PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

“ชวน” ลั่นอนาคตทหารยึดอำนาจอีกไม่ได้ ชี้ไม่ว่าเลือกตั้ง-แต่งตั้ง มีคนไม่ดีปะปนเสมอ

“ชวน” ลั่นอนาคตทหารยึดอำนาจอีกไม่ได้ ชี้ไม่ว่าเลือกตั้ง-แต่งตั้ง มีคนไม่ดีปะปนเสมอ ขออย่าทุ่มเทกับ รธน.ใหม่ จนมองข้ามปัญหาที่เกิดจากคนใช้กฎหมาย ซัดประชาชนไม่มีสิทธิในกฎหมายของเผด็จการ
PIC chuan 24 6 58 1
นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในงานปาฐกถา “หลักนิติธรรม สร้างนิติรัฐ ค้ำจุนประชาธิปไตย” ให้แก่ผู้เข้าอบรมหลักสูตร หลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) รุ่นที่ 3 ว่า การเลือกตั้งหรือการแต่งตั้งมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนอยู่เสมอ เวลาเลือกตั้ง มีทั้งคนที่มาจากการเลือกตั้งจริง ๆ มีพวกซื้อเสียง หรือพวกทุจริตเข้ามาจริง ๆ แต่เวลาแต่งตั้งแน่ใจหรือ เพราะฉะนั้นมันปะปนกันอยู่เสมอ ถ้าเรายอมรับความจริงสิ่งนี้ได้ ในอนาคตจะได้รู้ว่า วิธีการรักษาบ้านเมืองให้อยู่รอดได้ คือการเลือกคนดีเข้ามา นอกจากนี้ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนเข้าใจเจตนาผู้ร่างว่ามีเจตนาดี เพราะมีการเห็นนักการเมืองบางกลุ่มทำอย่างนี้ เลยไปเอามายึดว่า ต้องเป็นอย่างนี้ ทั้งที่ต้องยึดความเป็นอิสระ ดังนั้นขอให้ไปดูให้ดี อย่าไปยกเว้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พรรคใดพรรคหนึ่ง มิฉะนั้นจะเสียโอกาส ที่จะทำให้ประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง
“ทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นเผด็จการ หรือประชาธิปไตย ก็ใช้หลักกฎหมาย เผด็จการก็ใช้กฎหมาย แต่ไม่ใช่หลักกฎหมายที่ประชาชนจะมีสิทธิได้” นายชวนกล่าว
นายชวน กล่าวอีกว่า การที่จะเป็นนิติรัฐ และหลักนิติธรรมอย่างที่พูดถึงนั้น ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สภานิติบัญญัติ หรือฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย ต้องออกกฎหมายที่ถูกต้องเป็นธรรม ไม่ใช่ออกกฎหมายตามอำเภอใจ หรือเอื้อธุรกิจของตัวเองเพื่อเอากำไร หรือเอาเปรียบคนอื่น อย่างนี้ไม่เรียกว่าหลักนิติธรรม แม้มีเสียงข้างมาก แต่ไม่ใช่มีสิทธิจะเอาอะไรก็ได้ ซึ่งหากแก้ไขตรงนี้ได้ จะทำให้ประเทศเราเป็นนิติรัฐได้
นายชวน กล่าวด้วยว่า เราให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ แต่อย่าทุ่มเททั้งหมดกับรัฐธรรมนูญ จนมองข้ามปัญหาแท้จริงว่า วิกฤติที่ผ่านมามาจากคนใช้กฎหมาย ไม่ใช่มาตราใดมาตราหนึ่ง ที่พูดกันว่า เพราะให้ฝ่ายบริหารแข็งเกินไป ให้ฝ่ายค้านอ่อนไป หรือฝ้ายค้านแข็ง ฝ่ายบริหารอ่อน ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
“ข้างหน้าเมื่อมีการเลือกตั้ง ทหารไม่มีสิทธิออกมาแล้ว ทหารจะไปทำอะไรไม่ได้ แต่เราจะปฏิรูปตำรวจกันอย่างไร เพื่อตำรวจมาทำหน้าที่โดยสมบูรณ์ ในวันข้างหน้า” นายชวน กล่าว

ข้อเท็จจริง คดีบิ๊กแจ๊ส .22

ข้อเท็จจริง คดีบิ๊กแจ๊ส .22

"โดยหลักการแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมายญี่ปุ่น ในข้อหาครอบครองอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องถูกคุมตัวไว้ไม่เกิน 20 วัน คาดว่าในวันที่ 24 (หรือ 25) มิถุนายน น่าจะมีความชัดเจน"

"ถ้าอัยการญี่ปุ่นสั่งฟ้อง ศาลญี่ปุ่นตัดสินว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ผิดจริง โทษสูงสุดของคดีนี้คือ ตัดสินจำคุกไม่เกิน 10 ปี บิ๊กแจ๊สจะต้องติดคุกที่นั่นทันที"

"การประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะต้องได้รับโทษ 1 ใน 3 ของกฏหมายญี่ปุ่นก่อน จึงจะขอตัวกลับมาได้"
พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ
"พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รับสารภาพว่าเป็นปืนของตัวเองที่ลืมไว้ในกระเป๋าใส่ยา ตอนเดินทางไปโหลดไว้ใต้เครื่อง แต่พอขากลับนำมาใส่กระเป๋าสะพาย"
"ส่วนตอนที่เดินทางออกจากประเทศไทยแล้วสแกนไม่พบปืน เพราะเป็นปืนขนาดเล็ก เมื่อผ่านเครื่องสแกนในแนวตั้ง จะไม่เห็นว่าเป็นอาวุธปืน"
"จากกล้องวงจรปิด ขาออก พบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินผ่านเครื่องสแกนแล้วมีเสียงร้อง จึงถอดรองเท้าออก แล้วเดินผ่านไปได้" พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร
"..ยอมรับว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผ่านช่องทางพิเศษ ซึ่งเป็นช่องทางอำนวยความสะดวกให้ผู้ใหญ่ แต่ขั้นตอนและอุปกรณ์การตรวจร่างกาย กับสัมภาระ เหมือนช่องทางปกติ" นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.

ฉะนั้น..ตัดประเด็นกระแสข่าวที่ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไปซื้อปืนกระบอกจิ๋วนี้ที่นั่น เพราะเจ้าตัวยอมรับสารภาพแล้วว่าลืม! ลืมก็คือ..เป็นของตัวเอง ที่พกไปจากเมืองไทย และที่สำคัญ มีกระสุนพร้อม 5 นัด
บิ๊กแจ๊ส..คงไม่โง่โบ้ยว่า ซื้อปืนจากที่นั่น เพราะถ้ารับแบบนั้น ติดคุกสถานเดียว แต่เมื่อยอมรับว่าลืม 

กระแสก็พุ่งมาที่ ระบบการตรวจสอบอาวุธของสนามบินสุวรรณภูมิ มีปัญหาจริงๆ

วันนี้สื่อต่างประเทศ ก็เชื่อมประเด็น การสแกนหาอาวุธของสนามบินประเทศไทย กับการถูก ICAO ปักธงแดง

นี่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียดยิบย่อยว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ร่วมเดินทางไปดูงานกำจัดขยะที่โตเกียว กับคณะของจังหวัดปทุมธานี ในฐานะอะไร? ฐานะที่เคยเป็น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลหรือ ก็ไม่ใช่
ตอนนี้เอาเป็นว่า อดีตนายตำรวจที่ภักดีต่อทักษิณ ต้องนอนอยู่ที่โรงพักชิบะ กรุงโตเกียว ลุ้้นคดีความชั่วโมงต่อชั่วโมง
รายการLineกนก
สื่อญี่ปุ่นแพร่ภาพบิ๊กแจ๊ดถูกจับครอบครองปืน ทูตเผยทนายความเตรียมทิศทางสู้คดี โฆษกตร.ลุ้นอัยการญี่ปุ่นฟ้องไม่ฟ้องเย็นนี้
KOMCHADLUEK.NET

