PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562

ไทกรชี้ ธนาธร ปิยะบุตร อนาคตใหม่ จุดตายของ คสช. ชี้แพ้ ชี้ชนะ

ธนาธร ปิยะบุตร อนาคตใหม่ จุดตายของ คสช. ชี้แพ้ ชี้ชนะ

ขบวนการจัดการกับ ธนาธร ปิยะบุตร อนาคตใหม่กำลังเดินไป ทั้งทางกฎหมาย ทั้งอำนาจรัฐ ทั้งด้านมวลชน
สามแนวทางที่กำลังเดินไป
(1)ไม่ทำอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดูเหมือน คสช. พรรคการเมืองหนุน คสช. และมวลชนหนุน คสช. จะพ่ายแพ้ทางการเมือง
(2)ใช้กฎหมาย ใช้อำนาจรัฐ จับกุม ยุบพรรค ซึ่งถ้าทำเช่นนี้ก็จะทำให้ธราธรและพรรคอนาคตใหม่แข็งแกร่งและใหญ่โตกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่า จากปรากฎการณ์ผีพุ่งใต้กลายเป็นดาวฤกษ์ จากปรากฎการณ์ฉาบฉวยกลายเป็นอมตะ เกิดการดึงดูดมวลชนอย่างมหาศาล ไม่อาจประเมินปริมาณได้
(3)เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ธนาธร ปิยะบุตร เป็นอะไรไป และเรื่องนี้ คสช. และรัฐบาล ต้องรีบเข้าไปรักษาความปลอดภัยให้กับคนทั้งสอง อย่าให้คนทั้งสองเป็นอะไรไปโดยเด็ดขาด ซึ่งหากคนทั้งสองมีอันเป็นไป ยิ่งจะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ คสช. และรัฐบาล จะเป็นเหตุให้ คสช. และรัฐบาล มีอันเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุค 14 ตุลา 2516 หรือเคยเกิดขึ้นในต่างประเทศเช่น การถูกลอบสังหารของนางเบนาสซี บุตโต ที่ปากีสถาน ทำให้เผด็จการทหารของนายพลมูชาราฟ พ่ายแพ้อย่างย่อยยับล่มครืนภายในเดือนสองเดือนเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ควรคิดวิเคราะห์เรื่องนี้ให้จงหนัก จะเลือกเดินในแนวทางใดใน 3 แนวทางข้างต้น หรือจะเลือกแนวทางที่ 4 นั้นคือ ถอดสลักระเบิดเวลาทางการเมือง
ระเบิดเวลาทางการเมืองมีอยู่สองลูก
1.การเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
2.ตัวพล.อ.ประยุทธ์
ถ้าเลือกถอดสลักระเบิดเวลาลูกที่หนึ่ง ก็ต้องทำให้เกิดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เลือกตั้งครั้งนี้ก็ต้องเป็นโมฆะไป
ถ้าเลือกถอดสลักระเบิดเวลาลูกที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องแสดงความเสียสละ ประกาศไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็จะทำให้การเมืองหลุดจากเดดล็อก ระบบรัฐสภาเดินหน้าไปได้ ประเทศไทยอาจได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่จากแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือ
ประเทศไทยอาจได้นายกรัฐมนตรีจากคนนอกที่พรรคการเมืองต่างๆให้การยอมรับ เพื่อประคับประคองให้ระบบการเมืองเดินหน้าไปได้ และจะได้ทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ปฎิรูปการเมือง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อลดความขัดแย้ง ลดความแตกแยกของคนในชาติที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ลดน้อยลง และแก้ปัญหาได้ในที่สุด
ขอให้ คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาเรื่องนี้ให้ดี
การเสียสละนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญ
ซึ่งชายชาติทหารอย่างคณะ คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นชายชาติทหารเต็มตัว
จึงไม่เป็นการยากที่จะตัดสินใจ
เสียสละเพื่อประเทศชาติ
เสียสละเพื่อประชาชน
ไทกร พลสุวรรณ
5 เมษายน 2562

“บิ๊กป้อม” ไม่ห่วง คดี“ธนาธร”จะปลุกการชุมนุม!!

“บิ๊กป้อม” ไม่ห่วง คดี“ธนาธร”จะปลุกการชุมนุม!!
สั่งดูแล วัน รายงานตัว 6 เมย. กองเชียร์พรึ่บ! เชื่อไม่วุ่นวาย ระบุ ชี้แจงได้ ก็ไม่มีปัญหา เชื่อไม่ปลุกการชุมนุม บนถนน เพราะเป็นแค่คนพวกเดียว ชี้ แค่หมายเรียกมา ชี้แจงได้ ก็ไม่มีปัญหา ยันคสช.ไม่เกี่ยวเป็นคดีเก่า 4 ปีที่แล้ว เปลี่ยนพนักงานสอบสวนมา 2 ชุด
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ. หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะมารายงานตัวกรณีได้รับหมายเรียก คดีความผิด มาตรา 116 ในวันที่ 6 เมษายนนี้ และจะมีผู้มาให้กำลังใจจำนวนมาก ว่า เชื่อไม่วุ่นวายเพราะเป็นคดีเก่า ถ้าไม่ผิด ก็ไม่เป็นไร
ทั้งนี้ เป็นเรื่องของคดีเก่า ที่ตำรวจเอามาดำเนินการ มันก็ไม่ได้ช้าอะไรเพราะเป็นเรื่องเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เปลี่ยนพนักงานสอบสวนมา2 ชุด ทำให้ใช้เวลา แต่ถ้าดูแล้วไม่มีเรื่องอะไร ก็ไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ ต้องดูแลความปลอดภัยอยู่แล้วในวันที่นายธนาธร มารายงานตัว เชื่อว่าไม่มีอะไร แค่มารายงานตัวเฉยๆ เขาก็ไปสอบถาม เป็นแค่การออกหมายเรียก
ส่วนจะเป็นจุดเริ่มต้นของการออกไปชุมนุม ของคนเห็นต่างหรือไม่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่าไม่ หรอก ไม่มี เพราะว่าอีกพวกหนึ่งไม่ได้เล่นอะไรนี่ มีแต่พวกเดียวที่เล่น อีกพวกหนึ่งไม่ได้ออกมาเล่นอะไร

ทบ.สุด ร้อน ! ฮือฮา ! ไฟไหม้ ใน บก.ทบ.ปัด โดนป่วน วางเพลิง ที่จอดรถ!



ทบ.สุด ร้อน ! ฮือฮา ! ไฟไหม้ ใน บก.ทบ.ปัด โดนป่วน วางเพลิง ที่จอดรถ!
บนลานจอดรถ ชั้น7B สันนิษฐานว่า ต้นเพลิงมาจากรถกระบะ ทำให้รถกระบะเสียหายอย่างมาก และอีก 4 คันคัน ด้านข้างเสียหาย ....เรียกรถดับเพลิง ช่วยดับ ....อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ ว่าเกิดจาก รถเก่า หรือ ระบบไฟฟ้า เมื่อ 13.37 น. โดย บิ๊กแดง พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ไม่อยู่ในบก.ทบ. แต่ไปซ้อมริ้วขบวนพระราชพิธี ที่ ทม.ร.11รอ.
ทั้งนี้ ไม่เคยเกิดเหตุไฟไหม้ ในลักษณะนี้ มาก่อน ในบก.ทบ.
พันเอก วินธัย สุวารี โฆษกทบ. ยันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่การ วางเพลิง หรือ การสร้างสถานการณ์ ป่วน จากกลุ่มใด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
เบื้องต้นคาดว่าอาจเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไปต่อพ่วงไว้ภายในเกิดชำรุดและลัดวงจร

สกัดแผนร้าย

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังอึมครึม การจับขั้วตั้งรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน ต้องชักตะพานแหงนเถ่อรอต่อไป

เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังทำงานไม่สะเด็ดน้ำ อยู่ในขั้นพิจารณาเรื่องร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้ง เพื่อแจกใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง ใบดำ ว่าที่ ส.ส.ที่มีพฤติกรรมหาเสียงผิดกฎหมาย

ยิ่งการเลือกตั้งคราวนี้ เป็นไปตามกติกาใหม่ ระบบจัดสรรปันส่วนผสม การคำนวณตัวเลข ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะเริ่มเดินหน้าได้ก็ต่อเมื่อมีประกาศรับรองผล ส.ส.ระบบเขต 350 เขต รู้คะแนนรวมแต่ละพรรคชัดเจนซะก่อน

ตามกติการัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำหนดให้การคำนวณ จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องนำคะแนนของทุกพรรคมาเป็นตัวตั้ง หารด้วย 500 เพื่อหาค่าเฉลี่ยคะแนนฐาน ต่อ ส.ส.1 คน

ก่อนเอาคะแนนฐานที่ได้ ไปหารคะแนนรวมของแต่ละพรรค เพื่อหาจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคพึงมี

ได้ผลลัพธ์เท่าไหร่ ก็ต้องเอาไปเป็นตัวตั้ง แล้วลบด้วยจำนวน ส.ส.ระบบเขตของพรรคนั้นๆ ถ้าลบกันแล้วเหลือส่วนต่างเท่าไหร่ ก็คือจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่พรรคนั้นจะได้รับเพื่อให้ครบจำนวน ส.ส.ที่พรรคนั้นพึงมี

ส่วนพรรคที่ได้ ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง เกินกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมี จะไม่ได้ ส.ส.จากระบบบัญชีรายชื่อ

เหมือนอย่างพรรคเพื่อไทย ที่คำนวณจำนวน ส.ส.พึงมี คือประมาณ 111 คน แต่ได้ ส.ส.ระบบเขตมาแล้ว 137 คน จึงไม่ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว

แต่ยังไม่จบแค่นั้น เพราะยังมีสูตรคำนวณเฉลี่ยตัวเลข ในรอบเกลี่ยคะแนนอีก 2-3 ชั้น ว่ากันถึงขั้นจุดทศนิยมตามกติการัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม ที่ต้องการให้ทุกคะแนนเสียงมีคุณค่า

จึงกลายเป็นปัญหาว่า กกต.ควรใช้สูตรไหนคำนวณจึงจะเป็นธรรมที่สุด เพราะมีกระแสข่าวพรรคเล็ก 10 กว่าพรรค ที่มีฐานคะแนนเฉลี่ยน้อยกว่าพรรคใหญ่ จะได้สะง่อม ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไปพรรคละคนสองคน

แต่ กกต.เถียงกันยังไม่ทันจบ ก็โดนประเคนข้อหาไม่เป็นกลาง เอนเอียงเอื้อประโยชน์ให้บางฝ่ายไปซะงั้น

สุดท้ายเลยต้องหาทางออกด้วยการเชิญอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาหารือถึงเจตนารมณ์ระบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อเคลียร์เรื่องสูตรคำนวณให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง

จากปัญหาสารพันในการจัดเลือกตั้ง ตั้งแต่การลงคะแนน บัตรเกิน บัตรขาด การนับคะแนนที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ จนมาถึงเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อีนุงตุงนังไปหมด

จึงเข้าทางเกมของคนบางกลุ่มที่ใช้สื่อโซเชียล ละเลงข้อมูลจริงบางส่วน ผสมข้อมูลเท็จ เพื่อทำให้ผู้คนเชื่อว่า กกต.ไม่เป็นกลาง ไม่สุจริต เที่ยงธรรม ชี้นำว่าการเลือกตั้งสกปรก เลวร้ายสิ้นดี???

ใช้วาทกรรม “ประชาธิปไตย” กับ “เผด็จการสืบทอดอำนาจ” ปลุกกระแสตอกลิ่มให้เกิดการแบ่งฝ่าย

จงใจเดินเกมเคลื่อนไหวล่ารายชื่อถอดถอน กกต. สร้างแรงกระเพื่อมในห้วงใกล้มีพิธีมหามงคลของประเทศ

จึงไม่แปลกที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่รู้ตื้นลึกหนาบางของแผนร้ายครั้งนี้ ต้องออกมากระตุกสังคมให้ตระหนักรู้เท่าทันกลเกมอุบาทว์

พร้อมส่งเสียงคำรามถึงนักการเมืองบางขั้วบางคน ที่เดินแผนสร้างความแตกแยก หวังให้เกิดม็อบปั่นป่วน

รวมทั้งปราม พวกซ้ายจัดดัดจริตที่มีแนวคิดจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้หยุดการกระทำดังกล่าว

ถึงเวลาที่คนไทยต้องคิดไตร่ตรอง จะยอมเป็นเหยื่อนักการเมืองพรรค์นี้อีกรึเปล่า???

“พ่อลูกอิน”

จุดคิวร้อนดับเกมแรง

หลากหลายปมที่เขม็งเกลียว กระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งของ กกต. ลุกลามไปถึงการเข้าชื่อยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทำ “กรรมการ” อย่าง กกต.ต้องหนีจาก พื้นที่หมู่บ้านกระสุนตก

เคลียร์ชี้แจงข้อสงสัย แจกแจงไปตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย ล้างข้อครหา จัดเลือกตั้งมอมแมม

ล่าสุดมติ กกต. เร่งล้างข้อกังขา “บัตรเลือกตั้งไม่ตรงกับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง”

สั่งโละแต้มเก่าที่สงสัยกัน แล้วเปิดการนับคะแนนใหม่ใน 2 หน่วยเลือกตั้ง ที่ จ.ขอนแก่น รวมทั้งลงคะแนนออกเสียงในบางหน่วยเลือกตั้ง ที่จังหวัดลำปาง ยโสธร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และ กทม.

โดย กกต.จะประกาศวันเลือกตั้งใหม่หลังเทศกาลสงกรานต์ แต่ต้องให้เสร็จสิ้นทันประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค.นี้

ก็ไม่รู้ว่าจะทันกับสถานการณ์หรือไม่ กับสายตาที่จับจ้อง พัฒนาการไปไกลสู่อารมณ์-ความรู้สึกที่เรียกขานกันว่า “กระแส” เขย่าเครดิตความเชื่อมั่น จะชี้แจงอย่างไรก็ไม่เข้าหูเข้าตากันแล้ว

ฝุ่นละอองขนาดจิ๋วการเมืองตลบ สภาวะบ้านเมืองอึมครึม แม้สัญญาณสำคัญเริ่มชัด

กระบวนการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล โหวตเลือกนายกฯ ที่ทุกขั้วข้างยังถือว่าอยู่ในโหมดดีเลย์แท็กติก กดปุ่ม “พอส” หยุดรอตัวเลขนิ่ง แต่ทางหลังฉากคิวขยับยังเดินหน้า ปัจจัยซ้อนเอื้อฝั่งเครือข่ายแนวร่วมพรรคพลังประชารัฐ กับคิวใหญ่ของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.

เดี่ยวไมโครโฟนแบบยิงตรงการเคลื่อนไหวบางฝ่ายบางขบวนการ โยงประเด็นร้อน ส่งตรงไปถึงคนที่เคยศึกษาเรียนรู้ตำรับตำราต่างแดน มีแนวคิดล้มล้างการปกครอง

ยิงเข้าเป้า ฮึ่มๆเป็นแนวคิด “ซ้ายจัด-ดัดจริต” เบรกเอี๊ยดกระแสร้อนไม่ให้ลาม

จากจุดโฟกัสล่อเป้า กกต. อาจไหลลามต่อไปยังเกมอำนาจมากกว่านั้น จากองค์กรนิสิตนักศึกษาที่เคลื่อนไหวขยายวงล่าชื่อเขย่า กกต. เชื่อมต่อไปยังค่ายอนาคตใหม่ที่ได้เสียงหนุนกลุ่มยังเจนฯเครือข่ายนี้

วันนี้ทั้งธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล 2 แกนนำค่ายสีส้ม เริ่มเจอ “ของจริง” ศึกชิงอำนาจการเมือง

นอกจากเรื่องค้างเก่า ปมถือหุ้นสื่อ ล่าสุดนายธนาธรโดนหมายเรียกข้อหายุยง ปลุกปั่น ช่วยเหลือผู้ก่อเหตุวุ่นวาย ตาม ป. อาญามาตรา 116 ขณะที่ “ปิยบุตร” ถูก ปอท.เรียกสอบกรณีแถลงการณ์หลังคิวยุบค่ายไทยรักษาชาติ

และข้อหาไม่เป็นทางการสำหรับ 2 แกนนำอนาคตใหม่ในเรื่องเฉี่ยวๆแหลมๆ

ในจังหวะที่ ถ้าเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า คงได้เวลาถอยออกจากสมรภูมิเสี่ยง

เริ่มใช้เคล็ดวิชาลอยตัวกันแล้วเหมือนกัน

สะท้อนจากอาการไม่นิ่งของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม่ทัพหญิงเพื่อไทย พักหลังดูจะใส่เกียร์ว่าง พร้อมกระแสข่าวลอยลม “นายใหญ่” พลิกแผน โยนชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” ในเกมชิงเก้าอี้ผู้นำ

“แม่ทัพหญิง” ส่อทิ้งทัพ เผ่นจากสมรภูมิ

พร้อมกับสภาวะปั่นป่วนในเครือข่าย ทั้งพรรคเพื่อชาติ จตุพร พรหมพันธุ์ ถอยห่างจากค่าย มีผู้สมัครบุกทวงค่าใช้จ่าย สถานการณ์ในทางเดียวกับพรรคปวงชนไทย

สัญญาณไม่สู้ดีมากันพร้อมเพรียงทั้งเครือข่ายร่วมขั้ว กระทั่งพรรคเพื่อไทย ก็เริ่มมีกระแสผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้ง ไม่ลงชื่อในสัตยาบันตามต้นสังกัด ฝ่ายเพื่อไทยและแนวร่วมมัดข้าวต้ม 6 พรรค ส่อแวว “มัดข้าวต้มแตก”

ช้างสารจ่อเข้าชนกัน หญ้าแพรกขอโดดเหยง

ทั้งหมดทั้งปวงก็เลยมาจับจ้องกันที่เครือข่ายแนวร่วมมวลชน ขบวนการนิสิตนักศึกษาที่จะร้อนแรงไต่ระดับดีกรีไปถึงจุดไหน

ฝ่ายคุมสถานการณ์จะติดเบรกคุมเกมร้อนได้อยู่เพียงใด

ผู้คุมเกมอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่ออกมากระตุกชะลอคิวแรง “เขย่า กกต.” ไปจนกระทั่งบิ๊กกองทัพคุมสถานการณ์ความมั่นคง ฮึ่มๆเบรกเกมร้อนไม่ให้ลุกลาม

เมื่อเดินหน้าเปิดเกมรุกไล่อีกฝ่ายที่กำลังจนกระดาน และส่อออกอาวุธเกมป่วน

กับปมเสี่ยงน้ำผึ้งหยดเดียว อีกทางคือไฟต์บังคับ “คุมให้อยู่”

จึงต้องประเมินและชั่งน้ำหนักให้แม่น กับเดิมพันที่สูงลิ่ว.

ทีมข่าวการเมือง

คนเลวคนดี



     "บิ๊กตู่" ซัดบางคนหาวิธีซิกแซ็กเพื่อเอาชนะกฎหมายทุกตัวต้องเรียกว่าคนเลว คสช.ปัดเตะตัดขาหัวหน้าอนาคตใหม่ ชี้เป็นคดีส่วนบุคคลไม่เกี่ยวพรรคการเมือง ขณะที่ อนค.ระดมนักกฎหมายผุดกลุ่ม "นอสท." นัดให้กำลังใจที่ สน.ปทุมวัน 6 เม.ย. "ธนาธร" แจงเจอกลุ่มผู้ชุมนุมหลังออกจาก สน.ปทุมวันมาแล้วจึงอาสาไปส่ง ซัดทำลายความน่าเชื่อถือ อนค. ฝ่ายตรงข้ามสืบทอดอำนาจ กกต.เรียก "ศรีสุวรรณ" ให้ถ้อยคำสอบโอนทรัพย์สินให้ Blind trust สำนักข่าวอิศราเปิดภาพชุด "ธนาธร" ช่วยหาเสียง 7-9 ม.ค.ที่ ตจว.คลี่เงื่อนปมโอนหุ้นวี-ลัค มีเดีย 
     ที่สโมสรทหารบก (ส่วนกลาง) วิภาวดี วันที่ 4 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561  ว่า ปัจจุบันนี้มีหลายหน่วยงานที่พันกันเยอะ บางคนมองว่าหน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้ไม่ดี แต่ทั้งหมดต้องทำงานด้วยกันเป็นเครือข่ายใยแมงมุม วันนี้เราจึงแก้ไขกฎหมายหลายตัวเพื่อลดขั้นตอนให้สามารถทำงานได้ แต่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่เพื่ออำนวยความสะดวก 
    "ส่วนกฎหมายการเอาผิดเอาโทษนั้นมีอยู่แล้วอย่างเพียงพอ แต่ทุกคนอยากให้มีมากขึ้น แต่บางคนมักหาวิธีซิกแซ็ก หรือทำให้มากกว่ากฎหมาย เพื่อเอาชนะกฎหมายทุกตัว นั่นคือคนเลว อย่างนี้ต้องเรียกว่าคนเลว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผิด ม.116  ว่าการดำเนินคดีทางกระบวนการยุติธรรมต้องใช้เวลา และคดีนี้ไม่ใช่คดีพรรคการเมือง แต่เป็นคดีตัวบุคคล และขั้นตอนเป็นหมายเรียก คือการเรียกไปให้ข้อมูล เป็นไปตามกฎหมาย บางคดีก็ยังไม่สิ้นสุดและลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน อยากให้มองว่าขบวนการยุติธรรมนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล เพราะจะทำให้บุคคลนั้นมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวตนเองและช่องทางที่เป็นสากล
    เมื่อถามถึงข้อครหาว่าเป็นการเตะตัดขาพรรคอนาคตใหม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ไม่อยากให้มองเช่นนั้น บางครั้งต้องพิจารณาว่าเป็นการพูดอคติที่มีอยู่ดั้งเดิม จะเห็นว่าตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน และจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งแล้ว บางบุคคลจะทำอะไรก็ตาม หรือมีประเด็นใดเกิดขึ้นก็ตาม จะกล่าวถึง คสช.ตลอด อยากให้ประชาชนแยกแยะ เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่ ไปเหมารวมตามความรู้สึกของตัวเองคงไม่ได้ บางคนก็พูดเหมือนกับมีธงในใจ 
    "ยืนยัน คสช.ไม่ได้ทำร้ายประเทศ ตั้งแต่ คสช.เข้ามามีบทบาท เราทำทุกสิ่งเพื่อสังคมและประเทศชาติ และทุกสิ่งที่ผ่านทำอยู่บนพื้นฐานหลักฐานข้อเท็จจริงและสิ่งต่างๆ ที่มีข้อพิสูจน์แบบจัดตั้งได้" พ.อ.วินธัย กล่าว
    ถามว่า คสช.กลายเป็นจำเลยสังคมหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า คนที่มีความคิดหลากหลายต้องดูว่ามีทัศนคติอย่างไรกับ คสช. โดยเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ 
    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา นายธนาธรได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า "เมื่ออำนาจมืดไม่ยอมปล่อยอนาคตใหม่" ภายหลังมีหมายเรียกให้ไปรายงานตัวที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 6 เม.ย.นี้ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ ว่าเป็นเกมการเมืองที่กำลังกลัวพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการทหารด้วยกัน 
ระดมนักกฎหมายช่วย
    ด้านนายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งเป็นต้นมา มีการดำเนินคดีกับพรรคการเมืองฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.อย่างน่าสงสัย โดยเฉพาะการดำเนินคดีของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค สะท้อนว่าผู้มีอำนาจในสังคมไทยไม่ยอมรับความคิดใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่อยากเข้ามาพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น กลับต้องถูกดำเนินคดีด้วยการหยิบยกข้อกฎหมายมาใช้อย่างคลุมเครือเพื่อดิสเครดิตทางการเมือง จึงสอบถามไปยังทนายและนักกฎหมายของพรรคการเมืองฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. และแวดวงวิชาการทางกฎหมายก็คิดเห็นตรงกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับ คสช.ถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรม
     “ผมกับทนายและนักกฎหมายที่มีความคิดในเชิงหัวก้าวหน้า จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มนักกฎหมายอนาคตใหม่เพื่อสังคมไทยที่เท่าเทียม (นอสท.) โดย นอสท.จะเริ่มทำกิจกรรมไปให้กำลังใจนายธนาธร ที่ต้องเข้าพบเจ้าหน้าที่ สน.ปทุมวันตามหมายเรียกที่ถูกกล่าวหาตาม ม.116 ในวันที่ 6 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. และจะดำเนินการให้เกิดความยุติธรรม ด้วยการทำให้เห็นว่าการแจ้งข้อกล่าวหาโดยไร้ข้อเท็จจริงนั้น ต้องถูกตรวจสอบเช่นกัน” นายคารมกล่าว
     ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่สยามสแควร์ นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 6 เม.ย. ตนจะเดินทางไป สน.ปทุมวัน เวลา 10.00 น. ตามหมายเรียก เพื่อแสดงความจริงใจ ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดเมื่อเดือน มิ.ย.2558 มีกลุ่มนักศึกษาที่ออกมารณรงค์ครบรอบ 1 ปี รัฐประหาร ในวันที่ 22 พ.ค.2558 ก่อนที่เยาวชนกลุ่มนี้จะโดนคดีความ ทำให้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเข้าไปให้กำลังใจที่บริเวณหน้า สน.ปทุมวัน ในวันที่ 24 มิ.ย. 2558 เท่าที่ตนจำได้ รถคันที่ใช้ในวันเกิดเหตุน่าจะเป็นรถของบริษัทที่มีคุณสมพร เป็นกรรมการผู้จัดการ
    “ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เดินทางไปให้กำลังใจเยาวชนกลุ่มนี้ด้วย เมื่อไปถึง สน.ประมาณช่วง 2-3 ทุ่ม พอตกดึก เมื่อเยาวชนกลุ่มนี้ได้รับการปล่อยตัวมาจาก สน. ผมอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน เมื่อพบกับ นายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในสมาชิกของเยาวชนกลุ่มนี้ที่ริมถนน ผมเลยถามเขาว่าออกมาแล้วกำลังจะไปไหน ผมเลยอาสาไปส่งที่ที่เจ้าตัวต้องการไปให้ เรื่องเป็นแบบนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน การที่คุณรังสิมันต์เดินออกมาจาก สน.ได้ แสดงว่าเขาได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ใน สน.ออกมาแล้ว ผมไปเจอเขาอยู่ข้างถนน กำลังเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ผมจึงอาสาไปส่งเพื่อให้กำลังจิตกำลังใจกัน ซึ่งผมพร้อมชี้แจงทุกประเด็นในเรื่องนี้”
    ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่โดนข้อกล่าวหามาตรา 116 นายธนาธรกล่าวว่า นี่เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคอนาคตใหม่ เป็นการพยายามทำลายฝั่งตรงข้ามกับการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ส่วนตัวไม่มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
    “คิดว่ามีความเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ 1.พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมออกจากเรื่องความผิดปกติของการเลือกตั้ง และความกดดันที่มีต่อ กกต. 2.ความพยายามที่จะทำลายพรรคอนาคตใหม่ รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง จากความกลัว การเติบโตขึ้นของพลังผู้ที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ”
    เขากล่าวว่า หากกระบวนการยุติธรรมและโปร่งใสจริง เชื่อว่าคดีที่เกิดกับตน นายปิยบุตร และพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมดไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายเพียงพอที่จะลงโทษเราทุกคดี เราเชื่อในความบริสุทธิ์ใจ
กกต.สอบโอนหุ้นให้ trust
    ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือด่วนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีที่สมาคมได้เคยร้องเรียนเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2562 ให้มีการตรวจสอบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งได้แถลงข่าวโอนทรัพย์สินไปให้ trust หรือกองทุน เป็นผู้ดูแล โดยอ้างว่าวิธีการนี้เป็นมาตรฐานใหม่ ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนใช้ private fund มาก่อน อาจเข้าข่ายหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตาม ม.73 (5) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 เพราะวิธีการดังกล่าวในอดีตเคยมีนักการเมืองมากมายที่ใช้วิธีการโอนหุ้นของตนไปให้ trust ดูแล ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเป็นนักการเมืองคนแรกที่กระทำเช่นนี้ตามที่นายธนาธรแอบอ้างแต่อย่างใด
            "บัดนี้สำนักงาน กกต.ได้มีหนังสือมายังสมาคมเพื่อให้ไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมพร้อมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน เอาผิดกับนายธนาธรต่อไป ซึ่งหาก กกต.วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนตาม ม.73 (5) จริง ก็จะมีบทลงโทษตาม ม.195 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 คือต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปีด้วย" นายศรีสุวรรณกล่าว และว่า สมาคมจะเดินทางไปให้ถ้อยคำต่อ กกต. ในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.2562 เวลา 13.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ อาคาร B 
    วันเดียวกัน สำนักข่าวอิศราเผยแพร่ภาพชุด-กำหนดการพรรคอนาคตใหม่ ช่วงวันที่ 7-9 ม.ค.62 ขณะที่นายธนาธรลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงใน จ.สุรินทร์-บุรีรัมย์-นครศรีธรรมราช โดยระบุว่า กรณีการโอนหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา รวม 900,000 หุ้น มูลค่า 9 ล้านบาท ให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ว่าตกลงเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร กันแน่? เพราะนายธนาธรชี้แจงว่า ทำการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า นางสมพร ในฐานะกรรมการบริษัท ได้ยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้านำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ระบุวันลงทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 
    สำหรับภาพและคลิปวิดีโอในการลงพื้นที่หาเสียงดังกล่าวที่ถูกถ่ายระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.2562 นั้น ในไลน์พรรคอนาคตใหม่ ได้ลบไปทั้งหมดแล้ว จึงเหลือแต่กำหนดการ และข้อมูลจากสื่ออย่างเป็นทางการของพรรคอนาคตใหม่ ที่นำมาเสนอให้ทราบข้างต้น
    "ประเด็นคือ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมาว่า นายธนาธรลงพื้นที่หาเสียงอยู่ต่างจังหวัดระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.2562 แล้วนายธนาธรใช้เวลาช่วงไหนเดินทางทำตราสารโอนหุ้นให้กับนางสมพร รวมถึงลงนามสำคัญเป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน 2 ราย และทนายความโนตารี ได้อย่างไร?" สำนักข่าวอิศราระบุ. 

เดินหน้าชน: 2ทางเลือกปชป.

เดินหน้าชน: 2ทางเลือกปชป.




พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถลบคำสบประมาทเรื่องแพ้ซ้ำซากได้

การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา หล่นลงมาอยู่อันดับ 4 แพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคอนาคตใหม่

ที่หนักสุดคือ สูญพันธุ์ในพื้นที่ กทม.

ทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค ตามคำพูดที่ประกาศไว้ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.ต่ำกว่า 100 เสียง จะลาออก

ทั้งนี้้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2548

นำทัพพรรคประชาธิปัตย์ลงสนามเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 แพ้ให้กับพรรคพลังประชาชน

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 แพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย ทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องโชว์สปิริตลาออกจากหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นการลาออกจากหัวหน้าพรรคครั้งแรก

ครั้งที่ 2 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อให้มีการโหวตเลือกหัวหน้าพรรค

ครั้งนี้ จึงเป็นครั้งที่ 3 ที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ลาออกจากหัวหน้าพรรค หลังนำทัพประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้่งเป็นครั้งที่ 3

หากยังจำกันได้ พรรคประชาธิปัตย์เคยมีการว่าจ้างบริษัทเอกชนทำวิจัยถึงเหตุผลว่า “ทำไม ปชป.ถึงแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย”

มีการเปรียบเทียบผู้นำพรรค ระหว่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ซึ่งผลสำรวจสรุปว่า 3 เหตุผลที่แพ้คือ 1.เชื่องช้า ไม่กล้าตัดสินใจ 2.บริหารงานไม่เป็น และ 3.ไม่ติดดินไม่ใกล้ชิดประชาชน

ทั้งยังมีการเปรียบเทียบว่า พรรคประชาธิปัตย์เหมือนรถเบนซ์หางปลา หรือเบนซ์รุ่นเก่า หรือรถฮอนด้าซีวิค ติดเครื่องอีแต๋น คือ ภาพลักษณ์ดี แต่ไม่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่พรรคเพื่อไทย กล้าคิดกล้าทำ ตอบสนองประชาชนได้ดี เหมือนรถเฟอร์รารีรุ่นใหม่ติดเครื่องคูโบต้าอเนกประสงค์

ผลวิจัยที่ออกมา ทำให้พรรคประชาธิปัตย์พยายามยกเครื่องใหม่ พร้อมปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำงาน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน

แต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์กลับแพ้อย่างหมดรูป

แน่นอนว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย่อมเจ็บปวด แต่ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือ คำพูดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก่อนการเลือกตั้ง และ วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ออกมาซ้ำอีกภายหลังการเลือกตั้ง

ซึ่งจะว่าไปแล้ว มีเหตุให้น่าเห็นใจ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไม่สามารถทำให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งได้

หนึ่งคือ การบอยคอตการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ทั้งยังถูกกล่าวหาว่า เล่นสองหน้ากับ กปปส.ที่ชัตดาวน์กรุงเทพฯ และเชิญทหารออกมาปฏิวัติ

หนึ่งคือ สมาชิกจำนวนหนึ่งย้ายพรรค ทำให้พลังลดลง

หนึ่งคือ การโหวตเลือกหัวหน้าพรรค ส่งผลให้เกิดรอยร้าวภายใน ทำให้พรรคไม่มีเอกภาพ

หนึ่งคือ คนชั้นกลางใน กทม.ส่วนหนึ่งเปลี่ยนใจไปเชียร์พรรคพลังประชารัฐ

หนึ่งคือ ทหารส่วนใหญ่ที่เคยเลือก ก็ย้ายไปเทคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐ

หนึ่งคือ แพ้กระแสความใหม่และถูกใจวัยรุ่นของพรรคอนาคตใหม่

อีกหนึ่งคือ การเสนอตัวเป็นทางเลือกที่ 3 คือ “ไม่เอาบิ๊กตู่” และไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาชนสับสน ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งนี้มีแค่ 2 ทางเลือกคือ “เอาบิ๊กตู่” และ “ไม่เอาบิ๊กตู่“

การแพ้เลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้เสียดายอดีต ส.ส.หลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่สอบตก และเสียดายผู้สมัครหน้าใหม่หลายคนที่เจอประสบการณ์เป็น ส.ส.สอบตกครั้งแรก

แต่เชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะฟื้นกลับมาได้ ถ้าโละทิ้งความคิดเก่าๆ แล้วเริ่มทำพรรคใหม่เหมือนตั้งพรรคใหม่

ที่สำคัญคือ ต้องคิดให้ละเอียดว่า จะร่วมเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน เพราะไม่มีทางที่ 3 ให้เลือกอีกแล้ว

“ผีทักษิณ”-“ปีศาจแห่งยุคสมัย” และซ้ายดัดจริต

“ผีทักษิณ”-“ปีศาจแห่งยุคสมัย” และซ้ายดัดจริต 

| มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 5-11 เมษายน 2562


หากติดตามสารนายกฯ

คำแถลงผู้บัญชาการเหล่าทัพ

และคำแถลงของ”แดงเดือด” จากผู้บัญชาการทหารบก

เราจะเห็นความ “สอดคล้อง” และเป็น “หนึ่งเดียวกัน” อย่างแจ่มชัด

แจ่มชัดว่า ทั้งหมดมีเป้าหมายเล็งไปยัง “คู่ขัดแย้ง” ทั้งเก่าและใหม่ เปิดเผยชัดเจนขึ้น

เก่า ก็ยังเป็นนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ที่ยังดำรงสภาพ “ยัน” กันอยู่

แต่ก็เพิ่มความ “พันลึก” ไปยังเงื่อนไขพิเศษ ที่อาจทำให้ฟากนายทักษิณจะต้อง “คิดมาก” ขึ้นอีกหลายเท่า

อย่างไรก็ตาม ในแนวรบของรัฐบาล คสช. และทหาร ไม่ได้มีเฉพาะ “ผีทักษิณ”

หากแต่มี “ปีศาจแห่งยุคสมัย” โผล่ขึ้นมาด้วย

เป็นปีศาจใน “กระแสแห่งคนรุ่นใหม่” ที่ผู้นำกองทัพยอมรับเองว่า ยังตามไม่ทัน

พรรคอนาคตใหม่ คือปีศาจตนนั้น

ซึ่งแม้ฝ่ายกุมอำนาจจะยังตั้งหลักรับไม่ได้ แต่ก็เดินหน้าเข้ากำกับ ควบคุม รวมถึงหากกำจัดได้ก็กำจัด เพราะไม่อาจจำกัดวงการเติบโตนอกเหนือคาดหมายได้

ถ้อยคำแบบซ้ายดัดจริตที่คิดจะเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สะท้อนถึงภาวะแห่งการ “ไม่ยอมรับและเป็นเป้าหมายบดขยี้แจ่มชัด”

จากนี้เราคงได้เห็นปฏิบัติการต่างๆ ทั้งมุ่งไปยังตัวบุคคลและพรรคอนาคตใหม่มากขึ้น

หลายเรื่องถูกชงขึ้นเขียงองค์กรอิสระแล้วหลายเรื่อง

และมีเป้าหมายสุดท้ายที่รุนแรงถึงขนาดยุบพรรค หรือตัดสิทธิไม่ให้เล่นการเมืองอย่างยาวนานหรือถึงขนาดตลอดชีวิต

ซึ่งแน่นอน กลุ่มผู้ถูกกระทำ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ก็คงไม่งอมืองอเท้ารับชะตากรรม

หากแต่ใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารขยายบทบาทของตนเองและตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างแหลมคมแน่

ยิ่งการตั้งรัฐบาลใหม่ชะงักงัน ความหงุดหงิด อัดอั้น ยิ่งโน้มนำให้การกระทำเพื่อ “กำจัด” และ ขจัด” ฝ่ายตรงข้ามรุนแรงและเร่งรัดขึ้น