PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เข้มรับเลือกตั้ง

เข้มข้น รับการเมือง !!

“บิ๊กป้อม” สั่ง  “ศูนย์ม้าบิน-ผบ.เหล่าทัพ ” เดินหน้า ดูแลความมั่นคง มุ่งหน้าสู่ “เลือกตั้ง “ แนะให้ตื่นตัว เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ที่อาจเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง และความไม่สงบสุข
และจับตา การบิดเบือน เสนอข่าวอันเป็นเท็จในสื่อสังคมออนไลน์  จ้องพวกใช้วาทกรรมหยาบคาย ปลุกเร้ายั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางสังคม/ ย้ำจุดยืน เทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
/ประชุมศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) ครั้งแรก ของ ผบ.เหล่าทัพใหม่ 

 
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายดฯและรมว.กห. ประชุมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานของ ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) ที่ ศาลาว่าการกลาโหม 

โดยมี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ชุดใหม่เข้าร่วมประชุม ทั้ง บิ๊กณัฐ พลเอกณัฐ  อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม บิ๊กกบ พลเอกพรพิพัฒน์. เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด. บิ๊กแดง พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก. บิ๊กต่าย พลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ บิ๊กอุ้ย พลเรือเอกชาติชาย. ศรีวรขาน เสนาธิการทหารเรือ พร้อมด้วย นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ร่วมประชุมด้วย

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า  พลเอกประวิตร กล่าว ขอบคุณ ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการทุกกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันทำหน้าที่บริหารจัดการและประสานงานกัน ในการดูแลแก้ปัญหาความมั่นคงร่วมกัน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่เชื่อมั่นในเสถียรภาพความมั่นคงและความสงบสุขของสังคมต่อเนื่องกันมา 

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งให้มิติงานด้านเศรษฐกิจ สังคมและด้านอื่นๆ สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ด้วยดี เป็นที่เชื่อมั่น และยอมรับจากต่างประเทศ

พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำเป็นนโยบายว่า ขอให้ร่วมกันให้ความสำคัญ ในการทำหน้าที่เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่วมกับประชาชนด้วยความจงรักภักดี  

พร้อมทั้งให้ตื่นตัว เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่อาจเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งและความไม่สงบสุขของสังคม และการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว ต่อเนื่องกันไป เพื่อร่วมกันรักษาบรรยากาศความสุขสงบร่วมกันของสังคม ให้เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับต่อเนื่องไป ถึงหลังการเลือกตั้งทั่วไป ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง  เพื่อรักษากติกาทางสังคม โดยยึดประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ  

โดยเฉพาะการติดตามการบิดเบือนและเสนอข่าวอันเป็นเท็จในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีให้เห็นถึง การใช้วาทกรรมหยาบคาย ปลุกเร้ายั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางสังคมมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องเร่งให้ข้อเท็จจริงกับสังคมให้ทั่วถึงโดยเร็ว 

สำหรับ นโยบายสำคัญของรัฐบาล ในการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้ง ปัญหาหนี้นอกระบบ การเอารัดเอาเปรียบจากผู้มีอิทธิพล ปัญหายาเสพติดในชุมชน การจัดระเบียบทางสังคม 

รวมทั้งปัญหาปากท้องและความเดือดร้อนของชาวบ้าน  ขอให้ร่วมกันประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดผลรูปธรรมต่อเนื่องกันไปสู่ความยั่งยืน 

โดยยึดหลัก “ความเท่าเทียม ทั่วถึงเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ” ทั้งนี้ ขอให้ขยายผลสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชนควบคู่กันไป

เพื่อไทย-เพื่อธรรม



พรรคการเมืองกำลังจัดทัพปรับกระบวนรบ ทยอยเปิดตัวหัวหน้าพรรคกันอึกทึกครึก โครม
เหลือแต่ 2 พรรคใหญ่ “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ยังเขย่าขวดไม่เสร็จซักที
แต่ถ้าดูโหงวเฮ้ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะเข้าป้ายเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตามฟอร์ม
และอดีต นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะป้องกันเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไว้ได้อีกครั้งแบบหืดขึ้นคอ
แต่วันนี้ “แม่ลูกจันทร์” ขอย้ายโฟกัสไปที่พรรคเพื่อธรรม พรรคคู่แฝดของพรรคเพื่อไทย
ตอนแรกมีข่าวฮือฮาว่า อดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะโผล่ไปนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อธรรม
แต่หวยล็อกกลายเป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกฯ อดีต รมว.ต่างประเทศ และอดีต รมว.ยุติธรรม ยุครัฐบาลพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็น 1 ใน 36 ขุนพลที่โดนศาลรัฐธรรมนูญเช็กบิลยกเข่ง
ตัดสิทธิเลือกตั้ง ห้ามเล่นการเมือง 5 ปี
วันนี้ นายสมพงษ์ คัมแบ็กกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม เตรียมนำลูกพรรคลงสนามเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ
มี นายพงศ์กร อรรณพพร อดีต ส.ส.ขอนแก่น และอดีต รมช.ศึกษาฯ ยุครัฐบาลพรรคพลังประชาชน เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อธรรม
มี ดร.นลินี ทวีสิน อดีต รมต.สำนักนายกฯ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ฯลฯ
“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า พรรคเพื่อธรรมแยกร่างมาจากพรรคเพื่อไทย
แต่เพื่อเหตุผลทางการเมือง จึงต้องแยกพรรคเพื่อไทยกับพรรคเพื่อธรรม ไม่ให้เกี่ยวดองกันโจ๋งครึ่มชัดเจนเกินควร
คือวางตัวพรรคเพื่อธรรมเป็นพรรคพันธมิตรของพรรคเพื่อไทย
ไม่ใช่พรรคสาขา, ไม่ใช่พรรคอะไหล่, ไม่ใช่พรรคสำรอง
โดย “พรรคเพื่อธรรม” จะส่งผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.เขต ครบ 350 เขต และส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ครบโควตา 150 คน
ใช้ยุทธวิธี “แยกกันเดิน รวมกันตี” ตัดคะแนนพรรคคู่แข่งบ้าง ตัดคะแนนกันเองบ้าง ยังดีกว่าปล่อยให้พรรคเพื่อไทยเป็นเป้าล่อตะเข้อยู่พรรคเดียว
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าสำหรับพรรคเพื่อไทย ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน การมี“พรรคเพื่อธรรม” เป็นฐานที่มั่นสำรอง...
น่าจะเกิดจากเหตุปัจจัย 4 ประการคือ
1, พรรคไทยรักไทยก็โดนยุบพรรค พรรคพลังประชาชนก็โดนยุบพรรค พรรคเพื่อไทยย่อมมีโอกาสเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอย??
ถ้าพรรคเพื่อไทยโดนยุบพรรค ยังเหลือพรรคเพื่อธรรมเป็นตัวตายตัวแทน
2, การยุบพรรคเพื่อไทย มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนเลือกตั้ง? และหลังเหลือกตั้ง? ทั้งจากใบแดง กกต.? และจากศาลรัฐธรรมนูญ?
อย่างน้อย ยังมี “พรรคเพื่อธรรม” ไว้ ผ่อนหนักผ่อนเบา
3, พ.ร.บ.พรรคการเมืองฉบับใหม่ จ้องเช็กบิลพรรคการเมืองที่ถูกบุคคลภายนอกครอบงำ
ถ้าเข้าล็อกเมื่อไหร่ พรรคเพื่อไทยเสร็จค่อล่อซ่อแน่นอน
4, กรณีศาลกัมพูชา สั่งยุบพรรคซีเอ็นอาร์พี. ของ นายสม รังสี ห้ามสมาชิกพรรคฝ่ายค้านห้ามลงเลือกตั้งยกเข่งทั้ง
118 คน
ทำให้พรรครัฐบาล ชนะเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์
เปิดทางสะดวกให้สมเด็จ ฮุนเซน เป็นนายกฯอีก 5 ปี
ใครจะกล้ารับประกันซ่อมฟรีว่า “ฮุนเซนโมเดล” จะไม่เกิดขึ้นในเมืองไทย??
"แม่ลูกจันทร์"

ไหนๆชาวบ้านก็ชินแล้ว


ไหนๆชาวบ้านก็ชินแล้ว

  • Share:
ถึงจังหวะต้อง “ตั้งการ์ดสูง” ตามเงื่อนไขสถานการณ์มวยกระโดดขึ้นเวที
ตามอาการล่าสุดที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกตัวกับประชาชนและสื่อมวลชนที่ตามทำข่าว ยืนยันการลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ลำพูน ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่ได้มีเรื่องการเมืองแต่อย่างใด
แต่จังหวะหนึ่ง “นายกฯลุงตู่” ก็ทิ้งทุ่นกับชาวบ้าน ย้ำการทำงานในอนาคตทุกรัฐบาลจะต้องทำอย่างที่รัฐบาลปัจจุบันทำ คือการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ประชาชน และเอกชน เพื่อมุ่งไปข้างหน้า ทำให้ประเทศมีการพัฒนา สร้างรายได้ให้กับประชาชน ในลักษณะของ “พลังประชารัฐ”
ไม่วายเผลอโฆษณาแฝงกันกลายๆ
เรื่องของเรื่อง มันเลี่ยงกันยาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่โดนล็อกเป้าจับตา คนทั้งประเทศรู้หมดแล้วว่า “นายกฯลุงตู่” ต้องตีตั๋วต่อ โดยมีพรรคพลังประชารัฐเป็นฐาน
การขยับเขยื้อนแต่ละช็อต ถูกโยงได้ตลอดอยู่แล้ว
แนวโน้มประชาธิปัตย์ เพื่อไทย คู่ต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ต้องจัดหนัก “ทีมลุงตู่”
นับจากนี้ไปมันเป็นเรื่องธรรมชาติของการเมือง ชาวบ้านคุ้นชินกันดี
ตามรูปการณ์จึงไม่ต้องเหนียม ออกอาการ “เกร็ง” ให้เสียการเสียงาน
ขืนทำเป็นเขินมากไป จะกลายเป็นโดนหมั่นไส้ โทษฐานเสแสร้ง “ดัดจริต” เปล่าๆ
เอาเป็นว่า ไหนๆก็สะท้อนอาการมั่นอกมั่นใจเต็มที่กันแล้ว อารมณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม บอกปัดกระแสข่าวลือในแวดวงนักการเมืองจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเป็นวันที่ 28 เมษายน 2562
ย้ำชัดๆ รัฐบาล คสช.ยังยืนยันว่าเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ปัจจัยเลื่อนเลือกตั้งดูแล้วก็ไม่มีอะไร มีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆและประชาชนส่วนใหญ่ก็อยากเลือกตั้ง
“พี่ใหญ่” ตีธงเดินหน้าเข้าคูหา สวนกระแส คสช.จ้องลากอำนาจ
นั่นหมายถึงความมั่นใจในสถานการณ์เดิมพัน โอกาสในการตีตั๋วไปต่อของ “นายกฯลุงตู่” ผ่านเกมการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งได้ ไม่เสียของซ้ำซากแน่
สอดรับกระแสพรรคพลังประชารัฐ ที่สร้าง “อิมแพ็ก” ทางการเมืองอย่างแรง
กระตุกขาใหญ่ ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย นั่งไม่ติด
ต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ ไล่บี้ไล่ต้อน “สมันน้อย” อย่างนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นาย
กอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ 4 รัฐมนตรีที่เปิดตัวเป็นหัวหอกพรรคพลังประชารัฐ
รุมอัดให้ทิ้งเก้าอี้รัฐมนตรี ไล่บี้ให้แสดงสปิริตอย่าเอาเปรียบคู่แข่ง
นักการเมืองเจ้าถิ่น “ดิ้นแรง” แฝงอาการหวั่นไหวกับทีมหนุนนายกฯลุงตู่ ที่มาแบบเรียบๆ
แต่เฉียบด้วยยุทธศาสตร์ เดินหมากทีละช็อตจ่อเข้าฮอส
ตรงกันข้ามกับกระแสการตลาดที่วูบวาบ แต่เป้าหมายปลายทางยังเลื่อนลอย
ล่าสุดแชมป์เก่าพรรคเพื่อไทย “สาขาใหญ่” ของยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ฤกษ์ประชุมใหญ่ แก้ไขระเบียบ วิธีการเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค
รองรับ “นายใหญ่” เคาะโต๊ะจ่าฝูงคนใหม่ในวันที่ 28 ตุลาคม
ตามกระแสที่พลิกไปพลิกมา ล่าสุด “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง กลับมาแรงแซงโค้งวัดเบญฯ มีโอกาสเข้าไปเบียดเข้าป้าย แต่อีกทางก็มีชื่อของ “ด็อกเตอร์ตั๊ก” นายปานปรีย์ พหิทธานุกร หลานเขย “น้าชาติ” สายราชครู ส่งออกมาประกบตีคู่
แต่ดูแล้ว หวยออกที่ใคร ก็แค่หัวหน้าพนักงานบริษัทชินฯจำกัด
ที่แน่ๆหัวหน้าพรรคกับ “นอมินีภาค 3” ไม่จำเป็นต้องคนเดียวกัน ตามเงื่อนไขผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะอยู่ใน “บัญชีนายกฯพรรค” นั่นต่างหาก “ไพ่สำคัญ”
สถานการณ์ตรงนี้ ชัดเจนแค่ว่า “นายใหญ่” สู้ทุกรูปแบบ บุกทุกทาง
ภายใต้ความมั่นอกมั่นใจ ยี่ห้อ “ทักษิณ” ส่งนกแล นกกระจอกที่ไหนก็ได้เป็น ส.ส.
ชนะแบบหิมะถล่มเมืองไทย แต้มไหลแบบแจ็กพอตแตก
ถึงขั้นตั้งพรรคสาขา เปิดยี่ห้อ “เพื่อธรรม” ขึ้นมาเป็นค่ายสำรอง ช้อนแต้มปาร์ตี้ลิสต์
คาดการณ์ล่วงหน้าเลยว่า พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตเต็มโควตา แล้วจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามเกณฑ์วิธีคำนวณตามสูตรเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมของรัฐธรรมนูญ
ปั่นกระแสจนฟู อุปาทานหมู่เชื่อกันทั้งเครือข่าย “ทักษิณ”.
ทีมข่าวการเมือง

รมต.พลังประชารัฐพาทัวร์ห้องสยบข่าวขนของเตรียมไขก๊อกพ้นรมต.

4 ต.ค. 61 - ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังมีกระแสข่าวนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และว่าที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เก็บของออกจากห้องทำงานหลังถูกคนใกล้ชิดนายกฯ กดดันให้ลาออก เพราะไปทำงานทางการเมือง ว่า วันนี้ (4 ต.ค.) นายกอบศักดิ์ ได้พาสื่อมวลเข้าไปยังห้องทำงานเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีการเก็บของตามกระแสข่าวดังกล่าว พร้อมกับยืนอธิบายตารางความคืบหน้าการทำงานที่ติดไว้ข้างผนังห้องจำนวนมาก ประกอบด้วย กฎหมายที่จะผลักดัน แก้ปัญหาความยากจน แผนงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) งานประชาสัมพันธ์โครงการรัฐบาล โดยนายกอบศักดิ์ระบุว่า แผนงานต่างๆ ยังใช้ต้องเวลาในการผลักดัน อย่างเช่นเรื่องอีอีซี ที่ต้องการให้มีการเซ็นสัญญาโครงการภายในเดือน ก.พ.62 เพื่อรับประกันว่ารัฐบาลที่เข้ามาจากนี้จะต้องสานต่อ ส่วนกฎหมายต่างๆ ต้องการให้เข้าสู่ชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเดือน พ.ย.61 เพื่อรับประกันความต่อเนื่อง มั่นใจถ้าทุกอย่างเสร็จ ประเทศไทยจะเปลี่ยนครั้งใหญ่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวคนใกล้ชิดนายกฯกดดันให้ลาออกจากรัฐมนตรี หลังเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐ นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า รับทราบว่ามีคนจากพรรคต่างๆ กดดันให้ลาออกจำนวนมา ซึ่งตนยืนยันเสมอว่าลาออกแน่ ในเวลาที่เหมาะสม พร้อมกันทั้ง 4 รัฐมนตรี และมาตรฐานที่จะตั้งขึ้นมา คิดว่าเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการเมืองไทย ซึ่งอยากให้เป็นมาตรฐานที่คนอื่นในอนาคตทำตามด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนจะเป็นอย่างไรขอให้รอดู อย่างไรก็ตาม การเข้าสนามการเมืองครั้งนี้ตนรู้สึกตื่นเต้น กลัวเล็กน้อยด้วยว่าจะมีใครมาแซะ เพราะเป็นมือใหม่ไม่เคยลงสนาม แต่มาด้วยใจรัก ถูกรับน้องไปเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต ตนมีความกระตือรือร้นที่จะลงสู่สนามการเมือง และคิดว่าประชาชนรอคนที่จะไปช่วยทำในสิ่งที่เขาปรารถนา   
เมื่อถามว่า เจอฝ่ายการเมืองแซะหนักๆ รู้สึกอย่างไร นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้สนใจ เพราะทุกวันทำแต่งาน รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมา ส่วนมากจะเห็นมีแต่พรรคการเมืองต่างๆ มาแซะ ต้องทำใจ ในเมื่อลงสนามแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ แต่พอได้ยินเสียงต่างๆ ก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ รู้ว่าเขาต้องการใช้เป็นกลการเมือง ตนรับฟัง แต่ต้องตัดสินใจว่าจะรับฟังเขาแล้วเอาประโยชน์ของเรา จะได้ไม่ต้องมาแซะ หรือจะทำเพื่อประชาชนที่มีความทุกข์ ตนทำงานมา 3ปี และเกือบจะถึงเส้นชัยแล้ว มั่นใจว่าเวลาที่เหมาะสมที่จะลาออก กับเวลาที่พวกเขามองว่าไม่เหมาะสมเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกัน
ต่อข้อถามว่า เมื่อตัดสินใจมาทำงานการเมือง จะตอบโต้กับนักการเมืองได้หรือไม่ นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ตอบโต้ ตนคิดว่าเราเดินหน้าในโครงการที่ทำเพื่อประชาชนก่อน ส่วนที่เขาว่าปล่อยให้ว่าไป ถ้ามีสาระเราจะรับมาเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าไม่มีสาระก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
เมื่อถามอีกว่า พร้อมถูกขุดคุ้ยแล้วหรือยัง หลังตัดสินใจเล่นการเมือง นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า เชิญให้ขุดเลย มีรถ 1 คัน มีเปียโน 1 หลัง