PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

แอพแรกที่คุณเลือก คลิปที่เกี่ยวข้อง มาดูนายกฯ สปีคอิงลิช ถาม ตอบ หยอกกับนักข่าวแล้วยังแซวว่า เวลาพูดปากยื่นปากยาว ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงกรณีเรียกตัว วัฒนา เมืองสุข นายกฯ ประยุทธ์ จันโอชา เผยยังไม่จำเป็นที่ต้องใช้ รถไฟความเร็วสูง เมื่อพี่บี้เจอลุงตู่ เพลงนี้ก็ขึ้นมาในหัว กะ กะ กะ กลัวที่ไหน เกรงใจหรอกหนา ท่านนายกฯ ฉะสื่อยับ แต่ดูสีหน้า บี้ เดอะสตาร์ สิ อย่างฮา ! ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทำเนียบคึก ! ผบ.ทุกเหล่าทัพ แห่ตบเท้า เบิร์ธเดย์ล่วงหน้า บิ๊กตู่ ครบ 62 ปี ประยุทธ์ เล็งแก้ปัญหาแท็กซี่โกงมิเตอร์-ปฏิเสธผู้โดยสาร สั่งหยุดขับ 15-30 วัน ประยุทธ์ ยึดโรดแม็ปเดิม ยันไม่ก้าวก่ายรัฐบาลเลือกตั้ง สุหฤท สยามวารา สุดทน ซัด บิ๊กตู่ งัด ม.44 ลัดขั้นตอนอีไอเอ เป็นคำสั่งที่แย่ที่สุด รูปภาพที่เกี่ยวข้อง 3 ทหารสุดหล่อในเจ้าเวหา ปะทะทหารในชีวิตจริง ขำหนักมาก ฮาลั่น ! ภาพวาดท่าน ประยุทธ์ จากเด็กๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ มองแรง ! สองผู้นำ ไทย vs สหรัฐฯ ใช้สายตาพิฆาต ผมนี่ยอมเลย ลุงตู่ยิ้มอ่อน มด ณปภัช ขอเซลฟี่คู่ งานรณรงค์ลอยกระทง 2558 ประยุทธ์ เข้ม ! สั่งปราบโจรใต้ ขีดเส้น 6 เดือนต้องเกลี้ยงแผ่นดิน

สรรเสริญ แก้วกำเนิด เผย พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งขจัดความเลวร้ายให้สิ้นภายใน 6 เดือนนี้ ลั่นพวกผู้ร้ายต้องไม่มีที่ยืนในสังคม พร้อมขอความร่วมมือประชาชน แจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุเพื่อนำความสันติสุขกลับมา หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
          วานนี้ (13 มีนาคม 2559) พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีคนร้ายก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.นราธิวาส และจ.ยะลา ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการด่วนให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับประชาชน ตรวจเข้มพื้นที่เสี่ยง เช่น จุดจอดรถ หรือบริเวณที่มีประชาชนจำนวนมาก และให้หน่วยรักษาพยาบาลต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลือและดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ รวมทั้งได้กำชับให้ติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็ว และต้องขจัดความเลวร้ายต่าง ๆ ให้ได้ภายใน 6 เดือน 

          นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังขอให้พี่น้องประชาชนร่วมมือกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ เพื่อนำสันติสุขกลับคืนมา โดยผู้ที่มีเบาะแสเกี่ยวกับผู้กระทำผิดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบโดยด่วน หรือส่งข้อมูลถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรง ทั้งนี้รัฐบาลจะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้แจ้ง และหากข้อมูลเป็นความจริง และนำไปสู่การทำลายขบวนการได้ รัฐบาลจะมอบรางวัลพิเศษให้

          ทั้งนี้ นายกฯ ย้ำว่า การขจัดความเลวร้ายต่าง ๆ ภายใน 6 เดือนนี้ จำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นั้น ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและการลงทุน ดังนั้น หากพี่น้องชาวใต้ต้องการให้บ้านเมืองดีขึ้นจะต้องร่วมใจกัน อย่าให้ผู้ร้ายที่ทำลายชีวิตทั้งชาวพุทธหรือมุสลิม ที่แทรกซึมอยู่กับประชาชนมากดดัน คนเหล่านี้จะต้องไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป

กรณีศึกษา เมื่อเครื่องดับเพลิงทำงานอัตโนมัต ที่ SCB Park

โศกนาฎกรรมกรณีเช่นนี้ น่าจะเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นในเมืองไทย จึงยังไม่มีการระมัดระวังกันเท่าที่ควร
yody
กรณีธนาคารไทยพาณิชย์ ชี้แจงเกิดเหตุแก๊สไพโรเจน รั่วไหล ช่วงกลางดึกทวันที่ 13 มี.ค.59 ไม่เกี่ยวข้องกับระเบิด ไฟไหม้ ล่าสุดควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว อาคารทรัพย์สิน ไม่เสียหาย เปิดให้บริการตามปกติ (อ่านประกอบ:ไทยพาณิชย์ แจงเหตุแก๊สไพโรเจนรั่วไหล เสียชีวิต 8 ราย ยันให้ความช่วยเหลือ)
อาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ สถาปนิกดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความในเฟชบุค ถึงกรณีศึกษา เมื่อเครื่องดับเพลิงทำงานอัตโนมัต ที่ SCB Park และมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก... 
หลายท่านคงได้ทราบข่าวสารโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นที่ธนาคารไทยพานิช SCB Park ทำให้มีผู้เสียชีวิต update ถึงปัจจุบัน = 10 คน อันอาจสรุปความได้ดังต่อไปนี้
๑.. มีการก่อสร้างต่อเติมปรับปรุง "ห้องมั่นคง" ที่ชั้น B2 ของอาคาร และในการก่อสร้างนั้นมีประกายไฟเกิดขึ้น หรือมีฝุ่นละออกเกิดเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติทำงานพ่นควันออกมา
๒.. ระบบดับเพลิงอัตโนมัตินั้นเป็นก๊าซ(สาร) ไพโรเจน (Pyrogen) ทำมีคุณภาพในการกำจัดอ๊อกซิเจน ทำให้บริเวณนั้น (ซึ่งมีคนงานจำนวนมาก) ขาด Oxygen ที่จะใช้หายใจ
๓.. เพราะการก่อสร้างอยู่ที่ชั้นใต้ดิน B2 ทำให้การระบายอากาศทำได้ยาก ไม่มีหน้าต่างเปิดสู่ภายนอก กลุ่มควันจึงลอยอยู่ในห้อง ไม่ออกไปไหน และอ๊อกซิเจนจากอากาศภายนอก ไม่สามารถเข้ามาในบริเวณนั้นได้ คนที่อยู่ภายในจึงยิ่งขาดอากาศหายใจ
๔.. การเข้าไปช่วยเหลือยากมาก เพราะสถานที่ใช้ระบบสแกนนิ้วมือในการเข้าไป (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ) ทำให้ผู้เข้าไปช่วยเหลือเข้าไปช้า หรือเข้าไปไม่ได้ จนต้องมีการทุบรื้อประตูเข้าไปช่วย
๕.. เมื่ออากาศหายใจไม่มี คนเข้าไปช่วยไม่ได้ อากาศไม่ถ่ายเท มีสาร Pyrogen ทำลายอ๊อกซิเจนอยู่... คนไม่มีอากาศหายใจ จึงเสียชีวิต
โศกนาฎกรรมกรณีเช่นนี้ น่าจะเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นในเมืองไทย จึงยังไม่มีการระมัดระวังกันเท่าที่ควร และขอให้เป็นครั้งสุดท้ายเทอญ

ที่มาภา่พและเนื้อหา:เฟชบุค ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์

ผงะที่ดินไทยอยู่ในมือต่างชาติกว่า 100 ล้านไร่

ผงะที่ดินไทยอยู่ในมือต่างชาติกว่า 100 ล้านไร่-จับตาสิงคโปร์ครองมากที่สุด หวั่นอนาคตลูกหลานเป็นแค่แรงงาน
 
 
TCIJ 12 มีนาคม 2555

 วุฒิฯ จัดสัมมนา “นิติกรรมอำพรางฯ” ผู้ตรวจการแผ่นดินเปิดงานวิจัยแฉ ที่ดินกว่า 100 ล้านไร่ตกไปอยู่ในมือต่างชาติ ทั้งที่สมุย พัทยา ภูเก็ต หัวหิน ใช้นอมินีซื้อแทน หรือแต่งงานกับคนไทย เผยครัวไทยครัวโลกก็น่าเป็นห่วง ต่างชาติแห่เช่าที่ดินปลูกพืช-ผัก-ข้าวเพียบ หวั่นอนาคตลูกหลานไทยจะเป็นแค่แรงงงานรับจ้าง นักวิชาการแนะจับตาสิงคโปร์เข้าถือครองมากที่สุด เพราะมีความเข้มแข็งทางการเงิน

คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา จัดสัมมนาหัวข้อ “ นิติกรรมอำพราง : ต่างชาติกับการถือครองที่ดิน”  โดย นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าร่วมสัมมนา พบว่า ปัญหาความมั่นคงของประเทศที่เราพบกันนั้นมีอยู่ 2 รูปแบบ เกิดจาก 1.ความมั่นคงทางทรัพยากรมนุษย์  ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหายาเสพติด ทำให้บั่นทอนบุคคลากรของประเทศในระยะยาว และ 2.ปัญหาด้านความมั่นคงด้านที่ดิน
นายศรีราชากล่าวว่า ที่ดินกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ หรือคิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 100 ล้านไร่ กำลังตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติ ทำให้เห็นว่า เป็นการแย่งดินแดนโดยใช้ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงช่องโหว่ของกฎหมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีมาตั้งแต่อดีต จากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำในปี 2540 หรือภาวะต้มยำกุ้ง ทำให้มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จนเกิดการถือครองที่ดินโดยชาวต่างชาติในช่วง ปี 2540 กฎหมายเปิดช่องให้ชาวต่างชาติที่มีเงินเพียง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เข้ามาถือครองที่ดินในไทยได้เป็นกรณีพิเศษ ทำให้วันนี้มีที่ดิน 1 ใน 3 ของประเทศ ถูกครอบครอง และทำนิติกรรมอำพรางหรือนอมินีโดยคนต่างด้าว คิดเป็นเนื้อที่ ประมาณ 100 ล้านไร่
“จากการวิจัยของสถาบันการศึกษาพบว่า พื้นที่ที่ติดชายทะเล เช่น หาดบ้านเพ จ.ระยอง เป็นของต่างชาติกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ที่ดินในอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพัทยา จ.ชลบุรี มีชาวต่างชาติถือครองถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี  และในจ.ภูเก็ต แทบไม่ต้องพูดถึง เพราะล้วนแต่มีชาวต่างชาติถือครองที่ดิน ผ่านนอมินีแทบทั้งสิ้น โดยใช้วิธีหลากหลายรูปแบบทั้งการสมรสกับคนไทย  หรือตั้งบริษัทไทย และแปลงสภาพจากสัดส่วนการถือหุ้น แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดให้คนต่างด้าวถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 49  แต่ในทางกลับกันกลับพบว่า ร้อยละ 51 ต่างถือครองในลักษณะนอมินีแทบทั้งสิ้น” ผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าว

นายศรีราชากล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะต้องทบทวนการจำกัดการถือครองที่ดิน และผลักดันการปฏิรูปที่ดิน โดยให้มีการชำระภาษีที่ดินเพิ่มมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เรื่องนี้แม้จะเป็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เชื่อเถอะว่าไปไม่รอดแน่ เพราะคนรวยในระบอบนี้ไม่มีใครยอม รวมทั้งต้องสร้างเครือข่ายร่วมกัน ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงการจัดให้มีสินบนนำจับ เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว
อย่างไรก็ตามการที่ได้เห็นสภาพบ้านเมืองแบบนี้ คาดว่า เมืองไทยจะไม่มีอะไรเหลือให้คนรุ่นหลังได้ คนรุ่นหลังจะไม่มีที่อยู่ จากนี้ไปต้องจับตาแนวคิดที่รัฐบาลสนับสนุนนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดช่องทางให้เกิดการถือครองที่ดินของต่างชาติมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตนเองจับตาแนวคิดดังกล่าวตั้งแต่ออสเตรเลียพยายามเอาผลไม้ของไทยไปปลูกในประเทศของตัวเอง แต่ไม่สามารถปลูกได้ จึงมีแนวคิดขอเช่าที่ดินในไทยเพื่อทำการเพาะปลูกแทน ขณะที่นักการเมืองบางคนก็สนับสนุนให้ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย  และจะมีการตรีตราสัญลักษณ์เป็นภาษาตะวันออกกลางทั้งหมด

“เรื่องนี้หากไม่สำเหนียกในการคุ้มครองสิทธิชาวนาไทย ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้มาจากกความไม่สามารถของฝ่ายบริหารของประเทศที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ปลูกพื้นไร่บ้านเราบนที่ดินเราแต่ผลผลิตส่งกลับประเทศของเขาและคนไทยจะเป็นเพียงแรงงานเท่านั้น” นายศรีราชากล่าว

 ขณะที่ น.ส.ปิยะนุช โปตะวณิช  อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ปัญหานี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมากในช่วงปี 2558 ซึ่งจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนและเปิดเศรษฐกิจเสรีเพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาค เกรงว่าจะกลายเป็นช่องว่างให้เกิดกระบวนการนิติกรรมอำพรางของต่างชาติ เข้ามาถือครองที่ดินในไทย โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ อยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจับตามองเป็นพิเศษ เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางด้านการเงินจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องการลงทุนในด้านอื่นๆ เพื่อทำประโยชน์และสร้างกำไรทางเศรษฐกิจ


“ปัญหาตอนนี้คือ ทำอย่างไรให้หน่วยงานตรวจสอบมีความเข้มแข็ง และประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปได้หรือไม่กับการกำหนดข้อห้ามออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การบูรณาการข้อมูล การเสนอกฎหมายการกระทำความผิดของตัวแทนกระทำอำพราง รวมไปถึงมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็งด้วย หรือการเนรเทศชาวต่างชาติที่กระทำความผิดในส่วนนี้”

ด้านนายสุจิต จงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน กรมที่ดิน กล่าวว่า คนต่างด้าวมีศักยภาพในทางการเงินสูง จึงขวนขวายให้ได้มาซึ่งที่ดินจำนวนมาก เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินตรากลับประเทศ ทั้งนี้การพิสูจน์การถือครองที่ดินของต่างชาติทำได้ยาก เพราะถ้าผู้ที่เข้ามาจดทะเบียนได้ยื่นเอกสารและมีคุณสมบัติตามกฎหมาย เช่น ไม่ใช่เป็นคนต่างด้าว เป็นทรัพย์สินส่วนตัว เป็นต้น ก็สามารถจดทะเบียนได้ และยอมรับว่าตอนนี้มีหลายรูปแบบในการเข้ามาถือครอง เช่น การจดทะเบียนสมรสกับชาวไทย แต่กระบวนการพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่นำมาซื้อที่ดินเป็นสินสมรสหรือส่วนตัว ประกอบกับกฎหมายปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่สมรสแล้วสามารถใช้คำนำหน้านามว่านางสาวได้ ยิ่งเป็นปัญหาเข้าไปอีก เพราะตรวจสอบได้ยากมากว่าเป็นนอมีนีหรือตัวแทนหรือไม่ นอกจากนี้ในทางปฏิบัติ แต่ละวันมีผู้เข้ามาจดทะเบียนกับกรมที่ดินเยอะมาก ดังนั้นการตรวจสอบจึงมีข้อจำกัด
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กล่าวว่า ป.ป.ง.เป็นหน่วยงานที่ต้องรับรายงานการทำธุรกรรมการซื้อขายที่ดินด้วยเงินสดเกิน 2 ล้านบาท แต่ตอนนี้พบว่า มีการเลี่ยงกฎหมายด้วยการทำขนาดของธุรกรรมให้เล็กลงโดยไม่ให้เกิน 2 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องรายงานป.ป.ง. เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาจำเป็นอย่างยิ่งต้องได้รับความร่วมมือจากกรมที่ดิน

รัฐบาลมึนตึ้บ!!'บิ๊กจิ๋ว' ตั้งกองกำลังสลายขัดแย้ง

"พล.ต.สรรเสริญ"งง"พล.อ.ชวลิต" ตั้งกองกำลังสลายขัดแย้ง ”ย้อนกลับ“ถามประชาชนหรือยัง”
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่าได้จัดตั้งกองกำลังประชาชนเพื่อสลายความขัดแย้งในบ้านเมืองว่า ไม่แน่ใจว่าที่พล.อ.ชวลิตระบุว่าเกิดความขัดแย้งขึ้นในบ้านเมืองนั้น เป็นความขัดแย้งระหว่างใครกับใคร แต่สำหรับเจ้าหน้ารัฐยืนยันว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใครแน่นอน วันนี้รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศหลายสิ่งหลายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรา แต่หลายสิ่งเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องสานต่อจนสมบูรณ์
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐก็พยายามจะให้ข้อมูลกับประชาชนไม่ให้เกิดการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนด้วยหลักเหตุผลพร้อมกับรับฟังข้อมูลและความเห็นจากประชาชนเช่นเดียว ดังนั้นเจ้าหน้าของรัฐจึงไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับประชาชนอยู่แล้ว
“การมีกองกำลังอะไรสักอย่างเพื่อจะมาทำความเข้าใจหรือลดข้อขัดแย้ง ผมไม่แน่ใจว่าพล.อ.ชวลิตหมายถึงความขัดแย้งระหว่างใคร แต่หากหมายถึงระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ เราไม่มีความขัดแย้งกับประชาชน เพราะฉะนั้นการที่จะมีกองกำลังขึ้นมาปฏิบัติภารกิจตรงนี้ก็ต้องถามประชาชนว่า เขาคิดกับเรื่องนี้อย่างไรที่พล.อ.ชวลิตเสนอและเป็นไปได้หรือไม่ที่ประเทศปัจจุบันนี้จะมีคนตั้งกองกำลังขึ้นมา เพราะความจริงเรื่องการสร้างความเข้าใจถือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้ารัฐมากกว่า”พล.ต.สรรเสริญกล่าว

“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!

(ย้อนข่าว 2558 บิ๊กจิ๋ว)

“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 พฤษภาคม 2558 19:17 น. (แก้ไขล่าสุด 11 พฤษภาคม 2558 11:18 น.)
        เบื้องหลังดัน “บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน คสช. เพื่อไทยปรับยุทธศาสตร์พรรค ด้วยการดึงจุดแข็งพ่อใหญ่จิ๋ว ปิดจุดอ่อนพรรค มั่นใจ Old soldiers never die ในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพ ที่มีเอกลักษณ์พูดจาอ่อนนิ่ม นุ่มนวล รุ่นน้องไม่กล้าแตะ เดินสายสร้างงานการเมืองใกล้ชิดมวลชนพรรค ขณะเดียวกันยังช่วยลบข้อครหาสืบทอดอำนาจของคนตระกูล “ชินวัตร” ได้ด้วย ด้านฝ่ายความมั่นคง ประเมินการเดินเกมครั้งนี้ “บิ๊กจิ๋ว-ทักษิณ” คุยกันแล้ว และอาจมีเก้าอี้สำคัญเป็นเดิมพัน หากเพื่อไทยกลับมาใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่ง ด้าน “บิ๊กตู่” ส่งสัญญานบอกวันนี้อายุเยอะแล้วน่ะ
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
       
        เป็นอันชัดเจนว่าการออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมาของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายใด แม้จะออกตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่ใช่กิจกรรมทางการเมือง
      
       “อะไรที่เป็นหน้าที่ของการเมืองหรือเกี่ยวข้องกับการเมืองทำไม่ได้หมด ทำได้เพียงการร่วมประชุมกับศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป” คำตอบของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามถึงการที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ลงพื้นที่ไปพบกับชาวนาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
      
       พร้อมทั้งกล่าวต่อถึงการกระทำดังกล่าวของพลเอกชวลิต ว่าขัดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ว่า
      
       “ท่านเป็นใคร ควรจะรู้หรือไม่ว่าควรต้องทำอะไร อย่างไร ไปถามท่านโน่น เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เคารพท่านอีก แต่นี่เคารพอยู่ เพราะท่านเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา ถ้าท่านทำไปมากกว่านี้ และผิดพลาดมากกว่านี้ คนก็มาเล่นงานผมอีก แต่อย่าลืมว่าท่านไปอยู่กับรัฐบาลมาก่อน และไม่ได้อยู่ข้างรัฐบาลผม ฉะนั้นท่านก็อยู่ในข่ายเหมือนกัน แต่ผมเคารพท่านเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วในฐานะทหารเก่า และไม่เคยดูถูกท่าน ในความเป็นคนเก่งของท่าน แต่วันนี้ท่านอายุเยอะแล้วนะ” เสียงเข้มๆ จากพลเอกประยุทธ์
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาติดเบรกการเคลื่อนไหวของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
       
        เคลื่อนไหวเดือนเศษ
      
       ทั้งนี้ตลอดเวลาเดือนเศษพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาแสดงความคิดเห็นและปรากฏตัวตามสถานการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่
      
       20 มีนาคม 2558 พลเอกชวลิต กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องคดีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวว่า ตนรู้สึกแย่กับการเมืองไทย และมีความเห็นใจและสงสารนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ต้องถูกข้อหาอาญาในโครงการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีความตั้งใจ และเป็นนโยบายสำคัญที่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นคนยากจนของประเทศได้
      
       31 มีนาคม 2558 บิ๊กจิ๋วเดินทางมาพบผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยพื้นที่อีสาน เนื่องในงานทอดผ้าป่าการศึกษาที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านป่าก่อ ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ
      
       ต้นเดือนเมษายน พลเอกชวลิตร่วมงานรำลึกวีรชนบ้านช่องช้าง ตำบลพรุพี อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
      
       10 เมษายน 2558 เกิดเหตุระเบิดที่ลานจอดรถเซ็นทรัล เกาะสมุย และเกิดเหตุไฟไม้ที่สหกรณ์โคออฟ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกับมีการเชื่อมโยงไปถึงพลเอกชวลิต
      
       “มีข่าวที่ออกมาในลักษณะพาดพิงถึงผมและกลุ่มการเมืองต่างๆ เข้าไปพัวพัน แต่ผมขอยืนยันได้ว่าไม่ทราบ และไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น” พลเอกชวลิตปฎิเสธไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด
      
       27 เมษายน 2558 อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 เป็นประธานในงานเลี้ยงสังสรรค์ครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งชมรมปิยะมิตรไทย และรำลึกครบรอบ 28 ปี การเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย ของอดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มาลายา ที่โรงแรม ลี การ์เด้นส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
      
       วันเดียวกัน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ มีมติให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Peace TV ที่กลุ่มคนเสื้อแดงและสมาชิกพรรคเพื่อไทยดำเนินรายการอยู่
      
       เดิมสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ถูกสั่งปิดชั่วคราวตั้งแต่ 00.01 นาฬิกา ของวันที่ 10 เมษายน 2558 ครบกำหนด 7 วัน ในวันที่ 16 เมษายน 2558 เวลา 24.00 น. ตามมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.)
      
       แม้ กสท.จะมีมติถอนใบอนุญาต Peace TV เมื่อ 27 เมษายน 2558 แต่ยังสามารถออกอากาศได้ต่อ โดยในวันที่ 29 เมษายน 2558 ทาง Peace TV จัดรายการพิเศษโดยเชิญแขกคนสำคัญมาร่วมรายการคือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
      
       จากนั้น 30 เมษายน 2558 Peace TV ได้เผยแพร่ข้อความบน facebook ว่า คำสั่งด่วน Peace TV จอดำตั้งแต่ 20.30 น. เป็นต้นไป พร้อมเดินเรื่องยื่นขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานต่างๆ
      
       4 พฤษภาคม 2558 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาพบกับชาวนาในพื้นที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีตัวแทนชาวนากว่า 100 คน เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดต้นทุนในการเพาะปลูก ขณะที่ชาวนาได้ยื่นหนังสือให้พลเอกชวลิต หาทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต้นทุนการเพาะปลูกสูงและราคาข้าวเปลือกตกต่ำ
      
       นี่คือความเคลื่อนไหวของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ตลอดช่วงเดือนเศษที่ผ่านมา ที่สร้างเรื่องราวและเส้นทางเดินในแต่ละห้วงเวลาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมิติที่คาบลูกคาบดอกต่อการขัดต่อคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่กลายเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวของพลเอกชวลิตมากยิ่งขึ้นในพรรคเพื่อไทย หากในภายภาคหน้าที่พ้นจากอำนาจของ คสช.ไปแล้ว จนกระทั่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาพูดปรามถึงความเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ลงไปพบชาวนาที่พระนครศรีอยุธยา
       
        ฝ่ายความมั่นคงประเมินตั้งใจ
      
       “ส่วนตัวมองว่าพลเอกชวลิต คงไม่มีอะไรทำ คงไม่ได้มุ่งไปที่การเคลื่อนไหวในทางการเมือง เพราะท่านก็อายุเยอะแล้ว อีกอย่างฐานอำนาจภายในพรรคเพื่อไทยก็มีน้อย ท่านน่าจะเหงามากกว่าเลยเดินทางไปพบเพื่อนตามที่ต่างๆ แต่การเดินสายอย่างนี้ย่อมทำให้ คสช.ไปสบายใจ” คนในพรรคเพื่อไทยประเมิน
      
       แตกต่างจากการประเมินของฝ่ายความมั่นคง ที่คลุกคลีกับพลเอกชวลิตมาก่อน ที่มองว่า “พี่จิ๋วเป็นคนที่คิดอะไรซับซ้อนกว่าที่หลายคนคิด หากจะมองว่าท่านอายุมากแล้วไม่มีอะไรทำ คงไม่ใช่ หากเป็นอย่างนั้นจริง ท่านอยู่เฉยๆ ดีกว่า”
      
       ตัวเลือกที่ท่านมีและใช้มาตลอดต่อการเดินหมาก จะไปที่ฐานอำนาจเก่าที่ท่านมีอยู่ อย่างกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตามพื้นที่ต่างๆ แม้จะไม่มีพลังมากนัก เพราะหลายคนอายุมากแล้ว แต่ก็สามารถใช้เป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรมของท่านได้
      
       นับตั้งแต่การยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่านเงียบมาได้ตลอด แต่การเคลื่อนไหวในช่วงนี้ที่ต่อเนื่องและเสมือนกับมีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เห็นได้จากเป้าหมายหลังจากการพบปะกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแล้ว
      
       การเดินทางไปออกรายการที่สถานีโทรทัศน์ Peace TV ทั้งๆ ที่เคยถูกคำสั่งห้ามออกอากาศชั่วคราว และเพิ่งกลับมาออกอากาศได้ใหม่ แต่ยังทำผิดเงื่อนไขจนถูกถอนใบอนุญาตเมื่อ 27 เมษายน แต่บิ๋กจิ๋วกลับไปร่วมรายการในวันที่ 29 เมษายน หากจะบอกว่าไม่รู้คงเป็นไปไม่ได้
      
       ที่สำคัญท่านย่อมรู้ว่า Peace TV เป็นของกลุ่มใด เสี่ยงต่อการขัดคำสั่งของ คสช.หรือไม่ ในเรื่องการที่ต้องการให้เกิดความปรองดองและลดความขัดแย้ง การไปในครั้งนี้ในอีกด้านหนึ่งเท่ากับเป็นการรับรองและยืนอยู่ข้างเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย และเมื่อ Peace TV ยุติการออกอากาศอาจกลายเป็นข้ออ้างว่าเป็นเพราะท่านไปร่วมรายการดังกล่าว
      
       จากนั้นการเดินทางไปรับฟังปัญหาของชาวนาที่อำเภอบางไทร พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งรับข้อร้องเรียนจากชาวนานั้น ทำให้สถานะของการเดินทางไปในครั้งนี้ไม่แตกต่างกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือระดับรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปพบกับราษฎร
      
       หากปล่อยไว้อย่างนี้ท่านคงเดินหน้าทำกิจกรรมในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ จนพลเอกประยุทธ์ต้องออกมาเบรกสถานการณ์
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
พลเอกชวลิต เดินทางไปร่วมรายการที่สถานีโทรทัศน์ Peace TV
       
        เชื่อเจรจากันเรียบร้อย
      
       แหล่งข่าวด้านความมั่นคงประเมินต่อไปว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าท่านคงไม่ออกมาเคลื่อนไหวโดยไม่มีเป้าหมาย เพราะผิดวิสัยนายทหารระดับสูง การพูดคุยกันในทางการเมืองแม้จะไม่สามารถทำได้ในยุค คสช. แต่ในทางปฏิบัติแล้วคงไม่สามารถห้ามได้ในทางลับ
      
       “อย่าลืมว่าชื่อของพลเอกชวลิต อยู่ในใจของผู้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เพียงแต่จะเลือกหยิบมาใช้ในสถานการณ์ใด”
      
       ยิ่งปัจจุบันเป็นรัฐบาลทหาร การดึงเอานายทหารและอดีตผู้บังคับบัญชารุ่นพี่ อดีตนายกรัฐมนตรี มาเดินเกม ย่อมสร้างความลำบากใจให้กับคณะนายทหารรุ่นน้องไม่น้อย ท่านจึงเดินสายไปตามพื้นที่ต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาโดยไม่ถูกเชิญตัวจาก คสช.
      
       ถ้าเป็นคนอื่นเคลื่อนไหวอย่างนี้ คงถูกระงับหรือถูกหิ้วตัวไปแล้ว
      
       นี่คือการหาจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเดิมเกมในช่วงนี้ เพราะหากคณะนายทหารทำอะไรที่รุนแรงต่อพี่จิ๋ว ย่อมไม่ใช่ภาพที่ดีต่อ คสช. ที่อาจถูกมองได้ว่าไม่ให้เกียรติและไม่เคารพต่อนายทหารรุ่นพี่และเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา
      
       การที่ คสช.ออกมาปรามการเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นท่านพลเอกชวลิตจะเคลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายในการเดินทางไปรับข้อเรียกร้องจากชาวนาที่อยุธยานั้นถือว่าเป็นมิติทางการเมืองที่ชัดเจน เพราะพรรคเพื่อไทยมีนโยบายรับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน แล้วรัฐบาลปัจจุบันยุติโครงการดังกล่าว ทำให้ราคาขายข้าวในปัจจุบันเหลือเพียง 6,000-7,000 บาท
      
       โครงการดังกล่าวยังส่งผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องถูกถอดถอนและถูกดำเนินคดีอาญา และแม้จะยุติโครงการดังกล่าวไปแล้วจากผลของการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 แต่เครือข่ายของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงยังทำโครงการข้าวถุงลายจุด โดยมีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด รับทำโครงการนี้ต่อ โดยรับซื้อจากชาวนา 15,000 บาทแล้วนำมาแบ่งจำหน่าย 5 กิโลกรัม 200 บาท
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
ข้าวลายจุด จากเฟสบุ๊คสมบัติ บุญงามอนงค์
       
        เลือก “บิ๊กจิ๋ว” ขัดตาทัพ
      
       คิดว่าคงมีข้อตกลงระหว่างกันไว้ในระดับหนึ่ง ระหว่างเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงกับพลเอกชวลิต และผลตอบแทนคงมากพอ อย่างเช่นการเปิดทางให้ท่านกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 แม้ท่านจะอายุมาก แต่เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหา
      
       อีกทั้งพรรคเพื่อไทยนับจากนี้ไปอยู่ในสถานะที่ลำบากไม่น้อย เพราะไม่มีตัวเล่นจากคนในตระกูลชินวัตรให้เลือกมากนัก หลังจากหมดนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีอย่างนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือน้องเขยอย่างสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมทั้งหลานๆ อาจติดขัดในเรื่องภาพลักษณ์ และทักษิณคงไม่ยอมที่จะเอาลูกชายหรือลูกสาวลงมาในสนามการเมืองในช่วงนี้แน่
      
       “เพราะหากเลือกคนในตระกูลชินวัตรเข้ามาเป็นจุดขายต่อ ก็จะถูกจับตาทั้งจากฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายกองทัพว่าต้องการสืบทอดอำนาจต่อ ดังนั้นการหาบุคคลอื่นมาคั่นกลางจึงเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุด”
      
       เมื่อเปรียบเทียบระหว่างพลเอกชวลิตกับคนในตระกูลชินวัตรเวลานี้ แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีหรือเป็นตัวเลือกที่ทักษิณอยากได้ แต่ยามนี้บิ๊กจิ๋วเหนือกว่ามาก อีกทั้งตำแหน่งและผลงานในอดีตของท่าน เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับสถานการณ์ในช่วงนี้ ไม่นับรวมความสัมพันธ์ที่มีกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยพรรคความหวังใหม่ และควบรวมมาเป็นพรรคไทยรักและไทยและเพื่อไทยในที่สุด
      
       ดังนั้นนี่คือหมากทางการเมืองที่เจ้าของพรรคเพื่อไทยเลือกตัวพลเอกชวลิต ไว้เป็นจุดขายของพรรค ท่ามกลางข้อจำกัดของพรรคเพื่อไทยที่คนในตระกูลชินวัตรเหลือน้อยลงทุกขณะ โดยเรื่องนี้ใช่ว่าคนใน คสช.จะไม่รู้ เห็นได้จากคำพูดของพลเอกประยุทธ์ที่กล่าวว่า “ท่าน(พลเอกชวลิต)ก็เคยเสนอว่าพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ไม่ใช่เหรอ” 

มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง

13 มีนาคม 2559 18:01 น. (แก้ไขล่าสุด 13 มีนาคม 2559 18:15 น.)
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        ไม่เคยรู้มาก่อน! อดีตนายกรัฐมนตรี อ้างจัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3 มาแล้ว 3 ปี มีทั้งชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่าเป็นล้าน ชาวไทยใหม่เป็นแสน รากหญ้าอีก 10 ล้าน คนใต้และกลุ่มผู้วางอาวุธอีก อ้างช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง ไม่ให้คนไทยฆ่ากันเอง บอก “ประยุทธ์” ถ้าอยากคุยก็ยินดี ปัดเอี่ยวพาทักษิณกลับบ้าน ย้ำ ไม่รับใบสั่งใคร ยังเคารพ “ป๋าเปรม” แนะ คสช. แก้จนมากกว่าร่างรัฐธรรมนูญปราบนักการเมืองเลว ชี้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นไปไม่ได้ ไม่ขัดข้องมีกลไกพิเศษ
       
       วันนี้ (13 มี.ค.) ที่บ้านพักซอยปิ่นประภาคม ซอยติวานนท์ 18 ถนนติวานนท์ จ.นนทบุรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้นัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงสถานการณ์การเมืองอีกครั้ง หลังแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีนายทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 (ปตอ.พัน 5) จำนวน 3 นาย นำโดย ร.ต.ทวีศักดิ์ สุขเจริญ รองผู้บังคับหมวด ปตอ.พัน 5 มาสังเกตการณ์ ซึ่ง ร.ต.ทวีศักดิ์ ระบุว่า มาสังเกตการณ์ตามภารกิจประจำพื้นที่
       
       พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3 (Thrid Force) โดยตั้งมาแล้ว 3 ปี ซึ่งไม่ใช่กองกำลังที่ติดอาวุธ แต่เป็นกองกำลังที่ประกอบด้วยผู้ที่มีความคิด ความรู้ในการแก้ปัญหาบ้านเมือง มารวมตัวกันเพื่อระดมความคิดช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง เพื่อให้คนไทยเลิกฆ่ากันเอง และไม่มองทหารเป็นศัตรู โดยกองกำลังดังกล่าวมีแนวร่วมประกอบด้วย ชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่า คิดเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน ชาวไทยใหม่ อีกจำนวนหลักแสนคน ประชาชนที่มีฐานะยากจนมากกว่า 10 ล้านคน ประชาชนจากภาคใต้ และผู้ที่วางอาวุธแล้วประมาณ 200,000 - 300,000 คน
       
       สำหรับภารกิจหลักที่จะทำ คือ ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เข้าไปสลายทุกสีเสื้อ ซึ่งการตั้งกองกำลังครั้งนี้ไม่กังวล และไม่คิดว่าต้องพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะเป็นการช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่การรบ แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการพูดคุยกับตัวเอง ตนก็ยินดีช่วยเสริมการทำงานของผู้ควบคุมประเทศ
       
       ขณะเดียวกัน พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ในการพูดคุยครั้งนี้ไม่อยากให้เข้าใจผิดและเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนยืนยันว่า การทำงานของตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับใคร การตั้งพรรคการเมืองและทำงานการเมืองก็ทำมียุทธศาสตร์ของตัวเองมาล่วงหน้า และมีความเป็นห่วงบ้านเมือง ไม่เคยเกี่ยวข้องและรับเงินใครทั้งสิ้น
       
       ขณะเดียวกัน ตัวเองไม่มีหน้าที่ต้องพาใครกลับบ้าน แม้ที่ผ่านมาได้สังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อแผ่นดิน ในฐานะที่เคยรับราชการทหาร เป็นหน้าที่โดยตรงในฐานะที่เป็นทหาร ต้องสร้างความสันติสุขเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชน โดยใช้ยุทธศาสตร์ของตัวเองทั้งโซ่ข้อกลาง และดอกไม้หลากสีในการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจบานปลาย
       
       นอกจากนี้ ตนไม่เคยรับคำสั่งใคร ยังเคารพรักและคิดถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตนอยากพบ พล.อ.เปรม ใจจะขาด แต่ไม่กล้าเพราะเคยได้ยินมาว่า พล.อ.เปร มไม่อยากพบนักการเมือง แต่ตนยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมือง
       
       เมื่อถามว่ากรณีร่างรัฐธรรมนูญอาจมีปัญหาสร้างความขัดแย้งในประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสืบทอดอำนาจของ คสช. พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า นายกฯ และ คสช. ควรนั่งลงคุยกันในเรื่องที่สังคมกังวล อีกทั้งในเวลานี้คนไม่ชอบทหารมีมากขึ้น ความยากจนเป็นเรื่องใหญ่สุดที่ต้องเร่งแก้ไขมากกว่ามาทุ่มเทเรื่องการเขียนรัฐธรรมนูญปราบการทุจริต หรือต่อว่านักการเมืองเลว ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องอดทนและเปลี่ยนบทบาท อย่าสร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้น การพูดอย่างสร้างสรรค์จะทำให้ทุกคนมาช่วยกันสร้างบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า
       
       “รัฐธรรมนูญมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างความสงบสุขได้ สิ่งที่เป็นเจตนาของรัฐธรรมนูญ คือการเป็นประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยสร้างด้วยนโยบาย ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ โดยต้องสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจอธิปไตยปวงชนกับเสรีภาพของบุคคลเพื่อไม่ให้เกิดสภาพอนาธิปไตยหรือเผด็จการ” พล.อ.ชวลิต กล่าว
       
       สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาลนั้น ตนมองว่าไม่มีความเป็นไปได้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ส่วนกรณีข้อเสนอที่ให้ ส.ว. มาจากการสรรหา ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ถ้าจะมีต้องเป็น ส.ว. สรรหาอย่างแท้จริงที่ทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่สรรหาเพื่อเป็นการเชียร์อีกฝ่าย ซึ่งสร้างความไม่เป็นธรรม ส่วนกลไกพิเศษมีได้ถ้ามีความจำเป็น ตัวเองไม่ขัดข้อง. 
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง
        
มุกใหม่! “บิ๊กจิ๋ว” โชว์พาวตั้ง “กองกำลังส่วนที่ 3” เป็นสิบล้าน อ้างแก้คนไทยฆ่ากันเอง