PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

โซเชียลฯไม่ได้กรอง

โซเชียลฯไม่ได้กรอง

ตลกร้าย ขำไม่ออก
กับปรากฏการณ์ที่สังคมชาวเน็ตแตกตื่นกระแส “ตึกทรุดเอียง” ที่มีการแชร์กันในโซเชียลมีเดีย ภาพอาคารมีลักษณะคล้ายกับทรุดเอียง คล้ายจะพังถล่มลงมา บริเวณถนนเพลินจิต ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพลินจิต เขตปทุมวัน กทม.
ถึงขั้นมีสำนักข่าวบางแห่งรายงานว่าจะถล่ม ทำเอาผู้คนแตกตื่น
แต่สุดท้ายมีการยืนยันจากผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ไม่ใช่ตึกเอียงแต่เป็นการดีไซน์ สถาปนิกตั้งใจออกแบบให้เห็นเป็นความโน้มเอียง
เล่นเอาเจ้ากรมข่าวโซเชียลฯหน้าแตก เขินไปตามๆกัน
และเมื่อตรวจสอบพบเป็นโครงการโรงแรมหรูของ “น้องเอม” น.ส.พิณทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
ชาวโลกโซเชียลฯก็พาลด่าเป็นเหลี่ยมการตลาด เรียกเรตติ้ง
เรื่องของเรื่องอิทธิฤทธิ์โซเชียลฯ เรืิ่องจริง เรื่องเท็จ ชักจะแยกไม่ออก
หลอกคนเชื่อง่าย เป็นเครื่องมือปลุกปั่นอันทรงประสิทธิภาพยิ่งในสถานการณ์ห้วงปัจจุบัน
และนั่นก็เป็นจุดที่รัฐบาลทหาร คสช.ต้องจัดอยู่ในโหมดของ “ภัยคุกคาม”
ความมั่นคง
ที่แน่ๆ ณ ห้วงเวลานี้ สื่อออนไลน์ เครือข่ายโซเชียลมีเดียของแนวร่วมเสื้อแดงนปช. และพรรคเพื่อไทย คงถูกตามบล็อก ไล่สกัดกันแทบไม่ได้กระดิก
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่โยงกับเกมปลุกระดมมวลชน
แต่อย่างไรก็ตาม ผลจากยุทธการตามไล่บี้กันถึงลูกถึงคน ถึงตรงนี้ก็คงมั่นใจระดับหนึ่ง
เมื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมแสดงความมั่นใจสวนกระแสที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ปูดข้อมูลการขนมวลชนในวันตัดสินคดีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว วันที่ 25 สิงหาคม
ไม่มีอะไร แค่พูดกันไป คสช.ไม่มีการสกัดกั้นอะไร
จะมาก็มา แต่ต้องพูดกันให้ชัดว่า มาแล้วจะไม่มีที่ยืน
ขณะที่ข้อมูล “ข่าวกรอง” อย่างเป็นทางการ จากปากของ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ยืนยันจากการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าสถานการณ์คงไม่มีเหตุความวุ่นวาย
ไม่น่าจะมีอะไรเป็นกรณีพิเศษ การเคลื่อนไหวยังเป็นแค่การแสดงความคิดเห็น
ขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เลขาธิการ คสช. ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ประเมินสถานการณ์วันตัดสินคดีจำนำข้าว คาดมวลชนจะมา 1–2 พันคน ห่วงแค่มือที่สามจะแทรกมาป่วน
มีคำสั่งให้หน่วยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ดูแลพื้นที่ของตัวเองแบบทุกตารางนิ้ว ประกบติดแบบไม่ละสายตาจนกว่าจะถึงวันดีเดย์
โดยรูปการณ์ไม่ถึงขั้นซีเรียส แต่ก็ไม่กล้าประมาท
ตัดฉากไปที่ผู้นำก็ยังมีอารมณ์ขัน บ่นๆด่าๆไปวันๆ
อาการแบบคนที่รู้ตัวดีว่า “จุดเดือดต่ำ”
ตามลีลาล่าสุดที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. แกล้งยิงมุกกระเซ้าทีมงานนักวิจัยที่มาจัดอีเวนต์โชว์ผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวบำรุงหัวใจ ที่ทำเนียบฯ
อำกันเป็นนัย แก้โรคใจร้อนได้หรือเปล่า
คงอยากเอามาใช้กับตัวเองที่เกิดอาการ “หัวร้อน” บ่อยๆ
แบบที่โดนจับทางได้กับปมแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ที่อยู่ๆ “นายกฯลุงตู่” ก็ขึ้นเสียงสูง ออกตัวเรื่องทหารสายบูรพาพยัคฆ์กับสายวงศ์เทวัญ
หงุดหงิดกับการรายงานข่าวของสื่อที่โยงเส้นสายการโยกย้ายท็อปบูตตำแหน่งสำคัญ
กระตุกแรงกระเพื่อมในจุดที่ฝ่ายคุมเกมอำนาจกดให้นิ่ง
ตามรูปการณ์สะท้อนภาวะความอ่อนไหวในการจัดวาง
ขุมกำลัง การแต่งตั้งโยกย้ายขุนทหารทุกรอบปี เป็นห้วงเวลาที่ผู้นำรัฐบาลท็อปบูตต้องคิดหนัก
เพราะมันแปรผันตรงกับการประคองเกมอำนาจ
รอบนี้ที่ว่านิ่งๆ เอาเข้าจริง “บิ๊กตู่” ก็ยังแหยงภาวะทางใจของคนผิดหวัง.
ทีมข่าวการเมือง

'พลังลาก' ของ 'นายกฯ ประยุทธ์'

ยิ่งลักษณ์แค่ "ตะกั่ว" ตีนแห
หาใช่ "ทองคำ" ไม่..........!
แล้วรัฐบาลจะเอาน้ำหนักทองไปประเมินค่าตะกั่วเพื่ออะไร?
ฉะนั้น........
วันที่ ๒๕ สิงหา ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำตัดสินคดีจำนำข้าว นั้น
ใครจะเดินทางมาให้กำลังใจหรือมาสะใจยิ่งลักษณ์ที่ศาล ก็เป็นเรื่องของเขา
ไม่เห็นจำเป็นที่รัฐบาลต้องไปแอกชัน-หวั่นไหวให้เสียรังวัด ต่อการมามาก-มาน้อย ของสาวกระบอบทักษิณ
แค่ "ลำไย ไหทองคำ" เด้งหน้า-เด้งหลังไม่ว่าที่ไหน คนยังแห่กันไปมุงตาลุกวาว เป็นร้อย-เป็นพัน
แล้วนี่ ระดับ "อดีตนายกฯ หญิงคนแรก" ของประเทศไทย จะติดคุกหรือไม่ติดเป็นประวัติศาสตร์ชาติคนแรก
ใจคอรัฐบาลจะไม่ให้ชาวบ้าน-ชาวเมือง ออกมาสืบสานเอกลักษณ์ "ไทยมุง" กันเลยเชียวหรือ?
ผมยังอยากเลย!
ผู้นำท้องถิ่นไหน นักเลือกตั้งไหน หัวคะแนนไหน จังหวัดไหน จะจ้างรถ-จ้างคนมา ก็ช่างเขาเหอะ
เงินของเขา เขารักของเขา เขาทำในสิ่งที่กฎหมายไม่ห้าม แล้วจะไปห้ามเขาทำไม
หรือ "หึง"?
ให้เขาออกลายมาให้เห็นครบทุกลาย-ทุกสี นั่นน่ะดีแล้วในระบบตลาด
ผู้บริโภคสินค้าการเมือง จะได้รู้เช่น-เห็นชาติ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกได้ไม่ผิดพลาด
มองกันอีกด้าน คดียิ่งลักษณ์ จะเป็นเหมือนปรอทวัด "ทุกระบบ-ทุกยูนิต" สังคมประเทศ
คือทั้ง สังคมศาล-สังคมอัยการ-สังคมตำรวจ-สังคมทหาร-สังคมข้าราชการ-สังคมนักวิชาการ-สังคมการเมือง-สังคมชาวบ้าน กระทั่ง...
"สังคมพระ"
สังคมไหน-กลุ่มไหน-ตรงไหน-ใคร "ติดเชื้อไข้แดง-ไม่ติด"
วันที่ ๒๕ สิงหาเห็นเลย!
นี่ผลบวกในมุมกว้าง ..........
ส่วนมุมแคบ มหาดไทยของพลเอกอนุพงษ์และหน่วยความมั่นคง จะได้เก็บตัวเลข-เก็บข้อมูล แบบมีหลัก-มีฐาน เป็นรูปธรรม
การไปห้าม ไปขัดขวาง ไม่ให้เขามา เหมือนคนออกหัด แต่ไปกินยาสกัด ผลคือ
"หัดหลบใน"!
ในเมื่อกูต้องออกตามผิวหนังตามธรรมชาติ แต่มึงกินยาสกัด กูก็ต้องหลบแผลงฤทธิ์ข้างใน
แทนที่จะรักษาข้างนอกง่ายกว่า กลับยาก เผลอๆ ถึงตายเลย!
นั่นคือ...........
อย่าไป "สร้างประเด็น-สร้างเงื่อนไข" ให้เขาเอาไปอ้างสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย ด้านสิทธิ-เสรีภาพเลย
ประชาชนคนไทยทุกคน มีสิทธิ์จะเลือกถิ่นฐานที่อยู่อาศัย มีสิทธิ์จะไปไหน-มาไหนได้
ไปงานกฐิน งานผ้าป่า งานบวช งานศพ ไปเป็นสิบ-เป็นร้อยคน มีเจ้าภาพออกเงินเหมารถคนเดียว
กินข้าวกันทั้งโต๊ะ ๑๐-๒๐ คน มีเจ้ามือจ่ายคนเดียว
นี่มันบุคลิกสังคมไทย ซ้ำกฎหมายก็ไม่ผิด
การจะไปจ้องเล็ง-เพ่งโทษ-เพ่งจับ ว่าใครเป็นตัวการเหมารถมาให้กำลังใจแม่โฉมยง
แบบนี้ตะหาก ใจไม่กว้าง ไม่สง่างาม!
แต่ถ้าเป็นอย่างที่ "นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส" ผู้ว่าฯ สตง.บอก บาง อบต.เอางบหลวงจ้างรถขนคน
นั่นเป็นอีกกรณี ที่ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
คือไม่ใช่ผิดที่เกณฑ์คนมา แต่ที่เอาเงินหลวงจ้างรถหลอกคนมา ตรงนั้นแหละ น่าจะผิด
หรือที่นายก อบต.รายหนึ่ง โพสต์เฟซ.......
"กูเป็นนายก อบต.อยู่หนองหม้อ โคตรพ่อมึงพูดมาได้ว่า อบต.เอาเงินให้ชาวบ้านไปให้กำลังใจนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เขาไปด้วยใจกันทั้งนั้นไอ้เหี้...ย พูดหมาๆ มึงมาแถวบ้านกูจะให้ลูกน้องกระทืบให้จมขี้เลยไอ้สัต"
นี่...แบบนี้ก็ไม่ผิดที่โพสต์เฟซ
ที่จะผิด ก็อีตรง "เนื้อหา-ถ้อยคำ" ที่โพสต์นั่นแหละ!
เพราะเหตุนั้น การจะทำอะไร ต้องจัดอันดับเรื่องราวให้ลงจังหวะและขั้นตอนก่อน
แค่พวกเขาจะมาดูหน้า-มาให้กำลังใจ-มาสั่งเสียอาลัยกันเป็นครั้งสุดท้าย กับคนที่รัก-ที่ชัง ซักคน
ถึงใครเหมารถให้ ถ้าเป็นเงินเขา ไม่ใช่เงินหลวง และไม่ได้เป็นคนในระบบราชการ
เขาผิดตรงไหน?
ต่อเมื่อ มาแล้ว มีการทำผิดกฎหมาย ผิดกฎระเบียบทางราชการ นั่นแหละ..........
เป็นบทบาท-หน้าที่ ที่ตำรวจหรือทหาร จะต้อง "ออกฉาก" ส่วนจะออกแบบไหน ก็แล้วแต่ว่า ผู้มานั้น ทำความผิดสถานใด
ถูกต้องตามสุภาษิตไทยที่ว่า "ช้าเป็นการ นานเป็นคุณ"
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ บอกว่า ช้าเป็นการ นานเป็นคุณ คือ
"ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทํา ดีกว่าด่วนทํา"
ก่อนจะทำอะไร ใจเย็นๆ ใคร่ครวญให้รอบคอบ คิดก่อนทำ อย่าทำก่อนคิด แล้วจะมีผลสำเร็จ
ดีกว่า ผลีผลาม ใจเร็วด่วนได้ รีบๆ ทำ นั่นจะมีความผิดพลาดได้ง่าย
ครับ....จะเข้าทางเจ๊อังคณากับพวกหิวแม่น ออกมาอ้างสากลโลก-สากลจักรวาล
กวน..........เปล่าๆ!
ดังนั้น ทหารก็ดี ตำรวจก็ดี อย่าไปกัก-ไปกัน-ไปขัดขวางใครที่จะเดินทางมาให้กำลังใจยิ่งลักษณ์วันที่ ๒๕ สิงหา
ไปจัดเตรียมสถานที่บริเวณศาล คอยอำนวยความสะดวกให้เขาดีกว่า
ถ้าศาลตัดสินว่าไม่ผิด เขาก็จะเฮตามเป็นหางยิ่งลักษณ์ไปฉลองกันที่อื่นเอง
แต่ถ้าผิด จะได้ร่วมเป็น "นางร้องไห้" โพสต์ท่าให้โทรทัศน์แย่งกันถ่ายไปออกจอ
ญาติพี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนฝูง ที่อยู่ทางบ้าน เห็นหน้าในโทรทัศน์ กลับไปดังใหญ่ คุยกันไปเจ็ดทุ่ง
แต่ถ้ามากันมากๆ แล้วของขึ้น มีหัวโจกปลุกปั่น-ก่อเหตุ
ปั่นกันตรงนั้น............
ก็ "วันสตอป เซอร์วิซ" กันไปตรงนั้นเลย!
ดีกว่าสกัด ให้มุดใต้ดิน ตรงนั้นที่-ตรงนี้ที่ มีเรื่อง มีเหตุแล้ว เสียเวลาไล่ล่า ขุดรู
มาถึงป่านนี้แล้ว อะไรดี..ก็รู้กันแล้ว, อะไรชั่ว..ก็รู้กันแล้ว ฉะนั้น อะไรที่เกิดขึ้น และเป็นไปในทางป่วนบ้านเมืองต่อจากนี้
ใครจะอ้าง "ไม่รู้" ฟังไม่ขึ้น!
และอะไรที่ไม่เป็นดังใจ ตัวเองเสียประโยชน์ มักพูดว่า "แล้วแบบนี้จะปรองดองกันได้อย่างไร"
ก็ไม่ต้องปรองดองกันหรอก.........
ในเมื่อปรัชญาปรองดองของเขา ตั้งอยู่บนฐาน "ปองแดก" อย่างเดียว
ก็ให้เขาปองในทางของเขาไปเหอะ!
๑๐ ปี หรือเอากันจริงๆ ๑๒ ปี ครบหนึ่งรอบนักษัตรพอดี มันเกินเวลาที่จะต้องพะเน้าพะนอขอร้องให้ใครมาปรองดองกับใครแล้ว
สังคมชาติเรา ไม่มีเวลาให้เสียไปกับพวกอันธพาลแผ่นดินอีกแล้ว
มัวอ้อร้อเป็นลาติดหล่มอยู่อย่างนี้ จีดีพีประเทศ โตปีละ ๒-๓ เปอร์เซ็นต์
ตายทั้งระบบแน่!
ถ้ารัฐบาล "อำนาจเด็ดขาด" ยังเข็นชาติขึ้นจากหล่มไม่ได้ในปีนี้ นึกหรือว่า ยังมี "ชาติหน้า" ให้เข็นอยู่อีก
กลุ่ม "ค้านทุกเรื่อง" คือ โคลน
รัฐบาล คสช.คือ กงล้อ
ผู้นำบริหาร "นายกฯ ประยุทธ์" คือ พลังลาก
"โคลนติดล้อ" เป็นธรรมชาติของเกวียนใช้งาน ดูเผินๆ เป็นตัวถ่วง-ตัวอุปสรรค แต่แท้จริงแล้ว โคลนคือพลังผลัก-พลังหมุนกงล้อ
ถ้าไม่มีโคลน จะมีเกวียนไปเพื่ออะไร?
ต้องอาศัยโคลน คือพวกค้านทุกเรื่องนี่แหละ เป็นตัว "สร้างสมดุล" ในมิติ แรงผลัก-แรงดัน-แรงเร่ง-แรงปะทะ
จะได้รู้ว่า "พลังลาก" ของนายกฯ ประยุทธ์ มีค่าควรเมืองจริงหรือไม่?
ฉุดกงล้อ คือ องคาพยพรัฐ ให้หมุนพันรอบ-หมื่นรอบต่อนาที ดันสังคมชาติที่จมหล่มขึ้นไปชมวิวบนยอดดอย "ดังหวัง" ได้หรือไม่?
ก็ให้รู้กันไปคาบนี้แหละ!

เสนอ ไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมระดับภูมิภาค PR งาน แก้IUU Fishing

ผอ. Environmental Justice Foundation (EJF) พบ"บิ๊กป้อม" เสนอ ไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมระดับภูมิภาค PR งาน แก้IUU Fishingของไทย /บิ๊กป้อม พร้อมร่วมมือแก้ประมงผิดกฎหมาย จริงจัง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และ รมว.กลาโหม ต้อนรับ นาย Steve Trent ผู้อำนวยการบริหาร Environmental Justice Foundation (EJF) และคณะ ที่ ศาลาว่าการกลาโหม
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า นาย Steve Trent ได้กล่าวชื่นชม ทุกหน่วยงานของไทยที่ใช้ความพยายามทุ่มเททำงานร่วมกัน ในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทั้งการแก้ปัญหาด้านแรงงาน ด้านการประมงและด้านการควบคุม
โดยเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการสนับสนุนทั้ง ด้านงบประมาณ การบูรณาการหน่วยงาน และการบริหารจัดการ และการสร้างความร่วมมือจากภาคประชาชนในการแก้ปัญหามาโดยตลอด ซึ่งแสดงถึงพัฒนาการทางบวกอย่างเห็นได้ชัด
พร้อมทั้ง เสนอให้ ไทย เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับภูมิภาค เพื่อประชาสัมพันธ์เสนอความสำเร็จของไทยในแนวทางการแก้ปัญหา IUU
ทั้งนี้ EJF พร้อมให้การสนับสนุนไทยในการทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด
พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ EJF ที่สนับสนุนการทำงานและให้คำแนะนำในการแก้ปัญหา IUU ที่เป็นประโยชน์กับไทยมาตลอด
โดยที่ผ่านมา ไทยได้พัฒนาทั้งกฎหมาย การจัดการกองเรือประมงให้มีขนาดที่เหมาะสม การพัฒนาระบบติดตาม ควบคุมและเฝ้าระวัง รวมทั้งการคุ้มครองของแรงงานในภาคประมงไม่ให้มีการค้ามนุษย์
ขณะเดียวกัน ไทยสนับสนุนให้การต่อต้านประมงผิดกฎหมาย เป็นวาระที่สำคัญของอาเซียน และผลักดันให้อาเซียนมีนโยบายการประมงร่วมกัน
พร้อมกับย้ำว่า ขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากประเทศที่มีปัญหา ไปสู่ประเทศต้นแบบของการแก้ไขปัญหา
โดยเชื่อมั่นว่าในอนาคตอันใกล้ ไทยจะสามารถเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการปฏิรูปภาคการประมงได้
ทั้งนี้รัฐบาล จะยังคงมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับ EJF ต่อไป

เดินทาง ก็ถึงเหมือนกันแหล่ะน่า!!

เดินทาง ก็ถึงเหมือนกันแหล่ะน่า!!
"บิ๊กตู่ " บอก แค่ลองดูเฉยๆ ปฏิรูปรถเมล์ ปรับสัมปทานเส้นทาง หลังเจอติง รถเมล์เก่า มาทาสีใหม่ ชี้ ก็เป็นรถคันเดิม เดินทาง ก็ถึงเหมือนกัน ชี้รอรถล็อตใหม่ต้นปี 61 ไม่เอาของห่วย เอาพอดีๆ ยันต้องไม่มีทุจริต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กล่าวถึงกรณี ขสมก.ปฏิรูประบบการเดินรถเมล์ว่า เราต้องเคารพความคิดของ ขสมก.เพราะที่ผ่านมา ความคิดของรัฐและเอกชนมีความแตกต่างกัน
"เขาก็แค่ลองดูเฉยๆ ว่าหากทำแบบนี้จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ เราต้องไปดูการปรับเส้นทางรถ ที่ยาก เพราะเป็นการให้สัมปทานมานานแล้ว ไม่ใช่รัฐบาลนี้เป็นคนให้ การจะปรับสัมปทานใหม่ก็ยาก"
เรื่องของคนขับ กระเป๋ารถเมล์ก็ยังมีปัญหาพอสมควร วันนี้เราทดลองปรับเส้นทางรถดูก่อน
"ในเมื่อรถใหม่ ยังหาไม่ได้
ก็ต้องทาสีหัวรถเก่า ให้เห็นว่าสีนี้เป็นของสายนี้ เหมือนรถไฟฟ้า ขออย่าไปติติงกันมากนัก เพราะก็เป็นรถคันเดิม เดินทาง ก็ถึงเหมือนกัน ขอให้ให้อภัยกันบ้าง
ผมกำลังเร่งรัดการจัดหารถเมล์ใหม่ซึ่งมันต้องโปร่งใส ถ้าเราจะเอาแต่ของราคาถูกก็ได้ แต่ของห่วยมา ถ้าของแพงเกินไปก็ไม่ดี เราต้องเอาพอดีๆ และจัดสรรปันส่วนให้ดี
รวมถึงสร้างความเข้มแข็งในเรื่องการประกอบการของรถเมล์เองด้วย ในล็อตแรกมีประมาณ 400 คันที่ต้องจัดหามาก่อน ที่เหลืออีก 1,200 คันจะประกอบในประเทศหรือซื้อเข้ามา หรือจะไปประกอบนอกบ้านแล้วเสียภาษีต้องดูราคากลางอีก ทั้งหมดเรากำลังพิจารณาอยู่และพยายามให้มีรถเมล์ใหม่ทันปีใหม่นี้ซึ่งสามารถซื้อได้แต่ต้องให้เวลาเขาประกอบรถด้วย อย่างรถรถไฟฟ้าก็กว่าจะทำรางและระบบเชื่อมต่อได้ก็ต้องใช้เวลา ถึงจะต้องมีความเชื่อมโยงคือเอารถเก่ามาวิ่งบ้าง แต่ต้องไม่มีทุจริตนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดยืนยันว่ารัฐบาลทำเต็มที่"

"เด็กป้อม"....

"เด็กป้อม"....
บิ๊กมร พลเอกรณชัย มัญชุสุนทรกุล อดีต ผอ.อผศ. ที่มีชื่อเป็น 1ใน120 คน11 คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ. ในด้านสังคม....ไม่ปฏิเสธ เป็น เด็กบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ...แหม!! ก็มาอยู่กลาโหม เป็น ทีมงานที่ปรึกษา ด้วย... เผย เป็นสปท.ด้านการกีฬา แต่ให้มาทำงานด้าน สังคม ได้ไม่มีปัญหา
เปรย ไม่ได้มีเด็ก บิ๊กป้อม ใน กก.ปฏิรูปฯ11ด้านมากมายอะไร
ตกใจ พาดหัว หนังสือพิมพ์ บอก "เด็กป้อม 120คน"

บิ๊กป้อม โวย อย่าโทษ คสช. ทหารก่อคดีอาญา เยอะ ยันเป็นเรื่องส่วนตัว

บิ๊กป้อม โวย อย่าโทษ คสช. ทหารก่อคดีอาญา เยอะ ยันเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่ชอบกัน
บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร รมว.กล่โหม ชี้ นายพลทหาร อุ้มรีด ถือเป็น ผู้มีอิทธิพล เป็นเรื่องส่วนตัว ที่เขารู้จักกันส่วนตัว ทำยังไงได้ เป็นเริ่องลำบาก แล้วมีไม่ชอบกัน. เราตัองเน้นย้ำไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ส่วน พลตรี จรูญ อำภา นั้น โดนโทษคดีอาญาเลย เพราะโทษวินัย ก็ต้องโดนปลดออกอยู่แล้ว ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดฯ
ส่วนที่มองว่า ยุคคสช. ทหารทำความผิดคดีอาญาเยอะ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้เยอะอะไร ไม่กระทบภาพลักษณ์ แต่อย่าโทษคสช. มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่ทหารไปทำอะไรผิดเป็น กลุ่มก้อน ทำให้เกิดความเสียหาย ซะเมื่อไหร่ละ เป็นเรื่องส่วนตัว และมีเรื่องไม่ชอบกัน

‪"บิ๊กป้อม" ยัน ไม่มี"เด็กป้อม" นั่งกก.ปฏิรูปฯ

‪"บิ๊กป้อม" ยัน ไม่มี"เด็กป้อม" นั่งกก.ปฏิรูปฯ ใคร เด็กผม บอกชื่อมา ไม่มี เพราะ เขาพิจารณากันเอง เผยเกณฑ์การคัดเลือกสปท.ที่มีผลงาน และ ทำงานจริงจัง‬
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการมองว่ารายชื่อคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ 11 คณะมีแต่คนที่มีความสนิทกับ คสช.ว่า การคัดเลือกคณะกรรมการปฏิรูปประเทศส่วนใหญ่จะคัดมาจากอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งทั้งหมดก็รู้จักกันอยู่แล้ว ทางเราก็จะดูในเรื่องของผลงาน และการทำงานที่ผ่านมาว่ามีความจริงจังและทุ่มเทให้กับประเทศขนาดไหน

"ที่บอกว่ามีแต่เด็กของบิ๊กป้อมเยอะนั้น ผมถามว่าใครล่ะ ชิ้ออะไร ไม่มีแน่นอน เพราะทุกคนเป็นคนทำงาน และมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ" พล.อ.ประวิตร กล่าว

บิ๊กป้อม ประเมินมวลชน มาให้กำลังใจ"ยิ่งลักษณ์" มากกว่า ครั้งก่อน แต่คาดว่า เป็นหลักพัน

หลัก พัน
บิ๊กป้อม ประเมินมวลชน มาให้กำลังใจ"ยิ่งลักษณ์" มากกว่า ครั้งก่อน แต่คาดว่า เป็นหลักพัน คงไม่ถึงหลักหมิ่น เชื่อว่า ไม่มีปัญหาการปะทะกันของ มวลชน2 ฝ่าย เพราะเจ้าหน้าที่ ต้องจัดให้อยู่แยกกัน ติงสื่อ อย่าไปคิดแต่ว่า จะให้ตีกันสิ
เผยส่ง ตำรวจ ดูแล ผู้พิพากษา และสถานที่ ศาล โดยตำรวจจะประสานกับทาง ศาล เองว่า จะจัดพื้นที่โดยรอบบริเวณศาลอย่างไร เป็นการจัดตามpattern
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัย ผู้พิพากษา และโดยรอบศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันพิพากษาตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 25 ส.ค.นี้ว่า การดูแล ผู้พิพากษา และ รอบศาล ใช้ตำรวจ เป็นหลัก ไม่ได้ใช้ทหาร ทั้งติดตามดูแล และดูแลบ้าน ศาล ตามPattern
โดยจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปพูดกับทางศาลฎีกาฯว่าจะให้ช่วยดูแลจุดใดบ้าง โดยจะมีการกำหนดพื้นที่ต่างๆรอบบริเวณศาลว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง
แต่ว่าไม่ได้มีการรายงานด้านการข่าวอะไรเป็นพิเศษ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแลความเรียบร้อยอยู่แล้ว
สำหรับการประเมินจำนวนมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจนั้น คาดว่าจะมีมากกว่าครั้งที่แล้วเล็กน้อย ประมาณหลักพันคน แต่คบไม่ใช่หลักหมื่น
ส่วนกรณีที่อาจมีทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายไม่สนับสนุนนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะจับแบ่งกลุ่มกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า ซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องนี้
ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยเรื่องมือที่3 ที่จะเข้ามาก่อเหตุสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายนั้นทางเจ้าหน้าที่มีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว แต่คิดว่าไม่น่าจะมีมือที่สาม

"บิ๊กตู่" เผย ทาบทาม กก.ปฏิรูปฯ ไปเยอะกว่านี้ แต่เขาขอให้คำปรึกษาข้างหลัง



"บิ๊กตู่" เผย ทาบทาม กก.ปฏิรูปฯ ไปเยอะกว่านี้ แต่เขาขอให้คำปรึกษาข้างหลัง เผย วันหน้าอาจมาเพิ่มก็ได้ แม้แต่นักการเมืองไ ขีดเส้นคลอดแผนปฏิรูปใน 8 เดือน ขออย่ารังเกียจขรก.ร่วมทีม ยอมรับกก.หน้าเก่าพรึ่บ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการปฏิรูป 11 ด้านว่า คณะกรรมการปฏิรูปมีเวลาทำงาน 8 เดือน จริงๆแล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรเพียงแต่ที่ผ่านมา สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้คิดกิจกรรมโดยมีข้อกำหนดว่าต้องทำแต่ละกิจกรรมอย่างไร
จากนี้ถือเป็นการทำในขั้นที่ 2 เพื่อลงในรายละเอียดว่าปัญหาข้อบกพร่องอยู่ตรงไหนและกฎหมาย โดยแผนปฏิรูปจะต้องออกมาภายใน 8 เดือน
ขณะเดียวกันรัฐบาลจะต้องดำเนินการไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สอดคล้องกัน และบางอย่าง เมื่อปฏิรูปมาแล้วรัฐบาลอาจจะทำไม่ได้ เพราะบางทีการคิดอย่างเดียวมันง่ายแต่ถ้ามาเจอระบบราชการคือต้องปรับปรุงแก้ไข ทำได้ยากดังนั้นต้องไปด้วยกัน
"ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าในทุกคณะกรรมการจะมีหลายส่วน หลายฝ่าย แต่อย่ารังเกียจที่มีข้าราชการอยู่ด้วย ผมเห็นว่าถ้าเป็นนักคิด นักวิชาการอย่างเดียว บางทีในทางปฏิบัติจะเกิดปัญหาเพราะต้องรู้ขั้นตอนของราชการด้วยจึงจำเป็นต้องมีข้าราชการที่เกษียณอายุเข้าไป เพียงแต่ว่าการทำแผนปฏิรูปให้สอดคล้องกับแผนการทำงานของราชการในส่วนของข้าราชการ ก็เสนอมาเพื่อที่จะแก้ไข นำไปสู่สิ่งที่ต้องการ ทั้งนี้ผมได้ให้แนวทางคณะกรรมการปรองดอง ถ้ามีฝ่ายการเมืองอะไรต่างๆ ที่อยากจะมาร่วมและเสนอตัวเข้ามา ก็จะมาพิจารณาใส่เข้าไปอีกที ยังมีตำแหน่งที่ว่างอยู่ ไม่ใช่เฉพาะคณะตรงนี้ยังมีคณะอนุกรรมการอีกเยอะ
ฉะนั้นไปพูดกับนักการเมืองดูถ้าเขาอยากให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าลดความขัดแย้ง มีเจตนาบริสุทธิ์ เขาก็น่าจะร่วมมือตรงนี้ นี่คือเวทีปรองดองของผมอีกอันนึง ซึ่งผมตั้งใจไว้อย่างนั้น ตอนนี้เขากำลังไปพูดคุยกันต่อ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน การใช้งบประมาณก็ให้ประหยัดที่สุด คงจะมีแค่เบี้ยประชุม ซึ่งได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ตามกติกาแล้วก็ไม่มากมายอะไร ก็ขอให้ช่วยระดมความคิดเห็นนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ ซึ่งจะเป็นการลงทุนที่ไม่เสียเปล่า รัฐบาลต่อไปก็ต้องทำ
แต่อย่ามองว่าเราไปตีกรอบมากจนเกินไป มันไม่ใช่เพียงแต่ตีกรอบให้การทำงานเข้าร่องเข้ารอยเท่านั้นเอง เขาจะทำวิธีไหนก็ว่ามาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีใครไปจ้องจับผิดอยู่แล้ว เพราะประเทศชาติสำคัญที่สุด ขอให้มองแบบนี้
"เราต้องวางพื้นฐานให้ได้ และหลายเรื่องที่รัฐบาลทำมา 3 ปี มันยังไม่เกิด เพราะเป็นการเริ่มลงทุน ก่อสร้าง เป็นต้น แต่มันจะเกิดใน 3-5 ปีต่อไป แต่ถ้าไม่ทำในวันนี้อีก 5 ปีก็ไม่มีอะไรใหม่ๆมา ตั้งแต่ปี 2540 การลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทยไม่เกิดขึ้นเลย เราต้องทำโครงการใหญ่เพื่อดึงโครงการเล็กๆให้โตขึ้นมาด้วย เป็นการคิดแบบหลักเศรษฐศาสตร์ ผมพอมีความรู้จากการศึกษา จากคณะทำงาน และจากครม. ทุกคนช่วยกันไม่ใช่ผมทำคนเดียว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อถามว่า คณะกรรมการปฏิรูปส่วนใหญ่เป็นสปท.มาก่อน อาจจะทำให้การปฏิรูปไม่ได้ผลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันไม่มีอะไรใหม่ไปกว่านี้ เรื่องการปฏิรูปพูดกันมาในหลักการหมดแล้ว มี 37 วาระ 188 เรื่อง จากนี้ก็จะนำมาคลี่ดูและลงในรายละเอียด ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำมาเยอะแล้วแต่ยังไม่พอ จึงต้องมีคณะกรรมการปฏิรูปมาทำงานอีก 8 เดือน เพื่อถอดแผนและตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ
อย่าไปมองว่าซ้ำซ้อน แต่ขอบอกว่าคนในประเทศไทยมีหลายส่วน ที่มีความคิดดี มีเจตนาบริสุทธิ์ แต่เขาขออยู่เบื้องหลัง
"จริงๆทาบทามไปเยอะกว่านี้ แต่เขาขอให้คำปรึกษาข้างหลัง ไม่ขอออกข้างหน้า จึงได้คนมาแค่นี้ก่อน แต่วันหน้าถ้าเขาเห็นว่ามันไปได้ดี เขาอาจจะมาเพิ่มก็ได้ สามารถที่จะไปอยู่ในคณะอนุกรรมการต่างๆ แม้แต่นักการเมืองก็เข้ามาได้หมด ต้องทำงานแบบนี้อย่าใจร้อน วันนี้มันก็ดีขึ้นเยอะแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว