PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว5พ.ค.58

ในหลวง

ในหลวง เสด็จประกอบ พระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พสกนิกรเฝ้ารับเสด็จสองข้างทางแน่น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนิน จากโรงพยาบาลศิริราช ไปยัง พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง เพื่อประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล เนื่องในวันฉัตรมงคล ในโอกาสนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเสด็จด้วย

ทั้งนี้ ตลอด 2 ข้างทางจากโรงพยาบาลศิริราช มีพสกนิกรที่พร้อมใจสวมเสื้อสีเหลือง และมายืนรอเข้าเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก เพื่อแสดงความจงรักภักดี พร้อมกับกล่าวถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" และโบกธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ ตลอดเส้นทาง

สำหรับวันฉัตรมงคล เป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ คือพระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาอยู่ ณ ทวีปยุโรป จนกระทั่งทรงบรรลุนิติภาวะแล้วจึงได้เสร็จนิวัติประเทศไทย และรัฐบาลไทยได้น้อมเกล้าฯ จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกถวาย
------------------
พสกนิกร รอเฝ้ารับเสด็จในหลวง อย่างเนืองแน่น ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับ ณ ร.พ.ศิริราช 

ภายหลังเมื่อเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยัง พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ พระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช 2558

ด้วยวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี จึงถือว่า วันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันแห่งมงคลกาลสมัย จึงมีพระราชดำริจัดงานพระราชกุศลพระราชทาน ขึ้นเรียกว่า พระราชพิธีฉัตรมงคล

จากนั้น ในเวลา 11.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสด็จ โดยรถยนต์พระที่นั่ง กลับมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช

โดยตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน มีพสกนิกรเป็นจำนวนมากไปรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จและชื่นชมพระบารมี พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญ อย่างกึกก้องตลอดเส้นทาง ที่ทรงเสด็จพระราชดำเนิน
--------------------

////////////
-เนปาล

"วุตติ" ส่งมอบของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แก่ผู้แทนรัฐบาลเนปาล

กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวานนี้ นายวุตติ วุตติสันต์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ ได้ส่งมอบของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 7 ตัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไทยในเนปาล ประกอบด้วย เต็นท์ ผ้าห่ม ยา ข้าวสาร เตาแก๊ส ที่นอน อาหารกระป๋อง แก่ นาย Shanker Bairagi ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเนปาล และ นาย Arjum Mainali อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลเนปาล ในการรับมอบ ณ สถานเอกอัครราชทูตฯ ฝ่ายเนปาล ได้กล่าวว่า เนปาล ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานความช่วยเหลือให้แก่เนปาล ซึ่งประสบความเสียหายเป็นอย่างมากจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้
------------------
นพ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ชี้  ยังคงเปิด ร.พ.สนามที่ เมืองซิปปะกัต ลั่นทีมแพทย์ชุดใหม่เตรียมมาผลัดเปลี่ยน วันที่ 7 นี้

น.พ.ชาติชาย คล้ายสุบรรณ นพ.ชำนาญการ ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวประเทศเนปาล ว่า ทีมแพทย์จากไทย ยังคงเปิด ร.พ.สนามที่ เมืองซิปปะกัต อ.สินธุปาโชค พื้นที่ชายแดนเนปาล ซึ่งภารกิจของทีมแพทย์ แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ การรักษาผู้ป่วยที่ ร.พ.สนาม ใต้สะพานข้ามแม่น้ำอินทราวตรี ส่วนที่ 2 คือการแบ่งทีมแพทย์เข้าพื้นที่ ตรวจเช็กร่างกายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว และส่วนที่ 3 คือ การควบคุม และเฝ้าระวังโรคระบาด ไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ ประชาชนบางคนมีอาการท้องเสีย ส่วนอาการของโรคระบาดอื่นๆ ยังไม่พบ

ในส่วนของการรักษาผู้ป่วย ทั้งที่มารับบริการที่ ร.พ.สนาม รวมถึง ผู้ป่วยที่แพทย์เดินทางไปรักษา ในพื้นที่ต่างๆ นั้น แพทย์จะมีใบประเมินสภาวะจิตใจ ในสภาวะภัยพิบัติแผ่นดินไหว เพื่อประเมินว่า ใครมีความเสี่ยงของสภาวะจิตใจ มากหรือน้อย และควรที่จะบำบัด ควบคู่กัน

อย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์ชุดใหม่ เตรียมที่จะเดินทางมาเปลี่ยนทีมแพทย์ชุดแรก ในวันที่ 7 พ.ค. นี้ และ แพทย์ชุดแรก 19 คน และทีมสนับสนุน จะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 10 พ.ค. นี้
---------------
สธ.เผยเตรียมส่งแพทย์ชุดที่ 2 ไปเนปาล 7 พ.ค. ส่วนทีมแรกกลับถึงไทย 9 พ.ค. นี้ พร้อมเฝ้าระวังด้านสุขภาพ


น.พ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การติดตามการให้ความช่วยเหลือประชาชนเนปาลที่ประสบภัยแผ่นดินไหวของทีมเมิร์ทไทยว่า ขณะนี้ประเทศเนปาลเข้าสู่ระยะของการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ ทีมแพทย์ได้ปรับการทำงานโดยเพิ่มการควบคุมป้องกันโรค การดูแลความสะอาดสุขาภิบาลอาหาร สิ่งแวดล้อม การดูแลสุขภาพจิตเพื่อคลายความวิตกกังวล ซึ่งจะพบมากขึ้น  โดยขณะนี้ทีมเมิร์ทไทยได้ปรับการทำงานเป็น 5 ด้านต่อไป

