PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หลวงปู่นัดอีกยก ปตท.พลังงาน25ธ.ค.57

สำนึกน้ำใจน่ะมีไหม
๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๗

ฉันตั้งใจเอาไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ ๑๕ นี้ เป็นต้นไปจะขอหลบเข้าป่า เพื่ออยู่กับตัวเองสัก ๑๐ กว่าวัน ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว ได้อยู่กับธรรมชาติ ป่าไม้ ภูเขา สายน้ำ เสียงนก สัตว์ป่า ไม่ต้องเจอหน้าผู้คน อยู่กับตนเอง อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับความสงบ อยู่กับความสุขสันติที่ฉันปรารถนามาชั่วชีวิต หากไม่ติดภาระหน้าที่ที่ต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณในอนาคต ฉันก็อยากจะอยู่ไปตลอดชีวิต

แต่ความฝันของฉันกลับต้องสลาย เมื่อแกนนำเวทีพลังงานทั้ง ๕ มาขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยเจรจากับ ปตท. และนายปิยะสวัสดิ์ ประธานบอร์ด ปตท. ด้วยช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันมีการถกกันเรื่องพลังงานอยู่กับกลุ่มคุณปิยะสวัสดิ์หลายรอบ ซึ่งต่างฝ่ายต่างพูดคุยกันบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ ต้องมีเหตุผลเชิงประจักษ์ เขาจึงให้เกียรติยอมรับฉัน

พวกแกนนำเวทีพลังงาน ซึ่งมีคุณหมอระวี คุณสมเกียรติ คุณทศพล คุณธวัชชัย และคุณอิฐบูรณ์ คงมองเห็นการที่กระทรวงพลังงาน ปิยะสวัสดิ์ เกรงใจฉัน จึงมาขอพึ่งพาเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน ฉันพอได้เห็นความเดือดร้อนของพี่น้องเพื่อนร่วมอุดมการณ์เลยลืมเรื่องของตนเองเสียสิ้นเชิง รับปากช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พอถึงวันที่ ๑๖ ธันวาคม นัดเจรจาที่อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ แกนนำทั้ง ๕ พร้อมฉันได้เข้าพบคณะกรรมการบอร์ดบางคน โดยมีคุณปิยะสวัสดิ์เป็นหัวหน้า บรรยากาศการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดี มีสาระกระชับ ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อยืดยาด ในที่ประชุมตกลงกันว่า จะต้องให้ฝ่ายแกนนำทั้ง ๕ มีการพบปะพูดคุยปรับความเข้าใจในข้อมูล ที่บรรดานักสู้ภาคประชาชนแต่ละคนนำไปปราศรัย ปลุกระดมให้ประชาชนหลงเชื่อในข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง ไม่ถูกต้อง ซึ่งแกนนำทั้ง ๕ ต่างก็ยินยอมที่จะรับฟัง ซึ่งฉันก็ไม่เห็นมีใครค้านในสิ่งที่คุณปิยะสวัสดิ์กล่าว แถมท้ายด้วยการที่คุณปิยะสวัสดิ์แจ้งให้ที่ประชุมได้ทราบว่า มีการเจรจาประนีประนอมยอมความในคดีที่เขาฟ้อง หม่อมกรและอิฐบูรณ์โดยทั้งสองได้ขอโทษที่ให้ข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แล้วฝ่าย ปตท. จะยอมถอนฟ้อง

คุณปิยะสวัสดิ์เล่าให้ฟังว่า การฟ้องแกนนำพลังงานครั้งนี้ เขามิได้ต้องการเงินทอง แต่ที่ฟ้องไปเพราะต้องการพิสูจน์ข้อมูลที่ฝ่ายแกนนำไปปลุกระดมคนให้รังเกียจเขา รังเกียจองค์กรของเขา ซึ่งโดยกระทำแต่ฝ่ายเดียว ไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงหรือชี้แจงแล้วก็ไม่ยอมรับฟัง จึงต้องพึ่งบารมีศาล

ฉันจึงตัดบทว่า การต่อสู้ภาคประชาชนเป็นการต่อสู้เพื่อประโยชน์ของคนทั้งชาติ เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมีประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ ฉันจึงขอร้องว่า หากการต่อสู้ภาคประชาชนแล้วมาโดนหน่วยงานของรัฐฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเป็นร้อยๆล้านคงจะไม่เหมาะสมนัก เหตุเพราะเขาเข้ามาปักหลักพักค้างเพื่อหลบภัยที่เกิดจากการโจมตี ทั้งปืนทั้งระเบิดอยู่ทุกวัน พวกคุณควรจะดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่สถานที่ของคุณสามารถรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชนให้รอดปลอดภัยได้ ส่วนคดีการฟ้องร้องพิสูจน์ข้อมูลเท็จจริงจากการกล่าวหาใส่ร้ายกัน ฉันไม่ขอยุ่ง ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ใครจริง ใครเท็จ จะได้ใช้ศาลสถิตยุติธรรมเป็นเครื่องพิสูจน์ ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปในศาล นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น ประชาชนจะได้ตาสว่าง ว่าใครหลอกใครกันแน่

การเจรจากำลังเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรา อยู่ดีๆ คุณธวัชชัย ก็พูดทำให้เสียบรรยากาศเสียงั้น ทั้งที่ฉันพยายามห้ามถึง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง จนทำให้คุณปิยะสวัสดิ์ของขึ้น ฉันเห็นท่าว่าฝ่ายเราจะเสียหาย พยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้กลับสู่บรรยากาศเดิม พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ฉันไม่สนใจหรอกว่าพวกคุณจะฟ้องร้องเรื่องละเมิดกล่าวความเท็จใส่ร้ายกันอย่างไร และฉันจะไม่ขอร้องเสียด้วยซ้ำ แถมอยากให้ ปตท. คุณปิยะสวัสดิ์ กระทรวงพลังงาน ฟ้องทุกคน เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าใครโกหกใครกันแน่ ย้ำ อยากให้ฟ้อง แล้วบรรดานักสู้ทั้งหลายก็ไม่ต้องกลัว จะได้พึ่งบารมีศาลแสดงหลักฐานสิ่งที่เป็นจริงต่อศาล ให้สังคมได้จับต้องได้เสียที มิใช่พูดแล้วมีคนมาค้านว่าโกหกตลอด โกหกจนตัวเองเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง ฉันก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้

นักสู้เพื่อประชาชนต้องสง่างาม จริงใจ ไม่มีวาระซ่อนเร้น พร้อมกับย้ำกับกลุ่ม ปตท. ว่า ขอร้องอย่าเรียกร้องเงินจากบรรดาแกนนำเลย พวกเราไม่มีให้หรอก ดูตัวอย่างของฉัน ที่ฟ้องหนังสือพิมพ์มติชนและอดีต ผอ.สำนักพุทธ เรียกค่าเสียหายข้อหาละเมิดไป ๑๐๐ กว่าล้าน แต่ฉันแถลงต่อศาลว่า การฟ้องครั้งนี้ฉันมิได้ต้องการเงินจากพวกเขา แต่ต้องการสอนให้รู้สำนึกรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขาทำเท่านั้น ฉันจึงหวังว่า การฟ้องของ ปตท. คงจะเป็นการฟ้องเพื่อความถูกต้อง ไม่ใช่อาฆาตแค้นพยาบาท

พร้อมกับเร่งรัดชักชวนว่า เราจะเจรจากันอีกเมื่อไหร่ ฉันอยากให้เรื่องนี้มันจบเร็วๆ ทุกคนจะได้สบายใจ ฉันหันไปถามคุณปิยะสวัสดิ์ คุณปิยะสวัสดิ์จึงดูตารางงานของเขา ฉันจึงสำทับไปว่า ขอให้เรียบร้อยภายในปีนี้ยิ่งดี คุณปิยะสวัสดิ์จึงนัดวันที่ ๒๕ ธันวาคม ที่ฉันไม่ถามแกนนำทั้ง ๕ เพราะคิดว่า นี่เป็นความเดือดร้อนของพวกเขา เขาคงจะไม่มีปัญหาขัดข้องใดๆ ซึ่งทุกคนก็ยินดี มีแต่คุณอิฐบูรณ์ที่ขัดข้อง โดยอ้างว่าไม่ว่าง ติดงานเลี้ยงสังสรรค์กับครอบครัว ฉันต้องพูดขอร้องให้เห็นแก่ฉันแก่ส่วนรวม ว่าเมื่อทุกคนว่าง คุณก็น่าจะเสียสละ งานเลี้ยงเมื่อไหร่ก็เลี้ยงได้ ขอให้เรื่องนี้มันจบเรียบร้อยก่อนจะได้ไหม ฉันมีภารกิจฉันยังเสียสละมาช่วยพวกคุณได้เลย

คุณอิฐบูรณ์คงรำคาญหรือทนต่อคำรบเร้าของฉันไม่ได้ จึงยอมรับปาก ฉันจึงถามคุณปิยะสวัสดิ์ว่า ตกลงจะเจรจากันที่ไหน เขาตอบว่า แล้วแต่หลวงปู่ ผมสะดวกทั้งนั้นขอให้หลวงปู่กำหนดมา คุณหมอระวีกับคุณสมเกียรติจึงกล่าวว่า ใช้อาคาร ปตท. นี่ก็แล้วกัน จะได้สะดวกพวกเขาไม่ต้องเดินทางไกล คุณธวัชชัยก็สนับสนุนโดยอ้างเหตุผลว่า ขอให้อยู่ในกรุงเทพ เขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลแล้วก็สะดวกด้วย

แต่คุณทศพลเสนอว่า เพื่อให้ผ่อนคลายความกดดันและเป็นกลาง ควรจะเป็นที่วัดอ้อน้อยจะดีกว่า ฉันฟังแล้วรู้สึกขอบคุณเขาอยู่ในใจ แม้เขาจะมองไม่เห็นความยากลำบากของฉัน แต่เขาก็ไม่ต้องทำให้ฉันต้องอดข้าวเพื่อจะรีบเดินทางมากรุงเทพ เพราะคุณปิยะสวัสดิ์นัดตอน ๑๐ โมงเช้า สรุป เราจะมีการนัดเจรจาพร้อมกันที่วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม เวลา ๑๐ โมงเช้า

ข้อสังเกต ไม่มีนักสู้ภาคประชาชนสักคนเลยที่จะถามฉันว่าลำบากไหม ฉันสะดวกไหม ฉันจะลำบากเดินทางไปมาหรือเปล่า รวมความแล้วความฝันที่ปรารถนาจะได้อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติที่ตนชอบสัก ๑๐ กว่าวัน ปีนี้คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะมีภารกิจช่วยเหลือพี่น้องนักสู้ผู้ร่วมอุดมการณ์

ที่เขียนมาระบายนี่ เพื่ออยากจะส่งสัญญาณให้นักสู้ทั้งหลายได้ตระหนักคิด มีจิตรู้สำนึกถึงประโยชน์คนอื่นให้มากๆกว่านี้ อย่าเอาแต่ประโยชน์ตนเองเท่านั้น และต้องรู้จักรักษาสัจจะคำมั่นสัญญาด้วย เพราะก่อนที่เราจะมีนัดเจรจากัน ฉันได้ขอร้องแล้วว่า ต้องฟังฉัน หากพูดอะไรแล้วจะทำให้เสียบรรยากาศ ต้องหยุดพูดเมื่อฉันขอ แต่สุดท้ายเหมือนเดิม ที่จริงเมื่อคุณธวัชชัยผิดคำพูด ฉันจะเดินออกจากห้องประชุมแล้ว แต่ก็เห็นแก่ประโยชน์ของคนอีกหลายคน จึงจำต้องพยายามประคับประคองสถานการณ์ให้ดำเนินไปด้วยดีจนจบ ถึงกระนั้น พอออกมาจากอาคาร ปตท. พวกนักข่าวถามฉันว่า หลวงปู่ไม่กลัวโดนด่าหรือที่มายุ่งเรื่องนี้ ฉันตอบว่า ไม่กลัว ไม่กังวล เพราะฉันก็โดนด่ามาตลอดชีวิตอยู่แล้ว หากจะโดนด่าเพราะช่วยคนอื่น ฉันมีความสุขมาก ใครจะด่าส่งท้ายปี เชิญมาทางนี้ ที่วัดอ้อน้อย เชิญด่าได้ตามอัธยาศัย

พุทธะอิสระ

ชาวสวนยางขู่

ชาวสวนยางลั่นหลังปีใหม่รัฐไม่ช่วยเจอกันแน่
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายทศพล ขวัญรอด ประธานเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารา-ปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ นายวิน ศรีมาลา ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางพารา-ปาล์มน้ำมันจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านตูล ,บ้านควนหนองหงษ์ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 70 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.นครศรีธรรมราช และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด
โดยเนื้อหาของหนังสือบรรยายถึงข้อเรียกร้อง 4 ข้อ ประกอบด้วย 1. เรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างราคายางพาราในกิโลกรัมละ 80 บาท โดยให้รัฐบาลจ่ายเป็นพันธบัตรรัฐบาล 2.ให้เร่งรัดมาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไร่ละ 1,000 บาท โดยเร็ว 3.ผลักดันให้เร่งยุทธศาสตร์การนำยางพาราไปทำถนน เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางพาราล้นสต็อก และส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน และ 4.ให้รัฐบาลตั้งศูนย์การเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ยางพาราให้ครอบคลุมทุกอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน พร้อมทั้งสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เน้นการใช้ยางพาราภายในประเทศ
ภายหลัง นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยาง 16 จังหวัด กล่าวว่า ขอฝากคำถาม 6 ข้อไปยังรัฐบาลให้ตอบคำถามดังนี้ 1. ทำไมรัฐบาลต้องแตะเบรกยางพาราไว้ที่ 60 บาท ทั้ง ๆ ที่เกษตรกรเรียกร้องราคาที่ 80 บาท โดยให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่าง เพราะการขายยางให้จีน 40,000 ตัน และระยะเวลาส่งมอบยาง 18 เดือนในราคา 62 บาทใช่หรือไม่ 2. ให้ รัฐบาลทบทวนโครงการปล่อยกู้ 5,000 ล้าน ให้กับ สกย. แล้วรัฐบาลรู้หรือไม่ว่าวันนี้ มีโรงรมยางอยู่จำนวนเท่าไหร่ , 3 ตามที่เกษตรกรให้รัฐบาลตรวจสอบสต็อกยาง 2.1 แสนตัน วันนี้ตรวจสอบหรือยัง , 4. ทำไมรัฐบาลไม่ขายสต็อกยางให้ บริษัทไหหนานในราคาที่เสนอ กก.ละ 70 บาท และจะซื้อหมดสต็อก 2.1 แสนตัน แต่กลับมาขายให้ บริษัทยี่ฟังเหยียน จำนวน 1 แสนตันมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ , 5. โครงการมูลภัณฑ์กันชนพ่อค้าหรือเกษตรกรได้ประโยชน์ เพราะเกษตรกรตัวจริงจะผลิตได้เพียงน้ำยาง ยางก้นถ้วยและยางแผ่นดิบเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงโครงการของ รบ.ใช่หรือไม่ และ 6 ให้ปลดนายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตร และนายเชาวลิตร ชูขจร ปลัด กระทรวงเกษตรกฯ และให้หม่อมราชวงศ์ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาตัวเองที่ไม่สามารถแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำได้
"วันนี้เราเดินมาถึงทางสุดท้ายแล้ว ไม่มีอะไรจะร้องขออีกแล้ว เพราะร้องมามาก นับจากนี้ไปก็คงเป็นดุลยพินิจของประชาชนที่จะเคลื่อนต่อไปหลังปีใหม่นี้ ผมคงไม่มีแรงที่จะร้องขอเกษตรกรชาวสวนยางต่อไป"
ขณะที่นายพีระศักดิ์กล่าวกับสมาชิกเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารา-ปาล์มน้ำมันฯว่า รู้สึกเห็นใจเป็นอย่างมาก เรื่องยางเป็นเรื่องของกลไกการตลาด ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถช่วยได้ในเบื้องต้นเพื่อให้ชาวบ้านอยู่กันได้ ซึ่งหากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอก จังหวัดยินดีให้การช่วยเหลือ และตนก็พร้อมจะเร่งส่งหนังสือไปยังรัฐบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชไม่ได้นิ่งนอนใจ.
http://www.dailynews.co.th/…/regi…/288585/%E0%B8%8A%E0%B8%B2


สถานการณ์ข่าว 19ธ.ค.57

สปช.

วีระกานต์ อดีตประธาน นปช. ถึงสภาแล้ว เตรียมให้ข้อเสนอกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขณะบ่าย สปช. และ สนช. นัดส่งรายงาน

บรรยากาศที่รัฐสภา เช้านี้ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีกิจกรรมและความเคลื่อนไหวหลายส่วน เริ่มจากเวลา 09.00 น. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเข้ามาให้ความเห็นต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมาในนามส่วนตัว ซึ่งขณะนี้เดินทางมาถึงแล้ว

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะส่งมอบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่สรุปความเห็นหรือข้อเสนอแนะในการยกร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภา 18 คณะ ให้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ

ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะส่งข้อเสนอแนะประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญให้กับนายบวรศักดิ์เช่นกัน
--------------
เจษฏ์ เผย เห็นพ้อง สปช. ประเด็นปฏิรูปชัดเจน-แก้ความเหลื่อมล้ำเเละสร้างความเป็นธรรมในสังคม เริ่มสรุปความเห็นเขียน รธน.

รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า จากการฟังการอภิปรายของ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ถือว่าเป็นประโยชน์มาก มีความหลากหลาย และมีหลายส่วนที่เห็นตรงกัน และบอกถึงวิธีแก้ปัญหา ทำให้เห็นความหวังของการปฏิรูป และทิศทางของการปฏิรูปที่มีความเป็นรูปธรรมซึ่งจะสามารถถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งประเด็นที่สามารถเห็นความเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนคือประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ เเละสร้างความเป็นธรรมในสังคมเพียงเเต่จะสามารถนำบทบัญญัตินั้นสามารถมาปฏิบัติให้เกิดผลเเท้จริงได้เต็มประสิทธิภาพตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ได้เเท้จริงหรือไม่เท่านั้น

ส่วนเรื่องที่จะสามารถเสนอเป็น พ.ร.บ. ได้ทันทีเลย โดยที่ไม่ต้องรอการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น มีตัวอย่างเช่น เรื่องการศึกษา เมื่อ สปช. เห็นว่ามีความเกี่ยวโยงกันทางกฎหมายนั้น ก็สามารถเสนอผ่าน สนช. ได้เลย ส่วนเรื่องที่ควรจะมีการบรรจุเรื่องของการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนได้ถูกกระตุ้นให้ผู้เรียนได้เป็นผู้ร่วมสอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้การเรียนรู้นั้นเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิตซึ่งจะสามารพัฒนาการศึกษาได้ เเละทำอย่างไรให้การเรียนรู้ของผู้เรียนนั้นสามารถเรียนรู้เเล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้

ในส่วนของกรรมมาธิการยกร่างนั้น ได้ประมวลผลกันเบื้องต้นเพื่อหาเเบบแผนบทบัญญัติที่ชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ส่วนเรื่องที่ยังเป็นประเด็นตกค้างนั้น ต้องรอสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์ต่อไปเพื่อ
หารือกันในการประมวลผลต่อไป
---------------------
"วีระกานต์" เข้าเสนอความเห็น กมธ.ยกร่างฯ ยันไม่ได้มาในนาม นปช. รับ หวั่นถูกขับออกจากกลุ่มเพราะฝืนมติ "บวรศักดิ์" ระบุจะนำความเห็นไปพิจารณา

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา ขณะนี้ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าชี้แจงเสนอความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย นายวีระกานต์ กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ไม่ได้มาในนามของ นปช. แต่มาในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง

ทั้งนี้ เกรงจะถูกขับออกจาก นปช. เนื่องจาก นปช. มีมติที่จะไม่ร่วมเสนอแนะหรือแสดงความคิดเห็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้

นอกจากนี้ นปช. บางคนยังให้ความเห็นในการไม่เข้าร่วมโดยเปรียบเทียบถึงการยกร่างร่างรัฐธรรมนูญว่า รำวงรอบนี้เป็นรอบเหมาของทหาร จิ๊กโก๋ชาวบ้านจึงไม่ควรเข้าร่วม

ขณะ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวขอบคุณในการเดินทางมาให้ข้อเสนอแนะ และหลังจากนั้นจะนำประเด็นที่เสนอมาพิจารณาต่อไป
-----------------------
"วีระกานต์" อดีตประธาน นปช. คุย กมธ.รธน. ชงนิรโทษม็อบ ค้านเลือกตั้งนายกฯ ทางตรง หนุนปฏิรูปประเทศ

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุม ว่า วันนี้เชิญตัวแทนกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ กลุ่ม นปช. เข้าให้ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปพิจารณาประกอบจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นำโดย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. ที่ยืนยันว่า ไม่ได้มาในนาม นปช. ซึ่งส่วนตัวพร้อมสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่อยากให้เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และสามารถสร้างความปรองดองได้อย่างยั่งยืน อีกทั้ง ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมือง รวมถึงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้เร่งส่งเสริมประชาธิปไตย สร้างความสมานฉันท์ ขจัดปัญหาการทุจริต การสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ขณะที่ข้อเสนอเรื่องการนิรโทษกรรม ก็ควรให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมกับทุกฝ่าย ยกเว้นแกนนำและผู้สั่งการ
---------------------------
ประธาน สนช.-สปช. ส่งสรุปความเห็น ข้อเสนอเเนะยกร่าง รธน. ให้ บวรศักดิ์ 246 ประเด็น

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งมอบรายงานสรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการจัดร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญประกอบด้วยความเห็นและข้อเสนอแนะรวมทั้งสิ้น 246 ประเด็น

ทั้งนี้ รายงานสภาปฏิรูปแห่งชาติส่งให้คณะ กมธ.ยกร่าง นั้น เป็นการสรุปความเห็นของคณะกรรมาธิการทั้ง 18 คณะ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ การกระจายอำนาจท้องถิ่น การส้รางความมั่นคงด้านพลังงานและที่มาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ด้าน นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญเมื่อได้รับความเห็นต้องตกลงหลักการและให้อนุกรรมาธิการยกร่างฯ ไปทำแบบร่าง พร้อมกันนี้ยืนยันการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่มีการทำพิมพ์เขียวมาก่อน และการยกร่างในวันที่ 12 มกราคมเป็นต้นไป โดยนำรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 มาประกอบการจัดทำ
////////////////
สนช.

ประธานสภานิติบัญัติแห่งชาติ นัดสมาชิกประชุม 10.00 น. เตรียมพิจารณากฎหมายเร่งด่วนต่อจากวานนี้ 6 ฉบับ

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น.  เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วนที่ค้างต่อจากวานนี้อีก 6 ฉบับ เป็นร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอ 2 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  ร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วพร้อมประกาศใช้เป็นกฎหมาย 4 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์)
------------------
สมาชิก สนช. เตรียมพิจารณาวาระด่วน 6 ฉบับ จับตาเลื่อน พ.ร.บ.เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชี้ ต้องแก้หลักการให้แคบลง ป้องอ้างสิทธิ์ขอเหรียญ

บรรยากาศก่อนการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล่าสุด สมาชิก สนช. ทยอยเข้าห้องประชุมที่จะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วน 6 ฉบับ โดยวันนี้ต้องจับตาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่าที่ประชุม สนช. จะเห็นชอบตามที่วิป สนช. เตรียมเสนอให้ชะลอออกไปก่อนหรือไม่ เนื่องจากเคยเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาสมัยที่ผ่านมา และได้มีการแก้ไขส่งกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร แต่สภาฯ ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณา คณะรัฐมนตรีจึงส่งให้ สนช. กลับมาพิจารณาอีกครั้ง

อีกทั้ง วิป สนช. อยากให้รัฐบาลแก้ไขหลักการให้แคบลงหรือเปลี่ยนชื่อร่างเพื่อให้ครอบคลุมผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยตรง ของกันผู้แอบอ้างขอเหรียญ โดยเจตนากฎหมายต้องการให้แก่ทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสู้รบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งทหารที่ส่งไปต่างประเทศตามนโยบายรัฐบาล
----------
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบผ่านวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร เป็นกฎหมายแล้ว

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด ได้มีการเลื่อนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ 3 ฉบับ ขึ้นมาพิจารณาก่อน คือ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ร่างพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) เริ่มจาก นายนิเวศน์ นันทจิต ประธานคณะกรรมาธิการ ได้รายงานผลการดำเนินงาน พร้อมระบุว่า ไม่มีสมาชิกสงวนคำแปรญัตติ แต่มีการปรับแก้ในรายมาตรา จึงให้มีการลงมติเป็นรายมาตราที่มีการแก้ไข ในวาระ 2 จากนั้นมีมติผ่านวาระ 3 ด้วยคะแนน 181:0 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และประกาศใช้เป็นกฎหมาย
///////////////
นายกฯ

นายกฯ คิวแน่นตลอดทั้งวัน ประเดิมเช้านี้ ประชุม คกก.นโยบายและบริหารจัดการข้าว

สำหรับวาระงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในเวลาประมาณ 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ 5/2557 ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 14.00 น. นายทาเกฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า

ขณะที่ในช่วงเย็นเวลา 16.00 น. นายกรัฐมนตรีต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง ณ ทำเนียบรัฐบาล และหลังเวลา 17.00 น. สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซนนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือข้อราชการ ณ ห้องสีงาช้าง
------------------
นายกฯ ถึงทำเนียบ เตรียมเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. แล้ว 

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลล่าสุดในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยเตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. ครั้งที่ 5/2557 ตึกสันติไมตรี โดยมีบรรดารัฐมนตรีรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทยอยเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ สำหรับวาระการประชุมคาดว่าทางกระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอที่ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลซึ่งมีปัญหาอยู่ที่ข้าวที่อยู่ส่วนในของโกดังไม่สามารถนำออกมาขายได้ ซึ่งแนวทางการระบายที่ยังให้เดินหน้าต่อคือการประมูลข้าวเป็นการทั่วไป ทั้งนี้ ยังคาดว่าจะมีการเสนอแผนการโปรโมทข้าวของไทยที่เบื้องต้นกำหนดให้ตลาดตะวันออกกลาง
------------------
พล.อ.ประวิตร ย้ำ นายกฯ ให้ความสำคัญแจงต่างชาติ ส่งคืนคนผิด ม.112 มอบ "พล.อ.ไพบูลย์" เป็นเจ้าภาพ ยัน 3 จ.ใต้ ยังไม่พบกองกำลังเคลื่อนไหว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชี้แจงต่างประเทศให้ส่งตัวผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 มาดำเนินคดีในประเทศไทย ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและต้องการให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการชี้แจง และทำความเข้าใจกับต่างประเทศ พร้อมยืนยันไม่ใช่การดำเนินคดีทางการเมือง ซึ่งสื่อมวลชนไม่ควรกำหนดกรอบในการทำงานและเห็นว่าคณะทำงานชุดนี้ทำงานอย่างเต็มที่

ส่วนมาตรการในการดูแลช่วงปีใหม่ใน 3 จังหวัดแดนภาคใต้ รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ยังไม่มีกองกำลังที่เตรียมออกมาเคลื่อนไหวตามที่มีข่าวออกมาแจ้งเตือนในพื้นที่ ซึ่งได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวทุกเรื่อง ขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่เข้าใจเจ้าหน้าที่มากขึ้น เห็นได้จากแผนงานทุ่งยางแดงโมเดลซึ่งมีประชาชนให้ความร่วมมือและก้าวหน้าไปมาก
--------------------------
นายกฯ เป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ระบุหากเวลาจะลงไปเยี่ยมประชาชน - เชียร์บอลไทยนัดชิงพรุ่งนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงสถาการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด ว่า มีความเป็นห่วง โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางกองทัพก็ได้ดูแลอยู่ พร้อมยืนยันว่าหากมีเวลาจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ภาคใต้

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เชียร์นักฟุตบอลทีมชาติไทยที่จะแข่งขันฟุตบอล AFF Suzuki Cup 2014 นัดชิงชนะเลิศกับมาเลเซียในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องเงินรางวัลอัดฉีดนั้นมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว
------------------
พล.อ.ประวิตร ประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมและมอบนโยบายการดำเนินงานยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ ณ สโมสรทหารบก วิภาวดี โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ คือ การผลึกกำลังจากทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่จะต้องประสานแผนงาน บูรณาการแผนงาน ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้มากที่สุด เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงของชาติ

ในการนี้ มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหาร
เรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ นายอนุสิษฐ์ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมด้วย
------------------
พล.อ.ประวิตร ไม่กังวล "จารุพงศ์" จดทะเบียนเสรีไทย ใน USA กระทบความมั่นคง คุยสันติสุข รบ. พร้อมตลอดเวลา 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้จดทะเบียนจัดตั้งองค์กรเสรีไทยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ตนเองยังไม่ทราบว่าจดที่ไหนยังไง ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่า เขาจดเพื่อวัตถุประสงค์ใด แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีความกังวลว่าจะกระทบกับความมั่นคงของชาติ เพราะเป็นแค่คนคนเดียว พร้อมได้ย้อนถามกลับไปยัง นายจารุพงศ์ ว่าสิ่งที่กระทำนั้นมันถูกกฎหมายหรือไม่ แล้วตัวเองนั้นมีคดีติดตัวอยู่หรือไม่

ส่วนความคืบหน้าในการพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พล.อ.ประวิตร บอกขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ ซึ่งทางรัฐบาลไทยพร้อมที่จะดำเนินการพูดคุยตลอดเวลา ขอให้กลุ่มผู้เห็นต่างทุกกลุ่มเข้ามาร่วมพูดคุย เพื่อให้มีความสันติสุขเกิดขึ้น

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้อีกด้วย
-------------------------
พล.อ.ประวิตร ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เน้นย้ำแก้ปัญหาเป็นระบบ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ครั้งที่ 3/2557

ภายหลังจากการประชุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 2 คณะ โดย คณะแรกเป็นคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจดูแลการค้ามนุษย์ ส่วนคณะที่สองคือคณะอนุกรรมการดูแลเรื่องขอทานภายในประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการทั้งสองจะต้องสรุปผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาทั้งหมดและนำกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 9 มกราคม 2558 เพื่อสรุปเป็นรายงานการแก้ไขปัญหาการปราบปรามการค้ามนุษย์โดยภาพรวมก่อนส่งให้สหรัฐอเมริกาในวันที่ 30 มกราคม 2558 ซึ่งไทยตั้งเป้าหมายให้อยู่ในระดับที่เทียร์ 2 ให้ได้ หลังจากที่ไทยถูกจัดอันดับการค้ามนุษย์อยู่ที่ระดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
--------------------------
นายกฯแจง ประชุม นบข. เปิดบัญชีสต๊อก คาดขาดทุน 6.8 เเสนล้าน - หวังปีหน้าส่งออกข้าวเป็นที่ 1

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. โดยเปิดเผยว่ามีการหารือกันในหลายประเด็น ทั้งสถานการณ์ข้าวโลก ยุทธศาสตร์ข้าวระยะยาว และการอนุมัติการระบายข้าวที่มีการปิดบัญชีแล้ว ซึ่งมีข้าวในสต๊อกรัฐบาลทั้งสิ้น 17 ล้านตัน โดยผ่านมาตรฐาน 2.3 ล้านตัน ต้องปรับปรุงคุณภาพ 13 ล้านตัน เสื่อมสภาพ 7 แสนตัน ซึ่งในส่วนของข้าวที่เสื่อมสภาพ จะมีการแจ้งความและดำเนินคดี ซึ่งได้ส่งเรื่องไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในการดำเนินคดีนั้น จะมีทั้งส่วนของคดีแพ่งและอาญา

ทั้งนี้ มีการคาดว่าในโครงการรับจำนำข้าว 4 โครงการ หากขายข้าวทั้งหมดแล้วจะขาดทุนที่ประมาณ 6.8 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามทางกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ประเมิน

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สำหรับการระบายข้าวนั้นจะมีทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้การประมูล โดยเฉพาะการประมูลยกคลัง ในคลังที่มีข้าวสมบูรณ์ และจะต้องใช้เวลาที่เหมาะสม

ซึ่งทางประเทศจีนจะมีการลงนาม MOU ซื้อข้าวไทย 2 ล้านตัน ทั้งนี้ จะพยายามวางแผนระบายข้าวให้หมดภายใน 3 ปี และยังมองว่าในปีหน้าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะส่งออกข้าวได้เป็นอันดับ
หนึ่ง
------------------
นายกฯ รับต้องตรวจสอบกรณีข่าวว่า ทหารไทย ยิงหญิงกัมพูชา เสียชีวิต จะหารือ สมเด็จฮุนเซน อีกครั้งวันนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีทหารไทยยิงหญิงกัมพูชา เสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า ต้องมีการตรวจสอบกันก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ตามแนวชายแดน หรือเหตุการณ์ต่างๆ มีหลายเรื่องทั้งการปะทะกับพวกลักลอบตัดไม้ ซึ่งมีคณะทำงานคอยดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ทางรัฐบาลกัมพูชา ได้มีหนังสือถึงไทยตลอดเมื่อมีเหตุปะทะกัน อย่างไรก็ตาม การหารือกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ในวันนี้จะมีการพูดคุยกันในทุกเรื่อง

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ในช่วงเย็นของวันนี้ จะมีการลงนามความร่วมมือ 2 ฉบับ คือ การร่วมดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน และการซื้อสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพารา
-----------------------
"ยงยุทธ" เผย นายกฯ เตรียมเยือนจีน 22-23 ธ.ค. นี้ ทำ MOU 4 ฉบับ พร้อมดูงานศูนย์ควบคุมรถไฟความเร็วสูง

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 - 23 ธันวาคม 2557 ว่า นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปลงนามความมือและบันทึกความเข้าใจ 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งธนาคารชำระดุลเงินหยวนในประเทศไทยระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารประชาชนจีน 2.ทำความตกลงทวิภาคีแหล่งเปลี่ยนเงินตราสกุลหยวนและบาทเพื่อต่ออายุความตกลงฉบับเดิม 3.บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการทรัพยากรน้ำและการชลประทานระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน และ 4.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธนาคารแห่งประเทศจีน จำกัด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปดูงานที่ศูนย์ควบคุมรถไฟ สถานีรถไฟความเร็วสูง และทดลองนั่งรถไฟความเร็วสูงด้วย
------------------
นายกฯ ต้อนรับประธาน ADB ขอบคุณที่ให้เงินสนับสนุนทางวิชาการไทย ยันเดินหน้าปฏิรูปทุกด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายทาเกฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ ADB ที่เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ ที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS ซึ่ง ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับ นายทาเกฮิโกะ ในฐานะมิตรประเทศ พร้อมขอบคุณ ADB ที่ให้การสนับสนุนเงินทุนทางวิชาการ ซึ่งไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูปในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดนรวมถึงจะมีการพัฒนากิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ กฎระเบียบและมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้มีการเชื่อมโยงวัตถุดิบกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้

นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ ADB สนับสนุนการแก้ไขปัญหาการไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประเทศต่าง ๆ ด้วย

ด้าน นายทาเกฮิโกะ ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทย ในฐานะเป็นเจ้าภาพการประชุม GMS พร้อมจะสนับสนุนไทยให้เป็นแกนกลางประสานงานของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากเห็นว่าไทยมีประสิทธิภาพในการประสานงานและที่ตั้งของประเทศเหมาะสมกับการเป็นแกนกลาง
----------------------
พล.อ.ประยุทธ์ ต้อนรับนายกฯ จีน ร่วมเป็นสักขีพยาน MOU รถไฟทางคู่-สินค้าทางการเกษตร

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด ในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง ระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของไทย พร้อมด้วยกองทหารเกียรติยศ ยืนเรียงแถวให้การต้อนรับด้วย ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

ทั้งนี้ สำหรับกำหนดการเบื้องต้น นายกรัฐมนตรีจีน ลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ห้องสีงาช้าง (ด้านใน) ก่อนที่ผู้นำทั้งสอง และคณะ จะหารือข้อราชการ เมื่อเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการ พล.อ.ประยุทธ์ จะเชิญนายกรัฐมนตรีจีน ไปยังห้องสีม่วง เพื่อเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง จำนวน 2 ฉบับ คือ ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน และบันทึกความร่วมมือด้านสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพารา
------------------------
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยรัฐจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรก งบปี 58 แตะ 3.35 แสนล. สูงกว่าเป้า 2%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม-พฤศจิกายน 2557) จัดเก็บได้ 335,911 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการณ์ตามเอกสารงบประมาณ 6,490 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.0 โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 ที่สูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจและการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นสูงกว่าเป้าหมายเป็นสำคัญ นอกจากนี้ การบริโภคภายในประเทศยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงดังกล่าว
------------
"หม่อมอุ๋ย" เผย แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ไทย-จีน การค้าขยายตัวปีละ 20% ท่องเที่ยว 20% การลงทุนเพิ่ม 15%

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในงาน China-Thailand Business Forum and Luncheon ว่า ไทยมีความผูกพันกับประเทศจีนมายาวนาน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม โดยรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญด้านการพัฒนา ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 1 ปี 2550-2554 ได้บรรลุเป้าหมาย มีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้น การค้าขายแลกเปลี่ยนเติบโตขึ้น ขณะที่ด้านการส่งออกของไทย ไปยังประเทศจีน ปัจจุบันขยายตัวมากกว่าร้อยละ 12 ของการส่งออกไปยังทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ที่มีเพียงร้อยละ 2 ซึ่งแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับปัจจุบัน ระหว่างปี 2555-2559 ได้ตั้งเป้าหมายให้เกิดการค้าระหว่างไทย-จีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ต่อปี เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ต่อปี และการท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ต่อปี ซึ่งมั่นใจว่าจะบรรลุตามเป้า เนื่องจากนักธุรกิจจีนและไทย มีความกระตือรือร้น ร่วมธุรกิจเป็นอย่างดี
--------------------
"หม่อมอุ๋ย" ชวนนักธุรกิจจีนร่วมลงทุนอุตสาหกรรมโพแตซ ตั้งโรงงานผลิตสินค้าในไทย 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในงาน China - Thailand Business Forum and Luncheon ว่า จีนเป็นต้นแบบที่ดีในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางแบบครบวงจร โดยไทยจะยึดจีนเป็นแบบอย่างในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางของไทย ซึ่งนอกจากความร่วมมือการค้ายางพาราระหว่างไทย-จีน รัฐบาลจะชักชวนนักธุรกิจจีนให้ความช่วยเหลือพัฒนาอุตสาหกรรมยาง โดยพบว่ามีนักธุรกิจจีนสนใจที่จะลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งสินค้าขายในตลาดอาเซียน โดนเฉพาะ สินค้ายางล้อรถยนต์ ซึ่งนอกจากไทยจะเป็นแหล่งวัตถุดิบยางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ไทยยังมีความต้องการใช้ยางล้อรถยนต์จำนวนมาก จึงเป็นโอกาสที่จะสามารถขายสินค้าและทำให้แบรนด์ยางล้อรถยนต์ของจีนเป็นที่รู้จักมากขึ้น สามารถส่งออกขายในประเทศข้างเคียง นอกจากนี้ สินค้าที่สามารถแข่งขันด้านคุณภาพ และราคา อาทิ ด้านโซลาร์เซลล์ จีนสามารถใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้ เพราะไทยมีต้นทุนการกระจายสินค้าที่ต่ำ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางส่งสินค้าเข้าสู่ประเทศ มาเลเซีย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม

นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้กล่าวชักชวนให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมโพแตช ตั้งโรงงานผลิตสินค้าปุ๋ย ยา เคมีภัณฑ์ในไทย ซึ่งรัฐบาลจะเริ่มเปิดอนุมัติอุตสาหกรรมโพแตซภายในเดือนมกราคม 2558 ซึ่งไทยยินดีที่จะต้อนรับนักธุรกิจจากประเทศจีน
----------------------
ประกรรมการสภาหอการค้า เผย เอกชนพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อการพัฒนาร่วมกันใน GMS

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ หรือ GMS ครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เป็นครั้งแรก ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนในการเสนอข้อคิดเห็น ซึ่งประเทศไทย และประเทศสมาชิก ได้หารือกันอย่างใกล้ชิด ในฐานะพันธมิตร ที่จะต้องมีการพัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ให้เป็นเส้นทางของการลงทุน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระหว่างประเทศ นอกเหนือจากการเป็นเส้นทางการขนส่ง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของภาคเอกชนขณะนี้ คือ การพัฒนาของบุคลากรที่ไม่ได้มาตรฐาน จะต้องมีการพัฒนาร่วมกันอย่างไรเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการ โดยจะมีรวบรวมข้อเสนอให้ที่ประชุมผู้นำวันพรุ่งนี้
/////////////////
ปปช.ถอดถอน

สรรเสริญแจงยุติไตร่สวน 310 ส.ส. เพราะไม่มีอำนาจวินิจฉัยแล้ว หลังรัฐธรรมนูญปี 50 สิ้นสุดลง

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช. ยุติการไต่สวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 310 ราย กรณีร่วมกันเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมวาระ 3 เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 สิ้นสุดลงว่า เนื่องจาก ป.ป.ช. ได้สำรวจคดีค้างเก่าที่ยังไม่ได้วินิจฉัยพบว่ามีคำร้องขอถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 6 เรื่อง
อาทิ คำร้องขอให้ถอดถอน ส.ส. ที่ร่วมกันเสนอและเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประมาณ 3 เรื่อง คำร้องขอให้ถอดถอน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กระทำการขัดต่อ พ.ร.บ.การออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 โดยทั้งหมดเป็นคำร้องว่าฝ่าฝืนและกระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 50 ประเด็นเดียว ซึ่งปัจจุบัน ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจวินิจฉัยแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 สิ้นสุดลง จึงต้องส่งคืนไปให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะปฏิบัติหน้า ส.ว.

ทั้งนี้ ในส่วนคดีอื่น ๆ ที่ ป.ป.ช. จะเดินหน้าไต่สวนต่อ เพราะเป็นคำร้องที่มีการกล่าวหาทั้งกระทำผิดรัฐธรรมนูญ และยังมีความผิดตามกฎหมายและ พ.ร.บ.อื่น ๆ ด้วย
//////////////
ป๋าเปรม

"พล.อ.เปรม" ชี้ ปัญหาบ้านเมือง มี 2 เรื่องสำคัญ ความยากจน-การทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง แนะต้องกล้าสู้คนโกง

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและคณะรัฐบุรุษ กล่าวให้โอวาทภายหลังมอบระกาศนียบัตร หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์ป้องกันละปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 5 ว่า ประเทศมีปัญหาใหญ่อยู่ 2 อย่างคือ ความยากจน ซึ่งเป็นภาระของรัฐบาลที่จะต้องดูแลราษฎรให้ยากจนน้อย และปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่ยังมีอยู่มากในประเทศไทย และไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา เพราะต่างคนต่างคิดว่าไม่ใช่ธุระของตน

ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการปกครองที่เรียกว่า ธรรมาภิบาล เป็นวิธีการที่ช้าเกินไป ไม่ทันกับความเลวร้ายในเรื่องของการฉ้อราษฎร์บังหลวง ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับให้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เห็นว่าผู้ที่กระทำฉ้อราษฎร์บังหลวงต้องติดคุกนาน

นอกจากนี้ เราต้องกล้าหาญพอที่จะไม่ยกมือไหว้คนโกง รวมถึงสอนคนอื่นให้เกลียดคนโกง เพราะคนโกงคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมือง ถ้าไม่ช่วยกันทำ ถือว่าไม่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินและทำให้ชาติได้รับความอับอาย
/////////////////////////
ตลาดหุ้น

สำหรับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ปิดตลาดดัชนี ปรับตัวลดลง 2.44 จุด มาปิดที่ 1,514.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57,702.52 ล้านบาท

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ของธนาคารกสิกรไทย ล่าสุดเมื่อเวลา 13.22 น. มีดังนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ รับซื้อที่ 31.64 บาท ขายออก 33.08 บาท
///////////////////
คดีซาอุ

จำเลยคดี อุ้มฆ่า "อัลลูไวรี่" นักธุรกิจซาอุฯ แจ้งดำเนินคดีอัยการและตำรวจ หลังพบว่าช่วยเหลือพยานปากคำสำคัญที่มีหมายจับ

นางสาวรัศมี ไวยเนตร ทนายความ นำ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี จำเลยร่วมกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ ในคดีอุ้มฆ่า "อัลลูไวรี่" นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม พร้อมดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคล ทั้งอัยการ และตำรวจ กรณีให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก พยานปากสำคัญ ในคดีอัลลูไวรี่ ที่มีหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เดินทางออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยก่อนหน้านี้ได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานจเรตำรวจ ให้ตรวจสอบ ทางสำนักงานจเรตำรวจ จึงส่งเรื่องให้กองปราบปรามเป็นผู้ดำเนินการ

สำหรับคดีอัลลูไวรี่ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด กับพวกจำเลยรวม 5 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดี
----------------------
โฆษกอัยการ ระบุไม่สามารถเปิดเผยผลสอบวินัย อัยการฝ่ายต่างประเทศ พานักโทษหนีหมายจับ ไปยูเออี ชี้เป็นเรื่องภายใน 

นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ จำเลยคดีร่วมกันอุ้ม นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย และทีมทนายความ ได้เคยยื่นหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ตรวจสอบเพื่อขอให้ใช้กฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัว พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือ นายเกียรติกรณ์ แก้วผลึก ซึ่งเป็นนักโทษต้องคำพิพากษาที่หลบหนีหมายจับออกจากประเทศไทย ไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และขอให้ตรวจสอบ นางอินทรานี สุมาวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 2 หนึ่งในพนักงานอัยการโจทก์คดีอัลรูไวลี กรณีซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือ นายเกียรติกรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อีก 2 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.จิตติวัฒน์ พูนผล และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในการเดินทางจากประเทศไทย ไปยังยูเออี ว่า เรื่องการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้นเป็นเรื่องที่ทางตำรวจต้องเป็นผู้ทำเรื่องประสานมาเอง ซึ่งขณะนี้ตนก็ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว ต้องถามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าส่งมาแล้วหรือยัง ส่วนเรื่องที่ให้ขอให้สอบ นางอินทรานี นั้น ตนก็ยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของการตรวจสอบภายใน ถ้าคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ไม่ส่งเรื่องมาให้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้แถลง ตนก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกัน และเรื่องนี้ เป็นเรื่องภายใน ถ้า ก.อ. ไม่อนุญาตก็ไม่สามารถนำผลการสอบสวนมาแถลงได้ ส่วนคดีที่ไปแจ้งความหรือมีการเบิกความในชั้นศาลนั้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถเปิดเผย ให้รับทราบได้ทั่วกัน
///////////////////
คดีพงศ์พัฒน์

ผบก.น. 5 เผยคดีหมิ่นเบื้องสูง ม.112 โยง พงศ์พัฒน์ ส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบแล้ว รอสั่งการอีกครั้ง

พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เปิดเผยถึงกรณีคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. และในพื้นที่เขต ผบก.น.5 ว่า ในส่วนสำนวนของ สน.วัดพระยาไกร และสน.พระโขนง นั้นได้ส่งสำนวนคดีสรุปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะมีการส่งสำนวนกลับมาแล้ว โดยในส่วนสำนวนคดีมี พล.ต.ต.ภคพงษ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. เป็นผู้ดูแลสำนวนคดี

ด้านขั้นตอนการดำเนินงานหลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งสำนวนกลับมานั้น หากไม่มีความเห็นให้ทำการสืบสวนเพิ่มเติม ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลก็จะส่งสำนวนคดีดังกล่าวให้ พนักงานสอบสวนพื้นที่สรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการต่อไป
-----------------------
บช.น. ส่งสำนวนคดี 3 คดี เครือข่าย พงศ์พัฒน์ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ส่วนสำนวน สุดาทิพย์ ยังไม่เสร็จ

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีรายงานแจ้ง ว่า จากกรณีที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งสำนวนคดีที่เกี่ยวกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. และเครือข่าย ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ประกอบด้วย 3 สำนวน คือ สำนวนคดีทุจริตแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ สำนวนคดีการรับส่วยน้ำมันเถื่อน สำนวนคดีบ่อนการพนันนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ส่งสำนวนดังกล่าวกลับมา

ส่วนความคืบคดีของ นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา กรณีแอบอ้างเบื้องสูงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสำนวนคดี ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งสำนวนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาได้ภายในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคมนี้

/////////////////////
รองผู้บังคับการกองปราบปราม เผยคืบคดีลูกบอร์ด DSI หลอกขายหุ้น พบมูลค่าความเสียหายกว่า 800 ล้านบาท

พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายปาณสาร สมชีวิตา บุตรชายอดีตคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ดดีเอสไอ)
และอดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชน ด้วยการหลอกลวงขายหุ้น 3 บริษัท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณษ ระบุว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายปาณสาร แล้ว 29 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 858 ล้านบาท และจากการสอบสวนยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกบางส่วนยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความ ซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับหุ้นดังกล่าวด้วย

ส่วน นายปาณสาร ขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวในระหว่างฝากขัง และได้ให้การปฏิเสธ โดยไม่ให้รายละเอียดใด ๆ ระบุเพียงว่าจะคืนเงินให้กับผู้เสียหายทั้งหมด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครได้รับเงินคืนนอกจากนี้ พ.ต.อ.ณษ ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ แม้ว่าจะเป็นบุคคลที่ใกล้ชิด ซึ่งในการซื้อขายหุ้นควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ก่อนจะมีการลงทุน
////////////////////
คดีใต้ร่มพระบารมี

พนักงานอัยการ เข้าร้องทุกข์กองปราบปราม ถูกหลอกร่วมอบรมหลักสูตรเสาหลักเพื่อแผ่นดิน เสียหายกว่า 4 แสนบาท

นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม พนักงานอัยการ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดีกับ นายชัยรินทร์ นพเฉลิมโรจน์ กับพวกรวม 6 คน ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่วมกัน อั้งยี่ และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กรณีผู้ถูกกล่าวหาแอบอ้างนำตราสัญลักษณ์ มาใช้เปิดหลักสูตรอบรมเสาหลัก เพื่อแผ่นดิน "เกียรติยศ" ใต้ร่มพระบารมีรุ่นที่ 1 โดยมีผู้อบรมจำนวน 87 คน พร้อมเรี่ยไรเงินรายละ 1 แสนบาท ทั้งที่โครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง

ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ระหว่างอบรมยังถูกหลอกเรี่ยไรเงินเป็นค่าเดินทางไปอบรมที่ต่างประเทศอีกกว่า 4 แสนบาท และผู้เสียหายทั้ง 87 คน เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมือง ทหาร และนักธุรกิจ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 3 คน

ด้านพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ระบุว่า นายชัยรินทร์ ถูกควบคุมได้แล้วตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน และอยู่ในขั้นตอนการฝากขัง และยังอยู่ระหว่างการสอบสวน พร้อมจะทำเรื่องเสนอผู้
บังคับบัญชา พิจารณากรณีมีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นเพิ่มเติม
/////////////////////////
ยาเสพติด

เลขาฯ ป.ป.ส. เผย ไทยเป็นศูนย์กลางแพร่ระบาดยาเสพติดจริง สารตั้งต้นส่งมาจากจีนและอินเดีย เร่งสกัด

นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวกรณีสถานการณ์ยาเสพติด ในขณะนี้ว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดยาเสพติดจริง เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่อยู่เป็นแอ่งกระทะ จึงถูกใช้เป็นทางผ่านลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากชายแดนภาคเหนือ

โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศปลายทางของยาบ้า เพราะมีผู้เสพจำนวนมาก ส่วนเฮโรอีนและกัญชา ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปประเทศอื่น ซึ่งการแพร่ระบาดขณะนี้ มีการนำสารตั้งต้นมาจากประเทศจีนและอินเดีย ลำเลียงเข้าประเทศเมียนมา ที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ จากการตรวจพิสูจน์เม็ดยา ร้อยละ 80 พบเป็นการผลิตจากกลุ่มว้าและมูเซอ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะที่บ้านโป่งนก อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พบว่าประชากรส่วนใหญ่ 200-300 ครัวเรือน เป็นลูกมือขนลำเลียงยาเสพติด และใช้พื้นที่ในหมู่บ้านที่ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกันเป็นจุดพักยา

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ส. ยึดอายัดทรัพย์ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ไปแล้วกว่า 30 ล้านบาท และอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี รวมถึงขยายผลหลังพบว่ากลุ่มชาติพันธุ์ดังกล่าว มีการนำเงินไปซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนหลายแห่งหลายพื้นที่ เบื้องต้นพบว่ามีกว่า 1,000 ไร่ สำหรับพื้นที่เป้าหมายกดดันของ ป.ป.ส. มีอีกกว่า 70 หมู่บ้าน ขณะนี้ราคาซื้อขายยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ทั้งนี้ ยอมรับว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่พบว่า กลุ่มแรงงานไทยที่เดินทางไปใช้แรงงานในต่างประเทศ นำยาบ้าไปขายให้กับแรงงานท้องถิ่น ขณะนี้ ยังไม่พบว่าเป็นแรงงานที่แฝงตัวไปค้ายาแต่เป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยที่นำยาไปเสพเอง เพื่อให้ทำงานได้มากขึ้น
////////////////////
คดี กันต์

คืบหน้าคดี "กันต์" ดาราดัง มีเรื่อง ตร.โชคชัย แนะคู่กรณีเจรจายอมความกันดีกว่า คาดสัปดาห์หน้าจะเรียกมาพูดคุยกัน 

จากกรณี ผู้จัดการการตลาด บริษัท ดันฮัมบี้ จำกัด เดินทางเข้าแจ้งความกับ ตร.สน.โชคชัย เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับดารานักแสดงหนุ่ม กันต์ กันตถาวร หรือ ฟลุ๊ค ใน 3 ข้อหา ลักทรัพย์, ทำร้ายร่างกาย และดูหมิ่น หลังจากขับรถเฉี่ยวชนกันภายในซอยโยธินพัฒนา 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จนถูกดาราหนุ่มตบหน้าและยึดเอากุญแจรถไป ต่อมาทางดารานักแสดงหนุ่ม ก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความกลับ ในข้อหาชนแล้วหนีเช่นเดียวกันนั้น

พ.ต.อ.น้ำเพชร ทรัพย์อุดม พงส.ผทค.(หน.) สน.โชคชัย เปิดเผยว่า เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายที่จะแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรก็ได้ ซึ่งตนก็ได้รับเรื่องไว้ก่อนจะทำการสอบสวนต่อไป โดย
คดีของ นายกานต์ ที่แจ้งความเอาผิดกับดาราหนุ่มไว้ 3 ข้อหานั้น จากการสอบสวนในข้อหาลักทรัพย์เบื้องต้นพบว่า ดาราหนุ่มนั้นไม่ได้มีเจตนาหรือจงใจเอาไป ด้วยความทุจริต หรือเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง โดยแค่กลัวว่า นายกานต์ จะหลบหนี จึงได้ยึดกุญแจเอาไว้ ก่อนจะส่งคืนฝากไว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังไม่เข้าข่ายความผิด โดยเจ้าหน้าที่จะดูจากเจตนาเป็นหลัก ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายนั้นพบว่าไม่รุนแรง จึงน่าจะสามารถตกลงคุยกันได้ และในข้อหาดูหมิ่นนั้น ทางดาราหนุ่มก็ยอมรับว่า พูดไปจริง แต่เพราะด้วยความโมโห โดยทั้งสองข้อหานี้สามารถเปรียบเทียบปรับในชั้นพนักงานสอบสวนได้เลย

พ.ต.อ.น้ำเพชร เปิดเผยต่อว่า ส่วนคดีที่ดาราหนุ่มได้แจ้งความกลับในข้อหาชนแล้วหนี ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องนำรถคู่กรณีทั้งสองคันส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบหาร่องรอยจากการเฉี่ยวชนจากรถของทั้งสองฝ่ายเสียก่อน จึงจะสรุปได้ ทั้งนี้ ตนได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย อยากให้ทั้งคู่ได้เจรจากันก่อน หากสามารถตกลงกันได้จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับกันไป โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจึงจะเรียกมาเจรจากันได้

เนชั่นแถลงการณ์คงจุดยืนพร้อมรับมือถูกซื้อหุ้น

'เนชั่นกรุ๊ป'แถลงยืนหยัดทำหน้าที่สื่อรับผิดชอบสังคม

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"เนชั่นกรุ๊ป"แถลงการณ์ยืนหยัดทำหน้าที่สื่อรับผิดชอบสังคม "สุทธิชัย"ยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงการบริหารเครือเนชั่น

นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ ถึงกรณีที่ บริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 12.27 % ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว และลงทุนในใบสำคัญแสดงสิทธิ (NMG-W3) จำนวน 225 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินลงทุนรวม 1,042.32 ล้านบาท

โดยระบุว่า บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้ามาลงทุนของบริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งแผนการดำเนินงานของบริษัทขณะนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

นายสุทธิชัย กล่าวต่อว่า เนชั่นกรุ๊ป เป็นสถาบันสื่อ มีหน้าที่นำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างรับผิดชอบ และมีจริยธรรม บริษัทจึงขอยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารงาน และการทำงานสื่อ

บริษัทเนชั่นฯ จะยังคงรักษาจุดยืนของการเป็นสื่อมวลชนที่ดำรงไว้ซึ่งจริยธรรมในการนำเสนอข่าวสาร และทำหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติในสังคม เพื่อผลประโยชน์ต่อสาธารณชน นอกจากนี้ คณะผู้บริหาร ขอให้คำมั่นว่าจะดูแลปกป้องผลประโยชน์ของพนักงาน และ ผู้ลงทุนรายย่อย ให้ดีที่สุด

“ผมเป็นสุภาพบุรุษสื่อ ที่ผ่านมา เนชั่นกรุ๊ป มีนักลงทุนรายใหม่ เข้ามาถือหุ้น ซึ่งเราก็ยินดีต้อนรับ หากไม่เข้ามาแทรกแซงการบริหารงาน หรือมี Conflict of Interest กับการทำงานของสื่อ กรณี บริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหม่รายหนึ่ง เราก็ยินดีต้อนรับเช่นกัน และคาดหวังว่า พันธมิตร ผู้ถือหุ้น จะร่วมกันสนับสนุนการทำงานของเครือเนชั่น เพื่อผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ และสาธารณะ ” นายสุทธิชัย กล่าว

น.ส.ดวงกมล โชตะนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คณะผู้บริหารสื่อเครือเนชั่น และพนักงาน ขอยืนยันร่วมกันว่า จะปฏิบัติหน้าที่โดยยึดมั่นจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด

“เรามั่นใจว่า สื่อเครือเนชั่นมีโครงสร้างการทำงานที่เข้มแข็ง เป็นมืออาชีพ ในช่วง 10 ปีมานี้ยืนยันได้ว่า ไม่ว่าผู้ถือหุ้นจะเป็นใคร เนชั่นก็ยังสามารถยืนหยัดการทำงานสื่อได้ถูกต้อง นำเสนอข่าวสารอย่างรอบด้าน และเป็นธรรม มาโดยตลอด” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว

ปปช.คาดลงดาบฟัน"ปู"ปีหน้า

ปธ.ป.ป.ช.คาดลงมติฟัน "ปู" ผิดจำนำข้าวปีหน้า แต่คดี ส.ส.แก้รธน.สิ้นปีรู้ แย้มมีฟันเสียบบัตรแทน
ประธาน ป.ป.ช.คาดคณะทำงานร่วม อัยการสูงสุดคดีฟัน "ยิ่งลักษณ์" รับจำนำข้าวคงสรุปไม่ทันปีนี้ คงลงมติได้ปีหน้า ส่วนถอด 268 อดีตส.ส.แก้รธน.ที่มา ส.ว.มิชอบ ใกล้ยุติ ลงมติทันก่อน 31 ธ.ค. จ่อฟันอาญาพวกเสียบบัตรแทนกันด้วย
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับ อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญา โครงการรับจำนำข้าว ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า คาดว่าคณะทำงานคงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ทันในปลายปีนี้ เนื่องจากคณะทำงานฯไม่สามารถนัดประชุมครั้งสุดท้ายได้ทันภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะมีการประชุมนัดสุดท้ายประมาณต้นปี 58 โดยได้กำหนดวันนัดหารือเบื้องต้นไว้ในวันที่ 7 หรือ 14 ม.ค. ขึ้นอยู่กับฝ่าย อสส.จะสะดวกในวันใด ส่วนการไต่สวนการทุจริตการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์นั้น ได้เร่งรัดให้นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าว เร่งสรุปข้อเท็จจริงคดีนี้ภายในสิ้นปีนี้ แต่คาดว่า ป.ป.ช.คงจะลงมติตัดสินได้ไม่ทันภายในสิ้นปี น่าจะส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ชุดใหญ่ลงมติได้ในช่วงประมาณต้นปี 2558 มากกว่า
นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนการถอดถอนอดีตส.ส.จำนวน 268 คน กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบนั้น ข้อเท็จจริงต่างๆใกล้ได้ข้อยุติแล้ว คาดว่า ป.ป.ช.จะลงมติคดีดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเป็นการลงมติสรุปผลภายในครั้งเดียว จะไม่ทยอยชี้มูลความผิด ซึ่งนอกจากจะมีคดีถอดถอนแล้ว จะลงมติพิจารณาคดีอาญาด้วย เนื่องจากมีส.ส.บางคนมีพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157


เกาหลีใต้สั่งยุบพรรคที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ

เกาหลีใต้สั่งยุบพรรคการเมืองสนับสนุนเกาหลีเหนือ
ศาลรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้มีคำสั่งให้ยุบพรรคเอกภาพก้าวหน้า หรือยูพีพี ‪#‎UPP‬ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ โดยคำสั่งยุบพรรคนี้มีขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ขึ้นเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคยูพีพีเมื่อปีที่แล้ว โดยปัจจุบันพรรคดังกล่าวมีสมาชิกพรรค 5 คนเป็นสมาชิกรัฐสภา และก่อนหน้านี้สมาชิกพรรคบางคนถูกจับข้อหาพยายามก่อการกบฏ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลคอมมิวนิสต์และจัดการรวมชาติให้อยู่ภายใต้ระบอบสังคมนิยมของเกาหลีเหนือมาแล้ว
มีสมาชิกกลุ่มการเมืองต่างๆหลายร้อยคนไปรอฟังคำตัดสินใกล้ศาลรัฐธรรมนูญในกรุงโซล ซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้ต่อต้านพรรคยูพีพีจัดการประท้วง โดยมีตำรวจปราบจลาจลราวหนึ่งพันนายคอยรักษาการณ์
ผู้พิพากษา 8 ใน 9 คนเห็นควรให้ยุบพรรคยูพีพี โดยสมาชิกพรรคต้องสละตำแหน่งผู้แทนในรัฐสภา และห้ามตั้งพรรคการเมืองที่มีลักษณะคล้ายกันขึ้นมาอีก โดยประธานคณะผู้พิพากษาระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขจัดภัยคุกคามที่ทางพรรคนำมาสู่ระเบียบพื้นฐานของประชาธิปไตย
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลต่อเสรีภาพในการแสดงออกและการรวมตัวเป็นสมาคมในเกาหลีใต้ โดยเจ้าหน้าที่ขององค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า ไม่ควรนำปัญหาความมั่นคงมาเป็นข้ออ้างเพื่อจำกัดสิทธิในการแสดงความเห็นต่างทางการเมือง
‪#‎SouthKorea‬ ‪#‎NorthKorea‬


" ช่องข่าวสปริงนิวส์ เข้าฮุบซื้อหุ้นเครือเนชั่น เรื่องนี้ไม่ธรรมดา "

" ช่องข่าวสปริงนิวส์ เข้าฮุบซื้อหุ้นเครือเนชั่น เรื่องนี้ไม่ธรรมดา "
“สุทธิชัย-อดิศักดิ์” ต้าน “SLC” ฮุบ “เนชั่น” ลั่นพร้อมสู้อิทธิพลคุกคามทุกรูปแบบ ย้ำไม่ควรใช้เงินทุนที่น่าสงสัยเข้ามาถือหุ้น
“สุทธิชัย หยุ่น” ออกโรงต้าน “SLC” เข้าซื้อ “เนชั่น” เนื่องจากมีความเป็นห่วงว่าอาจมีการคุกคามความเป็นสื่อที่อิสระ เนื่องจากมีความน่าสงสัยหลายประเด็น ลั่น “เครือเนชั่น” มีความพร้อมที่จะตั้งรับการเข้ามาของ “SLC” ในทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้มีอิทธิพลด้านใดก็ตามเข้ามาคุกคามการทำหน้าที่สื่อมวลชน “อดิศักดิ์” แฉฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาน่าสงสัย และน่าเคลือบแคลง ย้ำไม่ควรใช้เงินทุนที่น่าสงสัยเข้ามาถือหุ้นคู่แข่ง
นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (19 ธ.ค.) บริษัทได้เรียกประชุมพนักงานในเครือ NMG เพื่อหารือถึงกรณีที่ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เข้ามาซื้อหุ้น NMG ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ในสัดส่วน 12.27% เนื่องจากมีความเป็นห่วงว่าอาจมีการคุกคามความเป็นสื่ออิสระของเครือเนชั่น เนื่องจากมีความน่าสงสัยหลายประเด็น ซึ่งทางเครือ NMG มีความพร้อมที่จะตั้งรับการเข้ามาของ SLC ในทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ทางเครือ NMG เห็นว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ควรจะตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจากมีหลายประเด็นแปลกๆ หลายเรื่อง และมีผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจาก SLC เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ซึ่งทำทีวีดิจิตอลช่องข่าวเช่นเดียวกับเครือเนชั่น เมื่อเข้ามาถือหุ้นก็จะรู้ข้อมูลของทางเนชั่น ทำให้สปริงนิวส์ได้รู้ความลับทางธุรกิจ ดังนั้น ตามกติกาธุรกิจก็เป็นความผิดอยู่แล้ว
ขณะที่ นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC เปิดเผยว่า เครือเนชั่นพร้อมตั้งรับทุกด้านเพื่อไม่ให้มีอิทธิพลด้านใดก็ตามเข้ามาคุกคามการทำหน้าที่สื่อ และตั้งข้อสังเกตว่า การเพิ่มทุนที่ผิดปกติของ SLC มีเจตนาน่าสงสัย และน่าเคลือบแคลง ดังนั้น ทางเครือเนชั่นจะผนึกกำลังกันเพื่อต่อสู้ทุกรูปแบบ โดยขอร้องว่าทาง SLC ไม่ควรใช้เงินทุนที่น่าสงสัยเข้ามาถือหุ้นคู่แข่ง และขอให้ขายหุ้นออกไปทั้งหมด ซึ่งทางเครือเนชั่นยินดีจะหาผู้ซื้อให้ ทั้งนี้ เพื่อจะได้เกิดการแข่งขันด้านคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ข่าว - ASTV
ภาพ - นายสุทธิชับ หยุ่น ประชุมระดับ บก.,หัวหน้าข่าวและ พนง.เนชั่น เล่าเรื่อง SLC เข้ามาถือหุ้นใน NMG เพื่อทำความเข้าใจให้ทุกคนพร้อมรับมือ (ภาพจากทวิตเตอร์ @adisaklive)


คนขับเสพยาบ้าชนนักข่าวสาวแกรมมี่

คนขับรถเสพยาบ้า ชนหญิงข้ามถนน เสียชีวิต ที่ ถนนอโศกมนตรี
ตร.นำตัวหนุ่มสุรินทร์ ขับรถชนสาวแกรมมี่เสียชีวิต ไปฝากขังเช้านี้ พบมีอาการเซื่องซึมตรวจเจอฉี่ม่วง สารภาพเสพยาบ้า...
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2557 พ.ต.ท.พีระณฤทธิ์ พรพีรพาน สารวัตรจราจร สน.ทองหล่อ เปิดเผยถึงการจับกุมคนขับรถบรรทุก ซึ่งฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรจนเกิดเหตุสลดชน น.ส.กาญจน์ภัสร์ ศิริประทุม ผู้สื่อข่าวบันเทิงสังกัดแกรมมี่ และเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เสียชีวิต ว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ นายสุริยา สุขบัว อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ก่อเหตุดังกล่าว พบมีอาการเซื่องซึม คล้ายคนติดยาเสพติด จึงนำตัวไปตรวจสารเสพติด พบปัสสาวะสีม่วง ก่อนให้การรับสารภาพว่าเสพยาบ้ามาจริง ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังแล้วที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
สำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าวในระยะยาว มองว่า ควรสร้างสะพานลอย หรืออุโมงค์คนข้าม เพราะในหนึ่งวันมีผู้ข้ามไป-มา จำนวนมาก ลำพังนิสิต มศว ก็มีปริมาณมากกว่า 1 พันคนแล้ว ยังไม่รวมถึงพนักงานออฟฟิศ ฯลฯ หากที่ดินไม่เพียงพอให้สร้างก็ควรเวนคืน หรือออกแบบให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งขณะนี้ก็พยายามพูดคุยกับ มศว เพื่อหาทางออกถึงเรื่องดังกล่าว
ส่วนการนำกล้องตรวจจับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟ (Red Light Camera) มาใช้บริเวณทางข้ามม้าลายอัจฉริยะ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่นั้นโดยส่วนตัวอยากให้มี แต่ติดที่งบประมาณ มองว่าการสร้างสะพานลอยคือทางออกที่ดีที่สุด
สำหรับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าสัญญาณไฟเสียบ่อยช่วงเช้า หรือเย็น หน้าอาคารแกรมมี่ ขอยืนยันว่า ไม่ได้เสีย แต่เป็นเพราะบางช่วงได้ปิดการใช้งาน เช่น ช่วงเวลาเร่งด่วน 06.00-09.00 น. เนื่องจากมีการจราจรคับคั่ง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโครงการพระราชดำริ คอยยืนโบกรถอำนวยความสะดวกให้คนข้ามอยู่แล้ว.
http://www.thairath.co.th/content/470012

คำต่อคำ"ป๋าเปรม"วันนี้

คำต่อคำ! “พล.อ.เปรม” : เราต้องกล้าหาญพอที่จะไม่ไหว้คนโกง
“…เราต้องกล้าหาญพอที่จะไม่ยกมือไหว้คนโกง คนโกงชาติบ้านเมือง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เป็นญาติพี่น้อง เป็นเพื่อนฝูงสนิทสนมกัน แต่ถ้าเขาได้ร่ำรวยมาเพราะเขาโกง โกงคุณ โกงผม โกงดิฉัน ผมคิดว่า เราไม่จำเป็นจะต้องยกมือไหว้เขาหรอก…”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นคำกล่าวโอวาทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ให้ต่อผู้จบหลักสูตร “นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง” (นยปส.) รุ่นที่ 5 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ขอขอบคุณคุณปานเทพ (กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.) ที่ให้ได้พบคนสำคัญของชาติบ้านเมือง และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตร ซึ่งเป็นประกาศนียบัตรที่สำคัญมากที่สุดในบรรดาประกาศนียบัตรทั้งหลาย
บ้านเมืองของเรามีปัญหาใหญ่อยู่ 2 อย่าง 1.คือความยากจน 2.คือที่เรากำลังจะปราบปรามกันอยู่นี่ คือการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหาความยากจน เป็นภาระของรัฐบาลที่จะต้องดูแลราษฎรที่ยากจนของเรา ให้ยากจนน้อยลง เรื่องยากจนนี่ก็สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วนเหมือนกับปัญหาที่เราศึกษากันอยู่
การฉ้อราษฎร์บังหลวง ยังมีอยู่มากในประเทศของเรา ยังแก้ไขให้หายไป หรือให้มีน้อยลง ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จแต่น้อยมาก เพราะต่างคนต่างคิดว่า ไม่ใช่ธุระของเขา ใครจะโกงอย่างไรก็เป็นเรื่องของคนนั้น ไม่ใช่เรื่องของคนที่ไม่โกง บางคนก็บอกไม่ใช่หน้าที่ของผม ไม่ใช่หน้าที่ของดิฉัน ใครมีหน้าที่ก็ทำไป บางคนก็บอกว่า จะไปเพาะศัตรูทำไม อยู่เฉย ๆ ก็ดีแล้ว อันนั้นเป็นความคิดที่แย่มาก
ใครคิดอย่างนั้นก็ต้องถือว่า ไม่ร่วมมือกันพัฒนาชาติ หรืออาจจะพูดว่า ไม่รักชาติก็ได้ บางคนก็สอนว่า ให้ใช้คุณธรรม จริยธรรม หรือการปกครองที่เราเรียกกันว่า ธรรมาภิบาล ก็ใช้ได้ แต่ผมว่า มันช้า ช้าจนอาจจะเรียกว่า ช้าเกินไป ไม่ทันกับความเลวร้ายในเรื่องของการฉ้อราษฎร์บังหลวง
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมขอ เรียนท่านทั้งหลายว่า เราจะต้องทำตัวเราเอง ให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องเงยหน้ากล้าพูดยืดอกว่า ผมไม่โกง ดิฉันไม่โกง ต้องกล้าหาญพอที่จะพูดอย่างนั้น แล้วก็ทำให้เขาดูว่า ที่ผมพูด ดิฉันพูด ดิฉันทำ ผมทำ
โดยสรุปก็คือ เราต้องกล้าหาญพอที่จะไม่ยกมือไหว้คนโกง คนโกงชาติบ้านเมือง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เป็นญาติพี่น้อง เป็นเพื่อนฝูงสนิทสนมกัน แต่ถ้าเขาได้ร่ำรวยมาเพราะเขาโกง โกงคุณ โกงผม โกงดิฉัน ผมคิดว่า เราไม่จำเป็นจะต้องยกมือไหว้เขาหรอก ผมอยากให้ทุกคนไปสอนคนอื่น ให้เกลียดคนโกง ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้ทุกคนเกลียดคนโกง เพราะคนโกงคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมืองของเรา
ผมว่า 5 รุ่นที่คุณปานเทพได้กรุณาเชิญมาอบรม ก็ล้วนแต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้ที่มีผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราต้องทำตัวอย่างให้คนเห็น คนข้างบนเรา คนข้าง ๆ เรา คนข้างล่างเรา ต้องเห็นว่า ผมไม่ใช่คนโกง ผมจะไม่โกง และก็ดิฉันจะไม่โกง นี่แหละเป็นสิ่งที่ผมเรียนเมื่อครู่ว่า มักจะพูดว่า ไปยุ่งทำไมไม่ใช่ธุระ ไม่ใช่หน้าที่ หน้าที่คุณปานเทพต่างหาก ผมอยากให้เปลี่ยน ให้ทุกคนเปลี่ยน เพราะสิ่งที่จะทำได้รวดเร็วที่สุด ต้องใช้ความรวดเร็วและรุนแรง ต้องทำคดีนี้ให้เร็ว และลงโทษให้รุนแรง ถ้าไม่อย่างนั้น ผมคิดว่า ลำดับที่ 85-86 ก็อยู่แค่นี้
ผมคิดว่า กฎหมายก็ดี ข้อบังคับระเบียบก็ดี จะต้องทำด้วยความรวดเร็วและรุนแรง ให้คนกลัวการกระทำนั้นว่า เป็นการกระทำที่คุณจะต้องติดคุกติดตารางนาน ๆ
การฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่สิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญกว่าการกระทำผิดกฎหมาย ก็คือความอับอายของชาติบ้านเมืองของเรา ใคร ๆ ก็บอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศขี้โกง ผมอยากให้พวกคุณอาย อยากให้พวกเราทั้งหลายที่เป็นผู้ใหญ่รู้สึกว่า ที่เขาว่าเราอย่างนั้น เราควรจะได้รับความอับอาย คุณปานเทพ ผม และพวกท่านทั้งหลาย อับอาย และก็แย่อยู่แล้ว แต่ถ้าประเทศของเราได้รับความอับอาย ผมคิดว่า เราปล่อยปละละเลยไม่ได้ เป็นหน้าที่ของเรา ที่อาสาเข้ามาช่วยชาติบ้านเมือง จะต้องแก้ไขความอับอายของชาติของเราให้ได้
ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันทำเรื่องนี้ ผมคิดว่า เราไม่ได้รักชาติ เราไม่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เราทำให้ชาติได้รับความอับอาย ตัวคุณ ตัวผม ตัวดิฉัน อับอาย ไม่เป็นไร แต่ชาติเราต้องได้รับความอับอาย เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ควรจะยอม ต้องไม่ยอม ต้องทำให้ได้ว่า ชาติเราไม่โกง หรือโกงแต่น้อย ความโกงในชาติของเราค่อย ๆ หายไปทีละนิด และจะหายไปในที่สุด ด้วยฝีมือของพวกเรา ด้วยความพยายามของพวกเรา ความเสียสละของพวกเรา ที่ทำให้ชาติบ้านเมืองของเรามีเกียรติ และเป็นชาติที่ไม่โกง
ผมขอร้องบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองของเราว่า จะต้องยืดอกอย่างสง่าผ่าเผย และก็พูดว่า ชาติไทยไม่โกง