PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ผบ.ทบ.สั่งไม่เอาผิด นศ.ปชต.ใหม่

"พล.อ.ธีรชัย" ผบ.ทบ. สั่งไม่เอาผิดกลุ่มนศ.ประชาธิปไตยใหม่ หลังฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. แค่ตักเตือน ก่อนทำบันทึกข้อตกลงร่วม

รายงานข่าวจากกองทัพบกชี้แจงว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวแกนนำ และมวลชนนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตย มายัง บก.ควบคุมสถานการณ์ กองพลทหารราบที่ 9 ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยการให้แกนนำ และมวลชนทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นการป้องกันข้อครหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ทำลายร่างกายแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเมื่อดำเนินการเสร็จก็ได้ปล่อยตัวแกนนำ และมวลชนกลับบ้านทันทีรายงานแจ้งอีกว่า
สำหรับรายละเอียดในบันทึกข้อตกลง เป็นแบบฟอร์มของฝ่ายกฎหมาย คสช. คือ 1.ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง 2.ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ โดยที่ผ่านมา กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตย เคยทำผิดในลักษณะดังกล่าวมา 2-3 ครั้ง ซึ่งคสช.สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. แต่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส) สั่งการไม่ให้ดำเนินการใดๆนอกจากว่ากล่าวตักเตือนรายงานข่าวจากกองทัพบกชี้แจงว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวแกนนำ และมวลชนนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตย มายัง บก.ควบคุมสถานการณ์ กองพลทหารราบที่ 9 ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยการให้แกนนำ และมวลชนทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นการป้องกันข้อครหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ทำลายร่างกายแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเมื่อดำเนินการเสร็จก็ได้ปล่อยตัวแกนนำ และมวลชนกลับบ้านทันทีรายงานแจ้งอีกว่า

ร้องปล่อยตัวนักศึกษา-ปชช. โดนจับกุมขณะไป'ราชภักดิ์' | เดลินิวส์

ร้องปล่อยตัวนักศึกษา-ปชช. โดนจับกุมขณะไป'ราชภักดิ์' ปชต.ใหม่ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องปล่อยตัวนศ.-ปชช. ที่ถูกจับกุมระหว่างเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ซัด ละเมิดสิทธิ์ ยันจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด 
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2558 เวลา 13:06 น. 

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ออกแถลลงการณ์ กรณี การจับกุมตัวประชาชนผู้จัดและผู้ร่วมกิจกรรม“นั่งรถไฟ ไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” ระบุว่า ตามที่ในวันที่ 7 ธ.ค.กลุ่มประชาธิปไตยศึกษาได้จัดกิจกรรม “นั่งรถไฟ ไปอุทยานราชภักดิ์ส่องแสงหากลโกง” โดยนั่งรถไฟจากสถานีรถไฟธนบุรีไปยังอุทยานราชภักดิ์เพื่อเป็นตัวแทนภาคประชาชนร่วมตรวจสอบการทุจริตในการจัดสร้างและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการดังกล่าว 

ปรากฏว่าในขณะที่ขบวนรถไฟที่จัดกิจกรรมได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟบ้านโป่งจ.ราชบุรี เมื่อเวลาประมาณ 9.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ตัดตู้รถไฟและปิดล้อมไว้เพื่อไม่ให้เดินทางต่อไปยังอุทยานราชภักดิ์ รวมถึงเข้าจับกุมประชาชนผู้จัดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดไว้และนำตัวไปยังสถานที่ที่ไม่มีการเปิดเผย 

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีความเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆครั้งที่ระบอบเผด็จการทหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้ละเมิดสิทธิลิดรอนเสรีภาพของประชาชน กิจกรรมในครั้งนี้จึงไม่ได้ประสบความล้มเหลว 

ทั้งนี้แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า ว่า ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวประชาชนผู้จัดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนโดยปราศจากเงื่อนไขภายในวันนี้หากไม่ยอมปฏิบัติตาม เราจะดำเนินมาตรการ เพื่อกดดันให้ถึงที่สุด และเราจะไม่หยุดการตรวจสอบการทุจริตแต่เพียงเท่านี้ เราจะขอตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ต่อไป จนกว่าจะได้รู้ทุกข้อเท็จจริงที่เผด็จการทหารพยายามปิดบังจากสายตาประชาชน..“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/365563

"สุเทพ"ชี้ คนตีปี๊บปม"ราชภักดิ์"หวังดิสเครดิตรบ. บอก 60ล้านบ.ก็ไม่เท่า"จำนำข้าว"เจ๊ง

วันที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18:25:57 น. มติชน


http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14494871181449487153l.jpg

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย กล่าวถึงประเด็นการเคลื่อนไหวตรวจสอบโครงการราชภักดิ์ ของคนบางกลุ่ ว่า ตนเชื่อว่า ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจ สถานการณ์ดีว่าฝ่ายที่ต้องการบ่อนทำลายความมั่นคง ทำลายความศรัทธาที่มีต่อรัฐบาล หยิบยกเอาประเด็นเรื่องอุทยานราชภักดิ์ มาขยายให้ดูเป็นเรื่องใหญ่ ความจริงแล้วการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ตนไม่ทราบว่าใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ ที่ทราบมาประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตเหมือนโครงการรับจำนำข้าวโครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านเอื้ออาทร

"การทุจริตคอร์รัปชั่น จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็เป็นเรื่องทั้งนั้น แต่เขาเอาเรื่องมาขยายผลนั้น เหมือนใหญ่กว่าโครงการรับจำนำข้าว ที่สื่อนำเสนอทุกวัน อาจจะกลบเรื่องเก่า หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ว่าเราประชาชนตั้งหลักทำใจว่าในที่สุด ก็ต้องสะสางให้เห็นข้อเท็จจริงใครผิดใครถูกก็ว่าไปตามนั้น หรือการที่มีคนบางพวกบางกลุ่มที่นำ เรื่องดังกล่าวมาล้มรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือมาทำลายความเชื่อถือของ คสช. ตนยืนยันว่าไม่เป็นผล มวลมหาประชาชน และคนไทยทั้งหลายไม่ตกลงสู่กับดักหลุมพรางนี้อย่างแน่นอน เพราะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร" นายสุเทพ กล่าว

กรรมการสอบข้อเท็จจริงอุทยานราชภักดิ์เร่งประชุมทุกวัน


โฆษกลาโหม เผยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง อุทยานราชภักดิ์ ประชุมทุกวัน ไม่มีวันหยุด เชิญกรรมการจัดสร้างมาให้ข้อมูลแล้ว ได้รับความร่วมมือดี พร้อมขอเอกสารผลประชุมกว่า20คณะมาพิจารณา ส่วนสัปดาห์หน้า เชิญบุคคลในด้านงบประมาณ มาชี้แจง เผยขอเวลาอีกระยะเพื่อความรอบคอบ เผย ประชาชน ยังหลั่งไหล เที่ยชม อุทยานราชภักดิ์ เตือนพวกเคลื่อนไหวสร้างข่าว อย่าทำลายบรรยากาศ
พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกห.เปิดเผยถึงความคืบหน้า ของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง การดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปล.กห.เป็นประธาน ในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ทะยอยเชิญคณะกรรมการที่รับผิดชอบหลักในการดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรวบรวมหลักฐาน เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งขอผลการประชุมของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการและคณะทำงานทุกคณะ ซึ่งมีมากกว่า 20 คณะ มาประกอบการพิจารณาร่วมกัน ตลอดทั้งวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏแก่สังคมร่วมกันโดยเร็ว
สำหรับในสัปดาห์ถัดไป คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ จะเชิญคณะกรรมการที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการงบประมาณในทุกกลุ่มงบประมาณที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูล เพื่อสร้างความกระจ่างในประเด็นต่างๆที่เป็นข้อกังขาของสังคมต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรรมการและอดีตกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการฯทุกท่านที่ได้รับเชิญ ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเดินทางมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ร่วมกันด้วยความเต็มใจ
"จึงขอเวลาให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ทำงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงร่วมกันในที่สุด"
ทั้งนี้ ตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากกองทัพบกว่า ประชาชนยังคงทะยอยหลั่งไหลเข้าถวายสักการะและเยี่ยมชมอุทยานราชภักดิ์ อย่างล้นหลาม เป็นที่ประจักษ์ชัดอย่างดีถึงความผูกพันและความจงรักภักดีที่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
" จึงอยากขอถือโอกาสนี้ ขอความร่วมมือต่อบุคคลบางกลุ่ม ที่พยายามเคลื่อนไหวเพื่อให้เป็นข่าวในทิศทางที่ไม่เหมาะสมต่อสถานที่แห่งนี้ ไม่ไปทำลายบรรยากาศแห่งความงดงามและความรู้สึกของประชาชนที่หลั่งไหลเข้าเยี่ยมชมและถวายราชสักการะในห้วงเวลาแห่งความสุขของคนไทยเลย" พลตรี คงชีพ กล่าว

อุทยานราชภักดิ์ปิดแจ้งซ่อม1วัน

ทหาร ยังคงปิดทางเข้า อุทยานราชภักดิ์ หัวหิน ตั้งแต่เช้า แจ้งปิดซ่อมแซม 1วัน... แม้ว่า ราว10 โมง ที่ผ่านมา ทหาร ตำรวจจะสกัด ขบวนโบกี้รถไฟ กลุ่มปชตใหม่ โดยสาร เพื่อมุ่งหน้าไปอุทยานฯ ที่ สถานีบ้านโป่ง ราชบุรี คุมตัวนักศึกษา แล้วก็ตาม ก็ยังคงไม่เปิดให้ประชาชนเข้าชม....เพราะมีประชาชน จำนวนไม่น้อย ที่อุตส่าห์เดินทางมา ในวันหยุดวันนี้ แต่อดเข้าชม..... (ภาพ จาก จส.100)


"พันเอกวินธัย"แจงจนท.คุมตัวกลุ่มปชตใหม่ เพราะเชิ่อว่า วิธีนึ้ไม่สามารถตรวจสอบ "ราชภักดิ์"ได้ แต่หวังผลทางการเมืองมากกว่า

"พันเอกวินธัย"แจงจนท.คุมตัวกลุ่มปชตใหม่ เพราะเชิ่อว่า วิธีนึ้ไม่สามารถตรวจสอบ "ราชภักดิ์"ได้ แต่หวังผลทางการเมืองมากกว่า ระบุเป็นหน้าเก่าๆ ควรรอผลสอบของคณะกรรมการฯ เผยจนท.ห่วงขัดแย้งกับคนในพื้นที่ ที่ภาคภูมิใจใน อุทยานราชภักดิ์/ ยัน ไม่มีใคร อยากให้ใครมาใช้ อุทยานราชภักดิ์ ผิดวัตถุประสงค์ ระบุ กลุ่มนศ.ปชต.ใหม่ ไม่ต้องการให้ใช้แสดงออกทางการเมือง เผยคณะกรรมการ กำลังตรวจสอบ หวั่นไปขัดแย้งกับคนในพื้นที่ ที่ภาคภูมิใจในพื้นที่ อุทยานราชภักดิ์
พันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช.และ โฆษก ทบ. ชี้แจง กรณีที่ ทหารและตำรวจ สกัดกั้นขบวนรถไฟ และคุมตัว นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ สถานีรถไฟบ้านโป่ง ราชบุรี ว่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะ จนท.เท่านั้น ที่ไม่ต้องการให้ใครมาใช้สถานที่นี้ ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างแรงยึดเหนี่ยว ผูกพันสถาบันฯกับประเทศไทยหรือคนไทย เพื่อให้คนทั่วไปได้มาเคารพสักการะ
"สถานที่แห่งนี้มีความหมายต่อคนไทยทั้งประเทศ เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนร่วมกับหน่วยงานรัฐ จึงอาจไม่เหมาะสมที่จะมีกลุ่มหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดจะมาดำเนินกิจกรรมอะไรที่ผิดวัตถุประสงค์"
"ขณะนี้สังคมส่วนใหญ่มองว่าเริ่มมีความพยายามของคนบางกลุ่มจะใช้พื้นที่ของอุทยานฯ มาเป็นเครื่องมือทางการแสดงออก โดยเฉพาะกรณี ถ้ามีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย กับการเคลื่อนไหวของ นศ. แล้วมาแสดงออกถึงความขัดแย้งกันบนพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ยิ่งดูไม่เหมาะใหญ่"
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด
กรณีการให้เหตุผลการไปอุทยานฯ ของกลุ่มนักศึกษานั้น ยังดูไม่ตอบโจทย์ในผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงต้องใช้ดุลพินิจโดยละเอียด ก่อนตัดสินใจดำเนินการ โดยเฉพาะพยายามดูว่าเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าพิจารณาจากตัวบุคคลในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีประวัติกับ จนท.มาแล้วทั้งนั้น ประกอบกับในหลายๆ องค์ประกอบแล้ว ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าอาจมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงได้
" ยืนยันว่า ระบบและกระบวนการตรวจสอบในข้อกังวลสงสัยต่างๆกำลังดำเนินไปแล้วอย่างเป็นระบบ ด้วยหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ
ถ้าต้องการข้อมูลข้อเท็จจริง มีช่องทางอื่นที่เหมาะสมกว่า และจะไม่เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย"
ยืนยันว่า การดำเนินการของ เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติอย่างสมดุลย์เหมาะสม เพื่อไม่ให้ใครหยิบไปใช้ขยายผลในมุมที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่ามีคนบางกลุ่มพยายามที่จะฉกฉวยโอกาสนี้ไปใช้ขยายผลตามมุมต่างๆ ที่ตัวเองต้องการ
อีกทั้งจากการตรวจสอบของ จนท. พบว่า เป็นคนหน้าเดิมๆ ที่ร่วมคณะไป และเชื่อว่า วิธีการ แค่การเดืนทางไปที่ อุทยานราชภักดิ์ ไม่ใช่วิธีการ ที่จะตรวจสอบ เริ่องการทุจริต ได้
อีกทั้ง น้องๆนักศึกษา ก็อาจจะไม่มีความรู้ในการตรวจสอบใดๆ ได้ โดยเฉพาะด้านงบประมาณ ดังนั้น ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ ที่กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง อยู่
ที่สำคัญคือ ทางเจ้าหน้าที่ เป็นห่วงว่า หากปล่อยให้ไปถึง อาจมีภาพของความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่ เพราะมีการข่าวแจ้งเตือนมาว่า มีประชาชนในพื้นที่บางส่วน ไม่พอใจ เพราะพวกเขามีความภาคภูมิใจ ในอุทยานราชภักดิ์ ที่มีประชาชนหลั่งไหล มาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก เพราะอาจเป็นภาพที่ไม่สวยงาม หาก มีประชาขนบางส่วน อาจขัดแย้งกับ น้องๆนักศึกษา ในพื้นที่อุทยานฯ ต่อหน้า พระบรมราชานุสาวรีย์ บูรพกษัตริย์ ทั้ง7พระองค์

"โฆษก คสช."ระบุ มีกลุ่มที่ไม่เห็นกับ นศ. จะออกไปต่อต้าน จนท.จึงต้องดูแล ไม่ให้เกิดความไม่เรัยบร้อย ขึ้น


"โฆษก คสช."ระบุ มีกลุ่มที่ไม่เห็นกับ นศ. จะออกไปต่อต้าน จนท.จึงต้องดูแล ไม่ให้เกิดควสมไม่เรัยบร้อย ขึ้น ยัน ไม่มีการกักขัง นศ. แค่พูดคุย แล้วจะส่งกลับบ้าน ขอตั้งใจเรียนให้จบ ยัน ไม่มีใคร อยากให้ใครมาใช้ อุทยานราชภักดิ์ ผิดวัตถุประสงค์ ระบุ กลุ่มนศ.ปชต.ใหม่ ไม่ต้องการให้ใช้แสดงออกทางการเมือง เผยคณะกรรมการ กำลังตรวจสอบ หวั่นไปขัดแย้งกับคนในพื้นที่ ที่ภาคภูมิใจในพื้นที่ อุทยานราชภักดิ์
พันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช.และ โฆษก ทบ. ชี้แจง กรณีที่ ทหารและตำรวจ สกัดกั้นขบวนรถไฟ และคุมตัว นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ สถานีรถไฟบ้านโป่ง ราชบุรี ว่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะ จนท.เท่านั้น ที่ไม่ต้องการให้ใครมาใช้สถานที่นี้ ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างแรงยึดเหนี่ยว ผูกพันสถาบันฯกับประเทศไทยหรือคนไทย เพื่อให้คนทั่วไปได้มาเคารพสักการะ
"สถานที่แห่งนี้มีความหมายต่อคนไทยทั้งประเทศ เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนร่วมกับหน่วยงานรัฐ จึงอาจไม่เหมาะสมที่จะมีกลุ่มหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดจะมาดำเนินกิจกรรมอะไรที่ผิดวัตถุประสงค์"
"ขณะนี้สังคมส่วนใหญ่มองว่าเริ่มมีความพยายามของคนบางกลุ่มจะใช้พื้นที่ของอุทยานฯ มาเป็นเครื่องมือทางการแสดงออก โดยเฉพาะกรณี ถ้ามีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย กับการเคลื่อนไหวของ นศ. แล้วมาแสดงออกถึงความขัดแย้งกันบนพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ยิ่งดูไม่เหมาะใหญ่"
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด
กรณีการให้เหตุผลการไปอุทยานฯ ของกลุ่มนักศึกษานั้น ยังดูไม่ตอบโจทย์ในผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงต้องใช้ดุลพินิจโดยละเอียด ก่อนตัดสินใจดำเนินการ โดยเฉพาะพยายามดูว่าเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าพิจารณาจากตัวบุคคลในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีประวัติกับ จนท.มาแล้วทั้งนั้น ประกอบกับในหลายๆ องค์ประกอบแล้ว ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าอาจมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงได้
" ยืนยันว่า ระบบและกระบวนการตรวจสอบในข้อกังวลสงสัยต่างๆกำลังดำเนินไปแล้วอย่างเป็นระบบ ด้วยหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ
ถ้าต้องการข้อมูลข้อเท็จจริง มีช่องทางอื่นที่เหมาะสมกว่า และจะไม่เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย"
ยืนยันว่า การดำเนินการของ เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติอย่างสมดุลย์เหมาะสม เพื่อไม่ให้ใครหยิบไปใช้ขยายผลในมุมที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่ามีคนบางกลุ่มพยายามที่จะฉกฉวยโอกาสนี้ไปใช้ขยายผลตามมุมต่างๆ ที่ตัวเองต้องการ
พันเอก วินธัย กล่าวว่า ทางจนท.ไม่อยากให้เกิดการเผชิญกันของประชาชน เพราะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย มีแนวโน้มจะไปแสดงออกเชิงต่อต้านกลุ่มนักศึกษาอยู่ที่บริเวณนั้นด้วยเช่นกัน
จึงต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาสามารถถูกปลุกปั่นจนอาจพัฒนาไปจนมีผลต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศได้ โดยผู้ไม่หวังดี รวมถึงขออย่าไปหลงเชื่อต่อคำยุยงของผู้ไม่หวังดี หรือบางบุคคลที่มีผลประโยชน์แอบแฝง
ทั้งนี้ จนท.ไม่ได้ควบคุมไปกักขัง จุดประสงค์หลักเป็นการควบคุมสกัดไม่ให้ไปถึงที่หมายเท่านั้น.ด้วยเหตุผลตามที่ได้กล่าวไปแล้ว แล้วจะได้นำส่งให้กลับบ้านต่อไป แต่มีการนำไปพูดคุยก่อน ยืนยันว่า ไม่มีการกักขัง
ประเทศชาติยังต้องการบุคคลากรซึ่งเป็นเยาวชนที่จะต้องเติบโตในวันข้างหน้าที่มีประสิทธิภาพ ขอให้ตั้งใจศึกษาจบออกมาเป็นกำลังสำคัญช่วยกันพัฒนาประเทศชาติต่อไป

เปิดใจแม่"จ่านิว"แกนนำนศ.

เปิดใจ “แม่จ่านิว” สิรวิชญ์ เสรีวิวัฒน์


สัมภาษณ์ความรู้สึกของแม่ นายสิรวิชญ์ หรือ “จ่านิว” นักศึกษาที่โดนรวบตัวจากการชุมนุมบริเวณหน้าหอศิลป์ ซึ่งรอคอยเป็นเวลาหลายชั่วโมงว่าเมื่อไรลูกชายจะได้ปล่อยตัว

“แม่จ่านิว” เปิดเผยความรู้สึกว่า กังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายโทรศัพท์มาแจ้งว่าให้เดินทางมา สน.ปทุมวัน

“ปกติเวลาเกิดเหตุแบบนี้ เขาจะแค่บอกให้เราทราบ แต่ไม่เคยบอกให้เรามา แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เขาให้เรามาแต่น้ำเสียงยังคงนิ่งสงบ”

“แม่กังวลมากตอนนี้ ไม่รู้เขาจะปล่อยตัวหรือไม่ และกังวลไปถึงอนาคตของเขา ไม่รู้มันจะมีผลต่อการเรียนมั้ย และนิวจะถูกให้ออกจากสถานศึกษาหรือเปล่า”

“แม่กังวลเรื่องเงินประกันที่ค่อนข้างสูง มีคนบอกตอนแรก 150,000 ลดมา 75,000 ตอนนี้ก็ 20,000 เราเป็นคนหาเช้ากินค่ำ จะหาเงินจากไหนมาประกันตัวลูก”

“คดีนี้ไม่น่าเป็นคดีร้ายแรงที่ใช้เงินประกันตัวเยอะ เขาแค่ใช้สิทธิเสรีภาพเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป เขาเป็นแค่นักศึกษาไม่ใช่อาชญากร”

แม่จ่านิวกล่าวว่า “แม่ไม่ได้สนับสนุนให้เขาเคลื่อนไหวหรอกนะ แต่ก็ไม่คัดค้าน เขาโตแล้ว เรียนอยู่ปี 4 เขาแค่ใช้สิทธิเสรีภาพของเขา และแม่เคารพการตัดสินใจของเขา”

“ถึงเขาจะเป็นฮีโร่ของคนอื่นๆ มีคนมากมายเข้ามาชมลูกให้แม่ฟัง แต่ตราบใดที่เข้ายังถูกควบคุมตัวอย่างนั้น แม่ก็ไม่รู้สึกยินดีเลย”

“แม่อยากฝากถึงเด็กๆ นิสิตนักศึกษา ว่าให้ความสำคัญกับการเรียนด้วย แม้ว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองมันเป็นสิทธิเราก็อย่าลืมหน้าที่อื่นๆ”

“อยากให้เจ้าหน้าที่เข้าใจ คดีนี้ไม่ร้ายแรง มีความผิดอื่นๆที่ร้ายแรงกว่านี้ เงินประกันสูงไป เขาไม่ใช่อาชญากร” แม่จ่านิวย้ำอีกครั้งระหว่างรอข่าวดีว่าลูกชายจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่

แม้จะยังยิ้มได้แต่รอยน้ำตาก็ยังคลออยู่ในดวงตาจากความเสียใจและเป็นกังวลว่าเมื่อไรลูกชายจะได้ปล่อยตัว ..

"บิ๊กโด่ง"สู้ยื้อศรัทธา"ราชภักดิ์"จับกระแสปรับครม.และท่าทีบ้านสี่เสา

รายงานพิเศษ
มติชนสุดสัปดาห์ 4-10 ธันวาคม 2558

http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14494777711449477820l.jpg

"บิ๊กโด่ง" สู้ ยื้อศรัทธา "ราชภักดิ์" ถอดรหัส "ใครยิ้ม" ของ บิ๊กหมู กับ บิ๊กโด่ง จับกระแสปรับ ครม. และท่าทีบ้านสี่เสาฯ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จะยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม ทั้งๆ ที่มีกระแสกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายต่อต้านรัฐบาล คสช. และพวกเดียวกันเอง

ถึงขั้นที่ บิ๊กโด่ง ระบุว่า มีคนไม่ปรารถนาดี มีคนบางคน บางกลุ่ม นั่งยิ้มอยู่ว่า สิ่งที่ได้พยายามกระทำนั้น เหมือนยิงนกได้หลายตัว และพยายามทำขาวให้เป็นดำ

พร้อมกับลั่นวาจาว่า "ลองไปคิดดูแล้วกัน เราพยายามจะทำขาวให้เป็นขาว แต่มีคนพยายามจะทำสีขาวให้เป็นสีดำ ถ้าเราปล่อยให้คนเหล่านี้ทำสำเร็จ ประเทศชาติก็จะเป็นอันตราย"

นั่นถือเป็นการส่งสัญญาณ "สู้" ไม่ถอยของ พล.อ.อุดมเดช เพื่อไม่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของคนบางกลุ่ม



แม้ว่าบิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่ในรัฐบาล และ คสช. จะเปรยๆ เรื่องการลาออกของ พล.อ.อุดมเดช ว่า ให้คิดเอง เพราะมีวุฒิภาวะ เป็นถึงอดีต ผบ.ทบ. ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ที่เปรียบเสมือนการสะกิดบิ๊กโด่งแบบเบาะๆ แล้วก็ตาม

หรืออาจจะตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณจาก พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ให้ พล.อ.อุดมเดช ลองคิดดูก็ตาม

แต่ พล.อ.อุดมเดช ก็ยังต้องอดทน สู้หน้าสังคม ไม่ว่ากระแสจะกดดันแค่ไหนก็ตาม เพราะเขารู้ว่า ถ้าลาออกตอนนี้ ย่อมถูกมองว่ามีความผิด และเรื่องอาจจะไม่จบด้วยซ้ำ และอาจลุกลามขยายวงมากขึ้นก็เป็นได้

เชื่อกันว่า พล.อ.อุดมเดช คงรอดูท่าทีจาก บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ด้วย เพราะที่ผ่านมาในการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ยิงหมัดตรงใดๆ ใส่บิ๊กโด่ง นอกจากยอมรับว่าเป็นเรื่องของคนใกล้ชิด

แต่กระนั้น นายกฯ บิ๊กตู่ มีทีท่าแข็งกร้าว ตรงที่ประกาศว่า พาดพิงใครก็จะไม่ละเว้น แม้แต่รัฐมนตรี นั่นเป็นที่มาของบัญชาให้กลาโหมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และไฟเขียวให้ ป.ป.ช. ปปง. สตง. และ ปปท. มาตรวจสอบได้ โดยให้กระทรวงกลาโหมอำนวยความสะดวก



แม้ว่าจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อการยังไม่ยอมลาออกก็ตามแต่ก็มีรายงานว่า พล.อ.อุดมเดช จะรอให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกลาโหม ที่มี บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม เป็นประธาน ได้สรุปผลออกมาก่อน แล้ว พล.อ.อุดมเดช จะตัดสินใจเรื่องการลาออก อีกครั้ง

พร้อมยืนยันว่า จะไม่แทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกลาโหม เพราะที่ผ่านมา ในส่วนคณะกรรมการของ ทบ. ตนก็แทรกแซงไม่ได้ เพราะอะไรสื่อก็คงรู้ดี และไม่ได้คุยอะไรกับ พล.อ.ธีรชัย ผบ.ทบ. เลยด้วย

โดยที่บิ๊กโด่งระบุแล้วว่า ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งไปยาวนาน ถึงเวลาก็ต้องไป ไม่ช้าก็เร็ว อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ยาว ผมจะอยู่เท่าที่จำเป็น

"ผมคิดดีทำดี ผมมั่นใจ ผมก็จะทำงานต่อไปตามปกติ เพราะเราทำด้วยความตั้งใจดี ไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากโครงการนี้" บิ๊กโด่ง ยัน

แม้ที่เห็นชัดๆ ว่าฝ่ายการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย กลุ่ม นปช. หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ที่เกาะติด จี้ให้ตรวจสอบ โครงการอุทยานราชภักดิ์ และต้องการให้ พล.อ.อุดมเดช ลาออก จนทำให้ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองแล้ว



ปัญหาระหองระแหงในกองทัพบกก็ถูกมองว่าอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.อุดมเดช และนายทหารที่ใกล้ชิด ต้องประสบชะตากรรมเช่นวันนี้

แม้ว่าก่อนหน้านี้ บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. จะแถลงผลการสอบสวนของคณะกรรมการของ ทบ. อย่างตรงไปตรงมา ตามเนื้อผ้า คือ ไม่พบการทุจริต และเอกสารหลักฐานทุกอย่างถูกต้องโปร่งใส จน พล.อ.อุดมเดช เองระบุว่า ผบ.ทบ. ได้แถลงออกมาด้วยความเป็นธรรมแล้วก็ตาม

แต่ก็โยนระเบิดกลับมาที่ พล.อ.อุดมเดช ในเรื่อง เซียนพระ กับค่าหัวคิวโรงหล่อ รวมถึงการไม่ให้มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ มาเกี่ยวข้องกับการดูแลอุทยานราชภักดิ์ หลังจากที่ ทบ. เข้ามาดูแลเต็มตัวแล้ว โดยเฉพาะการไม่รับตำแหน่งประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ที่ พล.อ.อุดมเดช จัดตั้งขึ้นมา และหวังที่จะส่งต่อให้บิ๊กหมู ให้เป็นต่อ ที่ยังถูกมองว่า ยังคงมีรอยร้าวในความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนอยู่

จนทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า ที่ พล.อ.อุดมเดช ระบุว่า "บางคน บางกลุ่ม ที่นั่งยิ้มอยู่" นั้น หมายถึงใคร ระหว่าง ฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายทหารด้วยกันเอง

เพราะฝ่ายการเมือง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามีใครเคลื่อนไหวบ้าง เพราะถือว่าเป็นจังหวะที่ได้เปรียบที่ต้องช่วงชิง เมื่อจุดอ่อน และเกิดช่องโหว่เช่นนี้

แต่ทว่า ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นนั้น ถูกมองว่าเป็นเพราะรอยร้าวที่เกิดขึ้นจาก "พวกเดียวกันเอง"

ยิ่งหากยกเอาวาทกรรมที่ พล.อ.อุดมเดช ระบุว่า "แอบนั่งยิ้มอยู่" เพราะความพยายามกำลังจะสำเร็จ นั้น หมายถึงใคร

แล้วเกี่ยวโยงใดๆ กับคำพูดของ พล.อ.ธีรชัย ผบ.ทบ. ที่คำรามในที่ประชุม และต่อหน้ากำลังพล ทบ. ในการให้นโยบายปราบปรามคนทำผิดกฎหมาย ว่า "จะมายืนยิ้ม ลอยหน้าอยู่ในสังคมไม่ได้" หรือไม่



พล.อ.อุดมเดช บอกเป็นนัยถึงคนบางคน และคนกลุ่มนี้ว่า หมายถึง "อะไรที่กำลังกระโดดลงมา ไปดูกันเอง วิเคราะห์กันดู ผมไม่ต้องการให้ร้ายใคร แล้วผมก็จะไม่ให้ร้ายใคร ขอให้ดูกันเอาเองว่าหมายถึงใคร"

แต่ที่ถูกจับตามองคือ ความเคลื่อนไหวจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพราะทั้ง พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนสนิท ลูกป๋า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็ออกมาแสดงความเคลือบแคลงสงสัยในความโปร่งใสของอุทยานราชภักดิ์ เชื่อว่ามีการทุจริต ควรต้องตรวจสอบ พร้อมจี้ให้ พล.อ.อุดมเดช ลาออกด้วยอีกแรง

ทั้งๆ ที่ พล.อ.อุดมเดช เป็นทหารเสือราชินี ที่ พล.อ.เปรม ให้ความรักเอ็นดูมาตลอด และสนิทสนมกับป๋าอย่างมากตั้งแต่ตอนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนป๋าเปรมเรียกว่า "แม่ทัพโด่ง" ไปดูแลและพบปะป๋าเปรมที่บ้านตลอด จนกระทั่งเป็น ผบ.ทบ.

นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.เปรม เดินทางไปชมอุทยานราชภักดิ์ พร้อมให้กำลังใจและชื่นชมทีมงานทุกคนมาแล้ว

แต่ทว่า นี่ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลูกป๋าออกมาแสดงท่าทีแบบนี้ เพราะมีการดึงป๋าเปรมไปสนับสนุนโครงการนี้ด้วย พร้อมๆ กับข่าวสะพัดว่า พล.อ.เปรม สนใจข่าวนี้มาก และถึงขั้นแสดงความสงสัยเช่นกัน

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของบ้านสี่เสาเทเวศร์ ไปสอดคล้องกับกระแสข่าวสะพัดในระยะนี้ ที่แม้อาจมองได้ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และ คสช. ก็ตาม แต่ก็ฉวยสถานการณ์นี้ได้อย่างน่าจับตามอง

เพราะตั้งแต่รัฐประหาร และเป็นรัฐบาลบริหารประเทศในนาม คสช. มาปีครึ่งแล้ว และถือเป็นขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุด แข็งแกร่งที่สุด ในนาม บูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี ที่เข้ามาปราบคอร์รัปชั่น จนเรื่องอุทยานราชภักดิ์ กลายเป็นช่องโหว่ ที่อาจทำให้รัฐบาลและ คสช. ซวนเซ

จนทำให้เกิดข่าวลือว่า มีนายทหารบางกลุ่มเคลื่อนไหว ในการเตรียมกำลังปฏิวัติซ้อน ล้ม คสช. ที่กำลังมีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส โดยอ้างว่ามีนายทหารระดับบิ๊กในสายวงศ์เทวัญ ลูกป๋า ที่เข้านอกออกในมาตลอด เป็นกำลังหลัก

และเป็นนายทหารที่เคยมีความขัดแย้งกับ พล.อ.อุดมเดช และนายทหารใกล้ชิดอีกด้วย แต่ทว่า หากมองไปที่ขุมกำลังที่บิ๊กทหารในสายนี้มีในมือนั้น เรียกว่า น้อยนิด ไม่เพียงพอที่จะก่อการใหญ่เช่นนั้นได้

อีกทั้งนายทหารเหล่านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของ คสช. และใกล้ชิด บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แบบเรียกว่า เป็นน้องรัก และเป็นสายตรง ที่มีส่วนช่วยทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มาด้วย

จึงน่าจะเป็นแผนเสี้ยม และสร้างความหวาดระแวงกันเองในหมู่ คสช. และนายทหารในกองทัพบกมากกว่า

เพราะขนาดบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ในรัฐบาล คสช. และพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ยังบ่นๆ ว่ามีความพยายามในการที่จะเสี้ยมให้ตนเองและนายกฯ บิ๊กตู่ ทะเลาะกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะทะเลาะเรื่องอะไร เพราะผลประโยชน์ก็ไม่มี และไม่อยากจะเป็นอะไรด้วย

โดยเฉพาะกระแสที่มีทหารบางกลุ่ม หนุน พล.อ.ประวิตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต หาก พล.อ.ประยุทธ์ ถอดใจ หรือจำเป็นต้องถอยออกไป หลังมีการเลือกตั้งในปี 2560 ตามที่ได้สัญญาไว้ แต่หากสถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบ เกิดความวุ่นวาย ก็อาจต้องหานายกฯ สำรอง นายกฯ คนนอก โดยมีการเล็งไปที่ พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้อายุ 70 ปีแล้ว

จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พล.อ.ประวิตร ต้องย้ำบ่อยๆ ในระยะหลังว่า "ผมไม่เล่นการเมือง แก่จะตายอยู่แล้ว เหนื่อยแล้ว ผมขอยืนยันว่า ผมเหนื่อยมาก"

รวมทั้งสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงอย่างมาก การเดินเหิน และความดันโลหิต ที่เกิดจากการทำงานหนัก และพักผ่อนน้อย



นี่จึงกลายเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกจับตามองว่าในที่สุดแล้วหาก พล.อ.อุดมเดช จำเป็นต้องลาออกจาก รมช.กลาโหม ในอนาคต หรือหลังผลการสอบสวนออกมาเคลียร์ทุกอย่างให้แล้วนั้น จะต้องมีการตั้ง รมช.กลาโหม คนใหม่ แทนหรือไม่ เพราะจะต้องมาช่วยงาน พล.อ.ประวิตร ที่ไม่อาจทำทุกงานได้หมด เพราะดูแลหลายเรื่อง

แม้ตอนนี้ พล.อ.ประวิตร จะยังคงยืนยันว่า ยังไม่มีการปรับ ครม. หรือ คสช. ก็ตาม แต่กระแสข่าวการปรับ ครม. ก็คลอๆ อยู่ตลอด

ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่า มีนายทหารระดับบิ๊กหลายคน ที่มีความเหมาะสม ทั้งในแง่ความสามารถ และสายสัมพันธ์ ที่จะมาเป็น รมช.กลาโหม แทน หากบิ๊กโด่งลาออกได้

ทั้งการย้าย บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล จาก รมว.แรงงาน มาเป็น รมช.กลาโหม เพราะเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่ทำงานเข้าขา รู้ใจกัน แต่ทว่า ก็เป็นการลดระดับบิ๊กบี้ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการ มาก่อน

หรือ บิ๊กเบี้ยว พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข อดีต เสธ.ทบ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ร่วมวางแผนรัฐประหารด้วยกันมา ที่เกษียณราชการไปแล้ว

รวมทั้ง บิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร อดีต ผบ.สส. เพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บิ๊กตู่ดึงมาเป็นบอร์ดคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ หลังเกษียณ ในฐานะที่ร่วมนั่งแผงแถลงยึดอำนาจรัฐประหาร ตอนเป็น รอง ผบ.สส.



แต่ที่ฮือฮาที่สุดคือ สูตร ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว ของบิ๊กตู่ ที่จะให้ บิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายวงศ์เทวัญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 มาเป็น รมช.กลาโหม โดยจะต้องลาออกจาก ทบ.

ที่จะทำให้ตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ. ว่างลง เมื่อนั้น มีข่าวสะพัดว่า นายกฯ จะดัน บิ๊กเข้ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ น้องรักดาวรุ่งบูรพาพยัคฆ์ จากแม่ทัพภาคที่ 1 มาเป็น พลเอก ผช.ผบ.ทบ. เลย พร้อมๆ กับการพร้อมเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในโยกย้ายกันยายน 2560 เมื่อ พล.อ.ธีรชัย เกษียณราชการอีกด้วย

อันเป็นไปตามแผนสืบทอดอำนาจ แผนแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการดัน พล.ท.เทพพงศ์ น้องรัก นายทหารผู้ซื่อสัตย์ เงียบ สุขุม ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. เลย แม้จะเป็น ตท.18 ที่เกษียณ 2561 เลยก็ตาม

โดยไม่ต้องรอคิวขึ้นตามสเต็ปๆ คือไปรอเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก บิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. ที่เดิมเคยถูกวางตัวในยุค พล.อ.อุดมเดช ให้เป็น ผบ.ทบ. คนต่อจากบิ๊กหมู แต่เพราะถูกพาดพิงในเรื่อง "อุทยานราชภักดิ์" ด้วย ในฐานะกรรมการมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์

แต่ก็ใช่ว่า พล.อ.พิสิทธิ์ จะหมดโอกาส เพราะหากไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องที่ไม่เหมาะสม พล.อ.ประวิตร ก็คงต้องดูแลน้องเลิฟคนนี้ แต่ในเวลานั้น ก็คงต้องถามนายกฯ บิ๊กตู่ ด้วยว่า จะโอเคด้วยหรือไม่ ที่อาจจะต้องขอให้สายราบ 11 อย่าง บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาฯ เพื่อนรักบิ๊กตู่ และ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แกนนำ คสช. ช่วยอีกแรง



แต่สิ่งที่บังเกิดขึ้นในเวลานี้ สะท้อนให้เห็นว่า มีการใช้กรณี "อุทยานราชภักดิ์" นี้ เป็นช่องทางในการกำจัดดาวรุ่งในกองทัพ ด้วยปฏิบัติการ ไอโอ ปล่อยข่าวสารออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่แม้แต่ พล.ท.เทพพงศ์ ก็ยังเกือบโดนหางเลขไปด้วย

ยิ่งเมื่อแกนนำ นปช. อย่าง ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ และ เต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมใจกันเกาะติดเรื่องนี้ ถึงขั้นถูกทหารรวบตัวเข้าค่ายทหาร สกัดไม่ให้ไปอุทยานราชภักดิ์ มาแล้ว ก็ยิ่งเป็นการปลุกกระแส แม้ทั้งคู่จะยอมลงนามในข้อตกลง ที่จะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองให้เกิดความไม่สงบอีก อันเป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่เมืองไทย ไปประชุม UN เรื่อง Climate Change ที่ปารีส ฝรั่งเศส อีกด้วย จนฝ่าย คสช. มองว่า หวังผลทางการเมือง

พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกฯ ในเวลานั้น เตือนแล้วว่า ไม่ควรไป พร้อมบอกว่าปรานี ที่ไม่เอาผิดใน ม.116 และถอนประกัน แต่ขอแค่ความร่วมมือเท่านั้น

แต่ใครๆ ก็เชื่อว่า เรื่อง อุทยานราชภักดิ์ นี้ ไม่จบง่ายๆ ไม่ว่าจะฝ่ายพรรคเพื่อไทย นปช. พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตาม ก็ยังตามติดเรื่องนี้ต่อ

เรียกได้ว่า กองทัพ รัฐบาล คสช. และ บิ๊กโด่ง ถูกรุมเร้าทั้งจากฝ่ายการเมืองภายนอก ที่ผสมโรงกับการเมืองในภายในกองทัพ ด้วยนั่นเอง แต่หารู้ไม่ว่า ศึกใน นั้น กำลังจะลุกลามบานปลาย แบบที่ไม่รู้ว่าจะจบลงแบบไหน และเมื่อใด...

ปล่อยตัว"จ่านิว"พร้อมมวลชน ค่ำนี้ หลังทำบันทึกตกลง



เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม รายงานแจ้งว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัตน์ หรือ จ่านิว สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา กลุ่มนักศึกษา  และมวลชนมายัง บก.ควบคุมสถานการณ์ กองพลทหารราบที่ 9(พล.ร.9) ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายของคสช. โดยมี พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคสช. และพ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยการให้แกนนำ และมวลชนทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการเสร็จก็ได้ปล่อยตัวแกนนำ และมวลชนกลับบ้านทันที

อาจารย์ยังเฝ้าหน้าอาคารสำนักงานพุทธศาสนา

18.15 น. เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือให้เครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ฯ และทนายจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกจากบริเวณหน้าอาคารสำนักงานพุทธศาสนาซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว นิวสิรวิชญ์พร้อมเพื่อนนักศึกษา โดยระบุว่า ปกติเวลานี้เป็นเวลาที่ไม่อนุญาตให้คนอยู่บริเวณนี้แล้ว
แต่อาจารย์บอกเจ้าหน้าที่ว่า วันนี้สถานการณ์ไม่ปกติ จึงขอรอลูกศิษย์ ซึ่งยังไม่ได้รับการปล่อยตัว

"ทูตอังกฤษ"ทวีตกรณีจนท.คุมตัวนศ.นั่งรถไฟไป"ราชภักดิ์" บอก "คิดว่ามีเสรีภาพเเล้ว"

updated: 07 ธ.ค. 2558 เวลา 17:59:55 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้เขียนข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว @KentBKKว่า 
ผมเคยหวังไว้ว่า การที่รัฐบาลอนุญาตให้มีการประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ถึง 200 คนนั้น แสดงให้เห็นถึงการผ่อนคลายมาตการจำกัดเสรีภาพทางการชุมนุมเสียอีก
พร้อม กับรีทวีตข้อความของนายนีร์มาล โกช ผู้สื่อข่าวชาวสิงคโปร์ของหนังสือพิมพ์"เดอะ สเตรทไทม์ส" ที่รายงานข่าวการควบคุมตัวสมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยศึกษาและนักเคลื่อนไหว จำนวนหนึ่งขณะร่วมเดินทางโดยรถไฟขบวน 255 ธนบุรี-หลังสวน ไปยังอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่ออ่านแถลงการณ์ชี้แจงข้อมูลโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์อย่างไม่ โปร่งใส

ทหารคุม‘จ่านิว’เบรกไป‘ราชภักดิ์’



ทหารคุม‘จ่านิว’เบรกไป‘ราชภักดิ์’
ทหาร-ตำรวจกักขบวนรถไฟ นศ.ขณะไป ‘อุทยานราชภักดิ์’ ที่สถานีบ้านโป่ง จ.ราชบุรี คุม ‘จ่านิว’ แกนนำนศ. พร้อมแนวร่วม ด้าน ‘โฆษก คสช.’ ชี้นศ.เคลื่อนไหวหวังขยายผล
7 ธ.ค. 2558 จากกรณีที่กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ร่วมกันจัดกิจกรรม จากกรณีที่กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ประกาศจัดกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” ซึ่งจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบขีรีขันธ์ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ว่าโครงการดังกล่าวมีการทุจริต ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทันทีรถไฟขบวนที่ 255 เช้าสู่สถานีบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ทหาร จทบ.ราชบุรี ตำรวจภูธรภาค 7 เเละ สห.หลายสิบนาย พากันตรึงกำลังโดยข้างตู้โดยสารที่มีนายสิรวิชญ์ เสรีวิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำประชาธิปไตยใหม่ (NDM) โดยมีเจ้าหน้าที่บางส่วนขึ้นมาเจรจาบนกับรถไฟกับนายสิรวิชญ์ เพื่อทำการเจรจาข้างล่างรถไฟ แต่ไม่เป็นผล โดยนายสิรวิชญ์กล่าวอยู่เป็นระยะว่าการเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพอันชอบธรรม
จากนั้นสถานการณ์ค่อยข้างตึงเครียด โดยเริ่มจากมีการจับกุมตัว อานนท์ นำภา ทนายความที่ร่วมกิจกรรมด้วยเเละ นักศึกษาบางคนไปยังห้องประชุมภายในสถานี ซึ่งนายสิรวิชญ์เเละผู้ร่วมกิจกรรม ได้พยายามเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทนายและ นศ. โดยผู้โดยสารคนอื่นๆที่ร่วมขบวนด้วยเกิดความสับสน เเละรอที่จะเดินทางต่อไป ทั้งนี้มีผู้โดยสารท่านหนึ่งถึงขนาดลงจากตู้โดยสารออกมาโวยวายที่ต้องอดทนรอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมาในเวลา 10.00 น. เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล เจ้าหน้าสถานีเลือกที่จะตัดตู้ขบวนที่มีกลุ่มประชาธิปไตยใหม่และผู้ร่วมกิจกรรมออกจากขบวนหลัก เพื่อให้การเดินทางของผู้โดยสารส่วนใหญ่ดำเนินไปได้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ร่วมกิจกรรม โดยหลังจากที่โดนตัดขบวนแล้วนายสิรวิชญ์ชูหนังสือพิมพ์คมชัดลึกที่มีข้อความพาดหัวใหญ่ว่า “รัฐไม่ห้าม นศ.คุ้ยราชภักดิ์” พร้อมกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลไม่ได้ห้าม แต่ทำไมตนไปที่อุทยานราชภักดิ์ไม่ได้ โดยพยายามยืนยันว่าสิ่งที่พวกตนทำไม่ได้เป็นการทำที่นอกเหนือจากกฎหมายกำหนดเลย ทั้งนี้นายสิรวิชญ์ยังคงยืนยันที่จะอยู่ในตู้โดยสารต่อไป จนกว่าเจ้าหน้าที่จะยอมปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมตัวก่อนหน้านี้ก่อนถึงจะยอมปล่อยตัว ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ชาวบ้านบริเวณสถานีรถไฟบ้านโป่งเริ่มออกมารวมตัวบริเวณตู้รถไฟ พร้อมตะโกนต่อว่านายสิรวิชญ์และผู้ร่วมกิจกรรมด้วยความไม่พอใจ พร้อมท้าทายให้นายสิรวิชญ์ลงมาจากขบวน ซึ่งนายสิวิชญ์ได้พยายามตอบกลับว่า ไม่ได้มีเจตนาทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่ตนแค่อยากไปจุดหมายปลายทางเท่านั้น
จนกระทั่งเวลา 10.30 น. เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารเจรจากับกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมสำเร็จ จึงนำตัวนายสิรวิชญ์ พร้อมผู้ร่วมกิจกรรมทั้งหมดประมาณ 60 คน ลงจากตู้โดยสาร ก่อนจะพาตัวไปยังห้องประชุมภายในสถานี โดยระหว่างทางเดินนั้น มีเจ้าหน้าที่ทหารเเละตำรวจคุ้มกันความปลอดภัยอย่างเเน่นหนาเนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นหลายคนไม่พอใจกับการทำกิจกรรมไปอุทยานราชภักดิ์ โดยเจ้าหน้าที่ห้ามผู้สื่อข่าวเข้าไปในห้องประชุมดังกล่าว
ในส่วนของการเจรจาดำเนินโดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จนกระทั่งในเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ร่วมกิจกรรมบางส่วนขึ้นรถบัสทหารคันแรกภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยขณะที่ผู้ร่วมกิจกรรมเดินขึ้นรถ ชาวบ้านได้ตะโกนส่งเสียงแสดงความไม่พอใจอยู่เป็นระยะ และออกรถไปก่อนเหลือแต่เพียงกลุ่มสต๊าฟจัดงานที่ยังคงอยู่ในห้องประชุม
จากนั้นใน 12.30 น. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายสิรวิชญ์ ขึ้นรถบัสทหารคันที่ 2 โดยนายสิรวิชญ์มีท่าทีพยายามขัดขืน จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวนายอานนท์ ออกมาตามลำดับ จากนั้นตามด้วยสมาชิกประชาธิปไตยใหม่ที่ยังเหลืออยู่ในห้องประชุม ซึ่งมีผู้หญิง 2 คนแสดงอารยขัดขืนด้วยการเกร็งตัวนอน ไม่ยอมเดินไปที่รถ จนเจ้าหน้าที่ต้องยกตัวขึ้นรถบัสไป จากนั้นรถบัสคันที่สองออกจากสถานีรถไฟบ้านโป่งในเวลา 12.45 น. โดยไม่ทราบจุดหมายปลายทาง
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถบัสที่พากลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำกระดาษขนาด A4 ปิดหน่วยสังกัดของรถบัส รวมถึงนำเทปสีดำปิดป้ายทะเบียนรถ โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามถามกับเจ้าหน้าที่ว่าจะพาผู้ร่วมกิจกรรมไปที่ไหน แต่ไม่ได้รับคำตอบ

‘โฆษก คสช.’ ชี้นศ.เคลื่อนไหวหวังขยายผล

7 ธ.ค.58 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีการดำเนินการกับนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตย ที่จะเดินทางไปเคลื่อนไหวที่อุทยานราชภักดิ์ทางรถไฟในวันนี้ว่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เเละไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ไม่ต้องการให้ใครมาใช้สถานที่นี้ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างแรงยึดเหนี่ยวผูกพันสถาบันพระมหกษัตริย์กับประเทศไทยหรือคนไทย เพื่อให้คนทั่วไปได้มาเคารพสักการะ สถานที่แห่งนี้มีความหมายต่อคนไทยทั้งประเทศ เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนร่วมกับหน่วยงานรัฐ จึงอาจไม่เหมาะสมที่จะมีกลุ่มหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดจะมาดำเนินกิจกรรมอะไรที่ผิดวัตถุประสงค์
ขณะนี้สังคมส่วนใหญ่มองว่าเริ่มมีความพยายามของคนบางกลุ่มจะใช้พื้นที่ของอุทยานราชภักดิ์มาเป็นเครื่องมือทางการแสดงออก โดยเฉพาะกรณีถ้ามีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว มาแสดงออกถึงความขัดแย้งกันบนพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ยิ่งดูไม่เหมาะใหญ่ เจ้าหน้าจำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการให้เหตุผลการไปอุทยานราชภักดิ์ของกลุ่มนักศึกษาในวันนี้ ยังดูไม่ตอบโจทย์ในผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงต้องใช้ดุลพินิจโดยละเอียดก่อนตัดสินใจดำเนินการ โดยเฉพาะพยายามดูว่าเจตนาที่แท้จริงของกล่มนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าพิจารณาจากตัวบุคคลในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีประวัติกับเจ้าหน้าที่มาแล้วทั้งนั้น ประกอบกับในหลายๆ องค์ประกอบแล้ว ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าอาจมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงได้
"ยืนยันระบบและกระบวนการตรวจสอบในข้อกังวลสงสัยต่างๆกำลังดำเนินไปแล้วอย่างเป็นระบบด้วยหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ถ้าต้องการข้อมูลข้อเท็จจริง มีช่องทางอื่นที่เหมาะสมกว่า และจะไม่เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วยส่วน การดำเนินการของ เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติอย่างสมดุลย์เหมาะสม เพื่อไม่ให้ใครหยิบไปใช้ขยายผลในมุมที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่ามีคนบางกลุ่มพยายามที่จะฉกฉวยโอกาสนี้ไปใช้ขยายผลตามมุมต่างๆ ที่ตัวเองต้องการ" โฆษก คสช. กล่าว

‘กลุ่มปชต.ใหม่’ จัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปราชภักดิ์ - ‘จ่านิว’ ถึงสถานีหวุดหวิดก่อน 5 นาทีรถออก

7 ธ.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ประกาศจัดกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” ซึ่งจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบขีรีขันธ์ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ว่าโครงการดังกล่าวมีการทุจริต โดยบรรยากาศตั้งเเต่ช่วงเช้า เวลา 06.00 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบเข้ามาดูความเรียบร้อยบริเวณสถานีรถไฟธนบุรี หรือบางกอกน้อย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากตำรวจรถไฟ และจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งการรักษาความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเข้มงวด ทั้งนี้การเดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ จะโดยสารรถไฟขบวนที่ 255 เส้นทาง ธนบุรี - หลังสวน โดยรถออกจากสถานีเวลา 7.30 น.
ต่อมาในเวลา 07.00 น. ได้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวทยอยเดินทางเข้ามายังสถานี เพื่อเตรียมขึ้นรถไฟ ทั้งนี้ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และนายศิวพร อินทรักษ์ ได้มายืนชูป้ายตรงข้ามห้องจ่ายตั๋วรถไฟ ที่มีข้อความว่า “‪#‎ทีมจ่านิว‬” และ “We shall overcome” แต่ทั้งสองคนไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ขณะเดียวกันก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่นที่จะเข้าร่วมไปในกิจกรรมด้วยการใส่เสื้อ “Coup = Corruption” พร้อมเป่านกหวีดที่มีสายคล้องเป็นลายธงชาติไทย และไม่มีเหตุวุ่นวายแต่อย่างใด
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้มีการประสานกับชุดเก็บกู้ระเบิดเข้ามาตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งโดยปกติจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้เราจะมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษ เข่น การตรวจตราบนขบวนรถ เมื่อถามว่าจะอนุญาตให้กลุ่มประชาธิไตยใหม่ดำเนินกิจกรรมจนเสร็จสิ้นหรือไม่ นายวุฒิชาติกล่าวว่า ในส่วนนั้นเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม แต่ในส่วนของการรถไฟ จะมีหน้าที่เพียงดูแลเรื่องการให้บริการ
เมื่อถามอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอประสานงานให้ขอความร่วมกับกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ยุติการดำเนินกิจกรรมหรือไม่ ผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าวว่า พื้นที่ของเราเป็นพื้นที่สาธารณะ คงจะไปห้ามคนที่ต้องการโดยสารรถไฟไม่ได้?แต่ถ้าหากมีการดำเนินการที่ทำให้ผู้โดยสารคนอื่นได้รับความเดือดร้อนก็คงจะต้องมีการขอร้องกัน
ขณะที่พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. กล่าวว่า ในการทำหน้าที่วันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากการดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยรวมถึงการจราจรโดยรอบ ซึ่งตนเป็นห่วงเรื่องของมือที่สาม และกลุ่มผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหว โดยทางเราได้ขอให้กลุ่มนักศึกษาดำเนินกิจกรรมในกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะไปไหนก็ได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งได้ประสานงานไปแล้ว
เมื่อถามว่า จากกรณีของนายจตุพร พรหมพันธ์ และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อแกนนำ นปช. ถูกควบคุมตัวระหว่างการเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ จะมีการปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แค่มาในฐานะผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยกับประชาชน เมื่อถามอีกว่าหากกิจกรรมนี้ดำเนินภายใต้กรอบกฎหมายจะไม่มีการควบคุมตัวใช่หรือไม่ พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่าหากตลอดการเดินทางไม่มีการทำผิดกฎหมายก็ไม่มีการควบคุมตัว ซึ่งตนมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของนครบาล
เมื่อถามถึงการจัดกองกำลังดูแลบนขบวนรถไฟ รองผบช.น. กล่าวว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลไม่ได้มีการจัดกองกำลังขึ้นไป แต่โดยปกติแล้วจะมีตำรวจรถไฟคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่
แล้ว ซึ่งเป็นเป็นการทำหน้าที่ตามปกติ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่าจะเป็นนครบาล ภูธรภาค และตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการประสานงานกันอยู่แล้ว ตนอยากขอร้องว่าขณะนี้บ้านเมืองต้องการบรรยกาศความรักและความสามัคคี ขอให้อยู่ในความสงบ
ต่อมาในเวลา 07.25 น. ก่อนรถไฟออกเพียง 5 นาที นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟธนบุรีด้วยทาทีเร่งรีบ และขึ้นรถไป โดยนายสิรวิชญ์ ได้กล่าวขณะที่อยู่บนตัวรถไฟว่า สาเหตุที่มาช้ากว่ากำหนด เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้นการเดินทางในรถไฟชานเมืองขบวนที่ 352 จาก จ.ราชบุรี ถึง จ.ธนบุรี กว่า 30 นาที ทำให้ตน และผู้โดยสารภายในขบวนเดินทางล่าช้ากว่ากำหนด นับว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าเกลียด และไม่ตรงกับภาระกิจในการให้บริการของการรถไฟ ทั้งนี้ตนขอวัดใจกับเจ้าหน้าที่ว่าวันนี้จะไปให้ถึงอุทยานราชภักดิ์ให้ได้ จากนั้นรถไฟออกจากสถานีธนบุรีในเวลา 7.30 น. โดยปราศจากการขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทหารสั่งหยุดขบวนรถไฟสถานีบ้านโป่ง ก่อนคุมตัวแกนนำนศ. ห้ามไปราชภักดิ์

7 ธ.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานควาามคืบหน้าของกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” ซึ่งหลังจากที่กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยศึกษาที่นำโดย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ได้นั่งรถไฟอออกจากสถานีหัวลำโพงในช่วงเช้า ล่าสุดขบวนรถไฟได้เดินทางถึงสถานีบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งมีทหารได้เข้ามาเจรจาขอให้ยุติกิจกรรม โดยมีสารวัตรทหารพยายามขึ้นไปในโบกี้ และให้นายสิรวิชญ์ลงมา แต่นายสิรวิชญ์ไม่ยอม จากนั้นจึงได้มีการควบคุมตัวนายอานนท์ นำภา ทนายความและนักศึกษาบางคนไป ซึ่งจากนั้นนายสิรวิชญ์ได้พยายามเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตัดโบกี้ที่นายสิรวิชญ์และกลุ่มนักศึกษาโดยสารมา เพื่อให้รถไฟสามารถเดินทางต่อไปได้
ทหาร-ตำรวจกักขบวนรถไฟ นศ.ขณะไป อุทยานราชภักดิ์ ที่สถานีบ้านโป่ง จ.ราชบุรี คุม จ่านิว แกนนำนศ. พร้อมแนวร่วม ด้าน โฆษก คสช. ชี้นศ.เคลื่อนไหวหวังขยายผล
KOMCHADLUEK.NET

ผู้สวมหน้ากากราว 100 คน โจมตีจุดตรวจของจีนในเขตปกครองตนเองอินเนอร์มองโกเลีย

ผู้สวมหน้ากากราว 100 คน โจมตีจุดตรวจของจีนในเขตปกครองตนเองอินเนอร์มองโกเลีย
ทางการจีนรายงานว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ (6 ธ.ค.) ที่จุดตรวจในเขตเอ๋อจิน แบนเนอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลของเขตปกครองตนเองอินเนอร์มองโกเลียของจีน โดยมีคนสวมหน้ากากราว 100 คน จู่โจมเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่และทำลายอาคารจุดตรวจก่อนจะหลบหนีไป อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุตัวผู้ต้องสงสัยจำนวนหนึ่งได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ข้อพิพาทระหว่างประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตอินเนอร์มองโกเลียกับเขตจินทาในมณฑลกานซู โดยทั้งสองฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่รอยต่อระหว่างสองเขต
หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ รายงานเหตุดังกล่าวกินเวลาราว 2 ชั่วโมง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 13 คน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ 2 คน ที่เหลือเป็นผู้เลี้ยงสัตว์และชาวนาที่เข้ามาช่วยดูแลบริเวณเขตแดน สื่อท้องถิ่นรายงานว่ากลุ่มผู้โจมตีใช้ไม้และสเปรย์พริกไทยเป็นอาวุธเข้าทำร้ายคนที่นั่น ชิงของมีค่า และจับคนเหล่านั้นมัดไว้ด้านนอกซึ่งมีอุณหภูมิที่หนาวเหน็บถึง -20 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับรถยกฟอร์คลิฟท์พุ่งชนตัวอาคารและพาหนะที่จอดอยู่ในบริเวณ
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าการโจมตีมีต้นเหตุมาจากข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างสองเขตปกครองดังกล่าว นาย หลี่ หยานปัว เจ้าหน้าที่ในท้องที่บอกว่าพื้นที่ในเขตนี้เป็นประเด็นข้อพิพาทมานานแล้ว เนื่องจากมีการร่างเส้นแบ่งเขตแดนใหม่หลายครั้งในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970
หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ รายงานว่าเคยมีเหตุปะทะกันหลายรอบแล้วระหว่างประชาชนที่อาศัยอยูในเขตปกครองตนเองอินเนอร์มองโกเลียกับมณฑลกานซู โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็มีรายงานว่ามีชายสวมหน้ากากจำนวนหนึ่งเข้าไปขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่ที่จุดตรวจดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ขับรถถอยกลับไปหลังจากเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมให้ออกไป