PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2562

จับไต๋ไพ่ตายโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 2 ซีก 3 ขั้ว : การเมืองติดล็อก “ประยุทธ์” ไปต่อ

8 ปีเต็มที่ประชาชนคนไทยร้างห่างคูหาเลือกตั้งมานาน

ถึงเวลาได้ประเดิมใช้สิทธิกันก่อนแล้ว สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไว้ 17 มีนาคม ได้กำหนดให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 17.00 น.

ตามตัวเลขผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า 2.6 ล้านคน เฉพาะในกรุงเทพฯ 9 แสนกว่าราย

สะท้อนความคึกคัก อาการอัดอั้นมานานหลายปี

ทั้งนี้ผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง สามารถไปที่ศูนย์อำนวยการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการใช้สิทธิได้ในสถานที่เลือกตั้งกลางที่ กกต. จัดไว้ ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง จะอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอและสำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพฯ

โดยสถานการณ์ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเตรียมความพร้อมรองรับให้ดี เพราะผู้ขอใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้ามีเป็นจำนวนมาก และปัญหาก็มีให้เห็นบ้างแล้วในการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

ต้องเคลียร์ให้เกิดความขลุกขลักน้อยที่สุด

แต่สำหรับประชาชนทั่วไป สิ่งที่ควรระวังคือ เมื่อทำเครื่องหมายกากบาทแล้วห้ามถ่ายภาพและเผยแพร่ในโซเชียล ที่สำคัญคือต้องไม่ฉีกบัตรเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

รวมทั้งการจำหน่ายจ่ายแจกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 16 มีนาคม ถึง 18.00 น. วันที่ 17 มีนาคม หากฝ่าฝืนระวางโทษความผิดทางคดีไม่ต่างจากการเลือกตั้งใหญ่แต่อย่างใด

ในสภาพการณ์คึกคัก คนไทยได้เข้าคูหาหลังอั้นมานาน 8 ปี

ตามสถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งที่เข้าสู่ห้วงโค้งสุดท้าย เหลือเวลาให้เร่งเครื่องทำคะแนนอีกแค่สัปดาห์เดียวก็จะถึงดีเดย์เลือกตั้งใหญ่วันที่ 24 มีนาคม

อารมณ์มวยยก 5 มีอะไรต้องงัดใส่กันหมดหน้าตัก

“ตีไพ่เด็ดใบสุดท้าย” ในมือมาวัดเดิมพัน

แน่นอน สถานการณ์ไฮไลต์ดูจะอยู่ที่คิวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศเสียงดังฟังชัด ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นนายก-รัฐมนตรีอีกสมัย

รวมทั้งจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจและพรรคที่โกง

กระตุกอาการกระเพื่อมรุนแรงในวงดีลสมการรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

ประเมินจากอาการดุเดือดเลือดพล่านสไตล์ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในฐานะอดีต “แม่นม” ที่ลำเลิกบุญคุณ ถ้าไม่ใช่ตนเอง ชาตินี้ “อภิสิทธิ์” จะได้เป็นนายกฯหรือไม่

พร้อมแสดงอาการข้องใจ ถาม “อภิสิทธิ์” ตกลงยืนข้างเดียวกับ “ทักษิณ” เต็มตัวแล้วใช่หรือไม่ นี่แสดงว่าถ้าฝ่ายทักษิณเทคะแนนให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เอาทันทีใช่หรือเปล่า

อยากจะเป็นนายกฯจนลืมหัวของนายสุเทพ

“ลุงกำนัน” ถีบ “อภิสิทธิ์” ไปอยู่กับ “ทักษิณ” ทันที ในจังหวะเพื่อให้คะแนนคนปักษ์ใต้ที่ไม่ไว้วางใจจุดยืน “อภิสิทธิ์” ไหลมาที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย

นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับ “เบอร์ใหญ่” ที่ต้องขยับออกโรงเหมือนกัน

กับอารมณ์แบบที่มวยมาดนิ่งอย่าง “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ มือยุทธศาสตร์ผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี ต้องออกมากระตุกสังคมให้คิดร่วมกัน

หวั่นใจ “อภิสิทธิ์” ลากการเมืองเข้าทางตัน

ตามสภาพการณ์ที่นายสมคิดฉายภาพให้เห็นเป็นฉากๆ จากการที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ พูดเร็วไปไหม เมื่อก่อนบอยคอตมา 2 รอบแล้ว คนไทยไม่ลืมง่ายๆ

ครั้งนี้ไม่ได้บอยคอตเลือกตั้ง แต่บอยคอตตัวแคนดิเดตนายกฯเลย

นายสมคิดยังปล่อยเบรกยาว ระบุทุกคนรู้ว่ารัฐธรรมนูญนี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้เกิดรัฐบาลผสมแน่นอน ดังนั้น ถ้าบางพรรคบอกซ้ายไม่เอาขวาไม่เอา ต้องมีตนเองคนเดียว จะสร้างความสับสนทางการเมืองให้นักลงทุนต่างชาติกังวลว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร ถ้าตั้งไม่ได้แล้วการเมืองมันถึงทางตัน

เรื่องที่บอกว่าไม่สนับสนุนนายกฯเพราะสืบทอดอำนาจ การที่คนหนึ่งเป็นนายกฯและหัวหน้า คสช.ด้วยเขาจะไม่ให้

เลือกตั้งตอนนี้ก็ทำได้ แต่นายกฯยังเดินหน้าให้มีโรดแม็ปเลือกตั้งอยู่ จะดีจะชั่วไม่รู้ แต่นายกฯนำไปสู่การเลือกตั้ง พร้อมจะเป็นนอมินีหรือตัวแทนของพรรคการเมือง

ตอนนี้ ครม.ก็ยังไม่ตั้งแล้วสืบทอดอำนาจอย่างไร ถ้าบอกว่าสืบทอดอำนาจแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการจะมาทำงานต่อ รู้ใช่ไหมประเทศมีปัญหาเยอะ ต้องทำการบ้านให้เสร็จ แต่จะทำได้ต้องมีอำนาจ ไม่มีอำนาจจะเดินหน้าทำอะไรได้ นี่คือการสืบทอดอำนาจเพื่อทำงานให้บ้านเมืองดีขึ้น

แสดงถึงความซีเรียส อารมณ์หมั่นไส้พวกเสี่ยงทำเสียขบวน

เรื่องของเรื่อง “สมคิด” ไม่ได้พูดลอยๆ พลิกแฟ้มข่าวเก่า จะเห็นเลยว่า ทุกครั้งก่อนวิกฤติการเมือง

ประชาธิปัตย์คือตัวจุดชนวนต้นเหตุ

ปี 2549 คว่ำบาตรเลือกตั้ง ตามมาด้วยปฏิวัติโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้า คมช. เพราะการเมืองถูกลากไปติดล็อก

เกิดคดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเลือกตั้งโมฆะ

มาถึงปี 2557 นายอภิสิทธิ์ก็เล่นมุกเดิม บอยคอตเลือกตั้ง หลังอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภา คนประชาธิปัตย์ ลากการเมืองออกมาเล่นบนถนน ตามด้วยวิกฤติม็อบ กปปส.

ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ป่วนเมืองทั่วประเทศ ก่อนปฏิวัติเงียบโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กระทั่งวันนี้ ปี 2562 รอบนี้ “อภิสิทธิ์” คนเดิมก็ส่ออาการเฮี้ยว โชว์ความสำคัญของตัวแปร ประกาศไม่หนุน “นายกฯลุงตู่” ไม่สังฆกรรมกับ “ทักษิณ”

หวังจับเสือมือเปล่า ทั้งๆที่ก็ไม่มีแต้มต้นทุนหน้าตักแน่นหนา

ลากฉากการเมืองไทยไปสู่มหากาพย์การเมือง 3 ก๊ก

ตามเงื่อนไขสถานการณ์วัวพันหลัก แบบที่หากพรรคเพื่อไทยได้แชมป์ครองเสียงมาที่หนึ่ง แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเสียงไม่พอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องใช้คะแนน 376 เสียง

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่หวังจะเป็นตัวแปร โหนแย่งตั้งรัฐบาลก็ยิ่งยากกว่าแทบมองไม่เห็นปาฏิหาริย์ เพราะเสียงไม่พอ ถึงแม้จะชนะพรรคพลังประชารัฐขึ้นไปอยู่เป็นเป็นอันดับสองรองจากเพื่อไทย

เมื่อ “อภิสิทธิ์” ประกาศปิดประตูใส่ “ทักษิณ” ไม่คบคนโกง

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐขอแค่ 126 เสียง รวมพรรคพันธมิตรชัวร์ๆอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน ผนึกกับ 250 ส.ว. ก็ดัน พล.อ.ประยุทธ์ ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรีได้ ตามตัวเลขเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาคือ 376 เสียง

แต่อาจตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากไม่ได้ เพราะคะแนนแตกออกเป็น 3 ก๊ก

การเมืองไร้เสถียรภาพ กระตุกต่อมผวานักลงทุนต่างชาติ

นี่คือสถานการณ์จากปรากฏการณ์ “อภิสิทธิ์” ออกลูกเฮี้ยว ทำให้สภาพการเมืองแยกเป็น 2 ซีก แตกเป็น 3 ขั้ว เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ

จัดสมการตัวเลขรัฐบาลหลังเลือกตั้งลำบาก

แต่ที่ลำบากหนักก็ตัว “อภิสิทธิ์” ที่ดักหน้าดักหลังตัวเอง จนหาทางไปไม่เจอ

เพราะอีกด้านเครือข่าย “ทักษิณ” ก็โวย “เดอะมาร์ค” แย่งภาพเป็นฝ่ายโหนประชาธิปไตยสู้กับทหาร ตามอาการเย้ยหยันแสบๆคันๆสไตล์ “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร

เตือน “อภิสิทธิ์” อย่า “คบซ้อน” เกลียดปลาไหล ทำเป็นต้านทหาร แต่กินน้ำแกง จ้องร่วมรัฐบาล

อาการหมั่นไส้ “อภิสิทธิ์” ที่ประกาศไม่จับขั้วตั้งรัฐบาลกับเครือข่าย “ทักษิณ” พูดชัดจะไม่ยอมให้พรรคที่ทุจริตมานำประเทศ ไม่เอาทั้งพวกบกพร่องโดยสุจริต หรือทุจริตเชิงนโยบาย

พระเอกชิงเล่นบท “หล่อ” อยู่คนเดียว เลยโดนรุมถล่มซะอ่วมไปตามฟอร์ม

ตามรูปการณ์สรุปได้เลย ไม่มีสัญญาณใหม่ แค่นิสัยเดิมๆ

จับไต๋ไพ่ตายโค้งสุดท้าย “อภิสิทธิ์” มันก็เหลี่ยมเดียวกับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ที่รีบชิงประกาศ พรรคภูมิใจไทยอยู่คนละขั้วกับทหาร และพรรคพลังประชารัฐ

ย้ำนายกฯต้องมาจากเสียงของ ส.ส.ข้างมากในสภาเท่านั้น

จังหวะโหนซาก “ไทยรักษาชาติ” ที่โดนยุบ หวังการเทแต้มจาก “นายใหญ่”

ทั้ง “อภิสิทธิ์” และ “อนุทิน” ถือไพ่ใบสุดท้ายแต้มใกล้เคียงกัน ปั่นเดิมพันไม่ขึ้น

ถ้าเล่นแต้มเกาะเอว “ลุงตู่” ก็มีแต่รอหมดตูด จำเป็นต้องสลัดตัวเองออกมา เพื่อให้มี “แต้ม” ลุ้นเดิมพัน

ก่อนอื่นเลยต้องกระตุกอารมณ์พวกไม่เอา “ทักษิณ” เบื่อ “ลุงตู่” ให้หันมาดูทางเลือกกลางๆ แต่นั่นไม่สำคัญ

เร่งด่วนเท่ากับการกวักมือเรียกกลุ่มทุนให้หันมาเจียดงบฯกระจายความเสี่ยงกับยี่ห้อประชาธิปัตย์ ช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง น้ำเลี้ยงท่อตัน

เร่งเครื่องไม่ขึ้น โอกาสดันแต้ม เบ่งตัวเลขยาก

เดิมพันของคนไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าฟลุกก็เป็นนายกฯตาอยู่เสียบ หรือเบ่งกล้ามต่อรองร่วมรัฐบาล

แต่ถ้าฟาวล์ “อภิสิทธิ์” ก็ลาออกตามเงื่อนไขที่มัดคอ แพ้เลือกตั้งแสดงสปิริต และได้โชว์หล่อยึดหลักประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการทหาร ล้างภาพตั้งนายกฯในค่ายท็อปบูต

ไต่บันไดลงแบบนุ่มนวลตามสูตรเขี้ยวการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์

ทั้งหมดทั้งปวง โดยบทเฮี้ยวของ “อภิสิทธิ์” มองเผินๆ

รัฐบาลหลังเลือกตั้งอาจจะเจอทางตัน แต่ในเงื่อนไขของ “นายกฯลุงตู่” ยังเดินหน้าได้ ในเมื่อรัฐธรรมนูญปูเบาะนุ่มๆรองรับไว้

ถ้าตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่ได้ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องตีตั๋วใหม่

นั่นจึงเห็นอารมณ์ชิวๆของ “ลุงตู่” ที่ปรับลุคส์จาก “ลุงฉุน” ปล่อยสติกเกอร์ภาพชุดสวัสดีวันจันทร์ยันวันอาทิตย์ให้โหลดใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ปล่อยช็อตแอ็กชัน น่ารัก สไตล์นักการเมืองอาชีพเต็มฟอร์ม

ล่าสุดทีเด็ดส่งคลิปปราศรัยบนเวทีสุโขทัย อ้อนประชาชนให้ช่วยกันสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ

“ขอให้กล้าไปกับผม”.

“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: