PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

แจกฟรี 4 ล้านคน

แจกฟรี 4 ล้านคน


หลังจาก “นิด้าโพล” ทำบ่อนแตกแหกกระเจิงไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุดถึงคิว “กรุงเทพโพล” ตั้งปุจฉาถามความเห็นประชาชน 1,212 คน ถึงความสุขและความทุกข์ภายใต้ยุครัฐบาล คสช.??
คำตอบจากประชาชนสรุปว่าในช่วง 3 ปีกว่าภายใต้รัฐบาล คสช.คนไทยมีความสุขประชาชนอยู่ในระดับปานกลาง
ค่าเฉลี่ยความสุขอยู่ที่ 6.48 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
หักลบกันแล้วความสุขมากกว่าความทุกข์ 3.52 คะแนน
ประชาชน 62 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า ความสุขในยุครัฐบาล คสช. เพราะทำให้บ้านเมืองสงบไม่มีความวุ่นวาย
ประชาชน 41 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าความสุขเพราะรัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการลงทะเบียนคนจน
นี่คือความสุขของ 2 ประเด็น ที่คนไทยได้รับจากรัฐบาล คสช.
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าแม้ผลสำรวจความเห็นประชาชนผ่านทุกสำนักโพลตลอดช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา คะแนนนิยมรัฐบาล คสช.มีแนวโน้มลดลง
แต่ไม่ได้ลดฮวบฮาบต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
คะแนนล่าสุด 6.48 เต็ม 10 ถือว่าไม่ขี้เหร่เกินไป
ถือว่ารัฐบาล คสช.ยังประคองตัวได้ค่อนข้างดี
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยกับผลสำรวจ “กรุงเทพโพล”
เพราะการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช.ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จควบคุมไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ไม่มีการปลุกม็อบประท้วงปิดบ้านปิดเมืองอย่างที่ผ่านมา
ทำให้คนที่เบื่อหน่ายความวุ่นวายทางการเมืองรู้สึกพอใจ
และถึงแม้รัฐบาลยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องชาวบ้านไม่สำเร็จอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
แต่รัฐบาล คสช.ทุ่มงบอัดฉีดโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อยผ่านการลงทะเบียนคนจนทั่วประเทศ 11 ล้านคน
โครงการแจกเบี้ยยังชีพคนชราอีก 8 ล้านคน โครงการอัดฉีดช่วยเหลือเกษตรกรรายครัวเรือน และโครงการอัดฉีดแจกกระจายอื่นๆอีกมากมายหลายขบวน
ถึงแม้การอัดฉีดแจกกระจายจะไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน
แต่อย่างน้อยการโอนเงินใส่บัตรเครดิตคนจน ให้เอาไปรูดซื้อสินค้า ช่วยลดภาระค่าครองชีพคนละ 500 บาทต่อเดือน ก็ช่วยแก้ขัดหนักขัดเบาไปได้พอสมควร
แถมล่าสุด รัฐบาลยังเปิดโครงการช่วยเหลือคนจนรอบ 2 ฉลองเทศกาลตรุษจีนสำหรับผู้ลงทะเบียนคนจนกับรัฐบาลอีก 5.3 ล้านคน
โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้ตํ่ากว่า 3 หมื่นบาทต่อปี และผู้มีรายได้สูงกว่า 3 หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี ไปแจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพิ่มทักษะอาชีพเพื่อให้หลุดพ้นความยากจนอย่างยั่งยืน
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์!
โดยรัฐบาลจัดโครงการฝึกอาชีพให้เลือกกว่า 590 อาชีพ สามารถรองรับจำนวนผู้สมัครอบรมได้ไม่ตํ่ากว่า 4 ล้านคน
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่านอกจากเปิดคอร์สพัฒนาอาชีพคนจนฟรีทั่วประเทศ 4 ล้านคน
รัฐบาลยังจัดโปรโมชั่นจูงใจ สำหรับผู้ที่สมัครเข้ารับการอบรมทุกคน จะได้รับอัดฉีดเบี้ยคนจนเพิ่มฟรีๆจากรัฐบาลอีกคนละ 200 บาทต่อเดือน
แจกกันอุตลุดขนาดนี้...คะแนนความสุขต้องเพิ่มซะแล้วโยม.
"แม่ลูกจันทร์"

