PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

“บิ๊กแดง” มาแล้ว....นั่ง ผบ.ทบ.คนที่41 ....”วงศ์เทวัญ” ยึดหัวหาด ทบ.

“บิ๊กแดง” มาแล้ว....นั่ง ผบ.ทบ.คนที่41 ....”วงศ์เทวัญ” ยึดหัวหาด ทบ. ..จ่อ นั่ง เลขาฯคสช.-ผบ.กกล.รส.
“บิ๊กแดง”พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์. เตรียมทหาร20 เกษียณ ตค.2563 น้องรักต่างเหล่ากำเนิด สายวงศ์เทวัญ ของ บิ๊กตู่ ขยับจาก ผช.ผบ.ทบ. เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ คนที่ 41 ของกองทัพบก ตามคาด
โดยได้รับการสนับสนุนจาก พลเอกประยุทธ์ ให้เติบโตในทบ.มาตลอด จนเป็น ผบ.ทบ. ที่จะถูกจับตามอง มากว่า จะเป็น กองทัพ ที่เป็นกองหนุน พลเอกประยุทธ์ จากนี้ไป
โดยหลัง 1 ตค.นี้ พลเอกอภิรัชต์ และผบเหล่าทัพ ชุดใหม่ จะได้รับการแต่งตั้ง จาก พลเอกประยุทธ์ หัวหน้า คสช. ให้เป็น สมาชิก คสช. แทน ผบ.เหล่าทัพ ที่จะเกษียณ
และถือเป็น คสช. รุ่นสุดท้าย ก่อน การเลือกตั้ง และส่งท้ายรัฐบาล คสช.
โดยที่ พลเอกอภิรัชต์ จะเป็น เลขาฯคสช. และ ผบ.กกล.รส. ด้วย
และจะรั้งตำแหน่ง เลขาฯ คสช. และ ผบ.กกล.รส.

ลุงกำนัน ลงพื้นที่่สารคาม

Samran Rodpetch
ไม่ได้ไปมหาสารคามมานานแล้ว เมื่อวาน (2ก.ย.61)มีโอกาสร่วมคณะ กับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ,พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์,คุณหมอศุภผล เอี่ยมเมธาวี,ดร.สุริยะใส กตะศิลา,ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชรและคุณทศพล พรหมเกตุ ไปพูดคุยเสวนากับ”ชมรมเศรษฐกิจพอเพียง อีสาน 20จังหวัด(ศพอ 20) ประเด็นที่เสวนากันก็คือ...เศรษฐกิจพอเพียงจะดำเนินการให้เป็นจริงได้อย่างไร..
การพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงดังกล่าว แม้จะอยู่บนหลักการ หลักปรัชญา 3ห่วง2เงื่อนไข(รู้ประมาณ/มีเหตุผล/มีภูมิคุ้มกัน- โดยต้อง มีความรู้/มีคุณธรรม) ก็ตาม แต่วงเสวนาได้พูดถึงรูปธรรมแนวทางที่จะนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชามาตอบโจทย์ชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจ...
ว่างๆวันหน้าหลังฟังความเห็นวงอื่นๆเพิ่มเติม จะนำมาเล่าสู่กันฟัง ครับ
#รวมพลังประชาชาติไทย รับฟังประชาชน

จตุพร...สนธิ และสุสานคนเป็น!!!


Satien Viriyapanpongsa
จตุพร...สนธิ และสุสานคนเป็น!!!
สามสี่วันนี้ได้คุยกับบรรดาผู้นำมวลชนสีต่างๆหลายต่อหลายคน เพื่อเอามาออกในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าว
แต่ก่อนจะออนแอร์ ขอเอาบางตอนที่คุยมา เล่าให้ฟังพลางๆไปก่อนนะครับ
วันนี้ขอเริ่มจากที่คุยกับคุณจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. ก่อน
คุณจตุพร เพิ่งออกจากคุกมาไม่ถึงเดือน รอบล่าสุดนี่ติดปีกว่าๆ แต่เจ้าตัวบอกว่าการติดคุกรอบนี้ทำให้วิธีคิดเปลี่ยนไปมากพอสมควร
สิ่งที่ทำให้ความคิดเปลี่ยนไปมากก็คือการได้คุยกับคนต่างสีอย่างเปิดใจ อย่างสนธิ ลิ้มทองกุล หรืออดีตหลวงปู่พุทธอิสระ
ตอนอยู่นอกคุกไม่มีทางได้คุยกันแบบเปิดใจขนาดนี้
"จตุพร" บอกว่า การคุยกันในคุกมันทำให้เราเข้าใจมิติความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่าย เพราะคุกมันคือจุดต่ำสุด ไม่ต่างกับสุสานคนเป็น มันไม่มีอีโก้ ไม่มีตัวตน เหลือแต่ความเห็นอกเห็นใจกัน
"คุยกันโดยไม่มีอคติ ไม่ต้องคิดว่าจะออกมาแถลงข่าวยังไง ไม่ต้องคิดว่าจะต้องอธิบายมวลชนยังไง มันก็เลยคุยกันได้ทุกเรื่อง"
"การที่ได้คุยกับคุณสนธิ คุยกับหลวงปู่ มันทำให้ผมคิดว่าตลอด 10 ปี เรามองคนละมุมกันแทบทุกเรื่อง มันไม่มีใครผิด ใครถูก แต่เราอยู่ในจุดที่มองคนละด้าน มันเลยเห็นความจริงคนละแบบ ทุกวันนี้ย้อนไปฟังที่ตัวเองเคยปราศรัยบนเวที ฟังแทบไม่ได้เลย"

ประธานนปช. สรุปบทเรียนการต่อสู้ทางการเมืองตลอด 10 ปีที่ผ่านมาว่าวันนี้เราต้องหันหน้ามาคุยกัน เราต้องแก้กันก่อนจะตาย ก่อนจะนองเลือด
เชื่อว่าทุกฝ่ายคุยกันได้ ไม่ต้องรอให้เกิดการสูญเสียก่อนถึงจะมานั่งแก้ปัญหากัน
นึกถึงคำของพล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส เมื่อหลายปีก่อนเคยบอกกับผมว่าคุณจำไว้นะ ความปรองดองในเมืองไทย มันจะเริ่มจากใน "คุก"
/////////////

วิบาก “ประยุทธ์” เดินหน้าฝ่ามลพิษคนรอบข้าง : ศรัทธาเดี่ยว แบกตัวถ่วง

วิบาก “ประยุทธ์” เดินหน้าฝ่ามลพิษคนรอบข้าง : ศรัทธาเดี่ยว แบกตัวถ่วง



ข่าวดีของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่องสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 3
คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้รายงานว่า พระอาการประชวรไข้หวัดใหญ่หายเป็นปกติ ไม่ทรงมีพระปรอท (ไข้) ทรงพระกรรสะ (ไอ) ลดลง เสวยพระกระยาหารและบรรทมได้ดี ผลการเอกซเรย์พระปัปผาสะ (ปอด) ดี ผลการตรวจพระโลหิตปกติ
คณะแพทย์จึงขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในวันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พุทธศักราช 2561
“แม่ของแผ่นดิน” หายประชวร ประชาชนคนไทยส่งกำลังใจถวาย
ขณะที่ปฏิทินเข้าสู่เดือนกันยายนไตรมาสสุดท้ายของปี
เดือนสุดท้ายของการเกษียณอายุราชการ
เดือนที่เริ่มเห็นความชัดเจนทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องของโหมดการเลือกตั้ง
ตามสถานการณ์คืบหน้าล่าสุดที่ประชุม คสช. เห็นชอบให้ “คลายล็อก” การเมือง 6 ข้อใหญ่ โดยแตกเป็นประเด็นปลีกย่อยได้ทั้งหมด 9 เรื่อง
ประกอบด้วย 1.ให้พรรคจัดประชุมใหญ่ เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 3.สามารถดำเนินการไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการเพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้
5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกได้ และ 6.การแก้ไขข้อบังคับพรรค ให้เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเพื่อจัดประชุมใหญ่ได้
ปล่อยไฟเขียวให้นักเลือกตั้งขยับทีละขยัก
ตามเงื่อนไขเวลาที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ยืนยันการใช้อำนาจ ม.44 คลายล็อกการเมือง ต้องรอภายหลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.โปรดเกล้าฯลงมา
ว่าไปมันก็เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
สถานการณ์คืบหน้าไปตามโปรแกรมโรดแม็ปที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศสัญญาประชาคมไว้
แต่บรรยากาศมาเร้าภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ ได้ย้ำความชัดเจนอีกขั้น โดยการลงวัน ว. เวลา น. โชว์ปฏิทินกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
หัวหน้า คสช.เลยต้องโดนกดดันเรื่องปลดล็อกกฎเหล็กตามเงื่อนไขสถานการณ์
อาการแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องพูดแล้วพูดอีก โดนจี้ถามกำหนดเลือกตั้งแบบรายวัน ยืนยันแล้วก็ยังมีคนไม่ปักใจเชื่อ โดยเฉพาะนักการเมืองที่กระแนะกระแหนตลอดเวลา
นั่นก็เพราะ “นายกฯลุงตู่” มีส่วนได้ส่วนเสียกับการตีตั๋วต่ออำนาจในการเลือกตั้ง
มันเลยกลายเป็นจังหวะของการเล่นเกมชักเย่อ เอาล่อเอาเถิดกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ฟังจากคนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเกมอำนาจ เพราะจะเกษียณอายุราชการเร็วๆนี้
“บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. แสดงความมั่นใจ ฝ่ายความมั่นคงสามารถคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเลื่อนเลือกตั้งออกไป
ตามกำหนดอย่างเร็วที่สุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และอย่างช้าไม่เกินวันที่ 5 พฤษภาคม ปี 2562
มันก็ต้องเชื่อไว้ก่อน การเลือกตั้งตามโรดแม็ปต้นปีหน้า
อีกจุดที่แสดงให้เห็นเป็นนัย บรรยากาศเข้าโหมดเลือกตั้งโดยธรรมชาติ ก็คือปรากฏการณ์แบบที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ย้ำชัดๆ บนเวทีปาฐกถาพิเศษงาน Thailand Focus 2018
“คอนเฟิร์ม” อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2561 จะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 4.5 ขึ้นไปอย่างแน่นอน จากครึ่งปีแรกที่ขยายตัวได้แล้วกว่าร้อยละ 4.8
ขณะที่การอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก มาตรการดูแลปัญหาปากท้องคนจน ล่าสุดมติที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เพิ่มเงินให้กับผู้ถือบัตรผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมอบรมอาชีพ อีกรายละ 100 บาท และ 200 บาทต่อเดือน เป็นการปรับเปลี่ยนวงเงินซื้อสินค้าร้านธงฟ้า
แถมเบิกเป็นเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงไทยได้อีกต่างหาก
อุดจุดอ่อนปมปากท้อง โหมจุดแข็งการพัฒนาการเศรษฐกิจภาพรวม
ตามฟอร์มของกัปตันทีมเศรษฐกิจ มันคืออาการของรัฐบาลที่แต่งตัวเข้าโหมดเลือกตั้ง
จังหวะแบบนี้ มีหรือที่นักการเมืองเขี้ยวลากดินจะอ่านไม่ออก
แบบที่นักเลือกตั้งอาชีพทุกป้อมค่ายขยับออกตัวกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ตามแนวโน้ม ข้อ 6 ในเงื่อนไขคลายล็อกกฎเหล็ก คสช.ที่ไฟเขียวให้ประชุมเลือกคณะกรรมการบริหาร เลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคได้
แนวโน้มต้องเปิดฉากฟัดกันเองก่อนลงสนาม
ตามสถานการณ์ที่ต้องจับตา “ศึกสายเลือด” ในพรรคประชาธิปัตย์ แกะรอยจากปรากฏการณ์แปร่งๆแบบที่นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เรียกร้องไม่ให้ร่วมเผด็จการสืบทอดอำนาจ
เหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสความชอบธรรมให้ “อภิสิทธิ์” ในการยื้อสู้กับเกมล้มโต๊ะ จากการเคลื่อนไหวภายในพรรคของกลุ่มต่างๆที่จ้องรอเปลี่ยนแม่ทัพคนใหม่
ไม่ให้ “อภิสิทธิ์” เป็นอุปสรรคดีลอำนาจการเกาะขบวนไปต่อกับ “นายกฯลุงตู่”
สถานการณ์เดียวกันกับป้อมค่ายเพื่อไทยที่จ่อเปิดศึกหักดิบชิง “นอมินีภาค 3” ตามท้องเรื่องที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ถือตั๋ว “นายหญิงบ้านจันทร์ส่องหล้า” ท้าวัดพลังกับ “เฮียสมชาย” นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามีของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ได้แรงหนุนจากทีมพี่น้องของ “นายใหญ่”
ไม่ว่าใครเข้าป้าย ยังไงก็หนีไม่พ้น “วงแตก”
ตามสภาพ “เพื่อไทย” ร้าวลึก “ประชาธิปัตย์” ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ นับวันยิ่ง “เข้าทาง” พล.อ.ประยุทธ์ ที่เล่นบท “นายกฯลุงตู่” แทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกคุ้นเคยของประชาชน กับความตั้งใจและความจริงใจในการแก้ปัญหาประเทศชาติ
โพลยึดอันดับหนึ่งที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง
ขณะที่ตัวช่วยสำคัญอย่าง “สมคิด” กัปตันทีมเศรษฐกิจ ก็ติดอันดับหนึ่งนิด้าโพล ในฐานะรัฐมนตรีที่คนชอบผลงาน การันตีสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ
ไม่ใช่ “จุดอ่อน” ตามฟอร์มของรัฐบาลทหาร
เสริมความได้เปรียบของทีมงานหนุน “ประยุทธ์” ตีตั๋วต่อ
วัดกัน “ตัวต่อตัว” กับคู่แข่งที่เห็นกันอยู่ ณ วันนี้ “นายกฯลุงตู่” เป็นต่อ 2–3 ช่วงตัว
ยิ่งเป็นอะไรที่บวกกับคะแนน “เต็มร้อย” ที่นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ให้คะแนนความจริงใจของผู้นำรัฐบาล คสช.ในการร่วมต่อต้านการทุจริต ในการแถลงผลงาน 7 ปีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย (ACT)
รัฐบาลชุดนี้ให้ความร่วมมือและให้ความสำคัญกับองค์กรเป็นอย่างดี สถานการณ์การเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากอดีตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มลดลงมาก
จากแรงส่งของผู้นำองค์กรต้านคอร์รัปชัน ยิ่งเสริมพลังศรัทธา “นายกฯลุงตู่”
ดีดขึ้นไปอยู่ในจุดลอยลมบน
ภาพโปร่งใส ตั้งใจทำงาน
เพื่อบ้านเมือง แถมมีมือเศรษฐกิจชั้นดีเป็นตัวช่วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ยังมีปมติดติ่งห้อยท้าย แบบที่นายประมนต์ยอมรับตามตรงเลยว่า
ยังมีบุคคลใกล้ตัว “ลุงตู่” หลายคนที่สังคมตั้งข้อสงสัย
ในอารมณ์แบบที่ไม่ต้องเอ่ยตรงๆ สื่อมวลชนก็พุ่งเป้าไปที่มหากาพย์ “นาฬิกาเพื่อน” ของ “พี่ใหญ่” โยงไปถึงปมร้อนหัวคิวโรงไฟฟ้าขยะของ “พี่รอง” เหลียวมองไปถึงโครงการเหมาซื้อเรือประมงของ “เพื่อนรัก”
ท่ามกลางกระแสแบบที่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บางคน ออกตัวเป็นเชิง เครื่องตรวจระเบิดจีที 200 เอาผิดยาก เพราะคนใช้รู้สึกอุ่นใจเหมือนห้อยพระเครื่อง
เท่านั้นแหละเสียงโห่ทั่วบ้านทั่วเมือง ตอกย้ำปมฉาวให้กระเทือนซางไปตามๆกัน
มันเป็นอะไรที่ชัดเจน กระแสสะสม ปมฉาวของคนใกล้ตัวหัวหน้า คสช.
เขี่ยฝอยฟื้นตะเข็บ ฝุ่นกระจายทุกที
นี่แหละเชื่อได้ว่า เป็นปมเหตุที่ทำให้ “นายกฯลุงตู่” หงุดหงิด ระเบิดอารมณ์กับนักข่าว
เพราะ “ปมด้อย” เพื่อนพ้องน้องพี่คนใกล้ตัว สลัดไม่หลุด ตีกรรเชียงชิ่งไม่ออก
ตามฉากสถานการณ์ที่ “ลุงตู่” ต้องถือ “ศรัทธาเดี่ยว” กระเตง “ตัวถ่วง”
ถ้าความเกรงใจเหนือประโยชน์ชาติบ้านเมือง พี่น้องผองเพื่อนมาก่อนภารกิจจำเป็นของประเทศ
มันก็น่าลุ้น “ลุงตู่” จะโหน “ศรัทธาเดี่ยว” ไปได้สักกี่น้ำ.
“ทีมการเมือง”

2 ขั้วฝุ่นตลบก่อนใคร!

2 ขั้วฝุ่นตลบก่อนใคร!



ตุนกระสุนพร้อมรบเต็มโกดัง
คิวที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 วาระ 2-3 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 206 เสียงต่อ 0
รอการเตรียมประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปในเร็วๆนี้
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มีเสบียงกองเต็มหน้าตัก ไว้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 เป็นต้นไป
ทำแต้มต่อยอดไว้คั่วเก้าอี้ผู้นำรอบสอง
ในห้วงที่โหมดเลือกตั้งเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เห็นทิศทางคลายล็อกโดยใช้มาตรา 44 นักการเมืองใกล้ได้ขยับแข้งขยับขาทำกิจกรรมทางการเมือง
กระตุ้นบรรยากาศคึกคัก นักเลือกตั้งเตรียมวอร์มอัปพร้อมลงสนาม รุมกดดันเรียกร้องให้ คสช.รีบปลดล็อกกฎเหล็กทุกข้อ
เงื่อนไขผ่อนปรน 6 ข้อ ชักไม่เพียงพอ ถูกรุกเร้าให้ปล่อยผี หาเสียงได้อย่างเต็มตัว
ตามทิศทางที่ “ลุงตู่” ค่อยๆผ่อนเชือก ลดบทเฮี้ยบตามห้วงเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม ลดแรงปะทะก่อนเวลาอันควร
หลีกเลี่ยงโหมดการสร้างความไม่พอใจในสังคม อย่างที่เห็นกรณีเหยียบเบรก คัดค้านการเพิ่มโทษหนักผู้ไม่พกใบขับขี่ตามร่างกฎหมายใหม่ของกรมการขนส่งทางบกที่ถูกต่อต้านหนัก
ไล่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทบทวนใหม่ กลัวซ้ำรอยกรณีห้ามนั่งท้ายกระบะที่ฉุดรัฐบาลเสียราคาไปด้วย
ไม่เสี่ยงล้อเล่นกับอารมณ์สังคม นั่นคืออาการของคนที่กำลังเก็บเนื้อเก็บตัว แต่งตัวรอลงสนามเตรียมกระโจนคลุกฝุ่นการเมืองเต็มตัว
ตามรูปการณ์ที่ทุกค่ายจะห้ำหั่นกันมากขึ้น ภายหลังการคลายล็อกให้ทำกิจกรรมการเมืองได้ในเดือน ก.ย.
ที่จ่อเปิดศึกล่อกันฝุ่นตลบชัดเจนแน่ๆคือ การสตาร์ตประชุมพรรคการเมือง ฟอร์มทีมกรรมการบริหารพรรคของแต่ละค่าย
ได้เวลาเปิดเผยโฉมหน้าแม่ทัพตัวจริง 2 พรรคใหญ่ “ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย” เคลียร์คลื่นใต้น้ำที่มีมานานให้เกิดความชัดเจนลงตัว
อย่างสถานการณ์ฝั่งประชาธิปัตย์ ชื่อของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เบอร์หนึ่งคนปัจจุบัน ยังไม่ลงล็อกจะได้ต่อวีซ่าผู้นำพรรคต่อไปหรือไม่
มีสิทธิถูกสอยร่วง เตรียมใช้แผนสำรองดัน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หรือ “มือปราบจำนำข้าว” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม วัดรอยรอเบียดเก้าอี้ผู้นำพรรค
เพราะหาก “เดอะมาร์ค” ยังอยู่ก็เป็นอุปสรรคขวางการต่อตั๋วของ “ลุงตู่”
ประชาธิปัตย์มีสิทธิฝันสลาย สูญเสียสถานะตัวแปรสำคัญของท็อปบูตหลังการเลือกตั้ง
ตามทิศทางที่ “อภิสิทธิ์” พยายามโหนกระแสญาติวีรชนพฤษภา 35 โชว์จุดยืนประชาธิปไตย ให้ผู้ที่รวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาล
ไม่ขอร่วมสังฆกรรมรัฐบาลทหาร หากจะใช้เสียง ส.ว.250 เสียง มาใช้ล็อบบี้เลือกนายกฯ
เล่นบทพระเอกชูประชาธิปไตย กู้สถานการณ์ขาเก้าอี้สั่นคลอน
สถานภาพผู้นำของ “เดอะมาร์ค” ยังไม่ชัวร์ แม้จะโชว์บริบทไม่เอาเผด็จการ แต่อีกด้านบางขุมข่ายในประชาธิปัตย์ก็ไม่เอา “อภิสิทธิ์” เหมือนกัน
ขณะที่ฟากพรรคเพื่อไทยก็ช่วงชิงตำแหน่งหัวขบวนฝุ่นตลบไม่แพ้กัน โดยเฉพาะขับเคี่ยวกันระหว่าง “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
พอถึงเวลาทีเด็ดทีขาดจริงๆ ระดับเจ้าแม่สายตระกูลชินวัตรคงไม่ปล่อยให้คนนอกตระกูลมากุมอำนาจบริหารพรรคไปต่อหน้าต่อตา
หากวืดหน้าที่ถือธงเดินนำลงสนามเที่ยวนี้ก็ต้องวัดใจ
“เจ๊หน่อย” จะยังกลืนเลือดอยู่ที่เดิม หรือไปตายเอาดาบหน้าหาที่อยู่ใหม่
สถานการณ์แต่ละค่ายส่อเค้าระอุ แย่งชิงบทบาทการนำพรรคเตรียมรับศึกเลือกตั้ง
กดปุ่มคลายล็อกเมื่อไร 2 ขั้วใหญ่ฝุ่นตลบแน่นอน.
ทีมข่าวการเมือง

15ปีที่รอคอย นายทหารสายวงศ์เทวัญขึ้นเป็นผู้นำกองทัพบกอีกครั้ง

09.20 FM 105 วันจันทร์​ 3 ก.ย. วิแคะโยกย้ายกองทัพ ..
15ปีที่รอคอย นายทหารสายวงศ์เทวัญขึ้นเป็นผู้นำกองทัพบกอีกครั้งหลังนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ซึ่งเติบโตจากกองพลทหารราบที่ 2 ปราจีนบุรี เรียงแถวยึดครองยาวนาน ตั้งแต่ปี 2547 ลุงป้อม อาป๊อก น้าตู่ สามท่านนี้เฟาดๆไป 8 ปี 2546-2547 / 2550-2553 / 2553-2557 ส่วนพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.คนที่ 38 และ 39 อยู่ในตำแหน่งคนละปี ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อยู่สองปี...
พล.อ.อภิรัชต์ ​คงสมพงษ์ บิ๊กแดง เตรียมทหาร20 ผบ.ทบ.คนที่ 41 จะอยู่ในตำแหน่งถึงปี 2563 ก่อนส่งไม้ต่อให้ผบ.ทบ.คนที่ 42 คาดจะเป็นนายทหารจากเตรียมทหาร 22 มาแรงแซงโค้งตอนนี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ซึ่งขึ้นเป็นแม่ทัพ1 ใุนการปรับย้ายล่าสุด หลังขึ้นรองแม่ทัพ 1 ช่วงปรับย้ายกลางปีที่ผ่านมา fast track เลย อยู่6 เดือนขยับขึ้นแม่ทัพอายุราชการยาวถึง 2566...
ปี 2559 พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจเลือกบิ๊กแดงเป็นแม่ทัพภาคหนึ่ง ส่งสัญญาณบอกชัดเจน ผบ.ทบ.คนที่ 41

พรรคสาขา-แนวร่วม เพื่อไทย-ทักษิณ?

หลังเลื่อนการเปิดตัว พรรคประชาชาติ อย่างเป็นทางการ จาก 4 สิงหาคม มาเป็นวันเสาร์ ที่จะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
        สิ่งหนึ่งที่แกนนำพรรค-คีย์แมนพรรคประชาชาติ คงถูกตั้งคำถามทางการเมืองอย่างมากหลังจากนี้ ก็คือ พรรคประชาชาติ คือพรรคสาขา-แนวร่วมพรรคการเมืองของทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เพื่อมาสร้างฐานเสียง เอาเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงสงขลา-สตูล ตลอดจนเจาะคะแนนจากฐานเสียงกลุ่มชาวไทยมุสลิม ใช่หรือไม่?
        ซึ่งแม้แกนนำพรรคจะพยายามปฏิเสธ แต่ก็เชื่อว่าหลายคนก็คงอดคิดในทางการเมืองเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเมื่อดูที่มาที่ไป-เส้นทางการเมือง ของแกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคประชาชาติแต่ละคนก็เห็นชัดว่า ก็คืออดีตคนในเครือข่ายพรรคเพื่อไทย-รัฐบาลเพื่อไทยในอดีตแทบทั้งสิ้น
        ไม่ว่าจะเป็น วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานสภาฯ-อดีต รมว.คมนาคม ที่แม้ตอนช่วงเลือกตั้งปี 2554 ลูกทีมกลุ่มวาดะห์จะย้ายไปอยู่กับพรรคมาตุภูมิ ของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน กันจำนวนมาก แต่ ”วันนอร์” ก็ยังอยู่กับเพื่อไทยมาตลอด หรือ วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่เป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยด้วย, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอ ที่รู้กันดีว่าเป็นอดีตข้าราชการสายเพื่อไทย โดยมีผลงานเข้าตาทักษิณ ชินวัตร หลายเรื่อง เช่น การทำคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ จนเกิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในศาลรัฐธรรมนูญ
        นอกนั้นก็มีพวกอดีต ส.ส.-อดีตผู้สมัคร ส.ส.กลุ่มวาดะห์ ที่อยู่ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย ก็กลับมาผนึกกำลังกันอีกครั้ง เช่น อารีเพ็ญ อุตรสินธ์, นัจมุดดีน อูมา 2 อดีต ส.ส.นราธิวาส รวมถึงที่มีข่าวว่าอาจจะเข้าร่วมงานด้วยในอนาคต เช่น ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่มีข่าวว่าอยู่ระหว่างการตัดสินใจ
        ทั้งนี้ หากดูโมเดลการจัดตั้งพรรคการเมืองที่เน้นการหาเสียงไปที่ชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ รวมถึงการทำการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก ของพรรคการเมืองก่อนหน้านี้ อย่าง พรรคมาตุภูมิ ของพลเอกสนธิ แม้จะพบว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการเลือกตั้งเมื่อปี 54 แต่ก็พบว่า คะแนนของพรรคมาตุภูมิในระบบบัญชีรายชื่อได้มา 251,702 คะแนน โดยได้ ส.ส.เขต 1 คน คือ อนุมัติ ซูสารอ และเมื่อนำคะแนน 251,702 คะแนนดังกล่าวไปคำนวณ ก็ทำให้พรรคมาตุภูมิได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คนคือ พลเอกสนธิ โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ทุกเสียงไม่ตกน้ำ มีการกางข้อมูลกันว่า คะแนนเสียงประมาณ 70,000 คะแนน จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 เก้าอี้ ก็ทำให้กลุ่มผู้จัดตั้งพรรคประชาชาติก็เลยคิดกันว่า หากเจาะฐานเสียงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ต่างๆ เช่น กรุงเทพมหานคร ย่านชานเมือง อาทิ ทุ่งครุ-หนองจอก ก็น่าจะทำให้พรรคได้ ส.ส.ระดับ 12-15 คน เพียงแต่การส่งคนลงสมัครในพื้นที่ต่างๆ ต้องเน้นมากเป็นพิเศษ เพื่อว่าแม้ต่อให้แพ้ แต่ต้องได้คะแนนมาระดับหนึ่ง
        ซึ่งการเดินทางการเมืองแบบนี้ ทางการเมืองคนก็ย่อมมองว่า เป็นการมาเติมเต็มให้กับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่การเลือกตั้งปี 54 เพื่อไทย-กลุ่มวาดะห์ แพ้ราบคาบทั้งที่ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส ไม่ว่าจะใส่เสื้อพรรคเพื่อไทยหรือพรรคมาตุภูมิ จนนำมาสู่การสรุปบทเรียนของนักการเมืองกลุ่มวาดะห์ที่กำลังโรยราว่า ต้องรีแบนด์กันใหม่-จับมือกันให้เป็นเอกภาพ ขณะเดียวกันการที่พรรคประชาชาติที่ถูกมองว่า มีสายสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายเพื่อไทยและทักษิณ จะส่งคนลงในหลายจังหวัด ทั้งภาคใต้-กทม.-กลาง ก็ยังช่วยเก็บคะแนนที่อาจตกหล่นให้กับพรรคเพื่อไทยไม่ให้ไปตกอยู่กับพรรคอื่น
        ทำให้ถึงเวลานี้เห็นได้คร่าวๆ ว่า การเลือกตั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะมีขึ้น หากดูหน้าเสื่อกันถึงตอนนี้ ก็น่าจะเป็นการแข่งขันกันของ 3 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์, พรรคประชาชาติ และพรรคภูมิใจไทย ที่นำทัพโดย กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส
        “อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ แกนนำจัดตั้งพรรคประชาชาติ” กล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งพรรคแล้วประมาณ 600 คน ซึ่งพรรคจะส่งคนลงสมัคร ส.ส.เขตให้มากที่สุด ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ที่มีคนไทยมุสลิมอาศัยอยู่จำนวนมากเท่านั้น เช่น ภาคใต้ ในพื้นที่แถบอันดามันอย่างกระบี่ พังงา ก็จะส่งคนลงสมัคร รวมถึงภาคอีสาน-เหนือ-กลาง เช่นเดียวกับในกรุงเทพมหานคร ก็พยายามจะส่งคนลงสมัครในหลายเขต
        เส้นทางการเมืองของพรรคประชาชาติมองได้ว่า สุดท้ายจะเป็นแนวร่วมการเมืองเดียวกับ ขั้วเพื่อไทย-ไม่เอา คสช. ที่จะประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย-อนาคตใหม่ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, พรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
        ส่วนในช่วงเลือกตั้ง พรรคประชาชาติจะได้รับการสนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการจากฝ่ายเพื่อไทย-ทักษิณ แบบเดียวกับที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ-พรรคความหวังใหม่ เคยได้รับจากทักษิณ ตอนเลือกตั้งปี 2544 ที่เรียกกันว่า “ใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน” หรือไม่ เป็นเรื่องที่คงไม่มีใครพูดกันอย่างเป็นทางการ.