PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

วิบาก “ประยุทธ์” เดินหน้าฝ่ามลพิษคนรอบข้าง : ศรัทธาเดี่ยว แบกตัวถ่วง

วิบาก “ประยุทธ์” เดินหน้าฝ่ามลพิษคนรอบข้าง : ศรัทธาเดี่ยว แบกตัวถ่วง



ข่าวดีของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่องสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 3
คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้รายงานว่า พระอาการประชวรไข้หวัดใหญ่หายเป็นปกติ ไม่ทรงมีพระปรอท (ไข้) ทรงพระกรรสะ (ไอ) ลดลง เสวยพระกระยาหารและบรรทมได้ดี ผลการเอกซเรย์พระปัปผาสะ (ปอด) ดี ผลการตรวจพระโลหิตปกติ
คณะแพทย์จึงขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในวันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พุทธศักราช 2561
“แม่ของแผ่นดิน” หายประชวร ประชาชนคนไทยส่งกำลังใจถวาย
ขณะที่ปฏิทินเข้าสู่เดือนกันยายนไตรมาสสุดท้ายของปี
เดือนสุดท้ายของการเกษียณอายุราชการ
เดือนที่เริ่มเห็นความชัดเจนทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องของโหมดการเลือกตั้ง
ตามสถานการณ์คืบหน้าล่าสุดที่ประชุม คสช. เห็นชอบให้ “คลายล็อก” การเมือง 6 ข้อใหญ่ โดยแตกเป็นประเด็นปลีกย่อยได้ทั้งหมด 9 เรื่อง
ประกอบด้วย 1.ให้พรรคจัดประชุมใหญ่ เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 3.สามารถดำเนินการไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการเพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้
5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกได้ และ 6.การแก้ไขข้อบังคับพรรค ให้เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเพื่อจัดประชุมใหญ่ได้
ปล่อยไฟเขียวให้นักเลือกตั้งขยับทีละขยัก
ตามเงื่อนไขเวลาที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ยืนยันการใช้อำนาจ ม.44 คลายล็อกการเมือง ต้องรอภายหลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.โปรดเกล้าฯลงมา
ว่าไปมันก็เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
สถานการณ์คืบหน้าไปตามโปรแกรมโรดแม็ปที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศสัญญาประชาคมไว้
แต่บรรยากาศมาเร้าภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ ได้ย้ำความชัดเจนอีกขั้น โดยการลงวัน ว. เวลา น. โชว์ปฏิทินกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
หัวหน้า คสช.เลยต้องโดนกดดันเรื่องปลดล็อกกฎเหล็กตามเงื่อนไขสถานการณ์
อาการแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องพูดแล้วพูดอีก โดนจี้ถามกำหนดเลือกตั้งแบบรายวัน ยืนยันแล้วก็ยังมีคนไม่ปักใจเชื่อ โดยเฉพาะนักการเมืองที่กระแนะกระแหนตลอดเวลา
นั่นก็เพราะ “นายกฯลุงตู่” มีส่วนได้ส่วนเสียกับการตีตั๋วต่ออำนาจในการเลือกตั้ง
มันเลยกลายเป็นจังหวะของการเล่นเกมชักเย่อ เอาล่อเอาเถิดกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ฟังจากคนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเกมอำนาจ เพราะจะเกษียณอายุราชการเร็วๆนี้
“บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. แสดงความมั่นใจ ฝ่ายความมั่นคงสามารถคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเลื่อนเลือกตั้งออกไป
ตามกำหนดอย่างเร็วที่สุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และอย่างช้าไม่เกินวันที่ 5 พฤษภาคม ปี 2562
มันก็ต้องเชื่อไว้ก่อน การเลือกตั้งตามโรดแม็ปต้นปีหน้า
อีกจุดที่แสดงให้เห็นเป็นนัย บรรยากาศเข้าโหมดเลือกตั้งโดยธรรมชาติ ก็คือปรากฏการณ์แบบที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ย้ำชัดๆ บนเวทีปาฐกถาพิเศษงาน Thailand Focus 2018
“คอนเฟิร์ม” อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2561 จะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 4.5 ขึ้นไปอย่างแน่นอน จากครึ่งปีแรกที่ขยายตัวได้แล้วกว่าร้อยละ 4.8
ขณะที่การอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก มาตรการดูแลปัญหาปากท้องคนจน ล่าสุดมติที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เพิ่มเงินให้กับผู้ถือบัตรผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมอบรมอาชีพ อีกรายละ 100 บาท และ 200 บาทต่อเดือน เป็นการปรับเปลี่ยนวงเงินซื้อสินค้าร้านธงฟ้า
แถมเบิกเป็นเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงไทยได้อีกต่างหาก
อุดจุดอ่อนปมปากท้อง โหมจุดแข็งการพัฒนาการเศรษฐกิจภาพรวม
ตามฟอร์มของกัปตันทีมเศรษฐกิจ มันคืออาการของรัฐบาลที่แต่งตัวเข้าโหมดเลือกตั้ง
จังหวะแบบนี้ มีหรือที่นักการเมืองเขี้ยวลากดินจะอ่านไม่ออก
แบบที่นักเลือกตั้งอาชีพทุกป้อมค่ายขยับออกตัวกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ตามแนวโน้ม ข้อ 6 ในเงื่อนไขคลายล็อกกฎเหล็ก คสช.ที่ไฟเขียวให้ประชุมเลือกคณะกรรมการบริหาร เลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคได้
แนวโน้มต้องเปิดฉากฟัดกันเองก่อนลงสนาม
ตามสถานการณ์ที่ต้องจับตา “ศึกสายเลือด” ในพรรคประชาธิปัตย์ แกะรอยจากปรากฏการณ์แปร่งๆแบบที่นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เรียกร้องไม่ให้ร่วมเผด็จการสืบทอดอำนาจ
เหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสความชอบธรรมให้ “อภิสิทธิ์” ในการยื้อสู้กับเกมล้มโต๊ะ จากการเคลื่อนไหวภายในพรรคของกลุ่มต่างๆที่จ้องรอเปลี่ยนแม่ทัพคนใหม่
ไม่ให้ “อภิสิทธิ์” เป็นอุปสรรคดีลอำนาจการเกาะขบวนไปต่อกับ “นายกฯลุงตู่”
สถานการณ์เดียวกันกับป้อมค่ายเพื่อไทยที่จ่อเปิดศึกหักดิบชิง “นอมินีภาค 3” ตามท้องเรื่องที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ถือตั๋ว “นายหญิงบ้านจันทร์ส่องหล้า” ท้าวัดพลังกับ “เฮียสมชาย” นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามีของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ได้แรงหนุนจากทีมพี่น้องของ “นายใหญ่”
ไม่ว่าใครเข้าป้าย ยังไงก็หนีไม่พ้น “วงแตก”
ตามสภาพ “เพื่อไทย” ร้าวลึก “ประชาธิปัตย์” ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ นับวันยิ่ง “เข้าทาง” พล.อ.ประยุทธ์ ที่เล่นบท “นายกฯลุงตู่” แทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกคุ้นเคยของประชาชน กับความตั้งใจและความจริงใจในการแก้ปัญหาประเทศชาติ
โพลยึดอันดับหนึ่งที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง
ขณะที่ตัวช่วยสำคัญอย่าง “สมคิด” กัปตันทีมเศรษฐกิจ ก็ติดอันดับหนึ่งนิด้าโพล ในฐานะรัฐมนตรีที่คนชอบผลงาน การันตีสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ
ไม่ใช่ “จุดอ่อน” ตามฟอร์มของรัฐบาลทหาร
เสริมความได้เปรียบของทีมงานหนุน “ประยุทธ์” ตีตั๋วต่อ
วัดกัน “ตัวต่อตัว” กับคู่แข่งที่เห็นกันอยู่ ณ วันนี้ “นายกฯลุงตู่” เป็นต่อ 2–3 ช่วงตัว
ยิ่งเป็นอะไรที่บวกกับคะแนน “เต็มร้อย” ที่นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ให้คะแนนความจริงใจของผู้นำรัฐบาล คสช.ในการร่วมต่อต้านการทุจริต ในการแถลงผลงาน 7 ปีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย (ACT)
รัฐบาลชุดนี้ให้ความร่วมมือและให้ความสำคัญกับองค์กรเป็นอย่างดี สถานการณ์การเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากอดีตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มลดลงมาก
จากแรงส่งของผู้นำองค์กรต้านคอร์รัปชัน ยิ่งเสริมพลังศรัทธา “นายกฯลุงตู่”
ดีดขึ้นไปอยู่ในจุดลอยลมบน
ภาพโปร่งใส ตั้งใจทำงาน
เพื่อบ้านเมือง แถมมีมือเศรษฐกิจชั้นดีเป็นตัวช่วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ยังมีปมติดติ่งห้อยท้าย แบบที่นายประมนต์ยอมรับตามตรงเลยว่า
ยังมีบุคคลใกล้ตัว “ลุงตู่” หลายคนที่สังคมตั้งข้อสงสัย
ในอารมณ์แบบที่ไม่ต้องเอ่ยตรงๆ สื่อมวลชนก็พุ่งเป้าไปที่มหากาพย์ “นาฬิกาเพื่อน” ของ “พี่ใหญ่” โยงไปถึงปมร้อนหัวคิวโรงไฟฟ้าขยะของ “พี่รอง” เหลียวมองไปถึงโครงการเหมาซื้อเรือประมงของ “เพื่อนรัก”
ท่ามกลางกระแสแบบที่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บางคน ออกตัวเป็นเชิง เครื่องตรวจระเบิดจีที 200 เอาผิดยาก เพราะคนใช้รู้สึกอุ่นใจเหมือนห้อยพระเครื่อง
เท่านั้นแหละเสียงโห่ทั่วบ้านทั่วเมือง ตอกย้ำปมฉาวให้กระเทือนซางไปตามๆกัน
มันเป็นอะไรที่ชัดเจน กระแสสะสม ปมฉาวของคนใกล้ตัวหัวหน้า คสช.
เขี่ยฝอยฟื้นตะเข็บ ฝุ่นกระจายทุกที
นี่แหละเชื่อได้ว่า เป็นปมเหตุที่ทำให้ “นายกฯลุงตู่” หงุดหงิด ระเบิดอารมณ์กับนักข่าว
เพราะ “ปมด้อย” เพื่อนพ้องน้องพี่คนใกล้ตัว สลัดไม่หลุด ตีกรรเชียงชิ่งไม่ออก
ตามฉากสถานการณ์ที่ “ลุงตู่” ต้องถือ “ศรัทธาเดี่ยว” กระเตง “ตัวถ่วง”
ถ้าความเกรงใจเหนือประโยชน์ชาติบ้านเมือง พี่น้องผองเพื่อนมาก่อนภารกิจจำเป็นของประเทศ
มันก็น่าลุ้น “ลุงตู่” จะโหน “ศรัทธาเดี่ยว” ไปได้สักกี่น้ำ.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: