PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วสิษฐ เดชกุญชร : แดนสนธยา

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 20:00:26 น.

กรมตำรวจในอดีตเคยเป็นแดนสนธยาอย่างไร เมื่อเปลี่ยนชื่อมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในปัจจุบัน ก็ยังเป็นแดนสนธยาอยู่อย่างนั้น การปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจซึ่งคนทั่วไปมองเห็น มักถูกวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิอยู่เสมอ แต่การบริหารราชการภายใน สตช.เป็นเรื่องที่คนนอกไม่ค่อยรู้ และรู้แล้วก็ไม่สนใจ แม้ทั้งสองเรื่องจะเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องการบรรจุแต่งตั้งและโยกย้ายตำรวจ ซึ่งกระทบถึงประสิทธิภาพและความสามารถของตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่โดยตรง

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านไปนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมายจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร.ภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. และให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป

ถึงแม้ พล.ต.อ.สมยศจะให้เหตุผลว่า การย้าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และ พล.ต.ต.โกวิทย์จะได้กระทำเพราะจำเป็นที่จะต้องให้นายตำรวจทั้งสองคนไปรับผิดชอบ "งานสำคัญ" ที่ ศปก.ตร. เพราะเห็นความรู้ความสามารถของผู้ที่ถูกย้าย แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะลักษณะของการย้ายนั้นเป็นแบบฟ้าผ่า คือนอกจากจะไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้ว ยังมีคำสั่งให้ผู้ถูกย้ายไปรายงานตัวภายในกำหนดเวลาอันสั้น ซึ่งการย้ายแบบนี้เคยกระทำแต่กับผู้ที่กระทำผิดหรือบกพร่องและต้องให้พ้นหน้าที่เดิมไปโดยเร็วเท่านั้น

และยิ่งเมื่อปรากฏว่าต่อมาอีกเพียง 2 วัน พล.ต.อ.สมยศก็มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผู้บังคับการกองปราบปราม และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ให้ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และให้ไปรายงานตัวภายในวันเดียวกัน ทั้งยังแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งแทนด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็นชัดว่าการย้าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน เพราะกองปราบปรามเป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์นั้นเติบโตมาในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เริ่มตั้งแต่เป็นผู้กำกับการ รองผู้บังคับการ และผู้บังคับการกองปราบปราม และรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จนกระทั่งได้เป็นผู้บัญชาการเมื่อเดือนตุลาคม 2553 

นอกจากจะมีฝีมือเป็นที่ยอมรับกันในด้านการสืบสวนและปราบปรามแล้ว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ยังเป็นนักวิชาการทางอาชญาวิทยาและนิติศาสตร์ที่สามารถนำวิชาการไปประยุกต์กับงานตำรวจ โดยได้ผลมาแล้วในหลายท้องที่ในประเทศ โดยเฉพาะการใช้ตำรวจทำงานกับชุมชนหรือ community policing ที่เคยใช้ได้ผลในสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ยังเป็นอาจารย์พิเศษ บรรยายให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตด้วย

ผมรู้จัก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์หลังจากที่ท่านได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการ ท่านมาหาผมเพื่อขอความรู้และคำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ ในโอกาสนั้นท่านยังมอบตำราวิชาการบริหารราชการตำรวจที่ท่านเขียนเองให้แก่ผมด้วย

การย้าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และผู้ที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านแบบปัจจุบันทันด่วนโดยไม่ปรากฏสาเหตุที่ชัดเจน เป็นสัญญาณว่ากำลังจะมีการล้างบางในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นปกติวิสัยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเสียแล้ว

“ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ประกาศศึกกับ คนดูไบอย่างเป็นทางการ

ชัดเจนแล้วว่า “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ประกาศศึกกับ คนดูไบอย่างเป็นทางการ และปฎิบัติการ " แค้นต้องชำระ " หลังจาก " “บุญคุณต่างตอบแทน” ส้มยักษ์หล่นนั่งเป็น รมต.คลัง ไม่นาน โดนเขี่ยออก หมดอนาคตการเมือง การเขียนแฉ ความสัมพันธ์ระหว่างทักกี้ กับ ปตท. เท่าที่อ่านมีข้อมูลแยะมาก แต่อ่านแล้วงง ยังไม่กระจ่าง เข้าใจว่าเกรงปัญหาฟ้องร้อง
ขอตั้งคำถาม 2 ข้อ ให้หายข้องใจ หน่อยเถอะ 1. ทำไมเพิ่งเอามาแฉเอาตอนนี้ เท่าที่ติดตามอ่านดูแล้ว น่าจะฟ้องร้องเอาผิด หรือเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบ มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะมีตำแหน่งสำคัญ เคยเป็นลูกหม้อแบงก์ชาติ ตำแหน่งสุดท้ายคือรองผู้ว่าการแบงก์ ก่อนที่จะลาออกมาเป็นเลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต. ที่ปตท.เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น และ ยังได้นั่งเก้าอี้รมต.คลังอีกด้วย 2. มีแผนจะฟ้องร้องเอาผิด ปตท. ตอนนี้ไหม เอาคนผิด คนโกงมาลงโทษให้หมด สมบัติของชาติ แต่ประชาชนเจ้าของประเทศ ต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงโหดมานานแล้ว ถ้าตัดสินใจฟ้อง จะยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ
ที่จำเป็นต้องเอามาเขียน เพราะการปล่อยข้อมูลอย่างคลุมเคลือ ในช่วงที่ประเทศกำลังมีปัญหาความแตกแยก อย่างรุนแรง ปัญหาพลังงานเป็นหนึ่งในปัญหา ที่จุดติดไว หากไม่สามารถทำให้กระจ่างได้ เป็นภัยร้ายแรง ต่อประเทศชาติ ไม่ต่างจากการพูดครึ่งเดียว ทำให้ความพยายามสร้าง ความปรองดอง เพื่อขับเคลื่อนประเทศ ไปไม่ได้ ถ้ายังเขียนลักษณะนี้ต่อไป ชาติพังพินาศแน่ ไม่ต่างจากข้อมูลที่ คนเสื้อแดงได้รับ กลายเป็นปัญหาใหญ่ประเทศ
ข้อยไม่เข้าข้างใครเด้อ ขอยืนยันอีกครั้ง ชัดเจนมาตลอด จ่ายค่าน่ำมันแพง ก็บ่นอย่างมีหลักการ ถ้านำ้มันดิบถูกแล้ว ปตท.ยังตะแบงขายแพง ก็ต้องเฉ่ง รัฐบาลเก็บเงินภาษีโหดอย่างตอนนี้ ก็ต้องเรียกร้องให้เก็บน้อยลง นำ้มันแพง ค่าครองชีพสูงตาม ประชาชนตายลูกเดียว 

ถอดความหมาย"หลวงปู่พุทธ"ไขความลับถึง"ลุงกำนัน"ก่อนคสช.รัฐประหาร

หลวงปู่มอง “บูรพาพยัคฆ์” “ประยุทธ์” ไม่พังเพราะ “บิ๊กป้อม”

“หลวงปู่” ให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์ เชื่อ คสช. จริงใจปฏิรูปประเทศ เพราะทหารเสือราชินีถูกอบรมมาหนักในเรื่องสัจจะลูกผู้ชาย ชม “บิ๊กป้อม” เป็นคนกว้างขวาง เหมาะกับการมาช่วยงานรัฐบาล มั่นใจไม่ทำ “บูรพาพยัคฆ์ - ประยุทธ์” พัง
  • 1/1  รูป
“หลวงปู่” ให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์ เชื่อ คสช. จริงใจปฏิรูปประเทศ เพราะทหารเสือราชินีถูกอบรมมาหนักในเรื่องสัจจะลูกผู้ชาย ชม “บิ๊กป้อม” เป็นคนกว้างขวาง เหมาะกับการมาช่วยงานรัฐบาล มั่นใจไม่ทำ “บูรพาพยัคฆ์ - ประยุทธ์” พัง 

