PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ศึกเก่า “สงครามใหม่” เลือกตั้ง “วัดใจ” ประชาชน : เดิมพัน “ทักษิณ” เดิมพันประเทศ

สัญญาณ “สงคราม” รอบใหม่
ในมุมของนักวิเคราะห์การเมืองรู้สึกได้ทันทีที่ได้เห็นฉากแห่มากันทั้งครอบครัว
โดยเฉพาะกับปรากฏการณ์ที่ “หญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่นำทีมลูกๆมาด้วยตัวเอง ทั้ง “เอม” พิณทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว รวมไปถึงลูกเขย “เสี่ยพงศ์” นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์
ขนกันมาหมดทั้งบ้าน เกือบหมดครอบครัว
เพื่อส่งกำลังใจช่วย “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของคุณหญิงพจมานกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ารับฟังคำสั่งคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่สำนักงานอัยการสูงสุด
ไม่นับทีมพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง นปช.ที่แห่มาชุดใหญ่
ไล่ตั้งแต่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรค “เสี่ยเต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. ฯลฯ ตั้งแถวรอให้กำลังใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “ทักษิณ”
ข่าววงในยืนยันรหัสสัญญาณตรงกัน “บ้านใหญ่สั่งมา”
นั่นสะท้อนเลยว่า มันคือ “วาระสำคัญ” โดยแท้จริง
และยิ่งเมื่อผลออกมา สรุปอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ในฐานะผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท
เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 มาตรา 5, 9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ปี 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4
ส่วนกรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ โดยจะส่งสำนวนพร้อมความเห็นดังกล่าวกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายพานทองแท้ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยทีมทนายความของลูกชายอดีตนายกฯทักษิณ ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราว และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว
นายพานทองแท้ โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
โดยศาลนัดสอบคำให้การนายพานทองแท้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน
คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล ผิดถูกว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม
แต่แน่นอน โดยพฤติกรรมที่สะท้อนออกมาตั้งแต่ก่อนรู้ผลอัยการสั่งคดี นายพานทองแท้ได้โพสต์โซเชียลมีเดีย เป็นเชิงดักคอ ดักทาง อ้างถึงเสียงคำรามครั้งสุดท้ายของ “ลุงฉุน”
เอาคดีปักมันไว้ มันจะได้ไม่อยู่ให้รำคาญใจ ช่วงเลือกตั้ง
ฝันไปเถอะครับลุง นอกจากเราจะไม่เผ่นกันแล้ว
ผมยังจะชวนทุกคนในบ้านมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วยกัน เมื่อก่อนมีพ่อเป็นคนเดียว คราวนี้ผมจะชวนมากันให้หมด
อารมณ์เดียวกันเลยกับ “อุ๊งอิ๊ง” ที่โพสต์โซเชียลฯหลังรู้ผลคำสั่งอัยการสั่งฟ้องพี่ชาย
ถากถางกันเป็นนัย “ลูกทักษิณ” ไม่เคยได้รับอะไรเหมือนคนอื่นเค้าหรอก “ลูกทักษิณ” ได้รับอะไรแรงกว่าคนอื่นเสมอ แต่รู้มั้ย เลือดเนื้อของ “ทักษิณ” ก็วิ่งอยู่ในตัวเราทั้ง 3 คนนั่นแหละ
จะเข้มแข็งให้สมกับเป็น “ลูกทักษิณ” ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจที่ส่งให้พี่โอ๊ค และครอบครัวเรานะคะ ส่งใจให้เราเยอะๆนะ ขอเลยวันนี้
เข้มแข็งให้ได้เหมือนพ่อกับแม่ 10 ล้านเยอะฝุดๆๆ
“โอ๊ค-อุ๊งอิ๊ง” ลูกๆแสดงอารมณ์ต่อต้านกระบวนการทางคดีทุจริตกู้กรุงไทย
นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงอาการผู้เป็นพ่อ “นายใหญ่” คงดุเดือดพล่านมากกว่าหลายเท่านัก
ตั้งแต่พ่อไปยันลูก บ้าน “ทักษิณ” เชื่อโดยสนิทใจ ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ ครอบครัวถูกรังแกทางการเมือง
ไม่ใช่เรื่องกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด
และมันก็เป็นอะไรที่ผูกโยงกันตามเงื่อนไขสถานการณ์ เมื่อลูกชายหัวโปรดโดนต้อนเข้ามุมในทางคดี
การต่อสู้ทางการเมืองของ “นายใหญ่” ก็ยกระดับความเข้มข้นขึ้นทันทีทันใด
ตามจังหวะที่อดีตนายกฯทักษิณและอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว บินโฉบมาปักหลักที่ฮ่องกงและต่อเนื่องประเทศญี่ปุ่น และต่อที่เมืองจีน ป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
เปิดคิวให้ลูกแถวจากเมืองไทยบินตรงไปรับแผนวางยุทธศาสตร์การเมือง
ภายใต้รูปแบบสงครามรอบใหม่ “นายใหญ่” กดปุ่มยุทธศาสตร์แยกกันเดินรวมกันตี การแตกทัพ “นอมินี” พรรคเพื่อไทย ทั้งพรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ ฯลฯ
ไฟเขียวผุดค่ายเล็กค่ายน้อย สารพัดเครือข่ายพะยี่ห้อ “ทักษิณ”
ทั้งตีกินกระแส ทั้งแก้ปัญหาภายใน เคลียร์ปมขบเกลียวของบรรดาแกนนำระดับเจ๊ระดับเฮียที่ไม่ลงรอยกัน ไหนจะฐานการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ทับซ้อนกับฐานมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง นปช.
อีกมุมก็เป็นการตั้งค่ายสำรองเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน การยุบพรรคเพื่อไทยจากกรณีที่แกนนำพรรคเคลื่อนไหวผิดกฎหมายความมั่นคง พร้อมๆไปกับการรองรับผู้สมัครที่ล้นที่นั่งพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงการเก็บตกคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่พรรคเพื่อไทยเสียโควตา
อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้เลย ลูกหาบกับกองเชียร์เองยังงงๆ
ทักษิณเดินหมากแก้เกมอุตลุด ไม่รู้ค่ายไหนทัพหลวง ค่ายไหนทัพหลอก
ไหนจะผนึกกับแนวร่วมพันธมิตรข้ามค่าย ทั้งพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้การนำของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคประชาชาติ โดยการนำของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา พรรคเสรีรวมไทย ที่นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.
แนวรบ “ทวงอำนาจ” เรียงหน้ากระดาน
บุกทุกทิศ รุกทุกทาง รบทุกรูปแบบ
ตามเหลี่ยมเกมถนัดของยี่ห้อ “ทักษิณ” อยู่ที่การเลือกตั้ง
ไฟต์บังคับ “นายใหญ่” ต้องพลิกขั้วกลับมาเป็นฝ่ายถืออำนาจทางการเมืองให้ได้ ในสถานการณ์ที่ชะตากรรมของนายพานทองแท้ ลูกชายคนโต แขวนอยู่บนเส้นด้าย
“กล่องดวงใจ–ไข่งูจงอาง” ถูกทุบ
เหนืออื่นใด ตามสภาพพลังถดถอย ถ้ารอบนี้พลิกเกมอำนาจไม่ได้ “ทักษิณ” ฟุบยาวแน่
แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมของฝ่ายคุมความมั่นคง “ความเสี่ยงสูงสุด” จุดล่อแหลมมันได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่นาทีที่ “น้องปู” ใช้วิชา “ล่องหน” หนีฟังคำตัดสินศาล
ในคดีทุจริตรับจำนำข้าว ปล่อยให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ต้องเผชิญชะตากรรม ติดคุกยาวคนละ 30-40 ปี
จุดที่อารมณ์สงสาร คะแนนเห็นใจคนตระกูลชินถูกรังแก ลดน้อยถอยลงไป
มีแต่อาการค้างคาใจของพวก “สู้ตาย” เพื่อนายใหญ่ เข้ามาแทนที่
ยิ่งเทียบเครดิต “อาปู” กับ “หลานโอ๊ค” มันคนละเงื่อนไขกันเลย
ประกอบกับมวลชนเสื้อแดงที่เป็นกำแพงแน่นๆให้ “ทักษิณ” พิง ถึงตรงนี้ก็ไม่แข็งแรงอีกต่อไป ประเมินได้จาก “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ หัวขบวน นปช.ต้องเคลื่อนไหวตั้งพรรคเพื่อชาติ
ต้องเปลี่ยนแผน ดิ้นหาที่ยืนทางการเมืองกันเหนื่อย
นั่นก็เพราะตลอดเวลา 4–5 ปี ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. คุมเกมบริหารอำนาจ ได้ทำการตัดกำลังระบอบ “ทักษิณ” อุดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งทีมปฏิรูปประเทศ
จนมั่นใจว่า ไม่เสียของซ้ำซากจากการปฏิวัติ 2-3 รอบ
แต่ทั้งหมดทั้งปวง คำตอบสุดท้ายมันอยู่ที่ประชาชนคนไทยเจ้าของสิทธิ์ คิดอย่างไรกับการเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้น ที่ยังหนีไม่พ้นศึกเก่า สงครามใหม่ เงื่อนไขความขัดแย้งเดิมๆ
เดิมพันฝั่ง “ทักษิณ” คือ ความเป็นอยู่เป็นไปของตระกูลชิน
กับเงื่อนไขฝั่ง “ประยุทธ์” ที่ต้องคุมเกมอำนาจเปลี่ยนผ่าน ไม่ให้เสียของ
เหนืออื่นใดนั่นคือเดิมพันประเทศไทย หลังเลือกตั้งจะเดินหน้าไปสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์ หรือถอยหลังถูกลากกลับไปลงเหวเผชิญวิกฤติฝันร้ายซ้ำ
ภาพม็อบเผาบ้านเผาเมือง ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ปิดถนน ยึดสถานที่ราชการ ระเบิดตูมตาม ยิงกันรายวัน ถ้าถึงจุดนั้น อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้กับฉากคนไทยแบ่งข้างฆ่ากัน
รัฐล่มสลาย เศรษฐกิจดิ่งเหว สถานการณ์เลวร้าย รุนแรงกว่าเก่าอีกหลายเท่า อย่างประเมินไม่ได้
หมายเหตุ รอบนี้คงไม่มีคน “เอาอยู่” อีกแล้ว.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: