PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2562

ชวน หลีกภัย' จัดหนักอัด 'สุเทพ' ด่าพรรคประชาธิปัตย์เหมือนด่าพ่อแม่ตัวเอง

ชวน หลีกภัย' จัดหนักอัด 'สุเทพ' ด่าพรรคประชาธิปัตย์เหมือนด่าพ่อแม่ตัวเอง
เมื่อคืนวันที่ 16 มีนาคม นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ปราศัยใหญ่หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 6 คนใน จ.สุราษฎร์ธานี ที่สนามข้างโรงแรมวังใต้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีประชาชนหลายพันคนรับฟัง
นายชวน กล่าวปราศัยตอนหนึ่งกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ได้พูดกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ว่าเราต้องมาแข่งกันเอง เมื่อ 44 ปีก่อน ปี 2518 ได้รับน้องใหม่นายบัญญัติเข้ามาเป็นนักการเมืองเป็นที่เชิดหน้าชูตาของพรรค และปี 2522 ได้มาช่วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หาเสียง ซึ่งดีใจที่ได้คนดีคนเก่งมาทำงาน โดยนายสุเทพเคยเป็นเลขาตนสมัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร พูดได้ว่านายสุเทพเป็นคนดีคนเก่งคนหนึ่งและไม่คิดเปลี่ยนคำพูดนี้
“พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีปัญหากับท่านสุเทพ ไม่เคยคิดให้ท่านออกมีแต่ความเสียดายที่ออกไป เมื่อตอนอยู่กับพรรคไม่เคยเลือกปฏิบัติอยากเป็นรัฐมนตรีคมนาคมก็ให้เป็น บัดนี้ท่านออกไปก็เป็นความคิดทางการเมือง แต่เรายังถือว่าท่านสุเทพ กำนันเล็ก (นายธานี เทือกสุบรรณ) เชน (นายเชน เทือกสุบรรณ) ความผูกพันส่วนตัวยังเป็นรุ่นน้องของเราไม่เปลี่ยนแปลงเพราะไม่เคยขัดแย้งกัน ท่านไม่พอใจท่านอภิสิทธิ์ก็เป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางไปเรียกกลับคืนมาได้จะไปขอร้องได้อย่างไร แต่ต้องถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งทำให้ท่านสุเทพเติบโตไม่ควรมาด่าพรรค มาตำหนิพรรคก็เหมือนมาด่าพ่อแม่ตัวเองใช่ไหมครับ ลูกที่ดีแม้พ่อแม่ยากจนก็ไม่ควรมาตำหนิ ถ้าจะตำหนิควรมาตำหนิที่ตัวบุคคล” นายชวนกล่าว

เตือนแล้วไม่ฟัง

ย่างเข้า 7 วันสุดท้ายก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่ได้ฤกษ์ตะลุมบอน

มีเวลาเหลืออีก 6 วันให้พรรค การเมืองลุยหาเสียงกันสุดลิ่มทิ่มประตู

แต่ละพรรคต่างงัดนโยบายประชานิยมหาเสียงโค้งสุดท้ายกันไม่ลืมหูลืมตา

เว่อร์ไปกันใหญ่แล้วประเทศไทย

“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่นพี่น้องประชาชนอย่าเชื่อว่านโยบายประชานิยมจะเกิดขึ้นจริงๆอย่างที่พรรคการ เมืองแข่งกันเอาเป็นเอาตายว่าใครจะแจกฟรีมากกว่ากัน??

เพราะเมื่อการเลือกตั้งผ่านไป มีการจับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่ ต้องเอานโยบายแต่ละพรรคไปขยำรวมกันเป็นนโยบายรัฐบาล
นโยบายประชานิยมที่พรรค การเมืองประกาศหาเสียงไว้ก็ถูกเก็บใส่ตู้เย็น

เพราะรายได้รัฐบาลจากภาษีประชาชนไม่มากเหลือเฟือให้ล้างผลาญแจกฟรีกันตามอำเภอใจ

เป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บภาษีจากคน 4 ล้านคน ไปประเคนแจกฟรีให้คนอีก 64 ล้านคน ได้ครบถ้วนอย่างที่ฉายหนังโฆษณา

“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่แปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช.ต้องประกาศเตือน

พรรคการเมืองที่แข่งกันชูนโยบายประชานิยมแจกฟรี ให้ตระหนักถึงภาระรายจ่ายมหาศาลที่จะตามมา

ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาลต้องคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง

และยอดหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นอีกบานตะไท!!

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำเตือนพรรคการ เมืองที่หาเสียงจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำพรวดเดียว 425 บาทต่อวัน

จะเกิดผลกระทบภาคธุรกิจเอกชนเต็มเปา

นักลงทุนต่างชาติอาจย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นที่ค่าแรงขั้นต่ำถูกกว่าประเทศไทย

และกระทบชิ่งไปถึงโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ๆที่รัฐบาลลุงตู่กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาเหยียบเบรกพรรคการ เมืองที่แข่งกันเสนอนโยบายประชานิยมไม่บันยะบันยัง

โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประยุทธ์เองที่เน้นประชานิยมสุดติ่งยิ่งกว่าใครๆ

พรรคพลังประชารัฐ โฆษณาจะขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาทต่อเดือน

ลดภาษีเงินได้บุคคล 10 เปอร์เซ็นต์ทุกขั้นบันได

ยกเว้นไม่เก็บภาษีผู้ค้าออนไลน์อีก 2 ปี

รับประกันราคาข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน

ราคาอ้อยต้องไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตัน

ยางพาราต้องไม่ต่ำกว่า 65 บาทต่อกิโล

แจกเงินฟรีตั้งแต่เด็กอยู่ในท้องแม่คนละ 3,000 บาทต่อเดือน

อัดฉีดบัตรคนจน 800 บาทต่อเดือน อัดฉีดเบี้ยคนชรา 1,000 บาทต่อเดือน อัดฉีดชาวนาฟรีๆปีละ 70,000 บาทต่อราย ฯลฯ

ยังไม่รวมนโยบายลดแลกแจกฟรีอื่นๆอีกสารพัดโครงการ

“แม่ลูกจันทร์” เห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ อุตส่าห์ออกมาเบรกพรรคพลังประชารัฐตั้งหลายครั้ง

แต่ไม่มีใครในพรรคยอมฟังเสียงเตือนของลุงตู่เอาซะเลย

โอว...รู้จักนักการเมืองน้อยไปซะแล้วลุง.

“แม่ลูกจันทร์”

เดิมพันการเมืองสองขั้วอำนาจวัดใจประชาชน

นับจากนี้ไปเหลืออีกไม่ถึงสัปดาห์ก็ถึงวันเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ อำนาจของประชาชนจะชี้ชะตาว่าพรรคการเมืองไหนจะเข้าวิน แม้ผลสำรวจโพลจากสำนักต่างๆยกให้เต็ง 1 ตกเป็นของพรรคเพื่อไทย

แต่ นายชัยเกษม นิติสิริ 1 ใน 3 ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ขึ้นอยู่กับประชาชน”

ที่ผ่านมาประชาชนเชื่อมั่นและเชื่อใจเรา เห็นว่าสามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ ครั้งนี้ก็เช่นกันประชาชนยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ปัญหาให้ได้

ความไว้วางใจเป็นปัจจัยสำคัญ ไม่ว่าจะเสนอนโยบายอะไรชาวบ้านก็เชื่อมั่นว่าเราทำได้

ทุกสำนักโพลเปิดเผยผลสำรวจออกมา ส่วนใหญ่ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยมาอันดับ 1

ปัญหาคือคะแนนเสียงจะมากพอจัดตั้งรัฐบาลและมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่

ตรงนี้ยังเป็นปัญหา เพราะกติกาไม่ค่อยเอื้ออำนวย ไม่มีประเทศไหนมีกติกาแบบนี้

ฉะนั้นถ้าฝ่ายประชาธิปไตยรวมเสียงได้มากพอ ย่อมมีโอกาสตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้

แต่พรรคไหนตั้งรัฐบาลได้ภายใต้กติกาเหล่านี้ รวมถึงฝ่ายต่อท่ออำนาจ ถ้าไม่แก้ไขกติกา ประเทศก็คงเดินไปได้ยาก การบริหารประเทศก็จะล้มลุกคลุกคลาน

ฝ่ายประชาธิปไตยต้องการได้เสียงเท่าไหร่ ฝ่ายต่อท่ออำนาจถึงจะไม่สามารถช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลตามกติกา นายชัยเกษม บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต่อสู้ระหว่าง “ขั้วประชาธิปไตย” กับ “ขั้วเผด็จการ”

จะต้องได้ 375 เสียงขึ้นไปจากจำนวนสมาชิกรัฐสภา 750 คน

พรรคใดพรรคหนึ่งจะได้เสียงมากขนาดนั้นมันคงยาก

ยกเว้นฝ่ายต่อท่ออำนาจต้องการแค่ 126 เสียง รวมกับ ส.ว. 250 เสียงก็มีโอกาสตั้งรัฐบาล

แต่ก็ไม่ง่าย เพราะขณะนี้ฝ่ายที่เอาประชาธิปไตยน่าจะมีจำนวนเสียงที่มากกว่า

สมมติฝ่ายต่อท่ออำนาจได้เป็นนายกฯ ก็บริหารประเทศได้ยาก

เพราะกติกาการออกกฎหมายต่างๆผ่านงบประมาณแผ่นดิน การอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ซึ่งฝ่ายต่อท่ออำนาจไม่ถึง 250 เสียง จะต้องต่อสู้กับฝ่ายค้านที่มีเกิน 250 เสียง

เชื่อเถอะเป็นนายกฯไม่ถึง 1 เดือนก็ไปแล้ว นอกจากเกิดกลุ่มงูเห่าเหมือนในอดีต โดยดึงเสียงจากกลุ่มต่างๆมาเพิ่ม

เสถียรภาพของรัฐบาลแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เราก็ไม่อยากจะให้เกิดแบบนั้น สุดท้ายจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องดูกันไป

แก้และดูเป็นสเต็ปๆไป

จะใช้เวลาที่เหลือสร้างกระแสให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างไร เพื่อได้ 376 เสียงจัดตั้งรัฐบาล นายชัยเกษม บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนตัดสินใจหนักที่สุดว่าจะเลือกระหว่าง “นายกฯคนปัจจุบัน” กับ “พรรคเพื่อไทย”

ถ้าพื้นที่ไหนไม่มีผู้สมัครพรรคเพื่อไทยก็เลือกพรรคที่เอาประชาธิปไตย

ปัญหาคือจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิอย่างเต็มที่หรือไม่ และการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ยุติธรรม โปร่งใสหรือไม่

ส่วนตัวไม่มั่นใจ เพราะฝ่ายปกครองประเทศใช้อำนาจตามมาตรา 44 ควบคุมดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เป็นรัฐบาลรักษาการ การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย

เช่น การเลือกตั้งล่วงหน้าต่างประเทศ เห็นการบริหารจัดการแล้วเจอปัญหาอุปสรรค

เยอะแยะไปหมด เมื่อลงคะแนนเสร็จแล้วไปไหน ในที่สุดมีใครไปยุ่งกับมันได้หรือไม่ อันนี้พอรับได้

แต่การเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค. มีผู้มาลงทะเบียนจำนวนมหาศาลมากกว่า 2 ล้านเสียง หลังจากนั้นอย่างน้อย 7 วันไปอยู่ในมือของ กกต.หรือเหนือ กกต. ที่จะเป็นใครก็รู้ๆกันอยู่

จะเกิดอะไรขึ้นกับคะแนนในหีบบัตรเลือกตั้ง อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนตัวเป็นห่วง เพราะ กกต.ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าในหลายกรณีเหมือนจะทำหน้าที่ไม่เป็นอิสระ

กกต. ต้องทำหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม นายชัยเกษม บอกว่า รวมถึงการทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ฉะนั้นหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าควรนำไปเก็บไว้ในสถานที่เหมาะสม สามารถตรวจสอบได้

กติกาต้องตรงไปตรงมา เป็นธรรม ถ้าไม่มีแล้วจะมีอะไรที่ติดอยู่ในใจอีกฝ่ายเสมอ เหมือนกติกาการตั้งรัฐบาลมันไม่แฟร์ บอกเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะต้องวิ่งอีก 750 เมตร แต่อีกคนไปยืนรออยู่ที่ 250 เมตร แล้วจะแฟร์ได้อย่างไร อธิบายอย่างไรก็ไม่แฟร์

สะท้อนว่าถ้ากติกาหรือผู้วินิจฉัยกติกาไม่โปร่งใส เป็นธรรม ย่อมก่อให้เกิดวิกฤติได้ นายชัยเกษม บอกว่า คราวนี้จะเกิดอภิมหาวิกฤติ เพราะวิกฤติสะสมมา 4-5 ปีแล้ว ถ้ายังไปแนวเดิมอีกประชาชนจะเริ่มหมดความอดทน

โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะเติมเต็มอะไร เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก นายชัยเกษม บอกว่า เรานำเสนอนโยบายค่อนข้างครบถ้วน แต่สัญญาณต่างๆที่ส่งออกไปยังไม่ทั่วถึง จะพยายามอย่างดีที่สุดให้ประชาชนเข้าใจนโยบาย เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง

นโยบายอะไรโดนใจประชาชนที่สุด นายชัยเกษม บอกว่า เราดูแลคนเป็นหลักในทุกด้าน

เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ต่อไปต้องส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง สนับสนุนให้ออกกำลังกาย ไม่ปล่อยให้ป่วยก่อนแล้วมารักษา โดยพัฒนาคนให้แข็งแรงก่อนชราภาพ

ด้านแก้ปัญหาปากท้อง ดูราคาผลผลิตทางการเกษตรต้องไม่น้อยกว่าที่เคยทำไว้ พยายามลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้แคบลง เพื่อดึงสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจของคนที่อยู่รากหญ้าให้ดีขึ้น ไม่ลำบากเกินไป แต่ไม่มีการแจกฟรี เอาเงินไปโปรยแจก นโยบายที่เขาทำอยู่แล้วก็คงไม่ไปยกเลิก แต่จะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม

ในวันที่ 24 มี.ค. มีการเลือกตั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทยจะทำอะไรเป็นพิเศษ นายชัยเกษม บอกว่า จะเปิดศูนย์ปราบโกงที่พรรค เพื่อติดตามการลงคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งว่า การลงคะแนนโปร่งใส มีการโกงหรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งโดยผู้สมัคร ส.ส. ทีมงาน และประชาชน หากมีปัญหาข้อกฎหมายในหน่วยเลือกตั้งไหนก็จะช่วยกันแก้ไข

ในความเห็นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แบ่งการเมืองออกเป็น 3 ขั้ว ระหว่างฝ่ายที่อ้างเป็นประชาธิปไตย ฝ่ายอ้างความมั่นคงและฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ส่วนพรรคเพื่อไทยแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่พรรคเพื่อไทยจับมือพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล นายชัยเกษม บอกว่า มันเป็นไปได้หมด

เพราะทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นอนิจจัง แต่สถานการณ์ปัจจุบันดูท่าทีผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ แสดงจุดยืนทางการเมืองชัดเจนขึ้นระดับหนึ่ง เหมือนน้ำกับน้ำมันมันคงยากที่จะจับมือกัน

นอกจากมีเหตุปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ต้องดูผลคะแนนหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ถึงเวลาตัดสินใจทางการเมืองใช้เวลานิดเดียวมันก็เปลี่ยนคนได้ สามารถชี้แจงได้หมด

ตอนนี้แนวโน้มพรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือฝ่ายที่อ้างความมั่นคง นายชัยเกษม บอกว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนไม่มาพรรคเพื่อไทย แต่ทุกอย่างก็ไม่แน่ หาเครื่องตีดีๆส่วนผสมอาจจะลงตัวก็ได้ อย่างน้อยก็เฉพาะกิจไปก่อน

ส่วนจะไปจับมือพรรคพลังประชารัฐก็ยังกั๊กๆอยู่ ยังมีความเป็นไปได้

จะเตือนฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้อย่างไร นายชัยเกษม บอกว่า ขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้หน่อยสัก 1 เปอร์เซ็นต์ อะไรก็เกิดขึ้นได้

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ทุกคะแนนมีความหมาย ทำให้พรรคการเมืองหาเสียงดุเดือดในภาคอีสาน ภาคเหนือ หลายฝ่ายเป็นห่วงหลังการเลือกตั้งถ้าปล่อยให้ตั้งรัฐบาลตามปกติ มีโอกาสเกิดความวิกฤติความขัดแย้งตามมา รัฐบาลแห่งชาติจะเป็นทางออก พรรคเพื่อไทยรับได้หรือไม่ นายชัยเกษม บอกว่า ขณะนี้ยังมองไม่เห็น 

จะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเกิดขึ้นยาก เพราะความแตกต่างระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ให้มานั่งทำงานในคณะรัฐมนตรีด้วยกันมันไม่ง่าย จะทำอย่างไร จะเอาคนของฝ่ายประชาธิปไตยหรือฝ่ายเผด็จการเป็นนายกฯ

ถ้าเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่ต้องพูดกันเลย

ประชาชนทนไม่ไหวแล้ว ถ้าปล่อยไปอาจจะเกิดกลียุค

แต่ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ฝ่ายไหนก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ อาจจะมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้

คงต้องคุยกันเยอะ องค์ประกอบคำว่ารัฐบาลแห่งชาติจะต้องมีหัวมีหาง

พอถึงเวลาทะเลาะกันว่าใครเป็นหัวเป็นหางก็ไม่เกิดรัฐบาลแห่งชาติแล้ว

นอกจากจะมีปัจจัยพิเศษจริงๆถึงเกิดขึ้นได้

แต่คงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า.

ทีมการเมือง

จับไต๋ไพ่ตายโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 2 ซีก 3 ขั้ว : การเมืองติดล็อก “ประยุทธ์” ไปต่อ

8 ปีเต็มที่ประชาชนคนไทยร้างห่างคูหาเลือกตั้งมานาน

ถึงเวลาได้ประเดิมใช้สิทธิกันก่อนแล้ว สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไว้ 17 มีนาคม ได้กำหนดให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 17.00 น.

ตามตัวเลขผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า 2.6 ล้านคน เฉพาะในกรุงเทพฯ 9 แสนกว่าราย

สะท้อนความคึกคัก อาการอัดอั้นมานานหลายปี

ทั้งนี้ผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง สามารถไปที่ศูนย์อำนวยการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการใช้สิทธิได้ในสถานที่เลือกตั้งกลางที่ กกต. จัดไว้ ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง จะอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอและสำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพฯ

โดยสถานการณ์ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเตรียมความพร้อมรองรับให้ดี เพราะผู้ขอใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้ามีเป็นจำนวนมาก และปัญหาก็มีให้เห็นบ้างแล้วในการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

ต้องเคลียร์ให้เกิดความขลุกขลักน้อยที่สุด

แต่สำหรับประชาชนทั่วไป สิ่งที่ควรระวังคือ เมื่อทำเครื่องหมายกากบาทแล้วห้ามถ่ายภาพและเผยแพร่ในโซเชียล ที่สำคัญคือต้องไม่ฉีกบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

รวมทั้งการจำหน่ายจ่ายแจกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 16 มีนาคม ถึง 18.00 น. วันที่ 17 มีนาคม หากฝ่าฝืนระวางโทษความผิดทางคดีไม่ต่างจากการเลือกตั้งใหญ่แต่อย่างใด

