PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปปช.ยกคำร้องคดีถอดถอน"สุรพงษ์"กรณีเจรจาฑูตยุ่นออกวีซ่าให้"ทักษิณ"

ป.ป.ช.แถลงข่าว..

รายงานความคืบหน้าคดีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ถูกร้องให้ถอดถอนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรณีเจรจากับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นถึงการออกการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2557) เวลา 14.00 น. ณ ห้องแถลงข่าว สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงว่าตามที่ได้มีคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่านายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เจรจากับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นถึงการออกการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร จนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกวีซ่าให้ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร โดยมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นั้น

กรณีดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะได้ร่วมกันเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริงและมอบหมายให้นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

ในวันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำของผู้ถูกร้อง ถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 176 วรรคแรก วรรคสอง หรือกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 และ 192 หรือปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันจะเป็นมูลเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 270 และ 274 จึงให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป ตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

วีรพัฒน์ ปริยวงศ์:การแจ้งข้อหา"ยิ่งลักษณ์"ของปปช.กรณีจำนำข้าว

นักกฎหมายอิสระโพสต์เฟซบุ๊กตั้ง 3 ข้อสังเกตทางกฎหมาย หลัง ป.ป.ช.มีมติ แจ้งข้อหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคดีจำนำข้าว พร้อมให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 27 ก.พ.นี้

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระโพสต์เฟซบุ๊กตั้ง 3 ข้อสังเกตทางกฎหมาย หลัง ป.ป.ช.มีมติ แจ้งข้อหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคดีจำนำข้าว พร้อมให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 27 ก.พ.นี้

โดยสังเกตว่า หากตีความโดยเคร่งครัด จะต้องถือว่านายกฯ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งอีกต่อไป เพียงแต่เป็นผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ดังนั้น กระบวนการถอดถอนโดย ส.ว. ในทางทฤษฎี จะไม่อาจกระทำได้ เพราะไม่มีตำแหน่งใดจะให้ถอดถอน แต่ยังอาจดำเนินคดีอาญาได้ และหลายฝ่ายสงสัยว่าเหตุใด คดีทุจริตโครงการข้าวสมัยประชาธิปัตย์ ถึงยังไม่คืบหน้า ทั้งที่มีมาก่อนคดีสมัยเพื่อไทย ซึ่งข้อความระบุว่า

"ข่าวล่าสุด ปปช. มีมติ แจ้งข้อหา ยิ่งลักษณ์ คดีจำนำข้าว !!!

ข้อสังเกตทางกฎหมาย

1. การแจ้งข้อกล่าวหา เป็นเพียงขั้นตอนในการไต่สวนข้อเท็จจริง ก่อนจะมีการชี้มูลความผิด กฎหมายกำหนดให้ ปปช. แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและกำหนดระยะเวลาตามสมควรที่ผู้ถูกกล่าวหาจะมาชี้แจงข้อกล่าวหาแสดงพยานหลักฐานหรือนำพยานบุคคลมาให้ปากคำประกอบการชี้แจง

จากนั้น เมื่อการการไต่สวนข้อเท็จจริงมีความสมบูรณ์เพียงพอแล้ว ป.ป.ช. ก็จะพิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อมีมติวินิจฉัยว่าข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่

ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติวินิจฉัยว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหานั้นเป็นอันตกไป

แต่หาก มีมูล และเป็นกรณีความผิดทุจริตตามรัฐธรรมนูญ ผู้ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษา แล้วแต่กรณี

2. หากตีความโดยเคร่งครัด จะต้องถือว่าคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว เพราะ ครม. ได้พ้นจากตำแหน่งไปทั้งหมดแล้วตั้งแต่ยุบสภา คุณยิ่งลักษณ์ และสมาชิก ครม. เพียงแต่เป็นผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ดังนั้น กระบวนการถอดถอนโดย ส.ว. ในทางทฤษฎี จะไม่อาจกระทำได้ เพราะไม่มีตำแหน่งใดจะให้ถอดถอน แต่ยังอาจดำเนินคดีอาญาได้

3. หลายฝ่ายสงสัยว่าเหตุใด คดีทุจริตโครงการข้าวสมัยประชาธิปัตย์ ถึงยังไม่คืบหน้า ทั้งที่มีมาก่อนคดีสมัยเพื่อไทย จึงต้องจับตาว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นส่วนของกลการเมืองในการส่งเรื่องไปยังวุฒิสภา ที่จะมี ส.ว. สายเลือกตั้งถูกชี้มูล และมีการขัดขวางการเลือกตั้ง จนทำให้ชะตากกรรมทางการเมืองตกอยู่ในมือของ ส.ว. สรรหา ที่เหลืออยู่ และนำไปสู่การมี นายกฯ และสภาประชาชน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือไม่ ? (ดังที่ผมได้เคยแสดงความเห็นเตือนไว้ตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว)"

คำถามจาก"ตำรวจ"ถึง"นาย"จะต้องตายอีกกี่คน

เรียนท่านนายกฯ และ ท่าน ผอ.ศรส.

กลัวท่านนายกฯจะเห็นไม่ชัด..ท่านเป็นผู้นำสูงสุด..ท่านต้องดูครับ ผมไม่ได้จะว่าอะไรท่าน แต่ผมอยากให้ท่านได้เห็นชัดๆว่า.. ตำรวจของเราทุกๆนาย ไม่มีใครต้องการ 7ชั้นเงินเดือน 7ชั้นยศ หลังความตายแบบนี้.. !!

ตำรวจนายนี้ อาจเป็นพ่อใคร ผัวใคร พี่ใคร น้องใคร ลูกชายของใคร ..แน่นอนว่าคนอันเป็นที่รักของตำรวจนายนี้ทุกคน ต้องเสียใจ ต้องร้องไห้.. แม้นความตายนี้อาจจะดูเลอค่าตามที่ตำรวจเค้าสอนกันมา..แต่ท่านนายกฯต้องควรทราบไว้นะครับว่า ..มันเป็นเลอค่า ที่ไม่มีตำรวจคนไหนต้องการ..

ผมไม่ได้ว่าท่าน และไม่เคยคิดจะว่าท่าน แต่ผมขอพูดแทนตำรวจทุกนายที่ผ่านฟ้าในวันนี้ว่า..

" จะให้เราต้องไปตายอีกสักกี่คน ก็สั่งมาได้เลยครับ เราพร้อมรับบัญชา .."

หวังว่าท่านนายกฯ และท่านเฉลิม คงจะเข้าใจหัวอกหัวใจและวินัยของตำรวจผู้น้อยเหล่านี้นะครับ .. และจากนี้ไป ท่านควรสั่งให้ดี สั่งให้ได้เปรียบ สั่งให้สู้ได้..ถึงตาย ตำรวจพวกนี้เค้าก็จะไม่ว่าสักคำ..


ผบ.ทบ.สั่งเกาะติดการชุมนุมหวั่นปะทะ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกได้ประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน พร้อมกำชับให้ผู้บังคับหน่วยได้เน้นย้ำกำลังพลที่ลงไปสนับสนุนการปฏิบัติงานของทางศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.โดยให้ปฏิบัติงานตามกรอบที่เคยปฏิบัติ

พร้อมติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ทุกเวที รวมถึงการปฏิบัติการขอพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม
ของ ศรส. ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลประชาชนทุกฝ่ายให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และไม่
ให้มีการใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีความเป็นห่วงใน 2 เวทีหลักที่อาจจะสุ่มเสี่ยงในการเกิดการปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ และมวลชนที่มีความเห็นต่างอีกกลุ่มหนึ่ง มักจะปรากฏตัวในพื้นที่ชุมนุมคือเวทีศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ เวทีของกลุ่ม คปท. ถ.ราชดำเนิน ตลอดจนกระทรวงมหาดไทยสำหรับการดูแลสถานที่ตั้ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล ทหารยังคงประจำอยู่ในทำเนียบ เพื่อดูแลสถานที่และให้หน่วยอื่นๆ สนธิกำลัง สับเปลี่ยนหนุนเวียนตรวจตราและประจำจุดตรวจต่างๆ ทั้งนี้ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับในเรื่องของการติดต่อสื่อสารต้องมีความพร้อมเพื่อจะได้ประสานงานอย่างเป็นระบบ

Spring News (18 ก.พ. 57)

ผบ.ทบ. ขอร้องให้รัฐบาลลาออก?


ข่าวด่วน กรองแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กองทัพทุกภาค ประกาศสนับสนุน การต่อสู้ของประชาชน
หลังจาก นายกฯประชุมร่วมกับกองทััพ ที่แจ้งวัฒนะ
เป็นข่าวกรองจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้
ขณะนี้ ผบ.ทบ. ขอร้องให้รัฐบาลลาออก เพื่อเปิดทางให้มีรัฐบาลใหม่
โดยมีนายกพระราชทาน และเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน
และมีการตกลงกันเกี่ยวกับการดำเนินคดีในชั้น ปปช. ของฝ่ายรัฐบาล
จะเห็นว่ามีข่าว กกต.จะทำหนังสือเลื่อนการเลือกตั้งไปยังรัฐบาลแล้ว
แต่ถ้ารัฐบาลยังดึงดันอยู่อีก ทหารไม่สนับสนุน
และรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
สายข่าวป่าไม้รายงานว่า บูรพาพยัคฆ์เคลื่อนแล้ว
ตอนนี้รถลำเลียง 20กว่าคัน ขนรถถังเข้ากรุง
ที่ลพบุรีก็กำลังเคลื่อน 

โคราชทัพภาคที่2 เข้าควบคุมสถานการณ์จุดสำคัญในตัวเมืองไว้แล้ว
กำลังจากจังหวัดทหารบกถูกระดมเข้าสู่กรุงเทพ
ทหารม้าสระบุรีรอกำลังจากลพบุรีรอเคลื่อนเข้าพร้อมกัน
ทหารม้าค่ายเปรมที่ขอนแก่นเข้าควบคุมสถานการณ์
ในสถานที่สำคัญในขอนแก่นไว้แล้ว อุดรตอนนี้ก็เหมือนกัน
ไม่เกินตีสี่ประกาศฉบับแรกออกมาหวังว่า คงเป็นประกาศ ให้รัฐบาลลาออก
เพื่อนำประเทศไทยสู่การปฎิรูปเท่านั้น


ภาพชุดตร.ถูกถล่มM79


ภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์(18/2/57) เผยแพร่ภาพขณะที่ระเบิด  M79 ลงกลางวงตำรวจ โดยอ้างว่า มีพยานยืนยันว่า เห็นยิงลงมาจากตึกการบินไทยแยกผ่านฟ้า











(คลิปCNN)ตำรวจไทยโดนกลุ่มผู้ชุมนุมยิงด้วยกระสุนจริง





CNN รายงานสด ปฏิบัติการ 'Peace for Bangkok'

   



ซีเอ็นเอ็นแพร่ภาพเหตุการณ์ตำรวจถูกผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลยิงตอบโต้ด้วยกระสุนจริง หลังใช้แก๊สน้ำตาขับไล่ผลักดันเพื่อสลายฝูงชน ในปฏิบัติการ "คืนสันติให้กรุงเทพ"



ในวันอังคาร ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เปิดปฏิบัติการที่เรียกว่า "Peace for Bangkok" โดยส่งกำลังตำรวจนับพันนายเข้าผลักดันผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ที่ยึดครองสถานที่ราชการและทางสาธารณะในกรุงเทพหลายจุด



สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเผยแพร่การรายงานทางโทรศัพท์ของ Mark Phillips จากเมืองหลวงของประเทศไทย ช่างภาพผู้นี้บอกว่า ผู้ประท้วงยิงปะทะกับตำรวจที่บริเวณใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย



เขาอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ไทย ว่า เหตุปะทะทำให้มีตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ผู้ชุมนุมและตำรวจบาดเจ็บหลายสิบคน.



Source : CNN

ปิดล้ิอมยิงM79ถล่มตร.ที่ผ่านฟ้า

เพจ 
กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ มีการโพสระบุว่า มีเสียงระเบิดดังที่ผ่านฟ้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ(ชายชุดดำ)ถูกยิงร่วงหลายคน
////
ล่าสุดมีเสียงระเบิดดังขึ้นคืบที่เชิงสะพานผ่านฟ้า ชายชุดดำตะโกน ตั้งแนวไว้ๆๆๆ มีชายชุดดำ ทยอยถูกยิงร่วงไปทีละคน ๆ และลากร่างกัน ออกวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล ไปขึ้นรถพยาบาลไปเรื่อย ๆ และมีมือที่ 4 วิ่งไล่ปล่อยข้าวโพดคั่วใส่ชายชุดดำ ตอนนี้คาดว่าชายชุดดำ จะตายและเจ็บจำนวนมาก

มีการระดมคว้างฝักข้าวโพด ยิงปืนครก และป๊อบคอร์นยิงเจาะหัวชายชุดดำในเครื่องแบบอย่างแม่นยำ จากจุดใดไม่ทราบ ร่วงไปทีละคนตลอดเวลา นำลำเลียงใช่รถพยาบาลไปแล้วราว 10 คัน และมีเสียงข้าวโพดคั่วดังถี่ยิบหูดับตับไหม้ ใส่ชายชุดดำตลอดเวลา..ญาติเตรียมจองโลงไว้ให้ชายชุดดำที่มาด่วนๆๆๆ หาวัดรอไว้ด้วย เพราะวัดและศาลาคงเต็ม !!
ขอแจ้งทุกๆพื้นที่ชุมนุมให้ทราบทั่วกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์คั่วข้าวโพดรุนแรงจากมือที่ 4 ที่ไหนไม่ทราบให้ "การ์ดและผู้ชุมนุม" เปิดทางให้ชายชุดเขียว เข้าช่วยเหลือ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด "ป๊อบคอร์น" กันเอง..ปล่อยให้พวกมันหลงกลเข้ามา..ประชาชนอย่าเพิ่งเสียขวัญ..บอกได้เท่านี้แหละ admin...puk

ศึกM79 และ นักรบ ป๊อบคอร์น..จากแยกหลักสี่ มา ผ่านฟ้า...


ก่อนหน้านี้ มีการยิง M79 ใส่ เวทีชุมนุม กปปส.หลายแห่ง หลายครั้ง มาตอนนี้ ศรส.แถลง มี ยิงM79 และปืน ใส่ตำรวจ ที่ผ่านฟ้าฯ ตำรวจถูกยิงหัว ตาย1 ส.ต.ต.พงศกร แสงกลม ผบ.หมู่ ป.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี และ บาดเจ็บ7 ศรส.เเถลง ยึดคืนได้ 2 พื้นที่เเล้ว เผยตร.เจ็บ 7 นาย โดน M79 เเละกระสุนปืน....มีการเม้าธ์ ในโซเชี่ยล มีเดีย ว่า "นักรบ ป๊อปคอร์น" จัดให้ ตำรวจ ที่ผ่านฟ้าฯ พร้อมแชร์ภาพกันว่อนเน็ต...พร้อมคำถาม ใครคือ นักรบป๊อปคอร์น ตั้งแต่ แยกหลักสี่ มา ผ่านฟ้า..
ขณะที่ศูนย์เอราวัณรายงานเวลา 14.00น. มีผู้เสียชีวิต 1 ชื่อนายสุพจน์ บุญรุ่ง 52ปี บาดเจ็บที่ศีรษะ ถูกนำส่งรพ.กลางและเสียชีวิต บาดเจ็บส่งรพ. 58 คน ได้แก่ รพ. วชิระ 21 คน
รพ.กลาง 14คน
รพ.หัวเฉียว 13คน
รพ.รามา 5คน
รพ.สงฆ์ 4คน
รพ.ตำรวจ 1คน


ปะทะเจ็บตายคืนพื้นที่ แผนกดดันคำตัดสินศาลแพ่ง?

แผนปฏิบัติการณ์ของ ศรส.วันนี้ เกิดความสูญเสียของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งที่คนอย่าง รตอ.เฉลิม-ยิ่งลักษณ์ คาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าต้องมีคนเจ็บคนตาย แต่ทำไม! ถึงกระเหี้ยนกระหือรือ เพียงเพราะอยากเข้าทำเนียบทำพิธีสะเดาะเคราะห์ สะแกนกรรมของผู้นำบ้าอำนาจ หรือ เพียงเพราะอยากให้สถานการณ์ความรุนแรงวันนี้บีบศาลแพ่ง เพื่อไม่ให้พิพากษายกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ในวันพรุ่งนี้หรือ เพียงเพราะสร้างเหตุกลบข่าวความล้มเหลวโครงการรับจำนำข้าวหรือ เพียงเพราะไม่ได้คิดอะไรมาก ใครจะตายช่างมัน ขอข้าอยู่ในอำนาจนานเท่านานหรือ...
หยุด! แผนอำมหิต หยุดความตาย!

แผนปฏิบัติการณ์ของ ศรส.วันนี้ เกิดความสูญเสียของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งที่คนอย่าง รตอ.เฉลิม-ยิ่งลักษณ์ คาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าต้องมีคนเจ็บคนตาย

แต่ทำไม! ถึงกระเหี้ยนกระหือรือ เพียงเพราะอยากเข้าทำเนียบทำพิธีสะเดาะเคราะห์ สะแกนกรรมของผู้นำบ้าอำนาจ
หรือ

เพียงเพราะอยากให้สถานการณ์ความรุนแรงวันนี้บีบศาลแพ่ง เพื่อไม่ให้พิพากษายกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ในวันพรุ่งนี้หรือ

เพียงเพราะสร้างเหตุกลบข่าวความล้มเหลวโครงการรับจำนำข้าวหรือ

เพียงเพราะไม่ได้คิดอะไรมาก ใครจะตายช่างมัน ขอข้าอยู่ในอำนาจนานเท่านานหรือ

จะเพียงเพราะอะไร เหตุใดก็ตาม ถ้าไม่อำมหิตผิดมนุษย์มนา คงไม่กล้าทำ

มันมีพิรุธ ได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ตั้งแต่ระดมกำลังตำรวจภูธร และ ตชด.ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญงานควบคุมฝูงชนมาประจันหน้าผู้ชุมนุมแล้ว 

หรือการจัดหน่วยอรินทราช คลุมหน้าเป็นไอ้โม่ง ถือปืน M16 ข่มขู่ผู้ชุมนุมทั้งที่ปากบอกจะไม่มีความรุนแรงใดๆ

จะต้องอีกกี่ชีวิตของประชาชนและตำรวจชั้นผู้น้อยสังเวยให้กับระบอบทรราชนี้!!!

ตร.เคลียร์ม็อย ปคท.จับผู้ชุมนุมมัดมือ

ตร.บุกม็อบหน้า ปตท. จับผู้ชุมนุมมัดมือ

by Nation Channel | วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 08:26 น.

ตำรวจบุกเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ที่บริเวณหน้า ปตท. จับผู้ชุมนุมมัดมือ พร้อมกับทำการตรวจสอบอาวุธ ภายในกลุ่มผู้ชุมนุม

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 กพ.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้บุกเข้าสาลยกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้า ปตท. ถนนวิภาวดี โดยมีการจับผู้ชายมัดมือไพ่หลัง พร้อมกับทำการตรวจสอบอาวุธ ภายในกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนผู้หญิงไม่ได้มีการมัดมือแต่อย่างใด 

“โต้ง ไวท์ไล” เจรจาม็อบชาวนาเหลว ถูกโห่ไล่-ปาของวุ่น “ยิ่งลักษณ์” หดหัวอยู่ในตึก"..

“กิตติรัตน์” ลงมาแจงม็อบชาวนาทวงเงินจำนำข้าว อ้างบางจังหวัดจ่ายของเดือนตุลาคมครบแล้ว ขอดูใบประทวน วางเป้าหมายจ่ายเงินให้ได้วันละ 4 พันล้าน ชาวนาไม่พอใจขว้างปาสิ่งของใส่ เจ้าตัวหนีอุตลุต “ยิ่งลักษณ์” หดตัวในอาคาร มีตำรวจคอยรายงาน

วันนี้ (17 ก.พ.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ตัวแทนชาวนา 10 คน นำโดยนายระวี รุ่งเรือง ประธานศูนย์ข้าวชุมนุมชนภาคตะวันตก นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินงาม ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวนาไทย ได้เข้าเจรจากับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง โดยมีนายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมพูดคุย ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อเวลา 17.00 น.หลังการหารือนายกิตติรัตน์ได้เข้ารายงานผลการเจรจากับนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ กำชับว่า ให้ลงไปพูดกับชาวนาเหมือนที่โต๊ะเจรจา

ต่อมาเวลา 17.55 น.แกนนำได้ลงมาแจังกับผู้ชุมนุมว่า นายกิตติรัตน์ จะลงมาแจ้งผลการเจรจาด้วยตัวเอง ภายใน 10 นาที แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไป 20 นาที นายกิตติรัตน์ ยังไม่ลงมาเจรจา เนื่องจากติดโฟนอินเข้ารายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 กับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจโห่ร้อง

จากนั้น นายกิตติรัตน์ ได้ลงมาพบผู้ชุมนุมท่ามกลางการอารักขาจากเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจนับสิบคน โดยใช้ยุทธวิธีดาวล้อมเดือน ซึ่งนายกิตติรัตน์ได้ชี้แจงกลุ่มผู้ชุมนุมถึงมาตรการการจ่ายเงินค่าข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวว่า รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา และขอโทษที่จ่ายเงินล่าช้า ซึ่งตลอด 4 ฤดูกาลที่ได้เปิดโครงการมาสามารถจ่ายเงินได้ตามปกติ ทั้งนี้รู้สึกตกใจเรื่องการค้างจ่ายเงินในช่วงเดือนตุลาคม ของบางจังหวัด ซึ่งน่าจะมีการจ่ายไปครบแล้ว จึงขอเวลาในการตรวจสอบกับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.และจะรับไปดำเนินการโดยเร็วที่สุด รวมถึงผู้ที่ตกค้างในช่วงเดือนพฤศจิกายนด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลมีเป้าหมายให้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้กับชาวนาในวันปกติวันละ 4,000 ล้านบาท โดยจะมีการดำเนินการให้เร็วที่สุด ไม่ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานสร้างความไม่พอใจให้กับชาวนา

ระหว่างการชี้แจง นายกิตติรัตน์ ต้องหยุดเป็นระยะ เพราะชาวนาไม่พอใจ และตะโกนโห่ไล่ ไม่ยอมรับการชี้แจง พร้อมปาขวดน้ำ ส้ม แตงโม และหัวเสาธง เข้าใส่ ทำให้ทหารต้องรีบนำตัว นายกิตติรัตน์ กลับเข้าอาคารทันที โดยระหว่างนั้นเอง ผู้ชุมนุมได้ขว้างปาสิ่งของ ขวดน้ำ หัวเสาธงเข้าใส่นายกิตติรัตน์ ทำให้เจ้าหน้าที่ และผู้สื่อข่าวต่างพากันหลบ และระหว่างที่เจ้าหน้าที่พาตัวนายกิตติรัตน์กลับเข้าอาคารสำนักงาน นายกิตติรัตน์ ถึงกับสะบัดแขนออกจากเจ้าหน้าที่ เพราะไม่พอใจที่ถูกโห่ไล่ และถูกขว้างปาขวดน้ำใส่ ขณะที่ผู้ชุมนุมเดิมจะปักหลักชุมนุมที่หน้าสำนักงานปลัดกลาโหมคืนนี้ แต่หลังจากการหารือของแกนนำกลุ่มชาวนา มีมติว่าจะเดินทางกลับไปปักหลักที่กระทรวงพาณิชย์ ตามเดิม เพื่อความปลอดภัย จึงได้สลายการชุมนุมและเดินทางกลับไปยังกระทรวงพาณิชย์

ขณะที่ นายระวี รุ่งเรือง แกนนำกลุ่มชาวนาภาคตะวันตก ประกาศให้กลุ่มชาวนากลับไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพราะกลุ่มชาวนาไม่รับข้อเสนอของรัฐบาล เนื่องจากการชุมนุมที่หน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ไม่มีความสะดวกและปลอดภัย ส่วนจะมีการยกระดับหรือไม่ ต้องมีการหารือกับชาวนาที่กระทรวงพาณิชย์ก่อน และตัดสินใจว่า วันที่ 19 ก.พ.นี้ จะยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาล

นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า จากการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลร่วมกับชาวนา ได้มีการพูดถึงข้อตกลงต่างๆ ไว้ชัดเจน แต่เมื่อนายกิตติรัตน์ ลงมาพูดคุยกับชาวนากลับไม่พูดข้อตกลงที่ชัดเจนตามที่ได้ตกลงกันไว้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ และในวันที่ 19 ก.พ.จะมีการยกระดับการชุมนุมขับไล่รัฐบาล

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ปรากฏตัวให้สื่อมวลชนได้เห็น มีเพียงส่วนล่วงหน้าซึ่งเป็นตำรวจ คอยรายงานสถานการณ์ชุมนุมให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ

อนึ่ง ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) มีรายงานว่าได้งดประชุมคณะรัฐมนตรี

http://astv.mobi/AgW2MpV


"แห้วอีก! ชาวนาศรีสะเกษเข้าคิวรอรับเงินจำนำข้าว แต่ได้แค่ยื่นใบประทวน

"แห้วอีก! ชาวนาศรีสะเกษเข้าคิวรอรับเงินจำนำข้าว แต่ได้แค่ยื่นใบประทวน - ชาวนามหาสารคามรักศักดิ์ศรีเจ็บไม่จำ ขนม็อบส่งแรงใจ“ยิ่งลักษณ์”สานต่อจำนำข้าว"..

แห้วอีก! ชาวนาศรีสะเกษมาเข้าคิวรอรับเงินค่าจำนำข้าวหน้า ธ.ก.ส.ตั้งแต่เช้าตรู่ตามที่รัฐบาลบอก แต่ทำได้แค่ยื่นใบประทวนและรับใบนัดแล้วกลับไปนั่งนอนรอที่บ้านเช่นเคย เหตุยังไม่ได้รับโอนเงินก้อนใหม่จากรัฐบาล เผยที่ผ่านมาจ่ายไปเพียง 1,724 ล้านบาท ค้างอีกบานกว่า 5,000 ล้านบาท ด้านม็อบชาวนามหาสารคาม ไม่สนรัฐโกงจำนำข้าว ขนอีแต๋น 40 คันพร้อมชาวนา 200 คน ยื่นหนังสือให้กำลังใจ “ยิ่งลักษณ์” สานต่อโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ประณามชาวนารับเงินบริจาค กปปส.ตกเป็นเครื่องมือการเมือง ร้องนายกปูให้สานต่อจำนำข้าว พร้อมตวาดแบงก์รัฐเร่งปล่อยกู้จำนำข้าว

วันนี้ (17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มีบรรดาชาวนาในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ พากันไปรอรับเงินค่าจำนำข้าวกันตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ยังไม่เปิดธนาคารเพื่อรอคิวเข้าไปติดต่อรับเงินจำนำข้าวจากธนาคาร ตามที่รัฐบาลได้ประกาศว่าจะเริ่มจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่าธนาคารยังไม่ได้จ่ายเงินทันที แค่ให้ชาวนานำใบประทวนมายื่นต่อเจ้าหน้าที่จากนั้นจะมีการตรวจสอบว่ามีหนี้กับธนาคารหรือไม่ หากมีหนี้ค้างต้องทำสัญญาเพื่อส่งใช้หนี้เงินกู้ก่อน เหลือเท่าไรจึงจะจ่ายเงินให้ชาวนาต่อไป

ส่วนใครที่ไม่มีหนี้เงินกู้กับธนาคาร หลังจากยื่นใบประทวนแล้วจะนัดหมายให้มารับเงินอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ทางธนาคารยังไม่ได้รับการโอนเงินจากรัฐบาลมาจ่ายเกษตรกรในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 เพิ่มเติมแต่อย่างใด

นางชม้าย สายแก้ว อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ม.5 ต.น้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้มายื่นใบประทวนรับจำนำข้าวกับทาง ธ.ก.ส. จากนั้นธนาคารให้ใบนัดเพื่อให้มารับเงินในวันต่อไป ซึ่งตนจะต้องได้รับเงินจำนำข้าวจำนวน 77,000 บาท หากได้รับเงินแล้วจะนำเอาไปจ่ายเป็นค่าปุ๋ย ค่าเกี่ยวข้าว ค่าจ้างดำนา และค่าพันธุ์ข้าว รวมแล้วประมาณ 35,000 บาท หักหนี้สินที่ต้องจ่ายแล้วจะเหลือเงินประมาณ 30,000 บาทเพื่อใช้จ่ายภายในครอบครัวตลอดทั้งปี ซึ่งไม่เพียงพอเพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงมาก และกำลังเข้าสู่ช่วงทำนาปีต่อไปแล้ว หนี้สินต่างๆ ที่ต้องกู้ยืมมาใช้ทำนาก็จะเกิดขึ้นมาอีกเป็นวงจรหนี้แบบนี้ตลอดไป แต่ก็รู้สึกดีใจที่รัฐบาลเร่งจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาเพื่อจะได้นำเอาเงินไปใช้หนี้สินและใช้จ่ายในครอบครัวต่อไป

ทางด้าน นายเสมา บุญมี ผู้จัดการ ธ.ก.ส. สาขาศรีสะเกษ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ศรีสะเกษได้รับโอนเงินมาทยอยจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนาแล้ว 1,724 ล้านบาท รวมประมาณ 18,000 ราย จากยอดจำนวนเงินจะต้องจ่ายให้ชาวนาทั้ง จ.ศรีสะเกษจำนวนทั้งสิ้น 7,200 ล้านบาท ยังคงค้างอีกกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องทยอยจ่ายไปเรื่อยๆ ตามที่ได้รับโอนเงินจากรัฐบาลต่อไป

** วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มเครือข่ายชาวนาจังหวัดมหาสารคาม กว่า 200 คน พร้อมด้วย รถไถ รถอีแต๋น กว่า 40 คัน เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เพื่อเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลรักษาการณ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยเห็นว่า สถานการณ์การเมืองในช่วงที่ผ่านมาเกิดความแตกแยก ชาวนาตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ถูกฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ขัดขวางนโยบายและกลั่นแกล้งไม่ให้สถาบันการเงิน ปล่อยกู้ให้แก่ชาวนา

พร้อมเตือนสติไปยังเพื่อนชาวนาในทุกภูมิภาค ให้รักในศักดิ์ศรี ไม่ให้รับเงินบริจาคจากทาง กปปส. เพื่อสร้างภาพให้สังคมเห็นว่า ห่วงใยชาวนา พร้อมจะเร่งประสานไปยังเครือข่ายชาวนาทั่วประเทศศึกษาความเป็นไปได้ของการตั้งธนาคารชาวนา และขอให้รัฐบาลคงนโยบายรับจำนำข้าวต่อไป จากนั้นได้เคลื่อนขบวนไปยัง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร , พร้อมด้วย ธกส. , ธ.ออมสิน , และธ.กรุงไทย เพื่อแสดงสัญลักษณ์ และเร่งให้ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาล

http://astv.mobi/A2fZVmx และ http://astv.mobi/AlaNR4g


"ศรส.ขอคืนพื้นที่ 5 จุด ขนตำรวจ 25,000 นาย ลุยม็อบพรุ่งนี้"..

ศรส.จ่อขอคืนพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุม 5 จุด ทั้งทำเนียบ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ขน ตร.ปฏิบัติการ 25,000 นาย โดยจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นหลัก พรุ่งนี้งดประชุมครม.

วันนี้ (17 ก.พ.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 18 ก.พ.ศรส.จะมีภารกิจขอคืนสถานที่ราชการและถนน รวม 5 จุด คือ 1.ทำเนียบรัฐบาล 2.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 3.กระทรวงพลังงาน 4.กระทรวงมหาดไทย และ 5.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยสื่อมวลชนสามารถรวมตัวกัน เวลา 06.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งรับผิดชอบภารกิจสำคัญที่สุด คือ ทำเนียบรัฐบาล และ อนุสารีย์ประชาธิปไตย หรือแยกย้ายกันไปตามจุดอื่นๆ ส่วนที่ ศรส.ซึ่งจะมีประชุม 10.00 น.ตามปกติ

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.สามารถที่จะเดินทางไป ทั้ง 5 จุด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม โดยจะขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์เป็นหลัก ส่วนการประชุม ครม.พรุ่งนี้ 18 ก.พ.นี้งด

สำหรับกำลังเจ้าหน้าตำรวจที่จะใช้ในภารกิจครั้งนี้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า มีจำนวนขั้นต่ำ 15,000 นาย และมีกำลังเสริม standby พร้อมปฏิบัติหน้าที่ อีก 10,000 นาย รวม เป็น 25,000 นาย

http://astv.mobi/At0MDr1


กรณ์ จาติกวณิช:ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ออมสินนั้น เกิดจากการกระทำที่ไม่โปร่งใสและไม่ตรงไปตรงมาของรัฐบาล

ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ออมสินนั้น เกิดจากการกระทำที่ไม่โปร่งใสและไม่ตรงไปตรงมาของรัฐบาล ผมขอแนะนำว่าก่อนที่ ธกส. จะไปมีส่วนร่วมด้วยนั้น ผู้บริหารควรชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาว่า

๑. ธกส. ขาดสภาพคล่องจนต้องกู้จากออมสินจริงหรือ
๒. ธกส. จะนำเงินกู้นั้นไปชำระชาวนาได้อย่างไรในเมื่อมีมติครม. ๓ กันยายน ๕๖ ระบุว่าเพดานวงเงินกู้โครงการนี้จำกัดอยู่ที่ ๕๐๐,๐๐๐ ล้าน โดยที่ ธกส. ไม่สามารถใช้เงินทุน ธกส. เองได้เกิน ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท
๓. ถ้า ธกส. ได้รับชำระคืนในส่วน ๙๐,๐๐๐ ล้านบาทที่ใช้ไปแล้ว ก็ไม่น่าจำเป็นต้องกู้จากออมสิน และสามารถนำเงินที่ได้รับชำระมาหมุนเวียนจ่ายให้ชาวนาได้
๔. โดยปกติ ธกส. จะชำระหนี้แทนรัฐบาลได้นั้น จะต้องได้รับการคํ้าประกันจากรัฐ ดังนั้นการกู้จากออมสินนี้มีการคํ้าประกันอย่างไรหรือไม่
๕. ถ้า ธกส. ไม่มีเจตนาจะกู้เพื่อไปชำระหนี้ชาวนาแล้ววัตถุประสงค์การกู้จากออมสินคืออะไร

ถ้าชี้แจงได้ก็ไม่มีปัญหา ก็จะเหลือแต่ปัญหาของรัฐบาลเองเท่านั้นว่าการใช้สถาบันการเงินของรัฐในลักษณะนี้ในช่วงรักษาการขัดเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทุกฝ่ายได้พยายามแนะนำว่ารัฐบาลควรเร่งชำระหนี้ให้ชาวนาอย่างไร และถ้ามีวิธีการชำระที่โปร่งใสและไม่ผิดกฎหมาย ผมเชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุน ปัญหาที่ผ่านมาเกิดจากการที่รัฐบาลดำเนินการในวิธีที่ไม่โปร่งใส ขัดกฎหมาย และสุ่มเสี่ยงต่อการเอื้อต่อการทุจริตในโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง วันนี้ขยายวงไปจากเรื่องข้าวเรื่องชาวนาไปสู่ความสั่นคลอนระบบสถาบันการเงินรัฐแล้ว

กรณ์ จาติกวณิช
อดีตรัฐมนตรีคลัง
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
Korn Chatikavanij


ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์:บทบาทและจินตนาการทางการเมืองของกระฎุมพีไทยในปัจจุบัน

มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้ แต่คงไม่ได้รู้แน่ชัดตลอดชาติ นอกจากจะมีใครสักคนลงไปเก็บข้อมูลในที่ชุมนุมของ กปปส.อย่างต่อเนื่องยาวนานพอสมควร แล้วเผยแพร่ข้อมูลที่ได้มา หรือวิเคราะห์ให้ได้คำอธิบายอะไรบางอย่าง

สิ่งที่ผมอยากรู้และเข้าใจก็คือ บทบาทและจินตนาการทางการเมืองของกระฎุมพีไทยในปัจจุบัน

จากข้อมูลที่พอหาได้ ทั้งในสื่อและสื่อสังคม ทำให้เข้าใจว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมของ กปปส. เมื่อตัดคนจำนวนมากที่มาจากภาคใต้ ตัดการ์ดซึ่งต้องจ้างเข้ามารักษาความปลอดภัยจำนวนมากแล้ว คนกลุ่มใหญ่ที่เหลืออยู่คือกระฎุมพี หรือที่ผมเคยเรียกว่าคนชั้นกลางระดับกลางขึ้นไป

เขาเหล่านี้ เข้าไปร่วมชุมนุมกับขบวนการที่มีเป้าหมายขัดแย้งกับระบบคุณค่าและหลักการของประชาธิปไตยอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ทำไม และดังที่กล่าวแล้วว่า ผมคงไม่สามารถตอบปัญหาเช่นนี้ได้เองตลอดชาติ ที่จะพูดต่อไปนี้จึงเป็นเพียงการสังเกตจากหลักกว้างๆ เท่านั้น สักวันหนึ่ง นักวิชาการที่ลงไปศึกษาวิจัยจริง ก็จะพบว่าขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่เขาเก็บได้จากการวิจัย

ที่เรียกว่ากระฎุมพีในที่นี้ ผมหมายถึงคนชั้นกลางในตระกูลที่เติบโตทางเศรษฐกิจมาพร้อมกับนโยบายพัฒนาของระบอบสฤษฎิ์ ธนะรัชต์ การขยายการศึกษาเพื่อรับการลงทุนด้านธุรกิจอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ทำให้พวกเขาได้รับการศึกษาสูงขึ้น เขยิบเข้าไปเป็นคนงานคอปกขาว แล้วก็เขยิบต่อไปถึงระดับบริหาร ตั้งแต่ชั้นสูงถึงชั้นกลางๆ ลูกหลานของเขาซึ่งบัดนี้ก็เป็นหนุ่มสาว ได้รับการศึกษาสูงกว่าคนทั่วไป และกำลังไต่เต้าอยู่ในบรรไดของหน้าที่การงานต่างๆ ซึ่งดูจะมีอนาคต (prospect) ดีกว่าพ่อแม่ของเขาเสียอีก

ฝรั่งคนหนึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับการถดถอยของประชาธิปไตยทั่วโลก และถูกอ้างในสื่อไทยบ่อยๆ กล่าวว่าประชาธิปไตยกำลังถูกคนชั้นกลางในหลายประเทศทั่วโลกปฏิเสธ ผมคิดว่าผู้เขียนสรุปอย่างหยาบเกินไป เพราะเรื่องนี้ต้องดู "คนชั้นกลาง" ในแต่ละสังคมให้ดี เพราะถึงถูกเรียกเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วแตกต่างกันมากทีเดียว

ในที่นี้ขอดูแต่คนชั้นกลางกลุ่มที่ผมเรียกว่ากระฎุมพีไทยเท่านั้น

ในยุโรปตะวันตก กระฎุมพีถือกำเนิดนอกระบบศักดินา เมื่อเริ่มขยายตัวก็พบว่าอำนาจของศักดินาที่ยังตกค้างอยู่ เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มพูนโภคทรัพย์และอำนาจของตน จึงหันไปร่วมมือกับกษัตริย์ในการลิดรอนอำนาจศักดินาลง แต่ต่อมาก็เลือกจะเป็นปฏิปักษ์กับกษัตริย์อีก เพราะระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ฝรั่ง ขัดขวางความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจและการเมืองของกระฎุมพีเช่นเดียวกัน

ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมของยุโรปตะวันตก คือคำตอบที่กระฎุมพีฝรั่งเลือกสนับสนุน เพราะที่จริงก็คือระบอบปกครองที่เอื้อต่อผลประโยชน์ของกระฎุมพีที่สุด จะเรียกว่าเป็นระบอบปกครองของกระฎุมพี, เพื่อกระฎุมพี และโดยกระฎุมพีก็ได้

ตรงกันข้าม ในเมืองไทย กระฎุมพีถือกำเนิดภายใต้ระบบศักดินา ร่วมมือกับคนชั้นปกครองของศักดินาในการก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นผู้ครองสมบัติมากรองลงมาจากผู้นำในระบบศักดินา สมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามเกิดจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันระหว่างพระมหากษัตริย์กับ "เจ้าศักดินา" (ในเมืองไทยก็คือขุนนางและเจ้าประเทศราช) ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระฎุมพีที่เป็นพ่อค้าวาณิชและเจ้าภาษีนายอากร ตรงกันข้ามกลับทำลายประโยชน์ของกระฎุมพีกลุ่มนี้เสียด้วย

แม้ว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามระวังมิให้กระฎุมพีมีอำนาจมากเกินไปตลอด แต่กระฎุมพีก็กระเสือกกระสนอยู่รอดมาได้ โดยการสวามิภักดิ์ต่อนายใหม่คือพระมหากษัตริย์ และอาศัยบารมีของมหาอำนาจตะวันตกในการประกอบการ บางส่วนขาดทุนย่อยยับลงในช่วงทศวรรษ 2430 จึงส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษาแผนใหม่ และรีบกลืนตัวเองเข้าไปในระบบราชการแบบใหม่ของสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม จนกลายเป็นขุนนางผู้มีการศึกษาแบบตะวันตกรุ่นแรกๆ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระฎุมพีใหม่ (ผู้ดีใหม่ในรุ่นนั้น) ซึ่งมีฐานความชอบธรรมจากการศึกษาแผนใหม่ที่รัฐจัดขึ้น มีอำนาจเพราะสังกัดระบบราชการของสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม

คลุกเคล้าเป็นเครือข่ายที่แยกออกจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่ได้

ระบอบประชาธิปไตยถูกนำเข้ามาสู่สยามด้วยกระฎุมพีข้าราชการกลุ่มเล็กๆ แม้ได้รับความเห็นชอบอย่างกว้างขวางจากกระฎุมพีอื่น แต่เป็นเพราะกระฎุมพีข้าราชการถูกสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขัดขวางความก้าวหน้าในระบบราชการต่างหาก ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์เสรีนิยม หรือความห่วงหาอาทรต่อประชาชนระดับล่างซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ทั้งสิ้น จึงยินดีที่ได้เห็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามสิ้นสลายไปเสียที

ส่วนใหญ่ของการปกครองในระบอบที่เรียกว่าประชาธิปไตยไทย ล้วนอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของกองทัพ โดยเปิดเผยบ้าง โดยนัยยะในทางปฏิบัติบ้าง ตลอดมา ในช่วงเวลานี้ กระฎุมพีไทยได้มีส่วนในการผลักดันนโยบายสาธารณะหรือไม่ ก็มีเช่นกัน แต่เป็นการต่อรองอย่างไม่เท่าเทียมกันกับกองทัพ และระบบราชการ (ไม่เกี่ยวกับคนกลุ่มอื่นในสังคม) อำนาจตัดสินเด็ดขาดไม่ได้อยู่ที่กระฎุมพี แต่อยู่ที่กองทัพและอำนาจนอกระบบทั้งหลาย

ดังนั้นกระฎุมพีไทยจึงเติบโตและอยู่รอดได้ดีภายใต้เผด็จการทหาร ซ้ำมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายใต้เผด็จการทหารที่ทำลายร่องรอยของสถาบันประชาธิปไตยจนหมดสิ้นอย่างเปิดเผย คือภายใต้ระบอบสฤษฎิ์ ธนะรัชต์ กระฎุมพีขยายตัวอย่างมโหฬารทั้งด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และกำลังคนที่แปรผันตัวเองไปสู่ความเป็นชนชั้นกระฎุมพี สร้างวัฒนธรรมที่มีตลาดภายในรองรับ (บนจอทีวี, โรงหนัง, แผ่นเสียง และสิ่งพิมพ์ และนี่คือตระกูล "ผู้ดีใหม่" ของปัจจุบัน)

ในทุกวันนี้ หากให้กระฎุมพีไทยหวนรำลึกถึงยุคทองของตน หลายคนคงฝันถึงเผด็จการที่ตอบสนองผลประโยชน์ของตน (แม้ต้องแบ่ง "ค่าเช่า" ให้บ้าง) ในยุคเผด็จการทหารของระบอบสฤษฎิ์ เพราะหลังจากระบอบนี้ถูกทำลายลงในเหตุการณ์ 14 ตุลาแล้ว บ้านเมืองก็ไม่เคยราบเรียบแก่การทำกำไรอย่างนั้นอีก นอกจากภายใต้การกำกับของกองทัพเบื้องหลัง เช่นสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ

ผมคิดว่า น่าประหลาดมากกว่า หากจะหวังให้กระฎุมพีกลุ่มนี้เป็นหัวหอกในการผลักดันประชาธิปไตยที่ให้สิทธิเท่าเทียมกันแก่พลเมืองทุกคน ภาระอันนั้นกลับไปตกอยู่กับคนชั้นกลางกลุ่มใหม่ (ซึ่งผมหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่ากระฎุมพี เพื่อแยกจากกันให้ชัด) เพราะคนกลุ่มใหม่เหล่านี้ เติบโตมาในการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยกว่า ได้รับอานิสงส์จากการกระจายทรัพยากรกลางไปสู่การพัฒนาชนบท (ซึ่งก็เปิดทางให้แก่การแย่งชิงทรัพยากรของกระฎุมพีจากในเมืองด้วย) อันเป็นฐานเสียงของนักการเมืองที่ต้องลงเลือกตั้ง

การเติบโตทางเศรษฐกิจของคนชั้นกลางกลุ่มใหม่เหล่านี้ มิได้ราบเรียบนัก เพราะต้องเผชิญกับการผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อมหลายลักษณะ เผชิญกับโครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นธรรม และเผชิญกับการกระจายโอกาส (ทางการศึกษา, สาธารณสุข, สาธารณูปโภคพื้นฐาน) ที่ไม่เป็นธรรม (เกิน 50% - บางครั้งอาจถึง 70% ของงบประมาณแผ่นดินของทุกรัฐบาลใช้ในกรุงเทพฯ)

ประชาธิปไตย โดยเฉพาะมิติกำกับนโยบายสาธารณะผ่านหีบบัตรเลือกตั้ง จึงเป็นคำตอบแก่พวกเขา

นี่เป็นการวิเคราะห์โดยอาศัยหลักกว้างๆ จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แต่ก็อาจช่วยอธิบายถึงสงครามชนชั้น (หากนี่คือสงครามชนชั้นจริง)ที่เราเผชิญอยู่ได้บ้าง แต่ผมสงสัยว่า สงครามชนชั้นเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายความกระตือรือร้นของกระฎุมพีจำนวนมาก ที่เข้าร่วมการชุมนุมกับ กปปส.ได้ ผมจึงอยากพูดถึงความแปลกแยกทางสังคมที่กระฎุมพีไทยรับและดำรงสืบมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย

ในทางวัฒนธรรม กระฎุมพีในสังคมใดๆ ก็มักจะลอกเลียนวัฒนธรรมของคนชั้นสูงในสังคมนั้น แต่กระฎุมพีไม่ใช่ชนชั้นเวลาว่างเหมือนคนชั้นสูง การลอกเลียนวัฒนธรรมจึงทำได้จำกัด ไม่ช้าก็เร็ว วัฒนธรรมที่เหมาะกับกระฎุมพีย่อมเกิดขึ้นจนได้ กลายเป็นวัฒนธรรมแบบใหม่ที่มักจะฟูมฟาย (baroque) เพื่อแสดงกำลังทางเศรษฐกิจที่มีมากของตน ยิ่งในยุคสมัยที่ตลาดคือผู้อุปถัมภ์ศิลปะวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุด กระฎุมพีซึ่งมีกำลังซื้อครอบตลาดอยู่แล้ว จึงเป็นผู้กำหนดศิลปะวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ

คนชั้นสูงเองเสียอีกที่ต้องหันมายึดถือศิลปะวัฒนธรรมและค่านิยมทางศีลธรรมของกระฎุมพี (เช่นเลิกมีเมียมากอย่างออกหน้า)

และนี่คือแฟชั่นบาโรกนานาชนิดที่เราได้เห็นตามสื่อ และสื่อสังคม (เมื่อผมเป็นเด็ก กระฎุมพีกรุงเทพฯ มักหัวเราะเยาะชาวบ้านนอกที่นิยมเอาสีธงชาติไปทาบนหลังคาเรือนสังกะสีของตน)

ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์
http://goo.gl/16fdMg

ขุดประวัติ ผอ.ออมสิน

ผอ.ออมสิน "วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี" อดีต กก.ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เคยถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี เมื่อ 8 มิ.ย. 2551 คดีทำผิดระเบียบพนักงานในองค์กรหรือของรัฐ
ต่อมาเข้ารับตำแหน่ง ผอ.ออมสิน ปี 2555 แต่ระเบียบออมสินห้ามคนต้องคดีรับตำแหน่งภายใน 5 ปี ซึ่งพนักงานออมสินก็เคยรวมตัวต้าน...แต่ไม่สำเร็จ วรวิทย์รับเงินเดือน 6.5 แสน/เดือน
เมื่อเข้ามายังแก้ระเบียบเปิดช่องให้กระทรวงคลังกู้อันลิมิตไม่จำกัดวงเงิน เพื่อรองรับสร้างหนี้ให้ประชาชน 5.16 ล้านล้าน (กู้ 2.2 ล้านล้านพร้อมดอกเบี้ย มีการวางแผนไว้ตั้งแต่ปี 2555)
วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ยังมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับคนพรรคเพื่อไทย พ่อตาชื่อ "ณอคุณ" ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นคนเชียงใหม่ที่ใกล้ชิด ทักษิณ และเยาวภา แต่งงานกับ พนิตพิมพ์ สิทธิพงศ์ หรือ ''หน่อย'' อดีตนางสาวไทย ปี 2545 เมื่อ 9 พ.ค. 2555 ณ ห้องแอทธินี คริสตัล ฮอลล์ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน โดยภายในงานสมรสมีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นแขกระดับวีไอพี อาทิ นายสนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลายกระทรวง, นายปองพล อดิเรกสาร

ขอบคุณ (ข่าวไอเอ็นเอ็น / สยามดารา / ASTV-Manager)
@Kee-Kai@