PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ป.ประยุทธ์ จันทร์โอขา ป. (......)ประชารัฐ

ป.ประยุทธ์ จันทร์โอขา
ป. (......)ประชารัฐ
ตอกย้ำ คำมั่นสัญญา !!
โลโก้ ของ บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในบท “นักการเมือง” .....
ป.สีธงชาติ สะท้อน Country First
ป.ไม่มียศ
ป.บนพื้นสีม่วง สีโปรด และสีทหารเสือราชินี สีถูกฉโลก
เมื่อประกาศตัวเป็นนักการเมือง ที่เคยเป็นทหาร และสนใจงานการเมือง ส่งสัญญาณ “ไม่พอ” ขอ “ไปต่อ” สู้ต่อ
นักการเมือง ทำอะไร บิ๊กตู่ ก็ต้อฃทำ
จากที่เคยบอกว่า ผมไม่เล่น เฟสบุ้ค ไม่มีเฟสบุ้ค ไม่มีทวิตเตอร์ IGยิ่งไม่เคยพูดถึง..... แต่สนามรบ การเมือง ทำให้ บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ....ยอมมีเพจ เฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ และ IG เป็นของตัวเอง .
ใช้แค่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” Prayut chan-o-cha“ ....เอายศออก เพื่อลดภาพ นายกฯทหาร แถม ระบุ บ้านเกืด นครราชสีมา (เกิดในค่ายสุรนารี) พร้อมลงประวัติ และภาพ ตั้งแต่ วัยเด็ก วัยเรียน จนเป็นทหารเสือราชินี ผบทบ. และเป็นนายกฯ
พร้อมแจง ....ความมุ่งมั่น ว่า ตลอดระยะเวลาการทำงาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์
โดยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 หลังจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชน 2 กลุ่มที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวจนเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม
และเพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคี ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงได้ประกาศเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองและบริหารประเทศ
2558 - ปัจจุบัน
และ คำมั่นสัญญา ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับหน้าที่ผู้นำประเทศเพื่อสร้างความปรองดอง ยุติความขัดแย้งแตกแยก ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และนำพาประเทศกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
โดยมุ่งมั่นอุทิศตนในการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ ซึ่งถือเป็นคำสัญญาสำคัญที่ท่านได้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ในระยะสั้น ได้เร่งเสริมสร้างความสามัคคีและแก้ไขปัญหาที่ทำให้การเดินหน้าทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก เช่น ปัญหาแรงงาน ปัญหาประมง ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร นอกจากนี้ยังเร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่างๆ ของประเทศ ปรับปรุงมาตรการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐให้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมถึงเตรียมการให้ประเทศกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยอย่างเหมาะสม ซึ่งมีความสำคัญต่อการวางรากฐานการพัฒนาประเทศต่อไป สำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในระยะยาว ได้ผลักดันการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศไทยไปสู่อนาคต และมีแนวปฏิบัติชัดเจน ในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ โดยมุ่งให้ประเทศมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ความเหลื่อมล้ำลดลงต่อเนื่อง ธุรกิจและประเทศมีศักยภาพในการแข่งขันสูง บุคลากรมีคุณภาพและเป็นคนดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และภาครัฐสามารถบริหารประเทศและบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศเติบโตไปได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
เพจเหล่านี้ ถูกมองว่า เพื่อเตรียมใช้หาเสียง เช่นเดียวกับ หัวหน้าพรรค และนักการเมือง พรรคต่างๆ ที่ ใช้ โซเชี่ยลฯ สังคมออนไลน์ กันแล้วทั้งนั้น แต่เบื้องต้น ระบุว่า ใช้รับฟังความเห็นประชาขน
แม้ทีมงานจะแจ้งว่า บิ๊กตู่ จะเขียนเองโพสต์เอง เพื่อให้น่าสนใจ ก็ตาม. แต่คงแค่บางโพสต์ แต่ส่วนใหญ่ยังคงมี ทีมงาน ดำเนินการ .. เปรียบเป็น ทีมนักรบไซเบอร์ ของ บิ๊กตู่ เลยเชียว

ความเหลื่อมล้ำทางการเมือง โดย : นิธิ เอียวศรีวงศ์

ความเหลื่อมล้ำทางการเมือง โดย : นิธิ เอียวศรีวงศ์



ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ของไทยที่ถูกพูดถึงมาเกิน 20 ปีแล้ว แต่มิติที่ขาดหายไปหรือไม่ได้รับความสำคัญคือมิติทางการเมืองของความเหลื่อมล้ำ เพราะอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันหรือไม่แม้แต่จะใกล้เคียงกันของคนกลุ่มต่างๆ คนกลุ่มไร้หรือด้อยอำนาจจึงถูกแย่งชิงทรัพย์สิน, โอกาส และการสนับสนุน ที่พึงมีพึงได้ จนไม่อาจพัฒนาตนเองให้พ้นจากความยากจนไปได้

ซ้ำสมรรถนะส่วนตัวที่อาจใช้ประโยชน์ได้ ก็มักถูกนโยบายรัฐขัดขวางกีดกันให้ใช้ได้อย่างจำกัด ดังนั้น ถึงจะขยันขันแข็งและเก่งกล้าสามารถสักปานใด โอกาสที่คนไร้หรือด้อยอำนาจจะยกฐานะของตนเองและครอบครัวให้ก้าวสูงขึ้น จึงเป็นไปได้ยากมาก

มิติทางการเมืองจึงเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ หรือทำให้ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นแล้วดำรงอยู่ต่อไป ในประวัติศาสตร์ของความมั่งคั่งพรั่งพร้อมด้วยวัตถุที่โลกสมัยใหม่ไขว่คว้ามาได้ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะบรรเทาลงได้ก็ต่อเมื่อความเหลื่อมล้ำทางการเมืองต้องบรรเทาลงก่อน หรือบรรเทาลงพร้อมกัน

คนไร้หรือด้อยอำนาจซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ต้องมีอำนาจต่อรองที่เท่าเทียม หรือใกล้เคียงกับคนส่วนน้อยที่อยู่ข้างบนเท่านั้น จึงสามารถบังคับให้รัฐ (ซึ่งมีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก) หันมาเปิดโอกาสที่เป็นไปได้ในความเป็นจริงแก่พวกเขา หรือป้องกันไม่ให้รัฐใช้อำนาจขัดขวางการพัฒนาของพวกเขา เพื่อประโยชน์ของนายทุนจำนวนน้อย

(เช่น ออกกฎหมายกีดกันมิให้รายเล็กผลิตสินค้าแข่งกับนายทุนรายใหญ่ได้)

น่าประหลาดที่ในเมืองไทย คณะรัฐประหารต่างๆ ซึ่งยึดอำนาจแล้วอ้างว่าจะลดความเหลื่อมล้ำ หรือปลดปล่อยประเทศจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กลับทำลายอำนาจต่อรองทางการเมืองของประชาชนส่วนใหญ่ลงเสีย และด้วยเหตุดังนั้นจึงไม่เคยมีคณะรัฐประหารชุดใดประสบความสำเร็จในการลดความเหลื่อมล้ำลงเลย แม้แต่คณะรัฐประหารที่ถือกันว่าประสบความสำเร็จที่สุด คือคณะของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แม้สามารถทำให้รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น แต่ความเหลื่อมล้ำก็ยังดำรงอยู่และอาจจะมากขึ้นด้วย เพราะคนจนซึ่งเคยมีรายได้จากธรรมชาติรอบตัว กลับถูกริบเอาไปให้คนรวยใช้ เหลือรายได้อยู่ทางเดียวคือค่าจ้าง (ซึ่งถึงแม้เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องหมดไปกับการ “ครองชีพ”)

ยิ่งกว่าความเดือดร้อนเฉพาะแก่คนไร้หรือด้อยอำนาจ ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองมักนำมาซึ่งความตึงเครียดในสังคมอย่างสูง กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางคนทุกกลุ่มให้ไม่อาจพัฒนาตนเองได้เต็มสมรรถภาพ แม้แต่นายทุนใหญ่ๆ ก็หลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในสังคมที่มีความเครียดสูงเกินไป สู้นำเงินไปลงทุนในประเทศอื่นที่ดูจะให้ผลกำไรมั่นคงกว่าไม่ได้ หรือหากเป็นพันธมิตรของคณะรัฐประหาร ก็ถือโอกาสเอารัดเอาเปรียบคนส่วนใหญ่ได้อย่างโจ่งแจ้งตรงไปตรงมามากขึ้น เช่น เอาทรัพย์ส่วนกลาง (เช่น ที่ดินราชพัสดุ) ไปใช้ฟรีหรือในราคาค่าเช่าที่น้อยนิดด้วยระยะเวลาหลายชั่วคน หรือใช้งบประมาณรัฐส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบป้อนโรงงานของตนจำนวนมากจนราคาตกเรี่ยดิน

ความเหลื่อมล้ำจึงกลับยิ่งสูงขึ้น และความตึงเครียดทางสังคมยิ่งมากขึ้น

ในประวัติศาสตร์ไทย ความตึงเครียดที่สูงเช่นนั้นเคยเกิดมาแล้วในช่วงปลายยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยเฉพาะในเขตเมือง นวนิยาย, การ์ตูน, บทความหนังสือพิมพ์, ฯลฯ ในยุคนั้น ทั้งโจมตี เยาะเย้ยถากถาง และหมิ่นแคลนคนชั้นสูงอย่างรุนแรง ชนิดที่สื่อในระยะหลังไม่อาจนำเสนอเช่นนั้นได้อีก
คนชั้นกลางระดับล่างสมาทานความคิดทางการเมืองและสังคมแบบใหม่จากการศึกษาที่ตนได้รับ มากเสียจนล้ำหน้าชนชั้นปกครองไปไกลแล้ว ทำให้ชนชั้นปกครองซึ่งเคยเป็นผู้นำความทันสมัยมาก่อน กลับกลายเป็นฝ่ายปฏิกิริยาล้าหลัง และถูกต่อต้านในสื่อต่างๆ อย่างออกหน้า (ดังที่
Scot Barme ได้ศึกษาไว้ใน Woman, Man, Bangkok)


และในที่สุดก็ต้องลงเอยที่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง

เรามักถูกสอนให้เข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 เกิดขึ้นจากกลุ่มนักเรียนนอกที่เรียกตนเองว่าคณะราษฎรเพียงกลุ่มเดียว แต่แท้จริงแล้ว สังคมไทยโดยเฉพาะในเขตเมืองเวลานั้นคุกรุ่นอยู่ด้วยความไม่พอใจระบอบปกครองเดิมอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว

ยิ่งกว่าความตึงเครียดทางสังคม การเมืองของความเหลื่อมล้ำที่ไม่เปิดให้มีการต่อรองที่เท่าเทียม มักเป็นการเมืองที่ค่อนข้างสกปรกและรุนแรง เพราะการต่อรองที่เท่าเทียมจะเป็นไปได้ก็ต้องมีกติกา เมื่อไม่มีการต่อรองที่เท่าเทียม ก็ไม่มีกติกาไปด้วย จึงมักอาศัยความรุนแรงหรือการข่มขู่ด้วยความรุนแรง เช่น ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ประท้วงด้วยการทำให้บางส่วนของเมืองหรือทั้งเมืองกลายเป็นอัมพาต ใช้อาวุธเข้าทำร้ายกัน ยึดและปิดสถานที่ราชการและที่สาธารณะ ขัดขวางการเลือกตั้งตามกฎหมาย ฯลฯ
การเมืองที่สกปรกและรุนแรงเช่นนี้มักจบไม่สวย แทนที่ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองจะถูกแก้ไข เพื่อทำให้การเมืองสะอาดขึ้นและไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงอีก กลับเกิดการยึดอำนาจและทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองกลายเป็นสถาบันถาวร ด้วยประกาศคำสั่งของคณะรัฐประหาร และรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐประหารจ้างวานบริวารให้ร่างขึ้น

ตราบเท่าที่ไม่ขจัดความเหลื่อมล้ำทางการเมืองให้บรรเทาลง โอกาสที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจก็เป็นไปไม่ได้ และการเมืองไทยก็จะยังวนเวียนอยู่กับความสกปรกและความรุนแรงต่อไป

ฉะนั้น หากจะมีการเลือกตั้งขึ้นเมื่อไร ประชาชนควรใช้สิทธิทางการเมืองซึ่งถูกบั่นรอนลงจนแทบไม่เหลือแล้วนี้ เพื่อเป้าหมายที่ยั่งยืนในการเมืองไทย นั่นคือทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองบรรเทาลงให้ได้

พรรคการเมืองบางพรรคประกาศว่า ไม่ว่าในระบอบใดก็ตาม ประชาชนย่อมเป็นใหญ่เสมอ แต่ภายใต้ระบอบ คสช. รัฐธรรมนูญที่ถูกร่างขึ้นนี้ ประชาชนไม่ได้เป็นใหญ่อีกต่อไป การประกาศว่าประชาชนเป็นใหญ่ในทุกระบอบก็คือการประกาศยอมรับรัฐธรรมนูญที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองกลายเป็นสถาบันถาวร

นโยบายอะไรก็ไม่มีความหมาย แม้แต่นโยบายรับจำนำข้าวในราคาสูง หากประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีอำนาจต่อรองได้จริง ภายใต้ระบอบที่ลิดรอนอำนาจต่อรองของประชาชนลงเท่ากับศูนย์เช่นนี้ สิทธิอันพึงมีพึงได้ของประชาชนกลายเป็นการสงเคราะห์หมด ไม่ว่าการมีสุขภาพที่ดี, การได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม, สวัสดิการและสวัสดิภาพของการทำงาน, และโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ฯลฯ

ขึ้นชื่อว่าสงเคราะห์ สินค้าและบริการที่กระจายออกไปย่อมไร้กฎเกณฑ์กติกาที่เป็นกลาง ขึ้นอยู่กับว่าผู้มีอำนาจจะกระจายไปทางไหนตามใจชอบของตนเอง และเมื่อเป็นเช่นนั้น การสงเคราะห์อย่างเป็นชิ้นเป็นอันจะตกถึงมือคนด้อยอำนาจย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่จะกระจายในหมู่ผู้ทรงอำนาจด้วยกันเองเท่านั้น เพียงแต่เมื่อตกถึงมือผู้ทรงอำนาจ ก็ไม่เรียกว่า “สงเคราะห์” อีกต่อไป แต่อาจเรียกไทยแลนด์ 4.0, ไทยเข้มแข็ง หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ

เพื่อให้นายทุนใหญ่ที่รวมตัวกับรัฐภายใต้ชื่อแปลกๆ เท่านั้น ที่จะได้ผลพวงของการสงเคราะห์จำแลงนี้

น.3คอลัมน์ : ปัจจัย ตัวแปร กำหนด เกม เลือกตั้ง กำหนด กระแส

น.3คอลัมน์ : ปัจจัย ตัวแปร กำหนด เกม เลือกตั้ง กำหนด กระแส



กฎ กติกา และโครงสร้างของการเลือกตั้ง อาจเป็นเครื่องมือ 1 ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญ ต่อการเลือกตั้งว่า จะดำเนินไปในทิศทางอย่างไร

แต่เรื่องนี้ก็สามารถ “แก้” ได้

ดังที่มีการแตกพรรคจาก 1 เพื่อไทย ไปเป็น 1 เพื่อธรรม และไปเป็น 1 เพื่อชาติ และยิ่งหากนับเอา 1 ประชาชาติเข้ามาอีก

ยิ่งเห็นถึง “กลยุทธ์” และความพยายาม

กระนั้น ที่สำคัญมากยิ่งกว่าน่าจะเป็นในเรื่องการสร้างกระแสเพื่อกำหนดให้ทิศทางของ “การเลือกตั้ง” ดำเนินไปอย่างไร

เหมือนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มาพร้อมกับ “ฝาเข่ง”

เหมือนที่ นายทักษิณ ชินวัตร มาพร้อมกับคำว่า “คิดใหม่ ทำใหม่” อันมีพื้นฐานมาจากการคิดนอกกรอบจากความเคยชินทางการเมืองเก่า

และกำชัยอย่างถล่มทลายเมื่อเดือนมกราคม 2544

ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ได้นำไปสู่ “แนวโน้ม” บางแนวโน้มในทางความคิดที่ทวีความแหลมคมมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

แนวโน้มนี้เหมือนกับจะเริ่มจาก นายพิชัย รัตตกุล

นั่นก็คือ ข้อเสนอด้วยความห่วงใยที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยและก่อรูปพันธมิตรในทางการเมืองเพื่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.

เท่ากับตีเข้าตรงจุด

เพราะว่าการดำรงอยู่ของ คสช.นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จนกระทั่งผ่านเดือนพฤษภาคม 2561 มาแล้วหลายเดือน

เด่นชัดว่าดำรงอยู่บนฐานความขัดแย้ง แตกแยก


เป็นความขัดแย้งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จุดขึ้นก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และ กปปส.ขยายผลให้ใหญ่โตมากยิ่งขึ้นก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

กลายเป็น “ภักษาหาร” อันโอชะของ “คสช.”

บทสรุปจาก นายพิชัย รัตตกุล ได้รับการขยายอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้นจาก ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักกฎหมายผู้มากด้วยความจัดเจนในทางการเมือง

นั่นก็คือ การก่อรูปของ 2 ความคิด

ความคิด 1 คือ ความคิดที่จะนำไปสู่การสืบทอดอำนาจของ คสช.บนรากฐานแห่งความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกัน

เท่ากับเป็นการรักษา “อำนาจ” ของ คสช.ให้ยาวนานออกไป

ขณะเดียวกัน ความคิด 1 คือ การนำเสนอให้เห็นว่า ความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในสังคมขณะนี้มิได้เป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนต่อประชาชน

หากเป็นความขัดแย้งระหว่าง “คสช.” กับ “ประชาชน”

หากเป็นความขัดแย้งระหว่างอำนาจของ คสช.ที่ได้มาจากการรัฐประหาร แล้ววางกฎกติกาผ่านรัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจต่อไปบนความสูญเสียสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

หากประชาชนไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็ยากที่จะเอาชนะได้

คําถามอยู่ที่ว่าพรรคและกลุ่มการเมืองใดจะนำเสนอความขัดแย้งที่เป็นจริงให้อยู่ในความเชื่อและความคิดของประชาชนได้

เป็น “คสช.” หรือว่าเป็นคู่ต่อกรกับ คสช.

คำถามอยู่ที่ว่าใครจะเป็นฝ่ายก่อกระแสระหว่างฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจ

“กระแส” ตรงนี้แหละจะเป็นปัจจัยกำหนด “เกม”

ศึกเก่า “สงครามใหม่” เลือกตั้ง “วัดใจ” ประชาชน : เดิมพัน “ทักษิณ” เดิมพันประเทศ

สัญญาณ “สงคราม” รอบใหม่
ในมุมของนักวิเคราะห์การเมืองรู้สึกได้ทันทีที่ได้เห็นฉากแห่มากันทั้งครอบครัว
โดยเฉพาะกับปรากฏการณ์ที่ “หญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่นำทีมลูกๆมาด้วยตัวเอง ทั้ง “เอม” พิณทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว รวมไปถึงลูกเขย “เสี่ยพงศ์” นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์
ขนกันมาหมดทั้งบ้าน เกือบหมดครอบครัว
เพื่อส่งกำลังใจช่วย “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของคุณหญิงพจมานกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ารับฟังคำสั่งคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่สำนักงานอัยการสูงสุด
ไม่นับทีมพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง นปช.ที่แห่มาชุดใหญ่
ไล่ตั้งแต่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรค “เสี่ยเต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. ฯลฯ ตั้งแถวรอให้กำลังใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “ทักษิณ”
ข่าววงในยืนยันรหัสสัญญาณตรงกัน “บ้านใหญ่สั่งมา”
นั่นสะท้อนเลยว่า มันคือ “วาระสำคัญ” โดยแท้จริง
และยิ่งเมื่อผลออกมา สรุปอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ในฐานะผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท
เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 มาตรา 5, 9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ปี 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4
ส่วนกรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ โดยจะส่งสำนวนพร้อมความเห็นดังกล่าวกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายพานทองแท้ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยทีมทนายความของลูกชายอดีตนายกฯทักษิณ ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราว และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว
นายพานทองแท้ โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
โดยศาลนัดสอบคำให้การนายพานทองแท้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน
คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล ผิดถูกว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม
แต่แน่นอน โดยพฤติกรรมที่สะท้อนออกมาตั้งแต่ก่อนรู้ผลอัยการสั่งคดี นายพานทองแท้ได้โพสต์โซเชียลมีเดีย เป็นเชิงดักคอ ดักทาง อ้างถึงเสียงคำรามครั้งสุดท้ายของ “ลุงฉุน”
เอาคดีปักมันไว้ มันจะได้ไม่อยู่ให้รำคาญใจ ช่วงเลือกตั้ง
ฝันไปเถอะครับลุง นอกจากเราจะไม่เผ่นกันแล้ว
ผมยังจะชวนทุกคนในบ้านมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วยกัน เมื่อก่อนมีพ่อเป็นคนเดียว คราวนี้ผมจะชวนมากันให้หมด
อารมณ์เดียวกันเลยกับ “อุ๊งอิ๊ง” ที่โพสต์โซเชียลฯหลังรู้ผลคำสั่งอัยการสั่งฟ้องพี่ชาย
ถากถางกันเป็นนัย “ลูกทักษิณ” ไม่เคยได้รับอะไรเหมือนคนอื่นเค้าหรอก “ลูกทักษิณ” ได้รับอะไรแรงกว่าคนอื่นเสมอ แต่รู้มั้ย เลือดเนื้อของ “ทักษิณ” ก็วิ่งอยู่ในตัวเราทั้ง 3 คนนั่นแหละ
จะเข้มแข็งให้สมกับเป็น “ลูกทักษิณ” ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจที่ส่งให้พี่โอ๊ค และครอบครัวเรานะคะ ส่งใจให้เราเยอะๆนะ ขอเลยวันนี้
เข้มแข็งให้ได้เหมือนพ่อกับแม่ 10 ล้านเยอะฝุดๆๆ
“โอ๊ค-อุ๊งอิ๊ง” ลูกๆแสดงอารมณ์ต่อต้านกระบวนการทางคดีทุจริตกู้กรุงไทย
นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงอาการผู้เป็นพ่อ “นายใหญ่” คงดุเดือดพล่านมากกว่าหลายเท่านัก
ตั้งแต่พ่อไปยันลูก บ้าน “ทักษิณ” เชื่อโดยสนิทใจ ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ ครอบครัวถูกรังแกทางการเมือง
ไม่ใช่เรื่องกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด
และมันก็เป็นอะไรที่ผูกโยงกันตามเงื่อนไขสถานการณ์ เมื่อลูกชายหัวโปรดโดนต้อนเข้ามุมในทางคดี
การต่อสู้ทางการเมืองของ “นายใหญ่” ก็ยกระดับความเข้มข้นขึ้นทันทีทันใด
ตามจังหวะที่อดีตนายกฯทักษิณและอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว บินโฉบมาปักหลักที่ฮ่องกงและต่อเนื่องประเทศญี่ปุ่น และต่อที่เมืองจีน ป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
เปิดคิวให้ลูกแถวจากเมืองไทยบินตรงไปรับแผนวางยุทธศาสตร์การเมือง
ภายใต้รูปแบบสงครามรอบใหม่ “นายใหญ่” กดปุ่มยุทธศาสตร์แยกกันเดินรวมกันตี การแตกทัพ “นอมินี” พรรคเพื่อไทย ทั้งพรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ ฯลฯ
ไฟเขียวผุดค่ายเล็กค่ายน้อย สารพัดเครือข่ายพะยี่ห้อ “ทักษิณ”
ทั้งตีกินกระแส ทั้งแก้ปัญหาภายใน เคลียร์ปมขบเกลียวของบรรดาแกนนำระดับเจ๊ระดับเฮียที่ไม่ลงรอยกัน ไหนจะฐานการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ทับซ้อนกับฐานมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง นปช.
อีกมุมก็เป็นการตั้งค่ายสำรองเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน การยุบพรรคเพื่อไทยจากกรณีที่แกนนำพรรคเคลื่อนไหวผิดกฎหมายความมั่นคง พร้อมๆไปกับการรองรับผู้สมัครที่ล้นที่นั่งพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงการเก็บตกคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่พรรคเพื่อไทยเสียโควตา
อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้เลย ลูกหาบกับกองเชียร์เองยังงงๆ
ทักษิณเดินหมากแก้เกมอุตลุด ไม่รู้ค่ายไหนทัพหลวง ค่ายไหนทัพหลอก
ไหนจะผนึกกับแนวร่วมพันธมิตรข้ามค่าย ทั้งพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้การนำของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคประชาชาติ โดยการนำของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา พรรคเสรีรวมไทย ที่นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.
แนวรบ “ทวงอำนาจ” เรียงหน้ากระดาน
บุกทุกทิศ รุกทุกทาง รบทุกรูปแบบ
ตามเหลี่ยมเกมถนัดของยี่ห้อ “ทักษิณ” อยู่ที่การเลือกตั้ง
ไฟต์บังคับ “นายใหญ่” ต้องพลิกขั้วกลับมาเป็นฝ่ายถืออำนาจทางการเมืองให้ได้ ในสถานการณ์ที่ชะตากรรมของนายพานทองแท้ ลูกชายคนโต แขวนอยู่บนเส้นด้าย
“กล่องดวงใจ–ไข่งูจงอาง” ถูกทุบ
เหนืออื่นใด ตามสภาพพลังถดถอย ถ้ารอบนี้พลิกเกมอำนาจไม่ได้ “ทักษิณ” ฟุบยาวแน่
แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมของฝ่ายคุมความมั่นคง “ความเสี่ยงสูงสุด” จุดล่อแหลมมันได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่นาทีที่ “น้องปู” ใช้วิชา “ล่องหน” หนีฟังคำตัดสินศาล
ในคดีทุจริตรับจำนำข้าว ปล่อยให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ต้องเผชิญชะตากรรม ติดคุกยาวคนละ 30-40 ปี
จุดที่อารมณ์สงสาร คะแนนเห็นใจคนตระกูลชินถูกรังแก ลดน้อยถอยลงไป
มีแต่อาการค้างคาใจของพวก “สู้ตาย” เพื่อนายใหญ่ เข้ามาแทนที่
ยิ่งเทียบเครดิต “อาปู” กับ “หลานโอ๊ค” มันคนละเงื่อนไขกันเลย
ประกอบกับมวลชนเสื้อแดงที่เป็นกำแพงแน่นๆให้ “ทักษิณ” พิง ถึงตรงนี้ก็ไม่แข็งแรงอีกต่อไป ประเมินได้จาก “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ หัวขบวน นปช.ต้องเคลื่อนไหวตั้งพรรคเพื่อชาติ
ต้องเปลี่ยนแผน ดิ้นหาที่ยืนทางการเมืองกันเหนื่อย
นั่นก็เพราะตลอดเวลา 4–5 ปี ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. คุมเกมบริหารอำนาจ ได้ทำการตัดกำลังระบอบ “ทักษิณ” อุดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งทีมปฏิรูปประเทศ
จนมั่นใจว่า ไม่เสียของซ้ำซากจากการปฏิวัติ 2-3 รอบ
แต่ทั้งหมดทั้งปวง คำตอบสุดท้ายมันอยู่ที่ประชาชนคนไทยเจ้าของสิทธิ์ คิดอย่างไรกับการเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้น ที่ยังหนีไม่พ้นศึกเก่า สงครามใหม่ เงื่อนไขความขัดแย้งเดิมๆ
เดิมพันฝั่ง “ทักษิณ” คือ ความเป็นอยู่เป็นไปของตระกูลชิน
กับเงื่อนไขฝั่ง “ประยุทธ์” ที่ต้องคุมเกมอำนาจเปลี่ยนผ่าน ไม่ให้เสียของ
เหนืออื่นใดนั่นคือเดิมพันประเทศไทย หลังเลือกตั้งจะเดินหน้าไปสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์ หรือถอยหลังถูกลากกลับไปลงเหวเผชิญวิกฤติฝันร้ายซ้ำ
ภาพม็อบเผาบ้านเผาเมือง ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ปิดถนน ยึดสถานที่ราชการ ระเบิดตูมตาม ยิงกันรายวัน ถ้าถึงจุดนั้น อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้กับฉากคนไทยแบ่งข้างฆ่ากัน
รัฐล่มสลาย เศรษฐกิจดิ่งเหว สถานการณ์เลวร้าย รุนแรงกว่าเก่าอีกหลายเท่า อย่างประเมินไม่ได้
หมายเหตุ รอบนี้คงไม่มีคน “เอาอยู่” อีกแล้ว.
“ทีมการเมือง”

“ลุงตู่” ทิ้งไปไกลแล้ว

ต้องถอนคันเร่งกันทันที
หลังเสียงโห่มากันตรึม กระหน่ำ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ให้เจ้าของสุนัขและแมวนำสัตว์เลี้ยงไปขึ้นทะเบียน โดยเสียค่าลงทะเบียน 450 บาท หากไม่ดำเนินการตามกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุด 25,000 บาท
ย่อมเป็นอะไรที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. อ่านเกมออก ต้องรีบปรับอารมณ์กระแสสังคมให้เย็นลง
สั่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปทบทวน ร่าง พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ที่ ครม. เพิ่งให้ความเห็นชอบไปหมาดๆ
เร่งถอนฟืนออกจากกองไฟ เบรกการปั่นกระแสโจมตีในโลกโซเชียลจุดบอดของท็อปบูต ไม่ให้ถูกขยายผลออกไป
ป้องกันนักการเมืองค่ายต่างๆที่ผสมโรงต่อต้านการขึ้นทะเบียนหมา-แมว ร่วมแห่กระแสปลุกอารมณ์ชาวบ้าน ฉวยจังหวะหาเสียงให้ตัวเองอย่างเนียนๆ
เมื่อสังคมยังไม่พร้อม ก็อาจต้องพับเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน ตามที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แบไต๋ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจพิจารณาเสร็จไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้
ส่อดองยาว โยนให้รัฐบาลชุดต่อไปเป็นผู้ชี้ขาด
“ลุงตู่” ไม่กล้าล้อเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกคนในสังคม ถนอมเนื้อถนอมตัวเต็มที่ในช่วงที่กำลังจะอัปเกรดเป็นนักการเมืองอาชีพเต็มตัวในเร็ววันนี้
ไม่ปล่อยให้เรื่องหมาๆแมวๆมาทำลายต้นทุนที่สะสมมา
โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังรุกคืบนโยบายดูแลผู้มีรายได้น้อย ตามที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน วางแผนรองรับแนวโน้มราคาน้ำมันที่จะขยับสูงขึ้นในปลายปีนี้ อันเป็นผลมาจากแรงกดดันของสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่าน และการเก็งกำไรตลาดล่วงหน้าของเฮดจ์ฟันด์
เตรียมแผนด้านความมั่นคงทางพลังงานรับมือกันล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ

อย่างที่เห็นตามข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ จ่อลดกระหน่ำราคาแก๊สโซฮอล์ 95 ลงลิตรละ 3 บาท จากราคาปกติทั่วไป
นำร่องช่วยเหลือกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นกลุ่มแรก ก่อนขยายผลไปยังกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ใช้รถจักรยานยนต์ ให้คนมีรายได้น้อยได้สิทธิอย่างทั่วถึง
โดยผู้อยู่ในข่ายได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ต้องเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก
เริ่มเดินเครื่องใช้ในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ตั้งเป้ามีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างและมอเตอร์ไซค์บ้านทั่วไปจะได้สิทธิประโยชน์ในเที่ยวนี้รวม 3 แสนคน
“ลุงตู่” และ “สมคิด” ติดเครื่องโหมโครงการประชารัฐลอตใหม่ ให้เห็นผลกันทันที เป็นรูปธรรมที่สัมผัสได้ ไม่ต้องตั้งความหวังคอยนโยบายหาเสียงจากพรรคการเมืองต่างๆ
เน้นเจาะกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเตรียมขยายผลไปกลุ่มแท็กซี่มิเตอร์ในโอกาสต่อไป
โหมตีตลาดล่างที่เป็นฐานเสียงคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยโดยตรง
“ลุงตู่” ได้จังหวะเก็บแต้มฉีกตัวทิ้งห่าง ผิดกับคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคเพื่อไทยถูกจับจ้องเอาผิดกรณีนายใหญ่ก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารพรรค สุ่มเสี่ยงเจอยุบพรรครอบ 3
ต้องแตกไลน์เป็นพรรคนอมินี “เพื่อไทย-เพื่อธรรม-เพื่อชาติ” ชุลมุนกันยกใหญ่
มิหนำซ้ำยังมีคดีฟอกเงินของ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายใหญ่เป็นตัวประกันอีกทาง ไม่สามารถเคลื่อนไหวขยับตัวอะไรได้ถนัด

เช่นเดียวกับค่ายแนวร่วมของนายใหญ่ พรรคอนาคตใหม่ ก็ถูกปักชนักจ้องตรวจสอบเรื่องการขอรับเงินบริจาคจากประชาชนต้องลุ้นจะโดนสอยร่วงกลางทางหรือไม่ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังฝุ่นตลบ อยู่ระหว่างช่วงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค เปิดหน้าแบ่งฝ่ายกันชัดเจน
แต่ละค่ายมีปัญหาภายในให้ต้องพะวง กระดิกตัวกันค่อนข้างลำบาก
เป่าปากเหนื่อยหนัก แม้ถึงเวลาปลดล็อกเต็มตัวก็ไล่ไม่ทัน เพราะ “ลุงตู่” เร่งเครื่องทิ้งห่างไปไกลแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง

ประยุทธจัดเต็มสื่อโซเชียล

“ประยุทธ์”ลุยโซเชียล เปิดเฟส-ทวิต-ไอจี-เว็บส่วนตัว โชว์ประวัติ-วิสัยทัศน์
(มติชนออนไลน์ วันที่ 14 ตุลาคม 2561 - 21:27 น.)
https://www.matichon.co.th/politics/news_1178894

วันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เปิดเพจเฟสบุ๊กอย่างเป็นทางการ ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ไอจี “Prayut Chan-o-cha”  และทวิตเตอร์ “Prayut Chan-o-cha” พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ส่วนตัว ว่า www.prayutchan-o-cha.com โดยพล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ ชี้แจง เหตุผลการเปิดเพจ ระบุว่า

“สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน จากการที่พวกเราส่วนใหญ่ นิยมสื่อสารกันผ่าน Facebook อยู่เป็นประจำ ผมจึงถือโอกาสเปิด Facebook ส่วนตัวของผม เพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารแนวนโยบาย การทำงานของผมและรัฐบาล รวมถึงเล่าสู่กันฟังถึงข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ และเป็นช่องทางที่ผมและพี่น้องประชาชนจะเข้าถึงกันได้ดียิ่งขึ้น หากท่านมีข้อเสนอแนะ ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือต้องการให้ผมลงไปดูแลแก้ปัญหา ก็สามารถเขียนเข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ เพื่อที่ผมและทีมงานจะได้มีข้อมูลและดูแลช่วยเหลือได้โดยตรงครับ”



เปิดหน้าเตรียมเลือกตั้ง

ป.ประยุทธ์ จันทร์โอขา
ป. (......)ประชารัฐ
ตอกย้ำ คำมั่นสัญญา !!

โลโก้ ของ บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในบท “นักการเมือง” ..... 

ป.สีธงชาติ สะท้อน Country First
ป.ไม่มียศ 
ป.บนพื้นสีม่วง สีโปรด และสีทหารเสือราชินี  สีถูกฉโลก

เมื่อประกาศตัวเป็นนักการเมือง ที่เคยเป็นทหาร และสนใจงานการเมือง ส่งสัญญาณ “ไม่พอ” ขอ “ไปต่อ” สู้ต่อ 

นักการเมือง ทำอะไร บิ๊กตู่ ก็ต้อฃทำ

จากที่เคยบอกว่า ผมไม่เล่น เฟสบุ้ค  ไม่มีเฟสบุ้ค ไม่มีทวิตเตอร์ IGยิ่งไม่เคยพูดถึง..... แต่สนามรบ การเมือง ทำให้ บิ๊กตู่”  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ....ยอมมีเพจ เฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ และ IG เป็นของตัวเอง .

ใช้แค่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” Prayut chan-o-cha“  ....เอายศออก เพื่อลดภาพ นายกฯทหาร  แถม ระบุ บ้านเกืด นครราชสีมา (เกิดในค่ายสุรนารี)  พร้อมลงประวัติ และภาพ ตั้งแต่ วัยเด็ก วัยเรียน จนเป็นทหารเสือราชินี ผบทบ. และเป็นนายกฯ

พร้อมแจง ....ความมุ่งมั่น ว่า  ตลอดระยะเวลาการทำงาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์ 

โดยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 หลังจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชน 2 กลุ่มที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง 

อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวจนเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม 

และเพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคี ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงได้ประกาศเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองและบริหารประเทศ
2558 - ปัจจุบัน

และ คำมั่นสัญญา ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับหน้าที่ผู้นำประเทศเพื่อสร้างความปรองดอง ยุติความขัดแย้งแตกแยก ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และนำพาประเทศกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง 

โดยมุ่งมั่นอุทิศตนในการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ ซึ่งถือเป็นคำสัญญาสำคัญที่ท่านได้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ในระยะสั้น ได้เร่งเสริมสร้างความสามัคคีและแก้ไขปัญหาที่ทำให้การเดินหน้าทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก เช่น ปัญหาแรงงาน ปัญหาประมง ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร นอกจากนี้ยังเร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่างๆ ของประเทศ ปรับปรุงมาตรการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐให้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

รวมถึงเตรียมการให้ประเทศกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยอย่างเหมาะสม ซึ่งมีความสำคัญต่อการวางรากฐานการพัฒนาประเทศต่อไป สำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในระยะยาว ได้ผลักดันการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศไทยไปสู่อนาคต และมีแนวปฏิบัติชัดเจน ในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ โดยมุ่งให้ประเทศมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ความเหลื่อมล้ำลดลงต่อเนื่อง ธุรกิจและประเทศมีศักยภาพในการแข่งขันสูง บุคลากรมีคุณภาพและเป็นคนดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และภาครัฐสามารถบริหารประเทศและบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศเติบโตไปได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

เพจเหล่านี้ ถูกมองว่า เพื่อเตรียมใช้หาเสียง  เช่นเดียวกับ หัวหน้าพรรค และนักการเมือง พรรคต่างๆ ที่ ใช้ โซเชี่ยลฯ สังคมออนไลน์ กันแล้วทั้งนั้น แต่เบื้องต้น ระบุว่า ใช้รับฟังความเห็นประชาขน

แม้ทีมงานจะแจ้งว่า  บิ๊กตู่ จะเขียนเองโพสต์เอง  เพื่อให้น่าสนใจ ก็ตาม. แต่คงแค่บางโพสต์ แต่ส่วนใหญ่ยังคงมี ทีมงาน ดำเนินการ .. เปรียบเป็น ทีมนักรบไซเบอร์ ของ บิ๊กตู่ เลยเชียว





ลุงตู่เปิดเพจเล่นเอง

พร้อมหาเสียง !!

ยอมมีเพจ เฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ และ IG เป็นของตัวเอง แล้ว...”บิ๊กตู่”  แต่ ใช้แค่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” Prayut chan-o-cha“  ....เพื่อเตรียมใช้หาเสียง ..... เพราะหัวหน้าพรรค และนักการเมือง ใช้ โซเชี่ยลฯ สังคมออนไลน์ กันแล้วทั้งนั้น. บิ๊กตู่ ก็ต้อง เป็น นายกฯ4.0 หน่อย.... เปิดไว้ เขียนเองบ้าง แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็น ทีมงานเขียน...555

เปิดตั้งแต่ 13 กย.2561 ....ลงทะเบียน บ้านเกืด นครราชสีมา กะเอาใจคนอิสาน เลย...
ใช้เวลาเดือนหนึ่ง เพิ่งมาโพสต์วันนี้ .....คอมเม้นท์ หลากหลาย

เลือกตั้ง นี้ สนุกแน่!!
——-

“สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน

จากการที่พวกเราส่วนใหญ่ นิยมสื่อสารกันผ่าน Facebook อยู่เป็นประจำ 

ผมจึงถือโอกาสเปิด Facebook ส่วนตัวของผม เพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารแนวนโยบาย การทำงานของผมและรัฐบาล รวมถึงเล่าสู่กันฟังถึงข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ และเป็นช่องทางที่ผมและพี่น้องประชาชนจะเข้าถึงกันได้ดียิ่งขึ้น 

หากท่านมีข้อเสนอแนะ ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือต้องการให้ผมลงไปดูแลแก้ปัญหา ก็สามารถเขียนเข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ เพื่อที่ผมและทีมงานจะได้มีข้อมูลและดูแลช่วยเหลือได้โดยตรงครับ”