'แก้วสรร' จวก 'บวรศักดิ์' ตัวสร้างปัญหาการเมือง

แก้วสรร อติโพธิ ซัด "บวรศักดิ์" ตัวสร้างปัญหาการเมือง ตอกยังกล้าเสนอตัวเขียนรัฐธรรมนูญ แฉ ขรก.ช่วยงาน คตส.ถูกเช็กบิลยุค"ปู"เพียบ แนะ คสช.จัดถกประชาธิปไตย...
วันที่ 22 ก.พ. นายแก้วสรร อติโพธิ แกนนำกลุ่มไทยสปริง กล่าววิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ประเทศไทยมีสภาพเป็นไข้รุม คนเขียนรัฐธรรมนูญจึงตั้งเป้ารักษาไข้คือ ความขัดแย้งต้องยุติ ประเทศจึงจะพ้นวิกฤติ ฟังที่นายบวรศักดิ์ดำริจะสร้างกลไกมีกรรมการปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติเป็นคนกลางดึงคู่ขัดแย้งให้มาหันหน้าหากัน ทั้งที่ไข้รุมนี้เป็นมะเร็งที่กำลังก่อตัว ที่จำเป็นต้องปราบเนื้อร้าย หรือมะเร็งที่ว่านี้ อันที่จริงนายบวรศักดิ์ มีส่วนก่อขึ้นโดยตรงในคราวเป็นเลขาฯ ผลักดันร่างรัฐธรรมนูญ ปี40 ทุ่มเทวางกลไกให้พรรคการเมืองเข็มแข็ง เหนือ ส.ส. และรัฐบาลเข้มแข็งเหนือฝ่ายค้าน
จากนั้นจึงมาสร้างกลไกอิสระคอยตรวจสอบ การใช้อำนาจของเสียงข้างมากด้วยมาตรการทางกฎหมาย อีกชั้นหนึ่ง เป็นกลไกประกันการลงทุนทางการเมืองของนายทุน ที่จับมือกันทุ่มทุนเป็นพันล้านสร้างเผด็จการพรรคการเมืองขึ้นมา จนกลายเป็นทรราชจากหีบเลือกตั้งที่แข็งขืนต่อกฎหมายตลอดเวลา เกิดผู้คนลุกฮือขึ้นสู้เป็นสองระลอก ทั้ง พันธมิตร และ กปปส. แล้วจบด้วยคำสัญญาของ คสช.ในวันนี้ว่าจะคืนความสุขให้เราในที่สุด
นายแก้วสรร ระบุต่อว่า ความคิด ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน อัดฉีดลงไปในสังคมไทยทำให้เสียทั้งความเสมอภาคในการมีส่วนร่วมและแบ่งปันกัน และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกัน และการข่มเหงรังแกล่วงสิทธิพื้นฐานในความคิด ชีวิต ร่างกายของผู้อื่นในที่สุด หากไม่ขุดรากถอนโคน ทั้งความคิดและความเคลื่อนไหวของเผด็จการนี้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เละอีก รุนแรงอีกพรรคการเมืองต้องไม่ใช่ลิ่มตอกประเทศให้แตกออกจากกันเป็นภาค ต้องไม่ใช่คลังสินค้าประชานิยมที่เอาเงินส่วนรวมมาแปลงเป็นสินบนทางการเมืองให้ผู้คนในรูปต่างๆ จนประชาธิปไตยกลายเป็นการอุปถัมภ์ ที่สำคัญต้องไม่จัดตั้งขบวนการมวลชน และใช้ตำรวจกับอันธพาลทำร้ายฆ่าฟันผู้คนอีก
ทั้งหมดนี้คือเผด็จการพรรคการเมืองที่ ดร.บวรศักดิ์ เขียนเมื่อปี40 ประกันการลงทุนของพวกนายทุนสามานย์ไว้ พอปิศาจตัวนี้กำเริบขึ้นมาในเสื้อคลุมประชาธิปไตย ก็อาละวาดทำประเทศเสียหายมาจนทุกวันนี้ แล้วปีนี้คนฉลาดที่ผิดพลาดไปแล้วคนนี้ ก็มาเสนอหน้าจะเขียนรัฐธรรมนูญ
นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า คสช.ต้องยืนให้ชัดว่า ตนกำลังจะไล่เผด็จการออกจากประชาธิปไตย ซึ่งหนึ่งมาตรการสำคัญในนั้น ก็คือการใช้กฎมายอย่างเฉียบขาด ทั่วถึง และฉับพลัน ไม่ใช่เอาแต่อ้าปากบอกผู้คนให้ยึดถือกฎหมายกันเท่านั้น ยิ่งคดีคอร์รัปชันต้องสปีดสูงสุดเลย เพราะถ้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว พยานจะกลับคำหรือหายหน้าไปหมดเหมือนหลายคดีสำคัญในคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) พอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี พยาน ก็กลับคำกันเป็นแถว ข้าราชการดีๆ เก่งๆ ที่มาช่วยงาน คตส.พอกลับกรมกอง ก็โดนรังแกเหยียบย่ำสิ้นอนาคตไปหลายคน ไม่มีใครช่วยอะไรได้ มันชัดเจนว่า บ้านเราถ้าฝ่ายเผด็จการมีแรง กฎหมายก็หมดแรงทุกทีไป ปัจจุบันงานกฎหมายจัดการเผด็จการในยุค คสช.ก็ล้มเหลว ยืนดูปล่อย ปปช.กระเสือกกระสนอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น มันไปไหนไม่ได้แน่นอน
แกนนำไทยสปริง กล่าวอีกว่า คสช.ต้องประกาศภารกิจของตนว่า เป็นประชาธิปไตย เข้ามาขับไล่เผด็จการพรรคการเมืองออกจากระบบผู้แทนไทยให้ชัดเจนแต่แรก แล้วเชิญทูตทุกประเทศไปดูข้าวเน่าตามโกดังทั่วประเทศ ไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ จัดการประชุมสัมมนานานาชาติ หัวข้อ "ความล่มสลายของประชาธิปไตยว่าด้วยเผด็จการจากหีบเลือกตั้ง" มีสาระว่าเมื่อใดคนส่วนใหญ่ถูกทำให้เห็นว่าการปกครองคือการส่งผู้แทนไปยักยอกประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของตนแล้ว ผู้คนในแผ่นดินจะแตกแยกเป็นเสี่ยง คนฉวยโอกาสจะขึ้นเป็นใหญ่ คนตลบตะแลงจะรุ่งเรือง อันธพาลจะกำเริบ ทำให้ชัดเจนเป็นที่เข้าใจเสียแต่แรกเลยอย่างนี้ สถานการณ์สากลของเราจะดีกว่านี้มาก.

ประวัติศาสตร์บางบรรทัดวันที่24มิ.ย.2475


วันนี้วันรัฐธรรมนูญ
24 มิถุนายน 2475 รถถังสองคันวิ่งเข้ามาปิดประตูทางเข้า ออกสองประตูของโรงเรียนสวนกุหลาบ ปืนรถถังหันเข้าสู่โรงเรียน นักเรียนหนีไม่ได้ เพราะมีแค่สองประตู
ทหารเข้าไปกวาดต้อนนักเรียนเข้าหอประชุม ควบคุมตัวไว้ ในหมู่นักเรียนมีลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ข้าราชการ และลูกหลานสามัญชนโดยทั่วไป
การต่อสู้นองเลือดจืงไม่เกิดขื้น เพราะยุทธการจับเด็กเป็นตัวประกัน โคตรแมนเลย
ประวัติศาสตร์ตอนนี้ คณะราษฏร์ไม่เคยบันทืกเป็นประวัติศาสตร์ชาติ แต่คือประวัติศาสตร์โรงเรียนที่บันทืก บอกเล่าสืบต่อกันมา
รัชกาลที่7 มิได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญ แต่ทรงหนีภัยไปต่างประเทศ ที่ทรงลงนามก็เพื่อแลกกับความปลอดภัยของพระบรมวงศานุวงศ์
เมื่อคณะราษฎรขื้นมีอำนาจ เห็นว่าโรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชนทั้งหลายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์นั้นเป็นภัย จืงจัดการทำให้อ่อนแอเสีย โดยสั่งให้โรงเรียนทั้งปวงยุติการสอนชั้นมัธยมปลาย ตั้งแต่ปี พศ 2480 เป็นต้นมา ใช้วิธีเดียวกับในฝรั่งเศส
การศืกษาของชาติจืงพังทลายลง อาจารย์ชาวต่างประเทศถูกส่งกลับ ครูอาจารย์ดีๆถูกย้ายหรือปลดออกจากราชการ หากการเรียนแบบสองภาษาในยุคนั้นไม่ถูกระงับ ตอนนี้คนไทยจะพูดอังกฤษคล่องแบบนักเรียนมาเลเซีย และสิงคโปร์
รัฐบาลได้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยที่จุฬา ธรรมศาสตร์ ศิลปากร ขื้นมารองรับนักเรียนที่จะเรียนต่อชั้นมัธยมปลาย ก็โยกย้ายครู อาจารย์จากโรงเรียนที่เปิดสอนชั้นมัธยมปลายเดิมนั่นแหละ
ฉลาดจัง
โรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศถูกปิดการสอนชั้นมัธยมปลายไปถืงสิบปี เปิดสอนได้อีกครั้งในปี 2491
ที่ได้เปิดสอนอีกครั้ง เพราะศิษย์เก่าจากโรงเรียนต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักหนังสือพิมพ์ ต่างร่วมกันกดดันรัฐบาล ครูเก่าเดินไปด่าคณะราษฏรถืงที่
ศืกชิงโรงเรียนคืน ดำเนินไปอย่างดุเดือด เป็นที่มาของการแยกกลุ่ม เปลี่ยนฝ่ายในหมู่คณะราษฏร ตีกันเองเละ ทั้งในบ้าน นอกบ้าน ในหมู่เพื่อนฝูง
การปิดโรงเรียนสิบปี ทำให้นักเรียนที่จบชั้นมัธยมต้น ต่างหลั่งไหลไปเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าอย่างต่อเนื่อง การเดินทางไปเตรียมจุฬา ยุคนั้นไกลมาก เดินไปราชดำเนินนอกง่ายกว่า ค่ารถรางแพงมาก แต่ต้องไปเรียนที่เตรียมจุฬามากเหมือนกัน พวกมีตังค์
คนที่รู้สืกว่าตนเองถูกรังแก โรงเรียนถูกยืดเมื่อไปเรียนทหารต่อเนื่องกันทุกรุ่นได้ คุมกำลัง คุมอาวุธ จืงเข้ายืดอำนาจรัฐคืน เอาโรงเรียนคืน
เมื่อเปลี่ยนการปกครอง จุฬาถูกรอนอำนาจ คณะ การสอนที่เกี่ยวกับการปกครอง บริหารประเทศถูกสั่งยุบ ให้ย้ายไปธรรมศาสตร์คือ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ ให้คงไว้เฉพาะคณะภาษา วิทยาศาสตร์ วิศวะ คณะแพทย์โอนไปมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทำให้เล็กลง เดิมไม่ได้มีมหาวิทยาลัยชื่อชื่อมหิดลนะครับ
รัฐศาสตร์ จุฬามาเปิดใหม่ปี 2492 หลังโรงเรียนต่างๆสู้ได้สำเร็จ โอนย้ายคณะต่างๆกลับมามาก กโลบายตัดขาดประชาชนกับพระมหากษัตริย์จืงยุติลง
ที่จริงจอมพล ป พิบูลสงครามต้องการถูกจารืกชื่อในฐานะผู้ก่อตั้งจุฬา ม แพทยศาสตร์ โรงเรียนเตรียมจุฬา ส่วนท่านปรีดีก็เป็นบิดาของตมธก ธรรมศาสตร์ อ เกษม สุวรรณกุล. ท่านอดีตอธิการบดี จุฬา จืงงหาทางสร้างอนุสาวรีย์สองรัชกาลขื้น ท่านบอกผมว่าไม่งั้น จะมีใครมาสร้างอนุสาวรีย์ของตนเองขื้น แล้วทืกทักว่าตนเองเป็นผู้สร้่างจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
ถ้าไม่มีการต่อสู้จากศิษย์เก่าโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศ. จุฬาคงเปลี่ยนไปแล้ว. ชื่อมหาวิทยาลัยคงถูกเปลี่ยน พระเกี้ยวจะถูกเปลี่ยนเป็นตราไก่ ตราประจำปีเกิดของท่านจอมพล
การเอาโรงเรียนทั่วประเทศคืนคือ การเอาประชาธิปไตยในการศืกษาคืนมา เมื่อพวกเขารวมเป็นหนื่ง การปฏิวัติจืงเกิดต่อเนื่อง เพราะคนที่ถูกรังแกเหล่านี้ ไม่ศรัทธานักการเมืองที่เอารถถังไปยืดโรงเรียนของเขา ทำร้าย ทำลายผู้ที่พวกเขาเคารพนับถือ
น่าเสียดาย นักเรียนที่เก่งที่สุดของประเทศสามร้อยกว่าคน ที่ถูกส่งไปเรียนวิชาการต่างๆด้วยทุนของรัฐบาลในสมัยรัชกาลที่5 ไม่ได้รับบรรจุเข้ารับราชการ ถูกส่งเข้าคุกก็มาก
ประเทศไทยเสียโอกาสความเจริญก้าวหน้าไปมาก
พวกที่เพิ่งออกกฏเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชานี่ก็โง่ขนาด ภาษีจะถูกผลักไปที่เด็ก ก็อาจารย์สอนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตสายตรงไม่ยอมให้มาเป็นครู เขาก็ต้องไปหาครูสายตรงข้างนอก ยังตามไปเก็บภาษีอีก
โง่มาก ไม่รู้ประวัติศาสตร์
วันรัฐธรรมนูญจืงมีประวัติความเป็นมาที่ประหลาดๆ
พูดเรื่องใหญ่ๆแต่ทำเรื่องเล็กๆไม่เป็น
แต่ก็ทำให้พวกหากินกับงานร่างรัฐธรรมนูญมีอาชีพ
กลับมาร่างครั้งนี้ คงฉลาดกว่าครั้งก่อนๆๆๆๆๆนะ
แต่ดูแล้วไม่ได้มีอะไรใหม่ดอก กล้าซะเมื่อไหร่
สวัสดีครับ วันรัฐธรรมนูญ เดี๋ยวจะไปนอนล่ะ

รับ ช่วย "แจ๊ด" ยาก ! - ผิดจริง ต้องรับโทษ ที่ ญี่ปุ่น 1 ใน 3 ก่อน ขอ กลับ ไทย

รับ ช่วย "แจ๊ด" ยาก ! - ผิดจริง ต้องรับโทษ ที่ ญี่ปุ่น 1 ใน 3 ก่อน ขอ กลับ ไทย
เช้าวันนี้ (24 มิถุนายน2558) พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น จับกุมตัวในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะกำลังจะเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับคณะกว่า 80 คน ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 640 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนว่าการประสานให้ประเทศญี่ปุ่นปล่อยตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น และในส่วนของกองการต่างประเทศ อยู่ระหว่างรอการประสานเกี่ยวกับเอกสารอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นยังไม่สามาระระบุได้ว่าขั้นตอนเอกสารจะแล้วเสร็จเมื่อใด แต่โดยหลักการแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายญี่ปุ่นในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการให้การช่วยเหลือ ขณะนี้ทำได้เพียงแค่ประสานทางการทูต และยืนยันทางเอกสารว่าเคยดำรงตำแหน่งอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจริง ซึ่งขณะที่กระบวนการทางกฎหมายของญี่ปุ่นดำเนินการอยู่นั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะต้องถูกควบคุมตัวภายใน 20 วัน แต่คาดว่าในวันนี้น่าจะมีความชัดเจนว่าทางการญี่ปุ่นจะสั่งฟ้อง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หรือไม่ นอกจากนี้หากกรณีนี้ศาลประเทศญี่ปุ่น ตัดสินว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มีความผิดจริง ตามขั้นตอนของกฎหมายระหว่างประเทศ ในเรื่องการประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ก่อนประสานส่งตัวกลับมายังประเทศไทยได้.
--------
สถานทูตไทย ใน ญี่ปุ่น ส่ง ทนาย ช่วย "แจ๊ด" ลุ้น สั่งฟ้อง ศาล หรือไม่ !
กรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น จับกุมตัวในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะกำลังจะเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับคณะกว่า 80 คน ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 640 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น
ช่วงเย็นของวันที่ 23 มิถุนายน มีการอ้างรายงานข่าวระบุว่า "หลังจากที่ได้พูดคุยเจรจากับทางเจ้าหน้าที่นานกว่า 12 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่รับทราบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์เคยเป็นอดีตนายตำรวจระดับสูงเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน เที่ยวบินที่ ทีจี 640 เป็นการท่องเที่ยวแบบส่วนตัวโดยทางเจ้าหน้าที่ได้ขอควบคุมไว้ก่อน และจะปล่อยตัวในวันที่ 24 มิถุนายน พร้อมอนุญาตให้เดินทางกลับประเทศไทยได้ทันที"
อย่างไรก็ตามช่วงดึกที่ผ่านมา พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผ่านบีบีซีไทยว่า ฝ่ายตำรวจต่างประเทศได้รับแจ้งจากตำรวจญี่ปุ่นว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการฝากขัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นจับกุมที่สนามบินนาริตะในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พยายามประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แต่ยอมรับว่าทางการไทยคงช่วยเหลืออะไรได้ไม่มาก เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายของญี่ปุ่น โดยสิ่งที่ทำได้คือการรับรองว่าเคยเป็นนายตำรวจระดับสูงของไทย ขณะที่กฎหมายญี่ปุ่นกำหนดบทลงโทษสำหรับความผิดลักษณะดังกล่าวไว้ค่อนข้างสูง คือจำคุกไม่เกิน 10 ปี แต่หากเหตุเกิดในมาเลเซียหรือสิงคโปร์ โทษสูงสุดอาจถึงขั้นประหารชีวิต
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าปืนกระบอกดังกล่าวผ่านเครื่องตรวจเอ็กซ์เรย์ที่สนามบิน ณ จุดใด และเท่าที่ทราบปืนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พกพาไปนั้นเป็นปืนขนาดเล็กมากสามารถถือไว้ในฝ่ามือได้ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นปืนพกรุ่นใด รวมทั้งไม่แน่ใจด้วยว่ามีใบอนุญาตพกปืนหรือไม่
กระทั่งเมื่อเช้าวันนี้(24 มิถุนายน 2558) นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้การช่วยเหลือด้วยการส่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯไปเป็นล่ามแปลภาษา และประสานงานกับคณะ รวมทั้งแนะนำทนายความให้กับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าวขณะนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวน จึงต้องรอการพิจารณาตามกฎหมายของญี่ปุ่นต่อไป โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยฯจะอำนวยความสะดวกและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่เพื่อให้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมตามกฎหมาย
มีรายงานว่าเจ้าหน้าทีี่ตำรวจของญี่ปุ่น ได้ทำการสอบสวนพล.ต.ท.คำรณวิทย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วและขั้นตอนต่อไปอัยการ จะพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลหรือไม่ ในช่วงบ่ายของวันนี้.
--------
ตำรวจ ญี่ปุ่น คุม " แจ๊ด" ส่ง อัยการ ฟ้องคดี พกปืนขึ้นเครื่อง
สื่อออนไลน์ของประเทศญี่ปุ่น เผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นควบคุมตัวพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ส่งอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องต่อศาล หลังถูกจับกุมตัวในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะกำลังจะเดินทางกลับประเทศไทย ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 640 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา.
タイ首都圏警察元長官を現行犯逮捕 拳銃と銃弾5発を所持(15/06/24)
-----
ภาพ อาวุธปืน NAA Mini-Revolver with grip/holster open and closed (North American Arms .22 Mini-Revolver นอร์ธ อเมริกัน .22 บรรจุกระสุน 5 นัด ปืนจิ๋ว) รุ่นเดียวกันกับอาวุธปืน ของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ถูกทางการญี่ปุ่นยึดไว้.
--------
วัน พุธ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

"บิ๊กป้อม"ไม่มีความเห็นปม"กาสิโน"-จ่อสอบสนามบินปล่อย"บิ๊กแจ๊ด"พกปืนไปญี่ปุ่น


http://www.matichon.co.th/online/2015/06/14351191851435119198l.jpg

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนการประชุมสภากลาโหม พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ถึงปัญหาภัยแล้งที่ตนได้ประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเมื่อเช้านี้ โดยสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำเครื่องไปขุดน้ำบ่อบาดาลและบ่อน้ำ เพื่อบรรเทาภัยแล้งให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และคาดจะมีฝนในสิงหาคมเป็นต้นไป เพื่อแก้ไขเบื้องต้น โดยระยะยาวต้องให้มีน้ำในเขื่อนเพียงพอ พร้อมได้สั่งการให้หน่วยทหารพัฒนาเข้าช่วยเหลือและสำรวจพื้นที่ เพื่อรายงานผลนายกรัฐมนตรีให้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ตนไม่ห่วงชาวนาออกมาชุมนุม เพราะกำลังเร่งช่วยเหลือ และขอให้ชาวนาอย่าออกมาชุมนุม

นอกจากนี้ เรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ และย้ำว่า ตนไม่ทราบเรื่องพลเอกท่านหนึ่งที่ทำการล็อบบี้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ให้ผลักดันแนวคิดดังกล่าว เพราะมีเรื่องต่างๆที่ตนต้องคิดอยู่จำนวนมาก และยืนยันว่าไม่บั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาล เป็นเรื่องความคิดของบุคคลที่มีมานานแล้ว และการสนับสนุนของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อแนวคิดนี้ ระบุ ตนสั่งการไม่ได้ เพราะเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว จึงไม่จำเป็นต้องปลดหรือเปลี่ยนจากตำแหน่ง

เมื่อถามถึงวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 จะรักษาเจตนารมณ์คณะราษฎรเพื่อรักษาประชาธิปไตยอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรากำลังดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญสถานการณ์เกิดขึ่นมาจากความขัดแย้ง ต้องรักษาภาพของประเทศไว้ และยืนยันว่ารัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ไม่เป็นเผด็จการ ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ดำเนินการตามโรดแมป และจะรักษาเจตนารมณ์ของคณะราษฎร กำลังทำให้ประเทศเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง

ส่วนการสร้างกระเเสข่าวรัฐประหารซ้อนนั้น ระบุ ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ปล่อยข่าวได้แล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสอบสวน และยืนยันว่าทหารไม่ทำประชาธิปไตยสะดุด แต่มีหน้าที่รักษาชีวิตและทรัพย์สินประชาชน รักษาความสงบให้ประเทศ ถ้าทหารไม่เข้ามาประเทศก็ไม่สงบ แต่สื่อกลับโจมตีการทำงานของรัฐบาล

สำหรับเรื่องพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บิ๊กแจ๊ด) ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมที่สนามบินนาริตะ เพราะพกอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเข้าสนามบิน หลังบินจากประเทศไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หากเป็นการนำเข้าไปจากประเทศไทยถือว่าเจ้าหน้าที่ของไทยหละหลวม เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ตรวจทุกคนไม่มีข้อยกเว้น ในเรื่องสิ่งของผิดกฎหมายที่จะออกนอกประเทศ และยืนยันว่าไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

คำรณวิทย์

วันที่ 24 มิถุนายน 2558 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมและดำเนินคดี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในข้อหามีอาวุธปืน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 22 มิถุนายน 2558

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า วันนี้เวลา 17.00 น. ตามเวลาในท้องถิ่น ตำรวจญี่ปุ่น จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา ว่า จะมีความเห็นสั่งฟ้องคดีหรือไม่ โดยอัยการ มีเวลาพิจารณาสำนวนภายใน 20 วัน หาก อัยการ มีความเห็นสั่งฟ้อง ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีของประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็จะต้องยื่นประกันตัวต่อไป ทั้งนี้ หากอัยการสั่งไม่ฟ้องก็สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ทันที สำหรับข้อหาดังกล่าว กฎหมายญี่ปุ่น มีอัตราโทษจำคุก 3 ปี ถึง 10 ปี การต่อสู้คดีนั้น สถานทูตไทย ประจำประเทศญี่ปุ่น ได้จัดหาทนายความ และให้การรับรองว่า เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงไม่เคยมีประวัติเสียเรื่องการใช้อาวุธปืน

ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลผ่านทางสถานทูต ทราบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รับสารภาพว่า เป็นอาวุธปืนเป็นของตัวเองจริง ซึ่งลืมไว้กระเป๋าใส่ยาที่พกติดตัวเป็นประจำ โดยขากลับได้ย้ายกระเป๋ายามาใส่กระสะพาย เพื่อขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย และถูกตรวจพบดังกล่าว ปืนที่พบเป็นปืน นอร์ธ อเมริกัน ขนาด .22 พร้อมกระสุน 5 นัด ซึ่งเป็นปืนขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พกประจำตัว ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และการเดินทางออกนอกประเทศของ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่านำปืนติดตัวไปได้อย่างไร

คำประกาศพลเมือง’ จาก 8 นักศึกษา .

คำประกาศพลเมือง’ จาก 8 นักศึกษา
.
“พวกเราจะรอคอยท่านอยู่ แต่อาจไม่สามารถรอคอยได้ตลอดไป ดังนั้นขอให้ท่านไตร่ตรองให้ดีว่าอยากเห็นอนาคตของบ้านเมืองนี้ อนาคตของตัว
ท่านเอง ของคนที่ท่านรัก สังคมที่ท่านผูกพัก และลูกหลานของท่านในภายภาคหน้าเป็นเช่นไร”
.
คำประกาศพลเมือง
.
ในวันนี้เมื่อ 83 ปีที่แล้ว คณะราษฎรได้ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบอบที่ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกชนชั้น มีสิทธิเสรีภาพ และมีความเสมอภาคในทุกๆ ด้าน รวมถึงการกำหนดวิถีทางทางการเมืองด้วยตนเอง แต่กระนั้นก็ได้มีความพยายามของผู้มีอำนาจจำนวนมากที่มุ่งหมายทำลายวิถีทางประชาธิปไตยและต้องการยึดอำนาจทั้งหมดจากมือประชาชนไปเป็นของตนเอง อย่างเช่นการรัฐประหารในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ครั้งล่าสุดนั้นก็ไม่ผิดแผกแตกต่างกันจากครั้งไหนๆ
.
ในวันครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร พวกเราได้มารวมตัวกันเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันน่าอัปยศ ที่อำนาจของประชาชนได้ถูกพรากไป พวกเราเพียงต้องการย้ำเตือนกับตัวเองและสังคมว่าบ้านเมืองของเราอยู่ในสภาวการณ์เช่นไร และในวันนั้นเองคนของคณะรัฐประหาร คนของระบอบเผด็จการก็ได้ปฏิบัติต่อพวกเราอย่างไร้มนุษยธรรม เหมือนกับที่พวกเขาได้ทำกับประชาชนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
.
เราได้เรียกร้องให้พวกเขาปล่อยตัวพวกเราโดยปราศจากเงื่อนไข ซึ่งพวกเขาก็ได้ให้คำมั่นไว้เช่นนั้นแล้ว แต่ในเวลาไม่ช้านานพวกเขาก็ได้ตระบัดสัตย์กลับคำ โดยมุ่งหวังเพียงแต่จะลากตัวพวกเรามารับโทษของพวกเขาให้จงได้
.
พวกเราจึงต้องออกมายืนอยู่ที่นี่ในวันนี้
.
พวกเรามาในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา แต่มาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่หนีไปไหน เพราะเราไม่ได้ทำผิด เราไม่ใช่คนผิด แต่เป็นพวกเขาต่างหากที่กระทำความผิดตั้งแต่ต้นในการยึดอำนาจไปจากประชาชน และทำลายระบอบประชาธิปไตย นิติธรรม และนิติรัฐ เราจึงขอปฏิเสธอำนาจทุกประการของรัฐบาลเผด็จการทหาร รวมถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ได้ทำผิดกระบวนการตามกฎหมายเสียเองแต่อาศัยร่มเงาของเผด็จการในการอ้างความชอบธรรม
.
มากไปกว่านั้น เรายังจะเข้าแจ้งข้อหาต่อบรรดาเจ้าพนักงานที่เข้าจับกุมและทำร้ายร่างกายพวกเราจากการชุมนุมโดยสงบโดยจะขอแจ้งความที่สถานีตำรวจแห่งนี้ที่ซึ่งเป็นต้นสังกัดของเจ้าพนักงานทั้งหลายที่ได้กระทำการในวันนั้น ในข้อหาความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อร่างกาย การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บังคับ ขู่เข็ญข่มขืนใจ และข้อหาหมิ่นประมาท หากตำรวจที่นี่ไม่รับข้อกล่าวหา พวกเราจะแจ้งข้อกล่าวหานี้ไปยังกองบังคับการปราบปราม และหากกระบวนการของตำรวจยังคงล่าช้า พวกเราจะฟ้องคดีต่อศาลอาญา
พวกเราจะขอต่อสู้เรียกร้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนในนโยบายของรัฐ การเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน และการแก้ไขความขัดแย้งโดยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและพวกเราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
.
พวกเราขอเรียกร้องไปยังประชาชนทุกท่านที่เห็นด้วยกับหลักการข้างต้น รวมถึงประชาชนทุกท่านที่รังเกียจระบอบเผด็จการอำนาจนิยม
เราเข้าใจดีว่าท่านอยากจะใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
เราเข้าใจดีว่าท่านอาจมีหลายสิ่งในชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ
เราเข้าใจดีว่าท่านอาจจะยังไม่มีความพร้อมที่จะออกมาต่อสู้อย่างเปิดเผย
เราเข้าใจดีว่าท่านอาจมความกลัวอยู่ภายในจิตใจ เราทั้งหลายต่างก็มี
.
แต่ท่านจะเพิกเฉยอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะการที่พวกท่านเพิกเฉยต่อำนาจที่มิชอบของรัฐบาลเผด็จการก็เท่ากับท่านได้ให้ความชอบธรรมแก่พวกมันไปโดยปริยาย การต่อสู้ของพวกเราในวันนี้จะไม่มีความหมาย หากพวกท่านยังคงเพิกเฉยต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น
.
พวกท่านอาจจะไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อนใดๆ ในเวลานี้ แต่เราต่างก็รู้ว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นตลอดไป จงอย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านจนทุกอย่างสายเกิน จนอาจไม่เหลือใครที่พร้อมจะต่อสู้ได้อีก
.
เราจึงขอให้พวกท่านทั้งหลายออกมาร่วมกันแสดงออกถึงการต่อต้านระบอบเผด็จการ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด ก็นับได้ว่าท่านได้ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเราแล้ว
.
พวกเราจะรอคอยท่านอยู่ แต่อาจไม่สามารถรอคอยได้ตลอดไป ดังนั้นขอให้ท่านไตร่ตรองให้ดีว่าอยากเห็นอนาคตของบ้านเมืองนี้ อนาคตของตัวท่านเอง ของคนที่ท่านรัก สังคมที่ท่านผูกพัก และลูกหลานของท่านในภายภาคหน้าเป็นเช่นไร เพราะชะตากรรมของประเทศจะต้องถูกกำหนดโดยประชาชนเอง
.
ด้วยจิตคาราวะ
.
หมายเหตุประชาไท-คำประกาศพลเมือง อ่านโดยนายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในนักศึกษาที่ถูกออกหมายจับจากกรณีกิจกรรมหน้าหอศิลป์ ภาพประกอบเป็นภาพขณะเขาอ่านประกาศฉบับนี้ที่หน้า สน.ปทุมวัน เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านม

ปืนพกรีวอลเว่อร์ North American Arms (NAA) "Pug"

ปืนพกรีวอลเว่อร์ North American Arms (NAA) "Pug" ชื่อรุ่น ปั๊ก ของปืนยี่ห้อ NAA นี้มาจากภาษาลาติน Pugnus ซึ่งแปลว่า “กำปั้น” NAA ได้เน้นออกแบบปืนรุ่นนี้ใหม้มีคุณสมบัติทั้งเล็กและแรง
NAA PUG เป็นปืนพกรีวอลเว่อร์ขนาด .22 แมกนั่ม ลำกล้องหนายาว 1 นิ้ว ด้ามยางผิวลายจุดขนาดกระทัดรัด พร้อมทั้งศูนย์ปืนออกแบบใหม่ในระบบ XS ช่วยให้จับเป้าได้เร็วยิ่งขึ้น
ขนาดกระสุน .22 แมกนั่ม
ความจุลูกโม่ 5 นัด
ความยาวลำกล้อง 25.4 มม. (1 นิ้ว)
ความยาวปืน 114.3 มม. (4 ½ นิ้ว)
ความสูงปืน 69 มม. (2 ¾ นิ้ว)
ความหนาปืน 22.2 มม. (7/8 นิ้ว)
น้ำหนักปืน (ไม่บรรจุกระสุน)176 กรัม (6.4 ออนซ์)
วัสดุสเตนเลส
ระบบการยิงซิงเกิลแอคชั่น ง้างนกก่อนยิง
ระบบความปลอดภัยระบบลูกโม่นิรภัย นกปืนจะอยู่ในร่องลูกโม่ที่ไม่ตรงกับท้ายปลอกกระสุน ตกไม่ลั่น ไม่มีทางที่นกปืนจะกระแทกจานท้ายปลอกกระสุนได้ถ้าผู้ยิงไม่ง้างนกก่อน


ออกประกาศคุม "เมอร์ส" ฉ.2 ปชช.สงสัยป่วยไป รพ.ทันที เจ้าบ้านแจ้ง สธ. ฝ่าฝืนปรับ 2 พัน

ออกประกาศคุม "เมอร์ส" ฉ.2 ปชช.สงสัยป่วยไป รพ.ทันที เจ้าบ้านแจ้ง สธ. ฝ่าฝืนปรับ 2 พัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 มิถุนายน 2558 16:12 น.
ออกประกาศคุม เมอร์ส ฉ.2 ปชช.สงสัยป่วยไป รพ.ทันที เจ้าบ้านแจ้ง สธ. ฝ่าฝืนปรับ 2 พัน
        สธ.ออกประกาศฉบับ 2 ประชาชนกลับจากพื้นที่เสี่ยง มีอาการไข้ ไอ ต้องสงสัยป่วยเมอร์ส ต้องไป รพ.ทันที เจ้าบ้านต้องแจ้งรายละเอียดผู้ป่วยและผู้สัมผัสผู้ป่วยต่อ สธ. ฝ่าฝืนปรับ 2 พันบาท พร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่งสถานทูตทำความเข้าใจต่างชาติที่จะมาไทย
      
       วันนี้ (24 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ลงนามในประกาศเจ้าพนักงานสาธารณสุขฉบับที่ 1 ให้สถานพยาบาลทุกแห่งปฏิบัติ เมื่อมีผู้ป่วยต้องสงสัยโรคเมอร์ส ต้องแจ้ง สธ.ทันที ห้ามปฏิเสธการรับผู้ป่วย และถ้าต้องส่งต่อไปรักษาตัวที่อื่น ห้ามให้ผู้ป่วยเดินทางไปเองด้วยรถสาธารณะ ให้ส่งตัวด้วยรถพยาบาลที่มีการป้องกันการติดเชื้อแล้วเท่านั้น ล่าสุด นพ.โสภณ ได้ลงนามในประกาศเจ้าพนักงานสาธารณสุข ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนกรณีโรคเมอร์ส มีสาระสำคัญคือ
      
       1.ให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าตนเองจะป่วย หรือผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วนที่สุด เพื่อรับการตรวจหรือรับการรักษาในทางการแพทย์ 2.ในกรณีที่มีการป่วยเกิดขึ้น หรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วยเกิดขึ้นในบ้าน ให้เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน แจ้งชื่อและที่อยู่ของตน ความสัมพันธ์กับผู้ป่วย ชื่อ อายุ และที่อยู่ของผู้ป่วย โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ผู้ป่วยรับการรักษา วันที่เริ่มป่วย และอาการสำคัญของผู้ป่วย ให้แก่เจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เริ่มมีการป่วยขึ้นหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วยเกิดขึ้น และ 3.กรณีผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจจะป่วย หรือผู้ที่สัมผัสผู้ป่วย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ หรือกรณีเจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้านไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท
      
       นพ.โสภณ กล่าวถึงเรื่องนี้ภายหลังประชุมวอร์รูมโรคเมอร์ส ว่า ได้ออกประกาศเพิ่มเติมในเรื่องการปฏิบัติตัวของประชาชน เมื่อกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดของโรคแล้วป่วยเป็นไข้ ไอ และผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไข้ ไอที่มาจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ และให้สถานพยาบาลสามารถดำเนินการควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะมีโทษปรับ 2,000 บาท หากไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งเป็นการออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523 ทั้งนี้ จะมีการแปลประกาศดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษและประสานไปยังสถานทูตต่างๆ ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเข้าใจมาตรการการป้องกันการระบาดในประเทศไทย
      
       "หากเป็นผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง มีไข้ ไอ ตามเกณฑ์ต้องสอบสวนโรค สถานพยาบาลที่ทำการรักษาก็ต้องให้เข้าห้องแยกความดันลบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้ผู้ป่วยอื่น โดยต้องปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานสาธารณสุข กำหนด จนกว่าเจ้าพนักงานสาธารณสุขจะมีคำสั่งยกเลิก ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 2,000 บาท นอกจากนี้ จะมีการกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมให้อำนาจเจ้าหน้าที่สาธารณสุข บังคับให้มีการทำความสะอาดบ้านเรือนกรณีพบผู้ติดเชื้อ คล้ายๆกับการระบาดของไข้หวัดนก ที่ต้องบังคับให้ทำลายไก่ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไม่ให้เกิดการแพร่กระจายโรคในประเทศ" อธิบดี คร. กล่าว
      
       นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับนักเรียนไทยที่ไปศึกษาที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทยอยเดินทางกลับบ้านช่วงถือศีลอดและเทศกาลปีใหม่ ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) สาธารณสุขอำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูล และติดตามดูแลเฝ้าระวังโรคทุกคนเมื่อกลับถึงประเทศไทย เช่นเดียวกับการเฝ้าระวังโรคผู้แสวงบุญฮัจญ์ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปี สำหรับผู้ป่วยโรคเมอร์สชาวโอมาน อาการดีขึ้นตามลำดับ รับประทานอาหารได้ ส่วนผู้สัมผัสที่เป็นญาติ 3 คนอาการปกติและผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอาการปกติทุกราย โดยสถานการณ์รอบ 24 ชั่วโมง มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 14 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากเกาหลีใต้ 11 ราย จากตะวันออกกลาง 3 ราย ทุกรายได้ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ และตั้งแต่ 1 ม.ค.- 23 มิ.ย. มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 72 ราย มาจากเกาหลีใต้ 46 ราย และตะวันออกกลาง 26 ราย
       

ทอท.เผย เครื่องเอ็กซเรย์ตรวจไม่พบปืนในกระเป๋า “คำรณวิทย์“

ทอท.เผย เครื่องเอ็กซเรย์ตรวจไม่พบปืนในกระเป๋า “คำรณวิทย์“

ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ถูกควบคุมตัวที่สนามบินนาริตะ
ทอท.เผย เครื่องเอ็กซเรย์ตรวจไม่พบปืนในกระเป๋า “คำรณวิทย์“
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากรและประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซต์ไทยแลนด์ ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 97 กรณี  อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกควบคุมตัวที่สนามบินนาริตะ ข้อหาพกอาวุธ ว่าจากการตรวจสอบภาพเอ็กซเรย์กระเป๋าของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่พบว่าปืนพก มีเพียงเครื่องใช้ส่วนตัว
นายประสงค์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ดูภาพวงจรปิดที่สนามบินสุวรรณภูมิขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางออกจากประเทศไทยญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2558 พบว่าอดีต ผบช.น.ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยถอดเสื้อสูทและรองเท้าและเดินผ่านเอ็กซเรย์ ขณะที่ภาพเอ็กเรย์กระเป๋าสะพายของพล.ต.ท คำรณวิทย์ ก็ไม่พบปืนพกแต่อย่างใด ภาพเอ็กซเรย์พบแต่เครื่องใช้ส่วนตัวเช่นแปรงสีฟันและที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็ผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิฯ เช่นกัน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 640 แต่ถูกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นควบคุมตัวที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 22 มิ.ย.2558 ตามเวลาท้องถิ่น ข้อหาพกอาวุธและเครื่องกระสุนขณะเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ได้รับรายงานว่าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นได้ควบคุมตัวพล.ต.ท.คำรณวิทย์ และได้เร่งประสานไปยังสถานทูตไทยเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านข้อกฎหมายแล้ว พร้อมกับเปิดเผยว่าคดีเกี่ยวกับอาวุธเป็นคดีที่ร้ายแรงในญี่ปุ่น
กรณีดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงระบบการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า เพราะเหตุใดจึงตรวจไม่พบอาวุธปืนของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ

บิ๊กแจ๊ด-พลาด-หรือ-สุวรรณภูมิ-บกพร่อง

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์ 24มิ.ย.58


เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตามมาพร้อมคำถามในสังคม ว่าเหตุใด บิ๊กแจ๊ด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว เจ้าของวลีเด็ด มี
วันนี้เพราะพี่ให้  ถึงสามารถนำอาวุธปืนติดตัวผ่านด่านตรวจของสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเหินฟ้าไปสู่ประเทศญี่ปุ่นได้  ก่อนจะถูกรวบคาสนามบินนาริตะ ขณะเตรียมตัวกลับมายังมาตุภูมิ หลังตำรวจประเทศญี่ปุ่นตรวจพบอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว ซึ่งเป็นปืนลูกโม่บรรจุกระสุน 6 นัด เบื้องต้นรายงานข่าวระบุว่ บิ๊กแจ๊ด ยอมรับว่าเป็นปืนของตนเองจริง แต่หารู้ไม่ว่ามันมาอยู่กับตัวเองได้อย่างไร หรือพกไว้แต่อาจลืม

 จะผิดถูกอย่างไร หรือตำรวจญี่ปุ่นที่สนามบินาริตะผู้ตรวจพบจะดำเนินการอย่างไรต่อกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ คงเป็นเรื่องที่ต้องมีรายงานตามมาเป็นระยะแน่นอน แต่เหนืออื่นใดตามคำถามข้างต้นแล้ว คนเราตามปกติแล้ว สามารถพกพาอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินได้หรือไม่กัน

คำถามดังกล่าว โพสต์ทูเดย์ ได้รับคำอธิบายจาก  ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมินายหนึ่ง  (ไม่ขอเปิดเผยนาม) ว่า สำหรับคำว่าอนุญาตแล้ว  เป็นไปไม่ได้ ที่จะคนปกติ หรือแม้แต่ข้าราชการเองก็ตาม ทั้งฝ่ายปกครอง มั่นคง พลเรือน จะสามารถนำอาวุธปืนพกประจำกายบินข้ามประเทศได้ ด้วยเพราะกฎหมายการพกพาอาวุธแต่ละประเทศจะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน บางประเทศอนุญาต บางประเทศไม่อนุญาต ดังนั้น เพื่อเคลียร์ทุกอย่างก่อนมีปัญหาตามมา ด่านตรวจที่ประเทศไทยจะไม่อนุญาตเด็ดขาดให้ผู้โดยสารพกปืนออกนอกประเทศ แม้ปืนกระบอกนั้นจะถูกแยกชิ้นส่วนจากกระบอก และแมกกาซีน กระสุน ออกจากกันก็ตาม

เอาง่ายๆ คือ แค่ในประเทศถ้าจะพกกันเพราะมีงานมีราชการ ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินก่อนจะทำการเช็คอิน และที่สำคัญต้องมีใบอนุญาตเครื่องย้ายอาวุธปืนกระบอกนั้นได้ และตัวปืนก็ต้องแยกออกจากกัน จะไม่อนุญาตให้นำขึ้นไปภายในห้องโดยสารเด็ดขาด นี่คือกฎการบินสากลอยู่แล้ว จะต้องบรรจุอยู่ใต้ท้องเครื่องบินในห้องสัมภาระเท่านั้น นี่เฉพาะบินภายในประเทศนะ ถ้าบินออกนอกไม่อนุญาตเด็ดขาด

 นายตำรวจคนเดิม ย้ำว่า ที่สำคัญ หากตำรวจ หรือทหารผู้นั้นมีราชการที่ต้องไปต่างจังหวัด และโดยสารเครื่องบินพร้อมพกพาอาวุธด้วย จะต้องมี ใบราชการ  กำกับหน้าที่ปฏิบัติเหตุนั้นไว้ด้วย เพื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่สายการบิน โดยขั้นตอนเมื่อแจ้งแล้ว จะต้องส่งมอบอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่สายการบินเป็นผู้ดูแลแต่ฝ่ายเดียว เจ้าของปืนไม่มีสิทธิดูแลเองเด็ดขาดตลอดการทำการบิน เว้นเสียแต่ต่างประเทศจะมีแอร์มาแชล (ตำรวจอากาศ) ที่จะพกอาวุธขึ้นไปกับเครื่องบินได้และปะปนกับผู้โดยสารประหนึ่งว่าเป็นบุคคลเดินทางเช่นกัน แต่เฉพาะบางประเทศเท่านั้น และเท่าที่ทราบมาบ้านเราไม่มีแอร์มาแชล

 ส่วนกรณีของ  บิ๊กแจ๊ด  นั้น ปืน หลุดไปได้อย่างไร นายตำรวจผู้นี้ให้ทรรศนะว่า คงเกิดข้อผิดพลาด และไม่มีช่องผ่าน หรือช่องตรวจวีไอพีบุคคลพิเศษอย่างที่สื่อเข้าใจกัน ผู้โดยสารไม่ว่าจะเป็นชั้นหนึ่ง ชั้นธุรกิจ หรือชั้นประหยัด ต่างต้องถูกตรวจถูกค้นเหมือนกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะถือปืนแล้วเดินผ่านเข้าด่านตรวจโดยไม่ถูกเรียก

 แต่สำหรับกรณีของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ นั้น ความสะเพร่าที่ปล่อยให้ ปืน  หลุดออกจากเมืองไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ อดีตตำรวจใหญ่นายหนึ่ง ให้ความเห็นเสริมว่า น่าจะเกิดจากคน หรือเจ้าหน้าที่ของสนามบิน ที่พบว่าเป็นบุคคลใหญ่แล้วเกิดลูกเกรงใจจึงไม่กล้าจะตรวจจริงๆ จังๆ แต่กรณีที่เกิดขึ้นกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์นั้น ยังไม่มีข้อสรุปว่าปืนที่พบนั้น พกไว้ในกระเป๋าเดินทาง หรือกับตัวเอง ถ้าหากพกไว้ในกระเป๋าเดินทาง ก็เป็นอันว่าเครื่องตรวจและคนที่มีรับผิดชอบแสกนกระเป๋าของผู้โดยสารนั้นมีปัญหา เกิดความบกพร่อง แต่ถ้าหากพกติดตัว อันนี้คือลูกเกรงใจ

 แต่เชื่อว่าอดีตตำรวจใหญ่อย่างพล.ต.ท.คำรณวิทย์ คงไม่สะเพร่าพกปืนเดินหราออกนอกประเทศแน่ เพราะต้องรู้ข้อกฎหมายเป็นอย่างดี น่าจะเป็นความผิดพลาดของสนามบินต้นทางมากกว่า

 ส่วนกรณีที่ว่าผ่านด่านตรวจที่สนามบินนาริตะไปได้อย่างไรเมื่อถึงขาเข้านั้น อดีตนายตำรวจใหญ่ผู้นี้ของดให้ความเห็น

จากรณี"คำรณวิทย์"ถึงมาตราฐานสนามบินไทย ลองส่อง พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497

จากรณี"คำรณวิทย์"ถึงมาตราฐานสนามบินไทย ลองส่อง พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497

จากกรณี มีข้อสงสัย ว่า มีการพกปืนผ่านสนามบินไทยไปลงนาริตะ กระทั่ง พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างโดนจนท.ตร.ญี่ปุ่นจับได้พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ซึ่งมีการถามถึงมาตรฐานการ

ตรวจค้นอาวุธและมาตรการความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งทางการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย(ทอท.)มีการออกมาบอกว่า  ใช้มาตการ การรักษา ความปลอดภัย

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตาม พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497(ลองไปดู พรบ.ที่ชราภาพแล้วฉบับนี้กัน)
////
พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497

ฉบับเต็ม  คลิกที่นี่

          มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดนำอากาศยานทำการบิน เว้นแต่มีสิ่งเหล่านี้อยู่กับอากาศยานนั้น คือ
          (1) ใบสำคัญการจดทะเบียน
          (2) เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน และแผ่นแสดงเครื่องหมายอากาศยาน
          (3) ใบสำคัญสมควรเดินอากาศ
          (4) สมุดปูมเดินทาง
          (5) ใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่แต่ละคน
          (6) ใบอนุญาตเครื่องวิทยุสื่อสาร ถ้ามีเครื่องวิทยุสื่อสาร
          (7) บัญชีแสดงรายชื่อผู้โดยสาร ในกรณีที่เป็นการบินระหว่างประเทศที่มีการบรรทุกผู้โดยสาร
          (8) บัญชีแสดงรายการสินค้า ในกรณีที่เป็นการบินระหว่างประเทศที่มีการบรรทุกสินค้า
          (9) สิ่งอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
          ความในมาตรานี้ ไม่ใช้บังคับแก่
          (1) อากาศยานที่ทำการบินทดลองภายใต้เงื่อนไข ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
          (2) อากาศยานทหารต่างประเทศ
          (3) อากาศยานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

          มาตรา 18/1 อากาศยานทุกลำที่ทำการบินในราชอาณาจักร ต้องทำแผนการบินและแจ้งต่อหน่วยงานให้บริการจราจรทางอากาศ
          แผนการบินให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

          มาตรา 18/2 อากาศยานทุกลำที่บินหรือเคลื่อนที่อยู่ในราชอาณาจักรต้องปฏิบัติตามกฎจราจรทางอากาศที่กำหนดในข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน

          มาตรา 25 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งหรือพายุทธภัณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยุทธภัณฑ์ไปกับอากาศยาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรี และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรี

กำหนด

       มาตรา 26 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งหรือพาวัตถุอันตรายหรือสัตว์ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อ ความปลอดภัยของอากาศยานหรือบุคคลในอากาศยานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงไปกับ อากาศยาน เว้นแต่จะ

ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่และปฏิบัติตาม เงื่อนไขที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด

          มาตรา 62  เมื่อเกิดอุบัติเหตุแก่อากาศยานใดในราชอาณาจักร ให้อากาศยานนั้นอยู่ในความพิทักษ์ของพนักงานเจ้าหน้าที่ และห้ามมิให้บุคคลใดปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่อากาศยานหรือ

ส่วนของอากาศยานนั้นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจเว้นแต่กรณีจำเป็นเพื่อ
          (1) ให้คน ไปรษณีย์ภัณฑ์และสัตว์พ้นภัย
          (2) คุ้มครองอากาศยานนั้นมิให้เสียหายโดยไฟไหม้หรือเหตุอื่นใด
          (3) ป้องกันภยันตรายมิให้เกิดแก่ประชาชน
          (4) เคลื่อนย้ายอากาศยานหรือส่วนของอากาศยานนั้นมิให้กีดขวางต่อการเดินอากาศ หรือการขนส่งอย่างอื่น
          (5) เคลื่อนย้ายอากาศยานหรือส่วนของอากาศยานนั้นไปสู่ที่ปลอดภัยเมื่ออับปางในน้ำ หรือ
          (6) เคลื่อนย้ายสิ่งของหรือสินค้าให้พ้นภยันตรายในกรณีนี้ให้ทำภายใต้ความควบคุมดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ
///
ฉบับเต็ม
พรบ.การเดินอากาศพ.ศ.2497

นศ.รวมตัวหน้าสน.ปทุมวันขอพบจนท.ตร.หลังเพื่อนถูกคุมตัวหน้าหอศิลป์

นักศึกษา 8 คนที่ถูกสั่งให้ไปรายงานตัวที่ สน.ปทุมวัน เพราะฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากการจัดกิจกรรมหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2558 รวมตัวกันที่ สน.ปทุมวัน ขอเข้าพบเจ้าหน้าที่ ขณะที่นักศึกษากลุ่มดาวดิน 7 คน ที่ถูก สภ.ขอนแก่นตั้งข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ไปให้กำลังใจ ด้านโฆษก คสช.เผยการแสดงออกไม่สมเป็นนักศึกษา และตั้งใจยั่วยุเจ้าหน้าที่ ยืนยันตำรวจจะปฏิบัติอย่างละมุนละม่อม
เมื่อเวลาประมาณ 16.50 น. นักศึกษาได้เตรียมตัวเดินเข้าไปภายใน สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับผู้ชุมนุมที่หอศิลป์ฯ อย่างไรก็ดี นักศึกษายังไม่สามารถเข้าไปในสถานีตำรวจได้
ก่อนหน้านี้ นายรังสิมันต์ โรม นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ร่วมจัดกิจกรรมหน้าหอศิลป์ ได้อ่านแถลงการณ์ ระบุว่า พวกตนมาแสดงตัวเพื่อยืนยันว่าไม่ได้หนีไปไหน แต่ก็ไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่ได้กระทำความผิด นักศึกษาต้องการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดต่อเสรีภาพ ร่างกาย และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้ นักศึกษาได้ไปรวมตัวที่หน้าตลาดสามย่าน และพูดผ่านเครื่องขยายเสียงเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมให้กำลังใจ โดยยืนยันว่าการรวมตัวเป็นไปอย่างสันติ
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ขณะนี้ตำรวจยังดูสถานการณ์และจะดำเนินการอย่างเหมาะสมที่สุด โดยใช้วิธีปฏิบัติอย่างละมุนละม่อม และอดทน อย่างไรก็ดี เห็นว่านักศึกษาตั้งใจยั่วยุเจ้าหน้าที่และโน้มน้าวสถานการณ์เพื่อให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม นักศึกษาไม่ได้แสดงออกเหมือนผู้อยู่ในวัยศึกษาแต่เป็นการแสดงออกของผู้ต้องการฝ่าฝืนกฎหมาย เชื่อว่าสังคมจะทราบดีว่าการแสดงออกในวันเวลาสถานที่เช่นนี้น่าจะมีเจตนาแอบแฝง
พ.อ.วินธัย กล่าวว่าเริ่มมีผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนเข้ามาถึงการกระทำของนักศึกษาว่าไม่เหมาะสม อย่างไรก็ดี คสช.คงไม่มีคำสั่งใด ๆ เป็นพิเศษ เพราะกรณีนี้ถือเป็นเรื่องของบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น
(ภาพจากกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย)


แล้งสุดในรอบ51ปีผู้ว้า กปน.บอกน้ำมีพอผลิตให้ปชช.ได้อีกเพียง30วันให้ประหยัดสำรองน้ำไว้ใช้ครัวเรือน

WEDNESDAY, 24 JUNE 2015 07:23
เขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์-ป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำร่วม 3 เขื่อน มีเพียง 9 ร้อยล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีการปล่อยน้ำทุกวัน หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ไม่มีฝน กปน. ผลิตน้ำจ่ายให้ประชาชน ได้อีกเพียง 30 วัน  
วันที่ 24 มิถุนายน 2558 ที่โรงสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการประปานครหลวง (กปน.) นำสื่อมวลชน ติดตามสถานการณ์การผลิตน้ำประปา พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมมือกันใช้น้ำอย่างประหยัด

นายธนศักดิ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในภาพรวม ถือว่า แล้งที่สุดในรอบ 51 ปี มีปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำนวนรวมกัน อยู่ที่ 900 ล้านลูกบาศก์เมตร ในแต่ละวันจะปล่อยน้ำลงมาจำนวน 30 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ซื่งในจำนวนน้ำที่ปล่อยลงมานี้ ทาง กปน. นำมาใช้ผลิตน้ำประปา จำนวน 3.6 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน หากคำนวนแล้ว เท่ากับจะสามารถผลิตเป็นน้ำประปาจ่ายให้ประชาชนใช้ได้ตามปกติ อีกเพียง 30 วันเท่านั้น

กปน. ได้ประเมิณสถานการณ์ภัยแล้งเบื้อนต้น จะสามารถจ่ายน้ำให้ประชาชนใช้น้ำในระดับปกติได้เพียง แค่ 30 วัน ระหว่างนี้หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น กปน. ก็จะทำการพิจราณาลดการจ่ายน้ำเพิ่มอีก ตามความเหมาะสม

ผู้ว่าการ การประปานครหลวง กล่าวว่า ตั้งแต่ 12 พฤษภาคม 2558 ได้มีการลดการผลิตน้ำประปาที่รับน้ำมา จากแม่น้ำเจ้าพระยาราว 10% โดยลดจากกำลัง ผลิตเดิม 3.9 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เหลือ 3.6 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน พร้อมแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์น้ำภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ประชาชนปรับตัวและเตรียมกักเก็บน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค

ปริมาณน้ำ ที่ประชาชน ควรสำรองเฉลี่ย 60 ลิตรต่อครอบครัว ซึ่งจะสมารถมีน้ำใช้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ต่อครอบครัว ทั้งนี้ กปน. จะมีการประสานกับกรมชลประทานเพื่อขอให้มีการปล่อยน้ำสำรองลงมาใช้ก่อน พร้อมทั้งจะมีการจัดรถน้ำบริการน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับประชาชนซึ่งจะสามารถแจกจ่ายให้กับประชาชนได้เฉลี่ยประมาณ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน โดยจะนำน้ำมาจากโรงผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ซึ่งจะดึงน้ำมาจากแม่น้ำแม่กลอง

ขณะที่ สถานการณ์ความเค็มในน้ำดิบนั้นอยู่ที่ 0.13 g/L (กรัม/ลิตร) ซึ่งมาตรฐานความเค็มโดยปกติแล้วต้องไม่เกิน 0.25 g/L (กรัม/ลิตร) ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ระบุไว้ ค่าที่วัดเบื้องต้นนั้นยังถือว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่วิกฤติ หากเกิดวิกฤติน้ำเค็มพื้นที่เขตที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ พื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ

อย่างไรก็ตาม ขอแนะประชาชนและทุกภาคส่วน ควรประหยัดน้ำและพร้อมให้สำรองน้ำไว้ในยามฉุกเฉิน และในปี 2559-2565 การประปานครหลวง (กปน.) มีโน้มที่จะปรับราคาน้ำประปาเพิ่มอีกสูงสุดไม่เกิน 1 บาท 50 สตางค์จากเดิม 8 บาท 50 สตางค์ เพื่อนำเงินไปลงทุนปรัปปรุงระบบน้ำประปาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
add a comment

"นายกฯประยุทธ์”สั่งสอบสวน ปม ”คำรณวิทย์” นำปืนผ่านสุวรรณภูมิ ไปญี่ปุ่น ได้ไง

"นายกฯประยุทธ์”สั่งสอบสวน ปม ”คำรณวิทย์” นำปืนผ่านสุวรรณภูมิ ไปญี่ปุ่น ได้ไง ยันไทยต้องเคารพกฎหมายต่างประเทศ ขอสื่อ อย่าโยง ปม กระทบ “ICAO” ชี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่ จนท.รัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นควบคุมตัว ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองนั้น จะส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศICAO หรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวคุณอย่าไปเขียนให้ปนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของการลักลอบนำสิ่งของขึ้นเครื่องบิน ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มันมีความผิดเพราะมีการขนของหนีภาษี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดโดยกำลังสอบอยู่ว่ามันไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าตนอยู่เฉยๆ อย่าไปหาเรื่องเอาไปตีไอเคโอ พอเขาดีให้ก็เอาลงมาอีก ก็แก้ไปสิไปอธิบายว่าเป็นเรื่องของบุคคล ไอเคโอเป็นเรื่องขององค์กรแยกออกจากกันซะ เขียนให้ประเทศชาติไปได้หน่อย ตนไม่ได้ให้ท่านปิดเลยซักอย่าง

เมื่อถามว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถูกจับที่ประเทศญี่ปุ่น ถือประเทศไทยมีความผิดด้วยหรือไม่ เพราะปล่อยให้อาวุธออกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วอย่างไร เขาเป็นใครหล่ะ ตนพูดเมื่อกี้ไม่ได้ฟังหรือ ก็ไปสอบสวนสิว่าผ่านการตรวจไปได้อย่างไร มีการละเว้นกันหรือไม่ ผ่านการตรวจเอ็กซเรย์หรือเปล่า กำลังสั่งเขาให้ไปสอบแล้วผิดก็คือผิด แล้วจะเอาอย่างไร

เมื่อถามว่า จะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็อำนวยความสะดวกในเรื่องของทนายความ เรื่องความยุติธรรมก็ว่ากันไปเขาไม่ใช่ข้าราชการ วันนี้เขาเป็นบุคคลธรรมดา เข้าใจหรือเปล่าก็ต้องดูแล อย่างเรื่องประมงก็ยังต้องดูเลย เอากลับมาเท่าไหร่แล้วรู้ไหม ทุกรเรื่องตามทุกเรื่องไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องมาโฆษณาชวนเชื่อกันทุกวัน ออกมาแล้วกำลังจะมาแล้วก็ไม่ได้มา เพราะว่าประโคมกันเสียหายกันไปหมด บางอย่างต้องพูดคุยกันบ้างกฎหมายคือกฎหมายทุกประเทศสำคัญหมด อยู่ที่ว่าคนไทยทุกคนจะต้องสำนึกตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวเขาก็ช่วยถ้าสอนกันแบบนี้ก็เป็นอยู่อย่างนี้ ต้องสอนให้คนเคารพกฎหมายในประเทศของเรา และเคารพกฎหมายประเทศอื่นด้วย เคยตัวกันหรือเปล่า ประเทศไทยทำอะไรกันก็ได้ ต่างชาติทำได้ที่ไหนเล่าแล้วก็เดือดร้อนรัฐบาล ไม่ช่วยก็โดนว่าไม่ดูแลคนไทย จะอาอย่างไร


83 ปี 24 มิ.ย. 2475 จะเดินหน้าหรือถอยหลัง ?

83 ปี 24 มิ.ย. 2475 จะเดินหน้าหรือถอยหลัง ?

24 มิ.ย. 2558 ถือเป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย หรือ สยามในอดีต ย้อนกลับไป 83 ปี วันนี้เป็นวันแห่ง การปฏิวัติสยาม
เป็นที่ทราบกันกับประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย ในปัจจุบันว่า ในวันที่ 24 มิ.ย. 2475 เป็นวันแห่งการปฏิวัติสยาม เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา และพัฒนามาเป็นรูปแบบที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขในปัจจุบัน
ตลอด 83 ปีที่ผ่านมา การวางรากฐานการเมืองการปกครองของประเทศ ที่ต้องการเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตยตามที่คณะผู้ก่อการหรือ "คณะราษฎร" ได้วาดหวังไว้ ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน
เมีบางครั้งบางตอน การปกครองตกอยู่ภายใต้ระบอบอำนาจนิยม มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทของระบอบประชาธิปไตยสำหรับการบริหารประเทศไปก็หลายครั้ง
มีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มพลังมวลชน ผู้บริสุทธิ์ นักศึกษา ประชาชน ผู้รักประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 14 ตุลา16 และเหตุการณ์มหาวิปโยค 6 ตุลา 19
มีบางช่วง การเมืองไทยตกอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ที่เรียกกันว่า "ประชาธิปไตยครึ่งใบ" ยาวนานเกือบ10 ปี เมื่อผ่าน เข้ามาสู่การปกครองที่มีผู้แทนจากการเลือกตั้งเต็มรูปแบบ ก็เกิดปัญหาในบ้านเมือง เกิดการคอร์รัปชั่น ขนานใหญ่ ในยุคที่เรียกว่า ยุคบุพเฟ่คาบิเนต จนเป็นเหตุให้มีการล้มการปกครองโดยคณะทหาร
ซึ่งในขณะนั้น ผู้คนยินดีปรีดาที่มีการล้มกระดานกลุ่มอำนาจของพรรคการเมืองลง อย่างมาก ด้วยหวังว่าคณะผู้ยึดอำนาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีกว่าเดิม
แต่แล้ว เมื่อมีการพยายามสืบทอดอำนาจโดยคณะผู้ยึดอำนาจเสียเอง จนทำให้ ไปสู่การต่อต้านของกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้งจนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดอีกครั้ง ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า พฤษภาทมิฬ ปี2535
แต่ด้วยบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแก้ไขวิกฤตการณ์จนคลีคลาย ทำให้การเมืองไทยหลุดจาก ความรุนแรงในครั้งนั้นและนำไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังปี 2535 เมื่อมีการเลือกตั้งประเทศเดินหน้าไปตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย แต่แล้ว ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทางการเมือง การเข้ามาบริหารประเทศของบรรดาตัวแทนหรือพรรคการเมือง การบรรลุเป้าหมายของระบอบประชาธิปไตย การปกครองเพื่อความผาสุกเพื่อประชาชน ก็ไม่บรรลุเป้าหมายได้เลย
นักการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้ง ต่างมุ่งประโยชน์แต่ตัวเองและพวกพ้องจนทำให้ความศรัทธาต่อระบอบการเมืองไทยลดน้อยถอยลง และเมื่อนายทุนผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจได้ผันตัวเองเข้ามาสู่การเมืองโดยตรง ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและสามารถขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ในปี2544 การเมืองไทยได้แบ่งขั้วการเมืองอย่างชัดเจน
มีการใช้อำนาจทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ให้กับกลุ่มพวกพ้อง จนมีคดีความมากมายและ นำไปสู่การรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งอีกครั้ง ในปี 2549 และเมื่อกลับเข้าสู่ระบอบการเลือกตั้งหลังจากมีการยึดอำนาจไปประมาณปีเศษ วังวนของการเมืองไทยก็กลับเข้าสู่วังวนเดิมอีกครั้ง มีการใช้อำนาจทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง
เกิดการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันของกลุ่มพรรคการเมือง และมีเหตุการณ์ความรุนแรง มีการใช้กำลังปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วย เกิดกระบวนการจัดตั้งมวลชนของแต่ละฝ่ายในการต่อสู้กัน
จนเหตุการณ์ถึงทางตัน ทำให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้ง เป็นครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างที่เราทราบกันดีในปัจจุบัน
วันนี้ การเมืองไทยภายใต้การบริหารของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มีการวางแนวทางเพื่อไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง มีความพยายามในการปฏิรูปประเทศ เพื่อหาทางออกจากปัญหาที่เป็นวังวน เป็นรากฐานของปัญหาในทุกมิติ ก่อนที่จะนำไปสู่กระบวนการเลือกตั้ง ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่างกันอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ เป็นที่น่าสนใจยิ่งว่า กระบวนการที่คณะรัฐประหารวาดหวังว่า จะนำพาประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ต้องการวางรากฐานใหม่เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าไปอย่างผาสุข ตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่า จะคืนความสุขให้กับคนไทยในอีกไม่นาน
วันนี้ ถามว่า กลุ่มคู่ขัดแย้ง ได้หายไปหรือยัง ปัญหาเดิมได้รับการแก้ไขหรือยัง ...? หรือเป็นช่วงเวลาแห่งการรอ ...การสงบนิ่ง รอโอกาสที่จะกลับมาเป็นผู้กุมอำนาจอีกครั้ง และ นำความขัดแย้งกลับมาอีก...?
วันนี้ 83 ปีผ่านของวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ...สังคมไทยจะก้าวเดินไปอย่างไร...? จนถึงวันนี้ มีบ้างที่บางคนมองภาพ คาดคะเน..ในใจได้.... 83ปีที่ผ่านมา จะผ่านไป โดยที่คนไทยไม่ได้สรุปบทเรียน หาทางออกให้กับวันข้างหน้าทีดีกว่าหรือไม่....อีกไม่นาน......????