PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

"บิ๊กป้อม" ยอมรับ "เรือเหาะ" ตอนแรกก็คิดว่าดี แต่พอใช้งานจริง ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักคนได้มาก



"บิ๊กป้อม" ยอมรับ "เรือเหาะ" ตอนแรกก็คิดว่าดี แต่พอใช้งานจริง ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักคนได้มาก ถาม จะให้รับผิดชอบยังไง/
เปิดทาง สตง. สอบใช้งบฯ ซื้อเรือเหาะ ยันไม่ใช้ ในทางที่เสียหาย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี
การยุติใช้เรือเหาะตรวจการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ให้กองทัพบกเป็นผู้ชี้แจง ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้สั่งการอะไรไป เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องของกองทัพบกได้ตรวจสอบอุปกรณ์การใช้งาน
เมื่อถามว่า จัดซื้อยุทโธปกรณ์ต่อไปทางคณะกรรมการกำหนด มาตรฐานยุทโธปกรณ์ กองทัพบก (กมย.ทบ.) จะต้องพิจารณาให้มีความรอบคอบยิ่งขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับเรื่องเรือเหาะตอนแรกก็คิดว่าดี แต่พอกำลังพลนำมาใช้งานจริง แล้วคนขึ้นไปเรือเหาะ ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักคนได้มาก
เมื่อถามย้ำว่ากองทัพบกต้องรับผิดชอบกับงบประมาณที่สูญเสียไปหรือไม่ พบ.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะให้รับผิดชอบยังไง
แต่ยืนยันว่าเราตั้งใจทำงานเพื่อให้ทั้งประชาชนและทหารมีความปลอดภัย จากการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม เมื่อเปรียบเทียบกับการสูญเสียของกำลังพล1 คน ไม่สามารถประเมินค่าได้ได้
อย่างไรก็ตาม หากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิจ (สตง.) เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณนั้น ตนคิดว่าสามารถตรวจสอบได้เลย เพราะเราไม่ได้นำงบประมาณไปใช้ในทางที่เสียหาย

บิ๊กป้อม ยัน "ยิ่งลักษณ์" จะไม่มาฟัง คำตัดสิน ศาล 27 กย.นี้



การข่าวแจ๋วว มว๊ากกก!!
บิ๊กป้อม ยัน "ยิ่งลักษณ์" จะไม่มาฟัง คำตัดสิน ศาล 27 กย.นี้ เผย ยังไม่พบเงา"ยิ่งลักษณ์" ตรวจวงจรปิด ไม่คืบ
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยังคงติดตาม หาเบาะแส ของ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ ทำแต่ในประเทศ ไม่ได้หาข่าวว่า ไปประเทศไหน แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จากการติดตาม จากภาพวงจรปิด แต่เท่าที่ทราบ นส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่มา ฟังคำตัดสินศาล ในคดีจำนำข้าว 27 กย. นี้. และเชื่อว่า มวลชน ก็คงจะไม่มากันมากนัก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี ความคืบหน้าการติดตามเส้นทางและหาตัวบุคคลที่ช่วยเหลือ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดี ว่า เจ้าที่ดำเนินการติดตามตัวว่าใคร ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่า นส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ไหน แต่เจ้าหน้าที่ก็พยายามติดตามกันอยู่
ส่วนจะแถลงความคืบหน้าหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีการชี้แจงอะไรเพราะหลักฐานยังไม่ชัดเจน
อีกทั้งทางต่างประเทศยังไม่ได้ส่งข้อมูลมาใดๆมาให้ จึงยังไม่มีการแถลงในตอนนี้ ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
ส่วนวันที่ 27 กย. นั้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำตัดสินคดีนั้น พลเอกประวิตร กล้าวว่า ไม่เป็นห่วงในเรื่องสถานการณ์ หากศาลตัดสินออกมาเป็นอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น
ขณะเดียวกัน เท่าที่ทราบ นส.ยิ่งลักษณ์ คงไม่มาฟังคำพิพากษาคดี เชื่อว่ามวลชนก็น่าจะมาให้กำลังใจไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม จนท. ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามกรอบปกติ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความไม่สงบ
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ผมไม่กังวลใจอะไร เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล แต่เป็นหน้าที่ของศาลในการพิจารณาคดีเรื่องนี้เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถาม การเดินทางไปอังกฤษ ในช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่อังกฤษ นั้น ได้พบกับนายทักษิณ หรือไม่ 
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผมเดินทางไปวันที่ 11 กย. กลับ 14 กย. ส่วนนายทักษิณ มาไปอังกฤษวันที่ 15 กย. เขาบอกว่า บินสวนกันกลางอากาศ

เดิมพันทุบไข่จงอาง!

เดิมพันทุบไข่จงอาง!

หนีไม่พ้นภาพ “มโน” จริงๆ

ให้ลูกน้องเคลียร์ข่าวไปแล้วหลายรอบ แต่สุดท้าย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ก็ต้องตอบคำถามปมไปประเทศอังกฤษแอบนัดเจรจากับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
เคลียร์กันชัดๆเลยว่า ไปกันคนละเวลา “พี่ใหญ่” กลับเช้า “นายใหญ่” ไปเย็น อีกทั้งขึ้นลงเครื่องคนละสนามบินกันเลย แล้วมันจะเจอกันตอนไหน

อธิบายกันขนาดนี้ ถ้ายังไม่เชื่อก็ไม่รู้จะว่ายังไง

เรื่องของเรื่อง ไม่ใช่แค่กลุ่มพันธมิตรฯที่ตามกัดติด “พี่ใหญ่” อารมณ์ต่อเนื่องจาก อาการค้างคาใจปมยกฟ้องคดีสลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ตอดนิดตอดหน่อยไม่หยุด

และก็บังเอิญพอดีกับที่อดีตนายกฯทักษิณและลูกสาวได้สื่อสารในโลกโซเชียลฯตามปกติวิสัยว่าไปปักหลักเช็กอินอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

ก็เลยทำให้มีคนมโนกันไปว่า แอบนัดพบกันจริงตามกระแสข่าวลือ

สรุปตามสถานการณ์ก็ชัดเจน “พี่ใหญ่” คือเหยื่อตีกินกระแสของทุกฝ่ายที่จ้องเตะตัดขา คสช.

ล่อเป้าใหญ่ ยังไงก็ไม่พลาด

และอีกปม “เกี้ยเซียะ” ที่หนีไม่พ้นโดนจับตากับจังหวะบุกๆหยุดๆของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่จ่อรุกไล่คดี “เสี่ยโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร มีเอี่ยวฟอกเงินการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร

ปมร้อนที่ถูกมองเป็นเกมล็อกคอตัวประกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ว่ากันตามหลักฐานที่โยงกับปม “เช็ค 7 ฉบับ” ที่อันตรธานหายไปในธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แกะรอยเส้นทางเงินจำนวน 10 ล้าน และ 26 ล้าน

งานนี้ว่ากันว่า “นายใหญ่” ส่อเหนื่อยกว่าทุกคดี

แต่บังเอิญโดยจังหวะที่ “อาปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพิ่งตัดสินใจหนีฟังคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว เผชิญวิบากกรรมตามรอยพี่ชาย

ถ้ามีการไล่บี้ “เสี่ยโอ๊ค” ในห้วงสถานการณ์นี้ มันเสี่ยงกระแสตีกลับ

ภาพตามล้างตระกูลชินฯจะชัดในมโนของกองเชียร์ “ทักษิณ” และคนเป็นกลางในสังคม

และนั่นยังไม่เท่ากับอารมณ์ “เลือดเข้าตา” ถ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนโดนทุบ ทั้ง “นายใหญ่” และ “นายหญิง” คงต้องโดดออกมาเล่นบทจงอางปกป้องไข่

ตามสไตล์ “ลูกชายข้าใครอย่าแตะ” มีหวังสู้ตายกันไปข้าง

อย่างไรก็ตาม เรื่องของอาญาแผ่นดินหนีไม่พ้นต้องดำเนินการ ตามรูปการณ์ก็แค่ดึงจังหวะลาก
สถานการณ์ออกไปให้เรื่องของ “อาปู” ผ่านพ้นไปก่อน

ถึงตอนนั้น “เสี่ยโอ๊ค” ก็คงต้องเข้าแถวเป็นเจเนอเรชั่นต่อไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทีมงาน คสช.เองก็ต้องตั้งรับหมัดสวนให้ดี แบบที่ต้องรีบปิดปลายคาง

บล็อก “จุดตาย” ไว้ก่อน

กับปรากฏการณ์ รีบชิง “ประจาน” ซะเอง ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ตั้งข้อสังเกตกลางวงประชุมคณะรัฐมนตรีต่อกรณีโครงการ 9101 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงินกว่า 22,895 ล้านบาท สนับสนุนงบฯให้ชุมชนละ 2.5 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ

ได้รับข้อร้องเรียนว่า ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส ไม่ถึงมือชาวบ้านอย่างแท้จริง

กระตุก “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ต้องรีบตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และประเมินผลเป็นระยะ

ตอกย้ำอาการผวา “บ่อน้ำมัน” โดนล็อกเป้า

ขณะที่ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็กำลังเมาหมัดจากปมเรือเหาะเรือเหี่ยว ซ้ำปมร้อนประเด็นการเซ็นมอบสิทธิเช่าที่ดินป่าชุมชนเขตต้นน้ำให้บริษัทเอกชน

คนใกล้ตัว ทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ตกอยู่ในวงล้อมตำบลกระสุนตก

สถานการณ์ล้อกับคิวที่ “บิ๊กตู่” เพิ่งพูดบนเวที วปอ.เป็นนัยส่งสัญญาณปรามคนใกล้ตัวเป็นพิษ อีกทั้งล่าสุดก็เพิ่งออกตัวเรื่องขบวนการ “เสธ. อ” แอบอ้างเป็นเพื่อนนายกฯหาผลประโยชน์

โจทย์ร้อน “ลุงตู่” ต้องรีบตัดไฟทุจริตที่เริ่มลามข้างๆตัว.

ทีมข่าวการเมือง