น.พ.วชิระ กล่าวต่อว่า ส่วนการเปิดทีมที่บริเวณโรงเรียนปาชคาลนั้น ขณะนี้ได้รับการประสานจากกระกระทรวงสาธารณสุขเนปาลให้ทีมเมิร์ทไทยดูแลพื้นที่ใกล้ ต.ซิปปะกัตก่อน เนื่องจากพื้นที่ที่โรงเรียนปาชคาลนั้นอยู่คนละจังหวัดกับที่ตั้งทีมเมิร์ทไทยเดิม โดยในวันนี้ทีมไทยจะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขเนปาลและองค์การอนามัยโลกที่กาฐมาณฑุ เพื่อปรับแผนการทำงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มเติม

สำหรับทีมแพทย์ชุดที่ 2 ที่จะไปสับเปลี่ยนกับทีมแพทย์ชุดแรกนั้นจะปฐมนิเทศในพรุ่งนี้ (6 พฤษภาคม 2558) เกี่ยวกับเรื่องความรับผิดชอบ บทบาทของทีม การเตรียมตัวของทีม ตลอดจนการรับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ซึ่งทีมแพทย์ชุดนี้มีทั้งหมด 24 คน
โดยจะเดินทางในวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ด้วยสายการบินไทย เวลาประมาณ 10.00 น. และจะเดินทางต่อไปยัง ต.ซิปปะกัตทันที
เพื่อรับมอบงาน

ส่วนทีมแพทย์ชุดแรกจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 9 พฤษภาคม 2558 ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะเฝ้าระวังผู้ที่เดินทาง
กลับจากประเทศเนปาลเป็นระยะเวลา 30 วัน หากพบว่ามีอาการไข้ให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทาง
-----------------
กระทรวงการต่างประเทศ เผยมีคนไทยในเนปาลอีก 3 คนจะกลับไทย ขณะที่องค์การอนามัยโลกชื่นชมทีมแพทย์ไทยและรัฐบาลไทย

กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวและการช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาล ล่าสุด โดยระบุว่า
เมื่อวานนี้ (4 พ.ค. 58) กองทัพอากาศ ได้ส่งเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 ลำ นำสิ่งของช่วยเหลือ อาทิ ผ้ายาง แผ่นปูรองนอน ผ้าห่ม
อุปกรณ์ผลิตน้ำสะอาดและสิ่งของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศ
เนปาล ซึ่งรอบนี้มีคนไทยที่มีแหล่งพำนักในเนปาลแสดงความประสงค์จะส่งบุตร 3 คนกลับประเทศไทย พร้อมกับเครื่องบิน C-130
ด้วย ทำให้เหลือคนไทยที่พำนักอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ จำนวน 3 คน

ส่วนการให้ความช่วยเหลือเนปาลหน่วยชุดบัญชาการกองทัพไทย รวมทั้ง หน่วยแพทย์ทหาร และหน่วยแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข
ของไทย ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเนปาลอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยที่มีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจมากขึ้น ขณะเดียวกัน
องค์การอนามัยโลก แสดงความชื่นชมการทำงานของทีมแพทย์ไทย และขอบคุณรัฐบาลไทย โดยเฉพาะ การดำเนินงานด้านสาธารณสุข
ทำให้สามารถค้นหาผู้ที่มีปัญหาสุขภาพในระยะแรก และให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที
---------------
ก.ต่างประเทศ แจ้งข้อมูลเหตุการณ์แผ่นดินไหว และการช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาล ล่าสุดเสียชีวิต 7,276 คน

กระทรวงการต่างประเทศ ขอแจ้งข้อมูลเหตุการณ์แผ่นดินไหว และการช่วยเหลือคนไทยในประเทศเนปาล ล่าสุด จำนวน
ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 7,276 คน บาดเจ็บ 14,362 คน ขณะที่ กองทัพอากาศ จะส่งเครื่องบิน C-130 อีก 2 ลำ
เพื่อนำสิ่งของจำเป็นต่างๆ ไปยังประเทศเนปาล ในวันพรุ่งนี้ และในวันเดียวกัน เวลา 17.00 น. สถานเอกอัครราชทูตเนปาล
ประจำประเทศไทย จะฝากนำส่งผ้าพลาสติกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในขณะนี้ไปเนปาล โดยมี น.ส.เพ็ญประภา วงษ์โกวิท
รองอธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา เป็นผู้รับมอบ ณ สนามบินกองทัพอากาศฝูง 601

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไทย ขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตแต่อย่างใด ส่วนเด็กไทย 3 คนที่
พ่อแม่ขอให้เดินทางกลับไทยกับเครื่องบิน C-130 ได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว
------------------
ประชาชนทยอยร่วมคอนเสิร์ต นูโวช่วยเนปาล ขณะเจ้าหน้าที่สวนลุมพินีขอความร่วมมือปฏิบัติตามกฎเคร่งครัด

บรรยากาศที่บริเวณลานกิจกรรมบันเทิง สวนลุมพินี ถูกจัดเป็นเวที "Nuvo For Nepal Concert" เพื่อนำเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล โดยทีมงานได้เตรียมสถานที่กันตั้งแต่ช่วงบ่าย ตั้งแต่การซาวด์เสียงดนตรี การวางศิลปิน การตั้งบูธสินค้าต่าง ๆ รวมถึงกล่องบริจาคที่ให้ประชาชนสามารถบริจาคได้ตามศรัทธา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ได้กำชับผู้เข้ามาใช้บริการภายในสวนสาธารณะลุมพินี ว่า ให้ช่วยกันปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้สูบบุหรี่ นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาด้านในโดยเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน บรรดาแฟนคลับและประชาชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมคอนเสิร์ตต่างทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางกรุงเทพมหานคร
ได้จัดรถสุขาเคลื่อนที่ จำนวน 4 คัน มาจอดบริการหลังเวทีคอนเสิร์ต
------------------------
กระทรวงวัฒนธรรม ผนึกกำลังหลายหน่วยงาน จัดกิจกรรม ระดมทุน "เช็ดน้ำตา หลั่งน้ำใจ ให้เนปาล"

นายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (ปลัด วธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว
ที่ประเทศเนปาล ของกระทรวงวัฒนธรรม ตามนโยบายของรัฐบาลว่า ได้จัดงาน "เช็ดน้ำตา หลั่งน้ำใจ ให้เนปาล" ระดมทุนบริจาค
ช่วยเหลือชาวเนปาล ที่ประสบภัย รวมถึง จัดทำเสื้อยืด "help NEPAL EARTHQUAKE 2015" ที่ออกแบบโดย นายปัญญา
วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ จำหน่ายตัวละ 300 บาท ซื้อได้ที่หน่วยงานของกระทรวงวัฒธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และ
มูลนิธิสมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต พรหมรังสี)

นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมรม จะร่วมกับวงสุนทราภรณ์และศิลปินทุกค่ายจัดคอนเสิร์ตรวมใจศิลปิน เช็ดน้ำตา หลั่งน้ำใจ ให้เนปาล
ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ เวลา 21.30 น. และถ่ายทอดสดทางช่อง 1 workpoint เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคและยังเปิดช่อง
ทางรับบริจาคทางโทรศัพท์อีกด้วย รวมถึงร่วมกับมูลนิธิพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จัดประมูลภาพของศิลปินแห่งชาติ ในวันที่ 25 พ.ค.นี้
ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ด้วย

ทั้งนี้ ยอดรวมเงินบริจาคจากหน่วยต่างๆ และประชาชน ในการจัดกิจกรรมที่ผ่านมา จำนวน 2,743,120 บาท (สองล้านเจ็ดแสนสี่หมื่น
สามพันหนึ่งร้อยยี่สิบบาท)  ผู้สนใจร่วมช่วยเหลือ สามารถบริจาคเพิ่มเติม ผ่านบัญชี กระทรวงวัฒนธรรม ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์
แผ่นดินไหวประเทศเนปาล ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 157-600755-3 สาขาสี่แยกอรุณอัมรินทร์ ประเภทกระแสรายวัน
ซึ่งการบริจาคนี้สามารถลดหย่อนภาษีได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765
--------------------
ดินไหว ปาปัวนิวกินี 7.4 แมกนิจูด เตือนภัยสึนามิ รัศมี 30 กม. ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

สำนักธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานว่า ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหว วัดความรุนแรงได้ 7.4 แมกนิจูด ห่างจากเมืองราบาอูล ทางตอนใต้ นอกชายฝั่งของปาปัวนิวกินี ประมาณ 150 กิโลเมตร ที่ระดับความลึก 63 กิโลเมตร และได้ให้มีคำสั่งประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ในรัศมี 300 กิโลเมตร รอบศูนย์กลางแผ่นดินไหว เบื้องต้น ยังไม่มีรายงานความเสียหาย หรือผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งแปซิฟิก คาดว่า ขนาดของสึนามิในครั้งนี้ ไม่น่าจะรุนแรงหรือไปไกลถึงหมู่เกาะฮาวายของสหรัฐฯแต่อย่างใด


///////////////
-รัฐธรรมนูญ

"พล.อ.เอกชัย" เตรียมยื่นขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็น พลเมือง ถอดถอนนายกฯ และก ารตั้งองค์กรอิสระ

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เปิดเผยว่า ส่วนตัวได้ยื่นคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ 3 ประเด็น คือ เนื่องจาก ในร่างรัฐธรรมนูญ ได้มีการกำหนดเรื่องพลเมืองไว้ แต่ไม่มีกลไกการสร้างพลเมือง และนำตัวอย่างแบบประเทศเยอรมัน มาปรับใช้กับวัฒนธรรมคนไทยนั้น มองว่า พลเมืองประเทศไทย มีความแตกต่างกับประเทศเยอรมัน ที่รู้จักหน้าที่ของตน มีระเบียบวินัย ซึ่งในประเด็นนี้ จะต้องมีการสร้างกลไกที่ชัดเจนก่อนที่จะมีการกำหนดแบบนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นประเด็นการถอนถอดนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง การจัดตั้งพรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องมีจำนวน 1 ใน 5 ของจำนวนทั้งหมด อาจจะก่อให้พรรคการเมือง เกิดปัญหาในอนาคตได้

พร้อมกันนี้ ยังมีเรื่องการจัดตั้งองค์อิสระต่างๆ ขึ้นมาใหม่กว่า 10 องค์กร ที่จะต้องดูว่าตั้งขึ้นเกินความจำเป็น ซึ่งรวมไปถึงงบประมาณที่มากขึ้นว่าคุ้มค่าหรือไม่ และจะมีผลกระทบตามมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 หรือไม่
----------

"วิรัตน์" ทีมกฎหมาย ปชป.หนุนประชามติรัฐธรรมนูญรายมาตราที่เป็นปัญหา ตามที่ "พีระศักดิ์" เสนอ

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ได้เสนอแนะให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2558 เฉพาะประเด็นรายมาตราที่มีปัญหามาก ว่า ตนคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีสิ่งที่ดีมากแต่ก็มีสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ เมื่อส่วนใหญ่ทั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ทราบดีว่าส่วนไหนมีปัญหา ซึ่งตนเองอยากให้มีการปรับแก้ในส่วนนี้ก่อน อาทิ อำนาจของ ส.ว. ที่มีมาก กลุ่มการเมืองที่ไม่ควรมี เรื่องมาตรา 181 มาตรา 182 ที่ควรเอาออก ที่มานายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ เมื่อมีการปรับแก้ในส่วนที่เป็นปัญหาทั้งหมดแล้วจึงควรจะเปิดให้มีการทำประชามติทั้งฉบับน่าจะได้รับความชอบธรรมมากว่าประชามติเป็นรายมาตรา
---------------
พล.อ.เอกชัย รับห่วงปมทำประชามติ หวั่น รธน.ไม่ผ่านทั้งฉบับ ทำกระบวนการทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่จากปมเล็กน้อยนักการเมืองไม่เห็นด้วยระบบเลือกตั้ง

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า ในกระบวนการทำประชามตินั้น จะต้องเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก และถามความเห็นของประชาชนก่อนที่จะทำการร่างรัฐธรรมนูญ และ สปช. ก็ต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเช่นเดียวกัน และรูปแบบของเวทีรับฟังความเห็นต้องไม่ใช่อย่างที่จัดในขณะนี้ ที่ร่างเสร็จแล้วถึงมาถามความเห็นของประชาชน

ทั้งนี้ หากจะประชามติได้ต้องมี 2 วิธี คือ ต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ก่อน และต้องเขียนในรัฐธรรมนูญ ไว้ว่าให้มีการทำประชามติในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก่อนขึ้นทูลเกล้า หลังจากนั้น ให้เริ่มกระบวนการทำประชามติเพื่อถามความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 นั้น ก็ได้ทำประชามติถามประชาชน และส่วนใหญ่เห็นชอบกับรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่า รับไปก่อนแก้ทีหลัง

นอกจากนี้ พล.อ.เอกชัย ระบุว่า หากทำประชามติครั้งนี้ อาจเกิดปัญหา เนื่องรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านทั้งฉบับได้ และจะทำให้กระบวนการทุกอย่างพังทั้งหมด เพียงเพราะบางประเด็นที่ประชาชนและพรรคการเมืองไม่เห็นด้วย ซึ่งรวมไปถึงระบบเลือกแบบสัดส่วนผสม
-------------------
"อลงกรณ์" แจง สปช. เริ่มทำคำขอแก้ไข ร่าง รธน. ทางการพรุ่งนี้ ติงนักการเมือง มองแค่เรื่องเข้าสู่อำนาจ ชี้ หมวดสิทธิพลเมืองดีมาก  

นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการ สปช. (วิป สปช.)เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.) จะเป็นวันเริ่มรวบรวม และสรุปข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อทำคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ และยอมรับว่าประเด็นการเมือง ยังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะเป็นตัวสะท้อนถึงความก้าวหน้าของประชาธิปไตย

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า เนื้อหาของ ร่าง รธน. ฉบับนี้ มีหลายเรื่องที่ดีมาก โดยเฉพาะเรื่องของสิทธิพลเมือง ที่มีการปรับปรุง แก้ไข ดีกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา ซึ่ง สปช. ส่วนใหญ่ ได้รับข้อมูลมาโดยตลอด จากการชี้แจงของกรรมาธิการยกร่างฯ ก็สนับสนุน ในแนวทางดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องสมัชชาคุณธรรม ซึ่งเชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้

อย่างไรก็ตาม นายอลงกรณ์ ก็ได้ตำหนิ กลุ่มนักการเมือง ที่วิพากษ์วิจารณ์ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่มุ่งเฉพาะในเรื่องของการเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองเพียงอย่างเดียว โดยไม่มองส่วนอื่น ที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ ต่อชาติบ้านเมือง และพยายาม ตั้งข้อหาที่ไกลตัว ว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจของกลุ่มคน มาพยายามทำลายหลักการที่ดี เจตนารมณ์ที่ดี ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
-------------------------
เนปาล-WHO ชื่นชมการให้ความช่วยเหลือของไทย เตรียมส่งแพทย์ชุดที่ 2 ยัน พร้อมช่วยฟื้นฟูรอการประสานงาน

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า เนปาล และองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การชื่นชมการทำหน้าที่ของทีมแพทย์ ทีมช่วยเหลือของไทย เป็นอย่างมาก ที่สามารถช่วยเหลือชาวเนปาล ได้เป็นอย่างดี เบื้องต้นยังไม่มีการขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม แต่ไทยจะส่งทีมแพทย์ ชุดที่ 2 ไปผลัดเปลี่ยนกับชุดแรก ส่วนเรื่องสิ่งของช่วยเหลือ ได้จัดส่งด้วย ซี 130 ไปแล้ว 5 เที่ยว และคาดว่าจะมีการส่งเพิ่มอีก ส่วนเรื่องเงินบริจาค นั้น จะมีการประสานกับ ทางการเนปาลอีกครั้ง ว่า จะรับเป็นเงิน หรือ ต้องการให้จัดหาเป็นสิ่งของไปฟื้นฟูประเทศ
ต่อไป

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไทยพร้อมที่จะดำเนินการช่วยเหลือเนปาล อย่างเต็มที่ ในขั้นของการฟื้นฟูประเทศ หากมีการร้องขอมา หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น ซึ่งจะต้องรอการประสานอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
------------------
"วันชัย" คาด พรุ่งนี้ชัดเจน 8 คำขอแก้ไข ร่าง รธน. มีเรื่องอะไรบ้าง - รายละเอียดต้องรอแต่ละกลุ่มสรุปอีกครั้ง    