ไม่ได้บอกว่าจะไม่ออก

"ผมไม่ได้บอกว่า พลเอกประวิตร" จะไม่ลาออก....แต่ บอกว่า ท่าน จะทำงาน ต่อไป....อย่าง มั่นคง และ หนักแน่น!!!"
"เสธ.ต้อง" พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม

ไม่ได้หาเสียง ขอเวลาไม่นาน

ไม่ได้ มาหาเสียง!!
ไม่ได้มา เพื่อการเมือง!!
แต่ ขอเวลาอีกหน่อย !!
เลือกตั้ง มันต้องมี แต่ต้องเลือกให้เป็น !!
"บิ๊กตู่" เยือน เมืองตราด. วอนชาวบ้าน อย่าให้ใครมาชักพา เพื่อนำไปสู่ความขัดแย้ง
วันนี้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ท้องถิ่น ต้องคิดกันใหม่ รัฐบาลจะทำเท่าที่มีเวลาทำได้และ 3 ปีมานี้ก็รบกับหลายเรื่อง เราทำเพื่อทุกคน วันนี้บ้านเมือง ยังไม่เรียบร้อย ก็ขอเวลาหน่อย เพราะวันหน้าถ้ายังไม่เรียบร้อย ทุกอย่างก็วุ่นไปหมด
เราต้องคิดใหม่ ว่าจะทำบ้านเมืองไปอย่างไร ถามว่าประชาธิปไตย ใช่ไหม ตอบว่าใช่ มันต้องมีไหม มันต้องมี ผมไม่เคยคิดว่ามันไม่ต้องมี มันต้องมี แต่ต้องเลือกให้เป็น"นายกฯ กล่าว

ผบ.ทบ.ยังมองบวก..

"บิ๊กเจี๊ยบ" ถก 2วง ทั้ง คสช.-นขต." มองแง่ดี การเมืองเป็นไปด้วยดี แม้มีกลุ่มต่างๆเคลื่อนไหว แต่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย สั่งเดินหน้าโรดแมพ มุ่งสู่เลือกตั้ง พร้อม ดูแลความสงบเรียบร้อยและหนุนโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน”7,663 ชุดลงพื้นที้/ ลดจำนวนทหาร กกล.รส.2พันคน ประหยัดงบฯ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ. ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ลธ.คสช.)
หลังจากนั้น เป็นการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (ผบ.นขต.ทบ.)
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. กล่าวว่า พลเอก เฉลิมชัย กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาว่า มีความเรียบร้อยในระดับหนึ่ง
แม้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ก็เป็นไปตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
โดยเจ้าหน้าที่และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถดูแลให้เกิดความเรียบร้อยภายใต้กฎหมายปกติ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเข้าสู่ระยะที่ 3ตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คือ การเลือกตั้ง ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับประเทศนั้น
ในขณะนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีการพิจารณาปรับลดกำลังพลในส่วนของ "กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย"(กกล.รส.) เพื่อให้เหมาะสมตามสภาพการณ์ในห้วงเวลาต่อไป
รวมทั้งเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณ โดยคาดว่าจะลดกำลังได้ประมาณ 2,000 อัตรา
ในขณะที่การปฏิบัติงานยังคงมุ่งสู่การดูแลความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย การสนับสนุน งานตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการดูแลช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ในการทำงานของกองทัพบกในนามของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย พลเอก เฉลิมชัย ได้เน้นย้ำให้ดำรงความมุ่งหมายในการดูแลความสงบเรียบร้อยโดยรวม แก้ไขปัญหาในทุกสถานการณ์อย่างเหมาะสมด้วยความระมัดระวัง มีความยืดหยุ่น ภายใต้การดำรงไว้ ซึ่งกรอบของกฎหมาย และความสงบสุขของสังคมอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะการสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาล ขอให้ทุกส่วนได้ศึกษาในรายละเอียด รวมถึงกำหนดและบริหารจัดการวิธีการปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของนโยบาย
ทั้งนี้ ในช่วงต่อไป กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและช่วยขับเคลื่อนโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน”
ซึ่งพลเอก เฉลิมชัย มอบหมายให้ทุกหน่วยได้คัดสรรเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถในการอธิบายและสร้างความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม และพร้อมปฏิบัติงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ในนาม ทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยระดับตำบล 7,663 ตำบล ซึ่งจะเริ่มโครงการในเดือนกุมภาพันธ์นี้
พลเอก เฉลิมชัย ยังได้แสดงความมั่นใจว่าสถานการณ์บ้านเมือง จะเป็นไปด้วยดี พร้อมระบุว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังเป็นกลไกหลัก ที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมพ ซึ่งผู้บังคับหน่วยและทุกส่วนงาน จำเป็นที่จะต้องทุ่มเทการทำงานเพื่อส่วนรวม ดูแลช่วยเหลือประชาชนในทุกด้าน สร้างให้สังคมไทยเดินหน้าไปตามกลไกที่กำหนดไว้

