PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

หลุด เอกสารประวัติรับทุน “สสส.”หึ่ง “สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อฯ”ผูกขาด 7ปีต่อเนื่อง อ้าง “สื่อสารสุขภาวะ”ถลุงไม่ต่ำ 96ล้าน จับตา “ขัดวัตถุประสงค์กองทุน”หรือไม่ ?

หลุด เอกสารประวัติรับทุน “สสส.”หึ่ง “สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อฯ”ผูกขาด 7ปีต่อเนื่อง อ้าง “สื่อสารสุขภาวะ”ถลุงไม่ต่ำ 96ล้าน จับตา “ขัดวัตถุประสงค์กองทุน”หรือไม่ ?
“สสส.” หรือ “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” นับเป็นอีกหนึ่งกองทุนใหญ่ สำหรับ “นักล่าฝัน” ที่จะนำโครงการเสนอ “ขอทุน” ไปดำเนินกิจกรรมต่างๆ
ด้วย พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 กำหนดให้ สสส.มีรายได้จาก “ภาษีสรรพสามิต ยาสูบและสุรา” ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ทำให้แต่ละปีมีงบประมาณกว่า 3,000-4,000 บาทขึ้นไป
แม้ “สสส.” ทำหน้าที่ จุดประกาย กระตุ้น สนับสนุน ประสานความร่วมมือเพื่อ ให้คนไทยริเริ่มกิจกรรมหรือโครงการสร้างเสริมสุขภาพโดยไม่จำกัดกรอบวิธีการ
แต่ด้วยงบประมาณ “หลายพันล้านบาท” ทำให้แต่ละปี มี “บุคคล-กลุ่มคน-นิติบุคคล” ไปจนถึงองค์กรต่างๆ เสนอโครงการขอรับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส. จำนวนมาก
และก็มี “บุคคล-กลุ่มคน-นิติบุคคล” และ “องค์กร” จำนวนไม่น้อยที่ “ผูกขาด” ทำโครงการเสนอรับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส. จนเป็น “เจ้าประจำ” ไปโดยปริยาย
โดยแหล่งข่าวระดับสูงจาก สสส. เปิดเผยว่า องค์กรหนึ่งที่ได้มีการนำโครงการเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส.เป็นประจำทุกปี 6-7 ปีติดต่อกันมา ก็คือ “มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย” ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ “สถาบันอิศรา” และ “สำนักข่าวอิศรา” สำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่ง
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า “สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย” ได้ทำโครงการเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส.มาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีบางโครงการที่ได้รับการอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการไปจนถึงปี 2558 
1.สัญญาเลขที่ 51000250 ชื่อ “โครงการปฏิรูประบบสื่อสารเพื่อสุขภาวะ” งบประมาณ 14,452,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 16 ก.พ.2551 -15 ส.ค.2552
2. สัญญาเลขที่ 52000823 ชื่อ “โครงการพัฒนาองค์ความรู้สื่อมวลชนเพื่อสนับสนุนระบบสื่อสารสุขภาวะ” งบประมาณ 5,590,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 1 ก.ย.2552 – 28 ก.พ.2554
3.สัญญาเลขที่ 52000849 ชื่อ “โครงการระดมความเห็นเพื่อจัดทำแผนงานปฏิรูประบบสื่อสารเพื่อสุขภาวะที่ดี” งบประมาณ 455,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 1 ก.ย.2552 – 31 ธ.ค.2552
4.สัญญาเลขที่ 53000103 ชื่อ “โครงการพัฒนาระบบศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” งบประมาณ 1,994,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลา 25 พ.ย.2552 – 30 พ.ย.2553
5.สัญญาเลขที่ 53000157 ชื่อ “โครงการแผนงานส่งเสริมระบบการสื่อสารเพื่อสุขภาวะ” งบประมาณ 19,670,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 1 ม.ค.2553 – 30 มิ.ย.2554
6.สัญญาเลขที่ 54000068 ชื่อ “โครงการระดมความเห็นบทบาทสื่อมวลชนต่อการปฏิรูปประเทศไทย” งบประมาณ 1,990,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 5 พ.ย.2553 – 31 ม.ค.2554
7.สัญญาเลขที่ 54000095 ชื่อ “โครงการศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทยเพื่อขยายการรับรู้และการมีส่วนร่วม” งบประมาณ 2,714,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 19 พ.ย.2553 – 30 พ.ย.2554
8. สัญญาเลขที่ 54000278 ชื่อ “โครงการการจัดเวทีสาธารณะเพื่อสื่อสารประเด็นร่วมสร้างประเทศไทย” งบประมาณ 195,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 1 มี.ค.2554 – 30 พ.ค.2554
9.สัญญาเลขที่ 54000279 ชื่อ “โครงการพัฒนาองค์ความรู้สื่อมวลชนเพื่อสนับสนุนระบบสื่อสารสุขภาวะ” งบประมาณ 6,649,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ระยะเวลาโครงการ 1 มี.ค.2554 – 31 ส.ค.2555
10.สัญญาเลขที่ 54000911 ชื่อ “โครงการส่งเสริมระบบการสื่อสารเพื่อสุขภาวะ” งบประมาณ 18,000,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ระยะเวลาโครงการ 1 ก.ย.2554 – 30 มิ.ย.2556
11.สัญญาเลขที่ 55000186 ชื่อ “โครงการศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ” งบประมาณ 1,700,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ระยะเวลาโครงการ 1 ก.พ.2555 – 31 ม.ค.2556
12.สัญญาเลขที่ 55000948 ชื่อ “โครงการพัฒนาองค์ความรู้สื่อมวลชนเพื่อสนับสนุนระบบสื่อสารสุขภาวะ” งบประมาณ 4,888,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ระยะเวลาโครงการ 15 ก.ย.2555-14 ก.ย.2556
13.สัญญาเลขที่ 56000569 ชื่อ “โครงการส่งเสริมระบบการสื่อสารเพื่อสุขภาวะ” งบประมาณ 12,973,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ระยะเวลาโครงการ 1 มิ.ย.2556 – 31 พ.ค.2557
14.สัญญาเลขที่ 56001809 ชื่อ “โครงการพัฒนาองค์ความรู้สื่อมวลชนเพื่อสนับสนุนระบบสื่อสารสุขภาวะ” งบประมาณ 5,200,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ระยะเวลาโครงการ 1พ.ย.2556-30 เม.ย.2558
เฉพาะแค่  14 โครงการตลอดระยะเวลาดังกล่าว เป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 96,470,000 บาท !!!
สสส1
สำหรับ “สถาบันอิศรา” นั้นชี้แจงสถานะเอาไว้ในเว็บไซด์ ( www.isranews.org ) ว่า ปีพ.ศ. 2547 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสภาการหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดตั้งมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชน ฯเพื่อดำเนินการกิจกรรมฝึก อบรมและส่งเสริมงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะด้านวิชาชีพ
ปีพ.ศ. 2548 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ จัดตั้ง “ศูนย์ข่าวอิศรา” ซึ่งเป็นการรวมตัว ของนักข่าวส่วนกลางจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อนำเสนอข่าวสารใน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่สถานการณ์ความไม่สงบมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก
ปีพ.ศ. 2550 มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนฯ ได้จัดตั้งสถาบันอิศรา เพื่อกำกับดูแลและจัดการงานการอบรมพัฒนาทักษะรวมทั้งงานผลิตข่าวสาร ต่อมาสถาบันอิศราได้พัฒนาขยายงานด้านการสื่อสาร โดยเพิ่มการผลิตข้อมูลข่าวสารเฉพาะด้านเพื่อเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ คือ ข่าวเพื่อชุมชน และ ข่าวนโยบายสาธารณะ ซึ่งได้พัฒนาขึ้นเป็นสำนักข่าวอิศราเมื่อปี 2554 โดยรวมศูนย์ข่าวอิศราเข้าไว้ด้วยกัน และมีศูนย์ข่าวสืบสวนเพิ่มเติมขึ้นในภายหลังอีกด้วย
น่าสังเกตว่าในเว็บไซด์ดังกล่าวได้ระบุอย่างชัดเจนถึงที่มา ทิศทาง และวัตถุประสงค์ของมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนฯ สถาบันอิศรา และสำนักข่าวอิศรา ในกามุ่งเน้นการเพิ่มทักษะวิชาชีพ การนำเสนอข่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ข่าวเพื่อชุมชนและข่าวนโยบายสาธารณะ รวมทั้งให้ความสำคัญกับข่าวสืบสวนสอบสวน แต่กลับไม่ได้มีการกล่าวถึง “การสื่อสารเพื่อสุขภาวะ” ตามที่ได้มีการเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจาก สสส. แม้แต่น้อย 
เมื่อตรวจสอบในส่วนของ “กองทุน สสส.” ซึ่งบัญญัติเอาไว้ใน “พระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544” มาตรา 5 ระบุว่า ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า “กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” 
ให้กองทุนเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
(1) ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพในประชากรทุกวัยตามนโยบายสุขภาพแห่งชาติ
(2) สร้างความตระหนักเรื่องพฤติกรรมการเสี่ยงจากการบริโภคสุรา ยาสูบ หรือสาร หรือสิ่งอื่นที่ทำลายสุขภาพ และสร้างความเชื่อในการสร้างเสริมสุขภาพแก่ประชาชนทุกระดับ
(3) สนับสนุนการรณรงค์ให้ลดบริโภคสุรา ยาสูบ หรือสารหรือสิ่งอื่นที่ทำลายสุขภาพ ตลอดจนให้ประชาชนได้รับรู้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(4) ศึกษาวิจัยหรือสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัย ฝึกอบรม หรือดำเนินการให้มีการ ประชุมเกี่ยวกับการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(5) พัฒนาความสามารถของชุมชนในการสร้างเสริมสุขภาพโดยชุมชน หรือองค์กรเอกชน องค์กรสาธารณประโยชน์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
(6) สนับสนุนการรณรงค์สร้างเสริมสุขภาพผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในลักษณะที่เป็นสื่อเพื่อให้ประชาชนสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และลดบริโภคสุรา ยาสูบหรือสารหรือสิ่งอื่นที่ทำลายสุขภาพ
การใช้ “งบประมาณ” ของ “มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนฯ” อันเป็นต้นสังกัดของ “สถาบันอิศรา” ไปจนถึง “สำนักข่าวอิศรา” ที่มาจาก “กองทุน สสส.” นั้น ถูกต้องตาม “วัตถุประสงค์ของกองทุน” ที่กฎหายบัญญัติเอาไว้หรือไม่ ??? 
ซึ่งกองทุน สสส. ที่มาจาก “ภาษีสรรพสามิต ยาสูบและสุรา ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี” ซึ่งทุกบาททุกสตางค์ คือเม็ดเงินที่มาจากกระเป๋าประชาชนคนไทย ทั้งสิ้น !!!
สสส2

เพจฝ่ายทหาร โพสโฉมหน้า ตร.บุกจับยาเสพติดค่ายทหารเสือราชินี

1 ชม. · 
(ที่มา เพจ Diary Army )ข้อมูลจากฝ่ายทหาร ล่าสุด
ตำรวจบุกเข้าไปยิงทหารถึงในค่าย (เรื่องและภาพจากแฟนเพจ)
13/03/57 เวลา 21.30 เกิดเหตุ ตำรวจถือวิสาสะ บุกพื้นที่ทหาร เข้ามา ยิงทหาร ในหน่วย มทบ.14 ชลบุรีโ ดยผ่านกองรักษาการณ์ เข้ามา โดยไม่ได้รับอนุญาติ โดยข้อมูล ขั้น ต้น เป็นกลุ่มตำรวจ6นาย ได้ขับรถยนต์ผ่านป้อมยามรักษาการณ์เข้ามาได้เนื่องจาก1ในนั้นเป็นบุตรของกำลังพลในค่ายและได้เข้าดักรอ ส.อ.อารยะ หาญกล้า อายุ 25 ปี นนส ทบ 12 ทหารสังกัด กองร้อย สห. หน้าบ้านพักของผู้เสียชีวิต โดยสภาพที่เกิดเหตุผู้เสียชีวิตนอนใส่กางเกงในตัวเดียว โดนยิงจากด้านหลัง เสียชีวิตทันที และผู้อยู่ในที่เหตุการณ์ ได้บอกว่า มีการไล่ยิงผู้เสียชีวิตที่พึ้งขับรถกลับมาถึงบ้าน และได้มีเสียงตะโกนบอกว่ายอมๆ แล้ว กลุ่มเจ้าหน้าที่ตรได้นำตัว ผู้ตายเข้าไปในบ้าน และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ก่อนที่ กลุ่ม เจ้าหน้าที่ ตร จะ รีบออกมา แต่ทางเจ้าหน้าที่รักษาการณ์เข้ามาจึงเข้าระงับเหตุ กลุ่ม เจ้าหน้าที่ ตร กลุ่มนี้ ได้หลบหนี แต่ควบคุมผู้ก่อเหตุ ได้ 1 คน โดยเจ้าหน้า ตร นายนี้ให้การว่า เป็นชุดสืบยาเสพติด เข้ามาจับกุม ผู้เสียชีวิต และได้ทำปืนลั่นใส่ผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่รักษาการจึง ควบคุมไวที่ห้องขังกองรักษาการณ์ จนเวลาเช้าเจ้าหน้าที่ ตร ได้ มารับตัวไป และในขณะนี้ ไม่สามารถติดตามผู้ก่อเหตุได้ และ ทาง เจ้าหน้าที่ ตำหรวจไม่ยินยอมให้ทำข่าว
และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค2 ได้ เข้าพบผู้บังคับบัญชาทางทหารแล้ว
เหตุเกิดในค่าย นวมินทราชินี อ.เมือง จ.ชลบุรี

สมชัย ศรีสุทธิยากร :จบแต่เริ่มใหม่

สมชัย ศรีสุทธิยากร
จบแต่เริ่มใหม่

ไม่ว่าในวันที่ 21 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติอย่างไร ระหว่างการเลือกตั้งโมฆะ หรือเดินหน้าต่อ 28 เขตที่เหลือ
คือจุดจบของการเริ่มต้นปัญหารอบใหม่ทั้งสิ้น

หากชี้ว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ
กกต.และรัฐบาลต้องไปตกลงกันว่าจะออกพระราชกฤษฎีกา  กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน
ก็จะเป็นประมาณอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม
แต่กระแสมวลชนทั้งฝ่าย นปช. ที่อาจไม่ยอมรับคำตัดสินหรือฝั่ง กปปส. ที่ยังอาจยืนยันปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จะนำสถานการณ์ของประเทศไปสู่มุมอับยิ่งขึ้นอย่างไรไม่ทราบได้

หากชี้ว่า 28 เขตเดินหน้าต่อได้
ไม่รัฐบาลหรือ กกต.สักฝ่ายคงต้องรับไปดำเนินการต่อ
การเลือกตั้งในส่วนนี้น่าจะจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ในวันที่ 20 เมษายน  และเลือกตั้งจริง ในวันที่ 27 เมษายน พร้อมกับจังหวัดอื่นที่ยังไม่เสร็จ และอาจต้องเก็บตก 22 เขตที่มีผู้สมัครรายเดียวและอาจต้องเลือกอีกรอบหรือสองรอบ ซึ่งน่าจะจัดการได้เสร็จประมาณปลาย พฤษภาคม พอๆกัน แต่ก็ยังไม่แน่ว่า จะมีการคัดค้าน ขัดขวาง ให้ไม่สำเร็จอีกหรือไม่

ไปซ้ายก็ไม่จบง่าย ไปขวาก็ใช่ว่าจะปลอดโปร่ง
ทำใจได้เลยว่า ภาวะแบบ 7 เดือนที่ผ่านมายังซ้ำซากในรูปแบบเดิม
ขึ้นอยู่กับใครจะอดทน หรือ ทนทานได้กว่ากัน
ตราบใดที่ต่างฝ่ายมุ่งสะสมกำลัง มุ่งแต่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้าม
ต่างคิดว่าอีกนิดก็จะชนะ แล้วอีกนิดมานานแค่ไหนแล้ว

ท้ายสุดก็ต้องจบด้วยการเจรจา
แต่กว่าจะสำเหนียกว่าต้องหันหน้ามาเจรจา
ประเทศจะยับเยินไปถึงเพียงไร
ถึงวันนั้น จะโหยหาหาคนกลาง
ก็คงมีคนที่มีใจ ช่วยรับหน้าที่คนกลางหรอก !!

ประเทศไทย
19 มีนาคม 2557

ป.ป.ช.ลงมติปมถอดถอน 'สมศักดิ์-นิคม' พรุ่งนี้

ป.ป.ช.ลงมติปมถอดถอน 'สมศักดิ์-นิคม' กรณีแก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.พรุ่งนี้ (20 มี.ค.)

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันพรุ่งนี้ (20 มี.ค.) คณะทำงานจะสรุปสำนวนคดีถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 เนื่องจากร่วมกันลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่าจะลงมติชี้มูลความผิดได้หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งการไต่สวนพยานและการทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกร้อง

ส่วนกรณี 308 ส.ส. และ ส.ว. ที่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

นักชกประวัติศาสตร์"ขวัญชัย วรสูตร"

คิด
นักชกประวัติศาสตร์ ซึ่งมีนามเรียกขานกันว่า ขวัญชัย วรสูตร อายุ 27 ปีนักศึกษาหนุ่ม จากคณะรัฐศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เวลาราว 16.00 น. ของวันที่ 10 พฤศจิกายน 2528 เมื่อ 25 ปีที่แล้ว เขาทิ้งหมัดขวาตรงสุดแรงหมัดเดียว เข้าเต็มหน้า อำมาตย์ใหญ่ ที่ชื่อ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี
อำมาตย์เปรมหงายตึงและทรุดลงกับที่นั่งประธานบนอัฒจรรย์ สนามกีฬาหัวหมาก ขณะที่กำลังนั่งชมฟุตบอลคู่ชิงชนะเลิศ ในวันพิธีปิดกีฬามหาวิทยาลัย
แผลแตกลึกที่ดั้งจมูกยาวเกือบ 2 เซนติเมตร เลือดทะลักอาบหน้า!
นักชกหนุ่มมือสมัครเล่น ขวัญชัย วรสูตร ยังยืนชี้หน้าอำมาตย์และตะคอกสำทับด้วยวาจาว่า “หมั่นไส้มานานแล้ว!” และคำสบถตามมาอีกหลายประโยค
อำมาตย์เปรมตะโกนติดสำเนียงใต้ว่า"อย่าให้มันฉกกู๋" แล้วเรียกลูกน้องและผู้อารักขาเข้ามาช่วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ 3-4 คน เมื่อหายตะลึง ก็รีบพากันกรูกันเข้ามารุมล๊อคตัว สับกุญแจมือไขว้หลังเอาไว้ในนาทีถัดมา โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแม้แต่น้อย
หลังจากชกหมัดขวาหมัดเดียวเข้าเต็มๆ หน้าอำมาตย์เปรม ขวัญชัย วรสูตร ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมให้ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านั้น และเขาก็ไม่ได้พยายามต่อสู้หรือหลบหนีการจับกุมแต่อย่างใด
แน่นอนที่สุด นี่เป็นความตั้งใจและได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี
ขวัญชัย วรสูตร ขอชกแบบจะๆ เพียงหมัดเดียว แล้วก็ยืนดูอย่างไม่สะทกสะท้านอันใด
พ.ต.ท.สวง มีแทน สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ต้องรีบเรียกหน่วยพยาบาล ช่วยกันหามอำมาตย์เปรมซึ่งขณะนั้นก็มีอายุปาเข้าไป 65 ปีแล้ว รีบนำตัวส่งไปเข้ารับการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎในทันที
รายงานของคณะแพทย์ปรากฎว่า บาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกล้ามเนื้อของจมูก ดั้งจมูกแตก ลึกเป็น 3-4 แฉก คณะแพทย์ต้องระดมตรวจเช็คด้วยเครื่องมืออุปกรณ์โดยละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการกระทบกระเทือนไปถึงสมองและส่วนอื่นๆ ของศีรษะ
รองศาสตาจารย์สุขุม นวลสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงในขณะนั้น ต้องแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งในวันรุ่งขึ้นทันที เพื่อรับผิดชอบที่นักศึกษาในสถาบันของตนได้ก่อเหตุชกหน้านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในขณะนั้น ต่อหน้าต่อตาอธิการบดีด้วยซ้ำ
อำมาตย์เปรมต้องนอนพักรักษาตัวอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถออกมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อได้
ต่อมา ก็ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ยอมรับภายหลังเหตุการณ์ ว่า “ป๋าเห็นดาวเลยละลูกเอ๋ย...”
เด็กหนุ่มนักศึกษารามฯ ขวัญชัย วรสูตร มีพื้นเพเป็นคนกรุงเทพ บ้านอยู่ในซอยสุสาน แถวเขตบางรัก ได้สร้างวีรกรรมไว้จนเป็นที่สะใจไม่น้อย สำหรับคนรักประชาธิปไตยในยุคนั้น
เพราะอำมาตย์เปรมขณะนั้น นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากว่า 5 ปี ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 แล้ว ในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ อำมาตย์เปรมถูกสังคมตำหนิว่าขึ้นมามีอำนาจโดยใช้กองทัพหนุนและไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง
ไม่น่าเชื่อว่าชื่อ ขวัญชัย วรสูตร จะกลายเป็นที่กล่าวขานอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 2 ทศวรรษครึ่ง มาถึงเวทีของคนเสื้อแดงในวันนี้
ขณะที่เรียนหนังสืออยู่ปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ใกล้จะเรียนจบเป็นบัณฑิตทางรัฐศาสตร์อยู่แล้ว แต่ทำไม ขวัญชัย วรสูตร เลือกที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตใหม่ ด้วยความพยายามที่จะสื่อสารและบอกกล่าวให้ผู้คนในสังคมไทย รับรู้ถึงตัวตนของอำมาตย์เปรมที่แท้จริง
ขณะนั้นเขามิได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่า เส้นทางชีวิตของเขาจะผกผันหันไปสู่เส้นทางอำมหิต กระทั่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่ความตายที่น่าสยดสยองของเขา ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา
การแสดงออกด้วยความรุนแรง แม้เพียงการเข้าทำร้ายแบบมือเปล่าที่ ขวัญชัย วรสูตร ได้ก่อเหตุขึ้นนั้น ในมุมมองของสังคมไทยโดยทั่วไปอาจจะรับไม่ได้
แต่ในเชิงสัญญลักษณ์แล้ว กล่าวได้ว่า เขาทำได้สำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ และเสียสละที่จะดำเนินการด้วยตนเองเพียงคนเดียว ภายใต้ขอบเขตที่เขาควบคุมระดับของความรุนแรงไว้ เป็นไปตามที่ได้วางงานมาเป็นอย่างดี
สังเกตุได้จากการที่เขาไม่ใช้อาวุธใดๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของอำมาตย์เปรมหละหลวมมาก เขาตั้งใจเพียงการชกหน้าอำมาตย์เปรมหมัดเดียว แล้วยืนดูไม่เข้าไปทำร้ายซ้ำเติม อีกทั้งไม่ขัดขืน ไม่ต่อสู้ และให้ความร่วมมือในการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ตลอดจนการรับสารภาพในการกระทำความผิดแต่โดยดี เพื่อให้การดำเนินคดีราบรื่นไปจนคดีถึงที่สุดโดยเร็ว และเขาก็น้อมรับการลงโทษสั่งจำคุก 3 เดือนโดยคำพิพากษาของศาล ว่าไปตามกบิลเมืองอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด
ไม่น่าเชื่อเลยว่านับจากวันนั้น ขวัญชัย วรสูตร ก็ได้กลับกลายผู้ถูกกระทำเข้าบ้าง ตกเป็นเหยื่ออำนาจอธรรม เหยื่อของความรุนแรงเสียยิ่งกว่า ป่าเถื่อนยิ่งกว่านับแสนนับล้านเท่า
ในที่สุด มนุษย์ใจบาปได้พกความอาฆาตพยาบาท แม้ว่าได้จองจำเขาไว้ในคุกแล้ว ก็ยังตามไล่ล่าเอาชีวิตและไล่ล่าเอาวิญญาณของเขา ด้วยน้ำมือของฆาตรกรเลือดเย็น
เขาถูกหาว่าเป็นคนวิกลจริต ถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้า ไปตรวจสภาพความบกพร่องทางสมอง หรือจะโดนกระทำอะไรต่อมิอะไรในสถานที่เหล่านั้นเพิ่มก็ไม่มีใครทราบได้
ขวัญชัย วรสูตร ถูกรุมจับกดน้ำตาย เป็นข่าวเล็กๆ ข่าวสุดท้ายที่ได้ยินเกี่ยวกับเขา ในไม่กี่วันหลังจากศาลสั่งจำคุก
ต้องประณามว่า นี่มันเป็นพฤติกรรมของสัตว์นรก ที่มีจิตใจอำมหิตเกินกว่าปุถุชนทั่วไปจะกระทำต่อกัน
ในสงครามต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงยามนี้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ ในวันนี้ของ ขวัญชัย วรสูตร จะมีอายุ 52 ปีเต็ม
เชื่อมั่นได้เลยว่า รัฐศาสตร์บัณฑิตในวัยหนุ่มใหญ่คนนี้ ย่อมจะต้องเลือกยืนอยู่เคียงข้างกับคนเสื้อแดงในทุกสมรภูมิรบ เพื่อเรียกหาความเป็นธรรมและประชาธิปไตยเต็มใบ
ในยามนี้ เพื่อกระตุ้นเตือนและระลึกถึงจิตใจที่กล้าเสียสละ กล้าต่อสู้ ของหมู่มิตรสหายคนเสื้อแดง ที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตไปในหลายเหตุการณ์ ของการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
จึงอยากจะให้เราน้อมจิตใจเพื่อรำลึกถึง 1 ในผองเพื่อนผู้ล่วงลับจำนวนมาก ในบรรดาผู้โดยสารขบวนรถไฟสายประชาธิปไตย
ร่วมคารวะดวงวิญญาณ ขวัญชัย วรสูตร ผู้ล่วงลับ แม้เขาจะได้ตายจากไปยี่สิบกว่าปีแล้ว
กระดูกร้องไห้ ถามหาความยุติธรรม อย่างสำนวนไทยที่คนโบราณว่าไว้ ให้ผู้ใดก็ตามที่มันก่อกรรมทำเข็ญกับบ้านเมืองได้พึงสังวรไว้...

ตำรวจจับ"มือปืนป๊อปคอร์น"!!ได้แล้ว


ตำรวจตามจับได้แล้ว"มือปืนป๊อปคอร์น"!! หนีไปกบดานที่สุราษฎร์ธานี คุมตัวเข้ากทม.

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16:19:56 น.

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม หลังจากตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายนิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ มือปืนป๊อปคอร์น ที่ก่อเหตุบริเวณแยกหลักสี่ ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธปืน และฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวานนี้ ล่าสุดพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมมือปืนป๊อบคอร์น หรือ นาย วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลได้แล้ว โดย นายวิวัฒน์ หรือ มือปืนป๊อบคอร์น ถูกจับกุมที่ตลาดแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อเวลาประมาณ 14.00 ของวันนี้

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า นายวิวัฒน์ หลบหนีจากกรุงเทพมหานคร ไปกบดานอยู่ที่บ้านภรรยาของลูกพี่ คนหนึ่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยลูกพี่ของนายวิวัฒน์ คนดังกล่าวเป็นหัวหน้าการ์ด กปปส. ซึ่งประจำอยู่ที่เวทีแจ้งวัฒนะ และขณะนี้นายวิวัฒน์อยู่ระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสืบสวนขยายผล ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับการปฏิบัติการจับกุมมือปืนป็อบคอร์น ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ครั้งนี้ เป็นการสนธิกำลัง ระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 2 และ กองกำกับการตำรวจภูธรภาค 1


เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส. เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับรายงานจาก พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมมือปืนป๊อบคอร์น หรือ นาย วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลได้แล้ว โดย นาย วิวัฒน์ หรือ มือปืนป๊อบคอร์น ถูกจับกุมที่ตลาดแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อเวลาประมาณ 14.00 ของวันนี้ 19 มี.ค. 57 โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า นายวิวัฒน์ หลบหนีจากกรุงเทพมหานคร ไปกบดานอยู่ที่บ้านภรรยาของลูกพี่ คนหนึ่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยลูกพี่ของ นาย วิวัฒน์ คนดังกล่าวเป็นหัวหน้าการ์ด กปปส. ซึ่งประจำอยู่ที่เวทีแจ้งวัฒนะ

ทั้งนี้ ภายหลังถูกจับกุม นาย วิวัฒน์ หรือ มือปืนป็อบคอร์น ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุในเหตุการณ์รุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่หลักสี่ ซึ่งปรากฎเป็นภาพข่าวใช้อาวุธปืนยิงจากถุงป๊อปคอร์นจริง และขณะนี้ นาย วิวัฒน์ อยู่ระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสืบสวนขยายผล ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับการปฏิบัติการจับกุมมือปืนป็อบคอร์น ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ครั้งนี้ เป็นการสนธิกำลัง ระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 2 และ กองกำกับการตำรวจภูธรภาค 1 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเตรียมแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้(20 มี.ค.)

เผยภาพเครื่องบินสีขาวเหนือป่าทึบ อาจเป็น MH370

เผยภาพเครื่องบินสีขาวเหนือป่าทึบ อาจเป็น MH370

เว็บไซต์ TomNod ได้โพสต์ภาพ เครื่องบินสีขาวบินอยู่เหนือป่าทึบ ถูกเผยแพร่โดยเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไต้หวัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบว่าภาพดังกล่าวถูกถ่ายที่บริเวณใดและเป็น เครื่องบินMH370 จริงหรือไม่
ทั้งนี้ภาพดังกล่าวก็ไปสอดคล้องกับคำบอกกล่าวของชาวประมงในมาเลเซียที่ว่า เห็นเครื่องบิน บินอยู่ในระดับต่ำ บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และน่าจะเป็นช่วงที่เครื่องบินกำลังหันหัวกลับ
ขณะที่ เจ้าหน้าที่สืบสวน เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทม์ส ว่า พวกเขาคิดว่า เครื่องบินได้บินอยู่เหนือหมูบ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่ได้รับแจ้งจากชาวประมงในคืนที่เครื่องบินล่องหนไปอย่างลึกลับ

สำหรับเว็บไซต์TomNod ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชิญชวนชาวเน็ต ร่วมกันเป็นอาสาสมัครค้นหาเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปอย่างลึกลับ ขณะนี้มีสมาชิกแล้วกว่า 500,000 ราย


ข้อมูลจากตำรวจสันติบาล กรณีตร.บุกจับยาเสพติดในค่ายทหารเสือราชินี

ข้อมูลจากตำรวจสันติบาล ////
เนื่องจากมีข่าวการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในเมืองชลบุรี และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจพื้นที่ได้ถูกยิงเสียชีวิตก่อนหน้านี้ (คนยิงเป็นทหาร) สาเหตุจับพี่เมียค้ายาเสพติด และวันเกิดเหตุ จนท.ตร.ได้ล่อ ซื้อยาไอซ์จำนวนมากได้ผู้ต้องหาก่อน 2 คน นำไปสู่การซัดทอดทหารที่เสียชีวิต ทาง ตร.เกรงว่าหากปล่อยเนิ่นนานยาเสพติดจำนวนมากจะถูกเคลื่อนย้าย ตร. จึงได้ประสาน นายทหารระดับเสธฯ ของกองพันเข้าติดตามจับ เมื่อถึงบ้านที่เกิดเหตุ พบผู้ตายกำลังเคลื่อนย้ายยาเสพติดออกจากที่เกิดเหตุ จึงได้เข้าจับ โดยใช้วิธีกดให้นอนคว่ำหน้าเกิดเหตุปืนลั่นเข้าใส่ทหารดังกล่าวเข้ากลางหลัง 1 นัดจนทำให้ทหารเสียชีวิตทันที .....(ก่อนที่จะมีการจับกุม ทหารนายนั้นได้วิทยุเรียกพักพวกเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ) และทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายหลบหนีไปได้ 4 นาย อีกหนึ่งนายโดนควบคุมตัวไว้ที่กองรักษาการณ์....
ทหารผู้เสียชีวิตชื่อ ส.อ. อารยะ หาญกล้า NCO 12
ขอขอบคุณแหล่งข่าวมา™ณ ที่นี้
:::: สำนักข่าวโอไอเอ็น ::::


หมายข่าวเศรษฐกิจ19/3/57

กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--อินโฟเควสท์
วันพุธที่ 19 มีนาคม 2557
10.00 น.                     ช.การช่าง จัดงานแถลงข่าว “ช.การช่าง แถลงผลประกอบการปี 2556 พร้อมทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อขยายฐาน
ไปสู่เออีซี” ณ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)

11.00 น.                     ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานแถลง “เปิดมุมมอง
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คนที่ 5”
ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ

12.00 น.                     ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) แถลง
ข่าว ทิศทางการดำเนินธุรกิจภายใต้แผน The Greater
Mekong กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในเขตลุ่มแม่น้ำแม่โขง
ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพฯ
13.00 น.                     ธนาคารกสิกรไทย จัดงานสัมมนา "แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและ
เศรษฐกิจไทย" ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร

13.00 น. - 15.30 น.          'นิด้า'แถลงผลพยากรณ์เศรษฐกิจ ผลของวิกฤติการเมือง
กับเศรษฐกิจไทยปี 2557” พร้อมอภิปราย เรื่อง"ปัญหา
ราคาน้ำมันของไทย : ความจริงคืออะไร?" ณ อาคารสยาม
บรมราชกุมารี ชั้น 2 ห้อง 202 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริ
หารศาสตร์

13.30 น.                     บลจ.กรุงศรี จัดงานสัมมนา “วางเส้นทางการลงทุนตามทิศ
เศรษฐกิจโลก” ณ อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์

14.30 น.                     ศศินทร์ร่วมกับธนาคารแสตนดารตชาร์เตอร์จัดเสวนาพิเศษ
“มองเศรษฐกิจโลก” จากผู้นำระดับโลก “ปีเตอร์ แซนด์ส”
ณ อาคารศศปาฐศาลา ศศินทร์

อภิชัย รัตนวราหะ : เมืองไทย จะเกิดสงครามกลางเมืองหรือไม่

อภิชัย รัตนวราหะ : เมืองไทย จะเกิดสงครามกลางเมืองหรือไม่

วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23:12:40 น.

 โดย อภิชัย รัตนวราหะ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


"ไม่มีแผ่นดินใดอยู่ได้บนพื้นฐานของความขัดแย้ง ไม่มีชาติใดมั่นคงได้หากชาติยังแตกแยก"
(สงครามกลางเมือง : วีระชัย โชคมุคดา) พ.ศ.2553



สงครามกลางเมือง (civil wars) คือ การฆ่ากันเองบนแผ่นดินเกิด นี่คือคำจำกัดความอย่างสั้นๆ ที่หนังสือเรื่องสงครามกลางเมือง โดย คุณวีระชัย โชคมุคดา

เขียนไว้

ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะขณะนี้...สังคมไทยกำลังพูดประเด็นนี้กันมาก โดยเฉพาะการตั้งคำถามว่า...ไทยจะเกิด civil wars หรือไม่ พอดีได้เคยอ่านเรื่องนี้จากหนังสือดังกล่าวมานานหลายปีก็เลยจับมาอ่านใหม่ และเห็นว่าเป็นหนังสือที่รวบรวม และให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสงครามกลางเมืองไว้ค่อนข้างจะครบถ้วนและตรงกับสถานการณ์ของบ้านเราพอดี ก็เลยอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

ภายในหนังสือเล่มนี้ ได้นำเสนอเรื่องสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ที่เด่นๆ ไว้ 7 เรื่อง คือ สงครามกลางเมืองของอเมริกา สงครามเกาหลีปี 1950-1953 สงครามเวียดนาม 1957-1975 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขมร สงครามกลางเมืองในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และโคโซโว รวันดา และที่ซูดาน ซึ่งคำจำกัดความสั้นๆ ของสงครามกลางเมืองในแต่ละประเทศมีดังนี้

1.สงครามกลางเมืองของอเมริกา : สงครามเหนือ-ใต้ ก่อนกลายเป็นสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่

2.สงครามเกาหลี : คือ การฆ่ากันเองในฐานะตัวแทนของคนอื่น

3.สงครามเวียดนาม : คือ บาดแผลของเวียดนามที่ต้องเยียวยาจนถึงปัจจุบัน

4.ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขมร : กว่า 2 ล้านชีวิตสังเวยอำนาจของผู้นำ

5.บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และโคโซโว: ความอัปยศของประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรจดจำ

6.รวันดา : แผ่นดินเดียวกันผิวสีเดียวกัน แต่ใจต่างกัน

7.สงครามที่ยังไม่สิ้นที่ดาร์ฟูร์ ซูดาน : ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

จำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมืองที่สำคัญๆ 7 ประเทศประมาณไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน (ยังไม่รวมผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก)

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองดังกล่าว ก็มีจากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ผลที่เหมือนกันก็คือ...การฆ่ากันเองบนแผ่นดินเดียวกันนั่นเอง!

สิ่งต่างๆ ที่ผมได้พยายามจะสรุปจากหนังสือเล่มนี้ จะเห็นได้ว่า การเกิดสงครามกลางเมืองที่เคยเกิดมาแล้วในประเทศต่างๆ นั้น...ได้เกิดมาแล้ว และขณะนี้ก็ยังเกิดขึ้นมาอีกในหลายประเทศ เช่น การสังหารโหดในคองโก ยูกันดา ซูดาน แอฟริกาตะวันตก และโคลอมเบีย ฯลฯ

นักวิชาการหลายท่าน (ที่พยายามมองในแง่ดี) ได้บอกว่า...เมืองไทยไม่มีทางจะเกิดสงครามกลางเมือง ผมก็อยากเสนอไว้ว่าอย่าได้มองในแง่ดีจนเกินไปนัก! เผื่อๆ ไว้บ้าง และเตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้าง ถ้ามันไม่เป็นเช่นนั้น อาจจะดีกว่า

เพราะเมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ...บทเรียนที่ผ่านมาของสงครามกลางเมืองในหลายประเทศคือ...คนที่ไม่ตระหนักและมองในแง่ดีเกินไป...มักจะตายก่อน! โดยเฉพาะชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงนี่แหละครับ! ผู้นำที่เป็นต้นเหตุของการฆ่ากัน ไม่เคยเห็นตายสักคน! ลองพิจารณาดูก็ได้

สำหรับเมืองไทย จะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นไหม!...โดยส่วนตัวของผู้เขียนอยากจะเสนอว่า...ไม่แน่ 100% อาจจะเกิดหรือไม่ 50:50 ก็แล้วกัน

50% ที่จะเกิด...สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกวิตกคือ กระบวนการยุติธรรมที่เราเรียกกันว่า "ตุลาการภิวัฒน์" แบบสองมาตรฐาน โดยมีความอคติ เป็นตัวตั้งนี่แหละครับ...จะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการนำไปสู่...civil wars ให้เกิดขึ้นในประเทศเราได้มากที่สุด

130 กว่าปี...ไม่เคยมีระเบิดลงที่ศาลอาญา แต่ปีนี้มี เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิด คนใหญ่ๆ โตๆ เคยคิดกันบ้างไหม! นั่นคือคำถามที่ผมและประชาชนไม่น้อยอยากถาม ที่สำคัญคือ ตุลาการไปตรวจสอบคนอื่น ถ้าคนอื่นจะตรวจสอบตุลาการบ้าง จะยอมไหม?

นี่แหละครับ! คือ 50% ที่ผมคิดว่าเมืองไทยอาจจะเกิด civil wars

ปัจจัยอื่นๆ ที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง เช่น การสร้างวาทกรรม Hate Speech (คือวาจาที่สร้างความเกลียดชัง เพื่อโจมตีกันด้วยความเกลียดชังระหว่างกลุ่มคนในสังคม) ให้เกิดความแตกแยกทำให้บาดแผลอันนี้มากขึ้นๆ กฎหมายบ้านเมือง (Rule of Law) เกือบจะไม่มีเพราะกลไกของกระบวนการยุติธรรมง่อยเปลี้ยเสียขาไปจนหมด กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย อภิชนกลุ่มหนึ่งทำอะไรก็ไม่ผิด แต่กับอีกกลุ่มหนึ่งขบวนการยุติธรรมข่มเหง รังแกเอาๆ...คนที่มีอำนาจมีบารมีไม่ทักท้วงห้ามปรามแถมยัง "ปากว่าตาขยิบ" อย่างนี้จะไม่นำไปสู่สภาวะฟางเส้นสุดท้าย ซึ่งก็คือ civil wars อย่างไรได้!

บทสรุปของสงครามกลางเมืองในเขมร ที่ทำให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ด้วยการวางความชอบธรรมเอาไว้ที่ผู้นำเพียงไม่กี่คนนั้น นำมาซึ่งความเจ็บปวดที่ไม่มีใครจะคาดคิด และต้องการจะเห็นอีกแล้วในชีวิตนี้ เกิดขึ้นมาจาก "คนในชาติ" ต่างมีมุมมองและความคิดด้านการเมืองการปกครองแตกต่างกัน (เหมือนเมืองไทยขณะนี้)

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และโคโซโว ผลของการสังหารโหดว่ากันว่ามีผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะชาวมุสลิมกว่า 200,000 คน แม้ผู้นำในการออกคำสั่งให้สังหารโหดในครั้งนี้จะถูกดำเนินการตามกฎหมายสากลไปแล้วก็ตาม แต่บาดแผลใหม่ที่เกิดขึ้นมาก็ใช่ว่าจะสามารถปิดงำหรือลบล้างแผลเดิมของอดีตที่ถูกขุดขึ้นมาเป็นข้ออ้างได้อยู่นั่นเอง

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา กลายเป็นความเศร้าเสียใจที่ได้เห็นว่า...มนุษย์เรานั้นเมื่อถึงเวลาที่ "ไร้เหตุผล" และ "จิตสำนึก" แล้วเราเองก็ไม่ต่างไปจากสัตว์ชนิดหนึ่งที่พร้อมเสมอที่จะห้ำหั่นและเข่นฆ่ากันเอง บทเรียนจากรวันดา กลายเป็นกรณีศึกษาของคนทั่วโลกที่จะหยิบเอาประเด็นความขัดแย้งเหล่านั้นมาบอกกับตัวเองให้รู้จักมองและทำความเข้าใจในรายละเอียดของปัญหาให้ดียิ่งขึ้น

และที่สำคัญที่สุดคือ ทางออกของปัญหาย่อมต้องไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ เพราะความรุนแรงนั้นมีแต่นำความเศร้าเสียใจมาสู่เท่านั้น

บทสรุปของหนังสือเล่มนี้ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า..."สงครามไม่สิ้่นฆ่ากันเองในแผ่นดินเดียวกันยังไม่หมด"

คนที่มองในแง่ดี (จนเกินไป) ที่ว่า...เมืองไทยไม่มีทางเกิดสงครามกลางเมือง...อย่าได้ประมาทและประเมินต่ำจนเกินไป!

เพราะ "ความประมาท คือ ความตาย" พระท่านสอนไว้นานมาแล้ว




..................

(ที่มา:มติชนรายวัน 18 มี.ค.2557)

ทหาร-ตำรวจ ก่อนบานปลาย กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว.....


ทหาร-ตำรวจ ก่อนบานปลาย กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว.....
เหตุการณ์ ตำรวจ5นาย อ้างเป็นชุดปราบปรามยาเสพติเ 5 นาย บุกค่ายนวมินทรฯ อ.เมือง ชลบุรี ยิง สิบเอก สารวัตรทหาร มทบ.14 เสียชีวิต กำลังกลายเป็นศึกกากี-เขียว ตำรวจ-ทหาร ที่ดูเหมือน มีเรื่องคาใจกันมาจากการเมือง การม็อบ และ ป๊อปคอร์น เลยทำให้ ฝ่ายทหาร และฝ่ายสนับสนุนทหาร ได้ข้อมูลชุดหนึ่ง ที่ตำรวจยิง ทหาร ไม่มีอาวุธ จากข้างหลัง แล้วอ้างปืนลั่น....
ส่วนฝ่ายหนุนตำรวจ บอกว่า ทหารคนนี้ค้ายาเสพติด ยิงปะเดือดิยึดได้ทั้งยาบ้า ยาไอ้ซ์ พยายามโยงว่า เป็นทหารเสือฯ เพราะอยู่ค่าย นวมินทร์ ที่มีทั้ง ร.21 รอ.และ มทบ.14
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ยัน ไม่มีปะทะ ถูกยิงฝ่ายเดียว ถูกจับแก้ผ้า ด้วย ถือเป็นการหยามทหารถึงในค่าย
จนกลายเป็นศึกหนักใน โซชี่ยล มีเดีย มาหลายวัน ที่มีการนำรูปศพทหาร มาลง และแชร์ความเห็น กันกว้างขวาง
แต่ทาง ทีมโฆษก ทบ.ก็ไม่ยอมชี้แจง มีแต่ข่าวว่า ผบทบ.สั่งปิดข่าว และให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
แต่ปัญหาคือ ทหารในค่าย และ นายสิบ โดยเฉพาะ รุ่น12 ของ ผู้เสียชีวิต จำนวนมาก ไม่ยอม
โดยมี นายสิบในค่าย เผยว่า ได้มีการนัดแนะ ที่จะไปตบเท้าแสดงพลัง ที่ สภอ.เมือง ชลบุรี ในวันพุธนี้ หลังจากที่ได้อดทน รอคำชี้แจงของตำรวจ มาหลายวัน
งานนี้ เดาไม่ออก เลยว่าจะจบยังไง???