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการกิจการ สปช. (วิป สปช.) เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า การพิจารณาทำคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ น่าจะมีความชัดเจน วันพรุ่งนี้ โดยสมาชิกแต่ละคนทำแบบสอบถาม ว่า แต่ละคนจะเสนอแก้ไขเรื่องอะไรบ้าง จากนั้น ก็จะมีการประชุมเป็นการภายใน สรุปจัดหมวดหมู่เรื่องที่จะแก้ไข และเกลี่ยจำนวนสมาชิก ออกเป็นกลุ่มๆ ต่อไป

ทั้งนี้ นายวันชัย กล่าวด้วยว่า มั่นใจจะได้เห็น 8 คำขอแก้ไข ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรบ้าง ส่วนเรื่องรายละเอียด จะแก้ไขอย่างไร หรือมาตราใดบ้างนั้น ต้องให้เวลาแต่ละกลุ่มไปสรุป และทำคำขออีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะเสร็จทันตามกรอบเวลาอย่าง
แน่นอน
----------------------
สปช.อำพล หนุน ทำประชามติ ร่าง รธน. ชี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และให้เป็นที่ยอมรับ

น.พ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เปิดเผยว่า ควรจะทำประชามติเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และประชาชนจะต้องทราบถึงเนื้อหาสาระทั้งหมด พร้อมกับต้องสร้างความเข้าใจอันดี สิ่งที่ประชาชนจะได้รับ เพราะรัฐธรรมนูญ เป็นของทุกคน

นอกจากนี้ น.พ.อำพล ยังกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องคำข้อแก้ไขเพิ่มเติมจากสมาชิก โดยจะต้องรวบรวมประเด็นทั้งหมดให้เป็นไปตาม ก่อนส่งไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้ทันกรอบระยะเวลา ที่จะครบกำหนดในวัน 25 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในแต่ละประเด็นของร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งส่วนตัวนั้น ได้ดูแลในส่วนของสมัชชาพลเมือง ชุมชน หลักการปฏิรูปประเทศ อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุมเพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้น
--------------------------
"วิรัตน์" ชี้ ทำประชามติรัฐธรรมนูญ ปี 58 อย่าเปรียบเทียบฉบับอื่น แนะสังคมเข้าใจก่อน

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงกรณีที่มีการเสนอมีการทำประชามติ โดยเทียบรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550 ด้วยนั้น มองว่า การทำประชามติ ควรว่ากันด้วยเรื่องร่างฉบับปี 2558 ฉบับเดียว จะดีกว่า ส่วนในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ก็มีการทำประชามติ แต่ก็ถูกครหาว่า เป็นประชามติภายใต้บรรยากาศที่เป็นเผด็จการนั้น ดังนั้น หากต้องมีการทำประชามติ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรจะผ่อนปรนในส่วนนี้หรือไม่ นายวิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน เหตุผลที่ฝ่ายผู้มีอำนาจยังยืนยันให้มีการใช้คำสั่งพิเศษอยู่ ก็เพราะว่ายังมีขบวนการ
ใต้ดินเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งหากมีการทำประชามติขึ้นมา คนกลุ่มนี้อย่างไรก็คงไม่ยอมรับในรัฐธรรมนูญ ซึ่งการจะทำให้ทุกคนยอมรับรัฐธรรมนูญนั้น ก็คงยาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้สังคมโดยรวมและนานาชาติได้เข้าใจว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดี และเป็นประชาธิปไตยที่สุดภายใต้สภาวการณ์ของประเทศไทย
-------------------

////////////
โรฮิงยา

นายกรัฐมนตรีสั่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง หากพบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ


พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ
เพิ่มเติมเรื่องการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้ดำเนินการอย่างจริงจังและใกล้ชิด โดยให้ฝ่ายปกครองทุกพื้นที่ หากปล่อยให้มีสถาน
กักกัน กุมขัง เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ หรือสนับสนุนให้พี่พักพิงแก่ขบวนการค้ามนุษย์ ฝ่ายปกครองจะต้องรับผิดชอบ โดยมอบ
หมายให้ปลัดจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบหลัก หากเกิดเหตุร้ายแรงลักษณะเช่นที่เกิดขึ้นที่สะเดาอีก จะต้องย้ายออกนอกพื้นที่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังบัญชาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ลงตรวจสอบพื้นที่ของตนเอง เพื่อติดตามปัญหาการค้ามนุษย์และการ
กระทำผิดอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้เรียกรับหรือมีส่วนได้รับผลประโยชน์จะถูกสอบสวนลงโทษทั้งวินัยและอาญา
--------------------------
สหรัฐฯ จี้ ไทย เร่งสอบ คดีศพโรฮิงยา สงขลา ด้วยความเป็นธรรม รวดเร็ว 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทางการไทย เร่งดำเนินการสอบสวนอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
กรณีพบหลุมฝังศพหมู่บนภูเขาสูงใน จ.สงขลา ซึ่งเชื่อว่า ศพหลายสิบร่างที่พบน่าจะเป็นของผู้อพยพชาวโรฮิงยา

รายงานระบุ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ติดต่อประสานกับรัฐบาลไทย องค์การสหประชาชาติ และองค์การ
ระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) เกี่ยวกับการค้นพบหลุมศพบนภูเขา ใน จ.สงขลา โดยสหรัฐฯ สนับสนุนให้ไทย
ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างโปร่งใส เป็นธรรม และรวดเร็ว และขอให้รัฐบาลไทยตรวจสอบการตายของบุคคลเหล่านี้
รวมไปถึงค่ายผู้อพยพ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้

ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังทิ้งท้ายด้วยว่า เวลานี้ยังสรุปไม่ได้ว่า มีคนของทางการไทยเกี่ยวข้อง
กับค่ายชาวโรฮิงยาหรือไม่ แต่สหรัฐฯ เคยมีบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐไทย ที่พัวพันการค้ามนุษย์ในอดีต

ทั้งนี้ เมื่อเดือน มิ.ย.ปีก่อน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ลดอันดับไทย สู่ขั้นที่ 3 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในกลุ่มประเทศ
ที่พยายามแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ เทียบเท่า เกาหลีเหนือ ซีเรีย และอุซเบกิสถาน และจะมีการประกาศรายงานค้ามนุษย์อีกครั้ง ใน
เดือน มิ.ย.นี้ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังไม่ยอม เปิดเผยว่า ไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มใด
-----------------------
โฆษก ทบ. แจงผล ผบ.ทบ. ลงพื้นที่สงขลา ติดตามคดีพบศพชาวโรฮิงยา ย้ำปัญหานี้ถือเป็นเรื่องที่กระทบความมั่นคง ภาพลักษณ์ ต้องเร่งแก้

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ รอง ผอ.รมน. เดินทาง
ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ว่า เป็นการลงพื้นที่เพื่อไปรับทราบและติดตามสถานการณ์ของชาวโรฮิงยา รับฟังแนวทางการแก้ปัญหา
พร้อมสั่งการให้นโยบายตามแนวทางนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น เดินทางต่อไปยัง อ.หาดใหญ่ เพื่อตรวจภูมิประเทศบริเวณจุดที่
ตรวจพบว่าเป็นแหล่งพักชั่วคราวของผู้หลบหนีเข้าเมืองโรฮิงยา ซึ่งพบว่าแหล่งพักพิงค่อนข้างถูกปิดบังมิดชิด ดังนั้น การเข้า
ออกคงต้องใช้ยานพาหนะผสมการเดินเท้า พร้อมกันนี้ ยังได้ติดตามความคืบหน้าในทางคดี ที่ปัจจุบันพบมีผู้ต้องสงสัยอยู่จำนวน
6-8 คน ซึ่งอาจเป็นผู้มีบทบาทการทำงานในระดับท้องถิ่น แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากหลักฐานเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อุดมเดช ยังได้มอบนโยบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี เพราะปัญหานี้ ถือเป็นเรื่องที่
กระทบความมั่นคงและภาพลักษณ์อย่างร้ายแรง จึงต้องเร่งแก้ไข
----------------
รอง ผบ.ตร. ชี้ พบแคมป์โรฮิงยา เพิ่มอีก 1 ยัน คดีคืบหน้าไปมาก ไม่หวั่นผู้ต้องหาปฏิเสธ ลั่นมีพยานหลักฐาน

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณี
สืบเนื่องจากการพบแคมป์และสุสานฝังศพชาวโรฮิงยาบนยอดเขาแก้ว ที่บ้านตะโล๊ะ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
นั้น ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบบนภูเขาอีกครั้ง แล้วปรากฏว่า พบแคมป์ของขบวนการดังกล่าว เพิ่มอีก
1 แคมป์ พร้อมยืนยันคดีดังกล่าวคืบหน้าไปมาก

นอกจากนี้ ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีนี้ ที่ผู้ต้องหาได้ปฏิเสธนั้น ตนไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด
เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานอยู่แล้ว
---------------------
โฆษก ตร. เผย คืบคดีศพโรฮิงยา พบค่ายกักกันเพิ่มอีก 1 แห่ง รอง ผบ.ตร. ลงตรวจสอบพื้นที่ด่วนแล้ว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า ในการติดตามตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง
กับการเสียชีวิตชาวโรฮิงยา บริเวณค่ายกักกันชั่วคราวบนเขาไม้แก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า ล่าสุด นายยาลี
เขล็ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ตำบลปะดังเบซาร์ เข้ามอบตัวกับตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนที่ 5

โดยเหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 3 คน คือ นายประสิทธิ์ เหลมเล๊ะ รองนายกเทศบาลตำบลปะดังเบซาร์ นายพรรคพล
เบ็ญล่าเต๊ะ และ นายเจริญ ทองแดง ซึ่งตำรวจจะรีบติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยการข่าวยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ทั้งหมด
เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบในพื้นที่ ตำรวจยังพบค่ายกักกันชั่วคราวบนเขาไม้แก้วเพิ่มอีก 1 จุด ซึ่งห่างจากค่ายแรก
ประมาณ 1 กิโลเมตร โดย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เอก อังศนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบรายละเอียด เบื้องต้นพบหลุมศพขนาดเล็กประมาณ 5 หลุม จึงทำให้เชื่อว่า จุดนี้น่าจะเป็นสุสานฝังศพ
ของกลุ่มโรฮิงยาที่เข้ามาพักอาศัยในพื้นที่
--------------------------
หมอนิรันดร์ กสม. เชื่อ ตร. สามารถทลายขบวนการโรฮิงยาได้ พรุ่งนี้นัดประชุม เพื่อกำหนดวันลงพื้นที่ตรวจสอบ

นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการพบหลุมฝังศพชาวโรฮิงยา และ
ค่ายกักกันบนเทือกเขาใน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก เอาจริง
เอาจังในเรื่องนี้จนนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้      

ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา แต่จะต้องหาต้นตอหรือผู้อยู่เบื้องหลังมา
ดำเนินคดีให้ได้ เพราะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติในสายตาต่างประเทศ ในเรื่องสิทธิมนุษยชนที่เรา
ถูกมองว่ามีขบวนการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิฯ เคยได้รับการร้องเรียนว่า มีขบวนการค้า
มนุษย์นำชาวโรฮิงยาเข้ามา โดยมีการส่งภาพถ่ายและข้อมูลเข้ามาด้วย ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่าจุดนั้น เนื่องจากมีข้อมูลว่า
ตามเกาะแก่งต่างๆ ในประเทศมีค่ายในลักษณะดังกล่าวอีก จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งตรวจสอบต่อไป

โดยในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.) คณะกรรมการสิทธิฯ จะมีการหารือกัน และจะกำหนดวันลงพื้นที่ไปติดตามการแก้ไขปัญหา
ค่ายกักกันชาวโรฮิงยาที่ ต.ปาดังเบซาร์ ต่อไป
///////////////
-คดีการเมือง

"นที" เฟซบุ๊ก แจงถี่ยิบ 18 ข้อ ปิด PEACE TV ยืนยันดำเนินการตามขั้นตอน 


พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และในฐานะ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์

(กสท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Natee Sukonrat" ชี้แจงเกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาต PEACE TV ว่า เป็นไปตามขั้นตอนและข้อตกลงทุกประการ ดังนี้

ช่อง PEACE TV เป็นทีวีการเมืองซึ่งถูกยุติการออกอากาศตามประกาศ คสช. ต่อมาได้รับการอนุญาตให้ออกอากาศใหม่ภายใต้เงื่อนไข กสทช. สามารถปิดหรือเพิกถอนใบอนุญาต PEACE TV ได้

ทันที ในกรณีที่ออกอากาศฝ่าฝืนเงื่อนไขข้อตกลง แต่ กสท. ก็ได้พยายามดำเนินการตามลำดับขั้นตอน จากการเชิญทำความเข้าใจ อธิบาย กระบวนการเตือน การพักใช้ จนถึงเพิกถอนใบอนุญาต

ทั้งนี้ การชี้แจงของ พ.อ.ดร.นที ที่จำแนกเป็นข้อ ๆ มีดังนี้

1. ช่อง PEACE TV เป็นทีวีการเมืองซึ่งถูกยุติการออกอากาศตามประกาศ คสช. ต่อมาได้รับการอนุญาตให้ออกอากาศใหม่ภายใต้เงื่อนไข
2. แม้ว่าเงื่อนไขข้อตกลงกำหนดให้ กสทช. สามารถปิดหรือเพิกถอนใบอนุญาต PEACE TV ได้ทันที ในกรณีที่ออกอากาศฝ่าฝืนเงื่อนไขข้อตกลง
3. แต่ กสท. ก็ได้พยายามดำเนินการตามลำดับขั้นตอน จากการเชิญทำความเข้าใจ อธิบาย กระบวนการเตือน การพักใช้ จนถึงเพิกถอนใบอนุญาต
4. กสท. โดยอนุกรรมการด้านเนื้อหา ได้เชิญมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการออกอากาศภายใต้บันทึกข้อตกลงถึงสองครั้ง (เมื่อ 16 และ 29 ก.ย. 57)
5. เหตุเพราะยังนำเสนอประเด็นที่เป็นเหตุสำคัญของความขัดแย้ง วิจารณ์ด้านเดียวขาดสมดุลของความเห็นที่แตกต่าง ใช้คำพูดที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง
6. แม้ว่าได้ทำความเข้าใจแล้วทางช่องยังคงดำเนินการเช่นเดิม อนุกรรมการฯ จึงได้เริ่มต้นการตรวจสอบการออกอากาศของ PEACE TV เมื่อ 3 พ.ย. 57
7. ผลการตรวจสอบพบว่า PEACE TV มีเนื้อหาที่เป็นการกระทำผิดเงื่อนไขข้อตกลง ซึ่ง กสท. สามารถปิดหรือยุติการออกอากาศของช่องได้ทันที
8. แต่ กสท. ยังคงให้โอกาส โดยมีมติให้มีคำสั่งทางปกครองตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ให้เลิกการกระทำ หากฝ่าฝืนจะมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต
9. แม้ว่าจะมีเข้าสู่การสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่หนึ่งแล้ว ทาง PEACE TV ก็ยังคงมีการดำเนินการในลักษณะเช่นเดิมจนมีการตรวจสอบกรณีที่สอง
--------------------
10. การตรวจสอบกรณีที่สอง เริ่มเมื่อ 17 มี.ค. 58 ได้ข้อสรุปว่า PEACE TV ออกอากาศ เนื้อหารายการที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น
11. เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ การกระทำ PEACE TV ผลกระทบหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น กสท. จึงมีมติให้พักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 7 วัน
12. ผลการพักใช้ใบอนุญาต คือ การปิดช่องเป็นการชั่วคราว (10-17 เม.ย. 58) ที่ทางช่องทราบว่าการลงโทษลำดับถัดไปคือการเพิกถอนใบอนุญาต
13. เมื่อถูกพักใช้ใบอนุญาตซึ่งก็คือการปิดช่องเป็นการชั่วคราว เมื่อสามารถกลับมาออกอากาศใหม่อีกครั้งช่องควรออกอากาศด้วยความระมัดระวัง
14. แต่เมื่อสิ้นสุดการพักใช้ใบอนุญาต  ในช่วงเช้าวันแรกของการออกอากาศใหม่ (18 เม.ย.58) ทางสถานียังคงออกอากาศเนื้อหาในลักษณะเช่นเดิม
15. ดังนั้น กสท. จึงได้มีมติให้มีการเพิกถอนใบอนุญาต PEACE TV ตามข้อตกลงระหว่าง กสทช. กับ PEACE TV เนื่องจากเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก
16. การดำเนินการของ กสท. ตั้งแต่ ก.ย. 57 ถึง เม.ย. 58 ได้พยายามดำเนินการตามลำดับขั้นตอนตั้งแต่ทำความเข้าใจถึงเนื้อหาที่เหมาะสม
17. ตักเตือนเมื่อกระทำไม่ถูกต้อง รวมถึงการพักใช้ใบอนุญาตเป็นการชั่วคราว เพื่อให้สถานีปรับปรุงการดำเนินการให้มีความเหมาะสม
18. แต่เมื่อทาง PEACE TV ไม่มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ยังดำเนินการในลักษณะเดิม กสท. จึงจำเป็นต้องเพิกถอนใบอนุญาตในที่สุด

นอกจากนี้ ก่อนหน้า พ.อ.ดร.นที ได้มีการชี้แจงถึงเงื่อนไขการเริ่มต้นใหม่ของทีวีการเมืองหลัง 22 พ.ค. 57 มาประกอบด้วย
/////////////
สลากแพง

พล.ต.อภิรัชต์" แจ้งยกเลิกแถลงข่าวแก้ปัญหาสลากแพง บอกยังติดภารกิจในพระราชพิธีวันฉัตรมงคล 5 พ.ค. 2558

พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ขอเลื่อนการแถลงข่าว
เพื่อชี้แจงรายละเอียดการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี เวลา 14 00 น. ออกไปก่อน เนื่องจากติด
ภารกิจอยู่ในพระราชพิธีวันฉัตรมงคล 5 พ.ค. 2558 โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์
พระที่นั่ง ในการออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 9 เสด็จ เถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ จะนัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เรื่องการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล ราคาแพงเกินกว่า 80 บาท คสช. และรัฐบาล ให้ความสำคัญในการ
เร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบและต้องจัดระเบียบใหม่ให้ได้
--------------
รัฐบาล ลุยแก้สลากดีเดย์ มิถุนายน จัดระเบียบ ขู่พวกปลุกปั่น ขายเกินราคามีโทษ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คสช. และรัฐบาล จะเริ่มจัดระเบียบการให้โควตาผู้ค้าสลากใหม่ หลังจากสัญญาผูกพันการให้โควตาสลากกินแบ่งเดิม

ได้สิ้นสุดลง โดยจะเริ่มจัดระบบผู้ได้รับโควตาใหม่ ในเดือน
มิถุนายน นี้ ทั้งนี้ รัฐบาลมีแนวนโยบายการจัดสรรโควตาใหม่ ควรแบ่งให้แก่ผู้ค้าทั้งในกรุงเทพฯ และทุกจังหวัด ในราคาต้นทุน
จากกองสลากในราคาที่ต่ำกว่าปัจจุบัน เช่น อาจจะตั้งไว้ที่ฉบับละ 70 บาท เพื่อให้มีส่วนต่างกำไรมากขึ้น นอกจากนั้น รัฐบาลยัง
แบ่งสัดส่วนรายได้ไว้รับซื้อสลากคืน เพื่อให้ครอบคลุมเหตุผลที่ผู้ค้าสลากมักจะอ้างว่า ประชาชนไม่นิยมซื้อบางเลข ทำให้จำหน่าย
สลากไม่หมด จึงต้องขายเกินราคาเพื่อมาชดเชยสลากที่ขายไม่ออก

อย่างไรก็ตาม หากพบการกระทำผิดจะต้องลงโทษตามกฎหมาย และขอเตือนผู้เกี่ยวข้องอย่าออกมาปลุกปั่นยั่วยุ ผู้ค้ารายย่อย
หรือ สมาคมชมรมผู้พิการต่างๆ ให้ออกมาเรียกร้อง หรือกดดันรัฐบาล โดยอ้างประชาชน
//////////////////////
รัฐบาลคืนความสุข ตรึงดอกเบี้ยโรงรับจำนำรัฐต่อถึงเดือนหน้า ช่วยลดภาระช่วงก่อนเปิดภาคเรียน

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงก่อนเปิดภาคเรียนประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
และมีแนวโน้มที่จะใช้บริการโรงรับจำนำเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจึงมีนโยบายคืนความสุขด้วยการให้โรงรับจำนำในสังกัดของ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทั้ง 34 แห่งทั่วประเทศ ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม คือ เงินต้นต่ำ
กว่า 5,000 บาท จะคิดดอกเบี้ย 50 สต./เดือน เงินต้น 5,000-10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 75 สต./เดือน, เงินต้น 10,001 -
20,000 บาท ดอกเบี้ย 1 บาท/เดือน และ 20,000 บาท ขึ้นไป คิดดอกเบี้ย 1.25 บาท ซึ่งอัตราดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าดอกเบี้ย
รับจำนำที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.โรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 กล่าวคือ หากเงินต้นไม่เกิน 2,000 บาท ห้ามเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย
เกินร้อยละ 2 ต่อเดือน และเงินต้นส่วนที่เกิน 2,000 บาท ห้ามเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกิน ร้อยละ 1.25 ต่อเดือน ทั้งนี้ จะใช้
อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2558 โดย นายมานะ เกลี้ยงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ รายงานว่า
ได้สั่งการให้โรงรับจำนำสำรองสภาพคล่องเพิ่มอีก 500 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้บริการของประชาชนด้วย
///////////////////////
คณะรัฐมนตรี ทูตานุทูต ร่วมงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างคึกคัก ทหาร-ตร.รักษาความปลอดภัยเข้ม

บรรยากาศงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล ที่ทำเนียบรัฐบาลล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณประตูเข้า-ออก

อย่างเข้าเข้มงวด โดยคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง,คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน  ตลอดจนคณะทูตานุทูต เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาควาสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมภริยา จะเดินทางร่วมงาน ในเวลา 19.30 น. อย่างไรก็ตาม อนุญาติให้สื่อมวลชนที่มีบัตรเชิญ

เข้าร่วมสังเกตุการณ์เท่านั้น