PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เข้าใจแล้วว่าเขาอยากอยู่ยาว

‘บวรศักดิ์’ ลั่นเปลืองตัว-เสียใจร่างรธน.ไม่ผ่าน เปรย เข้าใจได้เพราะ”เขา”อยากอยู่ยาว

บวรศักดิ์


เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่โรงอโนมา กรุงเทพมหานคร นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังการแถลงข่าวความเห็นของนธป.รุ่นที่ 4 ที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญ ถึงภาพรวมร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของครม. โดยเฉพาะข้อ 16 เหมือนกับคปป.หรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยเสนอในยุคที่ตนเป็นประธานกมธ.ยกร่างฯ แต่เป็นการเสนอทางวาจาไม่ได้ส่งเป็นเอกสารโจ๋งครึ่มอย่างนี้ ดังนั้น หากอยากทราบว่าเป็นอย่างไรต้องไปถามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นคนลงนามในหนังสือที่ส่งมายังกรธ. และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้วย ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ต้องมีกลไกเปลี่ยนผ่านหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ขอให้ไปดูข้อ 16 ของครม.

“สมัยที่ผมเป็นประธานกมธ.ยกร่างฯ แล้วร่างถูกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คว่ำ ผมเสียใจแต่แค่วันเดียว คือวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2558 พอกลับมาคิดได้ก็รู้ว่าเขาอยากอยู่ยาว ยอมรับว่ามาอยู่ตรงนี้เปลืองตัว แต่ทำเพื่อชาติ ตอนนี้ก็มีความสุขดีได้เลี้ยงหลาน” นายบวรศักดิ์ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังงานแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายบวรศักดิ์ ได้นำผู้อบรมนธป.รุ่นที่ 4 ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก พร้อมกับกล่าวกับสื่อมวลชนแบบติดตลกว่า “ถ่ายให้ชัดๆและครบทุกคน เวลาถูกเรียกปรับทัศนคติจะได้ครบทุกคน”

ไทยออกกฎใหม่กับนักข่าวต่างประเทศ

ไทยออกกฎใหม่ให้วีซ่านักข่าวต่างประเทศ  ต้องมีสังกัดชัดเจน ทำงานเต็มเวลาและไม่มีพฤติกรรมทำให้เกิดความวุ่นวายหรือกระทบต่อความมั่นคง ด้านสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศออกแถลงการณ์แสดงความวิตก หวั่นขีดวงจำกัดเสรีภาพการทำงานของนักข่าวต่างชาติในเมืองไทย

แถลงการณ์ของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศออกมาวันนี้ 18 ก.พ.ระบุว่า แนวทางที่กระทรวงการต่างประเทศประกาศออกมาใหม่ได้มีผลให้มีการเข้มงวดมากขึ้นกับการออกวีซ่าอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศทำงานในไทย ซึ่งหลายเรื่องมีผลในทางปฏิบัติไปแล้วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีนักข่าว โดยเฉพาะช่างภาพหลายคนที่ทำงานในประเทศไทยมานานไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยต่อไป 

แถลงการณ์ของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศระบุอีกว่า สโมสรยอมรับว่าเป็นอำนาจของกระทรวงการต่างประเทศที่จะกำหนดแนวทางหรือระเบียบในเรื่องนี้ และยินดีที่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางใหม่ในการอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศทำข่าวในไทย ซึ่งหลายเรื่องก็เป็นที่ยอมรับ ในที่นี้รวมไปถึงการผ่อนผันให้เวลาสำหรับหลายคนที่จะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงในอาชีพของตน แถลงการณ์ขอให้เจ้าหน้าที่ไทยตีความแนวทางใหม่ในทิศทางที่จะช่วยให้นักข่าวที่เป็นคนทำงานอย่างแท้จริงได้รับการรับรองและสามารถรายงานข่าวได้อย่างเสรีและเป็นธรรม

“เราเป็นห่วงว่า นักข่าวบางคนที่ทำงานในไทยมานานหลายปี โดยเฉพาะช่างภาพ จะไม่ได้รับอนุญาตหรือได้วีซ่า เราเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เหมาะควร ที่กระทรวงต่างประเทศจะพยายามทำให้ชัดเจนว่า มีเฉพาะนักข่าวที่แท้จริงเท่านั้นที่จะได้วีซ่าทำงาน แต่เราก็เป็นห่วงที่แนวทางนี้จะมีผลกระทบต่อประชาคมผู้สื่อข่าวนานาชาติในไทยซึ่งมีความหลากหลายให้หดเล็กลง  และที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้มีบทบาทอย่างมากในการสร้างความเข้าใจและความสนใจให้กับภูมิภาคนี้” โจนาธาน เฮด ประธานคณะทำงานด้านวิชาชีพของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศกล่าว

กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแนวทางใหม่ในการออกวีซ่าให้กับผู้สื่อข่างต่างประเทศที่ทำงานในไทย หนังสือดังกล่าวลงวันที่ 18 ก.พ. แนวทางใหม่กำหนดให้ผู้ที่จะขอวีซ่าทำงานในฐานะสื่อต่างประเทศในไทยไว้หลายประการ ที่สำคัญคือจะต้องทำงานมีสังกัดกับสื่อไม่ว่าไทยหรือต่างประเทศ โดยต้องทำงานเต็มเวลา ต้องรายงานเกี่ยวกับประเทศไทยในช่วงที่อยู่ในไทยซึ่งต้องยาวนานเกินสามเดือนขึ้นไป ที่น่าสนใจคือ มีข้อกำหนดว่าจะต้องไม่มีพฤติกรรมหรือการทำงานที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสาธารณะ หรือก่อความวุ่นวาย หรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไทย ต้องไม่เคยบิดเบือนข่าวสารอย่างจงใจ  

หนังสือของกระทรวงต่างประเทศระบุว่า แนวทางใหม่นี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.เป็นต้นไป  ในหนังสือดังกล่าวยังกำหนดไว้ด้วยว่า สำหรับผู้สื่อข่าวที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว และจะได้รับผลกระทบจากแนวทางใหม่ในการออกวีซ่านี้ จะได้รับการช่วยเหลือด้วยการต่อวีซ่าที่มีอยู่ให้เป็นการชั่วคราวเพื่อให้สามารถปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้

"มีชัย"บุก บก.ทบ. ด้วยตนเอง แจงทหาร เนื้อหาร่าง รธน. ฉบับปราบโกง



ยันไม่มีใบสั่ง...
"มีชัย"บุก บก.ทบ. ด้วยตนเอง แจงทหาร เนื้อหาร่าง รธน. ฉบับปราบโกง แจงปมที่มา นายกฯ-ส.ว. ขอทหารเข้าใจให้ถูกต้องอย่าไปฟังข่าวลือ ลั่น ร่างนี้ ไม่มีใบสั่ง
ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้มา ชี้แจงความรู้ความเข้าใจต่อร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกให้กับกำลังพลภายในกองบัญชาการกองทัพบก ด้วยตนเอง โดยที่ ทาง ทบ. ก็ไม่มีใครคิดว่า นายมีชัย จะมาเอง เพราะ พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบทบ. ก็ไปดูการซ้อมรบ ที่สระแก้ว
โดยในวันนี้ มีทั้งนายทหารสัญญาบัตรจำนวน 500 นาย และ นายทหารชั้นประทวน ลูกจ้าง พนักงานราชการ และทหารกองประจำการ จำนวน 500 นาย ร่วมฟัง
นายมีชัย กล่าวในตอนหนึ่งยืนยันถึงการร่างรธน. ของ กรธ.เป็นอิสระไม่มีใบสั่งจากใคร และอยู่ภายใต้กรอบตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557
รวมถึงจะต้องหาแนวทางในการสร้างความปรองดองด้วย ทำให้เป็นที่มาของชื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง
ส่วนที่มาของวุฒิสภา (ส.ว.) นั้น ยืนยันว่า ส.ว.จะต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองและมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม เพราะต้องการให้ประชาชนที่มีความสนใจทางการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง
ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้นพรรคการเมืองจะต้องเสนอชื่อบุคคลที่มาเป็นนายกรัฐมนตรี 3 ชื่อ
ส่วนเหตุผลที่ กรธ.ไม่กำหนดว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องเป็น ส.ส. เนื่องจากวันที่ประกาศรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีให้กับประชาชนรับทราบยังไม่มี ส.ส.
นายมีชัย กล่าวว่า กระบวนการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นจำนวนมากนั้น ก็เพราะกลไกของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่เข้มงวดพอ ดังนั้น กรธ.จึงสร้างกลไก ของกกต.ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยกำหนดให้กกต. มีสิทธิ์ระงับผู้ที่คาดว่าจะทุจริตการเลือกตั้งชั่วคราว จากนั้น จึงเข้าสู่กระบวนการของศาล แต่หากพบว่า ทุจริตเลือกตั้งจริงก็จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงสมัครเลือกตั้งตลอด
ชีวิต
ทั้งนี้ เชื่อว่าระบบนี้จะทำให้กระบวนการเลือกตั้งใสสะอาดมากยิ่งขึ้น
นายมีชัย กล่าวถึงกรณีบทบัญญัติของ รธน.ว่า ด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแผ่นดินที่ระบุว่า ห้ามไม่ให้สมาชิกเข้าไปมีส่วนในการตั้งงบประมาณ และห้ามแปรญัตติเพิ่มว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีอยู่แล้ว ไม่ใช่ของใหม่ และทาง กรธ.ไม่ได้มีการแก้ไขในบทบัญญัตินี้ เพียงแต่ได้เติมเรื่องบทลงโทษไว้
แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเขียนบทลงโทษเพื่อป้องกันการทุจริต
โดยวางมาตรการสำคัญ หากพบว่าคณะรัฐมนตรีทุจริตจะต้องออกจากตำแหน่งทันที และให้ปลัดกระทรวงรักษาการแทน
ส่วนประเด็นการปรองดองนั้น กรธ.ได้วางกลไกทั้งหมดเพื่อให้เกิดการปรองดองเป็นระยะ ไม่ให้เกิดทางตัน แต่กรอบที่นายกฯ ได้มอบมาให้ กรธ.นั้น ส่วนตัวได้สารภาพแล้วว่ายังคิดไม่ออก แต่จะกำหนดกลไกไว้ในร่าง รธน. ขณะที่การปฏิรูปการศึกษา
และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตนมองว่าหากไม่ปฏิรูป 2 เรื่องดังกล่าว แม้รัฐธรรมนูญจะออกมาดียังไงก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้
นายมีชัย กล่าวว่า การชี้แจงในครั้งนี้เพื่อให้กำลังพลมีความรู้ความเข้าใจในสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ และสามารถนำความรู้นั้นไปถ่ายทอด เผยแพร่ให้กับกำลังพลประชาชนในพื้นที่ ครอบครัวและบุคคลใกล้ชิดให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
นายมีชัย ให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ ได้มาเล่าพูดคุยกับกำลังพลของกองทัพบกว่า ร่าง รธน.ฉบับนี้ เป็นอย่างไร และทาง กรธ.คิดอย่างไร เพื่อจะได้เข้าใจถูกต้อง
เพราะถ้าไปอ่านตัวร่าง รธน.กำลังพลอาจมีความสับสน
ตอนนี้ยังไม่ได้มีการแบ่งสายไปอบรมที่ใด เพราะยังอยู่ในช่วงปรับเนื้อหาร่าง รธน.อยู่ หากมีหน่วยงานใดเชิญทาง กรธ.ไปให้ความรู้ทางเราก็ยินดีไปทุกที่
สำหรับข้อเสนอแนะจากแม่น้ำ 5 สายนั้น ขณะนี้ จะจัดลำดับข้อเสนอแนะเรียบร้อยแล้ว จากนั้น ก็จะนำมาพิจารณาและนำเอาไปปรับปรุงในร่าง รธน.
โดยกรธ.ได้พิจารณาทุกข้อเสนอแนะทั้งหมด ส่วนคำวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายการเมืองนั้น ตนก็ได้ชี้แจงกับกำลังพลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่มานายกรัฐมนตรี ที่มา ส.ว. ซึ่งตนก็จะชี้แจงเหมือนกันทุกที่
ส่วนหน่วยงานบางแห่งก็ชี้แจงในหมวดอื่น สุดแล้วแต่ว่ากลุ่มคนฟังจะติดใจประเด็นอะไร ทางกรธ.จะชี้แจงในประเด็นนั้น
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกไม่ได้ติดใจในเนื้อร่าง รธน.ในหมวดใด
เมื่อถามว่า กำลังพลได้สอบถามประเด็นอะไร นายมีชัย กล่าวว่า มีกำลังพลมาสอบถามข่าวลือต่างๆ ที่ประชาชนสงสัย เพราะได้ยินมาเป็นอย่างนี้ เป็นเพราะอะไร ตนก็อธิบายให้กำลังพลเข้าใจถึงความเป็นจริง
ส่วนการที่ทหารเป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนถึงร่าง รธน.ได้ฝากแนวทางเกี่ยวกับการลงประชามติอย่างไร นายมีชัย กล่าวว่า ตนก็ฝากไว้ว่าจะต้องมีความเข้าใจให้ถูกต้อง อย่าไปฟังอะไรที่ผิดๆ ถ้าสงสัยก็ให้มาถามได้ อย่าไปลือกัน เพราะทุกอย่างมีคำตอบสามารถอธิบายได้ทั้งหมด
ในวันนี้กองทัพบกได้เชิญ กรธ.เพื่อมาชี้แจงทำความเข้าใจให้กับกำลังพล เพื่อลงไปทำความเข้าใจกับประชาชน โดยสิ่งสำคัญอยากให้ประชาชนใช้สิทธิ์ลงประชามติให้เป็นจำนวนมาก เพื่อจะได้เป็นเสียงของประชาชน และจากนี้ จะมีการเชิญ กรธ.ไปอบรมหน่วยทหารใดก็ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ซึ่งไม่เน้นกำลังพลอย่างเดียว แต่จะไปให้ความรู้กับครูนักศึกษาวิชาทหารและนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ที่ทำหน้าที่ รด.จิตอาสา เพื่อต้องการให้ประชาชนเข้าใจมากที่สุด
ทั้งนี้ หากมีโอกาสต่อไปทางกองทัพบกอาจจะเชิญนายมีชัย ไปชี้แจงสาระสำคัญร่าง รธน.ตามกองทัพภาคต่างๆ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ธีรชัย ได้มอบนโยบายอย่างชัดเจนในการสร้างการรับรู้กับประชาชน ซึ่งกำลังพลจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญก่อน

โฆษก กอ.รมน. แจง 51ปี กอ.รมน. 89,000 อัตรา ดูแลทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ชายแดนใต้

โฆษก กอ.รมน. แจง 51ปี กอ.รมน. 89,000 อัตรา ดูแลทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ชายแดนใต้ เผยปรับโครงสร้าง กอ.รมน.ใหม่ ไม่ยุบ ศอ.บต. เพิ่มหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย ให้ กอ.รมน. เผยจับตากลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ
พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา กอ.รมน. ว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง ก่อตั้งเมื่อปี 2508 มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงภายใน ผ่านวิวัฒนาการของหน่วยมาหลายยุคหลายสมัย
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 19 ก.พ.51 ได้ปรับอำนาจหน้าที่ กอ.รมน. ให้เป็นหน่วยงานอำนวยการ ประสานงาน ในลักษณะการบูรณาการด้านความมั่นคง รองรับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ด้านต่างๆ
ปัจจุบันบรรจุข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่มาช่วยปฏิบัติราชการภายใต้โครงสร้างและอัตราเฉพาะกิจ ประจำปี รวมจำนวนกว่า 89,000 อัตรา ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ
นอกจากนั้น กอ.รมน. ได้ดำเนินงานเฉพาะหน้าตอบสนองและสนับสนุนนโยบายรัฐบาลคือ 1) การเสริมสร้างการรับรู้ผลงานรัฐบาลในด้านต่างๆ ให้เห็นว่า การดำเนินงานทั้งปวงของรัฐบาลนั้นเพื่อประชาชนและประเทศชาติ อันจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
2) การร่วมรณรงค์เพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ
3) การร่วมเสริมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อรณรงค์ตามกรอบคำแนะนำของ กกต. ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุดก่อนการลงประชามติ ซึ่งจะเป็นการสะท้อนมติมหาชนที่แท้จริง โดยไม่มีการชี้นำในทางการเมืองด้านใดด้านหนึ่ง
4) การสนับสนุนส่วนราชการและภาคเอกชนร่วมกันแก้ไขปัญหาอันเกิดจากผลกระทบของภัยแล้ง ได้แก่ การขุดลอกคูคลอง การกำจัดผักตบชวา การร่วมมือกันประหยัดน้ำ การปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ฯลฯ
5) การร่วมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่
ทั้งหมดตามที่กล่าวมานี้จะดำเนินงานผ่านกลไกคือ กอ.รมน.ภาค, ส่วนแยก และจังหวัด ไปยังเครือข่ายทั้งปวงที่มีอยู่ในรูปแบบและโอกาสต่างๆ
สำหรับความคืบหน้าการปรับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ กอ.รมน. ในอนาคตจะมีการเพิ่มอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาเสาธารณภัย
ส่วนการบูรณาการ กอ.รมน. กับ ศอ.บต. เพื่อให้เกิดเอกภาพและประสิทธิภาพต่องานการแก้ไขปัญหาในลักษณะใดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการดำเนินงานต่อผลสัมฤทธิ์ของงานที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จชต.
ทั้งนี้ ยืนยันว่า จะไม่มีการยุบหน่วยงาน ศอ.บต. และจะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนงาน โครงการและงบประมาณที่กำลังดำเนินงานอยู่ โดยเฉพาะผลที่คาดว่าจะได้รับต่อประชาชนในพื้นที่ จชต.
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นของคณะสงฆ์กลุ่มต่างๆ โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ในเรื่องที่เกี่ยวกับมิติของศาสนาถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกและศรัทธาของศาสนิกชน ทุกฝ่ายควรระมัดระวังการแสดงความเห็นเฉพาะฝ่ายเดียวในทุกช่องทาง
ในส่วนของรัฐบาลโดย พลเอกประยุทธ์ นายกฯ/ ผอ.รมน. มีดำริให้ทุกฝ่ายพยายามทำความเข้าใจ ลดการขยายความเห็นต่าง และหาทางออกร่วมกันให้ได้ข้อยุติ
สำหรับมุมมองของฝ่ายความมั่นคงนั้น ถ้าหากปรากฏการรวมพลังเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ อาจเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายที่มีอยู่เดิม และกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้แล้ว

บิ๊กตู่ เผยถูก" อ.น้อง"ทวงวาเลนไทน์ ถามว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาวันอะไร ผมก็ลืมเลยไม่ได้อวยพร

บิ๊กตู่ เผยถูก" อ.น้อง"ทวงวาเลนไทน์ ถามว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาวันอะไร ผมก็ลืมเลยไม่ได้อวยพร ไปนึกออกก็ตอนอยู่ญี่ปุ่น จึงส่งข้อความว่าวันวาเลนไทน์ ก็รักลูก รักภรรยา บางที่วันเกิดตัวเองหรือวันเกิดภรรยา ผมก็ลืม.....ยันไม่ต้องการอะไรจากประชาขน ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจเพียงแต่ต้องการสืบทอดอำนาจปชช.ในทางที่ถูกต้องและขับเคลื่อนประเทศอย่างสร้างสรรค์
ที่เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า ผมเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจที่ประเทศสหรัฐฯ มาเมื่อไปถึงก็ต้องเคารพกฎหมาย
เท่าที่สังเกตไม่เห็นมีความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นซึ่งจะเห็นว่าหากประชาชนไม่วุ่นวายเจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถทำงานได้เมื่อทำได้ก็ไม่หงุดหงิด ไม่มีการเรียกรับเงินซึ่งในประเทศไทยก็มีตำรวจที่ดีจำนวนมาก มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ดีส่วนประชาชนก็ไปจ่ายเงิน สมยอมเจ้าหน้าที่ ซึ่งผิดทั้งคู่ทำให้ภาคข้าราชการเสียหายเพราะฉะนั้นอย่าไปทำเราต้องทำด้วยความยุติธรรมส่วนรัฐบาลพยายามปรับปรุงกฎหมาย
"ยืนยันว่าไม่ต้องการอะไรจากประชาขน ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจเพียงแต่ต้องการสืบทอดอำนาจประชาชนในทางที่ถูกต้องและขับเคลื่อนประเทศอย่างสร้างสรรค์ ไม่ให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกนี่คือสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจ
"ผมไปอเมริกาตั้งหลายวันกลับมาทำไมปัญหาประเทศไทยยังเยอะอยู่เหมือนเดิม รัฐบาลทำมาตั้ง2 ปี ยังแก้ไม่หมดอีก"
ผมเคยพูดกับต่างประเทศว่าประเทศไทยมีความรู้สึกเยอะมีความละเอียดอ่อน พอเกลียดใครก็เกลียดเร็ว และรุนแรงพอรักใครก็รักแรง เรียกได้ว่าฉันรักของฉันเสียอย่างคนไทยชอบความรู้สึก
วันนี้เราต้องใช้ความหัวใจ และสติปัญญาด้วยจะใช้หัวใจอย่างเดียวไม่ได้
ช่วงวาเลนไทน์ ผมไม่ได้อยู่เสียด้วยผมเตือนไว้แล้วว่าใครทำบาปช่วงวาเลนไทน์ ขอว่าอย่าไปรังแกกันเพราะชาย หญิง เท่าเทียบกัน เราทุกคนต้องอยู่กันอย่างมีคุณค่ามีคุณธรรม
ผมกลับมาทีหลังก็ขออวยพร และมาส่งความรักให้อีกครั้งหลังวาเลนไทน์ แต่อย่าคิดว่ารัฐบาลทำให้เพียงวันเดียวผมมีวันวาเลนไทน์ให้เสมอทุกวันเพราะว่าท่านไม่แข็งแรงเพียงพอผมจึงต้องให้ความรักเสมอทุกวันความสุขก็ให้ได้ทุกวัน ไม่เฉพาะวันสำคัญต่างๆวันนี้วันสำคัญผมไม่มีให้คนอื่น ผมมีให้ท่านเท่านั้น จริงๆไม่ได้ปากหวาน
"ที่ผ่านมาภรรยาผมก็เตือนว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาวันอะไรผมก็ลืมเลยไม่ได้อวยพร จะไปนึกออกก็ตอนอยู่ประเทศญี่ปุ่น จึงส่งข้อความว่าวันวาเลนไทน์ ก็รักลูก รักภรรยา บางที่วันเกิดตัวเองหรือวันเกิดภรรยา ผมก็ลืม แต่วันนี้เป็นวันเกิดของพวกท่านคือเกิดประชารัฐ คือวันที่ 19 ก.พ. ที่เราจะช่วยกันเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ที่พูดไปไม่ได้อยากอยู่ หรือเพื่อมีอำนาจเพียงแต่ต้องการให้ประชาชนแข็งแรง ตนเองจะได้ไปนั่งเป็นลุงเป็นปู่ดูประชาชนมีความสุข ดูการพัฒนาของประเทศไทย

นายกฯ สะกิด บางคน จ้อสื่อฝรั่ง ขอให้น้อยๆลง หยุดโจมตี พูดเรื่องปชต.-สิทธิมนุษยชน/

นายกฯ สะกิด บางคน จ้อสื่อฝรั่ง ขอให้น้อยๆลง หยุดโจมตี พูดเรื่องปชต.-สิทธิมนุษยชน/
ยันรับใช้แผ่นดินเกิด ไม่ได้ต้องการอะไร
เปรย ทุกครั้งที่ผมเจอประชาชนรู้สึกมีความสุข เผยเวลาอื่น ผมอาจจะหน้างอ เป็นธรรมชาติของผม อารมณ์เสียบางเวลา บางครั้งก็แกล้งอารมณ์เสีย แกล้งดุไปบ้างแต่แกล้งไปแกล้งมากลายเป็นจริงๆ"/เปิดปฏิบัติการประชารัฐ เข้มแข็งด้วยตัวเอง อย่าให้การเมือง-ความขัดแย้ง มาทำลายโอกาสประเทศ เตือนกำนัน-ผญบ.อย่ากังวลให้มากเรื่องกระจายอำนาจ พร้อมขอปชช.อย่าใจร้อน เพราะต้องแก้ปัญหาหลายล้านเรื่อง พลาดให้มีการทุจริตไม่ได้
ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการ "โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ" โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราถือว่าร่วมมือกันในการเดินหน้าประเทศเพราะเราหยุดมานานแล้ว ในการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ขณะที่ใส้ในของพี่น้องประชาชนยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก ที่จะให้มีรายได้ที่พอเพียงในการดูแลครอบครัว เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกวันนี้ต้องเกิดความเข้าใจกัน
"ทุกครั้งที่ผมเจอประชาชนรู้สึกมีความสุข ซึ่งเวลาอื่น ผมอาจจะหน้างอ เป็นธรรมชาติของผม อารมณ์เสียบางเวลา บางครั้งก็แกล้งอารมณ์เสีย แกล้งดุไปบ้างแต่แกล้งไปแกล้งมากลายเป็นจริงๆ"
"สิ่งที่ผม ทำให้ท่านไม่ใช่เป็นการหลอกลวง มาบังคับ เพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากประชาชนทั้งสิ้น แต่รับใช้ผืนแผ่นดินเกิดผืนนี้ สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน โดยเข้มแข็งที่ตัวเองก่อน
สำคัญสุดอย่าทำลายโอกาสที่เราเป็นศูนย์กลางอาเซียนให้หายไป จนกลายเป็นวิกฤตแทน ด้วยความขัดแย้ง ด้วยการเมือง เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง รัฐบาลเป็นเพียงผู้ชี้นำ ท่านต้องรับฟังรัฐบาลด้วยความเชื่อใจ อย่างเรื่องเงินกองทุนต่างๆก็หมดเงินไปมาก อย่างกองทุนหมู่บ้าน 5 ล้านบาท รู้สึกดีใจที่เงินไปถึงประชาชนโดยตรง แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างแต่ก็จะมาแก้ไข หาวิธีการอื่นมาทดแทน
นายกฯ กล่าวต่อว่า อย่าหาว่า ผมพูดเยอะ จู้จี้ เพียงแต่ต้องการให้มองในทุกมิติ มองประชาชนในทุกภาคส่วน ไม่ใช่เลือกดูกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
"เหมือนที่พูดไว้ในเพลง เพราะเธอประเทศไทย ที่พูดถึงสองมือ ที่มีอยู่สิบนิ้ว และทุกนิ้วสำคัญหมด และทุกคนก็คือประชารัฐทั้งหมด การทำอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงประชาชนในประเทศเป็นพื้นฐาน รัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ประชาชนคือส่วนหนึ่งของรัฐบาลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่มีใครรู้ปัญหาได้ดีเท่ากับตัวท่านเอง ว่ายังมีอะไรที่จำเป็นแล้วมาแก้กันตรงนี้ "
โดยรัฐบาลส่งเสริมให้ทุนให้ความรู้ และเมื่อวันหน้าท่านเข้มแข็งแล้วจะกลายเป็นการกระจายอำนาจอย่างถาวร อย่าไปกังวลเรื่องกระจายอำนาจต่างๆ บรรดากำนันผู้ใหญ่บ้านอย่าไปกังวล เอาประชารัฐให้รอดก่อน ประเทศไทยมีการบูรณาการมากี่รัชกาลแล้ว ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นต้องเชื่อมโยงกันทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ข้างล่างจำนวนกว่า 40 ล้านคนทำการเกษตร ดูเหมือนว่ายิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ไม่มีการพัฒนาไปในทางที่แข็งแรงขึ้นขขอให้เข้าใจว่า รัฐบาลไม่สามารถเอาเงินทั้หมดไปทุ่มให้กับใครคนใดคนหนึ่งได้ เพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง มันไม่ใช่ แต่เป็นการหวังผลให้ประเทศนี้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ชาวไร่ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ พุดกับใครได้อย่างเต็มปาก ทุกคนอยากมีเงินกันหมด เพราะมีเงินแล้วพูดเสียงดังได้ มีเงินแล้วพูดได้อยู่คนเดียว มีเงินแล้วนำคนอื่นไปในทางที่เสียหาย เราต้องนำตัวเราเอง เจริญเติบโตแข็งแกร่งไปด้วยกัน
วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่างดูได้จากการทำงานแม่น้ำ 5 สาย เพื่อให้ทันต่อโลกทันต่อเหตุการณ์ เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ข้าราชการ
"เขาก็ต้องมีระเบียบวินัยในการควบคุมเรื่องการทุจริต ความไม่โปร่งใสก็ไปว่ากันมา แต่ไม่ใช่มันเลวทั้งหมด แต่มันก็คงไม่ใช่ดีทั้งหมดเหมือนกัน ต้องขจัดการทุจริตคอรัปชั่นออกไปให้ได้ ผมก็สบายใจที่รัฐมนตรีบอกว่าจะช่วยกันดูแล มีการตรวจสอบกันเอง ซึ่งก็อย่าพลาดก็แล้วกัน ทำให้บางอย่างรัฐบาลทำช้า เพราะมันพลาดไม่ได้"
"เพราะมันมีผู้ไม่หวังดีอยู่หลายส่วน วันนี้เราเข้ามาแก้ไขปัญหาที่มันติดขัด ความขัดแย้ง ถ้าทุกคนเข้มแข็ง มีเสียง มีที่ยื่น แต่ถ้าประเทศไทยทะเลาะกันแบบนี้ก็จะไม่มีที่ยืนในประชาคมโลกอีกต่อไป เพราะเราทำมันเองทั้งสิ้น "
"เวลาผมไปต่างประเทศจะไม่พูดอะไรที่เสียหาย แต่มีบางคนไปพูด ผมก็ต้องไปสู้เขา ว่าที่พูดมาทั้งหมดมันไม่ใช่ ให้เชื่อในสิ่งที่ผมพูด เพราะผมทำให้เห็น ผมไม่ได้กล่าวถึงใครทั้งสิ้น ไปคิดกันเอาเอง
วันนี้ทุกเรื่องที่ออกไปเสียหาย ที่ไม่ได้มาจากพวกเรา แต่มาจากใครไม่รู้ พูดเสมอ เรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เรื่องสิทธิมนุษยชนมันมีอยู่เส้นบางๆระหว่างกัน ในเรื่องการละเมิดกฎหมาย กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ดูเหมือนเส้นเดียวกันแต่มันไม่ใช่ การบังคับใช้กฎหมายก็ต่อเมื่อมีคนทำผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายทำให้ประชาชนเท่าเทียมกัน ทุกคนใช้กฎหมายอันเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่นั้นในการอำนวยความเป็นธรรรมให้กับทุกคน โดยใช้กฎหมายอันเดียวกันหมด ถ้าทุกคนเชื่อในกฎหหมายก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถ้ายังขัดแย้งหรือทำผิดกฎหมายอยู่มันไปไม่ได้ทั้งสิ้น ก็ขอให้ระมัดระวังตรงนี้ ผมไม่อยากไปใช้อำนาจกับใครทั้งสิ้น แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย" นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่พูดมปมไม่ได้กลัวท่านโกรธ เพราะท่านโกรธผม ไม่ได้อยู่แล้ว ท่านจะว่า ผมอย่างไรก็รับได้หมด เพราะผมกำลังทำให้กับประเทศชาติ ใครไม่เข้าใจก็บอกมาจะแก้ให้หมด
"ผมฟังทุกวันที่ท่านพูดในหนังสือพิมพ์ พูดกับสื่อฝรั่ง ขอให้ท่านพูดน้อยๆหน่อย มีอะไรก็ส่งหนังสือมา เขียนจดหมายมาเลย ตนรับอ่านทั้งหมด หรือไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม อย่าติติงรัฐบาลมากว่าทำอะไรไม่เสร็จสักที "
รู้หรือไม่สองปีที่ผ่านมา มีปัญหาที่ร้องเรียนกว่า 3 ล้านกว่าเรื่องแล้วมันจะทำเสร็จไหม ก็แก้ไปแล้วเสร็จกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือหนักๆทั้งนั้น ทั้งเรื่องกฎหมายที่ซ้ำซ้อน ความทุจริต ความไม่โปร่งใส และได้ออกกฎหมายและได้แก้ไขกว่า 400 ฉบับเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

บิ๊กตู่ บ่น ทั้งชีวิตไม่เคยโดนฟ้อง แต่เป็นนายกฯถูกฟ้องยึดอำนาจ ลั่น ยึดมาทำให้ประชาชน




บิ๊กตู่ บ่น ทั้งชีวิตไม่เคยโดนฟ้อง แต่เป็นนายกฯถูกฟ้องยึดอำนาจ ลั่น ยึดมาทำให้ประชาชน ยันไม่อยากใช้อำนาจทำลายล้างใครทั่งสิ้น หวั่น ผมไป ก็ตามไล่ล่ากันอีก ยันผมมายืนตรงนี้ ผมไปข่มเหงใครบ้าง/ปลุก ร่วมมือประชารัฐให้ออกผล/ นายกฯเผย สั่งกรมประชาสัมพันธ์ พิมพ์หนังสือ รวบรวมปรับพฤติกรรมด้านการปลูกพืช หมักปุ๋ยต่างๆ แจกทุกจังหวัดยันต้องใจถึงใจมองตารู้กัน ยึดแนวประชารัฐ ย้ำ จำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์ 20 ปี หวังสร้างชาติเข้มแข็ง ใครจะเปลี่ยนต้องมีเหตุผลดี ขออย่าตกใจเศรษฐกิจตก ชี้ ไทยตกน้อยสุด
พลเอกประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจในวันนี้ต้องแก้ปัญหาในอดีต ทำวันนี้เพื่อวางอนาคตในวันหน้า นี่คือภาระรัฐบาลนี้ โดยแก้จากล่างขึ้นบนวางยุทธศาสตร์ 20 ปี หากใครที่คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ทำเพื่อตน ก็รู้สึกเสียใจ ซึ่งตนได้ทำเพื่อพวกท่าน วันนี้ต้องสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ให้มีรายได้เพียงพอ สร้างบ้านให้เข้มแข็ง หากจะเปลี่ยนแปลงอะไรในสิ่งที่ได้ทำวันนี้จะต้องมีเหตุผลให้ดี ส่วนเรื่องเงินกองทุนคงต้องขอเวลารัฐบาลหาเงิน แล้วอย่าไปตกใจกับเศรษฐกิจที่ตก ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจไทยถือว่าตกน้อยสุดกว่าน้อยสุดกว่าประเทศอื่น เพราะเราช่วยกัน สำหรับเงินกองทุน 5 แสนบาท อาจน้อยสำหรับพวกท่านแต่เมื่อคูณจำนวนแล้ว รัฐบาลก็อ่วมเหมือนกัน
ขอย้ำว่ารัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน เอ็นจีโอ ทุกคนต้องเอาเป้าหมายประเทศชาติมาก่อน ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง ส่วนการปรับผังเมืองนั้นรัฐบาลไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อน แต่ต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น และอย่าไปกลัวทุกอย่างต้องทำประชามติ ประชาพิจารณ์
ทั้งนี้เรื่องแนวคิดให้เช่าที่ดิน 100 ปี 90 ปี ไม่ใช่เราจะขายแผ่นดินให้ต่างชาติ ตนรักษามาทั้งชีวิตการให้เขาเช่าเพื่อให้ในพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดงานเกิดอาชีพ ไม่ได้เช่าแล้วครอบครองทั้งประเทศ
วันนี้สัญญาระหว่างรัฐบาล คนไทยด้วยกัน จะอยู่ที่ไหนคนไทยทั้งสิ้น เคยฟังหรือไม่จะอยู่ภาคไหนก็ไทยด้วยกัน ไม่ใช่ฟังแต่ขอใจแลกเบอร์โทร
เราต้องทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่หาเรื่องหาราว นี่คืออนาคตของพวกท่าน ทำนิ้วให้มันครบ บางคนมีห้านิ้วแต่เหลือนิ้วเดียวคือนิ้วแห่งความขัดแย้ง มันจะได้อะไรขึ้นมาตอนนี้ ผมไม่เข้าใจ
"ในชีวิต ผมไม่เคยถูกฟ้อง แต่วันนี้มีคนมาฟ้องผม ข้อหายึดอำนาจ ตลกดี บอกเลยที่เอามาก็เอามาทำให้พวกท่านทั้งสิ้น"
ประเทศไทยคือศูนย์กลางแห่งภูมิภาค นั่นคือศักยภาพที่เรามีอยู่แล้ว ต่างประเทศเขาพูดว่าประชาธิปไตยก็เดินไปตามโรดแมป ผมพูดแบบนี้ โรดแมพ ผมมี ประชาธิปไตย ผมไม่ขัดแย้ง
ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนกับการทำผิดกฎหมายคนละเรื่องกันอย่าเอามารวมกัน ฉะนั้นถ้าทำผิดกฎหมายแล้วเจ้าหน้าที่จับกุมอย่ามาร้องว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน
อย่าให้ใครมาชี้นำพวกท่านในทางที่เสียหายและวันนี้ตนได้ชี้นำอะไรให้ใครเสียหายหรือยัง ที่มายืนตรงนี้รบกวนใครหรือ ชวนไปรบกับใครหรือยัง มีใครเดือดร้อนกับการที่ ผมมายืนตรงนี้ ผมไปข่มเหงใครบ้าง
วันนี้เรารบกับตัวเองต่อสู้กับความยากจนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำสงครามกับความยากจนมาตลอด วันนี้พวกเราจะทำให้พระองค์ท่านไม่ได้หรือ ทำไมไม่ทำให้พระองค์ท่านทรงมีความสุข
นายกฯ เผยว่า ตอนนี้กำลังทำหนังสือเล่มหนึ่งที่รวบรวมการปรับพฤติกรรมด้านการปลูกพืช หมักปุ๋ยต่างๆ โดยให้กรมประชาสัมพันธ์รวบรวมมา และจะแจกจ่ายลงสู่จังหวัด อีกประมาณสิบกว่าวันหนังสือเล่มนี้จะออกแล้ว
ทั้งนี้เกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชวันนี้มีตัวอย่างการสร้างรายได้ให้ตัวเองจำนวนไม่น้อย วันนี้ควรต้องจับกลุ่มกับปลูกพืชและแลกเปลี่ยนก่อนนำส่งสู่ตลาดแปรรูป ไม่ได้หมายความว่าให้เลิกปลูกข้าวหันมาปลูกแห้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่ปลูกได้แค่ไหนก็แค่นั้น เพื่อให้อยู่ได้
โดยหนังสือเล่มดังกล่าวคงจะมีเล่มต่อๆไปตามมาอีก และขอให้อ่าน วันนี้ต้องใจถึงใจมองตารู้กัน ช่วยกันตามแนวประชารัฐสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน
“ผมไม่อยากใช้อำนาจทำลายล้างใครทั้งสิ้น มันทำลายกันมาพอแล้ว หวังว่าประชารัฐจะออกดอกออกผล
วันนี้ต้องวางผังประชารัฐให้ดีเพื่อให้ออกผลในวันข้างหน้า ให้ทุกคนมีความสุขเร็วที่สุด ไม่ใช่ผ่านมากี่รัฐบาลก็นำร่องๆ ที่ผ่านมานำไม่รู้กี่ร่องแล้ว หมดเงินไปเท่าไรไม่รู้ มีทั้งต้นแบบออกแบบ แต่ไม่ออกลูกเสียที ถ้าเป็นประชารัฐจะเกิดความเข้มแข็ง ใครก็เอาอำนาจของตัวเองไปไม่ได้” นายกฯ กล่าว

นายกฯ ขอไม่ยุ่ง เรื่องพระ กลัวถูกพาตกน้ำไปด้วย เปรียบผมเป็นแค่ คนส่งเรือข้ามฟาก

นายกฯ ขอไม่ยุ่ง เรื่องพระ กลัวถูกพาตกน้ำไปด้วย เปรียบผมเป็นแค่ คนส่งเรือข้ามฟาก มันก็มีทั้งพวกเรือล่ม และคนไม่พายวันนี้ต้องช่วยกันพาย เพราะเป็นแพขนาดใหญ่แล้วทุกคนในประเทศขึ้นแพลำเดียวกันแล้ว ขออย่าทำวิกฤติให้เป็นวิกฤติมากกว่าเดิม หวั่นเดี๋ยววันหน้า ผมไป ก็มาตามไล่ล่ากัน
พลเอกประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า ตอนอยู่ที่สหรัฐฯตนเองก็รู้สึกเป็นห่วงเรื่องพระ เรื่องน้ำ
"จึงขอร้องว่าวันนี้อย่าทำวิกฤติให้เป็นวิกฤติมากกว่าเดิม อะไรที่เป็นปัญหาก็ช่วยกันแก้ไปหากทุกอย่างเป็นปัญหาแล้วให้ผมแก้เพียงคนเดียวมันก็ไม่ถูกใจคนทั้งหมด ก็ตีกันอยู่ทุกวัน แล้วมันจะเดินหน้าไปได้หรือจึงขอให้ประชารัฐเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาประเทศ"
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เรื่องวัด เรื่องพระก็ว่ากันไป ผมไม่ขัดแย้งกับพวกท่าน เดี๋ยวมีเรื่องอีก
"ผมเป็นแค่ คนส่งเรือข้ามฟาก มันก็มีทั้งพวกเรือล่ม และคนไม่พายวันนี้ต้องช่วยกันพาย เพราะเป็นแพขนาดใหญ่แล้วทุกคนในประเทศขึ้นแพลำเดียวกันแล้ว อย่าพา ผมตกน้ำไปด้วย เดี๋ยววันหน้า ผมไป ก็มาตามไล่ล่ากัน"
อย่างไรก็ตาม เราถือว่าเป็นคนส่วนน้อยในโลกใบนี้ซึ่งในโลกมีทั้งพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา และด้อยพัฒนาไทยเองถือว่าเป็นประธานในประเทศที่กำลังพัฒนา (จี 77) เราต้องดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและนำประชารัฐไปขับเคลื่อนร่วมด้วยซึ่งไทยเราเป็นประเทศเกษตรกรรมพืชใดใช้ต้นทุนสูงบางทีผลประโยชน์ตกอยู่กับนายทุนและพ่อค้าคนกลาง
วันนี้นายทุนต้องไม่เอาเปรียบประชาชนซึ่งรัฐบาลก็ออกกฎหมายช่วยด้วยอีกทางหนึ่งแต่คนไทยไม่ชอบกฎหมายวันนี้เราต้องเอากฎหมายมาทำประโยชน์ให้ประชาชนไม่ใช่ให้ประชาชนต่อต้าน

รบ.ไทยไม่ค่อวีซ่าให้แก่ผู้สื่อข่าวต่างชาติ


รบ.ไทยไม่ค่อวีซ่าให้แก่ผู้สื่อข่าวต่างชาติ
    

สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยแสดงความกังวล กรณีที่ทางการไทยไม่ต่ออายุวีซ่าให้แก่ผู้สื่อข่าวต่างชาติ
    
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่กระทรวงต่างประเทศของไทย เผยแพร่กฎเกณฑ์ใหม่ในการออกวีซ่าสำหรับผู้สื่อข่าวที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งกฎเกณฑ์บางประการได้ถูกบังคับใช้ไปแล้วช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เช่น กรณีที่ผู้สื่อข่าวต่างชาติ โดยเฉพาะช่างภาพที่ทำงานอยู่ในไทยมาอย่างยาวนาน ถูกปฏิเสธการออกวีซ่า
FCCT ยังกล่าวว่า FCCT ยอมรับอำนาจของกระทรวงต่างประเทศในการตัดสินใจว่า ใครมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับวีซ่า และยินดีที่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกระทรวงต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม FCCT มองว่า มาตรการของรัฐบาลไทยที่อาจถือว่าเป็นการขัดขวางเสรีภาพในการนำเสนอข่าว จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตีความกฎระเบียบอีกครั้ง เพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมและสามารถทำข่าวได้อย่างเสรีและเที่ยงธรรมในไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสำนักข่าวในภูมิภาคนี้
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นายสเตฟาน เปอเฆย์ นักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองชาวฝรั่งเศส ผู้ใช้นามปากกา Stephff ในหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น รวมถึงผู้สื่อข่าวอิสระอีกหลายคนถูกกระทรวงการต่างประเทศของไทยปฏิเสธการต่อวีซ่า ใบอนุญาตทำงาน และบัตรนักข่าว เช่นเดียวกัน
///
แถลงการณ์ ของ FCCT ว่าด้วยวีซ่า ของ สื่อมวลชน 
...........
FCCT STATEMENT ON NEW GUIDELINES FOR MEDIA VISAS IN THAILAND

The professional membership of the Foreign Correspondents' Club of Thailand is concerned by any official measures taken by the Thai government that may impede freedom of reporting. 

The guidelines published by the Ministry of Foreign Affairs (MOFA) today formalise more restrictive criteria for the approval of media visas, and some of these have already been applied in recent months. 

Some long-standing foreign journalists, particularly photographers, have been rejected after many years of reporting from Thailand, and this is deeply discouraging. 

The FCCT acknowledges that it is the prerogative of MOFA to determine who is eligible for media visas. Correspondent members of the FCCT board welcomed a recent opportunity to share their views with MOFA officials on the proposed guidelines, some of which were accepted. These included reasonable grace periods for those who are now expected to make drastic alternative arrangements to their working lives. 

We urge the Thai authorities to interpret the guidelines in a way that enables all bona fide journalists to be properly accredited and report freely and fairly. Thailand has long been a media hub for the region, and foreign journalists based in Bangkok have contributed to a better global understanding of the Asia-Pacific region.
 
 
Foreign Correspondents' Club ofThailand
Penthouse, Maneeya Center Building
518/5 Ploenchit Road (connected to the BTS Skytrain Chitlom station)
Patumwan, Bangkok 10330
E-mail:  info@fccthai.com
Web Site:  http://www.fccthai.com
 
Hours of Operation -