PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

“อำมาตย์-ป๋า”เบื้องหลังหย่า“คุณหญิงอ้อ”ฉบับ“ทักษิณ”


เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน 2556 เวลา 09:18 น.ย้อนวาทกรรม“อำมาตย์”ผ่านหนังสือ“ทักษิณ”เล่าเรื่อง“ป๋า-สถาบัน”เบื้องหลังจดทะเบียนหย่า “คุณหญิงอ้อ”ที่ฮ่องกง ธุรกิจเหมือง ทรัพย์สินในต่างประเทศ เมีย 1 คน สะท้อนใครตัวจริง?
rtrtrttrtrtttt

ในการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงที่ผ่านมามักกล่าวอ้างว่าผู้อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แม้กระทั่งรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ซึ่งพวกเขาเรียกตัวเองว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายระบอบประชาธิปไตยโดยแท้ และกล่าวหาผู้มีความคิดเห็นแตกต่างว่าเป็นพวกโค่นล้มประชาธิปไตย) คือ อำมาตย์
และถ้าหัวหน้าอำมาตย์คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ดังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ แกนนำ นปช. กล่าวอ้าง? (รวมทั้งยกขบวนไปประท้วงด่าทอ พล.อ.เปรมที่บ้านสี่เสาฯ 2-3 ปีก่อนหน้านี้)
ในหนังสือ Conversations with THAKSIN (ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ 2011) ได้กล่าวถึงสถาบันเบื้องสูงและบทบาทของประธานองคมนตรีในช่วงก่อนและหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ไว้ด้วย
เนื้อหาส่วนหนึ่งกล่าวถึงปูมหลัง บุคลิก และบทบาทของพล.อ.เปรมว่า เป็นคนพูดน้อยในที่สาธารณะ แต่มีความเป็นผู้นำที่เยี่ยมยอด ไม่มีครอบครัว มีภาพลักษณ์มือสะอาด ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 8 ปีโดยไม่ผ่านการเสนอตัวในการเลือกตั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่า พล.อ.เปรมเป็นบุคคลหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการเป็นปฏิปักษ์ต่อเขา เป็นคนบอกผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีการเมืองที่สำคัญและต้องการให้เขาอยู่นอกประเทศตลอดไป
พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เขาได้กล่าวต่อสาธารณชนว่าการบริหารงานของรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้มากเนื่องจากถูกแทรกแซงด้วยบุคคลที่มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ คำพูดดังกล่าวได้สร้างความโกรธเคืองให้แก่ พล.อ.เปรมเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อกล่าวต่อที่ประชุมสหประชาชาติ
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าได้เข้าเฝ้าฯในช่วงเดือนเมษายน 2549 และจะไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯภายหลังการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณเล่าถึงการหย่าร้างว่าเป็นเพราะคุณหญิงพจมานไม่ชอบการเมือง หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการสร้างทางธุรกิจจนร่ำรวย
คุณหญิงพจมานบอกว่าเราควรจะพักผ่อน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณคิดว่าเขาควรทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อประเทศชาติ แต่คุณหญิงพจมานไม่เห็นด้วย ทว่าด้วยที่คุณหญิงพจมานมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งคนมักบอกว่าคุณหญิงพจมานเป็นคนดูแลลูกน้องในบริษัท ดูแลผู้สนับสนุน ให้เงินพนักงาน ทุกคนให้ความเคารพ
พ.ต.ท.ทักษิณเล่าว่าหลังจากถูกรัฐประหาร 19 ก.ย.49 คุณหญิงพจมานบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว เราไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งๆที่เราทำงานหนักเพื่อประเทศชาติ นี่หรือสิ่งที่ได้รับ และรู้สึกข่มขื่นเป็นอย่างมาก
พ.ต.ท.ทักษิณเล่าอีกว่าครอบครัวได้ออกจากประเทศไปอยู่ด้วยกันช่วงหนึ่ง ต่อมาคุณหญิงพจมานอยากกลับเมืองไทย เนื่องจากคิดถึงเพื่อนและญาติ พ.ต.ท.ทักษิณพูดว่า เขาต้องการกลับมาเพื่อต่อสู้ทางการเมืองอีกครั้ง คุณหญิงพจมานบอกว่าเข้าใจและเห็นใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการต่อสู้ทางการเมือง แต่เธอไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก
พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าการจดทะเบียนหย่าเป็นความต้องการของคุณหญิงพจมาน
“คุณหญิงพจมานบอกว่า ปล่อยให้เธอกลับบ้าน ส่วนคุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ อย่าเอาเธอไปเกี่ยวข้องกับการเมืองในทุกกรณี”
การจดทะเบียนหย่าเกิดจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน และเราต้องดูแลลูก เรายังมีเพื่อนโดยจดทะเบียนหย่าขาดกันที่กงสุลไทยในฮ่องกงในเดือน พ.ย. 2551
เราต้องต่อสู้อีกมาก เธอพูดอีกครั้งว่า “ไม่ชอบการเมือง แต่เธอเข้าใจดีว่าถ้าผมไม่ต่อสู้ ผมจะไม่มีวันได้กลับบ้าน” คุณหญิงพจมานบอกว่า “ดังนั้นก็ควรจะให้ฉันอยู่คนเดียว”
พ.ต.ท.ทักษิณเล่าว่า หลังจากจดทะเบียนหย่าก็ไม่ได้พบกันอีก เขารู้สึกเสียใจมาก แต่ได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์เพราะจะต้องให้คำปรึกษาในเรื่องลูก เรื่องทรัพย์สิน เรื่องคดีความที่ถูกกลั่นแกล้งซึ่งต้องปรึกษาหารือกันอย่างมาก
พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดทรัพย์คิดเป็น 60% ของทรัพย์สินทั้งหมดหรือประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทรัพย์สินของครอบครัวส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย อยู่ในต่างประเทศประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปัจจุบันประมาณ 3 พันล้านบาท) และตอนนี้เขาลงทุนเหมืองแร่เป็นจำนวนมาก
พ.ต.ท.ทักษิณเล่าอีกว่าเขาแต่งงานกับคุณหญิงพจมานตั้งแต่ปี 2519 อยู่ด้วยกันเป็นเวลา 32 ปีก่อนจดทะเบียนหย่า และมีคุณหญิงพจมานเป็นภรรยาเพียงคนเดียว
พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า คุณหญิงพจมานไม่ค่อยชอบออกงานสังคม (low profile woman) น้อยครั้งที่ทั้งคู่จะปรากฏตัวต่อสาธารณด้วยกัน เมื่อตอนเดินทางไปเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการประมาณ 60 ครั้ง คุณหญิงพจมานร่วมเดินทางไปด้วยเพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะเนื้อหาที่กล่าวถึง พล.อ.เปรม เห็นได้ว่า นับตั้งแต่ก่อนถูกรัฐประหารจนถึงปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่า พล.อ.เปรมอยู่เบื้องหลังขบวนการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเขา สอดรับกับคำกล่าวอ้างของแกนนำกลุ่ม นปช.ที่มักจะอ้าง“อำมาตย์”ในการปลุกม็อบเมื่อคิดว่าสูญเสียประโยชน์หรือไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มและพวกของตนเอง ในการตัดสินคดีที่พรรคหรือคนของพรรคถูกกล่าวหา
แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวหยุดยั้งกฎหมายนิรโทษกรรมของประชาชนกลุ่มต่างๆก็ยังอ้างว่าอำมาตย์อยู่เบื้องหลัง
ยกเว้นคดีซุกหุ้นภาคแรกเพียงคดีเดียวที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิดด้วยเสียง 8 ต่อ 7 เสียง (นักวิชาการทางด้านกฎหมายระบุว่าเป็นคำวินิจฉัยสีเทา)
ทว่านับตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าสู่อำนาจ กระบวนการบริหารราชการแผ่นดิน การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การบงการ ชักจูง ส.ส.ให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ได้สะท้อนให้เห็นอย่างแท้จริงแล้วว่าใครเป็นอำมาตย์ตัวจริง ใครเป็นไพร่?
….

โปรดช่วยกันช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์กว่าสี่ล้านคน ที่ต้องพบกับหายนะจากพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดของปีนี้

จากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชาวฟิลิปินส์จากพายุไต้ฝุ่นไห่เยียน ซึ่งถือเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงที่สุดของปี 2556 นี้ และเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดอันหนึ่งเท่าที่บันทึกมาในประวัติศาสตร์ (ถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่ขึ้นฝั่ง - the strongest recorded tropical cyclone to make landfall) ความเสียหายที่ทิ้งไว้ไม่ได้น้อยไปกว่าสึนามิเลย และรายงานผู้เสียชีวิตน่าจะพุ่งไปถึง 10,000 คน และมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นแสนเป็นล้านคน

ขอเชิญชวนท่านร่วมกันบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์จากพายุในครั้งนี้อย่างเร่งด่วน ทุกท่านสามารถช่วยเหลือได้ผ่านหน่วยงานดังต่อไปนี้

1. มูลนิธิรักษ์ไทย
มูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมกับ องค์การแคร์นานาชาติ ขอเชิญทุกท่านร่วมช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยพายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยียน ประเทศฟิลิปปินส์ ผ่านทางมูลนิธิรักษ์ไทยได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ มูลนิธิรักษ์ไทย
- ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาซอยอารีย์สัมพันธ์ เลขที่ 056-2-21065-4
- ธ.กสิกรไทย สาขาพหลโยธิน เลขที่ 799-2-50785-8
- ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ เลขที่ 127-4-05900-3

2. Red Cross สภากาชาดฟิลิปปินส์
สภากาชาดฟิลิปปินส์จะมีหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเรื่องอาหารและอุปกรณ์ช่วยเหลือทั้งหลายแก่ผู้ที่รอดชีวิต และได้มีการช่วยไปแล้วเป็นจำนวนมาก สามารถร่วมบริจาคผ่านบัตรเครดิตได้ที่http://ushare.redcross.org.ph/ (http://www.redcross.org.ph/)

3. World Food Program
World Food Program เป็นหน่วยงานเคลื่อนที่เร็วที่จะนำอาหารไปให้กับผู้รอดชีวิต เด็ก และผู้ที่เดือดร้อนจากภัยจากไต้ฝุ่นในครั้งนี้ในฟิลิปปินส์ สามารถร่วมบริจาคผ่านบัตรเครดิตได้ที่http://bit.ly/1dhbR1V

4. Salvation Army
100% จากเงินบริจาคสำหรับภัยธรรมชาติจะนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากไต้ฝุ่นในครั้งนี้ สามารถให้ความช่วยเหลือบริจาคผ่านบัตรเครดิตได้ที่ https://donate.salvationarmyusa.org/TyphoonHaiyan

5. Unicef
Unicef จะเข้าไปช่วยจัดหายา สารอาหารที่จำเป็น น้ำดื่มที่สะอาด และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กในฟิลิปปินส์ที่ถูกผลกระทบจากไต้ฝุ่นครั้งนี้ สามารถร่วมบริจาคผ่านบัตรเครดิตได้ที่https://secure.unicefusa.org/site/Donation2?df_id=16500&16500.donation=form1

6. World Vision
เป็นหน่วยงานที่จะจัดหาอาหาร น้ำดื่ม ผ้าห่ม มุ้ง อุปกรณ์ดูแลสุขอานามัย และสถานที่พักพิงสำหรับผู้เดือดร้อนราวสี่แสนคน ที่ได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นครั้งนี้ อ่านรายละเอียดและช่วยเหลือผ่านบัตรเครดิตได้ที่http://donate.worldvision.org/OA_HTML/xxwv2ibeCCtpItmDspRte.jsp?funnel=dn&item=2639566&go=item§%3D10339&

7. MercyCorps
หน่วยงานที่จะเข้าไปช่วยจัดหาน้ำดื่ม อาหาร ที่พักพิง และอุปกรณ์ยังชีพแด่ผู้ประสพภัย สามารถร่วมบริจาคผ่านบัตรเครดิตได้ที่http://bit.ly/HRz5B9 รายละเอียด http://bit.ly/1aAmWaz


ธปท.เตรียมงัดแผนรองรับสถานการณ์ชุมนุมการเมืองรุนแรง

updated: 12 พ.ย. 2556 เวลา 16:01:03 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ธปท.เตรียมแผนรับมือชุมนุมการเมือง ชี้ยังไม่มีสัญญาณรุงแรง ยันยังไม่สั่งพนักงานหยุดงาน หากสถานการณ์รุนแรง พร้อมย้ายศูนย์ระบบชำระเงิน ขณะที่ ธปท.มีการสำรองธนบัตรไว้ใช้ยาวถึง 3 เดือน
นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นนั้น ทาง ธปท.ยังคงติดตามสถานการณ์ย่างใกล้ชิด โดยให้ทางสำนักรักษาความปลอดภัยธปท (สรภ) เป็นผู้ติดตามสถานการณ์และประเมินสถานการณ์ทั้งหมด โดย สรภ.จะมีหน้าที่ในการแจ้งข่าวกับเจ้าหน้าที่ ธปท. ผ่านทางอินทราเน็ต เพื่อแจ้งสถานการณ์การชุมนุม ว่ามีการแจ้งว่ามีการปิดถนนตรงจุดไหนอย่างไร และผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยในวันนี้จากการประเมินนั้นยังไม่พบความรุนแรง

ส่วนแผนรับมือในกรณีฉุกเฉินนั้น ธปท.มีแผนรองรับอยู่แล้ว และได้มีการซักซ้อมทำความเข้าใจมาแล้วหลายรอบ โดยเป็นแผนเดียวกับการรับมือสถานการณืน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา โดย ธปท.ได้มีการจัดลำดับความสำคัญของเจ้าหนี้ที่ใน ธปท. โดยให้ระดับบริหารนั้นจะต้องเข้าทำงานใน ธปท. ซึ่งในที่ผ่านมาช่วงสถาการณ์น้ำท่วม ก็ได้มีการสั่งให้เจ้าหน้าที่ทั่วไปทำงานที่บ้านได้

ส่วนของระดับผู้บริหารยังคงเข้าทำงานตามปกติ แต่หากไม่สามารถเข้ามาทำงาน ธปท.ได้ก็ต้องมีแผนสำรอง โดยจะมีการย้ายไปยังสถานที่ ๆ ได้จัดไว้ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ยังอยู่ในระดับปกติ และยังไม่มีการสั่งให้เจ้าหน้าที่ ธปท.ให้ทำงานที่บ้าน

ส่วนระบบการชำระเงินนั้นจะต้องเดินหน้าไม่สามารถหยุดได้หากจำเป็นที่จะต้องย้ายที่ทำงานจาก ธปท.ก็ต้องมีการย้ายไปยังศูนย์สำรอง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการทดสอบระบบไอทีด้านการชำระราคานั้นพบว่ายังสามารถใช้งานได้ดี และสามารถรองรับสถานการณ์ได้

ด้านการประสานงานทางธนาคารพาณิชย์หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นธปท.ก็ได้มีการเตรียมระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อสื่อสารกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ว่าจะดำเนินการอย่างไรจะทำอย่างไร โดยต้องมีการทดสอบว่ายังสามารถใช้งานได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม สำหรับการสำรองธนบัตร ธปท.ได้มีศูนย์กระจายธนบัตร 9 แห่งไว้เรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีการตั้งสำรองเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีการสำรองธนบัตรไว้ใช้ได้ราว 3 เดือน

ฝรั่งเล่นมุกโพสต์คลิป 'Never go to Thailand'(อย่าไปเลยเมืองไทย)

สองหนุ่มนักท่องเที่ยวตระเวนชมเมืองไทย แพร่คลิปในชื่อ 'อย่าไปเลยเมืองไทย' พร้อมคำบรรยาย 'เป็นฮอลิเดย์สุดแย่กว่าครั้งไหน' แต่เปิดดูแต้ต้นจนจบ หลายคนเม้นต์ว่า 'อย่าไปเลย เพราะไปแล้วไม่อยากกลับ'

พลเมืองเน็ตผู้ใช้ชื่อว่า Brian camusat ได้โพสต์คลิปในชื่อ 'Never go to Thailand' ทางเว็บไซต์ Vimeo มีความยาว 4.36 นาที ตั้งแต่เมื่อ 8 เดือนก่อน

เขาได้นำชมกรุงเทพ อยุธยา สุโขทัย เชียงใหม่ เกาะสมุย และเกาะพงัน ด้วยวิธีเดินทางอันหลากหลาย ทั้งนั่งรถไฟ ขับมอเตอร์ไซค์ ตะลุยชมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม วัดวาอาราม ดำน้ำดูปะการัง ไปจนถึงเวทีมวย

คลิปนี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่ต่อทางเว็บไซต์ Pantip มีคนชื่นชมคนถ่ายคลิปอย่างล้นหลาม.

http://news.voicetv.co.th/viral/87804.html

ส.อ.ท.ค้านหยุดงาน-ชะลอจ่ายภาษี!ชี้กระทบเศรษฐกิจไทย

12 พ.ย.56 นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีแกนนำผู้ชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกาศ 4 มาตรการอารยะขัดขืน เพื่อยกระดับการชุมนุมต่อต้านการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ได้มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับสมาชิก ส.อ.ท.มีความเห็นตรงกันว่า กรณีการนัดหยุดงานระหว่างวันที่ 13 - 15 พ.ย.เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แม้เป็นเรื่องสิทธิของแต่ละบุคคล เพราะจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และที่สำคัญจะส่งผลกระทบความเชื่อมั่นของประเทศไทยต่อสายตาชาวโลกได้

สำหรับกรณีให้เอกชนชะลอการชำระภาษี กรณีนี้ไม่เห็นด้วยเช่นกัน เนื่องจาก ส.อ.ท.เป็นองค์กรที่มีหน้าที่ส่งเสริมการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นการชำระภาษีเป็นหน้าที่ของพลเมืองดี ทุกคนจึงต้องเสียภาษี หากไม่เสียภาษี จะเป็นการคอรัปชั่นประเภทหนึ่ง และขณะนี้ภาคเอกชนมองว่า ปัญหาการชุมนุมน่าจะจบลงได้แล้ว เพราะการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขั้นตอนในรัฐสภา ได้ยับยั้ง เหลือเพียงส่งคืนให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเท่านั้น จึงอยากเห็นความสงบ และหันหน้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป

นายพยุงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจน เพราะเหตุการณ์ยังเกิดในระยะสั้น แต่ถ้ายังยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลกระทบในระยะยาวแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่ง 1 - 2 เดือนที่ผ่านมา ทาง ส.อ.ท.ได้ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจ คาดว่าขยายตัวใกล้ๆ 4% แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์การชุมนุม หากยังยืดเยื้อต่อไป คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณใกล้ๆ 3.5% ขณะที่ปีหน้ายังประเมินการขยายตัวไว้ที่ 5% แต่หากการชุมนุมยังยืดเยื้อต่อไป จะมีการประเมินผลกระทบอีกครั้งหนึ่ง

#แนวหน้า


แรงงาน'กัมพูชา'ปะทะตร.ดับแล้ว1

เกิดเหตุคนงานโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปปะทะตำรวจกัมพูชา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน

                          12 พ.ย. 56  เกิดเหตุผู้หญิงคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต และอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงที่เป็นคนงานของโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป และตำรวจปราบจลาจล ในกรุงพนมเปญวันนี้
                          กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อกระสุน เปิดเผยว่า การปะทะได้มีขึ้นในขณะที่คนงานหลายร้อยคน ของโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปใหักับแบรนด์ดังระดับโลกได้เดินขบวนไปที่บ้านของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ในย่านใจกลางกรุงพนมเปญ เพื่อเรียกร้องขอปรับขึ้นค่าแรง และปรับปรุงสภาพการทำงาน แต่กลับถูกกวาดล้างอย่างหนักหน่วง

                         นักเคลื่อนไหว ระบุว่า มีคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง 5 คน ในระหว่างเหตุการณ์ชุลมุน ด้านทางการระบุก่อนหน้านี้ว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงใช้สายฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดใส่ผู้ประท้วงที่ขว้างปาก้อนหิน และจุดไฟเผารถตำรวจ แต่ไม่ยืนยันรายงานของผู้เห็นเหตุการณ์ที่ว่า มีการใช้กำลังจัดการผู้ประท้วง ที่รวมทั้งยิงกระสุนยาง และแก๊สน้ำตา

                          สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นหญิงวัย 79 ปี ที่ครอบครัวระบุว่า ถูกยิงเข้าที่หน้าอกขณะกำลังขายข้าวอยู่ข้างถนน ด้านผู้สื่อข่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ รายงานว่า มีคนพบปลอกกระสุนตกอยู่ใกล้แผงลอยข้างถนน // ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงไปกว่า 10 คน รวมทั้งพระสงฆ์หลายรูป ทั้งยังตีผู้ประท้วง และปล่อยให้อยู่ในสภาพเลือดไหลเต็มตัวอีกด้วย
                          ปัจจุบัน มีตำรวจปราบจลาจล ส่วนใหญ่พกกระบองและโล่ กระจายอยู่ตามท้องถนนในเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยก้อนหิน และกระป๋องแก๊สน้ำต

กลาโหม แถลงจุดยืนกองทัพหลังศาลโลกตัดสินคดีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร

กลาโหม แถลงจุดยืนกองทัพหลังศาลโลกตัดสินคดีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร....ย้ำจุดยืนทหาร อดทนอดกลั้น ไม่สร้างความหวาดระแวง ไม่เพิ่มเติมกำลัง เน่นกาติดต่อสื่อสาร ป้องกันเข้าใจผิด


พันเอก ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า จากคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อช่วงเย็นวันที่ ๑๑ พย. ๒๕๕๖ กระทรวงกลาโหม ขอชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ โดยจะดำรงรักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับกัมพูชา ในทุกระดับตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกับจะติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ รวมทั้งจะไม่ดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดน พร้อมกับเน้นย้ำกำลังพลให้มีความอดทน อดกลั้น กวดขันในการใช้อาวุธด้วยความระมัดระวัง ลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ป้องกันความขัดแย้งกรณีมีความเข้าใจผิดผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้บังคับหน่วยทหารของทั้งสองประเทศด้วยการพูดคุยเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และที่สำคัญกำลังทหารทั้งสองประเทศจะคงอยู่ในที่มั่น โดยไม่มีการเพิ่มเติมกำลังแต่อย่างใด
จากการปฏิบัติที่ผ่านมา ทั้งสองกองทัพได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด มีการเดินทางประสานงานร่วมกันระหว่าง พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ ๒ กับ พล.ท.ฮุนมาเน็ต รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.เจียมอน แม่ทัพภูมิภาคที่ ๔ ของกัมพูชา ทั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ป้องกันข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น
กระทรวงกลาโหม ขอยืนยันและให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ จะดำเนินการให้พื้นที่เกิดความสงบสุข สร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายแดน รวมทั้ง พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนได้สบายใจและไม่ต้องตื่นตระหนก ต่อสถานการณ์ และนับต่อจากนี้การปฏิบัติในสิ่งใดใดก็ตาม กระทรวงกลาโหมจะปฏิบัติตามการสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติอย่างสูงสุด


สถานการณ์ข่าว อังคาร ที่ 12พ.ย.56

สถานการณ์ข่าว อังคาร ที่ 12พ.ย.56

(13.30) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผย ระดับของความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการชุมนุมไม่น่าจะรุนแรง และนักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4 เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในปีนี้

(13.30) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เชื่อกรณีนายสุเทพ เทือกสุวรรณ แกนนำผู้ชุมนุมต่อต่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เรียกร้องให้คนหยุดงาน หยุดเรียนมาร่วมประท้วง ไม่มีผล เนื่องจากที่ประชุมอธิการบดีมีข้อสรุปร่วมกันชัดเจนว่ามหาวิทยาลัย ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งขณะนี้จบแล้ว แม้จะมีการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง ซึ่งสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ยืนยันว่าไม่มีโรงเรียนใดสนใจในข้อเสนอนี้ของผู้ชุมนุม

ขณะที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แจ้ง ยังคง เปิดทำการเรียนการสอน ในวันที่ 13-15 พ.ย. ตามปกติ ส่วนกรณี คณาจารย์และนิสิตนักศึกษาจะไปเข้าร่วมการชุมนุม ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับหรือห้ามแต่อย่างใด โดยทุกคนสามารถเข้าร่วมการชุมนุมได้ตามสิทธิที่พึงจะทำได้ ขณะโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝ่ายประถมและฝ่ายมัธยม ได้แจ้งหยุดการเรียนการสอนในวันที่ 12 พ.ย. โดยระบุถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดจากการชุมนุม มีการปิดเส้นทางการจราจรตามจุดต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเดินทาง

(13.30) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และแกนนำนปช. เชื่อการชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะชุมนุมยืดเยื้อ ไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย.ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของส.ว. ระบุการประกาศลาออกของ9ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นการเลี่ยงไม่ให้พรรคได้รับผลกระทบ ชี้การเรียกร้องให้หยุดงานและให้ภาคธุรกิจชะลอการจ่ายภาษี จะกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ

(13.30) นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้เสนอขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภา อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 179 เพื่อหารือกรณีปราสาทพระวิหารเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น และในเวลา 14.00 น.วันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้นัดหารือ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อพูดคุยถึงแนวทางในการเร่งเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยว ในช่วงฤดูการท่องเที่ยว

(13.30) นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุ ปัจจุบันมี 16 ประเทศที่ประกาศแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวของตนเองแล้ว ให้ระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงพื้นที่การชุมนุมในไทย ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน ญี่ปุ่น ไต้หวัน แคนาดา ออสเตรเลีย อิสราเอล บราซิล สิงคโปร์ เบลเยียม สเปน เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เยอรมนี และฮังการี โดยการเตือนเป็นระดับ 2 อย่างไรก็ตามยังไม่พบการยกเลิกการจองห้องพักใดๆ พร้อมให้ทำสมุดแจกนักท่องเที่ยวให้รับรู้และเลี่ยงเส้นทาง

(13.30) นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย ปฏิเสธร่วมอารยขัดขืน ระบุ หากไม่จ่ายภาษีจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และการนัดหยุดงานจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้เศรษฐกิจเลวร้ายยิ่งขึ้น พร้อมขอให้ทุกม็อบ เลิกชุมนุม และร่วมกันหาทางคลี่คลายปัญหาด้วยการพูดคุยกัน หวั่นเศรษฐกิจไทย ซบเซาไปยาวไปถึงปีหน้า

(13.30) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มอง หากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อถึงไตรมาสแรกปี 2557 จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สูญเสียรายได้จากภาคการท่องเที่ยวประมาณ 3-5 หมื่นล้านบาท ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ เติบโตแค่ร้อยละ 3.3-3.5 และปีหน้า สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.1-1.5 แสนล้านบาท หรือเกือบ 2 แสนล้านบาท ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโตแค่ร้อยละ 4 -4.8 จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ร้อยละ 5-5.1

(13.30) จังหวัดพิจิตรจัดกำลัง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน 30 นาย ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยศาลากลางจังหวัดพิจิตร เพื่อป้องกันความเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ยกระดับการชุมนุมเพิ่มขึ้น โดยปิดประตูทางเข้าออกเหลือเพียง 1 ช่องทางเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ ป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดี

**คืบหน้าข่าวอาเซียน

(13.30) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เผยกับคลื่นข่าว100.5 กรณีนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาให้สัมภาษณ์ว่าพื้นที่รอบบริเวณปราสาทที่ศาลโลกกล่าวถึงคือทางขึ้นปราสาทพระวิหาร พื้นที่เวียอินตรีและวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ ว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องพิกัดเพราะไทยและกัมพูชาต้องมาหารือกันเปรียบเทียบแผนที่ก่อนเชื่อคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนทั้ง 2 ประเทศ (เจซี) ที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะสามารถเจรจาตกลงกันได้

(13.30) เจ้าหน้าที่ของสำนักงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น เผย ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ ไอเออีเอ ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นว่า การตรวจสอบสารกัมมันตรังสีในน้ำทะเล เพื่อประเมินผลกระทบของภัยพิบัติ ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ อยู่ระหว่างดำเนินการในแนวทางที่เชื่อถือได้

(13.30) เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจปราบจลาจล กับกลุ่มคนงานโรงงานเสื้อผ้าหลายร้อยคน ที่ชุมนุมประท้วงเพื่อขอปรับขึ้นค่าจ้าง และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่เขตเมียนเจย ในกรุงพนมเปญ ของกัมพูชา ในช่วงเช้าวันนี้ โดยกลุ่มผู้ประท้วงต้องการเดินขบวน ไปยังบ้านพักของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา แต่ตำรวจไม่อนุญาต จึงเกิดการปะทะกัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน รวมทั้งยังมีการเผารถตำรวจ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คัน

(13.30) ตำรวจฟิลิปปินส์ เผยวันนี้ว่า เกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิด 2 ลูก ใส่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเมืองซัมบวงก้า บนเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ เมื่อคืนนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ประจำหมู่บ้าน และมีผู้บาดเจ็บ 12 คน ทั้งนี้ หมู่บ้านที่เกิดเหตุ มีกำหนดจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเหตุระเบิดดังกล่าว น่าจะมีสาเหตุมาจากการเมืองท้องถิ่น

(13.30) การไปรษณีย์ออสเตรเลียใช้เทคโนโลยีทันสมัย ในการผลิตแสตมป์ตัวอย่าง ที่เรียกว่า วิดีโอ แสตมป์ เป็นครั้งแรกของโลก เพื่อให้ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟน สามารถส่งคลิปวิดีโอส่วนตัว ที่มีความยาว 15 วินาที ไปพร้อมกับพัสดุส่งของได้ โดยการไปรษณีย์ออสเตรเลียเตรียมให้บริการวิดีโอ แสตมป์ฟรี ในช่วงก่อนคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนส่งความรัก และความปรารถนาดีต่อกัน ทั้งในออสเตรเลีย และทุกพื้นที่ทั่วโลก

๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จากบันทึกของเด็ก ๑๒ ขวบ

๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จากบันทึกของเด็ก ๑๒ ขวบ

โดย วันชัย ตัน

crop_exposure_resize  
                พ.ศ. ๒๕๑๖ ผู้เขียนอายุ ๑๒ ขวบกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมปีที่ ๗ (ม. ๑ ปัจจุบัน) โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก  เป็นปีแรกผู้เขียนเริ่มใช้สมุดเล่มเล็กจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน หรือ ไดอารี และอีกเล่มหนึ่งเป็นสมุดขนาด ๘ หน้ายก สำหรับตัดแปะภาพเหตุการณ์สำคัญทางหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงเวลานั้น
                สี่สิบปีผ่านไป ผู้เขียนหยิบสมุดบันทึกสองเล่มนี้มาปัดฝุ่น ค่อย ๆเปิดทีละหน้าจากความกรอบของเนื้อกระดาษ อ่านอย่างละเอียด และก็นึกแปลกใจ นึกขำ ๆกับสิ่งที่เด็กน้อยได้บันทึก เพราะส่วนใหญ่เป็นการบันทึกเรื่องราวและทัศนะทางการเมืองในสายตาของเด็กชายผู้ได้ยิน ได้เห็น ได้รับรู้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
               
๒๖/๘/๑๖
วันที่ ๒๑ และ ๒๒ มิถุนายน เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึกไว้ เพราะเป็นวันแห่งการรวมพลังต่อสู้ครั้งสำคัญของบรรดานักศึกษา นิสิตจากทุกมหาวิทยาลัยในกรุงเทพและต่างจังหวัดบางส่วน
เนื่องจากหนังสือ “มาหวิทยาลัยยังไม่มีคำตอบ” ได้เขียนกระทบกระเทือนถึงบุคคลในรัฐบาล ดร.ศักดิ์ ผาสุกนิรันดร์ (อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง)ได้ตั้งกรรมการสอบสวนแล้วให้ลบชื่อนักศึกษาออก ๙ คน ทำให้ไม่เป็นที่พอใจของนิสิตจึงได้ทำการประท้วงดร.ศักดิ์ และในที่สุดนิสิต ๙ คนก็ได้กลับเรียนตามเดิม

๑๙/๑๐/๑๖
“เหตุการณ์ที่ฉันต้องจารึกไว้ในสมองจนวันตาย”
วันที่ ๘-๑๓ ตค. นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ นักเรียน ช่างกล ช่างก่อสร้างต่าง ๆ ได้มาทำการร่วมประท้วง รัฐบาลภายใต้การนำของจอมพลถนอม กิตติขจร โดยรัฐบาลได้ทำการจับกุมคน ๑๓ คนที่ได้ทำการเรียกร้องรัฐธรรมนูญโดยการถือป้ายไปตามที่ต่าง ๆ
พอถึงเที่ยงวันที่ ๑๓  เวลา ๑๒.๐๐ น. นักศึกษา ประชาชนได้เดินทางจากธรรมศาสตร์จำนวน ๕ แสนคนมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายใต้การนำของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และได้เปิดการโจมตีอภิปรายด่าว่ารัฐบาลดุเดือด จนเวลาตีสี่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงให้ผู้แทนนิสิตเข้าเฝ้ามีด้วยกัน ๙ คน และทรงพระราชทานพระบรมราชโอวาทมีใจความตอนหนึ่งว่า “คนที่เป็นผู้ใหญ่นั้นเขามีประสบการณ์ ส่วนคนหนุ่มสาวมีแรงพลัง ทั้งร่างกายและความคิด ถ้าหากมาปรองดองสมัครสมานกัน ทำงานอย่างพร้อมเพรียง ไม่ผิดใจ แคลงใจกัน การบ้านเมืองจะดำเนินไปด้วยดี นิสิตนักศึกษาก็เป็นผู้ได้รับการผ่านเลือกเฟ้นมาแล้วว่า มีสติปัญญาและความคิด จึงควรจะรับฟังความรับชอบชั่วดี”
๑๔  ตุลาคม ๒๕๑๖  วันเศร้าสะเทือนใจ (วันมหาวิปโยค)
จุดชนวนจลาจลเวลาก่อนรุ่ง  นักเรียนจำนวนหนึ่งเดินมาถึงบริเวณถนนราชวิถีถูกปิดกั้นโดยตำรวจ และในที่สุดจึงเกิดการปะทะกันขึ้น และเป็นชนวนจลาจลมีคนตาย และการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นเผา ตึกกตป. กองสลากฯ กรมประชาสัมพันธ์
๑๕ ตุลาคม ๑๖   เผากองบัญชาการตำรวจนครบาล และพลเรือนได้ชัยชนะ รัฐบาลชุดเก่าลาออก ๓ คนหนีไปนอก
๑๔,๑๕,๑๖,๑๗ ตุลาคม ๑๖ วันสะเทือนใจ
ฉันคิดว่ามันเป็นวันที่ฉันต้องจดจำไว้ในสมองของฉันตลอดชีวิต ฉันเศร้าใจที่มีการฆ่าหมู่เหมือนไม่ใช่คนไทย ปืนกลกราดใส่นักเรียนอย่างไม่ใช่คนทำ ยังกับเป็นผักปลา
                ดีใจเพราะได้ทำการไล่๒หมา ๑ คน ออกไปนอกประเทศ แผ่นดินไทยได้เบาขึ้นอีกเป็นกอง เงินของมันน่าจะเอามาไปชดใช้บูรณะสิ่งที่ถูกทำลายไป
                เห็นนักเรียนช่างกล ๖๐ คนถูกฆ่าตายเหมือนใบไม้ร่วง
                เห็นนักเรียนช่างกลขับรถเมล์ รถขนขยะชนรถถังจนตัวตาย
                เห็นนักเรียนช่างกลมัดมือกันไว้สิบกว่าคน ยืนขวางรถถังจนตาย
                เห็นนิสิตถือกระบองสู้ทหาร ๒๒ คนจนถูกยิงเอวเกือบขาด
                เห็นเฮลิคอปเตอร์ที่ไอ้เล็กขับบินไปกราดฝูงชนในสนามหลวงและธรรมศาสตร์
                เห็นทหารถือ M.16 กราดยิงเด็กนักเรียน
                เศร้า สมเพช สะเทือนใจ  เศร้าใจจนเขียนบรรยายเป็นความรู้สึกเกือบไม่ได้

ฉันเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าถ้าตนเป็นผู้ใหญ่แล้วคงจะต้องต่อสู้เคียงไหล่เคียงบ่ากับพวกนั้นจนบาดเจ็บหรือตาย
น่าสังเกตว่าทำไมนายทหารเมืองไทยจึงโลภมากอย่างไม่รู้จักพอ

๒๑ ตุลาคม ๑๖
ทำไม จึงห้ามมิให้ข้าราชการมีตำแหน่งในบริษัทต่าง ๆ แต่ธนาคารมีได้
ทำไม เมื่อไม่พอใจจึงปฏิวัติ
ทำไม จึงต้องมีตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดกับนายกรัฐมนตรีเป็นคนเดียวกัน
ทำไม จึงต้องมีการต่ออายุราชการกัน
ทำไม จึงต้องมีที่ดินเยอะ ๆ
ทำไม จึงต้องเรียกตำรวจว่านาย
ทำไม เขาจึงทำตัวไม่ใช่คน

อย่า ให้มีส.ส.มือเน่ามาในกลุ่มส.ส.
อย่า ให้มีตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด
อย่า ให้ใช้ตำแหน่งข้าราชการมาหากิน
อย่า ให้มีส.ส.หางว่าว
อย่า ให้มีข้าราชการทุจริตเข้ามาใช้อำนาจอันไม่เป็นธรรม
อย่า ให้มีการติดสินบนเจ้าพนักงาน
อย่า ให้มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
อย่า ให้มีการปฏิวัติอีก
อย่า ให้มีคอร์รัปชั่น
อย่า ให้มีการใช้อำนาจข่มเหงราษฎร
อย่า ให้มีการกักตุนสินค้า
อย่า ให้มีการเดินขบวนอีก
อย่า ให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง

๒๒ ตค.๑๖
ฉันคิดว่าถ้าทหารกับพลเรือนไม่มาก้าวก่ายหน้าที่ซึ่งกันและกัน เพราะถ้าให้ทหารมากุมอำนาจแล้ว ความเหลวแหลกตลอด ๔๐ ปีที่ผ่านมาก็คงไม่หมดสิ้น  เมื่อนายทหารไม่พอใจ ปฏิวัติ!
 ทหารทำตามคำสั่งเจ้านาย (นายทหาร) โดยเคร่งครัดไม่มีโอนอ่อนผ่อนปรน  นายทหารทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพื่อหวังประจบสอพลอ ทุเรศ!
โกยเงินมาเป็นล้าน ๆ ไม่รู้จักพอ ไม่รู้ว่าเอาไปใช้ทำอะไร ชั่ว !
ประจบไป ประจบมา คอร์รับชั่นไป คอร์รับชั่นมา บ้านเมืองก็ล่มจม ถุย !
คนโง่ทำอะไรโง่ ๆ มันก็โง่ !

๕ ธค. ๑๖

ประชาธิปไตยคือการปกครองโดยประชาชน ของประชาชน และเพื่อประชาชน  ซึ่งหมายความว่าประชาชนเป็นคนปกครองประเทศ ประชาชนมีเสรีภาพและสิทธิที่มีขอบเขต มีหน้าที่ต้องกระทำ แต่การใช้สิทธิและเสรีภาพเกินขอบเขตนั้นมันก็จะมีผลเสียเกิดขึ้น
ประชาธิปไตยนั้นเป็นของใหม่สำหรับชาวไทย ทั้ง ๆที่คนไทยมีการปกครองแบบนี้มาถึง ๔๑ ปีแล้วก็ตาม แต่ประชาธิปไตยในเมืองไทยนั้นก็หาได้ดีขึ้นไม่ เพราะว่ารัฐบาลได้ใช้อำนาจเผด็จการ ไม่ยอมให้คนไทยรับรู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไร

บันทึกหน้าสุดท้ายเขียนไว้ว่า
“การต่อสู้เพื่อชีวิตของตนเองเป็นสิ่งที่ถูก แต่การต่อสู้โดยไม่มีความหวังเป็นการกระทำของคนโง่”
จากภาพยนตร์เรื่อง “กังฟู”
จาก สารคดี ตค. 2556
- See more at: http://www.sarakadee.com/blog/oneton/?p=1433#more-1433

แถลงการณ์ กปท. "ปฏิวัติประชาชน"

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่สะพานผ่านฟ้า พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) แถลงข่าวว่า
"เหตุที่เราต้องประกาศการปฏิวัติประชาชนนั้น เพราะความเสียหายต่างๆที่เกิดกับประเทศชาติ เกิดขึ้นเพราะการบริหารงานของรัฐบาลนางยิ่งลักษณ์ เราไม่สามารถปล่อยให้ความเสียหายต่างๆเกิดขึ้นอีกต่อไป เพราะจะทำให้เสียดินแดนตรงบริเวณปราสาทเขาพระวิหารซึ่งรัฐบาลแสดงท่าทีไม่ชัดเจนต่อกรณีที่เกิดขึ้น เราจำเป็นต้องไล่รัฐบาลชุดนี้"
ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ค.) เวลา 09.00 น.ทางกลุ่ม กปท.และกองทัพธรรม จะเดินเท้าจะไปถวายฎีกาที่สำนักพระราชวัง เพื่อที่จะขอพระราชทานตั้ง "สภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย"
โดยเบื้องต้นสภาประชาชนจะมีทั้งหมด 99 คน ทำงานบริหารประเทศด้วยประชาชน เพื่อประชาชนเอง


สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ ลั่น รบ.ไม่ชอบธรรม 13 พ.ย. เตรียมใช้มาตรการเฉียบขาด

Mon, 2013-11-11 23:43

สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ขึ้นเวที กปท. ระบุรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว-ช่วยพี่ชาย-ทำให้เสียดินแดน จึงมีมติเอกฉันท์ให้ทุกสหภาพแรงงานนัดประชุมวิสามัญ 13 พ.ย. เตรียมใช้มาตรการปฏิบัติขั้นเฉียบขาด
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) อ่านแถลงการณ์ประกาศยกระดับการต่อสู้ของ สรส. ที่เวทีการชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เมื่อคืนวันที่ 11 พ.ย. (ที่มา: FMTV)
11 พ.ย. 2556 - บนเวทีการชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณเมื่อคืนนี้นั้น (11 พ.ย.) ภายหลังที่ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ประกาศยกระดับการต่อสู้ "ปฏิวัติประชาชน" และจะเดินทางไปถวายฎีกาที่พระบรมหาราชวัง ในเช้าวันที่ 12 พ.ย. เพื่อขอตั้งสภาประชาชนเพื่อบริหารประเทศนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
ล่าสุดบนเวที กปท. ในเวลา 22.50 น. ตัวแทนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ประกาศ "แถลงการณ์ประกาศยกระดับการต่อสู้ของ สรส." โดยระบุว่า รัฐบาลปัจจุบันบริหารประเทศไม่เป็นตามรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจช่วยเหลือพี่ชายและพวกพ้องให้พ้นผิดตามคำพิพากษาเป็นการทำลายหลักนิติธรรม ทำลายหลักนิติรัฐ
สำหรับ สรส. ซึ่งร่วมต่อสู้กับประชาชนมาตลอด เพราะสมาชิกทั้งหมดรับใช้และบริการประชาชนนั้น ในวันนี้ 11 พ.ย. 2556 ได้ปรากฏชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน และยอมรับอำนาจศาลโลก ทำให้ศาลโลกมีคำพิพากษาให้ประเทศไทยเสียดินแดนบางส่วน โดยที่ไม่ควรจะเสียแม้แต่ 1 ตารางนิ้ว ชาวรัฐวิสาหกิจมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติ เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ จึงขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ สรส. ได้มีการประชุมกรรมการบริหารและประธานสหภาพแรงงานทุกแห่ง มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ทุกสหภาพยกระดับการต่อสู้ร่วมกับประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นของประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน อันเป็นหลักการประชาธิปไตยแท้จริง โดยกำหนดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 13 พ.ย. 2556 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป เพื่อกำหนดมาตรการที่จะปฏิบัติอย่างเฉียบขาดต่อไ

วุฒิสภา ลงมติเอกฉันท์ ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ

วุฒิสภา ลงมติเอกฉันท์ ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ หลังใช้เวลาอภิปรายยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง
หลังจากที่ประชุมวุฒิสภาใช้เวลา เกือบ 10 ชั่วโมงในการอภิปรายร่าง ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ก็ได้ลงมติ เห็นด้วย 0 ไม่เห็นด้วย 141 ซึ่งถือเป็นเอกฉันท์ ไม่รับหลักการวาระที่ 1 ของร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยขั้นตอนต่อไป ต้องส่งกลับคืนให้สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสภาฯ สามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้อีกครั้งหลัง 180 วัน ที่วุฒิสภาคว่ำร่าง ทั้งนี้หลังลงมติก็ได้ปิดการประชุมทันทีเมื่อเวลา 22. 40 น.

สำหรับการอภิปรายสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ไม่สามารถรับหลักการในร่าง กฎหมายฉบับนี้ได้ เพราะขัดต่อหลักการของการเสนอร่างและขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาล และส.ส.ทั้ง 310 คน ที่ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในชั้นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร แสดงความรับผิดชอบ หลังเกิดกระแสคัดค้านจากหลายภาคส่วน

ด้านกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวและตัวแทนจากรัฐบาล ต่างชี้แจงย้ำว่า จะไม่มีการหยิบยกร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาพิจารณาอีก หลังจาก 180 วัน และยืนยันว่า ได้ยกร่างกฎหมายนี้ด้วยความบริสุทธิ์ เพราะต้องการหาทางออกให้กับบ้านเมือง ขณะที่ภาพรวมการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ก่อนเริ่มพิจารณาจะมีความวุ่นวายประท้วงกันไป-มา จนต้องเสียเวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมง