PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

'วิษณุ' ปัด รัฐประหาร ซ่อนรูปผ่านกก.ยุทธศาสตร์

รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฏหมาย ระบุ ขณะนี้หมดเวลาทบทวนข้อเสนอปรับแก้รัฐธรรมนูญแล้ว พร้อมยืนยันว่าการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่รัฐประหารซ่อนรูป 
        
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย เห็นด้วยกับการบัญญัติรัฐธรรมนูญ ให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและปรองดอง ด้วยเหตุที่ประเทศอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งกรรมการยุทธศาสตร์จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ กรณีรัฐบาลปกติไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ 
พร้อมปฏิเสธว่า กรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและปรองดอง ไม่ใช่รัฐประหารซ่อนรูปหรือเป็นอำนาจที่คิดขึ้นเอง แต่เป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 
    
สำหรับข้อเสนอ ให้มีการทบทวน ปรับแก้เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ นายวิษณุ กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถปรับแก้ไขได้ทันในช่วงนี้ เนื่องจากในวันที่ 21-22 สิงหาคมนี้ คณะกรรมาธิการ ต้องนำส่งร่างรัฐธรรมนูญ ให้กับสภาปฏิรูปแห่งชาติแล้ว

'คณะกรรมการยุทธศาสตร์'

  • Monday, August 17, 2015 - 00:00

"พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" เป็นคนแรก จากคำว่า "อ.ตร.-อธิบดีกรมตำรวจ" เปลี่ยนไปเป็น "ผบ.ตร.-ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ"
ถ้า...ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน และมีการประกาศใช้
ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งอายุราชการยาวนานอีกถึง ๕ ปี คือ "พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" ก็จะเป็น ผบ.ตร.คนแรก..........
เป็น ๑ ใน ๒๓ "คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดอง" มีอำนาจเหนือรัฐบาลและรัฐสภา
ตามโครงสร้างอำนาจบริหารและปกครอง ที่ คณะยกร่างรัฐธรรมนูญสลักเสลาขึ้น และจะเสร็จสรรพ ส่งถึง สปช.เสาร์ที่ ๒๒ ส.ค.นี้!
ส่วน ผบ.ทบ.ซึ่งยังไม่ทราบว่าใคร ระหว่างพลเอกธีรชัย นาควานิช กับพลเอกปรีชา จันทร์โอชา และน่าจะทราบกันวันนี้แล้ว
ก็จะเป็นอีก ๑ ใน ๒๓ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ด้วยเช่นกัน!
ฉะนั้น การที่ คสช.จะเลือกใครขึ้นเป็น ผบ.ทบ.และ ผบ.ตร.ครั้งนี้ ไม่ใช่เลือกเพื่อเป็นไปตามระเบียบ-ตามพอใจเท่านั้น
อาจมองได้ว่า เป็นการเลือกด้วยมิติ "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ" อำนาจผนึกตัว เพื่อควบคุม-ขับเคลื่อนประเทศตามแผนปฏิรูปให้ลุล่วง ภายใน ๕ ปี
ผบ.ทบ.จะเป็นใคร....?
ดูเหมือนป่วนปั่นลั่นเลื่อนอยู่ภายในชนิดเป็นรายนาที ตลอดเสาร์-อาทิตย์ เรื่อยมาถึงวันนี้
ธีรชัยหรือปรีชา.....นี่เหมือนใบเซียมซีชี้ชะตาอนาคต "ฝั่งฝัน" คสช.และโดยเฉพาะท่านผู้นำ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" อยู่มากเอาการ?
ในหัวเลี้ยว-หัวต่อ.......
ทั้งอำนาจ ผบ.เหล่าทัพ และทั้งรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมีความหมายถึงโฉมหน้า-โครงสร้าง "อำนาจใหม่" ที่จะเข้ามาควบ-ขับเคลื่อนประเทศ
ฉะนั้น อย่าแปลกใจ ที่เห็นการเชิด "ผีทักษิณ" เข้ามาหลอนวัน-สองวันนี้เพราะผีก็คือผี แค่สมุนจนตรอกนำมาหลอกหากินกับพวกปัญญาอ่อน ช่วงสันตติกาลอำนาจเท่านั้น
เพราะประเทศตามโครงสร้างรัฐธรรมนูญนี้ ถ้าผ่านไปใช้ได้ นักเลือกตั้งไม่ตาย เปลี่ยนสีหนังใหม่ตามแสงได้
แต่ความเป็นตัวตนทักษิณจะหมดความหมาย ค่อยๆ แห้งตายไปจากโลกอำนาจใต้นิยาม "แปลงประเทศเป็นบริษัทของตระกูล"!
วันนี้ คือระหว่าง ๑๗-๒๑ ส.ค. .......
สนใจที่สภาปฏิรูปแห่งชาติหน่อยก็ดี บรรดาสมาชิกเขาจะลงมติกันว่า..........
จะตั้งประเด็นคำถามอะไร เพื่อส่ง ครม.พิจารณานำไปจัดทำประชามติ พร้อมร่างรัฐธรรมนูญ?
และ ๗ กันยา ร่างรัฐธรรมนูญนั้น สปช.ก็จะลงมติกันละว่า จะรับหรือจะคว่ำ?
เห็นนักเลือกตั้งขั้วใหญ่ด่าเละ บอกไม่เอา สาปส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่ใครจะเอาหรือไม่เอา
ดู ๗ กันยาก่อน ถ้า สปช.คว่ำ ก็ไปตั้งต้นร่างกันใหม่ แต่ถ้าหงาย คือเอา คสช.เขาก็แฟร์ ไม่ประกาศใช้ทันที
แต่จะมอบให้ กกต.ไปจัดทำประชามติ ให้ประชาชนออกเสียงว่า...จะเอาหรือไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับนี้?
ดังนั้น จะเพื่อไทย จะประชาธิปัตย์ ไม่ต้องโวยวายมากไป ในฐานะคนไทยซึ่งมีสิทธิ์ออกเสียงรวมแล้วกว่า ๔๐ ล้านคน ไปตัดสินชี้ขาดกันได้เลย
ผลออกมา ถ้าไม่รับ...ก็ดี คสช.เขาจะได้อยู่ต่อ!
ถ้ารับ...ก็ดี จะได้เลือกตั้ง มี ส.ส. มีรัฐบาลใหม่ นายกฯ ใหม่ ภายใต้โครงสร้างประเทศใหม่ เหนือรัฐบาล-รัฐสภา ยังมี "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ" อีกชั้น หรืออีกนัยหนึ่ง
ไทย:ประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา.......
ภายใต้ "โปลิตบูโร ระบบไทย"!
ประเด็น "รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ" ที่ ๒ ขั้วใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ออกมาค้านแหลก-แหกอก นั้น ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ บอกเมื่อวาน (๑๖ ส.ค.) ว่า
"ยังไม่ได้เขียนในร่างรัฐธรรมนูญเลย!"
เพียงหยิบยกขึ้นมาเป็นการเซลล์ไอเดีย เพื่อหยั่งกระแสจะว่ากันอย่างไร และบอกด้วยว่า ช่วง ๑๗-๒๑ ส.ค.นี้แหละ จะตั้งเป็นญัตติเสนอในที่ประชุม สปช.ให้เลือกลงมติว่า......
จะเอาประเด็น "ให้มีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติใน ๔ ปีแรกหรือไม่"?
ถ้าเอา ก็ส่งเป็นคำถามทำประชามติ คือให้ประชาชนตัดสินใจ พร้อมกับร่างรัฐธรรมนูญ
หรือจะเอาประเด็นอื่น เช่นที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เสนอว่า ปฏิรูป ๒ ปีก่อนให้มีเลือกตั้ง เป็นต้น!
ดูเหมือนประเด็น "รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ" สนใจกันมาก "นิด้าโพล" สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ ระหว่าง ๑๓-๑๔ ส.ค.พบว่า
ร้อยละ ๖๓.๙๓ บอกเห็นด้วย ต้องการเห็นความปรองดองและสมานฉันท์ในชาติ และต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุข
ในคำถาม...ควรเสนอประเด็นให้มีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ๔ ปี เป็นหัวข้อไปทำประชามติหรือไม่?
ร้อยละ ๗๕.๘๐ บอก...เห็นด้วย กับหัวข้อเสนอทำประชามติ เพราะประชาชนจะได้มีส่วนร่วม และจะได้รู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นอย่างไร
สุดท้าย....หากวันนี้ มีการทำประชามติในประเด็น..........
"จะให้มีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศต่อไปอีก ๔ ปี หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้หรือไม่"
ร้อยละ ๕๒.๖๓ ตอบว่า....
จะลงมติ "เห็นด้วย" กับการมีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ เพราะน่าจะมีตัวกลางที่เข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และมีส่วนช่วยในการปฏิรูปประเทศชาติให้ดีขึ้น
แต่มีถึง ร้อยละ ๒๐.๓๐ ระบุ จะลงมติ "ไม่ออกความเห็น" และร้อยละ ๗.๐๑ บอกจะไม่ไปลงมติ!
ครับ...นี่ผมสรุปท่าที-ทิศทางให้ทราบกัน เพื่อตามเรื่องได้ติด เพราะต่อจากนี้ ทุกอย่างจะข้นคลั่ก
สรุป ถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน สปช. ๗ ก.ย. .......!
ประมาณ ต้นเดือนกุมภา ๕๙ จะได้ทำประชามติ ทั้งร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมคำถามในหัวข้อ เช่น จะให้มีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ๔ ปีแรก หรือไม่
ให้ประชาชนเลือก "ตัดสินใจ"!
วันนี้ ผมมีเรื่องอยากเสนอ "พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด" สักนิด แต่เห็นว่าลาออกจากตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แล้ว แต่ไม่เป็นไร คงออกเชิงยุทธศาสตร์น่ะ
คือเมื่อ ๑๓ ส.ค.ที่ผ่านมา สปช.จัดงาน "สปช.รายงานประชาชน เรื่องเปลี่ยนประเทศไทยกับ สปช." และส่งมอบผลงานปฏิรูปให้นายกฯ ประยุทธ์ ที่โรงแรมเซนทารา
ผมฟังศาสตราจารย์เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ท่านแสดงวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะช่วงถาม-ตอบกับคุณสุทธิชัย หยุ่น รวมทั้งฟังสุนทรกถานายกฯ ประยุทธ์
ที่ทั้ง ๒ ท่านพูด มีค่า-มีความสำคัญ ต่ออนาคตประเทศที่จะต้องเดินไปด้วยกันข้างหน้ามาก
ไม่ใช่แค่วาทะ "ขายน้ำลาย" ไปมื้อๆ อาจารย์เทียนฉาย ท่านสมกับความเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจริงๆ และที่นายกฯ พูด ฟังแล้ว-ใคร่ครวญแล้ว นำไปสู่การตัดสินใจว่า....
คนคนนี้ มีกัต มีกึ๋น และวิสัยทัศน์ สามารถวางใจ ให้นำชาติไปสู่อนาคตตามพิมพ์เขียวที่รับมอบจาก สปช.ได้หรือไม่?
ทั้ง ๒ ท่านพูดได้สมภูมิ-สมภาวะมาก ยึดถือเป็น "ธงนำสู่การปฏิรูป" ได้ "หนังสือพิมพ์จดหมายข่าวรัฐบาล" ที่พลตรีสรรเสริญทำนั้น ควรยิ่งที่จะรวบรวมมาพิมพ์แจกจ่ายให้กว้างขวาง
อย่างน้อย ก็ยังจะได้รู้ ตามที่นายกฯ ประกาศ....
"จะอยู่ถึงแค่ กันยา ๕๙!"
จับแค่นี้ก่อน แล้วค่อยคุยกันว่า ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับ "บวรศักดิ์รจนา" นี้เมื่อผ่านสู่การประกาศใช้
ระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา ภายใต้โปลิตบูโร "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ" กำกับ นั้น
จะน่าตื่นตา-ตื่นใจขนาดไหน?

คนไทยคนไม่ไหวจี้ถามสถานฑูตปล่อย"ทักษิณ"จ้อให้ร้้าย


17 ส.ค. 58 จากกรณีโลกสังคมออนไลน์ปรากฎคลิปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีตามหมายศาล ขณะวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญและรัฐบาลไทยที่ประเทศฟินแลนด์ ท่ามกลางคนเสื้อแดงและบุคคลใกล้ชิดจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด ที่เพจเฟซบุ๊ก "Royal Thai Embassy, Helsinki" ของ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เริ่มมีคนไทยจำนวนมากเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางมาประเทศฟินแลนด์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าใครเป็นผู้เชื้อเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เดินทางเข้ามาพูดจาให้ร้ายประเทศไทยในฟินแลนด์
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้โลกออนไลน์มีการแพร่ภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมระบุว่า พบ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาร่วมงานบุญที่ฟินแลนด์ โดยมีท่านทูตไทยไปเป็นเจ้าภาพผู้เชิญมาเป็นประธานในพิธี

(ข้อมูล)

15 ส.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเว็บไซต์ยูทูปชื่อ "news55" ได้แพร่คลิปวิดีโอขณะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีตามหมายศาล พูดถึงประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของความยุติธรรม ปัญหาเศรษฐกิจ ท่ามกลางบรรดาคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่ประเทศฟินแลนด์
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวโดยสรุปว่า สถานการณ์ในประเทศไทยเวลานี้เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด สิบปีที่ผ่านมาประเทศถอยหลัง เพราะการปฏิวัติทำให้ประเทศเสียหาย ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศก็น่าเป็นห่วง ความเชื่อมั่นต่อประเทศเสียหายมากเพราะเอาประเทศไปเล่นอะไรก็ไม่รู้ วันนี้ไม่มีใครคิดถึงอนาคตประเทศ แต่กลับคิดถึงแต่อดีต ผู้มีอำนาจไม่ได้สนใจ สนใจแต่เรื่องเล็กๆ
"จริงๆแล้วอาชีพอะไรก็แล้วแต่หากอยู่ในที่ที่เป็นประชาธิปไตย ก็จะมีความสุข มีกติกาที่ชัดเจนว่าทำอย่างนี้เสียภาษีอย่างนี้ ทำอย่างนี้ถูกกฎหมายทำอย่างนี้ผิดกฎหมาย ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครก็เท่าเทียมกัน แต่ว่าของเรามันย้อนยุคไปหน่อย ก็เลยอยากเห็นบ้านเมืองกลับเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง แต่เมื่อดูรัฐธรรมนูญแล้ว ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายที่สุดเลยก็ว่าได้ เป็นรัฐธรรมนูญที่คนไทยไม่ยอมรับ อยากจะบอกพี่น้องว่า พวกเราที่รักประชาธิปไตย รักความยุติธรรม รักความเสมอภาคทั้งหลาย และยึดมั่นในสามหลักการนี้ และอะไรที่ไม่เข้าตรงนี้เราไม่เอา ตนคิดว่าไม่มีอะไรฝืนประชาคมได้ เพราะไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ ฝืนจิตใจประชาคมส่วนใหญ่ได้เลย หลังจากนี้หากประชาชนคนไทยเข้มแข็ง ประเทศจะกลับมาเป็นประชาธิปไตยที่สวยงาม" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดกับคนเสื้อแดงว่า ชีวิตในเมืองนอกของตนสุขสบายดี แต่พี่น้องที่ห่วงใยตกอยู่มาก และยังลำบากอยู่ ตนก็คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยเขาได้ คิดอย่างเดียวว่าเราเป็นหนี้บุญคุณก็เลยห่วงแต่เรื่องการเมืองบ้านเรา วันนี้จะถอดยศ ถอดกางเกง ถอดอะไรก็ถอดไปเถอะตามสบาย

'ปรีดิยาธร'โหนยิ้มรับปรับครม. แจงผลงานเพียบ

'ปรีดิยาธร'โหนยิ้มรับปรับครม. แจงผลงานเพียบ

โดย : 

“ม.ร.ว.ปรีดิยาธร” โหนยิ้มรับปรับครม. ชี้ไร้สัญญาณปรับออก แจงผลงานที่พอใจเพียบโชว์สื่อ ติงมุมมองเศรษฐกิจขอยอมรับความจริง-งดฝันกลางวัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงกระแสข่าวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนจะเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 18 ส.ค. ถึงการปรับ ครม.ว่า ตนไม่รู้เรื่อง ต้องถามนายกรัฐมนตรี แล้วตนก็ไม่ได้รับสัญญาณอะไร สำหรับกระแสข่าวใบลาออกอยู่ที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตนก็ไม่เคยรู้เรื่องเลย ของพวกนี้ไม่สนใจ ทำแต่งานน่ะ อันนี้ถามผิดคน ตนยังไม่ได้รับสัญญาณ อันนี้คุณถามผิดคน ต้องถามคนที่จะตัดสินใจ คนอื่นเขาไม่ได้ตัดสินใจ
เมื่อถามว่า พร้อมจะน้อมรับการตัดสินใจหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “เอ๊า แล้วจะให้ทำยังไง ถามยังถามไม่เป็นเลยเธอ"
เมื่อถามว่า พอใจผลงานอะไรมากที่สุด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า อุ๊ย..มาถามอะไรตอนนี้ ผลงานยังมีอีก สำหรับผลงานที่พอใจ ตนจะดูเรื่องระยะยาวเป็นหลัก เพราะเรื่องระยะสั้น ทุกคนก็คิดออกแล้วทำแค่ไหนก็แค่นั้น ส่วนระยะยาวที่ดีใจ และมีส่วนคือบีโอไอปรับลิสอุตสาหกรรมใหม่ เป็นการบอกว่า อีก 2 ปีข้างหน้าประเทศจะมีสินค้าตัวใหม่มาแข่งขัน ที่ดีใจคือทีมบีโอไอที่เขาศึกษาเรื่องนี้และคุยกับนักลงทุนซึ่งอีก 2 ปีข้างหน้าเห็นแน่ อีกเรื่องที่จะออกมาคือเรื่องยางที่จีนเขาดีกับเรา เขาสั่งมา 2 โรงแล้ว ถ้าถึง 10 โรงจะทำให้ราคายางในประเทศสูงขึ้นแน่นอน งานที่ 3 ที่ดีใจคือแร่โปแตส ซึ่ง 30 ปีมาแล้ว เพราะเรามีโปแตสที่เป็นทรัพย์สมบัติใต้ดินมากมาย ฉะนั้นการที่เราเอาของใต้ดินมาใช้ประโยชน์ได้เป็นการนำทรัพย์สมบัติที่ทำให้คนมีงานมีอาชีพมากขึ้น และโปแตสไม่มีอันตรายกับสุขภาพ ซึ่งเราจะทำนิคมอุตสาหกรรมแม่ปุ๋ย เราจะเป็นแหล่งผลิตแม่ปุ๋ยที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกอันที่ดีใจคือการทำให้ประเทศไทย เป็นฐานการค้าในภูมิภาคถ้ากฎหมายภาษีไม่ช่วยก็เป็นไม่ได้ แต่นี่ฐานภาษีออกมาหมดแล้ว
เมื่อถามว่า เรื่องการค้าเป็นอย่างไร เพราะรู้สึกกระทรวงพาณิชย์อืดเหลือเกิน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การค้าอยู่ในมือเอกชนส่วนใหญ่ ซึ่งตนอยู่ในโลกการค้ามาเห็นกระทรวงพาณิชย์นำร่องได้ผล เมื่อปี ค.ศ.2000 หลังจากนั้นเอกชนเขาทำเองหมด เพราะมือเท้าเยอะ จึงอย่าไปโทษกระทรวงพาณิชย์ ขายได้มากได้น้อยก็เอกชนต้องถืออย่างนั้น เพราะเรื่องค้าขายเลยมือกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว 
เมื่อถามว่า มีความห่วงใยต่อภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องเข้าใจภาพจริงของโลกเป็นอย่างไรทั้งการส่งออกและนำเข้า เราอยู่กับความจริงให้ได้ แน่นอนเราพยายามผลักดันพยายามดูแลแต่ตัวที่จะผลักดันและได้ประโยชน์ ก็คือว่า การลงทุนภาครัฐ การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนเอกชนก็ยังพอผลักดันได้เพราะการอนุมัติลงใหม่เกิดขึ้นทุกเดือน 
“ผมว่า ยังไปได้ ในขณะที่ขาลงของเรายังโตได้ 3.8% ถามว่า อยากโตกว่านี้ไหม แต่ต้องยืนให้อยู่ในข้อเท็จจริง อย่าไปฝันกลางวัน เรื่องยางพอใจ 60 ก็อยู่ที่ 60 อย่าไปฝันตัวเลขอื่นเข้ามาอีก พอฝันแล้วก็ตีตัวเอง แล้วขบวนการแถลงข่าว ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจแถลงให้เห็นภาพจริง พอเห็นภาพจริงคนก็จะมีความเชื่อมั่น อย่าไปแถลงว่า ประเทศไทยร้ายตลอด ถ้าร้ายตลอดจะบวก 2.8 ได้อย่างไร ถ้าถนัดแถลงแต่ข่าวของไม่ดีขวัญเขาจะเสีย แต่ไม่ได้ให้แถลงแต่ข่าวดี เราให้ทั้งสองข่าวขวัญคนก็จะอยู่กับร่องกับรอยได้ ถ้าขาลงแล้วเรายังพูดซ้ำตัวเองมันก็จะลงไปอีก” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้แซวรองนายกฯว่า ท่านรองแถลงแบบนี้ถือว่า สอบผ่านแล้วปรับ ครม. ยังไงก็ยังอยู่  ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอุทานว่า “อุ๊ย....คุณเป็นคนตัดสินใจรึไง” และจากนั้นรองนายกฯ ก็ยิ้มแก้มปริและจบการให้สัมภาษณ์ทันที

"บิ๊กโด่ง" ยกระเบียบทหารขู่ พวกปล่อยข่าวโยกย้ายทหารมีความผิด





"บิ๊กโด่ง" ยกระเบียบทหารขู่ พวกปล่อยข่าวโยกย้ายทหารมีความผิด ถือเป็นความลับ ให้รอหลังโปรดเกล้าฯ ไม่ตอบ ถก บอร์ดกห.วันนี้ ได้ข้อสรุป ผบทบ.หรือยัง ชี้บอร์ดเลือกอย่างรอบคอบ
ภายหลังตรวจความพรัอม ของการปั่นเพื่อแม่ ที่ลานพระรูปฯ และการซ้อมคอนเสิร์ต บทเพลงเพื้อแม่ ที่สนามเสือป่า เมื่อค่ำที่ผ่านมา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ.กล่าวถึงการเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบคนใหม่ หลังการประชุมคณะกรรมการกลาโหม ปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลในวันนี้ว่า ไม่สามารถบอกได้ เพราะตามความเป็นจริง ไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากทหารมีระเบียบว่า ในช่วงระหว่างการปรับย้ายนายทหารถือว่ายังเป็นความลับ เพราะฉะนั้นการให้ข้อมูลใดๆจะสามารถชี้แจงเหตุผล รายละเอียดต่างๆได้ก็ต่อเมื่อหลังมีการประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้วเท่านั้น
"ถ้ามีใครเปิดเผยข้อมูลก่อนถือว่ามีความผิด ดังนั้นคณะกรรมการทุกคนจะพูดเรื่องนี้ไม่ได้ "
แต่ผมอยากขอให้ทุกคนเชื่อมั่นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงที่เป็นคณะกรรมการจะพิจารณาอย่างดีและรอบคอบ ประกอบกับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้
เมื่อถามย้ำว่า การประชุมวันนี้ได้ข้อยุติผู้ที่จะดำรงตำแหน่งผบทบ.คนใหม่ หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า "ผมยังขอไม่พูด
— กับ Wassana Nanuam

ปลัดกลาโหม เผย โผโยกย้ายทหาร เข้าขั้นตอน ปกติ เตรียมส่งให้ นายกฯเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ


ปลัดกลาโหม เผย โผโยกย้ายทหาร เข้าขั้นตอน ปกติ เตรียมส่งให้ นายกฯเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ยันไม่มีปัญหา หลัง "บิ๊กป้อม" นำถกบอร์ดกลาโหม แล้วเมื่อ ศุกร์ที่แล้ว /ลุ้น บิ๊กตู่ เปลี่ยนโผ"บิ๊กป้อม"ดัน น้องชาย ขึ้น ผบทบ.หรือไม่
บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะ เลขานุการคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลของกลาโหม (บอร์ดกลาโหม)กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี2558 ว่า หลังจากที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ตามพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ปี2551 ไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา แล้วนั้น ก็เป็นไปตามขั้นตอนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารตามปกติ
"เมื่อทุกหน่วยงานในกระทรวงกลาโหมส่งบัญชีรายชื่อการปรับย้ายมายังกระทรวงกลาโหมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทางกระทรวงกลาโหมจะเสนอไปยัง รัฐบาลเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป"
พลเอกศิริชัย กล่าวว่า การจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ไม่มีปัญหาใดๆ และเป็นไปตามที่ผู้บังคับบัญชาได้ชี้แจงความคืบหน้าขั้นตอนการแต่งตั้งโยกย้ายกับสื่อมวลชนไปแล้ว
ส่วนรายละเอียดและผลการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลฯ จะได้ข้อยุติแล้วหรือไม่นั้น ผมไม่ขอพูดถึง
ทั้งนี้ การประชุมบอร์ดกลาโหม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการปรับแก้บางตำแหน่งที่เป็นตำแหน่งย้ายระหว่างเหล่าทัพ แต่ไม่มีการปรับเปลี่ยน ในตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ ที่ ผบ.เหล่าทัพ เสนอกันขึ้นมา โดย พลเอกสมหมาย เกาฎีระ เสนาธิการทหาร ได้รับการเสนอชื่อ เป็น ผบสส.คนใหม่ พลเรือเอก ณรงค์พล ณ บางช้าง ผชผบทร. ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบทร.คนใหม่
ขณะที่ พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผบทบ. เสนอชื่อ พลเอกธีรชัย นาควานิช ผช.ผบทบ.เป็น ผบทบ.คนใหม่ ส่วน พลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องนายกฯ นั่ง เป็นปลัดกลาโหม ทั้งนี้เป็นไปตามที่ พลเอกประวิตร ได้หารือกับ พลเอกอุดมเดช ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางการจับตามองว่า พลเอกประยุทธ์ จะเห็นชอบตามที่ เสนอมาหรือไม่ และจะเปลี่ยนให้ พลเอกปรีชา น้องชาย ขึ้นเป็น ผบทบ. ในที่สุด หรือไม่
— กับ Wassana Nanuam

MOUแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูล Fishing Info เรือประมงและแรงงานประมง ทั้งหมด

ศปมผ.-กรมประมง ลงนาม "บันทึกความร่วมมือ" แลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูล Fishing Info เรือประมงและแรงงานประมง ทั้งหมด
พลเรือเอกไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย(ผบ.ศปมผ.) ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือ ในการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลเรือประมงและแรงงานประมง
โดยมี นายปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
โดยพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลเรือประมงและแรงงานประมง กรมประมงจัดขึ้น เพื่อพัฒนาระบบ "Fishing Info"เป็นฐานข้อมูลกลางในการจัดเก็บข้อมูลเรือประมง ใบอนุญาตทำการประมง และแรงงานประมง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของ 7หน่วยงาน ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมการปกครอง กรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมประมง ในการสืบค้นข้อมูล ตรวจสอบเรือประมงที่แจ้งเข้า-ออกท่า(Port in-Port out)ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม(IUU Fishing) ภายใต้การดำเนินการของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย(ศปมผ.)
— กับ Wassana Nanuam

“ปู” โพสต์เฟซบุ๊กแนะ รธน. จี้คืนอำนาจ ปชช.ตัดสินใจ เร่งสร้างกติกายุติธรรม-ฟื้นความเชื่อมั่น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ยิ่งลักษณ์ ร่ายเฟซบุ๊กถึงร่างรัฐธรรมนูญ หวังให้เป็น ปชต.ที่ยอมรับมากขึ้น แนะ ยึดโยง ปชช.ให้ตัดสินใจ มิใช่เลือกจากตัวแทนที่คัดมาแล้ว ค้านมี คกก.ยุทธศาสตร์ฯ จี้เชื่อมั่น ปชช.-คืนอำนาจตัดสินใจยกเป็นศักดิ์ศรีของ ปชต. พร้อมเร่งสร้างกติกายุติธรรม เพื่อให้เกิดความสงบ เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นยิ่งยืดเวลายิ่งเสียหาย 
      
       วันนี้ (17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญในขณะนี้ว่า ขอใช้สิทธิในการเสนอความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายได้แสดงความห่วงใยและกังวลใจ โดยหวังว่าข้อคิดเห็นที่เสนอจะมีส่วนช่วยให้ประเทศ มีความเป็นประชาธิปไตยและเป็นที่ยอมรับกันกว้างขวางมากขึ้น
      
       เฟซบุ๊ก Yingluck ได้อธิบายเป็น 4 ประเด็น ดังนี้ “1. รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย สาระสำคัญ คือ “รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยต้องยึดโยงกับประชาชน” กล่าวคือต้องเปิดกระบวนการให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้มีส่วนสำคัญในการออกเสียงและตัดสินใจ ไม่ใช่เพียงเลือกตัวแทนที่ว่าคัดสรรมาแล้ว จากคณะบุคคลก็ถือไม่ได้ว่าเกิดจากวิถีประชาธิปไตยที่แท้จริง 2. ถ้ารัฐธรรมนูญมีเนื้อหาสาระที่รับใช้และยึดโยงกับประชาชน ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีคณะยุทธศาสตร์ฯ (คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง) เพื่อมีอำนาจเหนือรัฐบาลและเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อตัดสินใจแทนแม้ในยามวิกฤต”
      
       เฟซบุ๊ก Yingluck ระบุด้วยว่า สิ่งที่ดีที่สุดในระบอบประชาธิปไตยที่อารยประเทศทั่วโลกล้วนยอมรับ คือความเชื่อมั่นในประชาชนและใช้การคืนอำนาจการตัดสินใจกลับไปให้ประชาชนเป็นทางออกของประเทศ ดังนั้นภาระของผู้มีอำนาจ จึงควรเร่งผลักดันการสร้างกติกาที่ยุติธรรม ป้องกันการทุจริตและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้สภาวะปกติ กลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว ให้ประชาชนได้ใช้สิทธิของเขา เลือกตัวแทนและนโยบายตามเจตจำนงตนให้กลับมาแก้ปัญหาตามที่เขาต้องการ
      
       “การคืนสิทธิในการตัดสินใจ คือศักดิ์ศรีของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย” เฟซบุ๊ก Yingluck ระบุ
      
       เฟซบุ๊ก Yingluck ระบุอีกว่า 3. ความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง คือความปรารถนาร่วมกันของคนทั้งประเทศ
       บ้านเมืองจะสงบสุข จำเป็นต้องมีกติกาที่เป็นธรรม สังคมไทยเรามีบทเรียนในอดีตหลายครั้ง จากความขัดแย้งในกรอบกติกาที่ไม่เป็นธรรม และปัญหาที่ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงต้องสร้างโอกาสในการเข้าถึงความเท่าเทียมและกำหนดบทบาทของรัฐ ในการอำนวยความยุติธรรมทุกด้าน ให้เกิดขึ้นกับทุกคนเพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งความสุขและความปรองดองภายในสังคม และ 4. ประเทศเราได้รับผลกระทบ เกิดความเสียหายมามากพอแล้ว จึงขอให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดลำดับความสำคัญ เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น ให้ความเสมอภาค ความยุติธรรมอย่างทั่วถึง ผลักดันให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
      
       “ดังนั้นการที่เรายิ่งยืดเวลาให้ทอดยาวออกไป ไม่น่าจะเป็นผลดีนัก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ปัญหาในขณะนี้ รังแต่จะสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนซ้ำเติมยิ่งขึ้น” เฟซบุ๊กดังกล่าวระบุ
      
       คำต่อคำ
      
       ขอใช้สิทธิในการเสนอความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญบ้างนะคะเพราะเป็นช่วงที่สปช.รัฐบาลและคสช.จะตัดสินใจ และหลายฝ่ายได้แสดงความห่วงใยและกังวลใจ หวังว่าข้อคิดเห็นที่เสนอจะมีส่วนช่วยให้ประเทศ มีความเป็นประชาธิปไตยและเป็นที่ยอมรับกันกว้างขวางมากขึ้น
      
       1) รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย.....ซึ่งหลายท่าน อาจจะเห็นว่าดิฉันเคยพูดคำนี้มาหลายครั้งแต่เชื่อว่า เราอาจมีความเห็นแตกต่างกัน ในสาระสำคัญ คือ "รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยต้องยึดโยงกับประชาชน"..กล่าวคือต้องเปิดกระบวนการให้ ประชาชนส่วนใหญ่ได้มีส่วนสำคัญ ในการออกเสียงและตัดสินใจ ไม่ใช่เพียงเลือกตัวแทนที่ว่าคัดสรรมาแล้ว จากคณะบุคคลก็ถือไม่ได้ว่า เกิดจากวิถีประชาธิปไตยที่แท้จริง
      
       2) ถ้ารัฐธรรมนูญมีเนื้อหาสาระที่รับใช้และยึดโยงกับประชาชน ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีคณะยุทธศาสตร์ฯ เพื่อมีอำนาจเหนือรัฐบาลและเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อตัดสินใจแทนแม้ในยามวิกฤต สิ่งที่ดีที่สุดในระบอบประชาธิปไตยที่อารยประเทศทั่วโลกล้วนยอมรับ คือ ความเชื่อมั่นในประชาชนและใช้การคืนอำนาจการตัดสินใจกลับไปให้ประชาชนเป็นทางออกของประเทศ ดังนั้น ภาระของผู้มีอำนาจ จึงควรเร่งผลักดันการสร้างกติกาที่ยุติธรรม ป้องกันการทุจริตและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้สภาวะปกติ กลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว ให้ประชาชนได้ใช้สิทธิของเขา เลือกตัวแทนและนโยบายตามเจตจำนงตนให้กลับมาแก้ปัญหา ตามที่เขาต้องการ
      
       การคืนสิทธิในการตัดสินใจ คือศักดิ์ศรีของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
      
       3) ความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง คือความปรารถนาร่วมกันของคนทั้งประเทศ "บ้านเมืองจะสงบสุข จำเป็นต้องมีกติกาที่เป็นธรรม"..สังคมไทยเรามีบทเรียนในอดีตหลายครั้ง จากความขัดแย้งในกรอบกติกาที่ไม่เป็นธรรม และปัญหาที่ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน
      
       ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงต้องสร้างโอกาสในการเข้าถึงความเท่าเทียมและกำหนดบทบาทของรัฐ ในการอำนวยความยุติธรรมทุกด้าน ให้เกิดขึ้นกับทุกคนเพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งความสุขและความปรองดองภายในสังคม
      
       4) ประเทศเราได้รับผลกระทบ เกิดความเสียหายมามากพอแล้ว จึงขอให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดลำดับความสำคัญ เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น ให้ความเสมอภาค ความยุติธรรมอย่างทั่วถึง ผลักดันให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
      
       ดังนั้นการที่เรายิ่งยืดเวลาให้ทอดยาวออกไป ไม่น่าจะเป็นผลดีนัก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ปัญหาในขณะนี้ รังแต่จะสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนซ้ำเติมยิ่งขึ้นค่ะ
      
       ด้วยความห่วงใยอย่างที่สุดค่ะ

“สรยุทธ”อ้างผู้ผลิตรายการอื่นก็ทำ! สู้คดียักยอกเงินโฆษณา อสมท 138 ล.

เขียนวันที่
วันจันทร์ ที่ 17 สิงหาคม 2558 เวลา 12:15 น.

“สรยุทธ-พวก” อ้างผู้ผลิตรายการอื่นก็ทำ! สู้คดียักยอกเงินโฆษณา อสมท เสียหาย 138 ล้าน ยันเป็นการจัดรายการแบบแบ่งเวลาโฆษณา ขอเพิ่มพยานพนักงาน บ.เอเจนซี่ ศาลกำหนดกรอบไต่สวน 3 เรื่อง นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ครั้งแรก 17 ก.ย.นี้
PIC sorayut 17 8 58 1
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2558 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดเตรียมความพร้อมพยานหลักฐาน ระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัท ไร่ส้มฯ เป็นจำเลย กรณียักยอกเงินค่าโฆษณาบริษัท อสมทฯ เสียหายกว่า 138 ล้านบาท
ศาลฯ ได้กำหนดแนวทางการไต่สวนว่า คดีนี้เป็นคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดังนั้นจึงไม่ใช้การสืบพยานแบบคดีปกติ แต่จะใช้ระบบศาลถาม-พยานตอบ ซึ่งเป็นแนวทางหากเป็นคดีของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว 
ขณะเดียวกันได้กำหนดกรอบการไต่สวนออกเป็น 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องแรก นางพิชชาภา กรณีการปฏิบัติตามสัญญากับบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และพวกหรือไม่ หรือเป็นข้อปฏิบัติระหว่างกันโดยไม่ต้องลงลายลักษณ์อักษรหรือไม่ เรื่องที่สองนางพิชชาภาในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดตามสัญญาหรือไม่ และเรื่องที่สามบริษัท ไร่ส้ม จำกัด กับพวก สนับสนุนการกระทำของนางพิชชาภาหรือไม่
ศาลฯ ระบุด้วยว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และพวก ได้ยกรูปแบบสัญญาร่วมจัดรายการ Time Sharing (แบ่งเวลาโฆษณา) มาต่อสู้ในคดีนี้ พร้อมระบุว่า บริษัทผู้ผลิตรายการรายอื่นก็ปฏิบัติอย่างนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่เคยตรวจสอบมาก่อน รวมถึงขอเบิกพยานเพิ่มเติมเป็นพนักงานจากบริษัทเอเจนซี่โฆษณาแห่งหนึ่งอีกด้วย
ทั้งนี้ ศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ 4 ครั้ง ในวันที่ 17-18 และ 29-30 ก.ย. 2558 เวลา 09.30 น. นัดสืบพยานฝ่ายจำเลย 5 ครั้ง ในวันที่ 2, 8 ต.ค. 2558 และ 28-30 ต.ค. 2558
อ่านประกอบ :
“สรยุทธ”ขอเบิกพยาน 25 ปากสู้คดีไร่ส้ม -“บิ๊ก กรมสรรพากร-อสมท”ติดโผ
ศาลอาญาไฟเขียว“สรยุทธ”เลื่อนถกคดีไร่ส้ม8มิ.ย.-หอบหลักฐานแจงเพียบอสส.ฟ้อง“พิชชาภา”คดีไร่ส้มตามหลัง"สรยุทธ"เกือบเดือน-อ้างไม่ได้รับหมาย“สรยุทธ” ได้ประกันตัว! วางเงินสด 2 แสน ศาลนัดใหม่พร้อมคู่ความ 27 เม.ย.
ฟังชัด ๆ “สรยุทธ”ขอพิสูจน์ต่อศาล"อสมท"ไม่เคยเสียหายแต่ได้ประโยชน์
ย้อนคดี“ไร่ส้ม-สรยุทธ”ยืดเยื้อ 2 ปี ก่อน อสส.เห็นพ้องป.ป.ช.ขยับฟ้องศาล

พะจุณณ์พร้อมสู้'ม็อบแม้ว' ถามรัฐบาลจะจัดการอย่างไร | เดลินิวส์

"พะจุณณ์" อดีตทหารคนสนิทป๋าเปรม ประกาศลั่นไม่ยอมให้บ้านเมืองกลับไปเป็นแบบเดิม ขอชักธงสู้ ชนม็อบเครือข่ายทักษิณ เชื่อคนส่วนใหญ่พร้อมร่วมต้าน จี้ถาม "รัฐบาลบิ๊กตู่" จะจัดการ "แม้ว" อย่างไร 

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2558 เวลา 15:51 น.

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนากยรัฐมนตรี ออกมาโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงปลุกระดมประชาชนให้ต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันต่อไป ถ้ามีข้อขัดแย้งภายในบ้านเมือง หากเกิดม็อบจากเครือข่ายทักษิณขึ้นมาอีก พวกเราก็ต้องออกไปสู้ จะปล่อยให้บ้านเมืองกลับไปแบบเดิมทำไม่ได้ "เรื่องการบริหารประเทศ ต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องชาวบ้าน และปัญหาจากร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไปถามรัฐบาล เขามีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องพวกนี้ ต้องแก้ไขกัน แต่หากเหตุการณ์บ้านเมืองกลับไปสู่ความขัดแย้งอย่างไร มีอะไรขึ้น ถึงเวลาต้องออกไปสู้ ตัวผมและผู้คนอีกเยอะแยะ ต้องไปจัดการ นอกจากนี้ต้องไปถามรัฐบาลด้วยว่า จะทำอย่างไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ ผมว่าประชาชนส่วนใหญ่เกิดความเข้าใจตรงกันแล้วนะ เวลาทำให้รู้เรื่องกระจ่างขึ้นเรื่อยๆ ใครผิดใครถูก"พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าว.“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/342033