ในสภาพการณ์คึกคัก คนไทยได้เข้าคูหาหลังอั้นมานาน 8 ปี

ตามสถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งที่เข้าสู่ห้วงโค้งสุดท้าย เหลือเวลาให้เร่งเครื่องทำคะแนนอีกแค่สัปดาห์เดียวก็จะถึงดีเดย์เลือกตั้งใหญ่วันที่ 24 มีนาคม

อารมณ์มวยยก 5 มีอะไรต้องงัดใส่กันหมดหน้าตัก

“ตีไพ่เด็ดใบสุดท้าย” ในมือมาวัดเดิมพัน

แน่นอน สถานการณ์ไฮไลต์ดูจะอยู่ที่คิวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศเสียงดังฟังชัด ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นนายก-รัฐมนตรีอีกสมัย

รวมทั้งจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจและพรรคที่โกง

กระตุกอาการกระเพื่อมรุนแรงในวงดีลสมการรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

ประเมินจากอาการดุเดือดเลือดพล่านสไตล์ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในฐานะอดีต “แม่นม” ที่ลำเลิกบุญคุณ ถ้าไม่ใช่ตนเอง ชาตินี้ “อภิสิทธิ์” จะได้เป็นนายกฯหรือไม่

พร้อมแสดงอาการข้องใจ ถาม “อภิสิทธิ์” ตกลงยืนข้างเดียวกับ “ทักษิณ” เต็มตัวแล้วใช่หรือไม่ นี่แสดงว่าถ้าฝ่ายทักษิณเทคะแนนให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เอาทันทีใช่หรือเปล่า

อยากจะเป็นนายกฯจนลืมหัวของนายสุเทพ

“ลุงกำนัน” ถีบ “อภิสิทธิ์” ไปอยู่กับ “ทักษิณ” ทันที ในจังหวะเพื่อให้คะแนนคนปักษ์ใต้ที่ไม่ไว้วางใจจุดยืน “อภิสิทธิ์” ไหลมาที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย

นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับ “เบอร์ใหญ่” ที่ต้องขยับออกโรงเหมือนกัน

กับอารมณ์แบบที่มวยมาดนิ่งอย่าง “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ มือยุทธศาสตร์ผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี ต้องออกมากระตุกสังคมให้คิดร่วมกัน

หวั่นใจ “อภิสิทธิ์” ลากการเมืองเข้าทางตัน

ตามสภาพการณ์ที่นายสมคิดฉายภาพให้เห็นเป็นฉากๆ จากการที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ พูดเร็วไปไหม เมื่อก่อนบอยคอตมา 2 รอบแล้ว คนไทยไม่ลืมง่ายๆ

ครั้งนี้ไม่ได้บอยคอตเลือกตั้ง แต่บอยคอตตัวแคนดิเดตนายกฯเลย

นายสมคิดยังปล่อยเบรกยาว ระบุทุกคนรู้ว่ารัฐธรรมนูญนี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้เกิดรัฐบาลผสมแน่นอน ดังนั้น ถ้าบางพรรคบอกซ้ายไม่เอาขวาไม่เอา ต้องมีตนเองคนเดียว จะสร้างความสับสนทางการเมืองให้นักลงทุนต่างชาติกังวลว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร ถ้าตั้งไม่ได้แล้วการเมืองมันถึงทางตัน

เรื่องที่บอกว่าไม่สนับสนุนนายกฯเพราะสืบทอดอำนาจ การที่คนหนึ่งเป็นนายกฯและหัวหน้า คสช.ด้วยเขาจะไม่ให้

เลือกตั้งตอนนี้ก็ทำได้ แต่นายกฯยังเดินหน้าให้มีโรดแม็ปเลือกตั้งอยู่ จะดีจะชั่วไม่รู้ แต่นายกฯนำไปสู่การเลือกตั้ง พร้อมจะเป็นนอมินีหรือตัวแทนของพรรคการเมือง

ตอนนี้ ครม.ก็ยังไม่ตั้งแล้วสืบทอดอำนาจอย่างไร ถ้าบอกว่าสืบทอดอำนาจแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการจะมาทำงานต่อ รู้ใช่ไหมประเทศมีปัญหาเยอะ ต้องทำการบ้านให้เสร็จ แต่จะทำได้ต้องมีอำนาจ ไม่มีอำนาจจะเดินหน้าทำอะไรได้ นี่คือการสืบทอดอำนาจเพื่อทำงานให้บ้านเมืองดีขึ้น

แสดงถึงความซีเรียส อารมณ์หมั่นไส้พวกเสี่ยงทำเสียขบวน

เรื่องของเรื่อง “สมคิด” ไม่ได้พูดลอยๆ พลิกแฟ้มข่าวเก่า จะเห็นเลยว่า ทุกครั้งก่อนวิกฤติการเมือง

ประชาธิปัตย์คือตัวจุดชนวนต้นเหตุ

ปี 2549 คว่ำบาตรเลือกตั้ง ตามมาด้วยปฏิวัติโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้า คมช. เพราะการเมืองถูกลากไปติดล็อก

เกิดคดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเลือกตั้งโมฆะ

มาถึงปี 2557 นายอภิสิทธิ์ก็เล่นมุกเดิม บอยคอตเลือกตั้ง หลังอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภา คนประชาธิปัตย์ ลากการเมืองออกมาเล่นบนถนน ตามด้วยวิกฤติม็อบ กปปส.

ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ป่วนเมืองทั่วประเทศ ก่อนปฏิวัติเงียบโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กระทั่งวันนี้ ปี 2562 รอบนี้ “อภิสิทธิ์” คนเดิมก็ส่ออาการเฮี้ยว โชว์ความสำคัญของตัวแปร ประกาศไม่หนุน “นายกฯลุงตู่” ไม่สังฆกรรมกับ “ทักษิณ”

หวังจับเสือมือเปล่า ทั้งๆที่ก็ไม่มีแต้มต้นทุนหน้าตักแน่นหนา

ลากฉากการเมืองไทยไปสู่มหากาพย์การเมือง 3 ก๊ก

ตามเงื่อนไขสถานการณ์วัวพันหลัก แบบที่หากพรรคเพื่อไทยได้แชมป์ครองเสียงมาที่หนึ่ง แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเสียงไม่พอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องใช้คะแนน 376 เสียง

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่หวังจะเป็นตัวแปร โหนแย่งตั้งรัฐบาลก็ยิ่งยากกว่าแทบมองไม่เห็นปาฏิหาริย์ เพราะเสียงไม่พอ ถึงแม้จะชนะพรรคพลังประชารัฐขึ้นไปอยู่เป็นเป็นอันดับสองรองจากเพื่อไทย

เมื่อ “อภิสิทธิ์” ประกาศปิดประตูใส่ “ทักษิณ” ไม่คบคนโกง

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐขอแค่ 126 เสียง รวมพรรคพันธมิตรชัวร์ๆอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน ผนึกกับ 250 ส.ว. ก็ดัน พล.อ.ประยุทธ์ ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรีได้ ตามตัวเลขเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาคือ 376 เสียง

แต่อาจตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากไม่ได้ เพราะคะแนนแตกออกเป็น 3 ก๊ก

การเมืองไร้เสถียรภาพ กระตุกต่อมผวานักลงทุนต่างชาติ

นี่คือสถานการณ์จากปรากฏการณ์ “อภิสิทธิ์” ออกลูกเฮี้ยว ทำให้สภาพการเมืองแยกเป็น 2 ซีก แตกเป็น 3 ขั้ว เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ

จัดสมการตัวเลขรัฐบาลหลังเลือกตั้งลำบาก

แต่ที่ลำบากหนักก็ตัว “อภิสิทธิ์” ที่ดักหน้าดักหลังตัวเอง จนหาทางไปไม่เจอ

เพราะอีกด้านเครือข่าย “ทักษิณ” ก็โวย “เดอะมาร์ค” แย่งภาพเป็นฝ่ายโหนประชาธิปไตยสู้กับทหาร ตามอาการเย้ยหยันแสบๆคันๆสไตล์ “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร

เตือน “อภิสิทธิ์” อย่า “คบซ้อน” เกลียดปลาไหล ทำเป็นต้านทหาร แต่กินน้ำแกง จ้องร่วมรัฐบาล

อาการหมั่นไส้ “อภิสิทธิ์” ที่ประกาศไม่จับขั้วตั้งรัฐบาลกับเครือข่าย “ทักษิณ” พูดชัดจะไม่ยอมให้พรรคที่ทุจริตมานำประเทศ ไม่เอาทั้งพวกบกพร่องโดยสุจริต หรือทุจริตเชิงนโยบาย

พระเอกชิงเล่นบท “หล่อ” อยู่คนเดียว เลยโดนรุมถล่มซะอ่วมไปตามฟอร์ม

ตามรูปการณ์สรุปได้เลย ไม่มีสัญญาณใหม่ แค่นิสัยเดิมๆ

จับไต๋ไพ่ตายโค้งสุดท้าย “อภิสิทธิ์” มันก็เหลี่ยมเดียวกับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ที่รีบชิงประกาศ พรรคภูมิใจไทยอยู่คนละขั้วกับทหาร และพรรคพลังประชารัฐ

ย้ำนายกฯต้องมาจากเสียงของ ส.ส.ข้างมากในสภาเท่านั้น

จังหวะโหนซาก “ไทยรักษาชาติ” ที่โดนยุบ หวังการเทแต้มจาก “นายใหญ่”

ทั้ง “อภิสิทธิ์” และ “อนุทิน” ถือไพ่ใบสุดท้ายแต้มใกล้เคียงกัน ปั่นเดิมพันไม่ขึ้น

ถ้าเล่นแต้มเกาะเอว “ลุงตู่” ก็มีแต่รอหมดตูด จำเป็นต้องสลัดตัวเองออกมา เพื่อให้มี “แต้ม” ลุ้นเดิมพัน

ก่อนอื่นเลยต้องกระตุกอารมณ์พวกไม่เอา “ทักษิณ” เบื่อ “ลุงตู่” ให้หันมาดูทางเลือกกลางๆ แต่นั่นไม่สำคัญ

เร่งด่วนเท่ากับการกวักมือเรียกกลุ่มทุนให้หันมาเจียดงบฯกระจายความเสี่ยงกับยี่ห้อประชาธิปัตย์ ช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง น้ำเลี้ยงท่อตัน

เร่งเครื่องไม่ขึ้น โอกาสดันแต้ม เบ่งตัวเลขยาก

เดิมพันของคนไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าฟลุกก็เป็นนายกฯตาอยู่เสียบ หรือเบ่งกล้ามต่อรองร่วมรัฐบาล

แต่ถ้าฟาวล์ “อภิสิทธิ์” ก็ลาออกตามเงื่อนไขที่มัดคอ แพ้เลือกตั้งแสดงสปิริต และได้โชว์หล่อยึดหลักประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการทหาร ล้างภาพตั้งนายกฯในค่ายท็อปบูต

ไต่บันไดลงแบบนุ่มนวลตามสูตรเขี้ยวการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์

ทั้งหมดทั้งปวง โดยบทเฮี้ยวของ “อภิสิทธิ์” มองเผินๆ

รัฐบาลหลังเลือกตั้งอาจจะเจอทางตัน แต่ในเงื่อนไขของ “นายกฯลุงตู่” ยังเดินหน้าได้ ในเมื่อรัฐธรรมนูญปูเบาะนุ่มๆรองรับไว้

ถ้าตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่ได้ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องตีตั๋วใหม่

นั่นจึงเห็นอารมณ์ชิวๆของ “ลุงตู่” ที่ปรับลุคส์จาก “ลุงฉุน” ปล่อยสติกเกอร์ภาพชุดสวัสดีวันจันทร์ยันวันอาทิตย์ให้โหลดใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ปล่อยช็อตแอ็กชัน น่ารัก สไตล์นักการเมืองอาชีพเต็มฟอร์ม

ล่าสุดทีเด็ดส่งคลิปปราศรัยบนเวทีสุโขทัย อ้อนประชาชนให้ช่วยกันสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ

“ขอให้กล้าไปกับผม”.

“ทีมการเมือง”