PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ปล่อยปูลงทะเล

ปู กับ ตู่

“บิ๊กตู่” เปรียบตัว เป็น”พ่อปู” ให้ลูกปูเดืนตามต่อไป เพราะ”แม่ปู”จะเลี้ยวไปเลี้ยวมา.....ถาม เบื่อปู กันแล้ว ใช่มั้ย ??!

“นายกฯบิ๊กตู่”ปล่อยลูกปูม้า  10 ล้านตัว คืนสู่ทะเล ชุมพร เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทะเลและชายฝั่งภาคใต้ตอนบน ร่วมกับชาวประมงกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล กลุ่มท่องเที่ยวทางทะเล และชุมชน 

พร้อมแนะนำว่าการปล่อยลูกปูลงสู่ทะเลต้องสร้างความคุ้นเคยให้กับลูกปูก่อน ไม่ใช่ปล่อยลงไปแล้วก็งง เพราะไม่รู้จักหิน ไม่รู้จักปะการัง มาก่อน เป็นแบบนี้ก็จะไม่รอด

พรัอม หยอกล้อกับเด็กๆในชุมชนว่า “กินปูกันมั้ย เบื่อปูกันหรือยัง กินกันบ่อยแล้วซิ แสดงว่าเบื่อปูกันแล้ว ใช่มั๊ย”

“ผมก็เปรียบเหมือนพ่อปู ขอให้เดินตามพ่อปูต่อไป เพราะการเดินตาม แม่ปูมันจะเลี้ยวไปเลี้ยวมา นะ” นายกฯกล่าว หลัง ปล่อยปู

นายกฯ ยังไม่ตอบโต้ กรณี  อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ทวีต  ถามว่า ยังจำชื่อได้หรือ 

“ผมไม่สนใจ  ถ้าสนใจทุกเรื่อง ก็ตายหมดแหล่ะ วุ่นวายกันไปหมด”

ต้องทบทวน

ต้องทบทวน



หลังจาก 5 เสือ กกต.ชุดใหม่เริ่มทำงาน แผนเตรียมการจัดเลือกตั้ง ส.ส. และลากตั้ง ส.ว.ชุดใหม่ก็คลอดออกมาอย่างรวดเร็ว
กำหนดกรอบเวลาไว้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งทุกขั้นตอน
“แม่ลูกจันทร์” ขอสรุปย่อๆให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้คือ...
เมื่อ ก.ม.ลูก 2 ฉบับสุดท้าย คือ พ.ร.บ. เลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ลากตั้ง ส.ว.ประกาศใช้บังคับในเดือนกันยายน
กกต.ชุดใหม่ จะแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศใหม่ จากเดิม 375 เขต ให้เหลือ 350 เขต ให้เสร็จภายใน 60 วัน
บวกเวลาให้พรรคการเมืองทำไพรมารีโหวตจัดโผผู้สมัคร ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 30 วัน
พอได้ฤกษ์ดี “วันที่ 4 มกราคม 2562” กกต. จะประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส. อย่างเป็นทางการ
โดยกำหนดให้ “วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562” เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่ตามโรดแม็ป คสช. ที่ประกาศไว้พอดีเป๊ะเลย
ส่วนแผนเตรียมการลากตั้ง ส.ว. 250 คน บทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้ คสช. มีอำนาจแต่งตั้ง ส.ว.ชุดใหม่โดยตรง 200 คน
และให้อำนาจ คสช.เลือกจิ้ม ส.ว.ที่ผ่านการสรรหาอีก 50 คน
วันที่ 22 มกราคม 2562 หรือก่อนเลือกตั้ง ส.ส. 1 เดือน กกต.จะประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับลากตั้งเป็น ส.ว.ชุดใหม่ครบทั้ง 250 คน
ท่านที่อยากจะเป็น ส.ว.ลากตั้ง ยังมีเวลาซ้อมวิ่งอีก 3 เดือน
“แม่ลูกจันทร์” ชื่นชม 5 เสือ กกต.ชุดใหม่ ซึ่งมี “นายอิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต.ป้ายแดง เป็นหัวหน้าทีม ที่ประกาศไทม์ไลน์การเลือกตั้ง ส.ส.
และการลากตั้ง ส.ว.ล่วงหน้าครบถ้วนทุกขั้นตอน
เป็น “ใบเสร็จยืนยัน” จาก กกต.ชุดใหม่ว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่จะเกิดขึ้นใน “วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562” หรืออีก 7 เดือนจากนี้ไปอย่างแน่นอน!!
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า หน้าที่หลักของ กกต.ใหม่ทั้ง 5 คน (กำลังจะเพิ่มอีก 2 คน เป็น 7 คน) คือเตรียมจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ให้เรียบร้อยสุจริตโปร่งใสเที่ยงตรงเป็นธรรม
โดยไม่อยู่ใต้ความครอบงำหรือใบสั่งของผู้ใด
ส่วนใครจะเป็นนายกฯ? ใครจะเป็นรัฐบาล? ให้เป็นอำนาจประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
สุดท้าย “แม่ลูกจันทร์” กระชุ่น “นายอิทธิพร” ประธาน กกต.คนใหม่ โปรดทบทวนงบจัดการเลือกตั้ง ส.ส. และงบจัดลากตั้ง ส.ว. ซึ่ง กกต.ชุดเก่าตั้งวงเงินไว้สูงเว่อร์เกินควร
โดยขออนุมัติงบรัฐบาล 5,800 ล้านบาท เพื่อจัดเลือกตั้ง ส.ส.
และขออนุมัติงบอีก 1,200 ล้านบาท เพื่อจัดลากตั้ง ส.ว.
รวมเบ็ดเสร็จเป็นเงินถึง 7,000 ล้านบาท สูงกว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเกือบเท่าตัว
“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่า วงเงินเตรียมเลือกตั้ง 7,000 ล้านบาท ที่ กกต.ชุดเก่าตั้งแท่นไว้สูงเกินความจำเป็น
สามารถลดวงเงินได้อีก 2,000 ล้านบาทสบายๆ
เพราะ กกต.ใช้งบจัดเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุด 3,000 ล้านบาท การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่ ถ้าอัดฉีดงบเพิ่มให้ กกต.อีก 1,500 ล้านบาท รวมเป็น 4,500 ล้านบาท ก็สมน้ำสมเนื้อดี
ส่วนงบลากตั้ง ส.ว. ที่ตั้งไว้มโหฬารถึง 1,200 ล้านบาท ถ้าปรับลดเหลือ 500 ล้านบาท ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน
เพราะประชาชนไม่ได้เลือก ส.ว.โดยตรง ผู้สมัครสรรหา ส.ว.ลงคะแนนเลือกกันเอง แล้วส่งโผให้ คสช.เลือกจิ้มให้เหลือ 50 คน
อย่าลืม ว่าเงินทุกบาทที่ กกต.ใช้มาจากภาษีประชาชน!!
ช่วยประหยัดเงินภาษีประชาชนบ้างเถอะ กกต.
“แม่ลูกจันทร์”

“ตัวเลข” กับ “ลมปาก”

“ตัวเลข” กับ “ลมปาก”



เจ้าถิ่นยี่ห้อประชาธิปัตย์ “ค้อนขวับ” เลยก็แล้วกัน
กับเสียงของประชาชนชาวจังหวัดระนองที่ตะโกนเชียร์เสียงดังให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. อยู่ต่อนานๆไปเลย ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง
ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ระนอง ประชุม ครม.สัญจรที่ จ.ชุมพร
อย่างน้อยก็มีคนใต้ย้อนศร สวนกระแสยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่โหยหาเลือกตั้งวันละ 3 เวลาหลังอาหาร
ตามสถานการณ์ที่นักการเมืองอาชีพต่างตีปี๊บ ตามแห่กระแสที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ที่ยังมีอยู่แค่ “5เสือ” ได้โชว์ปฏิทินล็อกคิวเลือกตั้งแบบลงวัน ว. เวลา น. ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
แต่วันถัดมาก็เสียงอ่อย ยังเป็นแค่ “ตุ๊กตา”
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงจะปลดล็อกตามที่ คสช.ยึดเกณฑ์ “บ้านเมืองต้องสงบ”
มีหมายเหตุเป็น “ปลายเปิด” ไว้กว้างๆ
เรื่องของเรื่อง ปฏิทินของ กกต.ก็ล้อกับ “ไทม์ไลน์” ที่ “นายกฯลุงตู่” ประกาศสัญญาประชาคมให้รับรู้กันทั่วโลกว่า
ประเทศไทยจะเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า 2562
แต่เมื่อมีการเทียบเคียงกับเงื่อนไขสถานการณ์ของกฎหมายลูก บวกกับเผื่อปัจจัยแปรผันที่คุมไม่ได้ นับไปนับมา โอกาสเป็นไปได้มากสุดจะเลือกตั้งกันได้ก็เดือนเมษายนปีหน้า
เอาเป็นว่า ณ เบื้องนี้ ทุกอย่างได้ถูกลากเข้าโหมดเลือกตั้งแล้ว
แนวโน้มสถานการณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” นัดเฉลยวิธีการตีตั๋วต่อเก้าอี้นายกฯในเดือนกันยายนนี้
แต่ที่แน่ๆต้องถือว่ามาได้ถูกที่ถูกเวลา
และนับเป็นจุดที่โยงกับเงื่อนไขสถานการณ์เลือกตั้งได้เข้าเค้าที่สุด
กับตัวเลขล่าสุดที่นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
รายงานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2561 ขยายตัว ร้อยละ 4.6 จากที่ตลาดคาดว่าจะเติบโต ร้อยละ 4.4
ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ครึ่งปีแรก ขยายตัวที่ร้อยละ 4.8
จากการบริโภคและการลงทุนรวมขยายตัวขึ้น รวมทั้งการส่งออกขยายตัวในเกณฑ์สูง การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังคงตัวเลขคาดการณ์จีดีพีทั้งปีไว้ที่ร้อยละ 4.2-4.7
และเมื่อประเมินทุกดัชนีแข็งแรงและดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องความเชื่อมั่น การบริโภคทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน แนวโน้มภาคการลงทุนที่ขยายตัว เช่นเดียวกับการส่งออกและการท่องเที่ยว
สะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ
สำทับด้วยคิวที่นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการประจำเดือนกรกฎาคม 2561 ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. พบค่าดัชนีฯอยู่ที่ระดับ 93.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 91.7 ในเดือนมิถุนายน
ถือเป็นค่าดัชนีฯสูงสุดในรอบ 62 เดือน นับตั้งแต่มิถุนายน 2556 โดยปัจจัยหลักเกิดจากผู้ประกอบการเห็นว่ากำลังซื้อในประเทศปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะภาคเกษตร
ปฏิเสธไม่ได้ มันมาจาก “สมคิด แฟกเตอร์”
แบบที่เห็นข่าวหน้าเศรษฐกิจรายวัน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินหน้าไล่กวดไล่บี้ กระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ เข็นการลงทุนภาคเอกชน โรดโชว์ต่างชาติ เร่งเม็ดงานเมกะโปรเจกต์ บวกกับสารพัดมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก
อุ้มเกษตรกร ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
จนผลออกมาเป็น “ตัวเลขมาตรฐานอย่างเป็นทางการ”
เบิ้ลกับลมปากนักการเมือง พรรคเพื่อไทย ยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ปลุกอุปาทานหมู่ปัญหาปากท้อง
เจาะยางรัฐบาล “ลุงตู่” จ้องย้ำปมด้อยรัฐบาลท็อปบูต
ลีลาแบบที่จู่ๆโคตรเซียนการเมืองระดับปรมาจารย์ชวน หลีกภัย ประธานกุนซือค่ายประชาธิปัตย์ ออกมาบ่น ช่วงนี้
เศรษฐกิจในปักษ์ใต้ทรุดที่สุด ยางพาราปั่นไม่ขึ้น ปาล์มน้ำมันดิ่ง ผู้รับเหมาทิ้งงาน
จังหวะชิงตัดหน้า “นายกฯลุงตู่” ขนคณะลงพื้นที่ ครม.สัญจรจังหวัดระนอง ชุมพร พอดิบพอดี
แต่อีกมุมหนึ่งก็น่าสนใจ ถึงตอนนี้ “เทพเจ้าชวน” ต้องกระโดดลงจากหิ้งมาเล่นเองแล้ว 2–3 รอบ
ประคองเรตติ้งตีกันป้อมค่ายอื่นบุกใต้
สะท้อนอาการไม่มั่นใจฐานคะแนน คนใต้รุ่นใหม่จะภักดีกับยี่ห้อประชาธิปัตย์เหมือนคนรุ่นเก่าแค่ไหน
นั่งเฉยๆรอกินบุญเก่าไม่ปลอดภัยแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน