PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

ฟังทั้งสองฝ่ายใครบิดเบือนความจริง

ฟังทั้ง 2 ฝ่าย
ใครกันแน่ ที่บิดเบือนความจริง ???!!!
หน่วยพยาบาลปฏิเสธหลงทาง
ทำผู้ป่วยเสียชีวิตในวัดพระธรรมกาย
วานนี้ (1 มี.ค.) มีผู้เสียชีวิตรายที่ 2 ในช่วงเวลาของการปิดล้อมวัดพระธรรมกาย ซึ่งทางวัด อ้างว่า เป็นผู้ป่วยโรคหอบหืด ซึ่งเสียชีวิตเพราะหน่วยพยาบาล มาถึงผู้ป่วยช้า เนื่องจากหลงทางและเสียเวลาประสานงานกับด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ แต่ล่าสุด ทีมข่าว PPTV ได้รับคำยืนยันจากหน่วยพยาบาลว่าเข้าถึงผู้ป่วยตามรยะเวลาการปฏิบัติตามปกติ
กรณีผู้ป่วยเสียชีวิต ด้วยโรคหอบหืด ในพื้นที่วัดพระธรรมกาย ถูกอ้างถึงโดย พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย โดยโพสต์เฟซบุ๊ก อ้างว่า ผู้ป่วยโรคหอบหืด เป็นหญิงวัย 48 ปี เสียชีวิต เพราะเจ้าหน้าที่หลงทาง และมีความล่าช้าในการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมพื้นที่ตามจุดต่างๆ โดยระบุว่า ใช้เวลาเข้าไปรับนานกว่า 1 ชั่วโมง
พนักงานสอบสวน สภ. คลองหลวง ได้เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 สอบปากคำ เจ้าหน้าที่กองอำนวยการคลองหลวง ชี้แจงว่า ได้รับแจ้งเหตุ เวลา 12.10 น. เข้าไปถึงจุดที่ผู้ป่วยอยู่เวลา 12.35 น. ซึ่งถือเป็นขั้นตอนปกติ และไม่ได้หลงเส้นทาง เพราะมีพยาบาลในวัดพระธรรมกายนำทางไป โดยไปถึงที่พักผู้ป่วย แต่เมื่อไปถึงผู้ป่วยไม่มีสัญญาณชีพแล้ว จึงต้องตรวจสอบเวลาการเสียชีวิตด้วยในการชันสูตรพลิกศพ
เจ้าหน้าที่พยาบาล ที่กองอำนวยการคลองหลวง ยืนยันว่า ทำตามขั้นตอนปกติ โดยไม่ได้เลือกปฎิบัติตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งก่อนหน้านี้กองอำนวยการคลองหลวง ทำข้อตกลงร่วมกับวัดพระธรรมกายว่า หากมีคนเจ็บป่วยจะต้องนำตัวมาส่งที่ประตู 7 เท่านั้น แต่เคสนี้ ไปรับถึงจุดที่พัก
ส่วนความเคลื่อนไหวทางยุทธวิธีของทั้ง 2 ฝ่ายวันนี้ ย้อนกลับไปช่วงเช้าทหารนำป้ายที่มีข้อความระบุชัดเจนว่า ถ้าหากมวลชนและพระสงฆ์ไม่ออกจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานบุกรุก ที่เป็นแบบนี้ ทหารให้เหตุผลว่าต้องการคัดกรองคนเข้าพื้นที่ เพื่อลดจำนวนมวลชนในตลาดกลางคลองหลวง แต่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ป้ายดังกล่าวก็ถูกยกออก โดยมีจนท.ดีเอสไอชี้แจงเหตุผลว่า ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง โดยท่าทีที่กำลังเกิดขึ้นนี้สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของรองอธิบดีดีเอสไอ เมื่อวันก่อน
ส่วนสิ่งที่ดีเอสไอทำได้เต็มกำลังที่สุดในพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวงช่วงนี้ คือ การ ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คัดกรองพระที่เดินทางมาสมทบ หากไม่ใช่พระวัดพระธรรมกายก็จะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ เพราะจนท.อยากให้ปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะของวัดพระธรรมกาย สำหรับการจัดการกับมวลชนที่ตลาดกลางคลองหลวงล่าสุด รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ได้เก็บหลักฐานการกระทำความผิดทั้งหมดแล้ว เตรียมดำเนินคดีในข้อหาขัดขวางการปฎิบัติงานเจ้าหน้าที่
ล่าสุดดีเอสไอ ได้เชิญตัวนาย อัยย์ เพชรทอง ศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่เป็นแกนนำที่ตลาดกลางคลองหลวง มาที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของดีเอสไอแล้ว อยู่ระหว่างการพูดคุย
ขณะที่ฝั่งของตำรวจ มีคำสั่ง ย้ายพันตำรวจเอกเขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ไปปฎิบัติราชการที่ศูนย์ปฎิบัติราชการตำรวจภูธรภาค 1 และมอบหมายให้พันตำรวจเอกสามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี เข้าปฏิบัติราชการแทน พร้อมระบุว่าจะชี้แจงสาเหตุการย้ายภายหลัง
"""""""''''
s.news

สมชาย แสวงการ บอก มีการอ้างกลุ่มพุทธ แพร่ข่าวรายชื่อที่ว่ามุสลิม มีเป้าควบคุมพุทธ นั้น ทั้งมั่ว และเมคข่าว

จากเพจ สมชาย แสวงการ
เลขาวิปสนช. สมชาย แสวงการ บอก มีการอ้างกลุ่มพุทธ แพร่ข่าวรายชื่อที่ว่ามุสลิม มีเป้าควบคุมพุทธ นั้น ทั้งมั่ว และเมคข่าว
---------------
ประหลาดใจมากที่เห็นคนหลายคนหลายกลุ่ม แม้บางท่านจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้ใหญ่ในหลายแวดวงทั้งภาคราชการ ธุรกิจ การเมือง ศาสนา และอื่นๆ. กลับงงและหลงข่าวลวงที่บรรดาตระกูลเสี้ยมปล่อยอกมาทำลายรัฐบาล คสช สนช ฯลฯ
ที่สำคัญต้องการสร้างความขัดเเย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกัน โดยเฉพาะไทยพุทธกับไทยมุสลิม.
ดังนั้นเพื่อความถูกต้องและได้โปรดทราบเเละเเชร์ต่อๆกัน. จะได้เลิกเอาสิ่งแปลกปลอมรำคาญใจเหล่านี้มารกสมองท่านอีก.
ผมในฐานะเลขานุการวิปสนช. ยืนยัน100%ครับ. ทั้ง รายชื่อ63คนที่มั่วเมคขึ้นเอามาบอกเป็นสนช มุสลิม ที่ร่วมลงชื่อใน84สนช เสนอแก้กฎหมายพรบสงฆ์ เรื่องสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่าน3วาระรวด นั่น เป็นเรื่องบิดเบือนโกหกมดเท็จทั้งสิ้น
ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆแม้เเต่นิดเดียว และใน63คนนี้ไม่มีใครเป็นสนชเลยสักคนครับ
โปรดใช้ปัญญาพินิจด้วย
1: สนชปัจจุบัน 250 คน
มี สนช ไทยมุสลิมเพียง4ท่านคือ
1) นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล อดีตผวจนราธิวาส
2)นายวิทยา ฉายสุวรรณ อดีตขรก
3)นายอนุมัติ อาหมัด อดีตจังหวัดสงขลา22วัน ที่ถูกรัฐประหารเมื่อ22พค2557
4)ศสมคิด เลิศไพทูรย์ แต่งงานกับภรรยาไทยมุสลิม ครับ
2: การเสนอแก้พรบสงฆ์ มี สนช84คน เสนอเป็นพุทธ83คน รวมทั้งผมด้วย มีสนชที่ร่วมลงชื่อเสนอเป็นมุสลิม1คน และ เมื่อกฏหมายเข้าบรรจุวาระ1แล้ว. รัฐมนตรีที่รับมอบมาจากคณะรัฐมนตรีไม่รับไปดำเนินการต่อ. จึงเป็นภาระของสนช
จึงเสนอพิจารณา 3วาระรวดในวันเดียวกันทันที. คนๆนั้นเป็นไทยพุทธ100%ครับ เป็นอดีตเด็กวัด ครับ.. ผมเองครับ.
เพราะฉนั้นจึงเรียนมาให้คนไทยตาสว่าง อย่าไปหลงเชื่อข่าวมั่วข่าวปล่อยทำลายประเทศอีกครับ. เเละถ้าใครส่งหรือแชร์ข้อความบิดเบือนทำนองนี้มาให้ โปรดแชร์ข้อเท็จจริงที่ผมชี้แจงนี้ให้ท่านเหล่านั้นรับทราบข้อเท็จจริงนี้ด้วยครับ
สนช สมชาย แสวงการ
เลขานุการวิปสนช 1 มี.ค.2560

ปชช. ยังทยอยแลกเหรีญที่ระลึก วันที่ 2 อย่างต่อเนื่อง

ปชช. ยังทยอยแลกเหรีญที่ระลึก วันที่ 2 อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถนำบัตร ปชช. มารับบัตรคิว แล้วสามารถแลกเหรียญที่ระลึกได้ทันที โดยไม่ต้องรอนาน

บรรยากาศการแลกเหรียญกษาปณ์ ที่ระลึก วันที่ 2 ที่กรมธนารักษ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ ยังคงมีประชาชนยังทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่ ยังเปิดเเจกบัตรคิวอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ในช่วงสาย การแจกจ่ายทำได้คล่องตัวมากขึ้น ประชาชนไม่ได้แออัด โดยจากการประเมินจากจำนวนประชาชนที่มาต่อคิว คาดว่าอาจใช้เวลาเพียง 3 วัน เหรียญจำนวน 20,000 ชุด ที่กรมธนารักษ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ อาจจะหมดลง โดยเจ้าหน้าที่พยายามที่จะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางมาอย่างเต็มที่ โดยบัตรคิวล่าสุดจำนวนอยูาที่ กว่า 2,000 คน แล้ว จากประชาชนที่เดินทางมาแลกเหรียญทั้งหมด
6,370 คน เมื่อวานนนี้

อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์ ได้กำหนดเปิดให้ประชาชนแลกได้ตั้งแต่วันที่ 1, 2, 3, 6 และ 7 มีนาคมนี้ (5 วันทำการ) ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. โดยไม่หยุดพักเที่ยง แลกได้ที่หน่วยจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพฯ, และหน่วยจ่ายแลกโรงกษาปณ์ รังสิต จ.ปทุมธานี และส่วนภูมิภาคแลกได้ที่ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และส่วนกลาง กรมธนารักษ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์

ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ทำสถิติทะลุ 21,000 จุด

ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ทำสถิติทะลุ 21,000 จุด ขานรับ ปธน.ทรัมป์ ประกาศแผนทุ่มงบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในการลงทุนสาธารณูปโภค 

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ทำสถิติทะลุแนวต้านที่ระดับ 21,000 จุด
หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแผนทุ่มงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในการลงทุนโครงการสาธารณูปโภค
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรส

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการใช้นโยบายกีดกันการค้าในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์
ครั้งนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดพุ่งขึ้นด้วย

ดาวโจนส์ปิดที่ 21,115.55 จุด เพิ่มขึ้น 303.31 จุด หรือ +1.46%
NASDAQ ปิดที่ 5,904.03 จุด เพิ่มขึ้น 78.59 จุด หรือ +1.35%
S&P500 ปิดที่ 2,395.96 จุด เพิ่มขึ้น 32.32 จุด หรือ +1.37%

ด้านสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 53.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 56.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ระดับ
1,250.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. ปีนี้
-----------
บล.อาร์เอชบี คาด ภาวะตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นเช่นเดียวกันตลาดภูมิภาค

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) คาด ตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะปรับตัวขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า รับอานิสงส์จากดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นไป ตอบรับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แต่มองว่าเป็นปัจจัยภายในของสหรัฐฯ ซึ่งมาตรการที่ออกมาของ "ทรัมป์" คงจะดีต่อสหรัฐฯ แต่ตอบยังไม่ได้ว่าจะดีต่อทั่วโลก

อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของดัชนีฯ อาจจะถูกจำกัดด้วยประเด็นทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งตอนนี้ความคิดเห็นของผู้ว่าการเฟดหลายสาขาได้ออกมาในเชิงที่มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในการประชุมเฟดเดือนมีนาคมนี้

สำหรับปัจจัยในประเทศ เศรษฐกิจโดยรวมก็ยังเป็นบวก ตัวเลขส่งออกของไทยก็ยังดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมยังเติบโตได้ดี ส่วนปัจจัยในเชิงลบไม่ค่อยมี ทิศทางตลาดฯจึงยังสดใสอยู่

พร้อมให้แนวรับ 1,555 - 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 - 1,590 จุด
----------
ไทยออยล์ เผย ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์น้ำมันปิดตลาดประจำวันที่ 1 มีนาคม 2560 น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสลดลง 0.18 เหรียญ
มาอยู่ที่ 53.83 เหรียญ น้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.15 เหรียญ มาอยู่ที่ 56.36 เหรียญ โดยราคาน้ำมันดิบปรับลดหลังปริมาณน้ำมันดิบ
คงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างความกังวลว่าการเติบโตของความต้องการอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาด
กลับเข้าสู่สมดลได้

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.พ. 60 ปรับ
เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่แปด ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดที่
520.2 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้ ผลสำรวจจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ชี้ให้เห็นว่าผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตในเดือน ก.พ. โดยผู้ผลิตในกลุ่ม
โอเปกได้ให้ความร่วมมือถึงร้อยละ 94 หรือคิดเป็นการปรับลดลง 1.098 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปริมาณการผลิตเดือน ต.ค. 59

ขณะที่ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย ที่ปรับลดกำลังการผลิตในเดือน ก.พ. ลงเพียง 100,000 บาร์เรลต่อวัน ให้ความร่วมมือเพียง
ร้อยละ 33 อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงดังกล่าว สอดคล้องกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรัสเซีย กล่าวไว้ว่า รัสเซียจะค่อย ๆ ปรับ
ลดกำลังการผลิตลง และคาดว่าจะเดินหน้าปรับลดมากขึ้นและแตะระดับ 300,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน เม.ย.

ข่าว2/3/60

บึ้มใต้

นายกฯ สั่งดูแลเข้มงวดภาคใต้ หลังยิงรถรับส่งนักเรียนไทยพุทธ จนเป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงรถรับส่งนักเรียนไทยพุทธ จนเป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิต ว่า ยัง

ไม่ได้รับรายงานดังกล่าว แต่ข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานอย่างเต็มที่ในการวางกำลัง และเส้นทางในจังหวัดภาคใต้มีหลายเส้น แต่ไม่สามาถนำกำลังไปวางไว้ได้ทุกจุด จึงต้องมีกติกา

ซึ่งกันและกัน โดยทุกคนต้องร่วมกันดูแลและระมัดระวัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย หากมีการพูดคุยอยู่แสดงว่ายังคงมีทางออกอยู่บ้าง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยและ

ทดลองศักยภาพว่าพื้นที่ใดปลอดภัยแล้วจึงจะพูดคุยในเรื่องอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงพิจารณาเป้าหมาย โดยเฉพาะครู นักเรียนและวัด จะต้องปลอดภัย แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามลำดับกระบวนการ

แก้ไขความขัดแย้ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำอีกว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาภายในประเทศ อย่าเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง และต้องเดินหน้ากระบวนบังคับใช้กฎหมายและการพัฒนาด้านต่าง ๆ รวมทั้งการศึกษาอย่าง

เร่งด่วน เพราะที่ผ่านมาการทำงานล่าช้า จนทำให้กระบวนการเรียนรู้และการศึกษาไม่เกิดขึ้น ดังนั้น จากนี้จะต้องหามาตราการป้องกันให้ได้ ขออย่าเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวไปเชื่อมโยงกัน

ไปหมด
/////////
ธรรมกาย

รัฐบาล ไม่ห่วงปมวัดพระธรรมกาย เชื่อต่างประเทศเข้าใจ มั่นใจมีข้อมูลชี้แจงได้ ขอประชาชนยึดกฎหมาย

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงมุมมองของต่างชาติต่อรัฐบาลไทยกรณีวัดพระธรรมกาย ว่า เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา

ต่างประเทศ จึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลได้พยายามชี้แจง ทำความเข้าใจกับนานาชาติแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถเข้าใจอย่างชัดเจน โดยยืนยันเจ้าหน้าที่ไม่ใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน

และขอให้ทุกคนยึดตามหลักของกฎหมาย

ทั้งนี้ พล.ท.วีรชน กล่าวถึง กรณีที่ศิษย์วัดพระธรรมกายมีการยื่นเรื่องไปที่องค์กรพุทธศาสนาสากล หรือ องค์การสหประชาชาติ (UN) ว่า รัฐบาลไม่มีความกังวลเช่นกัน เนื่องจากทุกองค์กรต้องมี

การตรวจสอบข้อมูล ซึ่งรัฐบาลมีข้อมูลที่สามารถชี้แจงได้ และมีวิธีการดูแลสถานการณ์ที่ชัดเจน ไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด
-----------
นายกฯ ลั่น แจงหมดแล้ว ปมคนตายในวัดพระธรรมกาย ขอลูกศิษย์หยุดต้าน คาด พระธัมมชโย ยังอยู่ในวัด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเสียชีวิตด้วยโรคหอบหืด บริเวณหลังวัดพระธรรมกาย ว่า เจ้า

หน้าที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ว่าผู้ตายเสียชีวิต ภายในห้องที่มีการปิดล็อกประตู และไม่จำเป็นต้องมีการปรับแผนการทำงานของเจ้าหน้าที่ หลังจากมีการอ้างว่าติดด่านตรวจตำรวจทหารตามมาตรา 44

จนทำให้เสียชีวิต

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีปฏิบัติการปล่อยข่าวลวงเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นหรือที่เรียก ไอโอ ว่า หากพูดความจริงก็ยอมรับ แต่หากไม่ใช่ความจริงก็ไม่รับ ดังนั้น ขอให้คิดถึงเจ้าหน้าที่ที่

ต้องเหนื่อยจากการทำงานด้วย ซึ่งขณะนี้จากการประเมินของเจ้าหน้าที่เชื่อว่า พระธัมมชโย ยังอยู่ภายในวัด เพราะหากไม่อยู่ คงปล่อยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น ขณะเดียวกัน อยากให้สื่อช่วยกัน

บอกให้หยุดต่อต้านเจ้าหน้าที่ ถ้าคิดว่าถูกและบริสุทธิ์ก็ออกมารับมาพิจารณาคดีและต่อสู้คดีทางกฎหมาย อย่าใช้วิกฤติศรัทธาของประชาชนมาเป็นเกราะป้องกันตนเอง ซึ่งส่วนตัวเบื่อกับเรื่องดัง

กล่าวแล้ว และขออย่าว่าตนไปรบกับพระ หรือทำลายพระพุทธศาสนา หากวิพากษ์วิจารณ์กันแบบนี้ทำให้ท้อใจเช่นกัน
/////////
ปยป.

"สุวิทย์" เผย ประชุมหลักสูตร ป.ย.ป. ระดมความคิดและข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานการประชุมหลักสูตร การบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ( ป.ย.ป.) ว่า การประชุมนี้ เป็นการระดมความ

คิดและข้อเสนอแนะ เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา อุปสรรคของการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมี 2 ประเด็นหลัก คือ การพัฒนาและเตรียมคน

สู่อนาคต และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปิดงาน การประชุมหลักสูตร ป.ย.ป. และกล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง โครงสร้างและ

แนวทางการบริหาราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธ์ศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง แล้ว จากนั้น นายกวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย จะบรรยาย

พิเศษ เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และปฏิรูปประเทศตามหมวด 16 แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ..
---------
นายกฯ ย้ำ เดินหน้าปฏิรูปประเทศ ยันจำเป็นต้องใช้ ม.44 หากแก้ปัญหาไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานในการเปิดหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ

ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. พร้อมกล่าวว่า ส่วนตัวดีใจที่มาประชุมทำงานเพื่อประเทศ ซึ่งประเทศชาติ ต้องสำคัญกว่าอย่างอื่น โดยเฉพาะข้าราชการที่ประเทศ
ต้องมาก่อน แม้เกิดปัญหาต้องฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อคนอื่น และส่วนตัวจำเป็นต้องมายืนและพูดวันนี้ ไม่ใช่เพราะสถานการณ์เลวร้ายจนแก้ไม่ได้ หรือรัฐล้มเหลว ข้าราชการไม่ดี แต่มายืนตรงนี้เพราะ

เคยเป็นอดีตข้าราชการ ยอมไม่ได้หากประชาชนไม่ไว้ใจหรือให้ร้ายบิดเบือนตลอดเวลา จึงต้องมาพูดเพื่อให้สังคมเข้าใจ และเห็นว่าขณะนี้กำลังปฏิรูปตัวเองและปฏิรูปประเทศตลอดไปเป็นระยะ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเดินหน้ามาตั้งแต่ปี 2557 หลายอย่างมีผลสัมฤทธิ์ บางอย่างอาจล่าช้า ติดขัด จึงต้องคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอย่างไร จึงได้สั่งการต่าง ๆ แต่ขอให้คิดถึง

เหตุผลที่ต้องสั่ง เพราะหากไม่เห็นปัญหาตรงกันก็จะแก้ไขไม่สำเร็จ จึงต้องมาพูดคุยกันและแลกเปลี่ยนกันในหลักสูตรดังกล่าวและเชื่อว่าจะครอบคลุมทั้งหมด โดยจะคนทั้งประเทศจะต้องแก้ไข

ปัญหาร่วมกัน ไม่เช่นนั้นต้องใช้กฎหมาย หรือ มาตรา 44 หากทุกคนไม่ช่วยกันก็ไม่สามารถแก้ได้.
---------
นายกฯ ยัน กฎหมายไม่ได้กำกับประชาชน ชี้เพื่อความเท่าเทียม - เร่งสร้างสะพานให้รัฐบาลใหม่เดิน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่เป็นสะพานให้ประชาชนก้าวข้ามปัญหา อุปสรรค และขณะนี้รัฐบาลกำลัง

สร้างสะพานให้รัฐบาลใหม่เดิน แต่จะเดินหรือไม่ก็แล้วแต่ และหากเดินตกสะพานก็ช่วยไม่ได้ เพราะประชาชนเลือกมาเอง ไม่ใช่ส่วนตัวต่อสู้หรือแข่งขัน แต่รัฐบาลใหม่จะมีอำนาจในการบริหาร

ดังนั้น ข้าราชการจึงต้องสร้างกลไกที่เข้มแข็งไม่เช่นนั้นจะกลับไปที่เดิม ซึ่งจะต้องรับผิดชอบเอง เพราะเป็นผู้ปฏิบัติ ตอนนี้สะพานยังไม่เสร็จก็ให้ประชาชนเดินเหยียบข้ามไปก่อน แต่หากเสร็จ

แล้วจะต้องเดินนำประชาชนไปข้างหน้า ไม่ใช่มองแต่เรื่องเลื่อนยศ คิดแต่เรื่องตัวเองเพราะจะติดกับดักตัวเอง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวยืนยันว่า กฎหมายที่ออกมาไม่ได้กำกับประชาชน แต่เพื่อความเท่าเทียม ไม่ว่าใครก็ต้องทำตาม และขอให้ลดความขัดแย้งและความคิดที่ไม่ตรงกันออกไปก่อน เพื่อให้

ประเทศเดินไปได้ ซึ่งขณะนี้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยกว่าปี 2557 ไม่มีการประท้วงหรือใช้อาวุธสงคราม แต่จะยุติได้หรือไม่ จึงต้อง มี ป.ย.ป. วันนี้
---------------
นายกฯ ยัน ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหาย เร่งทำความเข้าใจประชาชน แก้ปัญหาลดเหลื่อมล้ำทางสังคม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า วันนี้ไทยมีปัญหาอยู่ 3 ประการ คือ ปัญหาประชาธิปไตยที่มีมากว่า 80 ปี จึงต้องมีคณะ

กรรมการสร้างความสามัคคีปรองดองเข้ามาแก้ปัญหา ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการขาดหลักคิดที่ถูกต้อง หากแก้ปัญหา 3 ข้อนี้ได้ ประเทศไทยจะเจริญ ขณะเดียวกัน ยืนยันว่า ไม่ได้ทำ

ให้ประเทศเสียหาย แต่ทำเพียงแค่หยุดการบริหารประเทศแล้วมาซ่อมแซ่มในเวลานี้ให้เศรษฐกิจดีขึ้น ปัญหาปรุงกฎหมายให้ประชาชนปฏิบัติตามไม่ใช่ค้านทุกเรื่อง อย่างที่หลายคนมองว่า เส้นแบ่ง

สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย เป็นเส้นเดียวกัน จึงต้องทำให้ประชาชนเข้าใจให้ได้ แม้บางครั้งจะถูกต่อต้านแต่ส่วนตัวต้องอดทนทำให้ปี 2560 เป็นปีสำคัญที่จะเดินหน้า
-----------------
"วิษณุ" เชื่อ ป.ย.ป. ทำภารกิจ 4 ด้าน ขับเคลื่อนทำงานได้รวดเร็ว ยันจำเป็นต้องใช้ ม.44 เพื่อความมีประสิทธิภาพ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และปฏิรูปประเทศตามหมวด 16 แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ... ตอนหนึ่งว่า โดยเชื่อว่าคณะ

กรรมการบริราชการแผ่นดินตาม กรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. จะทำให้ภารกิจของรัฐบาลทั้ง 4 ด้าน ขับเคลื่อนการทำงานไปได้อย่าง

รวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาก็จะต้องดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวว่า ในการทำงานของรัฐบาลในขณะนี้ จะต้องเร่งการขับเคลื่อนงานในเรื่องที่มีความสำคัญและเรื่องเร่งด่วนก่อน ซึ่งหากเรื่องใดมีความล่าช้า ก็จำเป็นต้องออกคำสั่งตาม มาตรา

44 เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
------------------
"วิษณุ" ย้ำ รัฐบาลใหม่สามารถเปลี่ยนแปลงแผนยุทธศาสตร์ชาติได้ - เตรียมจัดทำ พ.ร.บ. วางแผนปฏิรูปประเทศ 7 ด้านหลังประกาศใช้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประกาศใช้ก็จะมีการจัดทำ พ.ร.บ.วางแผนการปฏิรูปประเทศ 7 ด้าน และ พ.ร.บ.การวางแผนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่ง

จะใช้เวลาการดำเนินการประมาณ 3 เดือน

ขณะเดียวกัน เปิดเผยว่า กำลังจะมีการส่งแผนยุทธ์ศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ให้แก่นายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่า รัฐบาลใหม่ที่เข้ามา สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงแผนยุทธศาสตร์ชาติได้ แต่จะต้องผ่านความชอบ

จากรัฐสภา
---------------

-////////////
ปมทุจริต

ประธาน ป.ป.ช. เผยผลสำรวจความรุนแรงในการทุจริตงบรัฐในโครงการขนาดใหญ่ของไทยดีขึ้น

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันแบะปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามมการทุจริตโดย

ใช้กลไกทางการศึกษา ว่า ความรุนแรงของการทุจริตมีตัวชี้วัดทั้งจากในและนอกประเทศ หนึ่งในนั้นคือ ดัชนีชี้วัดการคอร์รัปชั่นบององค์กรต่างประเทศ ที่จะมีการประกาศคะแนนทุกปี และ

คะแนนในปีนี้ไทยได้ 35 คะแนน เป็นอันดับที่ 101 ของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเชื่อว่าคะแนนของไทยจะดีกว่าคะแนนปี 2558 ที่ได้ 38 คะแนน แต่เนื่องจากในปีนี้มีการเก็บคะแนนเพิ่ม

เติมในส่วนของความหลากหลายของประชาธิไตย การเลือกตั้ง เสรีภาพการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นครั้งแรก จึงส่งผลต่อผลการประเมินของไทย

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่า ความรุนแรงในการทุจริตงบประมาณของรัฐในโครงการขนาดใหญ่ของไทย ตั้งแต่ปี 2554 - 2559 ดีขึ้นตามลำดับ มีการทุจริตลดลง เหลือประมาณ 1 - 15% ของ

งบโครงการ ขณะที่การปราบปรามการทุจริตสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นเพราะรัฐบาลที่ซื่อสัตย์ การมีผู้นำที่มุ่งมั่น แต่สิ่งสำคัญของการต่อต้านการทุจริตคือมาตรการการป้องกัน ดัง

นั้น แผนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 จึงให้ความสำคัญกับการป้องกันควบคู่ไปกับการปลูกฝังจิตสำนึกให้กับคนในสังคม โดยเป้าหมายที่จะให้ไทยมีค่า cpi

มากกว่า 50 คะแนน ด้วยการร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ซึ่งเจตนารมณ์ของกองทัพอากาศในการต่อต้านการทุจริตถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
---------------
ประธาน ป.ป.ช. ปัดเปิดเผยรายชื่อผู้โยงสินบนโรลส์ - รอยซ์ ยันใช้เวลาไม่นาน เตรียมตั้ง คกก. ไต่สวนเร็ว ๆ นี้

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบการติดสินบนของบริษัท โรลส์ - รอยซ์ ว่า

จากการตรวจสอบข้อมูลเอกสารที่ได้รวบรวมมา ทำให้ขณะนี้คณะทำงานมีข้อมูลที่เพียงพอแล้ว คาดว่าจะสามารถเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนได้เร็ว ๆ นี้

ซึ่งหากมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนแล้ว จะทำให้รู้ถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชัดเจนขึ้น สามารถไต่สวนเพิ่มเติม และตั้งข้อกล่าวหาผู้ที่มีข้อมูลครบถ้วนก่อน แต่คงไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ใน

ขณะนี้ เพราะจะกระทบต่อสิทธิของบุคคลเหล่านั้น แต่ยืนยันว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะส่วนตัวมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ

ทั้งนี้ ประธาน ป.ป.ช. ก็ไม่ระบุชัดเจนว่า เรื่องดังกล่าวจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในสัปดาห์หน้าหรือไม่

นายกฯเปิดอบรม’ป.ย.ป.’ บอกไม่ย่อมาจาก’ประยุทธ์อยู่ต่อไป’ เพราะยิ่งอยู่ยิ่งทรมาน

นายกฯเปิดอบรมหลักสูตร ป.ย.ป. เน้นระดมความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานตามนโยบาย ชี้ต้องได้รับความร่วมมือทุกภาคส่วน ปล่อยมุข “ป.ย.ป.” ไม่ใช่ “ประยุทธ์อยู่ต่อไป” บอกยิ่งอยู่ยิ่งทรมาน ย้ำต้องพูดเพราะไม่อยากให้ใครบิดเบือน ให้ร้ายตลอด ไม่ใช่รัฐล้มเหลว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 มีนาคม ที่เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดอบรมหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (หลักสูตร ป.ย.ป.) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น โดยมุ่งเน้นกิจกรรมการระดมความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญต่างๆ ของรัฐบาลโดยจัดทำหลักสูตร 3 หลักสูตร ประกอบด้วยหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (ป.ย.ป.1) (สำหรับปลัดกระทรวงและอธิบดี) หลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการบริหารการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแบ่งเป็นหลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง สำหรับรองอธิบดี (ป.ย.ป.2/1) และหลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (สำหรับรองผู้ว่าราชการจังหวัด) (ป.ย.ป.2/2) เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจต่อบริบทใหม่ ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบของ ป.ย.ป. และเพื่อปรับกระบวนการทางความคิด สร้างแรงบันดาลใจ และศักยภาพความเป็นผู้นำ ตลอดจนสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบบูรณาการ ร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ในการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า เข้าใจดีว่าทุกคนมีภาระหน้าที่ แต่ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำงานเพื่อประเทศซึ่งต้องสำคัญกว่าอย่างอื่น ถ้าเรายังเป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ จะต้องทำงานเพื่อส่วนรวม และประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีปัญหาอะไรก็ตามต้องฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อประชาชนและประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอด จึงจำเป็นต้องหลุดพ้นจากการเป็นตัวเอง ในช่วงการทำงาน “ผมเองจำเป็นต้องมายืนอยู่ตรงนี้ และต้องพูดเรื่องนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างมันเลวร้าย หรือไม่ดีจนแก้ไขไม่ได้ ไม่ใช่รัฐล้มเหลว หรือข้าราชการไม่ดี แต่ที่ผมต้องมายืนตรงนี้เพราะผมเป็นอดีตข้าราชการเก่า ผมยอมไม่ได้ที่ประชาชนไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และให้ร้ายเราตลอดเวลา สาเหตุมาจากการบิดเบือนต่างๆ จึงต้องมาพูดคุยเพื่อให้เห็นว่าเรามีการปฏิรูปตัวเอง ระหว่างที่เรากำลังปฏิรูปประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องปฏิรูปตัวเอง และตลอดไป ไม่ใช่แค่ทำช่วงใดช่วงหนึ่ง”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลักสูตร ป.ย.ป. ตนคิดมาทุกวันตั้งแต่ปี 2557 เดินหน้ามาตลอด วันนี้ปัญหาของประเทศคือ ถ้าไม่เข้าใจกัน มองไม่เห็นปัญหาร่วมกัน หรือเห็นทางแก้ปัญหาที่ตรงกันไม่มีทางที่จะสำเร็จในทุกๆ เรื่อง และไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่ตนพูดจะถูกทั้งหมด “หลักสูตร ป.ย.ป.ครอบคลุมปัญหาทุกเรื่องของประเทศ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไข โดยได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน ไม่ใช่ผม คสช. แต่คนทั้งประเทศต้องช่วยกัน การใช้กฎหมาย มาตรา 44 มาตรา 88 ก็แก้อะไรไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบราชการ ไม่สุจริตโปร่งใส ทุกอย่างก็จะพันกันไปหมด และผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้อง ป.ย.ป.ตลอดไป หลายคนไปเปลี่ยนชื่อจากการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นประยุทธ์อยู่ต่อไปนานๆ ถ้าคิดแบบนี้ก็ต้องเลิก สงสัยว่าคิดได้อย่างไร ถ้าทุกคนมาอยู่แบบผมก็จะรู้ว่า การอยู่ต่อไปมันทรมานจริงๆ แต่ไม่เป็นไร เพราะผมมีผู้นำทุกองค์กรอยู่เคียงข้าง แค่นี้ก็พอแล้ว ขอว่าทุกคนจะต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ ถ้าไม่ทำวันนี้ประเทศไทยจะสับสนอลหม่าน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลายคนมองว่าประเทศไทยเดินหน้าไม่ได้ หรือปล่อยให้อยู่กันเฉยๆ ก็ดีแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะปัจจุบันปัญหามีมากมาย สิ่งที่ยากที่สุดคือการบริหารให้คนทั้ง 70 ล้านคนมีความสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งไว้ว่า การบริหารงานต้องเข้าให้ถึงปัญหา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ต้องมีหลักการ หลักคิด ไม่ใช่แค่คิดเป็น วันนี้สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือ โซเชียลมีเดีย ซึ่งมีทั้งข้อดีและไม่ดี และการที่คนหันมาเสพโซเชียลมีเดียมากขึ้นและอ่านหนังสือพิมพ์ลดลง จนบางฉบับเริ่มขาดทุน เนื่องจากอ่านหนังสือพิมพ์แล้วตอบโต้ไม่ได้ แต่ในโซเชียลมีเดียสามารถตอบโต้และแสดงความคิดเห็นได้ แต่บางทีก็เกินเลย ทำให้ทุกอย่างเกิดความสับสน เพราะคนไทยยังขาดหลักคิดที่ถูกต้องในการที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เตือนให้ใจเย็นๆ แต่ตนเป็นคนเสียงดัง ยืนยันว่าไม่ได้บ้า โมโหทุกวัน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็บ้าแล้ว แต่ก็อยากถามว่าการเป็นผู้นำจะโมโหอารมณ์เสียไม่ได้เลยหรือ เพราะก็เป็นมนุษย์ ที่สำคัญตนทำงานในหน้าที่ เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอารมณ์บ้าง ไม่เช่นนั้นต้องไปบวชพระ โมโหใครไม่ได้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ทุกคนเจอตนเองมา 2 ปีกว่าแล้ว หวังว่าจะไม่รำคาญกันเกินไป

"ก็ไอ้คนเลว มันจะทำ"



"ก็ไอ้คนเลว มันจะทำ"

"บิ๊กตู่" โวย สื่อ โยงเหตุรุนแรงชายแดนใต้ ตอนนี้ เป็นการตอบโต้ "พูดคุยสันติสุข" ซัด "คนเลว"มันจะทำ ยันกำลังแก้ไข เรื่องยังไม่จบ แค่เจอทางออก กำหนดSafety zone ชี้ใต้บ้านเรา ไม่เหมือนประเทศอื่น เป็นเรื่องภายใน อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยว ฃอ อย่าเอาแค่เหตุเดียว ไปโจมตี ยันไม่ได้หงุดหงิด ให้รู้บ้างว่า หน้าที่ของนายกฯ คืออะไร ตอบคำถามได้ทุกวัน ก็เก่งแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เช้าวันนี้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตว่า ก็เป็นเพราะเรื่องมันยังไม่จบ ขณะนี้เรากำลังแก้ไขปัญหาอยู่
"สื่อจะไปคิดหรือเขียนได้ยังไง ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะต้องการตอบโต้การพูดคุยสันติสุข ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการพูดคุยในเมื่อยังมีการพูดคุยกันอยู่ แสดงว่ายังมีทางออกอยู่บ้าง ไม่ใช่จะไม่คุยแล้วจะไม่มีปัญหา พอคุยกันก็หาว่ามีการตอบโต้"
"ก็ไอ้คนเลว มันจะทำ"
วันนี้ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทำงานอย่างเต็มที่ มีการวางกำลังดูแล เห็นมั้ยว่าเส้นทางในพื้นที่ภาคใต้มีมากน้อยแค่ไหน ถ้าจะเอากำลังไปขึงพืดทั้งหมด ก็คงไม่ได้ ต้องมีกติกาทุกคนก็ต้องดูแลซึ่งกันและกัน
รัฐไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเองด้วย
สิ่งที่พูดทุกวันนี้คือจะทำอย่างไรให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยขึ้น และหากพื้นที่ใดมีศักยภาพเพียงพอก็คุยเรื่องอื่นต่อ แต่ถ้ายังไม่มีก็ต้องทำให้ได้ เพราะเราต้องปรับให้ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย เป้าหมายคือ ครู นักเรียน วัด จะต้องไม่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก เป็นกระบวนการแก้ไขความขัดแย้ง ถือเป็นการแก้ปัญหาภายใน อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้อง เพราะสถานการณ์ไม่เหมือนกัน
"การรบกันนอกบ้าน ก็ไม่เหมือนกับของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ปัญหาภายในของเราให้ได้ กระบวนการการใช้กฎหมายก็ทำไป การพัฒนาอย่างเร่งด่วนก็ต้องทำอย่างคู่ขนาน การศึกษาก็ต้องทำให้มากขึ้น "
"ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า การทำงานช้าเกินไป กระบวนการเรียนรู้ไม่เกิด การศึกษาก็ไม่เท่าเทียมและทำไม่ได้ จึงทำให้เกิดคนเหล่านี้ขึ้นมา
เพราะฉะนั้นยิงกันก็ต้องแก้ให้ได้ ต่อไปก็ต้องหามาตรการป้องกัน อย่าเอาเพียงเหตุการณ์เดียว ไปตีไม่ได้ เพราะปัญหามันเชื่อมโยงกันทั้งหมด
ผมไม่ได้หงุดหงิด แต่การรายงานเดี๋ยวก็คงมาถึงผมตามขั้นตอน และบางเรื่องไม่ต้องถึงเร็วก็ได้ เพราะนายกฯ ไม่จำเป็นต้องสั่งทุกเรื่อง เพราะได้มอบอำนาจหมดแล้ว
ให้รู้บ้างว่า หน้าที่ของนายกฯ คืออะไร ตอบคำถามได้ทุกวัน ก็เก่งแล้ว"นายกฯ กล่าว

สร้างความหวาดระแวง ทางศาสนา

สร้างความหวาดระแวง ทางศาสนา
โฆษก คสช.ชี้ มีกลุ่มบิดเบือน ปล่อยข่าวลือ
หวัง สร้างความหวาดระแวง ทางศาสนา ชี้ละเอียดอ่อน โยง สนช.ผ่าน ร่างพรบ.สงฆ์ เป็นมุสลิม 63คน ยัน มีมุสลิมแค่1คน เตือนคนปล่อยข่าว ผิดกม.

พันเอกวินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวว่า ขอสังคมใช้วิจารณญาณต่อการบริโภคข่าวสาร เพราะขณะนี้เริ่มพบว่ามีบางบุคคลได้นำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีลักษณะพาดพิงการทำหน้าที่ของ สนช.เกี่ยวกับการพิจารณากฎหมายของคณะสงฆ์ที่ผ่านมา

โดยพยายามผูกจินตนาการสร้างเรื่องเท็จให้เกิดเป็นประเด็นแตกแยกและทำลายความน่าเชื่อถือองค์กร เชื่อว่าสังคมรู้ทัน

สำหรับกรณีการนำเรื่องเก่า เมื่อครั้ง สนช.ขอเสนอแก้ พรบ.คณะสงฆ์ฯ ที่ผ่านมานั้น มีการนำมาอ้างถึงว่ามีสมาชิก สนช.ที่เป็นมุสลิมมากถึง 63 คน จาก 84 คน เป็นผู้เสนอนั้น เป็นเรื่องที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงเพราะ สนช.ที่ร่วมเสนอในครั้งนั้น พบว่ามี สมาชิก สนช.ที่เป็นมุสลิมอยู่เพียง 1 คนเท่านั้น ไม่ใช่ 63 คน

ที่สำคัญในรายชื่อที่ถูกแอบอ้างว่าเป็น สนช.มุสลิมทั้ง 63 คนนั้น กลับพบว่าไม่มีใครเป็น สมาชิก สนช.ในชุดปัจจุบันเลย

"มั่นใจคนส่วนใหญ่คงไม่มีใครเชื่อหรือคล้อยตาม แต่การบิดเบือนลักษณะนี้ อาจสะท้อนให้เห็นว่ายังมีบางบุคคลที่คิดไม่ดีต่อสังคมและประเทศชาติ คิดแต่จะสร้างความแตกแยก และไม่พยายามพัฒนาตัวเองให้ทันยุคสมัย ขอคนไทยช่วยกันปฏิเสธกลุ่มคนเหล่านี้"

ทั้งนี้ ขอเตือนไปยังผู้ที่ตั้งใจนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนและเป็นเท็จ หวังให้เกิดความหวาดระแวงกันในประเด็นทางศาสนาซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และบางครั้งอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะ พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่ง จนท.อาจจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อป้องกันและการกระทำที่เป็นภัยต่อสังคม

‪"ธัมมชโย"ยังอยู่



‪"ธัมมชโย"ยังอยู่
นายกฯ ชี้"ธัมมชโย"ยังอยู่ ในวัดธรรมกาย ระบุ ถ้าไม่อยู่ เขาก็คงให้เข้าไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่มีคนอยู่ ถ้าไม่อยู่จริงๆ คงให้จนท.เข้าไป ก็จบแล้ว‬ ....เตือน สื่อ อย่าไปอ้างตาม"ธรรมกาย"ก็เป็นเครื่องมือของเขา เชื่อพระใช้ปฏิบัติการจิตวิทยา แนะพูดความจริง คิดถึงเจ้าหน้าที่บ้าง ไม่ใช่ฟังแต่คนทำผิดกฏหมาย จำเอาไว้ ในเมื่อผมแตะท่านไม่ได้ ท่านก็อย่ามาแตะผม" จี้สื่อช่วยบอก ให้เขาหยุดต้าน จนท. ถ้าบริสุทธิ์ก็ออกมาต่อสู้ อย่าใช้ศรัทธาเป็นเกราะป้องกันตัว "อย่าคิดว่า ผมกำลังรบกับพระ ผมกำลังทำลายศาสนา ถ้าวิจารณ์กันแบบนี้ ผมก็ท้อใจเหมือนกัน แต่ถ้าท้อ ก็ไม่ได้ เพราะยืนตรงนี้" ถาม ที่ทำทุกนี้ทำเพื่ออำนาจหรือ เพื่อผลประโยชน์หรือ ติงสื่อ นึกถึงผมบ้าง ไม่ใช่มาไล่ล่าผมทุกวัน ไปไล่ล่าคนทำผิดโน่น เดี้ยวคนดีไม่อยากทำงาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของลูกศิษย์ธรรมกายเป็นรายที่ 2 ว่า เขาชี้แจงกันหรือยังว่าเสียชีวิตในวัดตรงไหน ในห้องปิดล็อคหรือไม่ แล้วตายมากี่ชั่วโมงแล้ว คิดบ้าง. ไม่ต้องมาถามผม

ส่วนที่อ้างว่าติดด่าน มาตรา 44 นั้น ใครจะไม่ให้เข้าต้องไปดู มันเป็นข้ออ้างแล้วสื่อจะอ้างตามเขาทำไม
"แล้วสื่อก็เป็นเครื่องมือเขาแบบนี้ ตนชี้แจงไปกี่ครั้งแล้วจะเอาอะไรอีก ผมไม่เคยไปกำหนดสื่อเลย ผมพูดแล้วชี้แจง แต่ท่านจะมากำหนดผมไม่ได้ จำเอาไว้ ในเมื่อผมแตะท่านไม่ได้ ท่านก็อย่ามาแตะผม"
“เขาต้องการ IO (ปฏิบัติการข่าวสาร) เขาพูดความจริงหรือเปล่า ถ้าจริงก็รับ ไม่จริงก็ไม่รับ สื่อต้องไปพูดความจริง ไม่ใช่ไปต่อความยาวสาวความยืด คิดถึงเจ้าหน้าที่ที่เขาทำงานนอนอยู่ 3 พันคน เขาร้อน คิดถึงลูกเมีย คิดกลับมาทางนี้บ้าง ไม่ใช่ไปทำให้คนผิดกฎหมายตลอด ไปฟังเขาตลอด แก้ปัญหาไม่ได้ ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ประเมินว่า พระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขาประเมินว่ายังอยู่
"ถ้าไม่อยู่เขาก็คงให้เข้าไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่มีคนอยู่ ถ้าไม่อยู่จริงๆ คงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปก็จบแล้ว ให้เข้าไปตรวจ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องทำงาน จะคุณบอกว่าผิดเล็กผิดหน่อยก็อ้างคนบางคน คนอื่นผิดทั้งเยอะ อ้างอย่างนี้ได้ที่ไหนเข้าทำกัน พฤติกรรมเลียนแบบอย่างนี้ใช้ไม่ได้ อย่าไปขยายความให้เขาแบบนี้ "
เมื่อถามว่า ในการข่าวมีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นขบวนการอะไร แล้วมาเขียนอะไรตุตะ เยอะไปหมด
"โธ่!คุณมีของคุณทั้งหมด แต่ต้องการให้ผมตอบกับ สิ่งที่มีปัญหากับคนเขา สื่อต้องบอกให้เขาหยุดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ ถ้าคิดว่าถูกบริสุทธิ์ก็ออกมาต่อสู้คดีทางกฎหมาย อย่าใช้ฃศรัทธาประชาชนเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด เกิดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว หลายคนก็หนีไปต่างประเทศแล้ว แต่หลายคนที่ทำก็ยอมรับโทษ แต่บางพวกมันไม่รับ ทำอยู่อย่างนี้ เราก็ให้ท้ายอยู่แบบนี้ "
"ผมจำเป็นต้องพูด เพราะเบื่อแล้ว เขาคือคนไทยก็ต้องมีหลักคิด ทำอะไรต้องมีหลักในการคิด อย่าใช้หลักการของสื่ออย่างเดียว

วันนี้ประเทศกำลังมีปัญหาจะทำกันแบบปกติได้อย่างไร ผมเชื่อว่าทุกท่านมีจรรยาบรรณ คิดเป็น แต่ต้องพยายามลดปัญหามาให้ผมบ้าง ให้กฎหมายเจ้าหน้าที่ทำงาน แต่ท่านไปฟังอีกข้าง เขาพูดมาแล้ว10 เรื่องที่เขาพูดมามันจริงหรือไม่แล้ว นำมาเผยแพร่ให้เขาอีก จะให้สงบสุขได้ยังไง ศาสนาจะปลอดภัย ทำตามคำสอนได้ยังไง

คิดตรงนี้ อย่าคิดว่า ผมกำลังรบกับพระ กำลังทำลายศาสนา ถ้าวิจารณ์กันแบบนี้ ก็ท้อใจเหมือนกัน แต่ถ้าท้อไม่ได้ เพราะยืนตรงนี้"นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า จะเป็นสะพานที่เข็มแข็งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สื่อจะไม่เป็นสะพานร่วมกันผมหรือ หรือจะรอเพียงอย่างเดียว เห็นแก่ตัวกันหรือไม่ ทุกอย่างมีปัญหาก็เรียกนายกฯ ถ้าไม่ร่วมมือกันพูดอะไรมีปัญหาหมด ถ้าไม่ช่วยสร้างมันจะแข็งแรงได้อย่างไร จะรอแต่ประโยชน์กันอย่างเดียวได้ยังไง

" ที่ทำทุกนี้ทำเพื่ออำนาจหรือ ที่พูดทุกวันเพื่อผลประโยชน์หรือ นึกถึงผมบ้าง ไม่ใช่มาไล่ล่ากันทุกวัน โน่น ไป ไล่ล่าคนทำผิด โน่น! ไม่เช่นนั้นคนดีไม่อยากทำงาน"

เมื่อผมแตะท่านไม่ได้ ท่านก็อย่ามาแตะผม

"อย่ามาแตะผม"
บิ๊กตู่ บ่น"ผมไม่เคยไปกำหนดสื่อเลย ผมพูดแล้วชี้แจง ท่านจะมากำหนด ผมไม่ได้ จำเอาไว้ ในเมื่อผมแตะท่านไม่ได้ ท่านก็อย่ามาแตะผม"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของลูกศิษย์ธรรมกายเป็นรายที่ 2 ว่า เขาชี้แจงกันหรือยังว่าเสียชีวิตในวัดตรงไหน ในห้องปิดล็อคหรือไม่ แล้วตายมากี่ชั่วโมงแล้ว คิดบ้าง. ไม่ต้องมาถามผม
ส่วนที่อ้างว่าติดด่าน มาตรา 44 นั้น ใครจะไม่ให้เข้าต้องไปดู มันเป็นข้ออ้างแล้วสื่อจะอ้างตามเขาทำไม
"แล้วสื่อก็เป็นเครื่องมือเขาแบบนี้ ตนชี้แจงไปกี่ครั้งแล้วจะเอาอะไรอีก ผมไม่เคยไปกำหนดสื่อเลย ผมพูดแล้วชี้แจง แต่ท่านจะมากำหนดผมไม่ได้ จำเอาไว้ ในเมื่อผมแตะท่านไม่ได้ ท่านก็อย่ามาแตะผม"
“เขาต้องการ IO (ปฏิบัติการข่าวสาร) เขาพูดความจริงหรือเปล่า ถ้าจริงก็รับ ไม่จริงก็ไม่รับ สื่อต้องไปพูดความจริง ไม่ใช่ไปต่อความยาวสาวความยืด คิดถึงเจ้าหน้าที่ที่เขาทำงานนอนอยู่ 3 พันคน เขาร้อน คิดถึงลูกเมีย คิดกลับมาทางนี้บ้าง ไม่ใช่ไปทำให้คนผิดกฎหมายตลอด ไปฟังเขาตลอด แก้ปัญหาไม่ได้ ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

"อย่าคิดว่า ผมกำลังรบกับพระ ผมกำลังทำลายศาสนา ถ้าวิจารณ์กันแบบนี้ ผมก็ท้อใจเหมือนกัน



"อย่าคิดว่า ผมกำลังรบกับพระ ผมกำลังทำลายศาสนา ถ้าวิจารณ์กันแบบนี้ ผมก็ท้อใจเหมือนกัน แต่ถ้าท้อ ก็ไม่ได้ เพราะยืนตรงนี้"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ในการข่าวมีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นขบวนการอะไร แล้วมาเขียนอะไรตุตะ เยอะไปหมด
"โธ่!คุณมีของคุณทั้งหมด แต่ต้องการให้ผมตอบกับ สิ่งที่มีปัญหากับคนเขา สื่อต้องบอกให้เขาหยุดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ ถ้าคิดว่าถูกบริสุทธิ์ก็ออกมาต่อสู้คดีทางกฎหมาย อย่าใช้ฃศรัทธาประชาชนเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด เกิดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว หลายคนก็หนีไปต่างประเทศแล้ว แต่หลายคนที่ทำก็ยอมรับโทษ แต่บางพวกมันไม่รับ ทำอยู่อย่างนี้ เราก็ให้ท้ายอยู่แบบนี้ "
"ผมจำเป็นต้องพูด เพราะเบื่อแล้ว เขาคือคนไทยก็ต้องมีหลักคิด ทำอะไรต้องมีหลักในการคิด อย่าใช้หลักการของสื่ออย่างเดียว
วันนี้ประเทศกำลังมีปัญหาจะทำกันแบบปกติได้อย่างไร ผมเชื่อว่าทุกท่านมีจรรยาบรรณ คิดเป็น แต่ต้องพยายามลดปัญหามาให้ผมบ้าง ให้กฎหมายเจ้าหน้าที่ทำงาน แต่ท่านไปฟังอีกข้าง เขาพูดมาแล้ว10 เรื่องที่เขาพูดมามันจริงหรือไม่แล้ว นำมาเผยแพร่ให้เขาอีก จะให้สงบสุขได้ยังไง ศาสนาจะปลอดภัย ทำตามคำสอนได้ยังไง
คิดตรงนี้ อย่าคิดว่า ผมกำลังรบกับพระ กำลังทำลายศาสนา ถ้าวิจารณ์กันแบบนี้ ก็ท้อใจเหมือนกัน แต่ถ้าท้อไม่ได้ เพราะยืนตรงนี้"นายกรัฐมนตรี กล่าว

ยิงถล่มรถผู้ช่วยผญบ.รับส่งนักเรียนที่รือเสาะ ผู้ใหญ่ดับ 3 เด็ก 1 เจ็บอีกหลายคน

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง ในห้วงที่รัฐบาลกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐกำลังเร่งดำเนินการสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" และสานต่อโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อให้พื้นที่สงบสันติสุขโดยเร็ว แต่ล่าสุดเกิดเหตุคนร้ายกราดยิงรถผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ขับรถส่งนักเรียนใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิตหลายราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายวัยเพียง 8 ขวบ 
car
          เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.40 น. วันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.60 คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่รถของ นายสมชาย ทองจันทร์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านศรีภิญโญ หมู่ 6 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งกำลังขับไปส่งลูกๆ และเด็กในหมู่บ้านไปส่งโรงเรียนในพื้นที่ เหตุเกิดบนถนนในท้องที่บ้านธรรมเจริญ หมู่ 6 ต.โคกสะตอ ทำให้รถของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นรถกระบะ สีบรอนซ์เงิน เสียหลักตกข้างทาง 
          เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย คือ นายสมชาย ทองจันทร์ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าของรถ นางรัตติกา ทองจันทร์ อายุ 40 ปี ภรรยาของนายสมชาย นางสน ทองจันทร์ อายุ 42 ปี พี่สะใต้ของนายสมชาย ด.ช.ธนกฤต ทองจันทร์ อายุ 8 ขวบ ลูกชายของนายสมชาย นอกจากนั้นยังมี ด.ญ.จิรภัทสร ทองจันทร์ อายุ 12 ปี และ ด.ญ.สิรภัทสร ทองจันทร์ อายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วนเด็กหญิงอีกคนที่อยู่ในรถ ไม่ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการยิงใส่รถผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ แต่ให้น้ำหนักไปที่การสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