PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!

(ย้อนข่าว 2558 บิ๊กจิ๋ว)

“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 พฤษภาคม 2558 19:17 น. (แก้ไขล่าสุด 11 พฤษภาคม 2558 11:18 น.)
        เบื้องหลังดัน “บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน คสช. เพื่อไทยปรับยุทธศาสตร์พรรค ด้วยการดึงจุดแข็งพ่อใหญ่จิ๋ว ปิดจุดอ่อนพรรค มั่นใจ Old soldiers never die ในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพ ที่มีเอกลักษณ์พูดจาอ่อนนิ่ม นุ่มนวล รุ่นน้องไม่กล้าแตะ เดินสายสร้างงานการเมืองใกล้ชิดมวลชนพรรค ขณะเดียวกันยังช่วยลบข้อครหาสืบทอดอำนาจของคนตระกูล “ชินวัตร” ได้ด้วย ด้านฝ่ายความมั่นคง ประเมินการเดินเกมครั้งนี้ “บิ๊กจิ๋ว-ทักษิณ” คุยกันแล้ว และอาจมีเก้าอี้สำคัญเป็นเดิมพัน หากเพื่อไทยกลับมาใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่ง ด้าน “บิ๊กตู่” ส่งสัญญานบอกวันนี้อายุเยอะแล้วน่ะ
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
       
        เป็นอันชัดเจนว่าการออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมาของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายใด แม้จะออกตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่ใช่กิจกรรมทางการเมือง
      
       “อะไรที่เป็นหน้าที่ของการเมืองหรือเกี่ยวข้องกับการเมืองทำไม่ได้หมด ทำได้เพียงการร่วมประชุมกับศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป” คำตอบของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามถึงการที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ลงพื้นที่ไปพบกับชาวนาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
      
       พร้อมทั้งกล่าวต่อถึงการกระทำดังกล่าวของพลเอกชวลิต ว่าขัดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ว่า
      
       “ท่านเป็นใคร ควรจะรู้หรือไม่ว่าควรต้องทำอะไร อย่างไร ไปถามท่านโน่น เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เคารพท่านอีก แต่นี่เคารพอยู่ เพราะท่านเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา ถ้าท่านทำไปมากกว่านี้ และผิดพลาดมากกว่านี้ คนก็มาเล่นงานผมอีก แต่อย่าลืมว่าท่านไปอยู่กับรัฐบาลมาก่อน และไม่ได้อยู่ข้างรัฐบาลผม ฉะนั้นท่านก็อยู่ในข่ายเหมือนกัน แต่ผมเคารพท่านเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วในฐานะทหารเก่า และไม่เคยดูถูกท่าน ในความเป็นคนเก่งของท่าน แต่วันนี้ท่านอายุเยอะแล้วนะ” เสียงเข้มๆ จากพลเอกประยุทธ์
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาติดเบรกการเคลื่อนไหวของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
       
        เคลื่อนไหวเดือนเศษ
      
       ทั้งนี้ตลอดเวลาเดือนเศษพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาแสดงความคิดเห็นและปรากฏตัวตามสถานการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่
      
       20 มีนาคม 2558 พลเอกชวลิต กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องคดีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวว่า ตนรู้สึกแย่กับการเมืองไทย และมีความเห็นใจและสงสารนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ต้องถูกข้อหาอาญาในโครงการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีความตั้งใจ และเป็นนโยบายสำคัญที่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นคนยากจนของประเทศได้
      
       31 มีนาคม 2558 บิ๊กจิ๋วเดินทางมาพบผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยพื้นที่อีสาน เนื่องในงานทอดผ้าป่าการศึกษาที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านป่าก่อ ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ
      
       ต้นเดือนเมษายน พลเอกชวลิตร่วมงานรำลึกวีรชนบ้านช่องช้าง ตำบลพรุพี อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
      
       10 เมษายน 2558 เกิดเหตุระเบิดที่ลานจอดรถเซ็นทรัล เกาะสมุย และเกิดเหตุไฟไม้ที่สหกรณ์โคออฟ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกับมีการเชื่อมโยงไปถึงพลเอกชวลิต
      
       “มีข่าวที่ออกมาในลักษณะพาดพิงถึงผมและกลุ่มการเมืองต่างๆ เข้าไปพัวพัน แต่ผมขอยืนยันได้ว่าไม่ทราบ และไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น” พลเอกชวลิตปฎิเสธไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด
      
       27 เมษายน 2558 อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 เป็นประธานในงานเลี้ยงสังสรรค์ครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งชมรมปิยะมิตรไทย และรำลึกครบรอบ 28 ปี การเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย ของอดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มาลายา ที่โรงแรม ลี การ์เด้นส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
      
       วันเดียวกัน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ มีมติให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Peace TV ที่กลุ่มคนเสื้อแดงและสมาชิกพรรคเพื่อไทยดำเนินรายการอยู่
      
       เดิมสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ถูกสั่งปิดชั่วคราวตั้งแต่ 00.01 นาฬิกา ของวันที่ 10 เมษายน 2558 ครบกำหนด 7 วัน ในวันที่ 16 เมษายน 2558 เวลา 24.00 น. ตามมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.)
      
       แม้ กสท.จะมีมติถอนใบอนุญาต Peace TV เมื่อ 27 เมษายน 2558 แต่ยังสามารถออกอากาศได้ต่อ โดยในวันที่ 29 เมษายน 2558 ทาง Peace TV จัดรายการพิเศษโดยเชิญแขกคนสำคัญมาร่วมรายการคือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
      
       จากนั้น 30 เมษายน 2558 Peace TV ได้เผยแพร่ข้อความบน facebook ว่า คำสั่งด่วน Peace TV จอดำตั้งแต่ 20.30 น. เป็นต้นไป พร้อมเดินเรื่องยื่นขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานต่างๆ
      
       4 พฤษภาคม 2558 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาพบกับชาวนาในพื้นที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีตัวแทนชาวนากว่า 100 คน เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดต้นทุนในการเพาะปลูก ขณะที่ชาวนาได้ยื่นหนังสือให้พลเอกชวลิต หาทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต้นทุนการเพาะปลูกสูงและราคาข้าวเปลือกตกต่ำ
      
       นี่คือความเคลื่อนไหวของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ตลอดช่วงเดือนเศษที่ผ่านมา ที่สร้างเรื่องราวและเส้นทางเดินในแต่ละห้วงเวลาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมิติที่คาบลูกคาบดอกต่อการขัดต่อคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่กลายเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวของพลเอกชวลิตมากยิ่งขึ้นในพรรคเพื่อไทย หากในภายภาคหน้าที่พ้นจากอำนาจของ คสช.ไปแล้ว จนกระทั่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาพูดปรามถึงความเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ลงไปพบชาวนาที่พระนครศรีอยุธยา
       
        ฝ่ายความมั่นคงประเมินตั้งใจ
      
       “ส่วนตัวมองว่าพลเอกชวลิต คงไม่มีอะไรทำ คงไม่ได้มุ่งไปที่การเคลื่อนไหวในทางการเมือง เพราะท่านก็อายุเยอะแล้ว อีกอย่างฐานอำนาจภายในพรรคเพื่อไทยก็มีน้อย ท่านน่าจะเหงามากกว่าเลยเดินทางไปพบเพื่อนตามที่ต่างๆ แต่การเดินสายอย่างนี้ย่อมทำให้ คสช.ไปสบายใจ” คนในพรรคเพื่อไทยประเมิน
      
       แตกต่างจากการประเมินของฝ่ายความมั่นคง ที่คลุกคลีกับพลเอกชวลิตมาก่อน ที่มองว่า “พี่จิ๋วเป็นคนที่คิดอะไรซับซ้อนกว่าที่หลายคนคิด หากจะมองว่าท่านอายุมากแล้วไม่มีอะไรทำ คงไม่ใช่ หากเป็นอย่างนั้นจริง ท่านอยู่เฉยๆ ดีกว่า”
      
       ตัวเลือกที่ท่านมีและใช้มาตลอดต่อการเดินหมาก จะไปที่ฐานอำนาจเก่าที่ท่านมีอยู่ อย่างกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยตามพื้นที่ต่างๆ แม้จะไม่มีพลังมากนัก เพราะหลายคนอายุมากแล้ว แต่ก็สามารถใช้เป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรมของท่านได้
      
       นับตั้งแต่การยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่านเงียบมาได้ตลอด แต่การเคลื่อนไหวในช่วงนี้ที่ต่อเนื่องและเสมือนกับมีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เห็นได้จากเป้าหมายหลังจากการพบปะกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแล้ว
      
       การเดินทางไปออกรายการที่สถานีโทรทัศน์ Peace TV ทั้งๆ ที่เคยถูกคำสั่งห้ามออกอากาศชั่วคราว และเพิ่งกลับมาออกอากาศได้ใหม่ แต่ยังทำผิดเงื่อนไขจนถูกถอนใบอนุญาตเมื่อ 27 เมษายน แต่บิ๋กจิ๋วกลับไปร่วมรายการในวันที่ 29 เมษายน หากจะบอกว่าไม่รู้คงเป็นไปไม่ได้
      
       ที่สำคัญท่านย่อมรู้ว่า Peace TV เป็นของกลุ่มใด เสี่ยงต่อการขัดคำสั่งของ คสช.หรือไม่ ในเรื่องการที่ต้องการให้เกิดความปรองดองและลดความขัดแย้ง การไปในครั้งนี้ในอีกด้านหนึ่งเท่ากับเป็นการรับรองและยืนอยู่ข้างเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย และเมื่อ Peace TV ยุติการออกอากาศอาจกลายเป็นข้ออ้างว่าเป็นเพราะท่านไปร่วมรายการดังกล่าว
      
       จากนั้นการเดินทางไปรับฟังปัญหาของชาวนาที่อำเภอบางไทร พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งรับข้อร้องเรียนจากชาวนานั้น ทำให้สถานะของการเดินทางไปในครั้งนี้ไม่แตกต่างกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือระดับรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปพบกับราษฎร
      
       หากปล่อยไว้อย่างนี้ท่านคงเดินหน้าทำกิจกรรมในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ จนพลเอกประยุทธ์ต้องออกมาเบรกสถานการณ์
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
พลเอกชวลิต เดินทางไปร่วมรายการที่สถานีโทรทัศน์ Peace TV
       
        เชื่อเจรจากันเรียบร้อย
      
       แหล่งข่าวด้านความมั่นคงประเมินต่อไปว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าท่านคงไม่ออกมาเคลื่อนไหวโดยไม่มีเป้าหมาย เพราะผิดวิสัยนายทหารระดับสูง การพูดคุยกันในทางการเมืองแม้จะไม่สามารถทำได้ในยุค คสช. แต่ในทางปฏิบัติแล้วคงไม่สามารถห้ามได้ในทางลับ
      
       “อย่าลืมว่าชื่อของพลเอกชวลิต อยู่ในใจของผู้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เพียงแต่จะเลือกหยิบมาใช้ในสถานการณ์ใด”
      
       ยิ่งปัจจุบันเป็นรัฐบาลทหาร การดึงเอานายทหารและอดีตผู้บังคับบัญชารุ่นพี่ อดีตนายกรัฐมนตรี มาเดินเกม ย่อมสร้างความลำบากใจให้กับคณะนายทหารรุ่นน้องไม่น้อย ท่านจึงเดินสายไปตามพื้นที่ต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาโดยไม่ถูกเชิญตัวจาก คสช.
      
       ถ้าเป็นคนอื่นเคลื่อนไหวอย่างนี้ คงถูกระงับหรือถูกหิ้วตัวไปแล้ว
      
       นี่คือการหาจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเดิมเกมในช่วงนี้ เพราะหากคณะนายทหารทำอะไรที่รุนแรงต่อพี่จิ๋ว ย่อมไม่ใช่ภาพที่ดีต่อ คสช. ที่อาจถูกมองได้ว่าไม่ให้เกียรติและไม่เคารพต่อนายทหารรุ่นพี่และเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา
      
       การที่ คสช.ออกมาปรามการเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นท่านพลเอกชวลิตจะเคลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายในการเดินทางไปรับข้อเรียกร้องจากชาวนาที่อยุธยานั้นถือว่าเป็นมิติทางการเมืองที่ชัดเจน เพราะพรรคเพื่อไทยมีนโยบายรับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน แล้วรัฐบาลปัจจุบันยุติโครงการดังกล่าว ทำให้ราคาขายข้าวในปัจจุบันเหลือเพียง 6,000-7,000 บาท
      
       โครงการดังกล่าวยังส่งผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องถูกถอดถอนและถูกดำเนินคดีอาญา และแม้จะยุติโครงการดังกล่าวไปแล้วจากผลของการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 แต่เครือข่ายของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงยังทำโครงการข้าวถุงลายจุด โดยมีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด รับทำโครงการนี้ต่อ โดยรับซื้อจากชาวนา 15,000 บาทแล้วนำมาแบ่งจำหน่าย 5 กิโลกรัม 200 บาท
“บิ๊กจิ๋ว” เดินสายป่วน มีเก้าอี้ใหญ่ “เพื่อไทย” เป็นเดิมพัน!
ข้าวลายจุด จากเฟสบุ๊คสมบัติ บุญงามอนงค์
       
        เลือก “บิ๊กจิ๋ว” ขัดตาทัพ
      
       คิดว่าคงมีข้อตกลงระหว่างกันไว้ในระดับหนึ่ง ระหว่างเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงกับพลเอกชวลิต และผลตอบแทนคงมากพอ อย่างเช่นการเปิดทางให้ท่านกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 แม้ท่านจะอายุมาก แต่เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหา
      
       อีกทั้งพรรคเพื่อไทยนับจากนี้ไปอยู่ในสถานะที่ลำบากไม่น้อย เพราะไม่มีตัวเล่นจากคนในตระกูลชินวัตรให้เลือกมากนัก หลังจากหมดนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีอย่างนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือน้องเขยอย่างสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมทั้งหลานๆ อาจติดขัดในเรื่องภาพลักษณ์ และทักษิณคงไม่ยอมที่จะเอาลูกชายหรือลูกสาวลงมาในสนามการเมืองในช่วงนี้แน่
      
       “เพราะหากเลือกคนในตระกูลชินวัตรเข้ามาเป็นจุดขายต่อ ก็จะถูกจับตาทั้งจากฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายกองทัพว่าต้องการสืบทอดอำนาจต่อ ดังนั้นการหาบุคคลอื่นมาคั่นกลางจึงเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุด”
      
       เมื่อเปรียบเทียบระหว่างพลเอกชวลิตกับคนในตระกูลชินวัตรเวลานี้ แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีหรือเป็นตัวเลือกที่ทักษิณอยากได้ แต่ยามนี้บิ๊กจิ๋วเหนือกว่ามาก อีกทั้งตำแหน่งและผลงานในอดีตของท่าน เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับสถานการณ์ในช่วงนี้ ไม่นับรวมความสัมพันธ์ที่มีกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยพรรคความหวังใหม่ และควบรวมมาเป็นพรรคไทยรักและไทยและเพื่อไทยในที่สุด
      
       ดังนั้นนี่คือหมากทางการเมืองที่เจ้าของพรรคเพื่อไทยเลือกตัวพลเอกชวลิต ไว้เป็นจุดขายของพรรค ท่ามกลางข้อจำกัดของพรรคเพื่อไทยที่คนในตระกูลชินวัตรเหลือน้อยลงทุกขณะ โดยเรื่องนี้ใช่ว่าคนใน คสช.จะไม่รู้ เห็นได้จากคำพูดของพลเอกประยุทธ์ที่กล่าวว่า “ท่าน(พลเอกชวลิต)ก็เคยเสนอว่าพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ไม่ใช่เหรอ” 

ไม่มีความคิดเห็น: