PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ฝรั่งเศสประกาศสงครามISIS

ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ประกาศในการประชุมร่วมสองสภา ภายหลังเหตุการณ์โศกนาฏกรรม อันเกิดจากการก่อการร้ายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ กรุงปารีส ว่า ฝรั่งเศสจะมุ่งขจัดทำลายกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส 

นายออลลองด์ระบุว่า การประกาศภาวะสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศฝรั่งเศส จะถูกขยายเวลาการบังคับใช้ออกไปอีกสามเดือน ขณะเดียวกัน การจัดส่งกองทัพฝรั่งเศสไปปฏิบัติภารกิจกำจัดกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย ก็จะดำเนินไปอย่างเข้มข้นรุนแรงยิ่งขึ้น

คำประกาศดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากกลุ่มไอเอสประกาศว่าตนเองเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการก่อการร้ายเมื่อช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 129 ราย

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุอีกว่า เขาจะพบปะหารือกับประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มไอเอส

ผู้นำฝรั่งเศสให้สัญญาด้วยว่า พร้อมจะทุ่มเททรัพยากรให้แก่กองกำลังความมั่นคงมากขึ้น รวมทั้งจะจัดส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน "ชาร์ลส์ เดอ โกลล์" ไปร่วมสนับสนุนภารกิจกำจัดกลุ่มไอเอส ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้

ทำความเข้าใจตะวันตก..จากกรณีโจมตีปารีส


"การโจมตีกรุงปารีส" เพื่อการศึกษาและเข้าใจถึงวิธีคิดตะวันตกจากอดีตจนปัจจุบันว่า "แตกต่างกันหรือไม่ และอย่างไร ?"และทำไมสงครามก่อการร้ายจึงเหี้ยมโหดนัก เราควรศึกษาไว้ เพื่อระวังไม่ให้เกิดในประเทศไทยเพราะต่างชาติไม่เคยปราณีใคร
วันนี้คงต้องเริ่มที่ คำคมของเชอร์ชิลที่ว่า "The farther backward you can look, the farther forward you are likely to see"เมื่อมองย้อนอดีตไปไกลๆแล้ว เราอาจจะเห็นภาพของอนาคตไกลขึ้นด้วย"
และ "When destiny commands, you must obey" "ชะตากรรมกำหนดไว้แล้วและ เราจะต้องยอมรับมัน" เสมิอนหนึ่งว่า เชอร์ชิลได้อ่านปรัชญาพระพุทธศาสนามาพอสมควร
ส่วนชาร์ลส์ ดารวิน นักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษกล่าวไว้ว่า "It is not the strongest of the species that survive, nor the most intelligent but the one most responsive to change" "หาใช่ใครที่ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุดจะอยู่รอดได้ แต่เป็นคนที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของภาวะแวดล้อม(ที่ดีกว่าหรือเลวกว่า)
1. ขั้นแรกเราคงต้องเข้าใจความหมายสั้นๆของ Jihad เสียก่อน คำนี้มาจากคำว่า Jahada หมายถึง ความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า ความอุตสาหะ ความเคร่งครัด ความพยายาม ความตั้งใจดี ความขยันมานะอดทน และการต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ อาณาจักรและศาสนา
2. กำเนิด Jihad ที่กลายเป็นลัทธิต่อสู้กับต่างศาสนา โดยเฉพาะสงครามครูเสด เมื่อสันตปาปาอูร์บองที่ 2 ระแวงการขยายตัวของอิสลามและระดมอัศวินในยุโรปไปยึดนครเยรูซาเล็มคืนจากอิสลาม และสงครามครูเสดเริ่มต้นในปีค.ศ.1099 เมื่อคริสเตียนยึดคืนนครเยรูซาเล็มได้ แต่สร้างรอยแค้นฝังลึก เพราะนักรบครูเสด ฆ่าและทารุณผู้หญิงและเด็กตายไปจำนวนมาก เพื่อข่มขู่ไม่ให้ชาวอาหรับรบกับอัศวินฝรั่งยุโรป เทมเปลอร์
3. จึงเกิดลัทธิที่ว่า "การทำทารุณหรือฆ่ามุสลิมเพียง 1 คน ก็เหมือนฆ่ามุสลิมทั้งปวง"
4.อัศวินเทมเปลอร์ยุโรปเมื่อชนะสมรภูมิเยรูซาเล็ม ก็ได้สร้างเมือง เช่น อันติโอค-Atioch อิเดสซา-Edessa และทริโปลี-Tripoli เพื่อเป็นปราการ เมืองท่าลำเลียงทหารและอาวุธและต่อมาเพื่อการค้าขาย อันเป็นสัญญลักษณ์แห่งการยึดครอง เพื่อทำลายการดำรงชีวิตพื้นฐานของอิสลาม
5. จึงขอสรุปว่าประวัติการฆ่าและทารุณสร้างความแค้นที่ฝังลึกเป็นตำนานเล่าขานไม่รู้ลืมและการยึดครองเมืองต่างๆในปี 1099 ไม่ต่างกับปัจจุบันเลย มีความเหมือนกันชัดเจน
6. ชาติอิสลามแถบอัฟริกาเหนือและตะวันออกกลางคุ้นเคยกับวิธีการปกครองแบ่งดินแดนหรือฉีกประเทศอิสลามเหล่านั้นเป็นส่วนๆมาแล้วเช่น ข้อตกลงซีเคส-ปิโก (Sykes-Picot Agreement)ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสหลังจากชนะสงคราม WW-1 และทำลายอาณาจักรออตโตมันซึ่งมีการปกครองแบบกาหลิบลงได้ เป็นข้อตกลงที่ฉีกอาณาจักรออตโตมันเป็น 2 ส่วนระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้ซีเรียและสนธิสัญญาบอลโพร์ (Balfour Declaration)ได้ให้สัญญากับชาวยิวอังกฤษ(Rothchild)ว่าจะยกอาณาจักรปาเลสไตน์ให้ชาวยิวทั้งหลาย เข้าอยู่ถาวรเป็นประเทศ และเชอร์ชิลก็ทำตามนั้นด้วย จนเป็นปัญหาไม่รู้จบในตะวันออกกลางที่อิสราเอลต้องเผชิญกับชาติอาหรับนับครั้งไม่ถ้วน
7. ความแค้นเฉพาะสงครามปลดแอกอัลจีเรียและซีเรียจากฝรั่งเศส โดยเฉพาะชาวอัลจีเรียรบเพื่อเอกราช 8 ปี(1954-1962)มีคนตายนับล้าน ทหารรับจ้าง French Foreign Legion ใช้ความโหดเหี้ยมเป็นยุทธวิธีรบ ด้วยการสังหารหมู่ ทำการทรมานและทรกรรมผู้ต่อต้านชาวอัลจีเรียอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
8. มีนายพลฝรั่งเศสชื่อนายพล ฟรังซัว เดอ นิกีเยียร์ General Francois de Negriier ประกาศต่อหน้าทหารรับจ้างว่า "ทหารรับจ้างฝรั่งเศส เป็นทหารที่รับจ้างมามีหน้าที่ต้องตาย และข้าพเจ้ากำลังจะส่งพวกเจ้าไปในสมรภูมิที่เจ้าสามารถทำหน้าที่นี้ได้สมบูรณ์แบบ" ดังนั้นทหารรับจ้างจึงทำการรบด้วยหลักการทารุณและโหดเหี้ยม เพื่อตัวเองจะได้รอดตาย
9. จากการประมวลเรื่องราวผ่านเวลา ที่ชาติตะวันตกไม่เคยวางมือ ในการเอาประโยชน์จากประเทศเหล่านี้ เช่นซีเรียเป็นเมืองท่า เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อปิดล้อมรัสเซียและครองเส้นทางเดินเรือในเมดิเตอร์เรเนียน และป้องกันไม่ให้รัสเซียใช้ประโยชน์จากซีเรีย ดังนั้นประวัติศาสตร์ที่หมุนเวียนไม่เปลี่ยนแปลง สามารถสร้างนักรบพลีชีพได้ จากการฝึกอบรมแบบล้างสมองด้วยหลัก Martyr ด้วยประวัติศาสตร์ที่เป็นจริง การฝึกแบบการรบเพื่อการพลีชีพแบบ Jihad จึงเกิดขึ้นในแผ่นดินระบอบกาหลิบ แห่ง อบู บาคฮ์ อัล บาคฮ์ดาดี ในซีเรีย

อิสลามมี 2 ส่วน ส่วนที่ modern แล้วกับ pre-modern ต้องช่วยเหลือชาวมุสลิมที่ modernized แล้ว ....................................



บทความกฤติกร วงศ์สว่างพานิช ชัดเจนครับ
อิสลามมี 2 ส่วน ส่วนที่ modern แล้วกับ pre-modern ต้องช่วยเหลือชาวมุสลิมที่ modernized แล้ว
....................................
ศาสนาหลายศาสนายังไม่ได้ผ่านการทำให้เป็นสมัยใหม่(modernization) ซึ่งลักษณะสำคัญของศาสนาที่ยังไม่ได้ถูกทำให้เป็นสมัยใหม่เหล่านี้ เราพอจะสังเกตได้ง่ายๆ จากลักษณะของมันที่พยายามทำตัวเหมือนกับโลกตะวันตกในยุคกลาง นั่นคือ ยุคที่ศาสนจักร (คริสต์ศาสนา) พยายามมีอำนาจเหนืออาณาจักร หรือกล่าวกันแบบพื้นๆ ในภาษายุคนี้ก็คือ เป็นศาสนาที่อยากได้ “รัฐศาสนา” นั่นเอง (รัฐที่ใช้กฎศาสนาปกครอง)
ซึ่งในจุดนี้เราจะพบว่าศาสนาอิสลามเองนั้น มีทั้งส่วนที่ยอมรับอำนาจของ “รัฐ-ชาติ” แล้ว และไม่ได้มุ่งจะเป็น “รัฐศาสนา” หรือก็คือกลุ่มที่ “เป็นสมัยใหม่ (modernized) แล้ว” กับมีศาสนาอิสลามอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมีความชัดเจนว่ามุ่งจะมี “รัฐศาสนา” ให้ได้ (เอาจริงๆ แล้วทุกศาสนาที่มีท่าทีไปในทิศทางนี้ พึงต้องระวังตัว อย่างการเรียกร้องการเป็น “ศาสนาประจำชาติ” เองนั้นก็เป็นสัญญาณบอกเหตุที่อันตรายอย่างหนึ่ง) กล่าวคือ ศาสนาที่เป็นสมัยใหม่ หรือ modernized แล้วจะยอมรับปริมณฑลของตนว่าเป็น “เรื่องส่วนบุคคล หรือปริมณฑลส่วนตัว” ในขณะที่ศาสนาที่ยังไม่ได้รับการปรับให้เป็นสมัยใหม่ หรือ pre-modern นั้นจะพยายามทำให้ “ศาสนาเป็นเรื่องของส่วนรวม เป็นเรื่องของรัฐ หรือก็คือปริมณฑลสาธารณะ”
........................................
ผู้ก่อการร้ายเหล่านี้เขาไม่กลัวตาย ต่างจากผมหรือคุณ เขาเชื่อว่ามีสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตของเขาอยู่ ซึ่งนี่เป็นวิธีคิดแบบ “โลกเก่า” หรือโลกก่อนสมัยใหม่ เราจึงต้องหาทางทำให้เขากลับมารักตัวเอง มามองว่าชีวิตของเขานั่นต่างหากที่มีค่าสูงที่สุดแล้ว แบบเดียวกับพวกเรา เราจึงต้องใส่ความเป็นมนุษย์ให้กับพวกเขาซึ่งเป็นมนุษย์ที่ไม่เชื่อในความเป็นมนุษย์ของตัวเอง
..............................................
อันหลังนี้ไม่ได้สะท้อนแค่พวกผู้ก่อการร้ายมุสลิม วิธีคิดแบบโลกเก่ารวมถึงพวกที่เห็นว่าความเชื่อ ศรัทธา เคารพ เทิดทูน สิ่งใดก็แล้วแต มีค่าเหนือกว่าชีวิตคน หรือกระทั่งชีวิตตน

เมื่อเจ้านายคิดถึงลูกน้อง คนฝรั่งเศสเห็นแล้วมีปัญหาอะไรจะถามไหม ?

Cr:ปฏิรูปไทย
เมื่อเจ้านายคิดถึงลูกน้อง คนฝรั่งเศสเห็นแล้วมีปัญหาอะไรจะถามไหม ?
ช่วงนี้ฝรั่งเศสโดนกลุ่มก่อการร้าย IS CIA โจมตีโรงละคร สนามฟุตบอล ร้านอาหาร ฯลฯ มีคนตายคาเมืองหลวงปารีสราว 150 รายบาดเจ็บสาหัสร่อแร่อีก 80 ราย บาดเจ็บทั่วไปกว่า 300 ราย และกลุ่ม IS CIA ที่เป็นคนฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม ก็ออกมายอมรับหน้าตาเฉยว่าเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้เอง
พลันนั้นเองก็มีการแฉสุนทรพจน์ประธานาธิปดีโอบามา ว่าเขานี่แหละคือผู้สั่งการให้เร่งการฝึกกลุ่มก่อการร้าย IS CIA แถลงการณ์นั้นยังแสดงหราประจาน
อยู่ที่เว็ปไซต์ทำเนียบขาว แม้โฆษกจะออกมาแถลงอ้อมแอ้มว่า "เครื่องบันทึกเสียงบกพร่องโดยสุจริต"
เพื่อให้ชาวฝรั่งเศส และโปรอเมริกาได้อินไปกับสถานการณ์ จึงนำภาพความหวานชื่นของวุฒิสมาชิกจอห์นแมคแคลน ของพรรครัฐบาลอเมริกา ที่เขาไปเยี่ยมเหล่าเพื่อนรักกองกำลัง IS CIA ในซีเรียด้วยความห่วงใย พร้อมมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ
เป็นพวกรถโตโยต้าติดอาวุธปืนกล หลายร้อยคัน โดยมีเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ ของกองทัพอเมริกาบินคุ้มกันกองกำลัง IS CIA แบบถนุถนอม เกรงมดไรจะมาไต่ตอมให้ผิวช้ำ คนเขาเป็นนายกับลูกน้องกันคนฝรั่งเศสอย่าอิจฉาเขาล่ะ
@ เสธ น้ำเงิน4

“อุดมเดช” เซ็นโยกย้ายผู้บังคับการกรม เด็ก-มือขวาได้ดี โยกหลาน “ป๋าเปรม” ดูงาน จปร.

(ข้อมูลปี2557)

“อุดมเดช” เซ็นโยกย้ายผู้บังคับการกรม เด็ก-มือขวาได้ดี โยกหลาน “ป๋าเปรม” ดูงาน จปร.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์4 ตุลาคม 2557 16:30 น

ผบ.ทบ.เซ็นคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้บังคับการกรม พบเด็ก “ประวิตร-ประยุทธ์-อุดมเดช” และ ผบ.หน่วยทหารที่ช่วยงานช่วงชุมนุม กปปส. และช่วงยึดอำนาจ คสช. ได้ดีถ้วนหน้า “เอกรัตน์-ทรงวิทย์” ขึ้นนั่งรอง ผบ.พล.1 รอ. ด้าน “สุชาติ” มือขวา ผบ.ทบ. ขึ้น ผบ.ร.11 รอ. ส่วนหลานชาย “ป๋าเปรม” ข้ามห้วยไปดูงานโรงเรียนนายร้อย จปร. “วินธัย” ก็ได้เสนาธิการประจำ สลก.ทบ.
       
       คลิกที่นี่ เพื่ออ่านคำสั่งกองทัพบก ที่ ๓๒๒/๒๕๕๗ เรื่อง ให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน
       
       วันนี้ (4 ต.ค.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบกที่ 325/2557 ลงวันที่ 3 ต.ค.2557 เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน จำนวน 371 นาย ซึ่งเป็นนายทหารระดับพันเอกพิเศษ ที่ส่วนใหญ่เป็นระดับ ผู้บังคับการกรม เพื่อต้องการให้ผู้บังคับการกรมคนใหม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทันที ในการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก (นขต.ทบ.) ครั้งแรก ในวันที่ 6 ต.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า การปรับย้ายครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นหน่วยคุมกำลังหลักของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) หรือสายวงศ์เทวัญ, กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) หรือสายบูรพาพยัคฆ์ และกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งกองทัพภาค 1 หน่วยที่เป็นกำลังหลักในการดูแลพื้นที่ช่วงการชุมนุม กปปส. จนมาช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงที่ผ่านมา และเป็นการเลือกนายทหารที่ไว้วางใจได้มาคุมกำลัง เพื่อปิดประตูปฏิวัติซ้อน ซึ่งมีนายทหารในสายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช., พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม รวมทั้ง พล.อ.อุดมเดช
       
       สำหรับตำแหน่งสำคัญ คือ พ.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผบ.ร.1 รอ. (นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 23 หรือ ตท.23) ขยับเป็นรอง ผบ.พล.1 รอ. โดยให้ พ.อ.อาสาศึก ขันติรัตน์ (ตท.28) นายทหารฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. มาเป็น ผบ.ร.1 รอ. แทน ขณะที่ พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) ผบ.ร.11 รอ. ได้ขึ้นเป็นรอง ผบ.พล.1 รอ. โดยมีผลงานในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากเหตุการณ์ปะทะกันที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสี่แยกหลักสี่ในช่วงการชุมนุม กปปส. ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นทหารสายของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รอง ผบ.สส. และอยู่มากว่า 3 ปี จึงตัองขยับขึ้น 

ขณะเดียวกัน ได้ส่ง พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ แกนนำ ตท.27 นายทหารฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.อุดมเดช มาเป็น ผบ.ร.11 รอ. แทน เพื่อคุมกำลัง และสร้างความมั่นใจให้ พล.อ.อุดมเดช เพราะเป็นนายทหารคนสนิท เปรียบเสมือนมือขวาที่ไว้ใจได้มากที่สุด และเติบโตจาก ร.31 รอ. เป็นลูกหม้อของ พล.1 รอ.
       
       ขณะเดียวกัน ยังได้แต่งตั้ง พ.อ.คชาชาต บุญดี แกนนำ ตท.27 จาก ผบ.กรม ทพ.36 มาเป็น ผบ.ป.1 รอ. คุมกำลังทหารปืนใหญ่ ในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา พ.อ.คชาชาต เคยอยู่ ป.พัน 31 รอ. จ.ลพบุรี ถือเป็นลูกหม้อ พล.1 รอ. ก่อนที่จะไปใช้ชีวิตนักรบที่เติบโตมาจากชายแดนภาคเหนือ ทั้งที่เป็นคนกรุงเทพฯ โดยมีผลงานสำคัญในภาคเหนือ คือ ปราบปรามผู้มีอิทธิพล และนักการเมืองมาตลอด และการดูแลปัญหาลักลอบตัดไม้ จึงชื่อว่าเป็น “นักรบแห่งลุ่มน้ำสาละวิน” ทำให้ พล.อ.อุดมเดช นำมาทำงานสำคัญ คุมกำลังกลางกรุง โดยขยับ พ.อ.นฤดล ท้าวฤทธิ์ (ตท.24) จาก ผบ.ป.1 รอ. ไปเป็น รอง จทบ.กาญจนบุรี แม้ไม่ได้คุมกำลัง แต่ก็เป็นรองนายพล
       
       ส่วนตำแหน่งต่างๆ นั้น เช่น พ.อ.ศักดิ์ศรี งอยปัดพันธ์ เสธ.มทบ.13 เป็นรอง ผบ.มทบ.13, พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ ผบ.ร.31 รอ. เป็น เสธ.มทบ.13 หลังถูกทหารลูกน้องร้องเรียนถึงทำเนียบรัฐบาล, พ.อ.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมพญา รอง ผบ.ร.21 รอ. เป็นผบ.ร.31 รอ., พ.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ร.21 รอ. เป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ., พ.อ.วรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ เสธ.พล.ร.2 รอ. เป็น ผบ.ร.21 รอ., พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ผบ.ร.19 เป็นรอง ผบ.พล.ร. 9, พ.อ.วุฒิชัย นาควานิช ผบ.ร.29 เป็นรอง ผบ.พล.ร.9, พ.อ.พงษ์สวัสดิ์ ภาชนะทิพย์ ผบ.กรม ทพ.14 เป็น ผบ.ร.19, พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง ผบ.ร.9 เป็นรอง ผบ.จทบ.ส.บ., พ.อ.ยุทธพงศ์ คงนิล รอง ผบ.ร.9 เป็น ผบ.ร.9, พ.อ.ณรงค์ กลั่นวารี รอง ผบ.ป.6 เป็น ผบ.ป.6, พ.อ.สวราชย์ แสงผล รอง ผบ.ร.8 เป็น ผบ.ร.8
       
       พ.อ.ธานินทร์ สนิทชน ผบ.ร.13 เป็นรอง ผบ.พล.ร.3, พ.อ.สัญชัย รุ่งศรีทอง ผบ.ร.3 เป็น ผบ.ร.13, พ.อ.ปราโมทย์ นาคจันทึก เสธ.พล.ร.3 เป็น ผบ.ร.3, พ.อ.ยุวัต ขันธปรีชา รอง ผบ.ป.3 เป็น ผบ.ป.3, พ.อ.จรัส ปัญญาดี ผอ.กยก.ทภ.3 เป็น ผบ.ร.7, พ.อ.โสภณ นันทสุวรรณ ผบ.ร.14 เป็น ผบ.ร.4, พ.อ.เกรียงชัย อนันตศานต์ ผอ.กขว.ทน.3 เป็น ผบ.ร.14, พ.อ.ทะเบียน เมืองพระฝาง รอง ผบ.ร.15 เป็น ผบ.ร.153, พ.อ.เสนีย์ ศรีหิรัญ รอง เสธ.พล.ร.5 เป็น ผบ.ร.15, พ.อ.ประเสริฐ กิตติรัต รอง ผบ.ป.5 เป็น ผบ.ป.5, พ.อ.นวกร สงวนศักดิ์โยธิน ผอ.กยก.นปอ. เป็น ผบ.ปตอ.1, พ.อ.วีระพงษ์ ศรีรัตน์ รอง ผบ.ป.1 รอ. เป็น ผบ.ป.71, พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ รอง เสธ.มทบ.42 ซึ่งเป็นหลานชายของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เป็นรอง ผบ.กรม นนร.รอ.รร.จปร. ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. และทีมโฆษก คสช. ซึ่งเป็นรอง ผอ.กอง สลก.ทบ. ได้ขยับเป็นฝ่ายเสนาธิการประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก เป็นต้น

Putin & Obama hold talks on G20 sidelines





'โอบามา-ปูติน'เห็นพ้องปมซีเรีย ให้ยูเอ็นเป็นคนกลางปราบไอเอส
16 พ.ย. 58 รายงานข่าวระบุว่า เวลา 9:20 น. ผู้นำชาติมหาอำนาจ ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐและรัสเซีย ใช้ช่วงเวลาพักเบรกระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ “BRICS” และการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม "จี 20" ที่ตุรกี สนทนากันผ่านล่าม เกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายที่ฝรั่งเศส และสถานการณ์ในซีเรีย ทั้งในเรื่องการเจรจาสร้างสันติภาพในซีเรีย และการเพิ่มความรุนแรงของปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มไอเอส เป็นเวลา 20 นาที
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่เป็นทางการของบทสนทนาระหว่างโอบามากับปูติน มีเพียงการออกมาเปิดเผยของแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ รายหนึ่งว่า เบื้องต้นโอบามาและปูตินเห็นพ้องกันให้มีการจัดเจรจาสันติภาพซีเรียที่มีองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นคนกลาง และเห็นพ้องว่า การหยุดยิงในซีเรีย จะเป็นการปูทางสู่จุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างสันติภาพในซีเรียอย่างราบรื่นและสันติ และการเพิ่มความพยายามขึ้นอีก 2 เท่า เพื่อเร่งกวาดล้างกลุ่มไอเอสในซีเรีย
อย่างไรก็ตาม สหรัฐและรัสเซียยังคงเห็นต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยรัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตรต้องการให้ผู้นำซีเรียลงจากตำแหน่งเร็วที่สุด แต่รัฐบาลมอสโกและอิหร่านมองว่าอัสซาดควรมีส่วนร่วมกับกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ หลังดินแดนอาหรับแห่งนี้เผชิญสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 และคร่าชีวิตผู้คนในซีเรียไปแล้วมากกว่า 250,000 ราย
การพบหน้าและสนทนากันของโอบามาและปูตินถือเป็นการประชุมร่วมในเวทีเดียวกันของโอบามาและปูตินครั้งแรกในรอบมากกว่า 2 ปี หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียก้าวเข้าสู่ภาวะเสื่อมทรามและเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุค “สงครามเย็น” จากผลพวงของวิกฤตในยูเครน และสงครามกลางเมืองซีเรีย ที่สหรัฐฯ และรัสเซียมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

กรณีฝรั่งเศสส่งเครื่องบินรบเข้าไปทิ้งระเบิดถล่มเป้าหมายไอซิสในจังหวัด Raqqa ทางตอนเหนือของซีเรีย

พฤติกรรมที่น่าหวาดระแวง...จากกรณีถล่มปารีส และการบุกเอาคืนไอเอส.ที่ซีเรีย...หรือ จะเหมือนครั้ง ปฏิบัติการทำสงครามกับผู้ก่อการร้าย ของ"บุช"หลังวินาศกรรม911 
-------------
เป็นไปตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้เลย วันที่ 15 พ.ย.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "เครืื่องบินขับไล่ของฝรั่งเศสทิ้งระเบิด 20 ลูกโจมตีไอซิสอย่างหนักในซีเรีย" (French jets drop 20 bombs in massive anti-ISIS raid in Syria)
รายงานข่าวบอกว่า ฝรั่งเศสได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ใส่ฐานที่มั่นของไอซิสในเมือง Raqqa ซึ่งไอซิสเรียกว่าเป็นเมืองหลวงของไอซิสในประเทศซีเรีย ได้โจมตีเป้าหมายจำนวนมากซึ่งรวมทั้งศูนย์บัญชาการและควบคุม แคมป์ฝึก คลังเก็บกระสุน อากาศยานของฝรั่งเศสจำนวน 12 ลำซึ่งรวมทั้งเครื่องบินขับไล่ 10 ลำด้วย ได้เข้าไปถล่มทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในซีเรีย กระทรวงกลาโหมของฝรั่งเศสแถลง

การโจมตีครั้งนี้ได้รับการประสานงานกับทางสหรัฐฯ ซึ่งเครื่องบินรบของฝรั่งเศสออกบินจากจอร์แดนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ "เป้าหมายแรกที่ได้ถูกทำลายไปซึ่งพวกดาอิช (Daesh เป็นชื่อภาษาอาหรับของพวกไอซิส) ใช้เป็นฐานบัญชาการ ศูนย์รวบรวมสมาชิกเพิ่ม และคลังเก็บอาวุธและเครื่องกระสุน เป้าหมายที่สองเป็นแคมป์ฝึกของพวกผู้ก่อการร้าย ได้มีการทิ้งระเบิดทั้งสิ้นจำนวน 20 ลูกในปฏิบัติการโจมตีในครั้งนี้"

นาย Laurent Fabius รมว.ต่างประเทศของฝรั่งเศสอ้างว่า ตนมี "ความชอบธรรม" (legitimacy) ที่จะปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเมือง Raqqa ใส่กลุ่มก่อการร้ายไอซิส" กล่าวกับผู้สื่อข่าวในงานประชุม G20 ที่ประเทศตุรกี

การโจมตีทางอากาศในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจ "ทางการเมือง" (The air raid was a “political” decision…) รมว.ต่างประเทศของฝรั่งเศสกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฝรั่งเศส "ยังอยู่และยังฮึกเหิม" ด้วย (France is “present and active”) หลังการโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า เครื่องบินรบของฝรั่งเศสได้มีภารกิจโจมตีทางอากาศจำนวน 30 เที่ยวใส่ตำแหน่งต่างๆของผู้ก่อการร้ายไอซิสในเมือง Raqqa ทางตอนเหนือของประเทศซีเรียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฝ่ายเฝ้าระวังสังเกตุการณ์รายงาน

นาย Peter Cook โฆษกเพนตากอนของสหรัฐฯกล่าวในแถลงการณ์ว่าพันธมิตรได้ตกลงใน "ขั้นตอนที่แข็งแกร่ง (/เป็นรูปธรรม) ซึ่งกองทัพของสหรัฐฯและฝรั่งเศสควรจะเพิ่มความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของพวกเราเพิ่มมากขึ้นในดำเนินการแคมเปญจ์อย่างต่อเนื่อง"

[กรรม! ก็เป็นไปตามที่มีนักวิเคราะห์หลายคนมองเอาไว้ว่างานนี้สหรัฐฯต้องการที่จะหาเสียงสนับสนุนอย่างชัดเจนในการหาโอกาสเข้าไปในซีเรียอย่างเป็นทางการให้ได้ และเพื่อลดข้อครหาอันเนื่องมาจากความล้มเหลวของสหรัฐฯและพันธมิตรในอดีต สหรัฐฯจึงต้องถอยออกมาอยู่หลังม่านชั่วคราว จากนั้นก็ให้ฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าทุกข์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการก่อการร้ายในกรุงปารีสออกหมัดแรงๆแทนสหรัฐฯ - ผู้แปล]
+ บทวิเคราะห์เสริม
---------------
ภาพที่ออกมาก็กลายเป็นว่ากองทัพและรัฐบาลของฝรั่งเศสกระทำการแก้แค้นพวกผู้ก่อการร้าย ซึ่งในสายตาของชาวฝรั่งเศสและหลายคนทั่วโลกก็มองว่าการกระทำของฝรั่งเศสมีความชอบธรรม หมายถึงชอบธรรมที่จะปราบปรามผู้ก่อการร้าย แต่วิธีการของฝรั่งเศสที่เข้าไปในซีเรียโดยไม่ผ่านการอนุญาตจากรัฐบาลซีเรียและยูเอ็นนั้นก็ยังเป็นคำถามอยู่เช่นกันกับที่รัสเซียเคยถามสหรัฐฯและพันธมิตรอยู่บ่อยๆ

อีกคำถามหนึ่งก็มีอยู่ว่า ทำไมต้องเป็นที่ "ซีเรีย" ก่อน? ทำไมถึงไม่เป็นที่ "อิรัค" หรือ "ลิเบีย" หรือประเทศอื่นๆที่มีไอซิสอยู่เช่นกัน? เพราะว่าตอนนี้ทางกองทัพอากาศของรัสเซียและกองทัพของซีเรียพร้อมทั้งพันธมิตรฝ่ายรัสเซียได้โจมตีและรุกไล่ปราบปรามพวกไอซิสได้เป็นจำนวนมาก และสามารถยึดพื้นที่จากพวกไอซิสคืนได้มากขึ้นเรื่อยๆ ที่จังหวัด Aleppo ก็เกือบจะยึดคืนมาได้หมดแล้ว Aleppo อยู่ไม่ไกลจากเมือง Raqqa เลย อยู่ห่างกันเพียงแค่ 203 กม. ใช้เวลาเดินทางทางรถยนต์ไม่ถึง 3 ชั่วโมง

หากทางกองทัพของรัฐบาลกลางของซีเรียสามารถยึดและเคลียร์พื้นที่ในจังหวัด Aleppo ได้เรียบร้อยทั้งหมด การที่จะรัสเซียและซีเรียจะขยายฐานทัพอากาศของตนเข้าไปประจำการที่สนาบินนานาชาติ Aleppo และในฐานทัพอากาศที่ Kwaires ก็จะเป็นการประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายในการบินและย่นระยะทางจากสนามบินหลักที่ Latakia ได้ด้วย จุดนี้คือจุดที่สหรัฐฯและพันธมิตรกลัวเป็นอย่างมาก 

และที่สำคัญฝันหวานของตุรกีที่จะเข้ายึดหรือแผ่อิทธิพลของตนเองเข้าไปในพื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรียก็จะลิบหลี่ลงเรื่อยๆ

Jean-Yves Le Drian รมว.กลาโหมของฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ du Dimanche ของฝรั่งเศสว่า "พวกราจะต้องโจมตีทางที่จะเป็นไปได้ทั้งหมดของพวกไปซิส (all the possibilities of the ISIL) [สิ่งปลูกสร้างเกี่ยวกับน้ำมัน - Oil facilities] ใช้เพื่อสนับสนุนทางการเงินของ (ดินแดน) กึ่งรัฐนี้ (quazistate / quazi state) รถบรรทุกเป็นร้อยๆคันเข้าไปยังดินแดนแห่งนั้นทุกวัน พวกไอซิสซื้ออาวุธที่นำไปใช้ในแคมเปญจ์ทางทหาร มีที่อื่นๆที่คล้ายกันนี้อีก และพวกเราจะเดินหน้าโจมตีสถานที่เหล่านั้นต่อไป"

รายงานข่าวบอกว่า เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ฝรั่งเศสได้มีปฏิบัติการโจมตีสถานีปั๊มน้ำมันหลายแห่งที่ควบคุมโดยไอซิสในอาณาเขตของซีเรีย

คำถามก็มีอยู่ว่า ทำไมฝรั่งเศสและพันธมิตรต้องมุ่งทำลายระบบสาธารณูปโภค (บ่อน้ำมัน) ของซีเรียที่ถูกไอซิสยึดไปด้วย? การทำลายหรือตัดแหล่งรายได้ของไอซิสสามารถกระทำด้วยวิธีอื่นนอกจากทำลายบ่อน้ำมันได้หรือไม่? เช่นการตัดเส้นทางการเงิน ปิดหรืออายัดบัญชีธนาคารต่างๆที่มีการเชื่อมโยงกับการค้าน้ำมันเถื่อนจากไอซิส หรือห้ามไม่ให้มีรถบรรทุกน้ำมันผ่านเข้าไปยังประเทศตุรกีผ่านพรมแดนของทั้งสองประเทศ (ซีเรีย-ตุรกี)? คำตอบก็คือทำได้ แต่ไม่ทำ เพราะอะไรถึงไม่ทำ? ก็ต้องไปถามสหรัฐฯและตรุกีว่าทำไมถึงไม่แซงชั่นธนาคารหรือสถาบันการเงินเหล่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านั้นที่เกี่ยวกับพวกไอซิส?

ทางฝรั่งเศสอ้างว่าต้องการจะทำลายแหล่งที่มาทางการของไอซิส ถ้าพวกนั้นไม่มีน้ำมันขายแลกกับอาวุธ พวกนั้นก็จะไม่สามารถเข้มแข็งหรือขาดการสนับสนุนอีกต่อไป จริงหรือครับ? พื้นที่ส่วนใหญ่ในซีเรียที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มต่างที่ต่อต้านรัฐบาลกลาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มฝ่ายค้านหรือกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆ ล้วนมีบ่อน้ำมันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นรายได้หลักของรัฐบาลซีเรีย แต่พอถูกยึดไปก็กลายเป็นรายได้หลักของกลุ่มก่อการร้าย

พอกองทัพซีเรียใกล้จะยึดพื้นที่เหล่านั้นคืนมาได้ สหรัฐฯและฝรั่งเศสก็ส่งเครื่องบินรบของพวกตนเข้าไปทิ้งระเบิดทำลายบ่อน้ำมันเหล่านั้นซะงั้น เรื่องอะไรจะยอมให้ทรัพยากรเหล่านั้นกลับคืนไปอยู่ในมือของอัสซาดในสภาพปรกติ เพราะนั่นจะยิ่งเท่ากับทำให้อัสซาดและรัฐบาลกลางเข้มแข็งมากขึ้น ต้องรีบทำลายระบบสาธารณูปโภคเหล่านั้นให้ได้มากที่สุดก่อนที่กองทัพของซีเรียจะเข้าไปยึดคืนจากไอซิส กว่ารัฐบาลซีเรียจะฟื้นฟูระบบเหล่านั้นกลับคืนมาได้ก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี ซึ่งนั่นคือหนึ่งในยุทธศาสตร์ทำให้ซีเรียอ่อนแอไปเรื่อยๆ

วันที่ 15 พ.ย.58 สำนักข่าว FNA ของอิหร่านพาดหัวข่าวว่า "เครื่งอบินขับไล่ของรัสเซียบอมบ์ที่มั่นทางทหารของผู้ก่อการร้ายไอซินในจังหวัด Raqqa" (Russian Fighter Jets Bomb ISIL Military Sites in Raqqa)

จริงๆแล้วเครื่องบินรบของรัสเซียและซีเรียได้ถล่มฐานที่มั่นต่างๆของพวกไอซิสในหลายจังหวัดด้วยกันในวันเดียวกันนี้ เช่นที่ Aleppo, Damascus, Deir Ezzur, Idlib, Homs, Sweida และ Lattakia รายงานข่าวบอกว่าเครื่องบินรบของรัสเซียเน้นถล่มเฉพาะฐานที่มั่นทางทหารของไอซิสเป็นหลัก ก็แสดงว่าในน่านฟ้าเหนือเมือง Raqqa ไม่ได้มีเฉพาะเครื่องบินรบของฝรั่งเศสเท่านั้น แต่มีของรัสเซียด้วย

ป.ล. เดิมทีโพสต์นี้ตั้งใจจะพูดเรื่อง "Ideological Clash" หรือ "the clash of civilizations" จากการโจมตีกรุงปารีสนะครับ แต่พอเกริ่นนำเรื่องฝรั่งเศสส่งเครื่องบินไปถล่มไอซิสใน Raqqa แล้วก็ยาวเลย งั้นขอยกเรื่อง the clash of civilizations ไปพูดในโพสต์ต่อไปนะครับ

ศรีสุวรรณค้านกระทรวงทรัพฯ ยกขบวนประชุมโลกร้อน ผลาญงบ ไม่สนใจจริง


16 พ.ย. 2558 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์คัดค้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยกโขยงไปฝรั่งเศสผลาญงบแผ่นดิน โดยระบุว่า กระทรวงทรัพยากรฯ กำลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติให้ผู้บริหารและคณะทำงานกว่า 80 คนเดินทางไปร่วมประชุมโลกร้อนที่ประเทศฝรั่งเศสด้วยงบแผ่นดินกว่า 20 ล้านบาทนั้น สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนขอคัดค้านแผนงานดังกล่าว เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในภาวะซบเซา และที่ผ่านมาไม่ได้แสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อการปกป้อง หรือควบคุมปัญหาที่เป็นสาเหตุของโลกร้อนเลย ตรงกันข้ามกลับดำเนินนโยบาย
ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ แจงใช้งบไปประชุมที่ฝรั่งเศส 2 ล้านบาทเท่านั้น
โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ชี้แจงกรณีงบประมาณที่คณะเจ้าหน้าที่จาก 27 หน่วยงานเดินทางไปร่วมประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศสว่า ในส่วนของกระทรวงทรัพย์ฯ ใช้เงินงบประมาณค่าเดินทางแค่ 2 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 20 ล้านบาท
ขณะที่การขออนุมติงบประมาณ 20 ล้านบาทนั้น เป็นการอนุมัติงบกลางในการจัดการประชุมกลุ่มจี 77 ที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นประธาน
"ผมอยากอธิบายให้สื่อเข้าใจ เพราะถ้าคนอื่นทั่วไปมาอ่านก็จะคิดว่าทส.ผลาญงบประมาณรัฐ เสียเวลาที่ต้องมาชี้แจงอีก" นายเกษมสันต์กล่าว
แถลงการณ์ของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน : 
แถลงการณ์
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
คัดค้านกระทรวงทรัพย์ฯยกโขยงไปฝรั่งเศสผลาญงบแผ่นดิน
.......................................................
          ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติให้ผู้บริหารและคณะทำงานกว่า 80 คนเดินทางไปร่วมประชุมโลกร้อนที่ประเทศฝรั่งเศสด้วยงบแผ่นดินกว่า 20 ล้านบาทนั้น สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนขอคัดค้านแผนงานดังกล่าว เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในภาวะซบเซา อีกทั้งเป็นการขัดต่อนโยบายของรัฐบาลที่เคยประกาศไว้ในเวทีกระประชุมสหประชาชาติหรือ UN ในเรื่องเศรษฐกิจอย่างชัดแจ้ง
          ที่สำคัญกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในคณะรัฐบาลยุคนี้ ไม่ได้แสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อการปกป้อง หรือควบคุมปัญหาที่เป็นสาเหตุของโลกร้อนเลย ตรงกันข้ามกลับดำเนินนโยบาย เอื้อประโยชน์และเห็นชอบโครงการที่นำไปสู่การก่อให้เกิด ปัญหาโลกร้อนมากยิ่งขึ้น เช่น การส่งเสริมการใช้ถ่านหิน การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เทพา แม่เมาะ ฯลฯ รวมทั้งการอนุญาตให้ใช้ถ่านหินในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ การสร้างท่าเรือขนถ่ายถ่านหินมากมายหลายพื้นที่ เช่น ที่อำเภอนครหลวง อยุธยา ที่บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา และที่สมุทรสาคร เป็นต้น
          การยกโขยงกันไปฝรั่งเศสครั้งนี้จึงเป็นเพียงข้ออ้างบังหน้าในการเอางบประมาณและเวลาราชการไปเพื่อประโยชน์อย่างอื่นมากกว่าที่จะไปนำเนื้อหาสาระของการประชุมมาเพื่อประยุกต์ใช้กับบริบทของประเทศไทย ในเมื่อรัฐบาลมีโยบายที่ชัดแจ้งว่าเดินหน้าตรงข้ามกับเวทีโลกร้อนนานาชาติ การเอาผู้บริหารฝ่ายการเมืองและข้าราชการยกโขยงไปประชุมกว่า 80 คนจะเกิดประโยชน์อะไรต่อไปกับประเทศชาติ
          สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ขอเรียนร้องมายังคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้โปรดทบทวนแผนงานดังกล่าวเสีย ก่อนที่จะได้ชื่อว่ารัฐบาลปากกับการกระทำไม่ตรงกันเลย
ประกาศมา ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2558
นายศรีสุวรรณ  จรรยา
นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

แฮกเกอร์ประกาศสงครามกับ ISIS






สิ่งที่ฉันประหลาดใจ … ทำไมการกระทำของฝรั่งเศสจึงเหมือนกับกลุ่มดาอิช (ไอซิส) ?!!!

โดย admin -  พฤศจิกายน 16, 2015

วันนี้ฉันได้เห็นภาพต่างๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นภาพที่เกี่ยวกับสถานที่ใด / ตอนแรกฉันคิดว่า เป็นการฆ่าของกลุ่มดาอิช (ำอซิส) ในซีเรียและอิรัก …. เนื่องจากเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับกลุ่มดาอิช (ไอซิส) นั่นคือการการฆ่าตัดหัวผู้คนและการโชว์หัวที่ถูกตัด

ด้วยการค้นหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันก็ประจักษ์ว่า เป็นภาพที่เกี่ยวกับการกระทำของกองทัพฝรั่งเศสต่อประชาชนผู้เรียกร้องเสรีภาพของประเทศแอลจีเรีย … การจินตนาการเกี่ยวกับประเด็นที่ว่าประเทศที่มีการเรียกร้อง (กล่าวอ้าง) ประชาธิปไตยและเสรีภาพอย่างเอาจริงเอาจังและมีการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ (การปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1789) แต่ทำไมถึงปฏิบัติกับประชาชนอย่างโหดร้ายและไร้ความเมตตาถึงเพียงนี้ สำหรับฉันแล้วยังไม่เป็นที่ประหลาดใจมากเท่าใดนักที่การฆ่าตัดหัวประชาชนและการเสียบประจานมันไว้บนปลายหอกที่ทำให้ฉันต้องอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนถูกสต๊าฟไว้ … ศีรษะเหล่านี้ไม่ใช่ศีรษะของโจรหรืออาชญากรแต่อย่างใด … แต่เป็นศีรษะของประชาชนที่ต้องการขับไล่พวกนักล่าอาณานิคมชาวฝรั่งเศสออกไปจากประเทศของตน …. แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งสำหรับฉันก็คือว่า ทำไมฝรั่งเศสจึงมีความเหมือนกับพวกดาอิช (ไอซิส) เหล่านี้ที่พยายามข่มขู่และสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนด้วยการฆ่าตัดหัวและการชูหัวประจาน?!!!

ตวามรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนี้ในประเทศฝรั่งเศส แม้ว่าสำหรับประชาชนร่วมสมัยของมันจะเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อก็ตาม แต่สำหรับคนแอลจีเรียและรวันดาแล้วเป็นเพียงการซ้ำรอยของประวัติศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น .. มันเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเข่นฆ่าประชาชนจำนวนนับล้านของสองประเทศนี้ (โดยน้ำมือของนักล่าอาณานิคมอย่างเช่นฝรั่งเศส) …

มาถึงตอนนี้ มีใครบ้างในฝรั่งเศสที่จะเรียกร้องประชาชนของประเทศนี้ให้ทำลายการนิ่งเงียบ (ปิดปากเงียบ) ต่อการกระทำของรัฐบาลฝรั่งเศสในการแทรกแซงกิจการของบรรดาประเทศในตะวันออกกลางและในแอฟริกา … ???

ซีโมน เดอ โบวัวร์ (Simone de Beauvoir) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ( 9 มกราคม ค.ศ. 1908 – 14 เมษายน ค.ศ. 1986) ในการมองขบวนการต่อสู้ (มุกอวะมะฮ์) ของแอลจีเรียในการขับไล่ลัทธิล่าอาณานิคมฝรั่งเศส ได้เขียนว่า : พวกท่าน (ชาวฝรั่งเศส) ไม่สามารถที่จะแก้ตัวและกล่าวได้ว่า เราไม่รู้เกี่ยวกับอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น …

เขาได้เรียกร้องชาวฝรั่งเศสว่า อย่าได้เงียบเฉยต่อการก่ออาชญากรรมต่างๆ ของประเทศตน
(มะฮ์ตอบ ออซะมอน)
credit : مهتاب آسمانی


——————–
امروز تصاویری دیدم بدون این که بدانم مربوط به کجاست / ابتدا فکر کردم کشتار داعش در سوریه و عراق باشد .. چرا که رسم داعش سربریدن و نمایش سرهای بریده است .
با کمی جستجو متوجه شدم تصاویر مربوط به برخورد ارتش فرانسه با آزادیخواهان الجزایر است…تصور این که کشوری با این همه ادعای دموکراسی و آزادی و در اختیار داشتن انقلابی بزرگ در تاریخ چنین بیرحمانه رفتار کرده برایم آنقدر عجیب نبود که رسم بریدن سرها و آویزان کردن انها به نیزه که مرا میخکوب کرد … این سرها دزد و جنایتکار نبودند .. این سرها مربوط به کسانی بودند که خواهان بیرون راندن استعمار فرانسه از کشورشان بودن…و عجیب این بود فرانسه مانند همین داعش با سرهای بریده سعی در ایجاد رعب و وحشت داشته!!!
این روزهای خشونت در فرانسه اگرچه برای مردم معاصرش باور کردنی نیست اما برای مردم الجزایر و روآندا تنها تکرار ناچیزی از تاریخ است .. بخشی از تاریخ کشتار میلیونی مردمشان …
در حال حاضر چه کسی در فرانسه مردم این کشور را به شکستن سکوت در مقابل اقدامات مداخلانه جویانه دولت فرانسه در خاورمیانه و افریقا فرامیخواند …؟؟؟ سیمون دوبوار 1962 در نگاه به جنبش مقاومت الجزایر علیه استعمار فرانسه نوشت : شما دیگر نمی توانید بهانه آورده و بگوئید ما از جنایت هائی که صورت می گیرد بی اطلاع بوده ایم…
.او از فرانسویان خواست که در برابر جنایت کشورشان سکوت نکنند
(مهتاب آسمانی )

ทำความรู้จัก "พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล" ปธ.สอบอุทยานราชภักดิ์



คอลัมน์ คนตามข่าว

โดย ดุษฎี สนเทศ

มติชนรายวัน 16 พฤศจิกายน 2558



ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก

ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ตกเป็นข่าวครึกโครม พาดพิง พ.อ.และนายทหารยศ พล.ต. เข้าไปมีส่วนแสวงหาผลประโยชน์ในการก่อสร้าง

ผู้บัญชาการทหารบกขีดเส้นตรวจสอบให้แล้วเสร็จ และรายงานผลให้ได้รับทราบภายใน 1 สัปดาห์ 

อายุ 59 ปี ชื่อเล่น ตุ่ย หรือ บิ๊กตุ่ย

เตรียมทหารรุ่น 14 วิทยาศาสตรบัณฑิต โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (รุ่นที่ 25) ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ผ่านการดำรงตำแหน่งเสนาธิการ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก ตุลาคม 2552-กันยายน 2554 รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก ตุลาคม 2554-กันยายน 2555 ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก ตุลาคม 2555-กันยายน 2557

ตุลาคม 2557 ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก 

1 ตุลาคม 2558 ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก

นอกจากนี้ยังเป็นกรรมการการประปานครหลวง และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติอีกด้วย

เพื่อนร่วมรุ่น ตท.14 พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก พล.อ.อักษรา เกิดผล พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.

ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ทบ.ตรวจสอบปมการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่ 13 พฤศจิกายน

หรือต้องรู้ผลสอบเป็นที่แน่ชัด รายงานถึงมือ ผบ.ทบ. วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน

เผยโฉมที่ตั้ง'มูลนิธิราชภักดิ์'ทหารเวรอ้างบ้าน'อุดมเดช'

วันศุกร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2558  อิศรา

เผยโฉมที่ตั้ง "มูลนิธิราชภักดิ์" เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์-ทหารยัน เป็นบ้าน "บิ๊กโด่ง" เผยเข้า-ออกยาก มีทหารเฝ้าหน้าบ้านตลอด คาดเป็นบ้านพักช่วงเป็น ผบ.ทบ.
131158 rchpk 0000
กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2558 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิราชภักดิ์” ระบุ ด้วย พันเอกศักดิ์ศิริ เกาะสูงเนิน ผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิราชภักดิ์ต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร
ระบุวัตถุประสงค์ของมูลนิธิว่า เพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ อันนำมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นปึกแผ่นของชาติไทยตราบจนทุกวันนี้ รวมถึง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทย ตลอดจนสร้างความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชน และประชาชนทั่วไป และเพื่อเป็นศูนย์กลางในการร่วมสมทบทุนในการก่อสร้างถาวรวัตถุ อาคาร สิ่งปลูกสร้างรวมถึงการดูแลและบำรุงรักษาอุทยานราชภักดิ์
นอกจากนี้ ระบุอย่างชัดเจนว่า เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์การการกุศลอื่น ๆ เพื่อสาธารณประโยชน์ และไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ประการใด โดย มีทรัพย์สินของมูลนิธิ ทุนแรกเริ่ม คือ เงินสด จำนวน 200,000 บาท และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ตั้งเลขที่ 326/2 ถ.อำนวยสงคราม แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
มีคณะกรรมการดำเนินงาน ได้แก่ 1.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานกรรมการ(รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม) 2.พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองประธานกรรมการ(รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) 3.พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร กรรมการ 4.พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี กรรมการ 5.พ.อ.ชูชาติ สุกใส กรรมการและเหรัญญิก และ 6.พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ กรรมการและเลขานุการ
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวสำนักอิศรา เดินทางตรวจสอบข้อมูล "มูลนิธิราชภักดิ์" ตามที่แจ้งต่อนายทะเบียนมูลนิธิ ว่า มีสำนักใหญ่ที่ตั้งเลขที่ 326/2 ถ.อำนวยสงคราม แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์รายหนึ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม แต่บ้านหลังนี้เข้ายาก ต้องติดต่อทหารหน้าบ้านก่อน ให้เขาติดต่อข้างในก่อน
เมื่อเดินทางถึง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านเลขที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่ฝั่งตรงข้ามกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ใกล้กับบ้านเกษะโกมล และตลอดทั้งสองฝั่งถนน มีเต็นท์ทหาร รวมถึงทหารจำนวนหลายนาย คอยดูแลพื้นที่
เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารรายหนึ่ง เพื่อติดต่อขอสัมภาษณ์ พล.อ.อุดมเดช ทหารรายนี้ ได้ติดต่อทางวิทยุสื่อสารกับทหารอีกราย ก่อนระบุว่า พล.อ.อุดมเดช ไม่อยู่ และไม่ว่าง ติดประชุม ต้องขอโทษด้วย อย่างไรวันหน้าค่อยมาใหม่ได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.อุดมเดช ที่แจ้งกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง รมช.กลาโหม ในคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แจ้งว่า มีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 แห่ง รวมมูลค่า 17 ล้านบาท ได้แก่ เลขที่ 279/1 ม.7 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  2 ล้านบาท และเลขที่ 539 ม.8 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร  15 ล้านบาท และไม่มีการแจ้งบ้านเลขที่หลังดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ แต่อย่างใด คาดว่าเป็นบ้านพักของนายทหารระดับสูง ช่วงดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ พล.อ.อุดมเดช ตามที่แจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

กสม.ฟันธง "กปปส."ใช้สิทธิชุมนุมเกินจำเป็น | เดลินิวส์


วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2558 เวลา 18:49 น. 

กสม.ฟันธง "กปปส."ใช้สิทธิชุมนุมเกินจำเป็น กสม.แถลงผลงานรอบ 6 ปี มีมรดกตกค้างส่งต่อชุดใหม่ 958 เรื่อง "หมอนิรันดร์"แนะอย่าใช้การทหารแก้การเมือง หวั่นปัญหาบานปลาย ชี้"กปปส."ใช้สิทธิชุมนุมเกินจำเป็น 

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธาน กสม. พร้อมกรรมการ กสม. ร่วมกันแถลง 6 ปี ผลการดำเนินงานของ กสม.ชุดที่ 2 โดยนางอมรา กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้เข้ามารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2552 โดยรับคำร้องเดิมจากกรรมการชุดเก่า 1,563 คำร้อง ทำเสร็จสิ้น 1,555 คำร้องและระหว่างเข้ารับหน้าที่เมื่อ 25มิ.ย.52 - 30 ก.ย.58มีคำร้องยื่นเข้ามาจำนวน 4,143 ทำเสร็จ 3,185 คำร้องและจะส่งต่อให้กสม.ชุดใหม่ 958 คำร้อง ทั้งนี้ก็ตามการทำหน้าที่ที่ผ่านมาไม่ขอเปรียบเทียบผลงานระหว่างชุดที่1 กับชุดที่2 ว่าชุดไหนดีกว่ากัน 

อย่างไรก็ตามอยากเสนอให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาให้กสม.สามารถหยิบยกกฎหมายที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนขึ้นมาพิจารณาก่อนส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญศาลปกครอง ศาลยุติธรรมให้ยกเลิกได้ แทนการรอให้มีคนมาร้องเรียน ขณะที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม. ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กล่าวว่า กสม.ได้เข้าไปตรวจสอบการชุมนุมทางการเมืองและการใช้ความรุนแรงทางการเมือง 2 ครั้ง คือเมื่อปี 2553 และปี 2556-2557 มีข้อสรุปว่าการชุมนุมทั้ง 2 ครั้งมีปัญหาเรื่องสิทธิการรับรู้ความจริงและการยอมรับความจริงร่วมกัน แม้จะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศเข้ามา แต่ยังไม่มีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์อย่างแท้จริง ต้องมีการจัดการการชุมนุมหรือความขัดแย้งอย่างเหมาะสม และไม่ควรใช้กฎหมายที่รุนแรงการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง หากแก้ปัญหาด้วยการทหาร ยิ่งทำให้ปัญหาขยายตัวเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีการเสนอเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อการชุมนุมอย่างเหมาะสมตามหลักกฎหมาย รวมทั้งต้องสรุปบทเรียนว่าการที่จะทำให้ประเทศไทยไม่ตกหลุมความขัดแย้ง จำเป็นต้องคิดถึงปัญหาต้นตอ เพราะประเทศไทยติดกับดักบ้านเมืองต้องการปฏิรูป ซึ่งมองไม่เห็นเค้าลางการการปฏิรูปประเทศไทยจะเกิดขึ้นจริง “ระยะ 1 ปีเศษที่ผ่านมามีปัญหาการละเมิดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ภายใต้สถานการณ์รัฐประหารต้องยอมรับว่าภายใต้กฎอัยการศึกแม้จะยกเลิกไปแล้ว แต่สังคมไทยยังมีปัญหาด้านเสรีภาพในการแสดงความเห็น เช่น เสรีภาพของสื่อมวลชนและนักวิชาการ เป็นต้น แม้กระทั่งการที่ประชาชนอยากมีส่วนร่วมปัญหาต่างๆในพื้นที่ ก็ถูกสกัดกั้นถูกมองว่าทำลายความสงบสุขในความเป็นจริงเป็นสิทธิของพลเมือง”นพ.นิรันดร์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการรายงานผลงานของ กสม.ได้สรุปรายงานการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อปี 2556-2557 ว่า แม้การชุมนุมของ กปปส.และกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอื่นๆในภาพรวมจะเป็นการใช้เสรีภาพที่เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ แต่ยังปรากฏว่ามีการดำเนินกิจกรรมบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อการใช้สิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ กิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้งการปิดล้อมสถานที่รับสมัคร ส.ส. รวมถึงการปฏิบัติการปิดกรุงเทพ ถือเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมในที่สาธารณะที่เกินความจำเป็นและกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น อีกทั้งมีการทำลายทรัพย์สิน และใช้สิ่งเทียมอาวุธ โดยแกนนำไม่สามารถควบคุมได้ และไม่มีการห้ามปราม ก็ถือได้ว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบและไม่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นความผิดเฉพาะราย 

ดังนั้น กสม.จึงมีข้อเสนอเชิงนโยบายไปยังรัฐบาล คือรัฐต้องดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบ ป้องกันไม่ให้กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย และรัฐควรหลีกเลี่ยงการประกาศใช้กฎหมายพิเศษเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยเพราะไม่สามารถดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐจึงต้องมีมาตรการ กฎหมายที่เหมาะสม และรัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และติดตามผู้กระทำผิด ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ชุมนุม หรือบุคคลอื่น มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งการสลายการชุมนุมของตำรวจที่ผ่านมา ยังไม่สอดคล้องกับหลักสากลในการสลายชุมนุม ขณะที่ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมจะต้องสร้างเจตจำนงร่วมในการชุมนุมภายใต้หลักการรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ รวมถึงผู้ร่วมชุมนุมต้องใช้เสรีภาพเท่าที่ไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น.“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/361301