PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

สิ้น "สาโรจน์ เผือกสำลี" นักต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชน แกนนำคัดค้านตัดทางด่วนผ่านชุมชนบ้านครัว

อาลัย "สาโรจน์ เผือกสำลี" นักสู้แห่งชุมชน "บ้านครัว"

คมชัดลึก, ทางด่วน, เสียชีวิต, สาโรจน์ เผือกสำลี, บ้านครัว, อาลัย, สาโรจน์, เผือกสำลี

สิ้น "สาโรจน์ เผือกสำลี" นักต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชน แกนนำคัดค้านตัดทางด่วนผ่านชุมชนบ้านครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสาโรจน์ เผือกสำลี  อดีตแกนนำชุมชนบ้านครัว ซึ่งมีบทบาทในการเคลื่อน
ไหวเพื่อพิทักษ์สิทธิชุมชนได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.ย. 2560 ที่ผ่านมา ด้วยโรค
ประจำตัวและโรคชรา   โดยมีกำหนดพิธีละหมาดและฝังตามหลักศาสนาอิสลามใน เวลา 
16.00 น. ณ. สุสานมัสยิดซูลูกุ้ลมุตตากีน (บ้านครัวตะวันตก)
    ทั้งนี้นายสาโรจน์ หรือ อิสมาแอล สาโรจน์ เผือกสำลี เผือกสำลี เกิดเมื่อวันที่  24 กุมภาพันธ์  
2496 (อายุรวม 64 ปี)  โดยเกิดที่ชุมชนบ้านครัว กทม. จบกการศึกษาที่โรงเรียนอำนวยศิลป์  
พระนคร , เกริกวิทยาลัย  โดยนายสาโรจน์ เป็นแกนนำที่ร่วมต่อสู้คัดค้านการตัดทางด่วนผ่าน
ชุมชนบ้านครัว  เมื่อปี 2530  ซึ่งทำให้สังคมภายนอก ได้รับรู้เรื่องราวการต่อสู้ ของชาวชุมชน
บ้านครัว  ซึ่งเป็นชุมชนมุสลิมในกลางกรุงเทพมหานคร โดยนายสาโรจนน์พยายามให้ข้อมูลและ
เปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการจนที่สุดแล้วทำให้โครงการทางด่วนไม่สามารถ
ตัดผ่านชุมชนบ้านครัวได้   ซึ่ง นายสาโรจน์ ได้รับการยอมรับจากหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน 
นักวิชาการ ศิลปิน นักเคลื่อนไหว    
 
    โดยในเฟซบุ๊คของนายสาโรจน์ได้มีคนมาแสดงความไว้อาลัย อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน  
นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  นายสินธุ์สวัสดิ์  ยอดบางเตย 
ผู้จัดการสถาบันปรีดี พนมยงค์
 
----------
(ขอบคุณภาพจาก FB :  Sarote Phaksumlee 

"บิ๊กป้อม" ไล่สื่อถาม ไป "บิ๊กเจี๊ยบ" ปมเลิกใช้"เรือเหาะ"



"บิ๊กป้อม" ไล่สื่อถาม ไป "บิ๊กเจี๊ยบ" ปมเลิกใช้"เรือเหาะ" ชี้ ปปช.เคยสอบมาแล้ว ถ้าจะให้สอบใหม่ ตัองมีหลักฐานใหม่
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการที่ทบ.งดใช้และปลดจำหน่ายเรือเหาะ ออกจากระบบตรวจการณ์ทางอากาศในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขอให้ไปถามกองทัพบก
"ถาม ผบ.ทบ.เพราะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ผมไม่เกี่ยวข้องกับการสั่งเลิกใช้ เพราะเป็นข้อพิจารณาของกองทัพบกเอง "
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นต่อ สตง. และปปช . ให้รื้อการตรวจสอบใหม่ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทาง ปปช ก็ได้มีการสอบไปแล้ว
เมื่อถามว่า หากมีหลักฐานใหม่ หรือ พบสิ่งใดใหม่ ให้ปปช.สอบใหม่ได้ใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร ได้แต่ พยักหน้า ก่อน นั่งรถ จากไป

ไม่ใช่"บิ๊กเจี๊ยบ"ปูดข่าว ปลดเรือเหาะ...แต่เพราะนักข่าวถาม

ไม่ใช่"บิ๊กเจี๊ยบ"ปูดข่าว ปลดเรือเหาะ...แต่เพราะนักข่าวถาม หลัง สำนักข่าวอิศรา เสนอข่าว การประมูล รถกว๊านบอลลูน
ฟัง....ยัอนหลัง บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย ผบ.ทบ.ตอบคำถามเรื่อง "เรือเหาะ" จากกรณีที่สำนักข่าวอิศราเสนอข่าว การประมูลรถกว๊านบอลลูน...ที่มีการเข้าใจกัน ว่าเป็นรถกว๊าน "เรือเหาะ" ตรวจการณ์ใต้ จึงทำให้ นักข่าว มาถาม พลเอกเฉลิมชัย โดยที่ ผบทบ. ก็ยังไม่รู้รายละเอียด แต่ ตอบในส่วนของ ตัวเรือเหาะ ว่า หมดอายุใช้งาน
แต่หลังจากการให้สัมภาษณ์ แล้ว ในช่วงบ่าย บิ๊กเจี๊ยบ ให้ทีมงาน มาแจ้งนักข่าวว่า รถกว๊านบอลลูน ดังกล่าว ไม่ใช่ รถกว๊านเรือเหาะ เพราะเรือเหาะ ไม่มีรถกว๊าน. แต่เป็น รถกว๊าน บอลลูน ในการฝึก กระโดดร่ม ต่างหากล่ะ
แต่ ข่าวที่ออกมา พอพูดถึง บอลลูน ทุกคนก็คิดว่า คือ เรือเหาะ
แต่เรื่องของเรื่องคือ มันถึงเวลาแล้ว
และตัองชื่นชม พลเอกเฉลิมชัย ที่ บอกความจริงประชาชน เริ่องเรือเหาะ ไม่ใช่ ปูดข่าวเอง แต่หาก จะปกปิด บิ๊กเจี๊ยบ ก็เลี่ยงตอบคำถาม ได้ ....แต่มันถึงเวลา ปลดเปลื้อง ภาระ ที่ทบ.แบกรับมานาน แล้วนั่นเอง ในยุค บิ๊กเจี๊ยบ นี่ล่ะ

กรณี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หายตัว กลายเป็น “ปัญหา” ของ “คสช.”

9.00 INDEX : กรณี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หายตัว กลายเป็น “ปัญหา” ของ “คสช.”


เหมือนกับว่าการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิน วัตร จะเป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

จะมองว่าเป็นเรื่องของ”การหนี”ก็ได้

อย่างน้อยก็มี”หมายจับ”ออกมาจากศาลคดีอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตั้งแต่ตอนสายของวันที่ 25 สิงหาคม

แต่เรื่องนี้เป็นเรื่อง”เฉพาะตัว”ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จริงละหรือ

หากเป็นเรื่อง”เฉพาะตัว” ทำไมจึงเกิด “คำถาม”

คำถามโดยตรงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คำถามโดย ตรงไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
จึงเท่ากับเป็นเรื่องของ “คสช.” เป็นเรื่องของ”รัฐบาล”

หากไม่มีกรณีการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การเดินทางไปอังกฤษของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คงคึกคักมากกว่านี้

แต่แล้วก็ถูกสงสัยว่าอาจเป็นการไปพบกับ นายทักษิณ ชินวัตร

เพราะมีการเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร ด้วย

เช่นเดียวกับ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา คงไม่ถูกตั้ง”คำถาม”ทุกครั้งที่ปรากฏตัวต่อสาธารณะ

ยิ่งวิถีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินไปอย่างไร้ร่องรอย คำถามยิ่งพุ่งตรงไปยัง คสช. ไปยังรัฐบาล

เป้า 1 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เป้า 1 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ไม่มี “ข้อสงสัย” จากคนในตระกูล”ชินวัตร”กรณีการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์เรื่อง “คนหาย”

หากจะมี “ข้อสงสัย” ก็เป็นข้อสงสัยต่อกระบวนการดำเนินคดี มากกว่าในเรื่องการดำรงอยู่และหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

แสดงว่าทางด้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ข้องใจในเรื่องการหายตัวไป อาจเป็นเพราะด้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความเข้าใจในทางที่ดี

มีก็แต่ทางด้าน 1 คสช. และ 1 รัฐบาลเท่านั้นที่ไม่มีคำตอบ

'๑๑ ปีที่ไม่เคยจางไปจากหัวใจ'

นี่ก็เข้ามาวันที่ ๒๐ กันยาแล้ว
นับไปอีก ๗ วัน..........
ถึงตอน ๙ โมงเช้า วันที่ ๒๗ กันยา ก็จะรู้ "ยิ่งลักษณ์" อยู่ไหน?
เพราะ "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" นัดให้มาฟังคำพิพากษาวันนั้น
หลังจากอ้าง โรค "น้ำในหูไม่เท่ากัน" เบี้ยวไม่ไปตามศาลนัดครั้งแรก เมื่อ ๒๕ สิงหา
ทางพฤตินัย ทุกคนลงความเห็นว่า เธอหนีออกนอกประเทศไปแล้ว!
แต่ทางนิตินัย ยังฟันธงไม่ได้ว่า "เธอหนี"!?
เพียงแต่ศาลไม่เชื่อว่าเธอป่วยขนาดมาศาลไม่ได้ตามทนายอ้าง และริบเงินประกันไปแล้วเท่านั้น แต่ยังให้โอกาสด้วย "นัดหมาย" อีกครั้ง
ฉะนั้น ตอนนี้.......
เธอจะหลบออกนอกประเทศไปแล้ว หรือเป็นปูผลุบลงซ่อนในรู ทำพิธีปัดรังควานโทษคุก
จะโผล่-ไม่โผล่ให้เห็นในวันที่ ๒๗ กันยาหรือไม่?
ต้องถึง ๒๗ กันยาก่อน ถึงจะสรุปได้ ว่า...
ปูหนีแน่แล้ว หรือปูอยู่นี่ไง!?
ช่วงนี้ จึงเป็นอย่างที่เราคุยกันไปแต่วันแรกๆ
คือตามเชิงกล ก่อนถึง ๒๗ กันยา
เธอจะไม่ปรากฏตัว หรือเผยร่องรอยให้คนภายนอกได้รู้ว่าเธอหนีไปแล้ว หรือปรับน้ำในรูหูอยู่ที่ไหน?
เรียกว่า "กุนซือ" เขาเจ๋ง
สงสัยจะสำนักเดียวกับกุนซือ "บอส-กระทิงแดง" ที่อ่านกฎหมายรู้-ดูกฎหมายเป็น
ซื้อเวลา "ทุกนาที-ทุกช่องทาง" เท่าที่กฎหมาย "มีช่องทาง" ให้เดินได้
ถ้าปล่อยลำพังเธอเองนะ.....
ป่านนี้แม่ไม่โพสต์ ไม่ลงอินสตาแกรมเป้อเร่อ-เป้อเต๋อไปแต่วันแรกแล้วเรอะ!
ดังนั้น จะดูเรื่องนี้ให้อร่อย ต้องใจเย็นๆ
ตามชั้นเชิง เมื่อ ๒๗ กันยาผ่านไป ยิ่งลักษณ์ "ไปศาล-ไม่ไป"
ไม่เป็นปัญหา
ศาลฎีกาฯ จะอ่านคำพิพากษาลับหลัง ในคดีผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ
ถ้าไม่ผิด........
ปูก็จะปร๋อออกจากรู ปรากฏโฉม ให้พ่อยก-แม่ยกและบรรดาชายกระโปรงผู้แก่วิชาหน้าหนาต่างหาก ได้ยกใส่ทูนหัว
เหมือนพี่สะใภ้เขา หนีไปกะผัว ในคดี "ผัวเซ็น-เมียซื้อ" ที่ดินรัชดาฯ เมื่อศาลอ่านคำตัดสินลับหลัง
ปรากฏว่าผัวผิด มีโทษคุก แต่เมียผู้ซื้อไม่ผิด
ผัวเตลิดเป็นสัมภเวสีถึงทุกวันนี้ ส่วนตัวเมีย นวยนาดกลับมาครองอภิมหาสมบัติ
ถ้าปูไม่ผิด ก็จะเป็นลีลานี้
แต่ถ้าปูผิด...........
โลกก็คงมี "สัมภเวสี" ตัวที่สอง ลอยไส้ไป-มา ตามประเทศโน้น-ประเทศนี้ ที่ซื้อพื้นที่อยู่ได้
ส่วนจะกลับเข้าขอบเขตขัณฑสีมาไทย ก็ได้....ไม่มีใครห้าม
แต่ต้องเข้ากระบวนการตามคำพิพากษา!
อีก ๗ วัน ก็จะถึงเวลา..........
ถ้าเป็นลิเก ก่อนแสดง ต้อง "ออกแขก" กรณียิ่งลักษณ์ก็เหมือนกัน
เมื่อวาน (๑๙ ก.ย.๖๐) แม้ว "ออกแขก"
ออกทั้งภาคภาษาอังกฤษ-ภาษาไทย ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ @thaksinLive
ถึงเหตุการณ์ถูก "บิ๊กบัง" ทำรัฐประหารเมื่อ ๑๙ กันยา ๔๙ ว่า
"I hope the memory of what happened 11 years ago has not faded from the hearts of Thai people. I am, and will always be, concerned about the livelihood of my fellow Thai citizens."
"ผมหวังว่าความทรงจำกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ ๑๑ ปีที่แล้วจะไม่จางหายไปจากหัวใจของคนไทย ผมยังคงห่วงเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวไทย"
ก็เข้าใจแล้ว...........
ทำไม "สัมภเวสี" ตัวนี้ ถึงไม่ยอมไปผุด-ไปเกิดเสียที
เพราะวิญญาณยังวนเวียนอยู่กับ "เกลียด-ชัง-รัก-โลภ-แค้น" เรียกว่า ไม่รู้จักละพยาบาท และสำนึกผิดเป็นการ "ตัดเวร-ตัดกรรม"
ในขณะที่ปากบอก "ห่วงชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน"
แต่ลึกๆ ในใจจริง......
มันห่วงอำนาจ-ห่วงสมบัติ ห่วงความหวานหอม "โกงไม่เป็นไร ได้เอามาแบ่งกัน"
และด้วยแรงห่วงผนวกแรงพยาบาทนั้น เป็นกรรมผูกรัดมัดตรึงสัมภเวสีตัวนี้
๑๑ ปีแล้ว จึงยังไม่ไปผุด-ไปเกิด..........
อีก ๑๑ ชาติ ๑๑ ล้านกัป ก็ไม่แน่ว่า มันจะพ้นบ่วงอนันตริยกรรมที่ทำ "แผ่นดิน-ชาติ-ประชาชน" แตกแยก
และการเป็น "แม้ว-ออกแขก" ครั้งนี้ ส่งสัญญาณนำร่อง "ยิ่งลักษณ์ออกฉาก" หลัง ๒๗ กันยาหรืออย่างไร?
หรือแบบเจ้าเล่ห์ สร้างกระแสตีขลุมให้คนเดาสุ่ม เหมือนตอน "บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร" ไปอังกฤษ
มันจัดฉากตัวเองพร้อมลูกสาว-ลูกเขยและหลานสาว ไปปรากฏตัวที่อังกฤษเหมือนกัน
ถ่ายรูปลงอินสตาแกรมให้คนถุย..ถุย ด้วยทุเรศ
แต่คงสมใจ เพราะมีหลายคนช่วยถอดรหัสตามนัยที่ต้องการสื่อนำทิศให้ ทำนองว่า "บิ๊กป้อม-บิ๊กแม้ว" นัดพบกัน!
แม้วกะป้อม "ตะมุ-ตะมิกัน" เขารู้กันมาตั้งนานแล้วล่ะ...ลุง
แต่ที่ "ป้อมกะแม้ว" เดตกันที่อังกฤษ อย่างที่แม้วจัดฉาก-วางยา.............
ถ้าจริงก็ "ควายทั้งคู่"!
แม้วนี่ กี่ปี-กี่ชาติ สันดาน "ปล้อนปลิ้น-ลวงมนุษย์-ลวงโลก" ไม่เคยเปลี่ยน
ปากอ้าง "ห่วงชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน" ตลอด
แต่ตอนทำ.........
มันห่วงแต่ "ตัวมัน-ลูกเมียมัน-คนในตระกูลมัน-สมุนรับใช้มัน"
ประชาชนนั้น แค่ตัวประกัน-ตัวอ้างใช้ เพื่อให้มัน "โกงเอามาแบ่งกัน" เท่านั้น!
"เสนาะ เทียนทอง" ตอนแตกคอก-แตกคอกับแม้ว.....
สาวไส้แม้ว ถึงการหลอกประชาชนให้หลง เพื่อผลทางเลือกตั้งไว้ในหนังสือ "รู้ทันทักษิณ" ของอาจารย์เจิมศักดิ์ ว่า
"............ผมเคยแนะนำ การจดทะเบียนคนจนนั้น มันทำไม่ได้ ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ เอามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ที่ไม่ใช่คนจน ก็ไปจดทะเบียนด้วย มันจะบานปลายไปใหญ่
พี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึก มันปฏิบัติไม่ได้ มันได้แค่โชว์ตัวเลขตอนเลือกตั้ง จากนั้นไม่มีผลจริง
แต่ทักษิณตอบว่า..........
'โธ่...พี่เหนาะ คนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ ถ้าเราไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ'
เขาพูดอย่างนี้ แสดงว่าไม่ได้จริงใจกับนโยบาย ประกาศไปก่อนค่อยหาวิธีทำการตลาดทีหลัง ไปเสี่ยงเอาข้างหน้า ขอให้ได้คะแนนเสียงไว้ก่อน ไม่สนวิธีปฏิบัติราชการ
แม้แต่โครงการ SML ผมก็เตือนว่า 'เข้าข่ายซื้อเสียง' เพราะอยู่ในภาวะเลือกตั้ง
ทักษิณตอบว่า ..........
'โธ่...อำนาจอยู่ที่เรา กกต.ก็ของเรา คนก็ของเรา'
ล่าสุด ก่อนการเลือกตั้ง ๒ เมษายน ๒๕๔๙ มีการกระทำผิดกฎหมาย คือขนคนมาฟังการปราศรัย โดยจ้างมา มันผิดกฎหมายแน่นอน แต่ กกต.กลับเฉย"
เนี่ย...ชัดมั้ย...........
ว่า "ห่วงประชาชน" ของทักษิณ เนื้อแท้คือทักษิณ "หลอกกินตับประชาชน" ใช่หรือไม่?
ทักษิณเปรียบประชาชนเป็น "คนตาบอด" โง่เง่า ไม่รู้เรื่อง-รู้ความ หลอกอะไรก็เชื่อหมด
ส่วนตัวมันเป็น "เสือ"
แปลงเป็นหมาซื่อสัตย์ส่งเสียงนำทางให้ "คนตาบอด" คือประชาชนหน้าโง่ตายใจ
แล้วเสือก็จับคนตาบอดแดก ๕ ปีแรก มันแปลงประเทศเป็นทุนแม้วเกือบหมด
อีก ๒-๓ ปีหลัง ในร่างทรงน้องสาว
"ทักษิณริ-รับจำนำข้าวทุกเมล็ดเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ แล้วยิ่งลักษณ์ยำ" เฉพาะโครงการนี้โครงการเดียว
ด้วยเงินของประชาชนทั้งประเทศ........
ค่อน "ล้านล้านบาท" ฉิบหายไปอยู่ในกระเป๋าซาลาเปาใคร?
ก็ประชาชนทั้งหลายนี่แหละ ต้องรับชด-รับใช้แทน ทุกบาท-ทุกสตางค์!
รู้เช่น-เห็นชาติกันหรือยัง.........
เข็ดกันหรือยัง?
หรือยังไม่เข็ด ยังเชื่ออย่างที่มันทวีต "ผมห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน" อยู่อีก?
ทักษิณฝังจำ-ฝังแค้น เฉพาะด้านของมันคนเดียวที่สูญเสีย
แต่ที่ประชาชนทั้งชาติสูญเสียเพราะมัน .....
๑๑ ปีมาแล้ว มันไม่เคยสำนึก ไม่เคยขอโทษประชาชนเลยซักครั้ง-ซักคำเดียว!
รัฐประหารที่เกิดขึ้น เมื่อ ๑๑ ปีที่แล้ว ไม่เคยจางไปจากหัวใจทักษิณ เช่นใด
สิ่งที่ทักษิณทำให้บ้านเมือง-ประชาชนแตกแยกตลอด ๑๑ ปีที่ผ่านมา
ก็ไม่เคยจางไปจากหัวใจผม เช่นนั้น.

เมื่อเสียงปี่กลองดังขึ้น

เมื่อเสียงปี่กลองดังขึ้น

เสียงปี่เสียงกลองเรียกร้องการเลือกตั้งดังกระชั้นถี่ยิ่งขึ้น ทั้งจากนักการเมืองและประชาชน ผลการสำรวจความเห็นประชาชนของสวนดุสิตโพลครั้งล่าสุด มีคนถึง 81.88% สนใจการกำหนดวันเลือกตั้งมากที่สุด 60.50% อยากให้มีเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย ขณะที่ซุปเปอร์โพลสำรวจพบว่าคนส่วนใหญ่ (55.1%) อยากให้เลือกตั้งไม่เกินเดือนกันยายน 2560

แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ทำให้เกิดความมั่นใจ นายจาตุรนต์ ฉายแสงแกนนำพรรคเพื่อไทย วิจารณ์ว่าการที่นายกรัฐมนตรีตั้งเงื่อนไขว่าถ้ากฎหมายพร้อม และทุกฝ่ายปรองดอง จะมีเลือกตั้งในปี 2561 คล้ายกับว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมา คสช.ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความปรองดอง และเงื่อนไขนี้จะทำให้ผู้ที่ไม่อยากเลือกตั้ง อาจสร้างความขัดแย้งมากขึ้น

ส่วนกฎหมายลูก 4 ฉบับ ที่จะต้องมีเพื่อการเลือกตั้ง ได้แก่กฎหมาย กกต.ซึ่งประกาศใช้แล้ว เหลืออยู่อีก 3 ฉบับ คือกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว. และกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ล้วนแต่เป็นกฎหมายธรรมดาฯ ไม่มีความซับซ้อน ไม่มีเหตุที่จะต้องล่าช้า เพราะ กรธ. ผู้เขียนกฎหมายแม่คือรัฐธรรมนูญ มองทะลุปรุโปร่งที่สุด

เปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550 และสามารถจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ได้ ในวันที่ 23 ธันวาคม ปีเดียวกัน หมายความว่าเลือกตั้งได้ใน 122 วัน หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ส่วนรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ถึงวันนี้ 168 วันแล้ว แต่กฎหมายลูกยังมะงุมมะงาหราอยู่

เหตุที่ทำให้กฎหมายลูกเร็วหรือช้า ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับขั้นตอนการจัดทำ อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ความจริงมุ่งมั่นจริงจังจริงใจขององค์กรที่เกี่ยวข้อง รัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับเหมือนกันมาก เพราะต่างก็มาจากรัฐประหาร ฉบับ 2550 ต้องผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่ฉบับ 2560 ไม่มี แต่ต้องผ่านประชามติเหมือนกัน แต่ฉบับ 2560 ช้ากว่าหลายเท่า

รัฐธรรมนูญ 2550 ให้ สนช.พิจารณาร่างกฎหมายลูกให้เสร็จตามกำหนด หากเลยกำหนด ให้ประธาน สนช. นำร่างที่ กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อ ป้องกันไม่ให้ สนช. เตะถ่วงเพื่อยื้อการเลือกตั้ง ส่วนฉบับ 2560 มีกระบวนการยืดยาว รวมทั้งให้ กรธ. จัดทำร่างกฎหมายลูกให้เสร็จใน 240 วัน ให้เวลา สนช. 60 วัน และเลือกตั้งใน 150 วัน หลังมีกฎหมายลูก

แม้รัฐธรรมนูญ 2550 กับ 2560 จะมีความเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ และมีความต่างกันเป็นส่วนน้อย แต่ทั้งสองฉบับมีความต่างที่สำคัญ นั่นก็คือรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่สามารถสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารได้ แต่ฉบับ 2560 อาจนำไปสู่การสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารได้ ความแตกต่างนี้อาจเป็นเหตุผลหนึ่งของกฎหมายลูกที่ล่าช้า?

‘ลุงตู่’เล่นเต็มตัวแล้ว

‘ลุงตู่’เล่นเต็มตัวแล้ว

“นี่แหละบรรยากาศเลือกตั้งมาแล้ว”
ในอารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.พูดติดตลก ภายหลังเปิดโอกาสให้นายประภัตร โพธสุธน แกนนำรุ่นเก๋าพรรคชาติไทยพัฒนา ปราศรัยย่อยระหว่างให้การต้อนรับคณะนายกฯ
ยุให้รัฐบาลอยู่ยาวอีก 8 ปี 10 ปี เลือกตั้งเร็วไม่ได้ประโยชน์เพราะวันนี้ยังทะเลาะกัน
ช็อตเด็ดอยู่ตรงที่นายประภัตรหยอกเอินเป็นนัย วันนี้ขอเพียงรัฐบาลแบ่งงบประมาณจากโครงการรถไฟความเร็วสูงมาช่วยชาวนา เพราะเมื่อปากท้องของประชาชนอยู่ได้ นายกฯจะอยู่ต่อก็ไม่ว่า
เรื่องของเรื่องถ้าเป็นช็อตรายวัน “นายกฯลุงตู่” คงหัวร้อนสวนควันปืนไปแล้ว กับแนวที่นักการเมืองพูดให้ชาวบ้านเข้าใจผิดเป็นเรื่องง่าย แต่การอธิบายให้เข้าใจถูกเป็นเรื่องยาก
เอาเรื่องข้าวกับรถไฟความเร็วสูงมาเหมารวมเป็นเรื่องเดียวกัน
แต่บังเอิญว่านี่เป็นฉากสำคัญ ประเดิมครั้งแรกที่ “นายกฯลุงตู่” ได้สัมผัสตรงกับนักการเมืองอาชีพ
จากที่ปิดประตูใส่หน้า ไว้เนื้อไว้ตัวมาตลอด 3 ปีนับจากวันยึดอำนาจ
ที่สำคัญประเมินจากอาการของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่แสดงความเป็นกันเอง ทักทาย
“ลูกท็อป” นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ รวมถึงหยอกล้อกับนายกรวีร์ นายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นเชิงตัดพ้อต่อว่า
ฝากไปถึงนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำรุ่นใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา
พูดจาภาษาดอกไม้กับเจ้าของพื้นที่ที่มาคอยต้อนรับนายกฯ
ในจังหวะต่อเนื่องกับที่จังหวัดอยุธยาก็มีการเปิดคิวให้นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต รมช.คมนาคม นางสมทรง พันธุ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พระนครศรีอยุธยา นักการเมืองเจ้าของพื้นที่ได้เข้าพูดจาสนทนาปราศรัยกับ “นายกฯลุงตู่”
ทั้งสุพรรณฯและอยุธยา ดูจากยุทธศาสตร์ก็ชัด พล.อ.ประยุทธ์และทีมรัฐบาลคสช.เริ่มเปิดพื้นที่ให้นักการเมืองเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง
เจาะช่องระบายแรงเสียดทาน ลดแรงกดดัน
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์กระแสเร้าเลือกตั้งเริ่มดังขึ้นช่วงปลายทางโรดแม็ป ท้ายเทอมรัฐบาล
โดยในเบื้องต้นเริ่มผ่อนเงื่อนไขให้กับพวกไม่มีเงื่อนไขก่อน ตามสถานะของพรรคชาติไทยพัฒนาที่อยู่ตรงกลางไม่เลือกข้าง อีกทั้งสังเกตว่าเลือกคนรุ่นใหม่ที่แนวคิดเปิดกว้าง ไม่ยึดติดอยู่กับความแตกแยกทางการเมืองของคนรุ่นเก่า ตรงกับคอนเซปต์ยุคปฏิรูปตามแนวทาง คสช.
รุ่นลูกสลับมาลงสนามการเมืองแทนพ่อ
และนั่นก็อาจต่อเนื่องไปถึงดีลการเมืองในช็อตต่อไป กับ สถานะของรัฐบาลช่วงเปลี่ยนผ่านที่ “นายกฯลุงตู่” เป็นมือวางอันดับหนึ่งคุมเกมอำนาจยาว
เอาเป็นว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากทีมงานพรรคชาติไทยพัฒนาจะมีโควตาอยู่ในโพยรัฐบาลเพื่อการปฏิรูป ล้อข่าววงใน พล.อ.ประยุทธ์จ่อตัดสินใจปรับ ครม.
ลดโควตาทหาร เพิ่มพื้นที่ให้ภาคส่วนต่างๆรวมถึงนักการเมืองเข้าร่วม
ชาติไทยพัฒนานำร่องมาแล้ว แนวโน้มน่าจะตามด้วยค่ายขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงนักการเมืองที่มีคุณสมบัติเข้าสเปกรัฐบาลเพื่อการปฏิรูป ไม่ผูกติดกับขั้วขัดแย้ง
ปล่อยประชาธิปัตย์ เพื่อไทย กิน “องุ่นเปรี้ยว” ไป
ในมุมที่เสียงเรียกร้องให้เลือกตั้งก็จะเบาลง ตามสภาพความเป็นจริงแบบที่นักการเมืองจอมเก๋าลายครามอย่างนายประภัตรยุให้รัฐบาล “ลุงตู่” อยู่ต่อไป ถ้าเลือกตั้งก็วุ่นวาย เพราะยังทะเลาะ กันไม่เลิก
ตรงนี้สะท้อนถึง “ความเก๋า” มือวางยุทธศาสตร์การเมืองของทีม คสช.
เดินแต้มการเมือง วางหมากการตลาดให้ “นายกฯลุงตู่” ได้อย่างกลมกลืน ตรงกับบุคลิกของเจ้าตัวที่มีต้นทุนความเป็นคนน่ารัก ถึงโกรธก็เกลียดไม่ค่อยลง
โดยเฉพาะคุณลักษณะพิเศษ เล่นได้ทุกบทบาทอย่างเป็นธรรมชาติ
แบบที่เดินตลาด กินข้าวแกง ชิมขนมครก ฟังลำตัด ร้องลิเก ฯลฯ
เล่นบทเป็นนักการเมืองเต็มตัวไปแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง