PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561

ไอ้คนไม่มีผม...เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย

"บิ๊กตู่" บอกรายได้ประเทศเพิ่มขึ้น ซัด"ไอ้คนไม่มีผม"ชอบพูดบิดเบือน ขู่เรียกมาคุยอีก!
6ก.ย.2561 - ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการรับฟังการแถลงผลการศึกษาสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวปอ.รุ่นที่ 60 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายดอน ปรมัติถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ผู้นำเหล่าทัพ ร่วมงาน
โดยในตอนหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าว ขอให้ไปเลือกตั้งและขอให้ได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย มีธรรมาภิบาลจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องต่อว่าสถาบันพระปกเกล้า เราต้องให้ได้รัฐบาล พรรคและส.ส.ที่ดี วันนี้ใครจะไปดูด ดึงก็ว่ากันไป เพราะการเมืองไทยเป็นแบบนี้ แต่ขอให้นึกถึงประชาชนด้วย เพราะเขายังไม่รู้เลยว่า การกาบัตรใบเดียวนั้นเป็นอย่างไร ที่จะได้ส.ส.และนายกฯมาอย่างไร ขนาดโครงการไทยนิยม เกษตรแปลงใหญ่ บางคนยังไม่รู้เลย ดังนั้น คนที่ชิงพูดก่อนก็ได้ประโยชน์ วันนี้รายได้ของประเทศสูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ไม่มีใครพูดถึง ลืมกันไปหมด อย่างจีดีพีของประเทศวันนี้โตถึง 4.8 แต่ก็มีบางคนบิดเบือน บอกว่าเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวล้มเหลว บอกว่าก่อนปี 2557 เศรษฐกิจโตกว่าร้อยละ 4
“มันจะบ้าหรืออย่างไร ไอ้นี่ความจำเสื่อม พูดผิดไปหมด เพราะก่อนปี 2557 โตแค่ร้อยละ 0.9 ไอ้คนไม่มีผม รู้ใช่หรือไม่ว่าคือใคร ไม่มีผมแต่ชอบพูด ฝากรองนายกฯด้วย (มองไปที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ) เผื่อจะเรียกมาคุยอีก แต่คงเบื่อแล้ว เรียกมาก็กลับไปพูดอีก ที่ผ่านมาเรียก 15 ครั้งแล้ว เรียกจนเบื่อ กลับไปก็กลับไปก็ไปพูดอีก” นายกฯ กล่าว
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากด้วยว่าอย่ามาขัดแย้งกัน เพราะมันไม่ได้ ก็มองว่าประเทศไทยเป็นยังไงอยู่ มีประชาธิปไตยอย่างไร เราจะเป็นประชาธิปไตยต่อไปอย่างไร จะทำประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ได้อย่างไร เรากำลังสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็งขึ้น มันไม่ได้พัง ไม่ได้ล้มเพราะตนยึดอำนาจจากรัฐบาลหรือจากนายกฯคนก่อน เพียงแต่ดูแลให้เรียบร้อย ใครรังเกียจขอให้ยกมือขึ้น
อย่างไรก็ตามคาดว่าคนที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง คือนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ออกมาวิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อนหน้านี้
///////////////

“บิ๊กป้อม” สั่ง ทำลายเส้นทางการเงิน”นักค้ายาเสพติด”ตัวพ่อ ให้สิ้นซาก

ไม่เอาไว้!!
“บิ๊กป้อม” สั่ง ทำลายเส้นทางการเงิน”นักค้ายาเสพติด”ตัวพ่อ ให้สิ้นซาก ให้ ถึงที่สุด แฉมีขบวนการแอบแฝงเบื้องหลัง เผย ทีมผลิต ใช้สารเคมีตัวใหม่ วอนประชาชนจับตา จนท.รัฐ ยัน หากเกี่ยวข้อง ไม่เอาไว้!!
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกห. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานสถานการณ์ยาเสพติดภาพรวม
พบมีการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น จากสารเคมีตัวใหม่แทน สารเคมีเดิม ที่ถูกสกัดกั้น และมีการลักลอบนำเข้าในปริมาณที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยยาไอซ์ถูกลักลอบไปจำหน่ายทางภาคใต้ ก่อนจะออกไปประเทศที่สาม ขณะที่ยาบ้าร้อยละ 80 กระจายจำหน่ายในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล
สำหรับความร่วมมือจากภาคประชาชน พบประชาชนตื่นตัวและเชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น โดยร่วมแจ้งเบาะแสกับหน่วยงานในพื้นที่และส่วนกลางมากขึ้น
พล.อ.ประวิตร กำชับฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ให้ประสานกับหน่วยงาน ปปส.ในพื้นที่ ขยายผลจากความร่วมมือทางการข่าวกับประเทศเพื่อนบ้าน รุกทำลายเป้าหมายแหล่งผลิตยาเสพติดนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งให้คงเข้มมาตรการสกัดกั้นและเฝ้าระวังตามแนวชายแดน รวมทั้งติดตามเส้นทางลำเลียงและแหล่งพักยาใหม่ โดยให้เปิดปฏิบัติการกวาดล้างร่วมกันในทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่องกันไป.
ขณะเดียวกัน ให้ประสานกับ ปปง. ติดตามและขยายผลทางลับ เชื่อมโยงทำลายเครือข่ายเส้นทางการเงินนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมทั้งขบวนการแอบแฝงที่อยู่เบื้องหลังให้ถึงที่สุด
พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำ ถึงข้อมูลชุมชน ที่ได้รับแจ้งจากภาคประชาชนมากขึ้น ทั้งทางเปิดและทางลับ ถึงตัวการจำหน่ายและเครือข่ายยาเสพติดทั้งในชุมชนเมืองและชนบท ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในทุกพื้นที่ ถือเป็นหน้าที่ต้องเข้าปฏิบัติการกวาดล้างทันที โดยไม่ยกเว้น
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนร่วมติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐไปด้วยกัน หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง “ยืนยันไม่เอาไว้ และ ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด”

สามมิตร ผิดมั้ย?

สามมิตร ผิดมั้ย?
“บิ๊กป้อม”โยน กกต.ดู “สามมิตร”ผิดมั้ย ? พาว่าที่ผู้สมัคร หาเสียง”ชัยภูมิ” ชี้ ยังไม่ได้สังกัดพรรค แต่ทำอะไร ก็อย่าผิดกม. เผยจับตา โซเชียลมีเดีย เตือน อะไรที่ผิดกฎหมาย ที่บิดเบือน ทำไม่ได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเผยแพร่ภาพการเคลื่อนไหวของ”กลุ่มสามมิตร”ที่นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาธิการฯ พาบุคคลที่กลุ่มฯต้องการผลักดันให้เป็นผู้สมัครส.ส.ขึ้นแห่ปราศรัยที่จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ ไม่ทราบเรื่อง ซึ่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการกำกับดูแล และตอนนี้กลุ่มดังกล่าวก็ ยังไม่สังกัดพรรคการเมือง
เมื่อถามว่าการกระทำลักษณะนี้ของกลุ่มสามมิตรสามารถทำได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “มันจะไปทำได้อย่างไร
โดย ผมคงไม่ต้องไปกำชับอะไรกกต. เพราะเขารู้ดีกว่าผม ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งการเปิดโอกาสให้โฆษณาหาเสียง กกต.ก็ต้องไปดูว่าจะมีการกระทำผิดที่ใดหรือไม่
เมื่อถามว่า หากถึงเวลาคลายล็อค เต็มที่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงต้องเข้มงวดอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่จะทำอะไร ก็อย่าให้ผิดกฎหมาย จะไปตีกันไม่ได้ เรื่องความขัดแย้งไม่เอา
ส่วนข้อกังวลการหาเสียงที่โจมตีกันไปมานั้น ตนยังไม่รู้ว่าใครจะโจมตีใคร สื่อฯคิดเอาเองว่าจะมีการโจมตีอย่างนั้น อย่างนี่
ขณะที่การเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียนั้น เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบและจับอยู่แล้ว อะไรที่ผิดกฎหมายที่บิดเบือนไม่สามารถกระทำได้ทั้งนั้น

“เด็กนราธิวาส”ถาม“นายกฯบิ๊กตู่"เหนื่อยมั้ย??!!

เหนื่อยมั้ยคะ??!
“เด็กนราธิวาส”ถาม“นายกฯบิ๊กตู่"เหนื่อยมั้ย??!! เปรย หายเหนื่อยทันที ยัน อยากแก้ปัญหาใต้ให้สำเร็จ /ปลุก เด็ก18 ปี ชายแดนใต้ ไปเลือกตั้ง บอกขอให้คิดเหมือนลุง ถึงรู้ว่าควรเลือกใคร เผยได้รัฐบาลไม่ดี อย่ามาโทษ”ลุง”นะ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ต้อนรับคณะผู้บริหารสำนักงานศาลยุติธรรม ที่นำเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 
ในโครงการ "เยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน" รุ่นที่ 6
พล.อ.ประยุทธ์เปิดโอกาสให้เด็กๆสอบถามข้อสงสัย โดยมีเด็กผู้หญิงจากนราธิวาสคนหนึ่ง ถามนายกฯ ว่าทำงานเหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า ก็ค่อนข้างเหนื่อยเหมือนกัน ตอนนี้มีคนห่วงใย ผมหายทันที
สิ่งที่ทำวันนี้ต้องการกำลังใจเท่านั้น ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ผมไม่ต้องการให้คนมารัก แต่ขอให้รักประเทศของท่าน รักครอบครับ รักพ่อแม่รักแผ่นดินเกิดของท่านแผ่นดินเกิดแผ่นดินตาย ในเมื่อท่านเกิดประเทศไทยแล้วจะต้องตอบแทนอย่างไร
หลายคนบอกว่า เราไม่รวย ไม่อะไรต่าง ๆ แต่อย่างน้อยเรามีที่ยืนเสรีที่เป็นประเทศของเราประเทศที่ไม่เคยเป็นของใคร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแต่เราจะหาประโยชน์และคืนกลับไปได้อย่างไรนั่นคือแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ทางบ้านเรา ฉะนั้นเราต้องทำให้ได้
นายกฯ กล่าวว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ท้อแท้เหน็ดเหนื่อยนายกฯก็"มีแต่เพียงว่าต้องทุ่มเทสร้างแรงศรัทธาของตัวเองขึ้นมาว่าสิ่งที่เราทำมันดีถูกต้อง ทบทวนตลอดเวลาตรงนี้ต้องแก้ไขหรือไม่หลังจากที่ฟังประชาชนมาถ้ามันไม่ใช่ก็ต้องแก้ไขปรับปรุง รัฐบาลเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าทำแล้วต้องเกิดระโยชน์กับเราเกิดประโยชน์กับนายกฯหรือเกิดประโยชน์กับคนในรัฐบาล มันไม่ใช่ประโยชน์ที่ทำในวันนี้ ใครจะมาบริหารบ้านเมืองก็ตามจะต้องตกกับประชาชนและประเทศชาตินั่นคือสิ่งที่ต้องตั้งไว้กับตัวเองเสมอมา ใครก็ตามและวันหน้าก็เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ส.ส. นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น ขอให้ลองดูเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญวันข้างหน้าจะออกมาอย่างไร อยู่ที่พวกเราทุกคน
นายกฯได้ถามเด็กๆที่เข้าพบว่าอายุเท่าไหร่กันแล้ว เด็กๆตอบว่า 17-18 ปี จากนั้นนายกฯ กล่าวว่าต้นปีหน้าจะมีการเลือกตั้งใครอายุ 18ไปเลือกตั้งทุกคน อะไรต่างๆ ขอให้คิดอย่างที่ลุงคิด เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราควรจะเลือกใคร เลือกอย่างไร
ฉะนั้น รัฐบาลจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่เรา โทษใครไม่ได้. และจะโทษลุงอีกไม่ได้ ถ้าวันหน้ามันตีกันวุ่นวายอีกจะโทษลุงไม่ได้เพราะลุงก็แก่แล้ว และได้ทำมาให้แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันต่อไป
นายกฯ กล่าวว่าขอบคุณสิ่งที่ถามมาใครบังคับให้ถามหรือเปล่าไม่ต้องนะถ้าอยากจะอะไรกับลุงก็ว่ามา ไม่ต้องไปเตรียมการปรบมือ ไม่เอาไม่ชอ

จับ CSI LA สะเทือนถึงใคร?

ยังไม่จบ....... 
      เรื่องสาวอังกฤษอ้างถูกมอมยาข่มขืนที่ "เกาะเต่า" แต่ไปแจ้งความที่ "เกาะพะงัน" ตำรวจไม่รับแจ้ง นั่นแหละ
      เมื่อวาน (๕ ก.ย.๖๑) "พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล" รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว บอก
      ขณะนี้ จับแล้ว ๑๑ คน!
      จากทั้งหมด ๑๓ คน ที่ "ศาลจังหวัดเกาะสมุย" อนุมัติหมายจับ ตอนนี้ คุมตัวไว้ที่ สภ.เกาะเต่า
      ยังเหลืออีก ๒ 
      และ ๑ ใน จำนวน ๒ คือ "แอดมินเพจ CSI LA"
      "นายประมุข อนันตศิลป์" หรือ เดวิด อายุ ๔๑ ปี
      พื้นเพคนเสม็ด ชลบุรี ปัจจุบันถือสัญชาติอเมริกัน อยู่สหรัฐฯ
      แต่โปรดเข้าใจ ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ผู้ต้องหาคดีวางยาข่มขืนสาวอังกฤษ
      หากแต่ตำรวจกล่าวหา "นายประมุข" เจ้าของเพจ CSI LA ว่า
      "นำเรื่องเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน และหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา ฯลฯ"
        ส่วนอีก ๑๒ คน เป็นลูกเพจ
      นำข้อความที่นายประมุขโพสต์ ใน CSI LA ไปแชร์ต่อ!
      CSI LA นี่.........
      ดังตอนแฉนาฬิกา "ริชาร์ด มิลล์" ของพลเอกประวิตร และเน้นเสนอเรื่องฉาวประเทศ
      เรื่องสาวอังกฤษที่เกาะเต่า
      สรุปเบื้องต้น "ไม่มีการวางยาข่มขืนเกิดขึ้นจริง" ตามที่เพจ CSI LA เผยแพร่
      ฟังนายประมุขให้สัมภาษณ์ "คุณสุทธิชัย หยุ่น" หลายวันก่อน เขาอ้าง
      ไม่ได้ทำผิด คดียังไม่จบ สงสัยจับแก้แค้นที่เขาแฉเรื่องนาฬิกาเพื่อน
      ข่าวนั้น เขาเอาจากที่ "เดลิเมล์" กับ "เดอะ ซัน" ของอังกฤษลงข่าว โดยแม่ของสาวอังกฤษเป็นผู้ให้ข่าว
      ครับ.....
      "จะผิด-ไม่ผิด" ยังสรุปไม่ได้ การจับเป็นเพียง "ข้อกล่าวหา" ของตำรวจ
      ในเมื่อนายประมุข มั่นใจว่าตัวเอง "ไม่ผิด"
      ต้องการยืนยันสิทธิในการนำเสนอข่าวสารเป็นจริงเพื่อสังคมได้รับความยุติธรรมเช่นนั้น
      "นายประมุข" ควรกล้าสู้-กล้าพิสูจน์ ตามกระบวนการกฎหมาย อันเป็นกติกาสังคมรวม
      การหลบไปสหรัฐฯ แล้วโก่งคอขัน.........
      "เอามาเสนอให้คนไทยฟัง ไม่คิดมอบตัวอยู่แล้ว บ้านเมืองเป็นปกติแล้วจะกลับไปต่อสู้"
      ฟังดู มันเท่นะ
      แต่ประโยคแบบนี้ มันคุ้นๆ หู ว่าพวกสถุลไหนมันชอบยกมาอ้างประจำ!?
      นอกจากเพจ CSI LA ของนายประมุข ยังมีอีกเว็บไซต์ที่เน้นเสนอเรื่องให้ฉาวประเทศ
       คือ "สมุยไทม์"
      เมื่อ ๓๑ สิงหา "ศาลจังหวัดเกาะสมุย" ก็อนุมัติหมายจับ "นางซูซาน บัชอะนาน" คนอังกฤษ วัย  ๔๘ ปี เจ้าของเว็บ
      ข้อหา "นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์"
      โพสต์เรื่องสาวอังกฤษทำนองเดียวกัน
      "ปิดเว็บ" เปิดแน่บไปซุกอยู่ไหน ยังตามไม่เจอ!    
      เจตนาที่หยิบเรื่องนี้มาพูด ประเด็นแรก ขอชมว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ "กัดติด" ดี
      แสดงถึงว่า คดีนี้ ตำรวจตรวจสอบชัด มั่นใจแล้ว เรื่องวางยาข่มขืนสาวอังกฤษ
      "ไม่จริง"
      สาวอังกฤษวัย ๑๙ นางนั้น กุเรื่องเท็จขึ้นเอง ด้วย "หวังผล" บางอย่าง
      ประเด็นที่ยัง "อมความ" นี้
      ตำรวจต้องตามเค้นเอา "จริง" จากปากออกมาเคลียร์ภาพลักษณ์ประเทศให้ได้
      ไม่อย่างนั้น การกล่าวหานายประมุข CSI LA กับนางซูซาน สมุยไทม์ ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า
      เขานำข้อความเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์?
      และภาพลักษณ์ "เกาะเต่า" ก็จะมะลำมะเลืองในความเป็น "เกาะแห่งความตาย" ต่อไป
      ประเทศไทย จะเป็นประเทศไม่ปลอดภัยต่อการท่องเที่ยว เป็นทัศนคติยังล้างไม่ออกต่อไป
      ส่วนประเด็นที่กล่าวหา ไปแจ้งเรื่องข่มขืนแล้วตำรวจไม่รับแจ้ง แค่ลงประจำวันประเด็นของหาย นั้น
      เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติทางกฎหมาย ตำรวจควรชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ
      คือการข่มขืนรายนี้ ไม่ใช่เหตุเกิดเฉพาะหน้า ที่จะแจ้ง-ไม่แจ้ง ตำรวจต้องจัดการได้ทันที
      เหตุ "ข้ามวัน-ข้ามคืน" แล้ว ไม่เป็นเหตุจำเป็น "อยากแจ้งที่ไหนก็แจ้ง"
      เหตุเกิดที่ไหน ก็ต้องแจ้งท้องที่นั้น นี่เป็นระเบียบปฏิบัติ
      เหตุเกิดเกาะเต่า แต่แจ้งเกาะพะงัน ตำรวจแนะนำให้ไปแจ้งในท้องที่เกิดเหตุ ก็ถูกแล้ว
      การให้ตำรวจท้องที่หนึ่ง ข้ามไปทำคดีในอีกท้องที่หนึ่ง ทำอย่างนั้นได้หรือไม่ได้
      ระดับ "ยิ่งลักษณ์ไอคิว" ยังตอบได้เลย ไม่ต้องอธิบาย!
      แต่ที่ว่า คดีของหายหรือลักทรัพย์อะไรนั่น สามารถรับแจ้งได้ นั่นก็ใช่
      เพราะของหาย มันอ้างได้ ไม่รู้หายที่ไหน ถูกลัก-ถูกขโมยที่ไหน?
      ดังนั้น รู้ตัวเมื่อไหร่-ที่ไหน ก็แจ้งได้ที่นั้น อย่างใบขับขี่หาย บัตรประชาชนหาย แจ้งโรงพักไหนก็ได้
      มันเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ตำรวจเป่าคดีหนัก รับแต่คดีเบา อย่างที่ยุแยงให้คนฟังหลงเชื่อตาม
      เห็นว่า สาวไปแจ้งตำรวจสากลที่อังกฤษ และรับคดีไว้ เอาเสื้อที่อ้างมีคราบอสุจิคนร้ายติดอยู่ไปตรวจพิสูจน์แล้ว
      สาธุ.....
      ขอให้จริงเหอะ ตรวจดีเอ็นเอจากคราบอสุจิได้ผลอย่างไร พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ รีบติดต่อให้ส่งผลมาเลย
      ถ้าเป็นดีเอ็นเอยุโรป ก็ให้เธอเก็บไว้เป็นที่ระลึก
      แต่ถ้าเป็นดีเอ็นเอคนอาเซียน จะได้นำมาเป็นหลักฐานสืบสาวราวคดีกันต่อ
      ที่สำคัญ ตำรวจสากลจะทำไง เธออ้าง ถูกข่มขืนตั้งแต่เดือน มิ.ย.๖๑
      ถึงตอนนี้ ผ่านไปร่วม ๓ เดือน........
      ส่งเธอไปตรวจ จะเหลือคราบไคลเจ้าของดีเอ็นเอเป็นหลักฐานเร้อ?
      ประเด็นที่ ๒ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ควรต้องตามเรื่องท่านกงสุลใหญ่สถานทูตอังกฤษประจำไทยด้วย
      ว่าประสานให้สาวอังกฤษรีบเดินทางมาให้ตำรวจบันทึกปากคำไวๆ หน่อย
      มาก็...นำเสื้อเปื้อนอสุจิที่ว่านั่นมาด้วย
      การไปปาวๆ กับสื่อก็ดี ไปแจ้งความตำรวจสากลก็ดี หรือตัวไม่มา ให้แม่มาแทนก็ดี
      นั่นไม่แค่ส่อถึง "ทุจริตในเจตนา" ยังส่อถึงว่ามีเจตนาไม่ซื่อต่อเกาะเต่าด้วย
      เพราะสื่อก็ดี ตำรวจสากลก็ดี คุณแม่เธอก็ดี อยู่นอกเหตุความจริง นอกเขตกฎหมายรองรับตามกระบวนการ
      อีกทั้ง ใช่ว่าตำรวจไทยไม่ทำคดี จนต้องพึ่งตำรวจสากลแทน
      เจ้าตัวเองตะหากที่บ่ายเบี่ยง ขนาดตำรวจแบรอ ก็ยังไม่ยอมมา
      ถ้าสาวอังกฤษคนนี้ทำได้........
      สาวนักท่องเที่ยวอีกเป็นล้านๆ ก็อาจเอาบ้าง มาเที่ยวเมืองไทย กลับไปบ้านแล้ว
      ก็ไปออกข่าว ไปแจ้งตำรวจ ไปฟ้องแม่ ว่าถูกข่มขืนที่เมืองไทย ตำรวจไม่รับแจ้งความ
      เขาบรรลุเป้าหมาย ประเทศไทยชักแหง็กๆ
      ให้แจ้งความก็ไม่มาแจ้ง เอาแต่สมคบตีข่าว ว่าตำรวจเป่าคดี ว่าประเทศไทยไอ้บ้ากามเยอะ
      ถ้าเราไม่รุกต่อให้จบกระดาน........
      ในยุคสื่อสารครองโลก มัน...ในฐานะนำข้อมูลไม่ว่าจริงหรือเท็จถึงมวลชนก่อน
      "ชนะ"
      และมันผู้นั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน เผาบ้าน-เผาเมือง ยังสั่งเผาได้  
      กะอีแค่จ้างมั่วให้เป็นข่าวเผาประเทศไปเรื่อยๆ ทำไมมันจะสั่งไม่ได้?
      ก็ดูซี ทั้ง CSI LA ทั้ง สมุยไทม์ "ไทยทาส" สายอังกฤษ-อเมริกันทั้งนั้น
      ถ้าไม่มีคนจ้าง-คนสั่ง จำเป็นอะไร ต้องมุ่งมั่น-เจาะจง
      ปั่นข่าว-ปั่นกระแส กัดกร่อนประเทศ ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า เช่นนี้
      สมมุติเรื่องนี้จริง
      "กงสุลใหญ่อังกฤษ" จะอยู่เฉยอย่างทุกวันนี้ไม่ได้หรอก
      หน้าที่เขา ต้องดูแล พิทักษ์คนของเขาดุจไข่ในหิน กี่ประเทศล่ะ ในอดีตที่ถูกอังกฤษบุกยึดเป็นเมืองขึ้น
      ก็แค่เหตุ "คนของเขา" ไปถูก "มดไต่-ไรตอม" ในประเทศนั้นๆ
      แล้วกรณีนี้ ท่านกงสุลใหญ่เองก็บอก ไม่ทราบเรื่อง ทางสาวอังกฤษก็ไม่เคยมาแจ้งให้ทางสถานทูตทราบ!
      ดังนั้น การจับคนโพสต์-คนแชร์กรณีนี้ ผมเห็นด้วย ในเหตุผลว่า นี่คือ "เบาะแส" หนึ่ง
      ที่ตำรวจควรสอบปากคำ "แต่ละราย" สืบสาวจนถึง "ต้นทาง" ให้รู้ถึงความเป็นขบวนการ "ปั่นข่าว" ทำลายประเทศ
      พวก "แชร์ข่าว" นี้ ไม่สำคัญ
      "ต้นตอ-ตัวการ" ตะหาก "สำคัญ" ฉะนั้น บิ๊กโจ๊ก "อย่าให้พลาด" เชียวนะ.

https://www.thaipost.net/main/detail/16934

ปรับครม.กรณีเดียว!

ปรับครม.กรณีเดียว!



ฟอร์มเก่งของโคตรเซียนการตลาดตีปี๊บ ชิงตีกินกระแส
ในเหลี่ยมแบบที่ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ปั่นเรตติ้ง ประกาศดังๆล่วงหน้า หลัง คสช.คลายล็อกกฎเหล็กการเมือง 7–10 วัน
จะรู้ตัวคนนั่งแท่นหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ในจังหวะเปิดโพยเร็วเลย “ผู้พันปุ่น” น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.กทม เพื่อนซี้คู่หู “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย “นายใหญ่” ได้ยึดหัวหาดผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยคนใหม่ถอดด้าม
ตามฟอร์ม เพื่อไทยเร่งจังหวะ เร้ากระแสกดดัน คสช.ให้รีบปล่อยผี
โชว์ความพร้อมแชมป์เก่าเรตติ้งอันดับหนึ่ง
แต่ดูเหมือนจังหวะจะสวนทางกันเลยกับโปรแกรมที่ปรับเปลี่ยนแบบรายวัน
ล่าสุดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย แพลมไต๋ คิวปลดล็อกการเมืองอาจเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ปลายปี 2561 ตามเงื่อนไขเวลาหลังโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
ลากไปแบบยาวสุด ภายใน 90 วัน
แต่นั่นก็ยังมีเวลาเหลือเฟือ “เนติบริกร” ยืนยันไม่เป็นปัญหาสำหรับพรรคการเมืองที่จะทำนโยบายหาเสียง ก่อนลงสนามเลือกตั้งเร็วสุดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีหน้า 2562
นักการเมืองลากมา คสช.ยื้อไป ยังหาคิวลงล็อกไม่ได้
และตามรูปเกมที่มาพร้อมๆกับกระแสปลดล็อกการเมือง
ตามท้องเรื่องเป็นรอบที่ 2 รอบที่ 3 แล้ว ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องบอกปัดกระแสข่าวเลื่อนลอย
ยังไม่มีการปรับ ครม.เพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกการเลือกตั้ง
พล.อ.ประวิตร ยังบอกปัด ไม่ทราบข่าวลือที่ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกรัฐมนตรีบางคนไปเซ็นหนังสือลาออกเพื่อเตรียมลงเลือกตั้ง
เหน็บสื่อมวลชนเท่านั้นที่คิดเองและเสนอข่าวไปเอง
มีจุดเดียวที่ “พี่ใหญ่” แบะท่ายอมรับ สู้ไม่ไหวเพราะอายุ 74 ปีแล้ว
แต่ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่และหนักมาโดยตลอด และหลายนโยบายเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการปราบปรามหนี้นอกระบบ และงานด้านความมั่นคงอื่นๆ อีกทั้งปัญหาความขัดแย้ง ถือว่างานในส่วนที่ได้รับผิดชอบเสร็จสิ้นหมดแล้ว
แนวโน้ม “บิ๊กป้อม” ส่งสัญญาณ “ถอย” ชัดขึ้นตามลำดับ
แต่นั่นหมายถึงคิวโหนขบวนกับ “นายกฯลุงตู่” ในช็อตต่อไป ไม่ได้เกี่ยวกับการถอนสมอ เปิดพื้นที่ให้มีการปรับ ครม.ตามที่มีคนจ้องแห่กระแสกัน ณ ห้วงเวลานี้
ที่สำคัญจับคำพูด “นายกฯลุงตู่” ที่ออกลีลา “เด้งเชือก” ในการประกาศจุดยืนทางการเมือง
“เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว และเมื่อมีคำสั่ง ม.44 คลายล็อกการเมือง จากนั้นคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่จะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
โดยสถานการณ์ในช่วงนั้นจะเป็นผลในการตัดสินใจของผมเองว่า จำเป็นต้องอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญหรือด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถ้าจำเป็นแล้วจะเป็นอย่างไร”
แต่แปลไทยเป็นไทย ปรับจากภาษาทหารเป็นภาษานักการเมือง
เรื่องของเรื่องก็ตีตั๋วต่อผ่านนายกฯบัญชีพรรค เพื่อคุมเกมอำนาจเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ตามกติกาที่ออกแบบไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญนั่นแหละ
แต่ “ลุงตู่” เบี่ยงตัวหลบ ไม่เปิดตัวชัดๆให้โดนนักการเมืองกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง
และเมื่อเทียบมาตรฐานกับนักการเมืองที่ลากจนหยดสุดท้ายรัฐบาลรักษาการ
ฟันธงได้ ไม่มีแน่ เรื่องของการลาออก โชว์สปิริตเลือกตั้ง ให้ต้องปรับ ครม.วุ่นวาย
หมายเหตุ ถ้าจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น ตามธรรมชาติของรัฐบาลอำนาจพิเศษ
กรณีเดียวนั่นคือ มีรัฐมนตรีโดนฟันปมทุจริต ปิดฟ้าไม่มิด
และหากมีคิวนั้นจริงๆ นั่นแหละถึงจะโยงกับการแต่งตัวเตรียมเลือกตั้ง
ตามจังหวะเป็นการยกระดับเครดิตของ “นายกฯลุงตู่” ที่มีภาพโปร่งใส แบบที่องค์การต่อต้านคอร์รัปชันให้คะแนนเต็มร้อยในความตั้งใจลุยปราบโกง.
ทีมข่าวการเมือง

กลุ่มสามมิตร โต้เปิดตัวผู้สมัครชัยภูมิ แจงแค่พบชาวไร่อ้อย ไม่กังวลผิดกฎหมาย

กลุ่มสามมิตร โต้เปิดตัวผู้สมัครชัยภูมิ แจงแค่พบชาวไร่อ้อย ไม่กังวลผิดกฎหมาย


เลขา กลุ่มสามมิตร โต้เปิดตัวผู้สมัครชัยภูมิ แจง แค่รับพบชาวไร่อ้อย รับฟังปัญหาราคาตกต่ำ ลั่น ไม่กังวลผิดกม.ชี้ ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง

กลุ่มสามมิตร – เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขากลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปิดตัวว่าที่ตัวผู้สมัครส.ส.ชัยภูมิ ของกลุ่มสามมิตร โดยขึ้นรถแห่และปราศรัยแนะนำตัวกับประชาชน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ยืนยันว่าไม่ได้เปิดตัวผู้สมัคร ไม่มีการขึ้นรถแห่ปราศรัย หรือขึ้นป้ายแนะนำตัวผู้สมัคร ตามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์
นายภิรมย์ กล่าวว่า แต่ตนไปรับฟังปัญหาราคาอ้อยที่ตกต่ำเหลือเพียงตันละ 700 บาท เพื่อนำมาหารือกับกลุ่มสามมิตร ได้รับทราบและส่งต่อไปถึงรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การแก้ไข โดยใช้วิธีประกันราคาอ้อย เช่นเดียวกับการประกันราคาข้าว ส่วนบุคคลที่มีการกล่าวอ้างว่าตนไปเปิดตัวนั้นก็เป็นเพียงผู้ประสานงานระหว่างชาวไร่อ้อยและกลุ่มสามมิตรเท่านั้น
“ผมไม่ได้กังวล หรือกลัวว่าจะมีความผิดถูกยุบพรรค เพราะการลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาของประชาชน ซึ่งทำในนามส่วนตัวตามที่มีการเรียกร้องจากชาวไร่อ้อยที่เดือดร้อนต้องการให้ช่วยเหลือ และผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง จะมีความผิดอะไร” เลขากลุ่มสามมิตร กล่าว