PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บึ้ม-เผา7จว.ใต้ ชี้ปมประชามติ ซัดการเมืองผสมไฟใต้ ถล่ม17จุดดับ4-เจ็บ36


บึ้ม-เผา7จว.ใต้ ชี้ปมประชามติซัดการเมืองผสมไฟใต้ มือถือ”ซัมซุง”จุดชนวน ถล่ม17จุดดับ4-เจ็บ36 หัวหิน-สุราษฎร์หนักสุด คุมตัวชายหญิงเค้นสอบ

22

1. บึ้มหัวหิน – นักท่องเที่ยวต่างชาติบาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือออกจากจุดเกิดเหตุระเบิดย่านบาร์เบียร์ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อกลางดึกวันที่ 11 สิงหาคม มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

2. เร่งช่วย – เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดหน้ากองบังคับการตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย ซึ่งเป็น 1 ใน 7 จังหวัดพื้นที่ท่องเที่ยวภาคใต้ที่เกิดเหตุวางระเบิด-ไฟไหม้ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม

3. ระเบิดสุราษฎร์ฯ – เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดหน้ากองบังคับการตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 ราย เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม

4. เผาห้างตรัง – เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำดับไฟที่ลุกไหม้ห้างสรรพสินค้าลีมาร์ท เขตเทศบาลนครตรัง จ.ตรัง คาดความเสียหายนับร้อยล้านบาท เป็นเหตุการณ์ซ้ำซ้อนหลังเกิดระเบิดตลาดกลางเซ็นเตอร์พอยท์ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ชาวบ้านแตกตื่นหนีตายอลหม่าน

ผบ.ตร.ชี้ประกอบระเบิดคล้าย 3 จว.ใต้ เชื่อมโยงปมประชามติ

วางบึ้ม-เผาป่วนทั่วภาคใต้

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงกลางคืนจนถึงเช้าที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์คนร้ายพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่สงบขึ้นในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้ ทั้งการก่อเหตุวางระเบิดตามแหล่งชุมชนย่านใจกลางเมือง ส่งผลทำให้มีผู้คนล้มเจ็บจำนวนมาก ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ประกอบด้วย จ.ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ ภูเก็ต และพังงา

เริ่มจากเมื่อเวลา 22.15 น. วันที่ 11 สิงหาคม เกิดเหตุระเบิดด้านหน้าร้านบาร์เบียร์จอห์นนี 56 ถนนเสละคาม เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบได้เกิดระเบิดอีกเวลาประมาณ 23.00 น. ห่างจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร หน้าร้านเรนทรีสปา ถนนพูลสุข ต.หัวหิน แรงระเบิดทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ต่อมามีผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต 1 ราย

ระเบิดเมืองหัวหินเพิ่มอีก2จุด

ต่อมาเวลา 09.00 น. เกิดเหตุระเบิด 2 ลูกซ้อน ห่างกันประมาณ 3 นาที บริเวณพุ่มไม้ใต้ฐานหอนาฬิกา ด้านหน้าวัดอัมพารามหัวหิน ริมถนนเพชรเกษม ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เป็นเพศหญิง และบาดเจ็บ 3 คน

สำหรับรายชื่อคนเจ็บและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จุดแรกเมื่อช่วง 21.45 น. วันที่ 11 สิงหาคม บริเวณบาร์เบียร์ มีบาดเจ็บทั้งหมด 25 คน ตาย 2 ราย ดังนี้ นำส่ง รพ.หัวหิน 14 ราย เป็นชายไทย 5 ราย หญิงไทย 6 ราย และเป็นหญิงสาวต่างชาติ สัญชาติเยอรมันและฮอลแลนด์ 3 ราย ต่อมาเสียชีวิตเป็นหญิงไทยไม่ทราบชื่อ 1 ราย ส่ง รพ.ซานเปาโลหัวหิน 8 ราย เป็นชายต่างชาติและหญิงต่างชาติชาวเยอรมัน และอิตาลี รวม 7 ราย และชายไทย 1 ราย และที่ รพ.กรุงเทพ หัวหิน อีก 1 ราย เป็นชายชาวเนเธอร์แลนด์ คนเจ็บส่วนใหญ่แพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ สำหรับจุดที่ 2 ที่บริเวณหอนาฬิกา หัวหิน ช่วงเวลา 09.00 น. มีผู้บาดเจ็บเป็นชาย 3 ราย และเสียชีวิตเป็นหญิง ชื่อ น.ส.ณัฐชา สุวรรณพรหม อายุประมาณ 40 ปี

สุราษฎร์ฯ3เหตุ”ไหม้-ระเบิด”

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 03.30 น. ร.ต.อ.อุดมศักดิ์ มาศมาลัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่ง ร้านทวีสินพลาสติก เลขที่ 486/3-6 ติดธนาคารกรุงเทพ สาขากาญจนวิถี ถนนกาญจนวิถี

ต.บางกุ้ง เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มูลค่าเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท

ต่อมาเวลา 08.00 น. เกิดเหตุระเบิดหน้าป้ายกองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ถนนหน้าเมือง ริมเขื่อนแม่น้ำตาปี เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ห่างจากสถานที่ตักบาตรทำบุญช่วงเช้าประมาณ 50 เมตร ที่มีนายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเพิ่งเสร็จพิธีเพียง 5 นาที ช่วงเกิดเหตุระเบิดนั้นพนักงานเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีกำลังเก็บขยะทำความสะอาดพื้นที่ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ระหว่างถูกนำส่ง รพ.สุราษฎร์ธานี ทราบชื่อนางจงกลดี ทุ่มกระจ่าง อายุ 51 ปี และผู้บาดเจ็บ 3 คน ทราบชื่อ 1.นางจันทร์รัตน์ นุ้ยมัย อายุ 33 ปี 2.นายณรงค์ชัย สุขแก้ว อายุ 27 ปี และ 3.นายธีระวิทย์ บัวน้อย อายุ 46 ปี

ถัดมาเวลา 08.30 น. เกิดระเบิดข้างตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย ริมรั้วด้านหน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พบเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุกโทรศัพท์มือถือ

บึ้มชั้นวางสินค้าโลตัสนครศรีฯ

พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ในห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่เวลา 03.30 น. ถนนพัฒนาการคูขวาง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จุดเกิดเหตุบริเวณชั้นวางสินค้า 2 จุด คือ บริเวณชั้นวางกระดาษทิชชู และชั้นวางขนมขบเคี้ยว หลังเกิดเหตุ รปภ.ของห้างพบเห็นจึงเข้าดับเพลิง สามารถควบคุมเพลิงได้ไม่ขยายเป็นวงกว้าง สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เบื้องต้นเป็นการวางระเบิดแสวงเครื่องแบบทำให้เกิดเพลิง

บึ้มพื้นที่ป่าตองภูเก็ต2จุด

เมื่อเวลา 08.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตองรับแจ้งเหตุลอบวางระเบิดจำนวน 2 จุด ตรวจสอบบริเวณจุดที่ 1 ลานสวนสาธารณะโลมา หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดเกิดเหตุด้านหลังเต็นท์ติดกับชายหาดป่าตอง มีการนำวัตถุระเบิดวางไว้ใต้พื้นของเต็นท์ดังกล่าวเพื่อหลบสายตาผู้คน ในช่วงเกิดเหตุนั้นไม่มีผู้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและไม่มีอะไรเสียหาย ส่วนจุดที่ 2 บริเวณป้อมสายตรวจจราจร ติดกับถนนทวีวงศ์ หน้าหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต คนร้ายได้วางวัตถุระเบิดไว้ใต้พื้นของป้อมทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็น

ย่านค้า”ตรัง-กระบี่-พังงา”วอด

เมื่อเวลา 03.30 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้างลีมาร์ท ได้รับความเสียหายทั้งอาคาร มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยเมื่อเวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงบางส่วนไว้ได้

เมื่อเวลา 03.15 น. เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ พื้นที่ หมู่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นย่านการค้าหน้าหาดอ่าวนาง เป็นห้องแถวชั้นเดียวติดกัน 5 ห้อง เปิดเป็นร้านขายสินค้าของที่ระลึก ใช้เวลาร่วม 3 ชม.จึงควบคุมเพลิงไว้ได้สินค้าถูกไฟไหม้ทั้งหมด มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

ระเบิดลง2ลูกย่านตะกั่วป่า

เวลา 09.00 น. เกิดเหตุระเบิดหน้าตลาดสดบ้านบางเนียง หมู่ 5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หน้าร้านตะเกียง ตรงข้ามตลาดนัดบางเนียง เป็นบริเวณที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อกลางดึก ติดกับทางเข้าอนุสรณ์เรือ ต.813 โดยบริเวณระเบิดมีรถกระบะได้รับความเสียหาย

ส่วนจุดที่ 2 ระเบิดลงห่างจากจุดแรกประมาณ 30 เมตร อยู่ด้านหน้าของตลาดสดบ้านบางเนียง ด้านหลังร้านซิลมี่แอทเขาหลักทัวร์ บริเวณด้านหลังได้รับความเสียหาย ห่างไปประมาณ 20 เมตรพบเศษชิ้นส่วนของแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือซัมซุง ฮีโร่

จนท.คุมชายหญิงต้องสงสัยสอบ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งขึ้นรถไฟจากหัวหิน มุ่งหน้ามาลงที่นครปฐม ไปสอบสวนหาความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด โดยจะตรวจดีเอ็นเอ เพื่อไปเปรียบเทียบกับผลการตรวจสอบระเบิดในที่เกิดเหตุ

“บิ๊กตู่”ขออย่าตื่นตระหนกบึ้ม7จว.

ที่สวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ว่า สื่อมวลชนอย่าไปขยายความให้มากนัก เหตุที่เกิดเพื่อสร้างความวุ่นวาย สร้างสถานการณ์ให้สับสนอลม่าน ดังนั้นคิดเอาแล้วกันว่าจะเป็นเพราะประเด็นอะไร ส่วนจะโยงไปเป็นถึงประเด็นใดนั้น ตนยังไม่ได้พูด เพราะเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่ แต่ขณะนี้จะต้องช่วยกันทำให้ทุกคนไม่ตื่นตระหนก และคนไทยต้องช่วยกันเป็นเจ้าของบ้านที่ดี “ขอให้พิจารณากันเอาก็แล้วกันว่า มันเกิดเหตุอะไรขึ้นในช่วงนี้ ตั้งแต่ก่อนทำประชามติ จนหลังทำประชามติ ทำไมถึงมาเกิดในช่วงนี้ ทำไมเกิดในช่วงที่บ้านเมืองกำลังดีขึ้น กำลังเป็นหลักเป็นฐานมากขึ้น เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น การท่องเที่ยวกำลังดีขึ้น ต้องถามว่าทำไม แล้วใครไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทย ใคร พวกไหน ไปหามาให้ผม” นายกฯกล่าว

โวยไม่ช่วยกันจะสงบได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯนั่งรถรางเยี่ยมชมบริเวณพื้นที่สวนป่าเบญจกิติ ผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์นายกฯอีกครั้ง โดยนายกฯโบกมือปฏิเสธ พร้อมกับกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันดี เป็นวันมหามงคล” แต่ระหว่างนายกฯกำลังจะก้าวขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามถึงเหตุการณ์ระเบิดต่อเนื่องกันหลายจุด พล.อ.ประยุทธ์หันกลับมากล่าวเสียงเข้มว่า “บ้านเมืองกำลังจะดีขึ้น มีคนไม่ดีทำ แล้วก็มาไล่เจ้าหน้าที่อยู่แบบนี้ มีไหมล่ะจะให้คนเฝ้าระวังมีไหม ให้ช่วยกันรณรงค์มีไหม เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น การท่องเที่ยวมากขึ้น แล้วยังมีคนอย่างนี้ ไปถามไอ้คนทำโน่น ไม่มีช่วยกันหรอก แล้วจะเอาอย่างไรกัน แล้วจะเอาความสงบสุขมาจากไหน”

“บิ๊กป้อม”ลั่นไม่ไว้หน้าใครจับหมด

ก่อนหน้านั้นในเวลาประมาณ 07.50 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1รอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ระเบิดเกิดขึ้นทั้ง 2 จุด ที่จ.ตรังและหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีความเชื่อมโยงกันแน่นอน ทั้ง 2 จุดพบว่าวัตถุระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นชนิดเดียวกันคือซีโฟร์ แต่ยังไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า มั่นใจและคาดว่าเหตุเกิดน่าจะมาจากเรื่องภายในประเทศ

“ผมจะจับกุมตัวคนร้ายให้ได้ ทุกครั้งก็จับได้ จะทำให้ได้ และขอบอกไว้เลยว่า ทำกันอย่างนี้ จะสู้กันอย่างนี้ มาทำให้ประชาชนหวาดกลัว ผมจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม รัฐบาลจะเดินหน้าเต็มตัวทำให้เกิดความสงบสุขให้ได้” พล.อ.ประวิตรกล่าว และว่าเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดหลายจุดไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด

บิ๊กป๊อกมั่นใจรบ.คุมสถานการณ์ได้

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เหตุระเบิดทั้ง 2 จุดที่เกิดมีความเกี่ยวโยงกัน เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์เกิดพ้องกัน ทั้งในแง่การเป็นเมืองท่องเที่ยว การก่อเหตุในที่สาธารณะ และยังเกิดเหตุในเวลาใกล้เคียงกัน

“คนทำถือว่าทำร้ายประเทศมาก เพราะเหตุที่เกิดส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสงบเรียบร้อยและเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ในจุดอื่นอีก” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

คสช.ชี้เหตุทำลายความน่าเชื่อถือ

พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่าการก่อเหตุเกิดในจังหวัดภาคใต้น่าจะทำเป็นขบวนการ ทีมงาน เกิดในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน หวังผลในพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อให้กระทบเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่ระเบิดขนาดใหญ่และมีอำนาจทำลายล้างน้อย ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนกของประชาชนและสร้างภาพสู่สายตาของต่างประเทศ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. โดยเฉพาะการเลือกก่อเหตุในวันสำคัญและ จ.ประจวบคีรีขันธ์ถือเป็นพื้นที่สำคัญ ล้วนแล้วมีความเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น ขอยืนยันว่า คสช.จะรักษาเสถียรภาพความสงบของบ้านเมืองให้ได้

“บิ๊กหมู-มท.”สั่งคุมเข้มทุกจังหวัด

“หลังเกิดเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้าของวันที่ 12 สิงหาคม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) สั่งจัดสารวัตรทหารและสุนัขทหาร ตรวจตราพื้นที่ แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวใน กทม. เพื่อดูแลความเรียบร้อยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งถนนข้าวสาร แยกราชประสงค์ เซ็นทรัลเวิลด์ หรือแหล่งประชาชนรวมตัวกันหนาแน่น รถไฟฟ้า รถใต้ดิน พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกจุดให้สามารถใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีกำลังภาคประชาชน ทั้งอาสาสมัครเขต อำเภอ จังหวัด รวมถึงประชาชนร่วมสอดส่องดูแลและมีความตื่นตัวมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว ต้องสงสัย – ภาพชายต้องสงสัย 2 คน ก่อเหตุวางระเบิดบริเวณริมหาดป่าตอง ถนนทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบปากคำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องการตรวจสอบวัตถุระเบิดว่า ตามที่เกิดเหตุระเบิดหลายจุดในวันที่ 11-12 สิงหาคมพื้นที่ภาคใต้นั้น เนื่องจากคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องพ่วงด้วยโทรศัพท์ซัมซุงซึ่งระเบิดประเภทนี้จะสามารถตั้งเวลาถ่วงไว้ได้ประมาณ 2-3 วัน จึงให้จังหวัดประสานชุดตำรวจ หรือชุดทหารอีโอดีให้ตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัยหลายๆ ครั้งเพื่อป้องกันระเบิดซ้ำซ้อนด้วย

กห.เชื่อหวังดิสเครดิตรัฐบาล

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือที่ ร.1 รอ. หลังเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ขึ้นหลายจุดในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ว่า จากการประสานความเชื่อมโยงและประเมินสถานการณ์ขั้นต้นทราบว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติและไม่ต้องการให้เกิดความสงบสุขขึ้นภายในประเทศ มุ่งหวังทำลายภาพลักษณ์และผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะผลประโยชน์ของเศรษฐกิจชุมชนระดับพื้นที่และประเทศในภาพรวม รวมทั้งต้องการสร้างความตื่นตระหนกของประชาชนและลดทอนความเชื่อมั่นของรัฐบาล

“พล.อ.ประวิตรได้มอบหมายให้ คสช.ควบคุมดูสถานการณ์ในภาพรวม พร้อมทั้งกำชับให้ทุกหน่วยงานความมั่นคง ติดตามความเชื่อมโยงของสถานการณ์และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ให้คุมเข้มและเพิ่มมาตรการป้องกัน เฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยของประชาชนในทุกพื้นที่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่เกิดเหตุในภาคใต้ ให้เร่งสืบสวนความเชื่อมโยงและจับกุมผู้กระทำผิด พร้อมทั้งกลุ่มที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างถึงที่สุดโดยเร็ว ขณะเดียวกันให้ร่วมกันช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์ของประเทศกลับคืนมาสู่ความปกติสุขร่วมกันเช่นเดิม” พล.ต.คงชีพกล่าว และว่า สถานการณ์ของประเทศปัจจุบันมีความละเอียดอ่อนต่อการแทรกแซงจึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคนอย่าตื่นตระหนก และขอให้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ร่วมกันเป็นหูเป็นตา ช่วยสอดส่องความผิดปกติแปลกปนมาในพื้นที่ใกล้ตัวและชุมชนอย่างใกล้ชิด หากเห็นความผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร็ว พร้อมทั้งขอให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนโดยระมัดระวัง ไม่เผยแพร่ภาพผู้ได้รับบาดเจ็บออกไป

ตปท.เตือนก่อน-คาดกลุ่มใหม่

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประวิตรได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วย โดยนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงผลการประชุมฝ่ายความมั่นคงว่า ในการประชุมหารือกันไม่นาน พล.อ.ประวิตรสั่งการเร็วเพราะต้องการให้ฝ่ายปฏิบัติลงพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่ให้รวดเร็ว รองนายกฯได้สั่งการทันทีตั้งแต่ทราบเหตุครั้งแรกแล้ว เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็ได้เตรียมแก้ปัญหาโดยสั่งการผู้ว่าฯเข้าพื้นที่ และให้ตั้งกองบัญชาการเหตุการณ์ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอน หากจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ก็จะดำเนินการสอบสวนและชี้แจงประชาชนตามระเบียบให้รับทราบต่อไป นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รายงานสถานการณ์ เหตุการณ์เข้ามาเป็นระยะๆ รวมถึงหากมีเหตุใดก็ให้รายงานมาเพิ่มเติม เรื่องนี้ได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว เพราะต่างประเทศได้แจ้งมาก่อนแล้ว โดยได้เฝ้าจับตาดูกลุ่มที่เคยก่อเหตุเดิมๆ อยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นทีมหรือกลุ่มใหม่ก็เป็นได้ เชื่อว่าเป็นคนจากข้างในประเทศ ไม่ใช่นอกประเทศ ทีมเก่าเฝ้าระวังอยู่แล้ว ครั้งนี้อาจเป็นทีมใหม่เพราะมีการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักตั้งแต่ก่อนวันที่ 7 สิงหาคม เพราะรู้ว่าทีมเก่าตั้งใจจะป่วนมานานแล้ว

มท.เผยเกิด17เหตุ7จว.ดับ4

ที่กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศหลังเกิดเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ของภาคใต้ว่า สำหรับเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นทั้งหมด 7 จังหวัด 17 เหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์วางระเบิด 13 เหตุการณ์ วางเพลิง 4 ครั้ง โดยขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บกว่า 20 ราย ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดลงไปเยี่ยมผู้ประสบเหตุทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงให้ไปเยี่ยมกำลังพลเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในส่วนต่างๆ ด้วย ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยได้สั่งให้เพ่งเล็งแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้า เน้นสถานที่ราชการ กำหนดให้มีเวรยามเฝ้ายามอย่างเคร่งครัด

ย้ำจว.ไหนจับคนร้ายได้มีรางวัล 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สรุปเหตุการณ์ใน 7 จังหวัด 17 เหตุการณ์ ระเบิด 13 จุด เพลิงไหม้ 4 จุด ใน กทม.ขอให้ดูแลเรื่องกล้องซีซีทีวี ส่วนต่างจังหวัดให้ระวังและตรวจสอบการนำระเบิดไปซุกในถังขยะตามซอกเล็กซอกน้อย ให้กำชับกำนันผู้ใหญ่บ้านให้มีเวรยาม และปรับศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงมหาดไทย (ศปก.มท.) เป็นศูนย์ปฏิบัติการข่าว (ศปข.มท.) และให้ทุกจังหวัดตั้งกองอำนวยการร่วมขึ้นมาดูแลเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม การข่าวพบว่าพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นส่วนใหญ่ แต่จังหวัดไม่รับก็อย่าประมาท ต้องระมัดระวังเช่นกัน นอกจากนี้ จังหวัดไหนมีการข่าว ทำให้จับผู้ก่อเหตุได้ทางราชการจะมีรางวัลให้

กสม.แถลงการณ์ประณามระเบิด

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์บริเวณย่านเศรษฐกิจและสถานที่ท่องเที่ยวหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ว่า กสม.ขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุความรุนแรงที่โหดร้ายทารุณไร้มนุษยธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรม เป็นหลักสากลที่ทุกฝ่ายต้องยึดถือ และขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียและญาติมิตรในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น กสม.ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนคำนึงและควรปฏิบัติ ดังนี้ 1.ผู้ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดในการจูงใจในการก่อเหตุ 2.ขอสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่พยายามระงับยับยั้งเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถือเป็นการละเมิดหลักนิติธรรม ทั้งไม่เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมสากล และขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวน และจับกุม ผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และ 3.ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชน ประชาชน สมาชิกสื่อสังคม ยุติการเผยแพร่ภาพศพผู้เสียชีวิต

ผู้ได้รับบาดเจ็บในลักษณะต่างๆ ทั้งสื่อกระแสหลัก สื่อออนไลน์ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมาย และยังเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกด้วย กสม.จะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเป็นที่คาดหวังว่าทุกภาคส่วนจะช่วยกันดำเนินมาตรการในอันที่จะใช้แนวทางสันติวิธีเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อจะนำมาซึ่งความสงบสุขของประเทศต่อไป

“ดอน”ยอมรับเป็นเรื่องใหม่

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศหรือไม่ว่าต้องรับทราบถึงสถานการณ์โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบก่อนว่า ค่อยว่ากัน ส่วน กต.ติดตามข่าวอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ทางสถานทูตต่างๆ มีผู้ได้รับบาดเจ็บได้มีการประสานเข้ามาหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการประสานมา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิด และไม่มีใครคิดว่าจะเกิดในช่วงเวลานี้ กต.ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เราต้องเข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรก่อน ต้องพิสูจน์ความเป็นจริงเพื่อจะชี้แจง ถ้ายังไม่มีเราก็คงยังทำอะไรไม่ได้

เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การก่อการร้ายใช่หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า “หวังว่าจะไม่เป็นอะไรเลยที่จะมีปัญหาตามมา เอาเป็นว่าวางใจในเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลเรื่องอย่างใกล้ชิด ยอมรับว่าเหนือความคาดหมายมาเกิดเหตุในบริเวณดังกล่าว ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลไม่ใช่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดูแลเท่านั้น”

เผยต่างประเทศโทรเช็กเหตุ

นายดอนกล่าวว่า มีสถานเอกอัครราชทูตต่างชาติบางแห่งติดต่อสอบถามถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขอรับทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ เพื่อนำไปประกอบคำแนะนำพลเมืองของประเทศ อย่างไรก็ดี คำประกาศของสถานทูตประเทศต่างๆ ที่ออกมาไม่ได้สร้างความตระหนกตกใจ ถือเป็นแนวทางปฏิบัติตามปกติและถูกต้อง ทุกประเทศต้องทำเช่นนั้นเพื่อดูแลคนของประเทศตนเอง ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานกับหน่วยงานความมั่นคงที่กำลังตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่ เพื่อนำข้อมูลไปชี้แจงให้ความมั่นใจให้กับต่างชาติ ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถคุมสถานการณ์ได้ และจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

“แนวทางการชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศ ในขณะนี้เป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ 1.จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในวันต่อๆ ไป 2.เจ้าหน้าที่กำลังหาความชัดเจนในเหตุการณ์เหล่านั้น หลังจากกระทรวงการต่างประเทศได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศต่างๆ เขารับทราบเหตุการณ์ และไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกใดๆ โดยการสอบถามเข้ามากระทรวงนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเขาในการรายงานเหตุการณ์ข้อเท็จจริงให้กับรัฐบาลของเขา การดูแลพลเมืองแต่ละประเทศก็มีแผนของตัวเองอยู่แล้ว” นายดอนกล่าว

“สุเทพ”ปลุกกปปส.ช่วย”บิ๊กตู่”

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ประณามผู้ก่อเหตุวางระเบิดในหลายพื้นที่ภาคใต้ ว่า ขอประณามผู้ก่อเหตุร้ายทำลายชาติ เรียนพี่น้อง กปปส.ผู้รักชาติรักแผ่นดินทุกท่านทั่วประเทศไทย ขอให้ผนึกกำลังสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พาประเทศฟันฝ่าไปให้ได้ และช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา อย่าตระหนกตกใจ พวกเราเคยเจอมามากแล้ว ขอให้กอดคอต่อสู้กันต่อไปเพราะนี่คือบ้านเมืองของเรา

“ปู”ประณามไร้มนุษยธรรม 

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “นับเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจที่มีการก่อเหตุที่ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ในวันมหามงคลเช่นนี้ ถือเป็นการกระทำการอันไร้มนุษยธรรม และสร้างความเสียหายต่อชีวิต รวมถึงทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ดิฉันขอประณามผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความสูญเสียแล้วยังทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ในโอกาสนี้ดิฉันขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิตรวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงาน ขอให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ และจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายได้โดยเร็วค่ะ”

พท.แถลงประณามเหตุระเบิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ระเบิดในหลายพื้นที่ในภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคมเป็นต้นมาว่า พรรค พท.ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนผู้ได้รับความเสียหายทางด้านทรัพย์สิน ขอประณามผู้ที่ใช้ความรุนแรง สร้างความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เราคนไทยจะต้องร่วมมือกัน สามัคคีกัน ให้กำลังใจกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ประการสำคัญต้องช่วยกันสอดส่องบุคคลแปลกหน้า หากพบวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในทันที พรรค พท.จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ร่วมฝ่าฟันปัญหาอย่างมีสติ รอบคอบ ให้ผ่านพ้นปัญหาไปด้วยดี

“ถาวร”คาดเหตุบึ้มโยงการเมือง

นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส.กล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทางภาคใต้ว่า หน่วยความมั่นคงยืนยันมาแล้วว่า เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ดังนั้นจึงเหลือทางเดียวคือ เรื่องการเมืองขัดแย้งมายาวนานตั้งแต่ปี 2549 และเกิดมาจากปัญหาทางการเมืองหลังจากมีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เหตุการณ์จะมีลักษณะที่คล้ายกัน คือใช้โทรศัพท์เป็นตัวจุดระเบิด เป็นความพยายามของกลุ่มอยากมีอิทธิพล และอยากมีอำนาจต่อรอง จึงดิสเครดิต คสช.และรัฐบาล ใครจะเป็นหรือตาย คนกลุ่มนี้ไม่คำนึง เพราะคนมุ่งมั่นอยากมีอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จก็จะไม่ละความพยายาม

นปช.สวนอย่ากล่าวหาส่งเดช 

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ขอประณามการก่อเหตุร้ายในพื้นที่หลายจังหวัด และขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียและบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้ ขอเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่เร่งติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามยังเป็นห่วงท่าทีของบางคน ทั้งในรัฐบาลและกลุ่มการเมืองที่เจตนาชี้นำสังคมว่าเป็นเหตุที่เกิดจากการเมือง ทั้งๆ ที่กระบวนการสืบสวนสอบสวนยังไม่ได้ข้อยุติ แทนที่จะสามัคคีคนไทยให้เผชิญสถานการณ์ร่วมกันอย่างมีสติ กลับใช้ความเชื่อส่วนตัวสร้างความหวาดระแวงเพิ่มความขัดแย้งระหว่างคนในสังคม

“ถ้าจะกล่าวหากันตามอำเภอใจใครก็ทำได้ ผมก็มีข้อสังเกตหลายข้อ แต่ไม่เห็นประโยชน์ของการตอบโต้กันไปมาให้เกิดความสับสน จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องคอยตอบคำถามตามการชี้นำของแต่ละฝ่าย หากจะพูดต้องประกอบด้วยหลักฐาน การพูดส่งเดชให้ร้ายกันถือว่าอำมหิตไม่แพ้พวกก่อเหตุ ถ้ามั่นใจว่ามีข้อมูลควรเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ อย่าให้เหมือนกรณีระเบิดแยกราชประสงค์ที่เริ่มต้นด้วยการชี้นำว่าเป็นเรื่องการเมือง พอจับผู้ต้องหาได้พวกที่ออกมาพูดก็ไม่รับผิดชอบอะไร” แกนนำ นปช.กล่าว

เผย4ชาติเคยเตือนระวังเหตุป่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านั้นในช่วงสัปดาห์ก่อนที่จะมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย ได้ประกาศเตือนพลเมืองของแต่ละประเทศให้เพิ่มความระมัดระวัง รวมถึงหลีกเลี่ยงเข้าพื้นที่ที่มีการชุมนุมหรือแหล่งรวมตัวของคนจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

“บิ๊กแป๊ะ”มั่นใจจับคนร้ายได้

ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อาคาร 1 ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุม ศปก.ตร.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับรอง ผบ.ตร. ที่ปรึกษา (สบ10) และผู้ช่วย ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง และป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยมีกองบัญชาการ (บช.) ต่างๆ ทั้ง บช.น. บช.ภ.1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ (ศชต.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ร่วมประชุมทางไกล เพื่อติดตามสถานการณ์วินาศกรรมระเบิดและเพลิงไหม้ 7 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์

พล.ต.อ.จักรทิพย์แถลงว่า ได้รับรายงานเหตุวินาศกรรมต่อเนื่องในพื้นที่ 7 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 32 ราย แต่ละพื้นที่กำลังเร่งรัดเก็บหลักฐาน สืบสวนสอบหาสาเหตุรวมถึงตามจับกุมคนร้าย เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่ 7 สิงหาคม ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ช่วงแรกเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ ขอประชาชนอย่ากังวล ตำรวจกำลังติดตามจับกุมคนร้าย โดยเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุใช้ชีวิตอย่างปกติ ยืนยันมั่นใจว่าจะตามจับกุมคนร้ายให้ได้ ตนเชื่อมั่นในทีมงานตำรวจ

ยันแค่สอบปากคำยังไม่จับใคร

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม เป็นวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ สาเหตุเกี่ยวพันหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยปละละเลยพื้นที่ที่มีปัญหา แต่ในความเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์งานสืบสวนมองว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุล้วนเป็นจังหวัดที่รับร่าง รธน. อาจมีผู้เห็นต่าง จึงก่อเหตุเพื่อดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือด้านการท่องเที่ยว มองว่าหวังผลหลายอย่าง

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวโยงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เสียงส่วนใหญ่ไม่รับร่างฯ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มีตลอดอยู่แล้ว

“เท่าที่สืบสวนมาตลอด ทั้งภาคใต้และใกล้เคียง ใน บช.ภ.7,8,9 มีบางจุดเชื่อมโยงกัน ผมไม่ได้พูดถึงแนวคิดทางการเมือง แต่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างของกลาง โทรศัพท์มือถือใช้จุดระเบิดเหมือนกัน บางจุดเป็นระเบิดแรงดันสูง อาจเป็นซีโฟร์ด้วยซ้ำ ตอนนี้ยังไม่มีการจับกุมใครเลย แต่มีการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยไปหลายรายแล้ว ข่าวการจับกุมผมไม่ทราบว่านักข่าวไปเอามาจากไหน เดี๋ยวสังคมไขว้เขวสับสนไปหมด” ผบ.ตร.กล่าว

ชี้ปมประชามติเชื่อมโยงป่วนใต้

เมื่อถามว่า มีข้อมูลการข่าวหรือไม่ ว่าจะมีเหตุรุนแรง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ข้อมูลมีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าระเบิดที่ใช้ก่อเหตุมี 2 ชนิด คือ ระเบิดทำให้เสียชีวิต กับระเบิดทำให้เกิดเพลิงไหม้ อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ที่ชัดเจนตอนนี้คือเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของกลุ่มเดียวกัน หรือมีเป้าหมายการก่อเหตุเหมือนกัน ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน เพื่อจะได้เห็นภาพชัดขึ้น แต่จากประสบการณ์มองว่าน่าจะเชื่อมโยงกัน หากผิดจากนี้ก็โทษตนคนเดียว และจากประสบการณ์เคยทำงานในพื้นที่ภาคใต้ การทำระเบิดมีความเชื่อมโยงกัน คล้ายๆ กัน

เมื่อถามว่า ให้น้ำหนักมูลเหตุการก่อเหตุไปในเรื่องการลงเสียงประชามติฯ ผบ.ตร.กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตนมองอย่างนั้น ขอสื่ออย่าไปเขียนชี้นำ เดี๋ยวถูกตำหนิอีก เมื่อถามว่า เหตุที่เชื่อว่าเกี่ยวโยงกับการลงเสียงประชามติ เพราะมีการข่าวก่อนหน้านี้ว่าการรับหรือไม่รับร่างฯ จะนำมาสู่ความรุนแรงเช่นนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เชื่อว่ายังมีกลุ่มเห็นต่าง ต้องการให้เกิดแบบนี้อยู่แล้ว

ระดมบิ๊กตร.ร่วมทีมสอบพรึบ

ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า คดีนี้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน คล้ายคดีระเบิดราชประสงค์ มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดูแลด้านสอบสวน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมคณะทำงาน รวมคนอื่นอีกเป็น 100 นาย ขณะนี้ยังติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังต่อเนื่อง และพยายามหยุดยั้งการก่อเหตุ เชื่อว่าหากหยุดได้ก็เงียบลง ก่อนลงเสียงประชามติมีความพยายามบิดเบือน พอจับกุมได้ก็เงียบไป เหตุลักษณะนี้ที่เกิดเหตุ 7-10 จุด ไม่น่าจะสร้างความลำบากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ย้ำว่าขอให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ตำรวจพร้อมดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินทุกคน ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ มีความเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์จะคลี่คลายสถานการณ์นี้อย่างดีที่สุด

เมื่อถามว่า กลุ่มเห็นต่างทางการเมืองน่าจะเป็นกลุ่มลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลหรือเปล่า ผบ.ตร.กล่าวว่า อาจเป็นกลุ่มเดียวกับที่สื่อมวลชนคิดในใจ อย่างไรก็ตามกลุ่มไหน อย่างไรนั้น ตำรวจเก็บไว้ขยายผล ทำงานสักระยะก่อน

ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ก่อการร้ายเป็นวินาศกรรมในประเทศ แนวทางการสืบสวนไม่เกี่ยวโยงก่อการร้าย ลักษณะการก่อเหตุแบบนี้ผมเชื่อว่าต่างชาติแทบไม่เกี่ยวข้องเลย ตัดไปเลย ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องภายในประเทศ ที่ผ่านมาไม่เคยมีต่างชาติมาเผาโน่นเผานี่ คนไทยจะก่อเหตุได้ก็คนไทยนี่แหละ ไม่ต้องมีสีหรอกก็เห็นแต่ผิวดำแดง ผิวขาว นี่แหละ สีอื่นตนไม่ทราบหรอก

“แต่คนจะก่อเหตุได้ต้องมีศักยภาพพอสมควร ในการเคลื่อนย้ายของ การพกพาของมา ขณะที่เราเฝ้าระวังคนพยายามก่อเหตุก็จ้องจะทำ เล็ดลอดมา โอกาสมี ทางหนีรอดก็ทำอยู่แล้ว เป็นสูตรอยู่แล้ว” ผบ.ตร.กล่าว

ขอให้มั่นใจเจ้าหน้าที่ดูแลได้

เมื่อถามว่าเชื่อว่ากลุ่มคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวข้องนั้น เป็นการก่อเหตุแบบรับงาน หรือมาด้วยอุดมการณ์ความขัดแย้ง ผบ.ตร.กล่าวว่า การสืบสวนยังไปไม่ถึงตรงนั้น ขอให้ได้ใครบางคนก่อน แล้วขยายความ อย่างเช่นคดีที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง พอได้ตัวละคร 1 ตัวก็ขยายผลอย่างที่ปรากฏในข่าว มีการเชื่อมโยงอยู่แล้ว ถ้าได้คนใดคนหนึ่งมาก็ขยายได้ ตอนนี้พยายามทำเต็มที่ ส่วนกลุ่มเป้าหมายในการสืบสวนขอไม่เปิดเผย

เมื่อถามถึงภาพชายต้องสงสัย อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ในโซเชียลมีเดียนั้น ผบ.ตร.ยอมรับว่าเห็นภาพแล้ว กำลังตรวจสอบอยู่ ตอนนี้ขอให้ทุกส่วนทั้งประชาชน นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ว่าดูแลได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดคนร้ายจึงเลือกก่อเหตุในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผบ.ตร.กล่าวว่า อาจเพราะเป็นแหล่งนักท่องเที่ยว กลุ่มพวกนี้คิดอย่างนี้ เขาได้หลายอย่าง ทั้งทางการเมือง ทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวต่างๆ ได้หลายอย่าง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเหตุใดคนร้ายจึงเลือกก่อเหตุในวันนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องไปถามเขาว่าคิดอย่างไร

กำชับพื้นที่อื่นห้ามเกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างแถลงข่าว ผบ.ตร.ได้กล่าวตำหนิผู้ก่อเหตุด้วยถ้อยคำรุนแรง และกล่าวว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า พวกนี้ก่อเหตุรุนแรง ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่อง แม่ค้า ผู้หญิง อยู่ดีๆ ต้องมาเจ็บมาตาย สำหรับในพื้นที่ กทม.และพื้นที่ชั้นใน สั่งกำชับผ่าน พล.ต.อ.พงศพัศไปแล้ว ห้ามเกิดเหตุร้ายเด็ดขาด มีตัวอย่างในพื้นที่ บช.ภ.7-8 แล้ว ดังนั้นพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศที่ยังไม่เกิดเหตุกำชับให้ดูแลอย่าให้เกิดเด็ดขาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้กำลังใจตำรวจไม่ได้ตำหนิอะไร สั่งการให้สืบสวนจับกุมคนร้ายให้ได้ และเชื่อมั่นว่าตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด ส่วนการเยียวยาดูแลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว มอบหมายให้ พล.ต.อ.พงศพัศไปดูแลด้วย ขณะเดียวกันขอเวลาสักระยะในการหาข้อมูลที่ชัดเจน จากนั้นจะชี้แจงต่างชาติ หากให้ข้อมูลตอนนี้อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ โดยขณะนี้หลายประเทศสอบถามมาทางช่องทางตำรวจสากล ก็ตอบไปและประสานงานกันแล้ว ส่วนสถานทูตต่างๆ มีการเพิ่มกำลังตามสถานการณ์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามกำลังพิจารณาว่าจะลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ ติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง โดยในเวลา 14.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม จะมีการประชุมความคืบหน้าคดี

ตร.เผยระเบิด3วัน5จว.13ลูก

สำหรับเหตุระเบิดต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัดตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ถึงวันที่ 12 สิงหาคม พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษก ตร.แถลงถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ถึงเวลา 10.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม

เกิดเหตุระเบิดต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด ดังนี้

1.เวลา 18.30 น. วันที่ 10 สิงหาคม ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พบระเบิด 2 จุด คือที่แผงลอยจำหน่ายเสื้อผ้าบริเวณตลาดพาราไดซ์ และร้านขายเสื้อผ้าตลาดไชน่าทาวน์ ทั้งสองจุดเป็นระเบิดแรงดันต่ำ จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือแบบตั้งเวลา และจุดระเบิดให้เกิดไฟเผาไหม้กับแอลกอฮอล์แห้งบรรจุอยู่ในเคสเครื่องสำรองไฟฟ้า หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี เก็บกู้เรียบร้อย เบื้องต้นคนร้ายเป็นชายต้องสงสัย 2 คน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

2.เวลา 15.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม เกิดระเบิดขึ้นที่ตลาดนัดเซ็นเตอร์พอยท์ อ.เมือง จ.ตรัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 6 คน ตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง 3.เวลา 22.15 น. วันที่ 11 สิงหาคม เหตุระเบิดที่บาร์เบียร์จอห์น 56 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 4.เวลา 23.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม เหตุระเบิดที่ร้านเรนทรีสปา อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้จาก 2 เหตุการณ์ที่หัวหินมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงไม่ทราบชื่อ และบาดเจ็บ 21 คน ตรวจสอบทั้ง 2 จุดใช้ระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบชนิดและขนาด

ตรวจพบใส่กระป๋องมันฝรั่ง

5.เวลา 07.45 น. วันที่ 12 สิงหาคม เกิดเหตุระเบิดที่สวนสาธารณะโลมา อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน 6.เวลา 08.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม เกิดเหตุระเบิดบริเวณจัดงานวันแม่ ริมแม่น้ำตาปี หน้าสถานีตำรวจน้ำ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 3 คน 7.เวลา 08.30 น. วันที่ 12 สิงหาคม เกิดเหตุระเบิดที่หน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ฯหลังเก่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกระป๋องมันฝรั่ง 8.เวลา 08.45 น. วันที่ 12 สิงหาคม เหตุระเบิดบริเวณตู้ควบคุมการจราจร สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9.เวลา 09.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม เหตุระเบิด 1 จุด ระเบิด 2 ลูกทำงานในเวลาไล่เลี่ยกัน ลูกแรกเวลา 09.00 น. ลูกที่ 2 เวลา 09.05 น. ที่กระถางต้นไม้ใต้หอนาฬิกาหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 3 คน 10.เวลา 09.00 น.

วันที่ 12 สิงหาคม เหตุระเบิดที่หน้าตลาดบางเนียง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 2 ลูก ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รถยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน 11.เวลา 09.30 น. วันที่ 12 สิงหาคม พบวัตถุต้องสงสัยบรรจุในกล่องมันฝรั่ง เหตุเกิดหน้าโรงแรมบ้านไทย จ.ภูเก็ต

ชี้ก่อวินาศกรรมไม่ใช่ก่อการร้าย

พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ไม่ใช่การก่อการร้าย แต่เป็นการก่อวินาศกรรมเฉพาะจุด ยืนยันไทยไม่มีความขัดแย้งเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ดินแดน ชนกลุ่มน้อย หรือกลุ่มไอซิส และไม่เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เหตุดังกล่าวเป็นความขัดแย้งภายในประเทศ และเป็นการสร้างสถานการณ์ก่อกวน ขณะนี้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเหตุดังกล่าวเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ หรือการเมือง ต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ไม่ตัดประเด็นก่อเหตุใดทิ้ง ทั้งเรื่องความขัดแย้ง หรือแม้แต่การเมือง ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่ จ.นครศรีธรรมราชและตรังอยู่ระหว่างตรวจสอบความเชื่อมโยง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ในเดือนสิงหาคม ปี 2558

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนบุคคล กลุ่มขบวนการ รวมถึงรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตามนับแต่เกิดเหตุระเบิดในวันที่ 10 สิงหาคม พยายามเฝ้าระวังติดตามการข่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน จากการประเมินสถานการณ์ในตอนนี้ ตร.มองว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่ต้องขอให้ประกาศพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด และจากการข่าวก่อนหน้านี้ไม่มีรายงานการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายในประเทศไทย หลังเกิดเหตุรุนแรงในหลายประเทศ แต่ได้เฝ้าระวังเหตุตลอดเวลา

“ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยวางระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างสอบปากคำ ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ควบคุมการสืบสวนคดีทั้งหมด และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ร่วมตรวจสอบคดีด้วย” พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องสงสัยวางระเบิดได้แล้ว 2 คน อยู่ระหว่างคุมตัวมาสอบปากคำ

“อีโอดี”สงสัยกลุ่มเดียวกันลงมือ

พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ระเบิดภาคใต้ พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ใช้ลูกปราย ลูกเหล็ก ท่อเหล็ก บรรจุใส่กระป๋องทำเป็นระเบิด จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบฝาโทรศัพท์มือถือซัมซุงฮีโร่ อย่างไรก็ตาม พบว่าทุกจุดที่เกิดเหตุระเบิดนั้นมีลักษณะการก่อเหตุใกล้เคียงกัน คาดว่าอาจเป็นกลุ่มเดียวกัน

16ประเทศเตือนพลเมืองในไทย

รัฐบาลของ 16 ประเทศออกประกาศเตือนให้พลเมืองสัญชาติตนที่ท่องเที่ยวหรือพำนักอยู่ในประเทศไทยระมัดระวังตัวเรื่องความปลอดภัยในระดับสูงและให้หลีกเลี่ยงพื้นที่จังหวัดทางตอนใต้ของไทย หลังเกิดเหตุระเบิดหลายจุด จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ได้แก่ ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก สวีเดน เป็นต้น

กต.เยอรมนีแถลงพลเมืองเจ็บ3

ส่วนสถานทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เกาะติดความคืบหน้าเหตุระเบิดอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศเตือนและมีคำแนะนำให้กับชาวนิวซีแลนด์ในประเทศไทย โดยมีการแบ่งระดับการเตือนออกเป็น 2 ระดับ ประกอบด้วย เสี่ยงสูง นั่นคือ แถบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา ที่พบความรุนแรงในเกือบทุกวัน โดยเตือนนักท่องเที่ยว หากไม่มีความจำเป็นไม่ควรเดินทางเข้าไปยังจังหวัดดังกล่าว ขณะที่ในพื้นที่ที่เพิ่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นในช่วง 2 วันนี้มีความเสี่ยงในระดับปานกลาง

ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีออกแถลงการณ์ระบุว่า อาจมีการก่อเหตุโจมตีหลังจากนี้อีก และเตือนให้ผู้มีความจำเป็นต้องเดินทางไปหรืออยู่ในประเทศไทย ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุด พร้อมทั้งแนะนำให้หลีกเลี่ยงที่สาธารณะ รวมทั้งยังแถลงยืนยันว่า มีชาวเยอรมนีได้รับบาดเจ็บ 3 ราย

สื่อนอกเผยต่างชาติเจ็บ4ปท.

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศหลักๆ ต่างรายงานข่าวเหตุระเบิดหลายจุดในไทย โดยบีบีซีรายงานว่า ยังไม่มีกลุ่มไหนออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ แต่สงสัยว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ตำรวจระบุว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องความเชื่อมโยงกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยังไม่แน่ชัด

นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงเทพฯระบุว่า หากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้จริงจะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ครั้งสำคัญหลัง

ความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดำเนินมา 12 ปี เนื่องจากพวกเขาไม่เคยพุ่งเป้าเล่นงานนักท่องเที่ยว นอกจากนี้การเลือกหัวหินเป็นเป้าหมายในการโจมตียังส่งผลในเชิงสัญลักษณ์อีกด้วย

เอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจเชื่อว่าเหตุระเบิดหลายครั้งนี้เป็นเรื่องการบ่อนทำลายจากประเด็นภายในประเทศและไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มกองกำลังก่อการร้ายนานาชาติ และรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในท้องถิ่นระบุว่า ชาวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บและเข้ารับการรักษาตัวจากเหตุระเบิดที่หัวหินประกอบไปด้วยชาวเยอรมัน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย

หลายสำนักมองแบ่งแยกดินแดน

เอเอฟพียังรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายสำนักระบุว่ากลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดนอาจเป็นผู้ลงมือก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ แต่หากเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจริงจะถือเป็นการยกระดับยุทธศาสตร์ใช้ไปเป็นรูปแบบใหม่มักจะจำกัดพื้นที่อยู่แค่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือไม่ไกลจากนั้นมากนัก โดยนายพอล แชมเบอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองไทยประจำสถาบันศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเชียงใหม่ระบุว่า การก่อเหตุที่หัวหินถือเป็นการดูหมิ่นสบประมาทรัฐบาลไทยอย่างรุนแรง

นายซาคารี อาบูซา ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุว่า แม้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่เคยก่อเหตุโจมตีหลายจุดพร้อมกันนอกพื้นที่ในลักษณะนี้ แต่เป็นไปได้ว่าครั้งนี้จะเป็นฝีมือของเซลล์ก่อการร้ายย่อยของกลุ่มนี้

ตร.คุมตัวต้องสงสัยสอบปากคำ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.กำชับให้สถานีตำรวจทุกแห่งในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) ปฏิบัติตามคำสั่งวิทยุด่วนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร.อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผบ.ตร.สั่งการว่าจากเหตุการณ์ระเบิดในแหล่งท่องเที่ยว ชุมชน ในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์และตรัง จึงให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทุก บช.ที่เกี่ยวข้องที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราเฝ้าระวังเหตุที่อาจเกิดขึ้นตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เน้นการปรากฏกายของเจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะกลางคืน ให้รถสายตรวจทุกคันที่ออกปฏิบัติหน้าที่เปิดสัญญาณไฟวับวาบ รวมถึงให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในเส้นทางสำคัญ ตรวจสอบความพร้อมวงจรปิดให้พร้อมใช้งาน ประสานโรงพยาบาล กู้ภัยเพื่อเตรียมความพร้อม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับออกตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ขอให้ประชาชนพบเหตุต้องสงสัยให้แจ้งโทร 1599หรือ 191

สธ.สรุปเสียชีวิต4บาดเจ็บ36 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากสำนักสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สรุปผลการดำเนินการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดและไฟไหม้ ระหว่างวันที่ 11-12 สิงหาคม 2559 ในพื้นที่ภาคใต้ พบผู้บาดเจ็บ 36 ราย เสียชีวิต 4 ราย โดย จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้บาดเจ็บ 25 ราย เสียชีวิต 2 ราย เมื่อคืนวันที่ 11 สิงหาคม จำนวน 1 ราย และเช้าวันที่ 12 สิงหาคม จำนวน 1 ราย จ.พังงา และ จ.กระบี่ ไม่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จ.ภูเก็ต พบบาดเจ็บ 1 ราย จ.ตรัง บาดเจ็บ 7 ราย เสียชีวิต 1 ราย เมื่อคืนวันที่ 11 สิงหาคม จ.สุราษฎร์ธานี บาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย และ จ.นครศรีธรรมราช ไม่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต