PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

โต้แย้งคำแถลงสิทธิบัตรกัญชา

คำแถลงของกรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.2561) ซึ่งยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา และขณะนี้ยังไม่มีการออกสิทธิบัตรกัญชานั้น ได้ละเลยเรื่องสำคัญคือ การที่กรมทรัพย์สินฯได้ดำเนินการให้มีการ "ประกาศโฆษณา" สิทธิบัตรเกี่ยวกับกัญชาไปแล้ว อย่างน้อย 8 คำขอสิทธิบัตร
ใน 8 คำขอสิทธิบัตรนั้น มีคำขอสิทธิบัตรจำนวนหนึ่ง เช่น คำขอสิทธิบัตร "ไฟโตแคนนาบินอยด์ในการรักษามะเร็ง" ของบริษัท GW Pharma และ Otzuka Pharmaceutical หมายเลขคำขอสิทธิบัตร 1201004672
ระบบ PCT โดยได้มีการประกาศโฆษณาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2557 นั้น ขัดต่อกฎหมายอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการขอรับสิทธิบัตร "สารสกัดต้นแคนนาบิส (cannabis plant extract)" ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืช อันเป็นข้อห้ามตามมาตรา 9(1)
ใน พ.ร.บ.สิทธิบัตร มาตรา 28(1)เขียนอย่างชัดเจนว่า "ถ้าอธิบดีพิจารณาเห็นว่าคำขอรับสิทธิบัตรไม่ถูกต้องตามมาตรา 17 หรือการประดิษฐ์นั้นไม่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 9 ให้อธิบดีสั่งยกคำขอรับสิทธิบัตรนั้น และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งคำสั่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังผู้ขอรับสิทธิบัตรหรือโดยวิธีการ
อื่นที่อธิบดีกำหนดภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่อธิบดีมีคำสั่ง
การประกาศโฆษณาจะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นคำขอสิทธิบัตรที่ถูกต้องเท่านั้น ดังระบุไว้ใน มาตรา28(2) ว่า " ถ้าอธิบดีพิจารณาเห็นว่าคำขอรับสิทธิบัตรถูกต้องตามมาตรา 17 และการประดิษฐ์นั้นได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 9 ให้อธิบดีมีคำสั่งให้ประกาศโฆษณาคำขอรับสิทธิบัตรนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง"
การประกาศโฆษณาคำขอสิทธิบัตรดังกล่าวจะมีผลในการขัดขวางนักวิจัยไทยในการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับสารสกัดดังกล่าว แม้ว่าจะยังไม่มีการรับจดทะเบียนหรือออกสิทธิบัตรก็ตาม เนื่องจาก ในมาตรา 35(ทวิ) ได้ให้การคุ้มครองชั่วคราวผู้ยื่นขอสิทธิบัตรและได้ประกาศโฆษณาไว้ดังนี้
" การกระทำที่ขัดต่อมาตรา 36 ก่อนวันออกสิทธิบัตรมิให้ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ทรงสิทธิบัตร เว้นแต่จะเป็นการกระทำต่อการประดิษฐ์ ที่ขอรับสิทธิบัตรและได้มีการประกาศโฆษณาคำขอดังกล่าวตามมาตรา 28 แล้ว โดยบุคคลผู้กระทำรู้ว่าการประดิษฐ์นั้นได้มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรไว้แล้วหรือได้รับคำบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรว่าการประดิษฐ์นั้นได้มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรไว้แล้ว"
ยังมีคำขอสิทธิบัตรที่ขัดต่อกฎหมายแต่ได้มีการประกาศโฆษณาโดยไม่ชอบโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆอีกในจำนวน 8 คำขอสิทธิบัตรดังกล่าว โดยไบโอไทยจะทยอยนำมาเผยแพร่เป็นลำดับต่อไป

ปปช.ยืดเวลา

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.กล่าวว่า ตามที่ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 ได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 ธันวาคม 2561 นี้ ต่อมามีกรณีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ให้เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทบทวนการออกประกาศดังกล่าวในส่วนของตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย

ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว เห็นว่าตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการ สภามหาวิทยาลัย ยังคงเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่เนื่องจาก เป็นตำแหน่งใหม่ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หากจะให้ประกาศฯ มีผลใช้บังคับทันทีกับผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะกระทบต่อการบริหารงานในมหาวิทยาลัย จึงมีมติให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว เฉพาะในส่วนของตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมถึงตำแหน่งประธานสภาสถาบัน รองประธานสภาสถาบัน และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า แต่ไม่รวมถึงตำแหน่งอธิการบดี ทั้งในสถาบันอุดมศึกษา ในกำกับของรัฐและสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดของรัฐ  ให้ขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 31 มกราคม 2562 เพื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้รวบรวมความคิดเห็นของบุคลากรทางการศึกษา ภาคส่วนต่างๆ ของสังคม เพื่อพิจารณา ในรายละเ