วันนี้ (5 ต.ค.) ไทยโพสต์แทบลอยด์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ภายใต้ชื่อบทความว่า หลวงปู่มอง “บูรพาพยัคฆ์” “ประยุทธ์” ไม่พังเพราะ “บิ๊กป้อม” ใจความว่า “หลวงปู่พุทธะอิสระ” อดีตผู้นำเวที กปปส. แจ้งวัฒนะ ให้ความเห็นต่อเรื่องการเมือง โดยเฉพาะบทบาทของพี่น้อง 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ” ที่เวลานี้คือศูนย์รวมอำนาจของประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจไม่น้อย บนเสียงเตือนไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าต้องนิ่งมากกว่านี้ โดยเฉพาะการตอบคำถามสื่อมวลชน และต้องทำในสิ่งที่ คสช.เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ให้สำเร็จให้ได้ 

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” บอกว่า เรื่องปฏิรูปประเทศจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบด้าน แต่คิดว่า คสช. มีความจริงใจที่จะปฏิรูปบ้านเมืองมาก ก็มองว่าคนเราถ้าอีก 4-5 เดือนจะเกษียณอยู่แล้ว และไม่รู้ต้องมานั่งทำอะไรที่ไม่รู้ว่าจะชนะหรือแพ้ และก็ต้องแก้ไขปัญหา 

พร้อมกับเล่าย้อนให้ฟังถึงฉากหลังการเมืองบางซีน ที่หลวงปู่บอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ โดยบอกว่าอยากเล่าในเรื่องที่สังคมไม่ได้รู้ ให้ได้รู้ว่าช่วงการต่อสู้ของ กปปส. ก่อนที่จะมีการรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ย้อนหลังไปก่อนหน้านั้นสัก ประมาณ 15 วัน หรือ 3 สัปดาห์ ทุกเวที กปปส. เริ่มระส่ำระสาย เสียขวัญ ไม่เว้นแม้แต่เวทีแจ้งวัฒนะ แต่ฉันก็พยายามรักษาฟอร์มไว้ แต่ทุกเวทีโดยเฉพาะเวทีลุงกำนัน จะเห็นได้ว่าแกเริ่มเซ เริ่มรวน เวที คปท. ของนิติธร ล้ำเหลือด้วย มีทั้งคนเจ็บ คนตาย มีทั้งกฎหมายเข้ามาบีบ มีการข่มขู่คุกคามสารพัด ไม่เว้นแม้แต่เวทีแจ้งวัฒนะ หนทางที่ว่าจะเสร็จ ยุติ จบ มันล่มมาตลอด ในช่วงนั้นฉันก็ประสานกับทหารอย่างหลวมๆ ไว้ในระดับต้นแล้วว่ามันจะไปอย่างใดแบบไหน ในขณะเดียวกันเราก็พยายามประคองตัวไม่ให้เพลี่ยงพล้ำเกินไป ไม่ให้เสียมวย จะล้มก็ล้มอย่างมีเชิง จะยืนอยู่ก็ต้องอยู่อย่างปลอดภัยแบบผู้ชนะ 

...เราก็พยายามบอกลุงกำนัน โทร.ไปเตือน ก่อนหน้าที่จะปฏิวัติหนึ่งวัน ฉัน โทร.ไปบอกลุงกำนันว่าทหารเขาจะทำแล้วนะ ลุงกำนันบอกว่าถ้าทหารจะทำก็อยู่ข้างหลังผม ถามว่ามีทหารที่ไหนที่เขาจะโง่ขนาดนั้น ที่ไปอยู่หลังลุงกำนัน เราก็เลยบอกว่า วิธีการของลุงกำนันที่จะให้ได้รัฐบาลที่มาจากสมาชิกวุฒิสภา มันไม่น่าจะได้ข้อยุติหรอก เพราะขบวนการของตระกูลชินมันฝังรากลึกในทุกระบบ องคาพยพสังคมไทย ภาคประชาชนมือเปล่าๆ ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้ทหารจัดการเถอะ แต่ลุงกำนันก็ยังเชื่อในอำนาจประชาชนอยู่ เราก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนี้ไม่น่าถูกต้องหรอก คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ เราก็สงวนตัวเรา ที่แจ้งวัฒนะเปิดทาง มีทหารมาพูดคุย หากไม่ได้ทหารเข้ามาก็ยังไม่รู้อีกกี่ศพ

ความจริงข้อนี้ไม่มีใครรู้ มีแต่ไปถล่ม รุมประณามคุณประยุทธ์ ทหารและพวก ซึ่งคนพวกนี้ไม่ได้มาอยู่บนถนน ถ้าลองไปนอนบนถนนแบบพวกเรา กปปส. จะรู้เลยว่า ทหารช่วยชีวิตเรา หาทางออก-ทางลงให้ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

ถามว่าเหตุใดจึงเชื่อตอนนั้นว่าทหารจะปฏิวัติ “อดีตผู้นำเวที กปปส.” เล่าให้ฟังว่า เพราะฉันมีปฏิสัมพันธ์กับทหารมา แล้วทหารก็เข้ามาคุยอยู่เป็นระยะๆ เป็นเรื่องที่เราก็พยายามส่งสารต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ให้เตรียมพร้อม ฉันก็มีการขีดเส้นให้ลุงกำนันสองรอบคือ ถ้าคุณไม่ไป ไม่สามารถเผด็จศึกจากวันที่ 8 พ.ค. มาเป็นวันที่ 17 พ.ค. และขยับไปวันที่ 20 พ.ค. เลื่อนไปเรื่อย ฉันจะเดินทางไปหัวหินเพื่อถวายคืนพระราชอำนาจ ทหารก็เข้ามาติดต่อว่าอย่าไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาท ปล่อยให้ลูกหลานทหารทำอะไรซักอย่าง เราก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นรัฐบาลไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศ ผู้คนในบ้านเมืองสิ้นไร้ไม้ตอก คนที่ชุมนุมก็ตายเพิ่มขึ้น มันก็เป็นเหตุผลที่พร้อมจะทำ แต่ตอนนั้นลุงกำนันก็ฝันหวานว่าจะได้พึ่ง ส.ว.(หัวเราะ) 

สำหรับ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” สื่อเคยลงประวัติเอาไว้ว่า เคยสึกจากการบวชเป็นพระอยู่ที่วัดคลองเตยในเพื่อไปเป็นทหารสังกัดหน่วย “พล.ปตอ.” อยู่สองปี จึงถือว่าก็เคยเป็นทหารสังกัดบูรพาพยัคฆ์

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” แจงว่า เหตุที่เชื่อว่ารัฐบาล และ คสช. เอาจริงเรื่องปฏิรูปประเทศ เป็นเพราะโดยนิสัยทหารเสือราชินี ถูกอบรมมาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก สิ่งที่เราพูดต้องทำได้ทุกครั้ง ทุกคนจะมีแนวคิดแบบนี้ เพราะเราได้รับการอบรมหนักมากเรื่องพวกนี้ สัจจะลูกผู้ชาย ที่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ออกมาพูดว่าควรจะให้ สปช. มีความหลากหลาย มีทุกภาคส่วนเข้าร่วมในเวทีปฏิรูป ฉันก็เลยถามว่า ตอนที่คุณอยู่ในอำนาจคุณทนได้อย่างไร สภาผัว-เมีย สภาลูก-หลาน เป็นความหลากหลายหรืออย่างไร 

คุณประยุทธ์ ไม่ได้เลือกคน แต่เขาเลือกอุดมการณ์ ถ้าใครมีอุดมการณ์ตรงกับเขา เขาก็เอา เพื่อให้กระบวนการปฏิรูปสำเร็จประโยชน์และยั่งยืน ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะเอาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกับตน คุณประยุทธ์ไม่ได้เลือกคน เขาไม่รู้หน้า ไม่เห็นหน้า แค่เอาสิ่งที่แต่ละคนเขียนไปอ่านดูว่า ตรงกับเป้าประสงค์หรือไม่ ฉันเองส่งไปตั้งหลายคน ฉันยังไม่เชื่อว่าจะมีคนของฉันได้รับ เพราะบางทีเราก็มองเห็นคนของเราก๊องแก๊งๆ แต่เพราะมีใจรักที่จะเข้าไป

- 4 เดือนที่ผ่านมากับบทบาทผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ มีจุดอ่อนอะไรที่ต้องแก้ไข?

ก็เรื่องอารมณ์ เพราะสถานภาพของผู้นำเหมือนกับฟ้า กดดัน ขยับนิดเดียวก็มีแรงกดดันแรงกระเพื่อมมาก เพราะฉะนั้นผู้นำที่ดีต้องเอาป๋าเปรม (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) เป็นบรรทัดฐาน ป๋าจะเป็นอะไรที่คำถามที่เห็นว่าไม่ควรตอบ และหากตอบไปแล้วเกิดความวุ่นวาย ก็บอกว่ากลับไปนอนเถอะลูก คุณประยุทธ์ก็ต้องทำให้ได้อย่างป๋า อะไรที่เห็นว่าตอบไปแล้วทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคมก็จะหยุดพูด อะไรที่ตอบไม่ได้ก็กลับไปนอนเถอะลูก คุณประยุทธ์ต้องเลียนแบบป๋า ต้องปรับเรื่องอารมณ์ ต้องแข็งแรงทางอารมณ์มากกว่านี้ อย่าไปสนใจในเสียงตำหนิและนินทา อย่าฝากชีวิตไว้ที่ฟองน้ำลายที่กระดกที่ปลายลิ้น เพราะด่าไปก็เมื่อยไปเอง เหนื่อยไปเอง คุณประยุทธ์ ต้องคิดแบบนี้ถ้าคิดว่าจริงใจ ตั้งใจดีต่อบ้านเมือง ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกา เดินหน้าไปอย่างเดียว ส่วนวิธีคิด แนวทางการทำงานเขาก็รอบด้าน มีผู้อยู่ใกล้ชิดพอที่จะให้คำปรึกษา 

เมื่อถามว่า ภาพภายนอกคนมองว่าแกนนำทหารบูรพาพยัคฆ์ เช่น พลเอก ประยุทธ์, พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา เคารพหลวงปู่ มีภาพมาทำบุญที่วัดอ้อน้อย “หลวงปู่พุทธะอิสระ” เลยบอกว่า ก็อาจจะเป็นเพราะเราเคยอยู่ค่ายเดียวกัน ร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา สมัยฉันเป็นทหาร พลเอก อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ยังเป็นร้อยตรีอยู่เลย ตอนนั้นเขมรแดงแตกใหม่ๆ ตอนนั้นไปอยู่ชายแดนเขมร และก็ปฏิวัติเมษาฮาวาย พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร อยู่ในค่ายแป๊บนึง จากนั้นก็ขาดการติดต่อไป จนเกิดเรื่องเฮลิคอปเตอร์ตก 2 ลำที่แก่งกระจาน แล้วเห็นพลเอก อุดมเดช ออกโทรทัศน์ ก็เลยได้เห็นว่ามีตำแหน่งอะไรตรงไหน แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยติดต่ออะไรกัน

ถามย้ำว่า ตอนนี้คนพูดกันมากว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะพังเพราะคนใกล้ชิด มีการระบุพูดถึงบางชื่อเช่น พล.อ.ประวิตร ที่บทบาทในเวลานี้ดูแล้วอำนาจเยอะเกินไป “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ตอบว่า คุณประวิตรก็มาบ่อย ตอนมีอำนาจเขาก็เคยตัดพ้อกับว่า ทำไมไม่ชวนเขาไปร่วมงานด้วย ฉันก็บอกว่าฉันจะคบกับคนที่ไม่มีอำนาจ ถ้าเมื่อใดคุณมีอำนาจก็ไม่อยากคบ เพราะจะกลายเป็นว่าฉันไปอิงอำนาจพวกคุณ เราก็รู้จัก เข้าใจดีว่าเขาคิดเพื่อประโยชน์บ้านเมือง ไม่ได้คิดเพื่อประโยชน์ส่วนตน ถ้าถามว่าวันนี้เหมาะสมไหม ก็วันนี้ไม่ใครที่คุณประยุทธ์ไว้ใจมากเท่ากับ พล.อ.ประวิตร เขาทั้งหมดที่มาที่นี่ เขาก็เรียกพี่เรียกน้อง สนิทชิดเชื้อกัน ก็ไม่ได้อะไรมาก 

“ส่วนที่วิจารณ์ว่าจะพังเพราะ พล.อ.ประวิตร คงไม่หรอก พล.อ.ประวิตร เขามีเพื่อนมากทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายรัฐบาล มีคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนได้เยอะและ ได้ดี การที่คุณประยุทธ์ดึงเข้ามาเพื่อจะได้รับความร่วมมือจากปลัดกระทรวงต่างๆ จะเห็นว่าคุณประวิตรจะมีเพื่อนฝูงรอบตัวไปหมด และดึงคนที่ไว้ใจมาร่วมทำงาน เมื่อคุณประยุทธ์ที่นิสัยค่อนข้างจะเก็บตัว ไม่ค่อยกว้างขวางเหมือนคุณประวิตร มันก็เลยเป็นที่มาว่าคุณประวิตรเป็นพี่ใหญ่รับหน้าเสื่อไป ก็เป็นธรรมดาเพราะเขาไว้ใจคุณประวิตร
ก็เหมือนฉันที่ไว้ใจใครก็ใช้คนนั้น เพราะว่าอำนาจที่อยู่บนหลังเสือ พลาดนิดเดียวก็หัวทิ่มแล้ว เพราะคนจ้องอยู่ทุกอย่างก้าว”

“หลวงปู่” บอกต่อไปว่า เท่าที่เห็นที่คนเรียกกันว่าพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ก็รักกันดี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยก็เคยมาที่วัด 2 ครั้ง คุณประวิตรมาตั้งแต่สมัยเป็นเสนาธิการทหารบก จนมาเป็น ผบ.ทบ. ที่นี่จะเป็นเสียงร่ำลืออย่างที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าไว้ ใครอยากเป็น ผบ.ทบ. ต้องมาทอดกฐินที่นี่ ประมาณเหมือนอย่างนั้นเลยแหละ ถ้าทอดปุ๊บกลับไปได้เป็น ผบ.ทบ. อะไรประมาณนั้น เหมือนจะเป็นความเชื่อหรือแม้กระทั่งพลเอก สมทัต อัตตะนันทน์ และคนก่อนหน้านั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร แต่ พลเอก อุดมเดช ไม่เคยมาเพราะเขาไม่รู้ ก็ไม่ต้องมาหรอก ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองก็พอ และคิดว่า คสช. คงไม่สืบทอดอำนาจ เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองมีทิศทางที่ชัดเจน เมื่อชัดเจนแล้วเขาก็คงวางมือ รามือ และก็เลิก

“อดีตผู้นำเวที กปปส.” ย้ำอีกรอบหลังเคยโพสต์เฟซบุ๊กไปว่า หาก คสช. ไม่ทำตามที่พูดก็พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวอีกรอบว่า ใช่แน่นอน ฉันขู่เลยถ้าทำไม่ได้ต้องมีเรื่อง แต่ฉันเชื่อว่าเขาทำได้ โดยเฉพาะเรื่องปฏิรูป เพราะเขามีใจที่จะทำอยู่แล้ว มีความตั้งใจ ความพร้อมและความจริงใจ
//////////////

พุทธะอิสระ เหตุใดท่านจึงเหี้ยมเช่นนี้ ...

พุทธะอิสระ ให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์ที่เผยแพร่ในวันที่ 6 ต.ค. 2557 00:06:00http://m.manager.co.th/Politics/detail/9570000114608 เล่าความหลังที่แสดงถึงความลับต่างๆในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งผมสามารถจับใจความมาเรียบเรียงใหม่ ในลักษณะถอดความจากคำต่อคำได้ดังนี้

พุทธอิสระว่า "ฉันก็มีการขีดเส้นให้ลุงกำนันสองรอบคือ ถ้าคุณไม่ไป ไม่สามารถเผด็จศึกจากวันที่ 8 พ.ค. มาเป็นวันที่ 17 พ.ค. และขยับไปวันที่ 20 พ.ค. เลื่อนไปเรื่อย ฉันจะเดินทางไปหัวหินเพื่อถวายคืนพระราชอำนาจ"

ตรงนี้ผมถอดความได้ว่า พุทธอิสระได้บีบให้คุณสุเทพพามวลชนไปล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งอาจจะเกิดการการปะทะกับฝ่ายผู้กุมอำนาจรัฐ จนมีประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากถึงขั้นนองเลือด ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ใช่หรือไม่

และพุทธอิสระว่า "ในช่วงนั้นฉันก็ประสานกับทหารอย่างหลวมๆ ไว้ในระดับต้นแล้วว่ามันจะไปอย่างใดแบบไหน"
ตรงนี้ผมถอดความได้ว่า พุทธอิสระได้ประสานงานกันกับคสช.ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ใช่หรือไม่

พุทธอิสระว่า "...เราก็พยายามบอกลุงกำนัน โทร.ไปเตือน ก่อนหน้าที่จะปฏิวัติหนึ่งวัน ฉัน โทร.ไปบอกลุงกำนันว่าทหารเขาจะทำแล้วนะ ลุงกำนันบอกว่าถ้าทหารจะทำก็อยู่ข้างหลังผม ถามว่ามีทหารที่ไหนที่เขาจะโง่ขนาดนั้น ที่ไปอยู่หลังลุงกำนัน เราก็เลยบอกว่า วิธีการของลุงกำนันที่จะให้ได้รัฐบาลที่มาจากสมาชิกวุฒิสภา มันไม่น่าจะได้ข้อยุติหรอก เพราะขบวนการของตระกูลชินมันฝังรากลึกในทุกระบบ องคาพยพสังคมไทย ภาคประชาชนมือเปล่าๆ ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้ทหารจัดการเถอะ แต่ลุงกำนันก็ยังเชื่อในอำนาจประชาชนอยู่ เราก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนี้ไม่น่าถูกต้องหรอก คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้"

ตรงนี้ผมถอดความได้ว่า นอกจากที่พุทธอิสระจะไม่เชื่อในเรืองการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นแนวทางสันติวิธีของคุณสุเทพ เพราะเชื่อในแนวทางการทำรัฐประหารของคสช.แล้ว พุทธอิสระได้แสดงตนว่า เป็นคนวงในของการทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถึงขนาดที่ทราบหมายกำหนดการณ์เวลาล่วงหน้า ก่อนการทำการรัฐประหารหนึ่งวัน และพยายามแย่งการเผด็จศึกรัฐบาลยิ่งลักษณ์กับคุณสุเทพ โดยต้องการผลักให้คุณสุเทพหลีกทางไปให้พ้น จากแนวทางทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ของ คสช. ใช่หรือไม่

ดังนั้นโดยสรุป สามารถกล่าวได้ว่าท้ายที่สุดแล้ว พุทธอิสระเป็นคนในทีมของ คสช.ที่ออกมาเคลื่อนไหวกับภาคประชาชน โดยอาศัยผ้าเหลืองบังหน้า มีการประสานกับ คสช.ตลอดเวลาถึงขนาดที่ทราบหมายกำหนดการณ์เวลาล่วงหน้า ก่อนการทำการรัฐประหารหนึ่งวัน อีกทั้งมีการบีบให้คุณสุเทพพามวลชนไปล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากการที่อ้างว่า ถ้าไม่ออกพาคนไปล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตนเองจะเดินทางไปหัวหินเพื่อถวายคืนพระราชอำนาจ นั่นหมายถึงว่า คุณสุเทพอดได้รับรางวัล จากการยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่เป็นคำลวงเพราะ แค่พระกับผู้ชุมนุมส่วนน้อยจะสามารถถวายคืนพระราชอำนาจได้อย่างไร ซึ่งหากคุณสุเทพออกพาคนไปล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์(หลงกลพุทธะอิสระ) อาจจะก่อให้เกิดการการปะทะกับฝ่ายผู้กุมอำนาจรัฐ จนมีประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากถึงขั้นนองเลือด และจะส่งผลให้เกิดความชอบธรรมต่อการทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ของ คสช. ใช่หรือไม่

พุทธอิสระจะให้คุณสุเทพพาคนไปตาย แล้วใช้ศพปูพื้นเพื่อให้คสช.เหยียบ เข้ายึดอำนาจรัฐ ใช่หรือไม่
เครดิต คุณก้องค่ะ

ปานเทพ โพสFBบอกผู้จัดการเป็นสื่อรายเดียวที่กล้าวิจารณ์การเมืองโดยไม่กลัวโดนปิด


สื่อรายเดียวที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอย่างไม่กลัวโดนปิด โดย บัญชา-คามิน : กระแสความนิยมของรัฐบาลเผด็จการทหารกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว มาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ
1. ไม่ใช้อำนาจสะสางกวาดล้างการทุจริตอันใหญ่หลวงให้เป็นที่ประจักษ์
2. ไม่แสดงความจริงใจในการปฏิรูปพลังงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
3. ปิดปากสื่อ คุกคามสื่อ ลุแก่อำนาจ

ครม.ไฟเขียวขึ้นเงินเดือนข้าราชการ

ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ล่าสุด ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นให้ 3 แสนราย

ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ล่าสุด ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นให้ 3 แสนราย
ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ล่าสุด ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นให้ 3 แสนราย

ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ล่าสุด ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นให้ 3 แสนราย
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์  @Pacharapapon

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ล่าสุด ครม. ไฟเขียวปรับค่าครองชีพขึ้นให้ 3 แสนราย ข้าราชการชั้นผู้น้อยได้รับค่าครองชีพชั่วคราวรวมกับเงินเดือน 10,000 บาท ส่วนผู้ที่เงินเดือนเกิน 10,000 บาท ปรับขึ้นไม่เกิน 13,285 บาท 

            วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2557) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติปรับเพดานเงินเดือนขั้นสูงจาก 12,285 บาท เป็น 13,285 บาท และอนุมัติปรับเพิ่มเงินค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำที่บรรจุ หรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่กำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งต้องใช้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี และทหารกองประจำการ จากอัตราเดือนละ 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนแล้วต้องไม่เกินเดือนละ 13,285 บาท และกรณีที่มีรายได้ไม่ถึงเดือนละ 10,000 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นอีกจนถึงเดือนละ 10,000 บาท 

         โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ครอบคลุมข้าราชการและลูกจ้างกว่า 3 แสนคนทั่วประเทศ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อปี

ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ล่าสุด ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นให้ 3 แสนราย

ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ล่าสุด ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นให้ 3 แสนราย
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์  @Pacharapapon

ครม.เห็นชอบแผนร่วมมือ'จีน'ทำรถไฟรางคู่



"พล.อ.ประยุทธ์" นายกฯ ระบุครม.เห็นชอบแผนร่วมมือ "จีน" ทำรถไฟรางคู่

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า วันนี้กระทรวงคมนาคมเสนอแผนพัฒนาระบบรถไฟรางคู่เข้ามาเพื่อดำเนินการจัดทำทางรถไฟใหม่โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีความร่วมมือกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน ซึ่งเรื่องรถไฟเป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงภูมิภาคที่เราต้องการเชื่อมโยงไปสู่อนาคตในเส้นทางที่วางแผนไว้ก็มีหลายเส้นทาง เท่าที่มีการพูดคุยกับหลายประเทศก็มีหลายประเทศที่สนใจในแต่ละเส้นทาง โดยจีนสนใจเส้นทาง 1435 จากหนองคายลงมามาบตาพุด ซึ่งเป็นความร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ซึ่งที่ประชุมก็ให้ความเห็นชอบ และต่อไปจะมีการตกลงและหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะดำเนินการให้เร็ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าไทยกับจีนมีความร่วมมือระหว่างกันด้วยดีที่มีความร่วมมือกัน2เรื่อง อีกเรื่องคือเรื่องที่จีนจะซื้อผลผลิตทางการเกษตรของไทยจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นของขวัญคนไทยและโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีต่อกันมา40ปี แต่ส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของรถไฟแต่อย่างใด

ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีรับมรดก และการรับให้ ทรัพย์สิน ยกเว้นมรดกไม่เกิน 50 ล้านบาท

ทำเนียบฯ 18 พ.ย.-ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีรับมรดก และการรับให้ ทรัพย์สิน ยกเว้นมรดกไม่เกิน 50 ล้านบาท คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน โดยเสนอสภา สนช.พิจารณาประมาณ  3  เดือนและจะให้เวลาประชาชนปรับตัว
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การรับมรดก และแก้ไขประมวลรัษฎากรการรับ ให้ โดยกำหนดนิยมการรับมรดกเกิดขึ้นเมื่อผู้คอบครองทรัพย์สินเสียชีวิตเท่านั้น โดยยกเว้นให้กับการโอนมรดกไม่เกินมูลค่า  50 ล้านบาท ส่วนที่เกินนำมาคำนวณไม่เกินร้อยละ 10  โดยยังคับใช้เฉพาะทรัพย์สินที่มีการจดทะเบียน เช่น หุ้นในตลาดหุ้น เงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้พันธบัตร ที่อยู่อาศัย ที่ดิน โดยให้ประเมินในราคาปัจจุบันของทรัพย์สิน ส่วนอัญมณี ทองคำ เงินสด หุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ไม่นับรวมเป็นมรดก
นายประสงค์ กล่าวว่า การยกเว้นภาษีมูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไปจะครอบคลุมผู้มีรายได้ปานกลางที่ยังอยู่ในข่ายให้ความช่วยเหลือ  ส่วนผู้มีทรัพย์สินเกินกว่านั้น ถือว่าเป็นคนกลุ่มน้อยและมารายได้สูง  ซึ่งรัฐบาลต้องการให้เสียภาษีและดูแลสังคมเพิ่มเติม
สำหรับข้อยกเว้นในการเสียภาษีมรดก คือ การเสียชีวิตก่อนร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน โดยเสนอสภา สนช.พิจารณาประมาณ 3  เดือน และเมื่อกฎหมายผ่านสภาหลังประกาศแล้ว 3 เดือนจะให้เวลาประชาชนปรับตัว การรับมรดกจาก สามี ภรรยา จะได้รับการยกเว้น เพราะถือว่าเป็นสินสมรส การรับมรดกสามารถนำไปหักลบกัยภาษีหนี้สินแล้วจึงคำนวณภาษี การรับมรดกสามารถผ่อนชำระภาษีได้ในระยะเวลา 5 ปี แต่หลังจากเกิน 2 ปี จะเสียเงินเพิ่มบ้างเล็กน้อย การรับมรดกจะนับเป็นรายบุคคล เช่น จาก พ่อ 30 ล้านบาท รับจากแม่ 40 ล้าน จะไม่นับรวมเป็น 70 ล้านบาทเพื่อคำนวณภาษี 20 ล้านบาท การมอบมรดกให้มูลนิธิ หรือเพื่อสาธารณะกุศล ไม่เสียภาษี ขณะนี้ยอมรับว่ามีการโอนทรัพย์สินไปต่างประเทศ หรือการตั้งมูลนิธิเกิดขึ้นจำนวนมาก ครม. จึงเร่งรัดให้กระทรวงการคลังทำความเข้าใจกับประชาชน และกระทรวงการคลังต้องออกกฎหมายลูกเพิ่มเติมอีก  16 ฉบับ เพื่อนำออกมาบังคับใช้และยกเว้นการจัดเก็ยภาษ๊
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ครม.เห็นชอบแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากรรับ ให้ ของกรมสรรพากร  เพื่อจัดเก็บภาษีในการรับให้ทรัพย์สินในช่วงมีชีวิต โดยพ่อ แม่ มอบที่ดิน สิ่งปลูกสร้างให้กับลูก  ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท  ไม่ต้องเสียภาษี รวมถึงบุพการี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มอบทรัพย์สินให้กับลูกหลานไม่เกิน 10 ล้านบาทไม่ต้องเสียภาษี ส่วนเกินนำมาคำนวณภาษีร้อยละ 5  โดยผู้รับมอบทรัพย์สินเป็นผู้เสียภาษี สำหรับผู้อื่นมอบทรัพย์สินให้บุคคลต่าง ๆ  ส่วนที่เกิน 5 ล้านบาทให้นำมาคำนวณภาษี  หากมอบให้กับองค์กรสาธารณะอื่น  มูลนิธิ จะได้รับการยกเว้น
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นในที่ประชุม ครม.ว่าร่างภาษีดังกล่าวอาจส่งผลให้ผู้มีทรัพย์สินจำนวนมากเกิดความไม่พอใจ  พฤติกรรมการออมเปลี่ยนแปลงจากปัจุบันเช่น โอนไปต่างประเทศ หรือสะสมมรดกในรูปแบบอื่นที่ไม่เสียภาษี เช่น ทองคำ อัญมณี เพชรพลอย ยอมรับว่าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเพื่อลดการเหลื่อมล้ำ  แต่การจัดเก็บภาษีย่อมมีต้นทุนดำเนินการ และอสังหาริมทรัพย์อาจมีการโอนส่วนมากก่อนกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ .- สำนักข่าวไทย

รูปถ่ายนายทหารกล้าทั้ง 9 นาย

รูปถ่ายนายทหารกล้าทั้ง 9 นาย ซึ่งจะใช้วางหน้าหีบศพเหล่าทหารกล้า
ทบ.ปูนบำเหน็จ 7 ขั้น พร้อมเลื่อนยศให้ทั้ง 9 นายทหารที่เสียชีวิตครั้งนี้
ขอแสดงความเสียกับครอบครัวเหล่านายทหารกล้าทุกๆท่านด้วยครับ
.
รายชื่อนักบินและผู้โดยสารใน ฮ.ตก 9 นาย ดังนี้ 
1.พล.ต.ทรงพล ทองจีน รอง มทภ.3(2) (ตท.16) ผู้โดยสาร
2.พ.อ.กิตติ สุวรรณเจริญ (ตท.31) ผู้โดยสาร
3.พ.อ.ยุทธพงษ์ เพื่อนฝูง (ตท.31) ผู้โดยสาร
4.พ.ท.วุฒิศักดิ์ สุนทรสุข (ตท.35) ผู้โดยสาร
5. พ.ท.มานิต สุรเสนา - นักบิน1 นชท.21
6.ร.อ.วรพงษ์ (ตท.46) -นักบิน 2
7.จ.ส.อ.อนันต์ ชมเชียงคำ ผู้โดยสาร
8.จ.ส.อ.พิรุณ - ช่างเครื่อง
9.จ.ส.อ.สมภพ - ช่างเครื่อง นชท.43

บิ๊กตู่ ฉุน โดนถาม เรื่องบริษัท69 ที่ซื้อที่ดินมรดกนายกฯ 600 ล้าน สวน "ไม่ใช่เรื่องของคุณ

บิ๊กตู่ เกือบ ปริ๊ดดดด!!!!!
บิ๊กตู่ ฉุน โดนถาม เรื่องบริษัท69 ที่ซื้อที่ดินมรดกนายกฯ 600 ล้าน สวน "ไม่ใช่เรื่องของคุณเลยนะ คนอื่นถามมา ไม่มีเรื่องอื่นที่ประเทืองปัญญากว่านี้หรือไง" ส่วนบริษัทก่อตั้งเพียง 7 วันก่อนการซื้อขายเท่านั้น "ก็ไปถามบริษัทเขาสิ ถามบริษัทเขาโน่น".แจง ส่วนตัวคือส่วนตัว ประเทศชาติคือประเทศชาติ ...โต้ ถึงเป็นนายกฯ ยังมีสิทธิส่วนบุคคลเป็นประชาชนคนหนึ่ง

ที่หน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมครม.ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหารไปกดดันผู้บริหารสื่อ ThaiPBS พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมไม่เคยพูดว่ากดดันนะ ไม่มีใครกดดัน ไปพูดคุยกับผู้บริหารดีๆ มันกดดันตรงไหน เขียนให้มันดีๆ หน่อย"

เมื่อถามว่า กรณีที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเรียกร้องให้ทบทวนประกาศคสช.ฉบับที่ 97 และ 103 เนื่องจากกระทบกับการทำงานของสื่อมวลชน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่ทบทวน"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่บริษัท 69 พรอพเพอตี้ ที่ซื้อที่ดินของบิดาของพล.อ.ประยุทธ์ในราคา 600 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่ใช่เรื่องของคุณเลยนะ คนอื่นถามมา ไม่มีเรื่องอื่นที่ประเทืองปัญญากว่านี้หรืออย่างไร"

เมื่อถามว่ามีกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีเจริญพันธ์เข้าที่ประชุมครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ยังไม่มี กำลังปรับแก้กันอยู่ เรื่องบางเรื่องอย่าเพิ่งเอาไปเป็นอารมณ์ ถ้ายังไม่ออกมา ก็อย่าเพิ่งพูด มันเป็นการหารือเท่านั้น บางทีบางกระทรวงแค่เตรียมคุยเรื่องกฎหมายก็ไปเอามาพูด ก็ตกใจกันไปหมด มันต้องเข้าครม.ก่อน หากทักท้วงก็ต้องนำกลับไปแก้ใหม่ หลายเรื่องพอกลับไปแล้วก็นำกลับเข้ามาใหม่ ใจเย็นๆ อะไรที่จะเกิดผลกระทบให้คนไม่พอใจมันก็ต้องมีบ้าง เพียงแต่ว่าเป็นคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อย คนมีรายได้มากหรือรายได้น้อย เราก็ต้องลดความเหลื่อมล้ำ ให้ความเป็นธรรม ดูแลคนรายได้น้อย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพราะฉะนั้นเวลาคิดนั้นให้คิดโยงกันทั้งหมด อย่าไปคิดทีละชิ้น มันจะไปไม่ได้ มันจะค้านไปหมด ติดประเด็นไปหมด
"พูดเรื่องประเทศชาติ วกกลับมาเรื่อง 69 พรอพเพอตี้ มันเรื่องอะไรของคุณ ผมไม่เข้าใจ"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่บริษัทดังกล่าวมีการก่อตั้งเพียง 7 วันก่อนการซื้อขายเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ไปถามบริษัทเขาสิ ถามบริษัทเขาโน่น"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ในประเทศคือในประเทศ ส่วนตัวคือส่วนตัว ประเทศชาติคือประเทศชาติ เอาอย่างนี้แล้วกัน มันจะได้ไม่หงุดหงิดใส่กัน ขอร้องนะ ถ้าคนไม่พยายามละเมิดซึ่งกันและกันเนี่ย มันก็โอเค สิทธิส่วนบุคคลผมมีอยู่นะ ไม่ใช่ผมเป็นนายกฯแล้วจะยังไงกับผมก็ได้ ไม่ใช่ ผมก็เป็นประชาชนนะ ผมก็มีสิทธิปกป้องตัวเองเหมือนกัน โอเคไหม"

ฮ.212เสี่ยงเคยวั่งโละซ่อมปี54

(ข้อมูลข่าวพ.ศ.2554)กรณี ฮ.เบลล์212 เคยตก ปี54 ที่เพชรบุรี และมีคำสั่งห้ามใช้ เข้าอู่ซ่อมทั้งหมด ช่วง พล.อ.ประยุทธ เป็น ผบ.ทบ.
////
เพชรบุรี - ช็อก!! เฮลิคอปเตอร์เบลล์ 212 ตกอีกเป็นลำที่ 3 ขณะบินไปรับศพนายทหารทั้ง 7 นายที่ประสบอุบัติเหตุแบล็กฮอว์กตกเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานทหารบาดเจ็บ 1 นาย เสียชีวิต 3 นาย เป็นนักบิน และช่างเครื่อง ขณะที่ ผบ.ศบบ.คาดสาเหตุที่ตกเกิดจากใบพัดหางขัดข้อง ล่าสุดมีคำสั่งเคลื่อนย้ายร่าง ที่ 3 -5 ของแบล็กฮอว์ก เปลี่ยนจากเฮลิคอปเตอร์เป็นรถของทหารแทนล่าสุด ผบ.ทบ.ยันจำเป็นใช้ ฮ.ปฏิบัติภารกิจต่อ เผยได้สอบถามช่างเครื่องที่บาดเจ็บพบว่า เครื่องยนต์ดับพร้อมกัน 2 เครื่อง ทำให้ศูนย์เสียการบังคับ เครื่องจึงตกกระแทกพื้น และเกิดระเบิดขึ้น 
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.ค.54) เมื่อเวลา 09.35 น. เฮลิคอปนเตอร์รุ่นเบลล์ 212 ได้ตกที่บริเวณหมู่ 7 บ้านหนองเกตุ อำเภอแก่งกระจาน ขณะบินไปรับศพนายทหารทั้ง 7 นายที่ประสบอุบัติเหตุแบล็กฮอว์กตกเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่ามีไฟลุกไหม้ที่ตัวเครื่องด้วยก่อนที่จะตก
       
       มีรายงานว่า มีทหารบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.อ.พัฒนพร ต้นจันทร์ เป็นช่างเครื่องสังกัดกองบินปีกหมุน และมีผู้เสียชีวิต 3 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ธีรวัฒน์ แก้วกมล นักบินที่ 1 ร.ท.บูรณา หวานใจ นักบินที่ 2 และ จ.ส.อ.วิเชียร จันทร์พัฒน์ ช่างเครื่อง ทั้งนี้ บนเครื่องมีทหารทั้งหมด 4 นาย
       
       ด้าน เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินกล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวได้บินขึ้นเพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ จากนั้นขาดการติดต่อเป็นเวลานานกว่า 10 นาที ต่อมามีรายงานว่าเฮลิคอปเตอร์ประสบอุบัติเหตุตกในพื้นที่ป่า โดยจุดที่เฮลิคอปเตอร์ตกอยู่ห่างจากค่ายฝึกการรบพิเศษแก่งกระจานราว 5 กิโลเมตร
       
       ขณะที่ พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวยืนยันว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ประสบเหตุเมื่อช่วงสายที่ผ่านมาเป็นรุ่นเบลล์ 212 เป็นลำเดียวกับที่บินลำเลียงศพ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ และนายศรวิชัย คงตันนิกูล ช่างภาพข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 กลับไปยังค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี เมื่อวานนี้ แต่เป็นนักบินคนละชุดกันที่เดินทางมาสนับสนุนภารกิจกู้ศพวันนี้ โดยเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวมีทิศทางบินมาจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ค่ายฝึกการรบพิเศษแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
       
       พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องตกว่า เกิดจากการสูญเสียการบังคับหมุนไปทางขวาคุมเครื่องไม่ได้ และอาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบเหตุอุบัติเหตุที่เครื่องตก
       
       ขณะเดียวกัน พล.ต.พิทยา กระจ่างวงศ์ ผู้บัญชาการศูนย์การบินทหารบก ประเมินสาเหตุเฮลิคอปเตอร์แบบเบล 212 จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ว่าน่าจะมาจากใบพัดหางขัดข้อง ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
       
       ทั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในการเคลื่อนย้ายร่างที่ 3-5 ของเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก ที่ต้องรอร่างอื่นๆ ด้วยที่จะไปยังค่ายสุรสีห์ โดยเปลี่ยนจากเฮลิคอปเตอร์เป็นรถของทางทหารแทน
       
       ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์เบลล์ 212 ตก ล่าสุดได้รับรายงานจากช่างเครื่องที่รอดชีวิตบอกว่า เครื่องยนต์ดับพร้อมกัน 2 เครื่อง ทำให้ศูนย์เสียการบังคับ เครื่องจึงตกกระแทกพื้น และเกิดระเบิดขึ้น แม้อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกต่อเนื่องเป็นลำที่ 3 ในภารกิจนำร่างทหารที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ แต่ผู้บัญชาการทหารบกยังยืนยันว่า มีความจำเป็นที่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในภารกิจต่อไป เนื่องจากระยะทางไกลและยากลำบากในการเดินเท้า ซึ่งต้องใช้เวลาหลายวัน พร้อมย้ำถึงการปฏิบัติภารกิจที่ต้องใช้ความระมัดระวังอยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุซ้ำ
       
       ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์รุ่นเบลล์ได้ตกซ้ำอีกเป็นลำที่ 3 แล้ว โดยก่อนหน้านี้เฮลิคอปเตอร์รุ่นฮิวอี้ได้ตกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. มีนายทหารเสียชีวิต 5 นาย หลังจากนั้นอีก 3 วัน เฮลิคอปเตอร์รุ่นแบล็กฮอว์กได้ตกอีกเป็นลำที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 นาย
       
       ส่วนความคืบหน้าของการลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์รุ่นแบล็กฮอว์กตกก่อนหน้านี้ ได้เพิ่มเติมอีก 3 ราย มายังค่ายฝึกการรบพิเศษแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทำให้ในขณะนี้ยังเหลือร่างผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกลำเลียงมาทั้งหมดภายในวันนี้ ขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกลำเลียงมาเข้าสู่ขั้นตอนของการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามกำหนดการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและบำเพ็ญกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กตกทั้ง 9 ราย จะดำเนินการพร้อมกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอคอยความสำเร็จในการลำเลียงศพผู้เสียชีวิตที่เหลืออีก 7 ราย จากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มายังโรงพยาบาลค่ายสุรนารี จ.กาญจนบุรี เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ก่อนที่จะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
       
       รวมถึงการลำเลียงผู้ที่เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเช้า โดยอาจจะมีการลำเลียงศพมาประกอบพิธีพร้อมกันในวันพรุ่งนี้ และญาติจะนำศพไปประกอบพิธีต่อยังภูมิลำเนา
       
       ขณะที่กำลังพลของกองพลทหารราบที่ 9 ได้จัดเตรียมสถานที่และซักซ้อมพิธีการในการที่จะประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ โดยมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบกจะเดินทางมาร่วมงานในวันพรุ่งนี้
       
       และเมื่อช่วงสายวันนี้ พ.ท.หญิง ปริยานุช เรืองศรี ภรรยาและครอบครัว รวมถึงญาติสนิทของ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ได้มีการทำบุญถวายภัตตาหารเพลให้กับพระสงฆ์ เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับ พล.ต.ตะวันและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้
////
(ประสบการณ์ช่างภาพเขียนผ่านบล็อค)

... เรื่องเล็กน้อย ( แต่ ) ยังไม่ลืม!!!! ครั้งหนึ่งบนฮ.เบลล์ ( Bell 212 ) ...

... ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับบุคลากรของกองทัพบกและช่างภาพข่าว ททบ.5 จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วยฮิวอี้ - แบล็กฮอว์ก และ เบลล์ 212 ตกขณะปฏิบัติหน้าที่กลางผืนป่าแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ติดชายแดนไทย - พม่า ทำให้นักบินและช่างเครื่องเสียชีวิต ถึง 16 นาย รวมถึงพลเรือนอีก 1 ราย ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่าน ได้สร้างความเศร้าสะเทือนใจให้แก่คนไทยทั้งประเทศอย่างใหญ่หลวง ....
... จนกองทัพบกออกคำสั่งห้ามนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นปฏิบัติภารกิจชั่วคราว โดยเฉพาะ ชนิดเบลล์ 212 ที่ใช้งานประจำอยู่กว่า 20 ลำ ถูกระงับนำมาใช้งานทั้งหมดเพื่อนำเข้าโรงงานซ่อมเช็คสภาพความพร้อม เพื่อป้องกันเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก
... หลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเฮลิคอปเตอร์ ไม่ว่าจะเกิดจากสภาพอากาศขณะในนั้น หรือสภาพความพร้อมของเครื่องยนต์ มักจะมีการสูญเสียตามมาอย่างใหญ่หลวง และคำถามที่มักได้ยินบ่ิอยมากคือ เครื่องบางรุ่น ใช้งานมานานแสนนานควรเลิกใช้ นำไปโยนทะเลทำบ้านให้ปลาได้แล้ว และซื้อเครื่องใหม่มาทดแทน เพื่อลดสภาพความเสี่ยงของนักบินและช่างเครื่องขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่เรามักจะได้รับคำตอบที่ซ้ำๆซากๆอยู่เสมอนั่นคือ ...

... ไม่มีงบประมาณ !!!!!!!! ..............



... สุดท้ายต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ " นักบิน " และ " ช่างเครื่อง " 4-5 นายที่ประจำเฮลิคอปเตอร์แต่ในละลำ

น้ำมันเยิ้ม น็อตหลุด ....

ลูกแมวเข้าไปอยู่ในเครื่องยนต์หรือไม่ !!!..

พวกเขาต้องรู้หมด พลาดไม่ได้เพราะนั่นหมายถึงชีวิต รวมถึงผู้โดยสารที่เดินทางร่วมไปด้วย ...
... พูดไม่ไกลเกินจริงทั้ง นักบิน และ ช่างเครื่อง ของกองทัพไทย เป็นบุคคากรทางการบิน ที่เก่งและยอดเยี่ยมที่สุดกว่าใครๆไม่เว้นแม้ ประเทศเจ้าของผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ที่เราไปซื้อมา  !!!........
... สมกับเป็นมหาอำนาจทางทหาร ที่ทรงแสนยานุภาพลำดับที่ 19 ของโลก ......
... ไม่เข้าใจอยู่อย่างนึง พอเกิดเหตุร้ายขึ้นมาในแต่ละครั้ง เรามักได้ยินถ้อยคำของนักนิยมการใช้ภาษา ว่า ...

  " ถึงเครื่องจะเก่า แต่นักบินใหม่ " ไปเสียฉิบ .....

แม้จะเป็นเพียงแค่การสับพยอก แต่นั่นหมายถึงอาการ " เจ็บลึก " หากเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาจริงๆ ...



... เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เฮลิคอปเตอร์บางรุ่นที่กองทัพยังใช้งานอยู่ในปัจจุบันใกล้ปลดระวางเต็มที แถมหาอะหลั่ยใหม่ๆมาสับเปลี่ยนยากเย็นแสนเข็ญ แต่ก็ยังสามารถนำเครื่องขึ้นบินปฏิบัติภารกิจได้ ....
... นั่นไม่ใช่เพราะความสามารถของ " นักบิน " และ " ช่างเครื่อง " หรือ .....

และที่สำคัญที่สุดก็คือ ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้สั่งสมกันมาจนหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันระหว่าง คนกับเหล็กบินได้ .....

... มันเป็นเรื่องที่เศร้า มาก เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพวกเขาขณะปฏิบัติหน้าที่
   เพราะมันคือหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติ ...



... จากประสบการณ์ของตนเองครั้งหนึ่ง เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะนั่งเฮลิคอปเตอร์ รุ่น เบลล์ ( Bell 212 ) ของหน่วยบิน ฉก.อโณทัย กองทัพภาคที่ 4 ขึ้นสำรวจพื้นที่ ที่เพิ่งถูกน้ำป่าหลาก ภูเขาถล่มใส่บ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ตามเชิงเขาพนมเบญจา อ.เขาพนม จ.กระบี่ เพื่อบันทึกภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น  เพราะไม่มีความสามารถเหาะไปได้ด้วยตัวเอง แม้ความรู้สึกลึกๆ จะไม่นิยมความสูงเอาเสียเลย จากความหลังที่เคยตกจากการปีนหน้าผา ( จำลอง ) ที่ภูเก็ตจนส้นเท้าแตก และพลัดตกต้นไม้เมื่อครั้งยังเด็ก ...



... แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธตัวเองได้เลย เมื่อจำเป็นต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์
   ไม่ใช่เพราะความอยาก !!!
    แต่มันก็เป็นหน้าที่เช่นกัน ในฐานะที่เป็นสื่อ ฯ ...

ที่ชอบสอดรู้สอดเห็น
    และ ชาตินี้ คงไม่มีปัญญาที่จะซื้อเฮลิคอปเตอร์มา เป็นสมบัติส่วนตัวได้  ..



... วันนั้นฝนตกหนักตลอดตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เมื่อฝนซา ฟ้าเริ่มเปิด เวลาประมาณสี่โมงเย็นกว่าๆ ฮ.เบลล์ 212 ลำดังกล่าวก็ยกตัวขึ้น หน้าสนามหญ้าเทศบาลตำบลเขาพนม มุ่งสู่เขาพนมเบญจาจุดเกิดเหตุภูเขาถล่ม ตลอดระยะเวลาที่อยู่บน ฮ.ก็ได้บันทึกภาพไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ทันถึงที่หมายบริเวณที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด จู่ๆฝนก็ตกลงมาอีก ....



...  ทำให้นักบินและช่างเครื่องต้องตัดสินใจ นำเครื่องบินกลับจังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะเป้าหมายเดิม ภารกิจได้สิ้นสุดที่นั่น ซึ่งตลอดการเดินทางบนอากาศขณะนั้นฝนได้ตกลงมาเป็นระยะๆ นักบินต้องใช้ประสบการณ์และความสามารถอย่างสูงในการบินลัดเลาะหลบสายฝน และกลุ่มเมฆ หมอกที่หนาทึบ ลัดเลาะไปตามเหลี่ยมเขา



... หลายครั้งที่นักบินพยายามดึง ฮ.ไต่ระดับขึ้นสูงเพื่อให้พ้นจากสายฝนที่กระหน่ำลงมา แต่ด้วยข้อจำกัด สมรรถภาพของ ฮ.เบลล์ 212 สู้ฮ.แบล็กฮอว์กไม่ได้ ทำให้นักบินและช่างเครื่องตัดสินใจ หาที่ปลอดภัยลงจอดชั่วคราว แต่สภาพพื้นที่ไม่อำนวยเนื่องจากยังเป็นป่าเขา จึงได้แต่ประคองเครื่องเพื่อให้พ้นภาวะวิกฤติในขณะนั้น ...



... เมื่อเข้าสู่พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เริ่มมองเห็นทุ่งนา นักบินเริ่มสอดส่ายและบังคับเครื่องลดระดับลงมา ฝูงควายที่กินหญ้าอยู่กลางทุ่งต่างตกใจวิ่งหนีกันอลหม่าน  ผู้ที่มองเห็นเหตุการณ์จากพื้นล่าง ต่างออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม ฮ.ลำนั้นถึงบินวนไปมา อยู่เหนือหลังคาบ้านเขาอยู่หลายรอบแล้ว ..
สุดท้ายนักบินก็สามารถนำเครื่องลงจอดที่สนามฟุตบอลโรงเรียนจุฬาภรณ์วิทยา อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ได้โดยปลอดภัย เป็นเวลาใกล้พลบค่ำและน้ำมันเฮลิคอปเตอร์ใกล้จะหมดพอดี ...



... ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงพอทราบข่าว ว่ามีเฮลิคอปเตอร์มาลงจอดใกล้บ้านเขาโดยมิได้นัดหมาย ต่างหอบลูกจูงหลาน ฝ่าสายฝนและสนามฟุตบอลที่แฉะเหนียวหนึบติดเท้าเนื่องจากโรงเรียนเพิ่งเอาดินลูกรังมาถม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับบรรดาไทยมุงทั้งหลาย เด็กๆหลายคนขึ้นไปนั่งเล่นบน ฮ.ด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน ขณะที่พ่อแม่ ควักกล้องมือถือออกมาจากชายพก ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก 
... บางคนก็นำเข้ามาสอบถามสาเหตุ การนำเครื่องลงจอดที่นี่ด้วยความเป็นห่วง ....
... ซึ่งเราก็ได้รับความกระจ่างจากนักบิน พร้อมๆกับชาวบ้านที่กำลังล้อมมุงดู ฮ.เบลล์ 212 ลำดังกล่าว



... " เครื่องลงตามสภาพอากาศ ไม่ได้ลงฉุกเฉิน "....
เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในเวลานั้น โดยอาศัยประสบการณ์และชั่วโมงบินที่สะสมมากว่า 1,000 ชั่วโมง
เขาได้อธิบายเพิ่มเติมว่า หากเป็นการนำเครื่องลงฉุกเฉิน แสดงว่าเครื่องยนต์มีปัญหา และต้องทำรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ...
... ครั้งนี้ถือเป็นการนำเครื่องลงตามปกติ และยังสามารถบินไปถึงที่หมายลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ค่ายวชิราวุธได้ แต่ก็ไม่ควรเสี่ยง เพราะไม่รู้ว่าความแปรปรวนของสภาพอากาศข้างหน้าจะเลวร้ายกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ อีกทั้งน้ำมันใกล้จะหมดเนื่องจากนำเครื่องออกบินนอกเส้นทางการบินขณะไปวนอยู่เหนือยอดเขาพนมเบญจา ..
... คนที่โล่งใจที่สุดไม่แพ้นักบินและช่างเครื่อง คงหนีไม่พ้นผู้ที่โดยสารมาด้วย เนื่องจากไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน...