอยากให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นั่นหมายถึงยี่ห้อ “ทักษิณ” ก็ยังครองตำแหน่งแชมป์อยู่
ท่ามกลางยุทธศาสตร์ตัดทอนกำลัง “นายใหญ่” ทั้งดูดอดีต ส.ส.เพื่อไทย เจาะฐานเสื้อแดงภาคอีสาน
และตามเงื่อนไขสถานการณ์มันจึงน่าจับตา กับปรากฏการณ์ขยับตัวแรงๆของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ใช้โอกาสวันเกิดครบรอบปีที่ 69 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เป็นอีเวนต์การเมืองกระตุกกระแส กระตุ้นเรตติ้ง
โดยการปล่อยชื่อคนเดินทางไปร่วมงานอย่าง “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว “ทักษิณ” แกนนำกลุ่มวังบัวบาน “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงพรรคเพื่อไทย “เสี่ยเพ้ง” นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำสายตรงดูไบ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คนสนิทของนายใหญ่ ฯลฯ
ล้วนแล้วแต่ระดับหัวแถวเบอร์ต้นๆของพรรคเพื่อไทย
เข้าใจได้ตามรูปการณ์ เป็นคิวเคลียร์ความชัดเจน “นอมินี” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
แต่ก็เป็นอะไรที่น่าสังเกตว่า รอบนี้ “นายใหญ่” จัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ไกลถึงอังกฤษ จากปกติที่จะบินโฉบมาป้วนเปี้ยนๆอยู่ใกล้เมืองไทยอย่างฮ่องกง หรือสิงคโปร์
นั่นหมายถึง “นกแล” เบอร์เล็กเบอร์น้อย หมดโอกาสแห่ไปอวยพร “นายใหญ่”
อดรับของขวัญจากเจ้าของวันเกิดติดไม้ติดมือกลับเมืองไทย
ในห้วงจังหวะที่อดีต ส.ส.ชะเง้อคอรอน้ำเลี้ยงที่เหือดแห้ง หัวจ่ายไม่ทำงาน
สถานการณ์ล้อกระแสข่าววงใน “นายใหญ่” สั่งน้องสาวอย่าง “เจ๊แดง” เปิดหัวจ่ายสู้พลังดูดยี่ห้อสามมิตร
แต่ของจริงก็ยังนิ่ง อดีต ส.ส.เพื่อไทยต้องอยู่ในโหมดชั่งใจหนัก นั่งดูเพื่อนย้ายพรรคย้าย สังกัดเข้าพรรคพลังประชารัฐอย่างต่อเนื่อง
ตามท้องเรื่องเพื่อไทยกระแสดี แต่น้ำเลี้ยงไม่เดิน
ภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดแบบที่รู้ๆกัน วันนี้
หัวจ่ายที่เคยใช้กดปุ่มจากนอกประเทศ ประเภทเงินถุงเงินถังอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็หันหลังสลับข้างไปหนุน “นายกฯลุงตู่” คลังสำรองระดับนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีสายเหนือ ก็หลบเข้ามุม “เสี่ยเพ้ง” ก็ติ๊ดชึ่ง
แม้แต่ “เจ๊แดง” เอง ก็ใช่ว่าจะยอมเปิดเซฟง่ายๆ ถ้าเป้าหมายสู้ ไม่ใช่หนุน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
อะไรก็ไม่เท่ากับสถานการณ์ “อึดอัด” กับชนักปักหลัง
ตามจังหวะแบบที่เห็น พอ “ทักษิณ” ขยับอีเวนต์วันเกิด ก็เจอหมายจับใบที่ 5 คดีหวยบนดิน
พร้อมๆกับคิวที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำตัว “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน พร้อมพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหา 1-3 ในคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับเครือกฤษดามหานคร ส่งฟ้องอัยการ
ปรากฏการณ์ทางคดีที่จ่อล้อมหน้าล้อมหลัง ลำพังตัวเองไม่เท่าไหร่ แต่มันสำคัญที่ “ลูกโอ๊ค”
นั่นก็เลยเริ่มมีเครื่องหมายคำถาม “ทักษิณ” จะสู้แค่ไหน
เกหมดหน้าตัก หรือแค่ประคองกระแส
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่รู้กันอยู่สู้ไปก็ต้องไปเผชิญวิบากทางข้างหน้า
ชนะคะแนนเลือกตั้ง แต่แพ้เกมอำนาจ.
“ทีมการเมือง”