อาการ “บิ๊กป้อม” ชี้วัด ชีพจรประเทศไทย

อาการ “บิ๊กป้อม” ชี้วัด ชีพจรประเทศไทย


ผ่า 4 ปี คสช.ศรัทธา“ถอย” กองหนุน “สะอึก”
อากาศเมืองไทยยังแปรปรวน มีทั้งฝน ร้อน หนาว แยกฤดูไม่ออก
พานให้คนสุขภาพไม่แข็งแรง ภูมิคุ้มกันไม่ดี เจ็บป่วยไปตามๆกัน
โดยสภาวะอากาศที่ล้อไปกับห้วงบรรยากาศทางการเมืองที่รัฐบาลของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ก็กำลังตกอยู่ในสภาวะ “ภูมิคุ้มกัน” ลดลง
ตามกาลเวลาที่ผ่านการบริหารมา 3 ปีกว่า ย่างปีที่ 4 เข้าสู่ท้ายเทอม
กระแสเร้าเลือกตั้งตามธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ
ในอารมณ์ที่ดูเหมือนรัฐบาลทหารทำอะไรก็ผิด ติดๆขัดๆไม่ไหลลื่นเหมือนขวบปีแรก
แต่อย่างไรก็ดี มันยังมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังติดลมบนมาเป็นตัวช่วยประคองสถานการณ์ ตามข่าวดีที่การันตีโดยสื่อระดับโลก เว็บไซต์ U.S. News&World Report ของสหรัฐอเมริกา เปิดผลสำรวจล่าสุดยกให้ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง ประเทศที่เหมาะเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก
ครองอันดับติดต่อกัน 2 ปีซ้อนๆ
ตามรูปการณ์ที่รัฐบาลต้องเดินหน้าตีเหล็กกำลังร้อน “นายกฯลุงตู่” กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ กดปุ่มใส่เกียร์ห้าเร่งเครื่องเมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) ตามจังหวะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำคลอดกฎหมายรองรับ
เพราะนี่คือฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศในอนาคตนับจากนี้ไป
แรงกระแทกทางการเมืองหนักๆแต่เศรษฐกิจก็ยังเอาอยู่
ประกอบกับยุทธศาสตร์ คสช.ที่ดูจะผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี ประเมินจากการที่ คสช.จัดการรับมือกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนที่ออกมากดดันการเลื่อนเลือกตั้ง
สังเกตจากการปล่อยให้เครือข่ายแกนนำขบวนการต่อต้าน คสช.หน้าเดิมๆของฝ่ายความมั่นคง อย่าง “จ่านิว” นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายรังสิมันต์ โรม นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ฯลฯ รวมพลในนามขบวนการใหม่ “Start Up People” แสดงพลังต้าน คสช.สืบทอดอำนาจ บนสกายวอล์ก แยกปทุมวัน
แต่ผ่านไปไม่กี่วัน พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมายส่วนงานรักษาความสงบแห่งชาติ ได้รับมอบอำนาจจาก คสช.เข้าร้องทุกข์ที่ สน.ปทุมวัน
เพื่อดำเนินคดีกับแกนนำเคลื่อนไหว “Start Up People” ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ในการออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการเลื่อนเลือกตั้ง
สำทับด้วยเสียงเข้มๆของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ย้ำเลยว่า ฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดบังคับใช้กฎหมาย เพราะเกรงว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงและนำพาบ้านเมืองกลับไปสู่สถานการณ์เดิม
เพราะประเทศเราเคยมีบทเรียนที่เจ็บปวด มีความสูญเสียในอดีต
ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบดี การเรียกร้องและการชุมนุมสามารถแสดงออกได้ แต่อะไรที่ขัดเจตนารมณ์กฎหมายก็ต้องถูกดำเนินการ
นี่คือมิติใหม่ที่ทหารไม่ได้ใช้ปืนใช้กำลังบังคับเหมือนอดีต แต่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ
นั่นก็เท่ากับเลี่ยง “น้ำผึ้งหยดเดียว”
ดังนั้น สถานการณ์แหลมๆเสียวๆที่มีพวกพยายามปั่นพยายามลุ้นให้นักศึกษา นักวิชาการ ปัญญาชน เผชิญหน้ากับทหาร ล้อประวัติศาสตร์เดือนตุลา เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ดูแล้วยังห่างไกลความจริง ทั้งเงื่อนไขและหัวเชื้อชนวนก่อไฟ
เรื่องของเรื่อง จุดอ่อนไหว สถานการณ์หนักหนาสุดของรัฐบาล คสช.ตอนนี้ก็มีแค่จุดเดียว
ปรากฏการณ์แบบที่ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม โดนถล่มลากยาวแบบข้ามปี เจอกระแสไล่บี้ปมนาฬิกาหรูไม่ได้หายใจหายคอ
เจ้าตัวเองยังออกปากยอมรับในชีวิตไม่เคยโดนหนักอย่างนี้มาก่อน
โดยเฉพาะสถานการณ์หลังจากที่ “พี่ใหญ่” พูดเปิดใจบนเวทีงานเลี้ยงอาหารกลางวันให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และข้าราชการกระทรวงกลาโหม รวมถึงสื่อมวลชนสายทหาร เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2561
โยงความถึงเรื่องนาฬิกาหรูเป็นนัย
“ทหารไม่ได้มีความขัดแย้งกันกับสื่อ และการที่สื่อนำเสนอข่าวตรงไปตรงมา น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการที่จะให้เป็นเช่นนั้น ผมไม่ได้มาขอร้อง ว่าจะต้องทำอย่างนั้นหรือทำอย่างนี้ แต่อยากจะบอกสื่อสายทหารว่า ผมรับราชการมาตั้งแต่ปี 2511 จนถึงขณะนี้ผ่านมา 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องอะไรหนักๆ
ก็ดูเอาแล้วกันว่าผมได้ทำอะไรที่เสียหายกับประเทศชาติบ้านเมือง หรือไม่ ผมเข้ามาเพราะอยากจะช่วยเหลือบ้านเมืองอยากทำงานในบ้านเมือง ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมที่จะไปจากตำแหน่งนี้ เพราะฉะนั้นอยากจะฝากกับสื่อว่า อยากให้ดูว่าผมทำงานมาตลอด 50 ปี ได้ทำอะไรไว้บ้าง”
เท่านั้นแหละ โพลนับสิบน้อยร้อยปล่อยกันว่อนโซเชียลมีเดีย
แน่นอน ตามฟอร์มสถานการณ์ที่กระแสนาฬิการ้อนกำลังไหล ตัวเลขผลที่ออกมาเข้าเหลี่ยมขบวนการโห่ไล่ เสียงส่วนใหญ่อยากให้ “บิ๊กป้อม” ออกไป
มันก็ยิ่งมัดคอ “พี่ใหญ่” แน่นเข้าไปอีก
การณ์กลับกลายเป็นว่า จากอารมณ์เบื้องลึกของ “บิ๊กป้อม” ที่พูดด้วยความรักศักดิ์ศรีและมั่นใจว่าทั้งชีวิตไม่เคยทำอะไรให้บ้านเมืองเสียหาย และยังรักษาความสงบไว้ได้ จึงหลุดคำพูดด้วยอารมณ์ว่า ถ้าประชาชนไม่เอาก็จะไป แต่หารู้ไม่ว่า เท่ากับเป็นการเอาบ่วงรัดคอในทันใด
เป็นเหยื่อที่ถูกรุมขย้ำในทันที
จากปมนาฬิกาหรูที่ยังไม่ผิดกฎหมาย แต่ล่อแหลมในมุมจริยธรรม กระแสชี้นำเตลิดไปไกลแล้ว
แนวโน้มเข้าเหลี่ยมขบวนการโค่น “พี่ใหญ่” ล้มต้นไทรเกราะกำบัง คสช. รายการ “กฐินสามัคคี” ที่มีเจ้าภาพเพียบ ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯที่ล่อเป้ามาอย่างต่อเนื่องตามท้องเรื่องที่โยงจากอาการฝังแค้นคดีลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” ไหนจะนักการเมืองทั้งเพื่อไทยประชาธิปัตย์ ที่จ้องเตะตัดขาขุมอำนาจ คสช.
โดยเฉพาะขุมข่ายที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงบ้านใหญ่ย่านเทเวศร์
แต่ที่แน่ๆสถานการณ์มาถึงตรงนี้ “บิ๊กป้อม” จะถอยไปเลยก็ไม่ได้ เพราะเท่ากับยอมรับสภาพที่โดนถล่มจนสะบักสะบอมมอมแมม
ขณะที่ “บิ๊กตู่” ก็ยากจะตัด “พี่ใหญ่” ออกจากรัฐบาล เพราะมันจะฆ่าซ้ำ “บิ๊กป้อม” ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
ที่สำคัญด้วยความเป็น “น้องเล็ก” ที่ต้องพึ่งพิงกับ “พี่ใหญ่” ตลอด จนเหมือนขาดกันไม่ได้ แบบที่ “บิ๊กตู่” สะท้อนท่าทีมาตลอด ทั้งการพูดทีเล่นทีจริง “พี่ป้อม” ต้องอยู่กับผมจนตายกันไปข้าง หรือการแอ่นอกการันตี “พี่ใหญ่” เป็นคนดี ไม่อย่างนั้นเลิกคบกันนานแล้ว
จนมาถึงปมนาฬิกาที่ “บิ๊กตู่” ก็ออกตัวเคลียร์เลยว่า เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน
“น้องเล็ก” ออกแรงอุ้ม “พี่ใหญ่” ทุกครั้ง ซึ่งมันก็ไม่แปลก ถ้าประเมินจากคุณูปการอีกด้านของ พล.อ.ประวิตร ที่โดดเด่นงานถนัดด้านความมั่นคงและเป็นมือประสานผู้มากบารมี ทำให้ตลอด 3ปีกว่า ที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาล คสช. บ้านเมืองสงบ ปลอดม็อบป่วนเมือง อันเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อสถานการณ์ฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
ตรงกันข้าม ประเมินสถานการณ์เสียวๆหากขาด “บิ๊กป้อม” ไป
ผีการเมือง ปีศาจความขัดแย้งที่แฝงตัวอยู่ใต้อำนาจพิเศษได้ฟื้นจากหลุมกลับมาอาละวาดแน่
ตามเค้าลางแบบที่ขบวนการแฝง “ขั้วอำนาจโบราณ” ขยับยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการเคลื่อนไหวของ ม็อบ กปปส. ม็อบพันธมิตรฯชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้มีผลผูกพันกับทุกองค์กร หลังแกนนำกำลังถูกดำเนินคดีในศาลยุติธรรม
อำนาจแฝง “สายป๋า” เริ่มยุทธการเขี่ยหัวเชื้อม็อบ ตามจังหวะที่นักการเมืองโหมกดดันเลือกตั้ง หวังทวงอำนาจคืนจากทหาร โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยลูกทีม “ทักษิณ” ที่ถือแต้มต่อในสนาม
ตามรูปเกมหนีไม่พ้นเกมตะลุมบอน ตีกันเละแน่ ลากบ้านเมืองกลับไปลงเหว
แถมแนวโน้มจะยิ่งหนักกว่าเดิมหลายเท่า เพราะไม่มีใครเอาอยู่แล้ว
นี่คือจุดที่ “นายกฯลุงตู่” พะว้าพะวัง สองจิตสองใจ
คนไทยส่วนใหญ่เองก็ชั่งใจลำบาก
จากจุดเริ่มต้นที่ฝากความหวังให้ “ลุงตู่” และทีมงาน คสช.นำการปฏิรูปที่สวยหรู สู่เมืองไทยในฝัน แต่มันดันมี “จุดดำ” ปมของ “พี่ใหญ่” โผล่มาให้แคลงใจ เสียดแทงอารมณ์
กับเงื่อนไขอำนาจพิเศษจะมีข้องดเว้นเรื่องโปร่งใสให้หรือไม่.
“ทีมการเมือง”

สูตรครม.ป.6

สูตรขยับ"3ป."ที่ลงตัวที่สุด.....หาก"บิ๊กป้อม" ลาออก หลัง ปปช.สรุปผลว่า "ไม่ผิด"กรณี ใส่นาฬิกาเพื่อน

"บิ๊กตู่" นายกฯควบ รมว.กลาโหม และหัวหน้า คสช. เพราะยากที่จะหาใครมีบารมี และคุมกองทัพได้อยู่ เท่า บิ๊กป้อม
"บิ๊กป๊อก" เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แทน พร้อมควบ รมว.มหาดไทย
"บิ๊กป้อม" เป็น รองหัวหน้า คสช....แต่ยังเป็น รมว.กลาโหม เงา อยู่ เบื้องหลัง...แถม free fall เคลื่อนไหวทางการเมือง เบิ้องหลัง ต่อได้สบายๆ
ปรับครม."ประยุทธ์6" มีสัดส่วน นักการเมือง เพิ่มขึ้น.....อุ่นเครื่อง เลือกตั้ง ปี2562

"บิ๊กป้อม" ไม่ยึดติดเก้าอี้ แต่เพราะต้องประเมินผล ที่จะตามมา และ เหตุจะลาม ถึง บิ๊กตู่ และรัฐบาล คสช.หรือไม่ !!

รอ .....ดู......ชม !!!

เอกชัยจี้ประวิตรออก

"เอกชัย หงส์กังวาน"บุกเดี่ยว หน้ากห. นำผลโพลล์ ThaiPBSและ เพจDrama Addict จี้"บิ๊กป้อม" ให้รักษาคำพูด ลาออก ตามที่ได้ประกาศไว้ ติงอย่า โยง บิ๊กป้อม อยู่ต่อกับ ถ่ายทอดสด บอลโลก

นายเอกชัย หงส์กังวาน มาตามนัด...09.45 น. นำผลโพลล์ ของ ThaiPBSและ เพจDrama Addict  ที่มีคนโหวตหลักแสน ต้องการให้ พลเอกประวิตร ลาออก มาโชว์ ที่กลาโหม พร้อมบอกสื่อว่า พลเอกประวิตร พูดแล้วว่า "ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมจะไปจากตรงนี้" ถือว่า คำพูดผูกมัด ตัวเอง แล้ว ขอให้พิจารณาลาออก โดยไมาได้กำหนดว่า ต้องภายในเมื่อใด แล้วแต่ท่าน แล้ว ท่านได้พูดแล้ว ส่วนเพจ Change.org  ที่ทำโพลล์หนุน ให้อยู่ต่อนั้น ไม่รู้ว่า ใครทำ อาจตั้งขึ้นมา แต่ไม่ควรเอาไปโยงกับ ฟุตบอลโลก ผมว่า ไม่เกี่ยว พลเอกประวิตร จะอยู่หรือไม่อยู่ เราก็ได้ดู ฟุตบอลโลก อยู่แล้ว

หลังทำกิจกรรม หน้าป้ายกระทรวงกลาโหม เสร็จ ..... จนท.นอกเครื้องแบบ ที่คุ้นเคย ก็พา นายเอกชัย ซ้อนท้าย มอเตอร์ไซค์ กลับออกไป โดยใช้เวลา ไม่เกิน5 นาที โดยมี  สห. และ หน่วยข่าว มาดูสถานการณ์ เหตุการณ์ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

โดยทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีน เป็นงงง !!

กำลังใจยังดีอยู่

กลาโหม ยัน"บิ๊กป้อม"ยังไม่ลาออก

ยัน"บิ๊กป้อม" ยังมีกำลังใจที่ดี สุขภาพแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่นและมั่นคง
ในการทำงานเพื่อชาติและความมั่นคงของประเทศต่อ  ยันกองทัพเป็นหนึ่งเดียว วอน สังคม เปิดกว้างรับฟังด้วยใจเป็นกลาง และพิจารณาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ รอบด้าน  /โฆษกกลาโหม เผยวันนี้บินไปประชุมกลาโหมอาเซียนที่สิงคโปร์ กลับมา7 กพ.คุยประธานเสธ.ร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา  ยันยังเข้มแข็งและมีกำลังใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป

จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และเรียกร้องให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลาออก และผลโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนนั้น

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นกันในสังคมประชาธิปไตย  ถือเป็นมุมมองที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ เปิดกว้างรับฟังด้วยใจเป็นกลาง และพิจารณาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ รอบด้าน   

เชื่อว่าทุกคนต่างมีประสบการณ์และบทเรียนร่วมกันมาแล้ว ความพยายามยับยั้งชั่งใจกันด้วยเหตุผล จะทำให้เราสามารถผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน
 
ขอให้เชื่อมั่นร่วมกันว่า กองทัพยังเป็นเอกภาพและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่จะทำหน้าที่หลักประกันความมั่นคงของประเทศเคียงข้างประชาชน 

พร้อมทั้งขอยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ยังมีกำลังใจและสุขภาพแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่นและมั่นคง  ที่จะทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ เป็นแกนหลักในการดูแลความมั่นคงของประเทศและรักษาความปลอดภัยของสังคมต่อไป  

โดยระหว่าง 5-7 ก.พ. 61  พล.อ.ประวิตร มีภารกิจสำคัญเดินทางไปร่วมประชุมกับ รมว.กห.ประเทศต่างๆในอาเซียน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกันดูแลความมั่นคงของภูมิภาคร่วมกัน 

และเมื่อเดินทางกลับมาถึง ใน 7 ก.พ. 61 เวลา 1400 มีกำหนดการต้อนรับง พล.อ.Joseph F. Dunford Jr.  ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา  ที่ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อหารือประเด็นความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยและอเมริกา

ยิ้มสู้

"บิ๊กป้อม" ยิ้มรับ ....กำลังใจยังดี ทำงานต่อ หลัง โฆษกกลาโหม แถลง "บิ๊กป้อม" ยังแข็งแรง สุขภาพดี และ กำลังใจดี เข้มแข็ง ทำงานเพื่อชาติ ต่อ อย่างมั่นคง และหนักแน่น !!

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและรมว.กลาโหม. ได้แต่ยิ้มให้นักข่าว ..หลังถูกถาม ว่ายังมีกำลังใจดี อยู่ใช่หรือไม่ ในการทำงานต่อไป.....แต่ไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนเดิน เข้า ห้องรับรอง ท่าอากาศยานทหาร กองบิน6 ดอนเมือง

เพื่อ เดืนทางไปประชุม รมว.กลาโหม อาเซี่ยน อย่างไม่เป็นทางการADMM Retreat และ รมว.กลาโหม Asean +จีน ที่สิงคโปร์ 5-7กพ.แะ ร่วมชมงาน Singapore Airshow 2018 ด้วย

โดยก่อน ออกเดินทาง พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม ยืนยันว่า พลเอกประวิตร จะทำงานต่อไป อย่างหนักแน่น และมั่นคง  สยบกระแสข่าว การลาออก

ขาดป.ประวิตร

สวมหมวก แค่2 ใบ!!

"นายกฯบิ๊กตู่" พร้อม "บิ๊กป๊อก" ลงพื้นที่ จ.ตราด เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้พิพิธภัณฑ์บริหารจัดการน้ำและป่าชายเลน ชุมชนบ้านเปร็ดใน....
ท่ามกลางกระแสข่าว "บิ๊กป้อม"พลเอกประวิตร จะลาออก โดยนายกฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าคสช. จะควบ รมว.กลาโหมเอง

ส่วนพลเอกอนุพงษ์ จะเป็น รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงควบ รมว. มหาดไทย

แต่วันนี้ พลโท คงชีพ โฆษกกลาโหม ออกมายืนยันว่า พลเอกประวิตร ยังมีกำลังใจดีสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็งพร้อมที่จะทำงานต่อเพื่อประเทศชาติ และประชาชน อย่างมั่นคงหนักแน่นต่อไป