PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว27/1/58

ถอดถอน/สนช.


"สิงห์ทอง" ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ทหารคุมเข้ม นำตัวเข้าพบแม่ทัพภาคที่ 1 ไม่อนุญาตสื่อเข้าติดตามทำข่าวภายใน 

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กกล.รส. ล่าสุด นายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมารายงานตัวแล้ว หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ติดต่อประสานให้เข้ามารายงานตัว หลังจากที่ นายสิงห์ทองได้มีการแถลงข่าวและโพสต์เฟซบุ๊กภายหลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายสิงห์ทอง ได้กล่าวเพียงสั้น ๆ กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่มา แต่ขณะนี้ตนเองยังไม่สามารถพูดอะไรได้ ต้องเข้าไปพบกับแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อน จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ทหารได้คุมตัวนายสิงห์ทองขึ้นรถเข้าไปภายในกองทัพภาคที่ 1 ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน
--------------------
พล.ท.กัมปนาท ย้ำ เรียก สิงห์ทอง มาเพื่อปรับความเข้าใจ ไม่ได้ข่มขู่ - ยัน ไม่กักตัว ไม่อยากให้เสียบรรยากาศปรองดอง

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเชิญตัว นายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย มาพูดคุย
ในวันนี้ ว่า เป็นการเชิญมาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ ไม่ได้นำตัวมาข่มขู่แต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมานายสิงห์ทองพูดคุยกับทหารและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนคนละเรื่องกัน ทำให้ยังมีความไม่เข้าใจ
จึงต้องเชิญมาทำความเข้าใจ เนื่องจากที่ผ่านมาการสัมภาษณ์หรือการแสดงออกด้านความคิดเห็นทำให้เกิดความเสียหาย

ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการกักตัวหรือนำไปปรับทัศนคติค้างคืนที่ค่ายทหาร ส่วนทหารที่พูดคุยนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพูดคุย ตนไม่ได้ไปร่วมพูดคุยด้วย เพราะเกรงว่าจะเป็นแรงผลักดันทำให้เสียบรรยากาศการปรองดอง ส่วนจะมีการเชิญตัวบุคคลอื่นมาพูดคุยอีกหรือไม่นั้น ถ้าไม่ถึงขนาดสร้างความปั่นป่วนก็จะไม่เชิญตัวมา
--------------
ประวิตรยัน เชิญสิงห์ทองปรับความเข้าใจราบ11เป็นไปตามกฏหมาย เชื่อไม่เเตกเเยก - เดินหน้าประเทศตามโร้ดแมป

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณีกองทัพภาคที่1 เชิญตัวนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าพบ ว่า การดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมาย และกระบวนการขององค์กรต่างๆ ซึ่งยืนยันว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.ยอมไม่ได้หากจะมีการกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดความแตกแยก เพราะต้องการให้ประเทศเดินหน้าตามโรดแมป ดังนั้นหากพบการดำเนินการที่จะสร้างความแตกแยกและไม่ปรองดอง ก็ต้องเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจ และคงจะเชิญมาพบเฉพาะผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น โดยไม่ถึงขั้นควบคุมตัวนายสิงห์ทอง แต่อย่างใด พร้อมย้ำต้องการไล่ล่าใคร และไม่ต้องการแก้แค้นหรือเป็นศัตรูกับใคร
------------
ป.ป.ช. ประชุมเข้มพิจารณารายงานการไต่สวนสำนวนคดีอาญา กรณีอดีต ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน "สรรเสริญ" ระบุ เอาผิดได้ไม่มาก

บรรยากาศที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในช่วงเช้าวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่ เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณารายงานการไต่สวนสำนวนคดีอาญากรณี อดีต ส.ส. เสียบบัตรแทนกันในการประชุมรัฐสภา ในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. โดยมิชอบ ซึ่ง คณะอนุกรรมการฯ ได้สอบพยานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันบุคคลที่ปรากฏในคลิปการเสียบบัตรแทนกันครบหมดแล้ว เพื่อคณะกรรมการพิจารณาเชิญบุคคลกลุ่มดังกล่าวเข้ามาให้ปากคำ

ทั้งนี้ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า กรณีดังกล่าวนี้อาจเอาผิดได้ไม่มาก เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า นำบัตรของใครไปเสียบบ้าง
---------------------
ปานเทพ ตั้ง กก.ไตร่สวน ขรก.มท. ซื้อปุ๋ยเเพงเกินจริงในหลายจังหวัด พบรองผู้ว่านายอำเภอผิดร่วมด้วย

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการในวันนี้มีวาระเพื่อพิจารณา กรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ชี้มูลข้าราชการกระทรวงมหาดไทย กรณีการจัดซื้อปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชราคาแพงเกินจริงในหลายจังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าวในส่วนของ จ.บึงกาฬ และ จ.อุบลราชธานี

ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนใน จ.พิจิตร โดยมี นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. และ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. รับผิดชอบสำนวนการไต่สวน คาดว่าหลังจากนี้ สตง. และกระทรวงมหาดไทย จะทยอยส่งข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของจังหวัดอื่น ๆ มายัง ป.ป.ช.

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีการกระทำความผิดของข้าราชการในตำแหน่งรองผู้ว่าฯ และนายอำเภอด้วย
-----------------------
ประธาน ป.ป.ช. เตรียมพิจารณาคดี ส.ส. เสียบบัตรเเทนต้นเดือน ก.พ. - เรียกผู้ต้องหาคดีไร่ส้ม ประสานส่ง อสส. เเล้ว

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ส่วนกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาอดีต ส.ส. เสียบบัตรแทนกันในสภา กรณีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. และกรณีการถอดถอนอดีต ส.ส. อีก 269 คน กรณีเดียวกัน เบื้องต้นคณะอนุกรรมการไต่สวนได้ดำเนินการไต่สวนเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ และสอบถามพยานจะครบแล้ว ถ้าหากครบแล้วจะส่งให้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558

ขณะที่ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีการเรียกตัว นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พร้อมพวก ผู้ถูกกล่าวหาคดียักยอกเงินค่าโฆษณาบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 138 ล้านบาทนั้นว่า ได้ส่งหนังสือเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหาเพื่อประสานส่งตัวให้กัยอัยการสูงสุด (อสส.) ในวันที่ 30 มกราคม 2558 นี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากไม่มารายงานตัวตามนัดจะขอให้ศาลพิจาณราออกหมายจับ
/////////
กมธ.ยกร่าง

"อลงกรณ์" ยัน พิมพ์เขียวปฏิรูป ต้องเสร็จ ใน 3 เดือน ยกร่างกฎหมายประกอบ ใน 6 เดือน พอใจ กมธ.ยกร่าง รธน. ตามที่เสนอความเห็น

นางอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในฐานะ เลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการ สปช. (วิป สปช.) เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า หลังจากมีการสรุปวิสัยทัศน์ ในการออกแบบอนาคตของประเทศเรียบร้อยแล้ว และมีการรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ ไป เมื่อวานนี้ นับจากนี้ ก็จะให้กรรมาธิการ ทั้ง 18 คณะ ไปจัดทำกรอบในการดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 เดือน จากนั้น ก็จะดำเนินการเขียนพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศทั้งระบบ ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ภายใต้กรอบ 34 วาระปฏิรูป และ 7 พัฒนา ที่ได้มีการสรุปกันมา และภายใน 6 เดือน จะต้องยกร่างกฎหมายต่างๆ ที่จะสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปอย่างจริงจัง ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนด้วย  

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในอนาคต นโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการหาเสียง จะต้องไม่ขัดหรือแย้ง กับแผนแม่บท ที่ สปช. เสนอเพื่อปฏิรูปประเทศทั้งระบบ อย่างเด็ดขาด เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้วก็ตาม ส่วนเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีการนำเสนอรายงานผลต่อเนื่องนั้น พบว่า ใน 90 มาตราแรก ยังตรงตามที่ สปช. นำเสนอความเห็น แต่ก็ยังมีบางประเด็น ที่ กมธ.ด้านต่างๆ มีความกังวล ก็จะมีการประสานงาน เพื่อให้มีการชี้แจงทำความเข้าใจร่วมกันด้วย
---------------
ประชุม สปช. เริ่มแล้ว "เทียนฉาย" เปิดโอกาสสมาชิก หารือ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา ล่าสุด ได้เริ่มประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดโอกาสให้สมาชิกผู้ประสงค์จะขอปรึกษาหารือให้แจ้งความจำนงต่อเจ้าหน้าที่ในห้องประชุม โดยสมาชิกมีเวลาการ
ปรึกษาหารือ ท่านละ 2 นาที ก่อนเริ่มการประชุมโดยมี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ นั่งเป็นประะธานในการประชุม

ทั้งนี้ ในประเด็นต่าง ๆ ที่สมาชิกได้หารือในที่ประชุม ได้แก่ ความเป็นอยู่และความปลอดภัยในการในชีวิตของคนในชาติได้และการเข้าถึงการรับบริการทางสาธารณะสุขอย่างทั่วถึง รวมถึงกระตุ้นให้เร่งดำเนินการในด้านการพัฒนาคมระบบคมนาคม เช่น การรถไฟ

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ตัวแทนจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้แก่ที่ประชุมได้รับทราบ ต่อจากนั้น จะเป็นการเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง จะทำอย่างไรเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-------------------
กมธ.ยกร่างฯ เริ่มพิจารณาบัญญัติ อำนาจ หน้าที่ กกต. หลังกำหนดเพิ่มกรรมการสรรหา จาก 7 เป็น 12 คน 

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยเริ่มพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ในภาค 3 นิติธรรม ศาล และองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในหมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนที่ 5 เรื่องอำนาจหน้าที่ของ กกต. ในการควบคุมและดำเนินการจัด ให้มีการเลือกตั้ง หรือสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกท้องถิ่น และผู้หารท้องถิ่น ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมได้กล่าวถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา กกต. ที่ได้ผ่านพิจารณาผ่านไปแล้ว ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการสรรหา กกต. มีจำนวน 12 คน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 คน โดยเลือกจากที่ประชุมศาลฎีกา จำนวน 2 คน และตุลาการศาลปกครองสูงสุด 2 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ จากพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองฝ่ายรัฐบาล 1 คน และพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน 2 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะรัฐมนตรี 1 คน ผู้ทรงคุณวุฒิที่เลือกโดยอธิการบดีในสถาบันอุดมศึกษา 2 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เลือกโดยสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ จำนวน 2 คน ทั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจากเดิมมี คณะกรรมการสรรหา กกต. 7 คน
------------------
สปช.เริ่มอภิปรายฟังความเห็นแนวทางแก้เหลื่อมล้ำ เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด เปิดอภิปรายทั่วไปแล้วเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง จะทำอย่างไรเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยสมาชิกส่วนใหญ่มองว่าความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยถือเป็นเนื้อร้ายมายาวนานซึ่งปัญหาเกิดจากการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลางมากเกินไป กฎหมายบางฉบับมีปัญหากับที่ทำกินและประกอบอาชีพ ดังนั้น ต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น มีการตั้งเป้าหมายของการกระจายรายได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับปัจจัยสำคัญอันดับแรกต้องปฏิรูปการศึกษาและสุขภาพให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน จึงนำมาสู่อาชีพที่สมบูรณ์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ ยังเสนอให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้วิเคราะห์ข้อมูลของความเหลื่อมล้ำในแต่ละพื้นที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด
----------------------
ภาคีเครือข่ายต้านคอร์รัปชัน ยื่น กมธ.ปฏิรูปปกครองท้องถิ่น-กมธ.ปราบโกง ยุบ อปท. ระบุการจัดซื้อจัดจ้างมีปัญหา ทำสูญเสียงบประมาณ 

ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ นำโดย พล.อ.สำเริง พินกลาง ประธานคณะกรรมการภาคีเครือข่ายฯ เข้ายื่นหนังสือต่อ นายพงศ์โพยม วาศภูติ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น และ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อขอให้ยุบรวมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

พร้อมเสนอให้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการใช้งบประมานแผ่นดิน การป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และปัญหาการทำงานทับซ้อน นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า อปท. หลายแห่ง ไม่แจ้งกำหนดราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้สูญเสียงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก

ขณะที่ นายพงศ์โพยม ระบุว่า ยินดีที่จะรับข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณา แต่การกระจายอำนาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตย ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงพยายามออกแบบให้องค์กรปกครองท้องถิ่นแบบใหม่ มีความโปร่งใส ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น
--------------------
มติยกร่างส่วน 5 ลดอำนาจ กกต.เหลือเพียงดูเเลเลือกตั้ง - หน่วยงานอื่นจัดเลือกตั้งเเทน

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณา ส่วนที่ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล่าสุด พิจารณาเกี่ยวกับ การออกประกาศและออกระเบียบตามกฎหมาย รวมถึงวางระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงของพรรคการเมือง ผู้สมัครเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งกรรมาธิการได้นำความเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน กลุ่มการเมือง และพรรคการเมือง มาประกอบการพิจารณา เพื่อให้มีความสอดคล้องต่อการร่างรัฐธรรมนูญมาอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง

โดยก่อนหน้านี้ กมธ.ยกร่างฯ ได้พิจารณาเรื่องของอำนาจหน้าที่ กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยึดตามมติของกรรมาธิการที่จะลดหน้าที่ ของ กกต. เหลือเพียงการดูแลควบคุมให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม เท่านั้น และให้หน่วยงานอื่น ๆ จัดการเลือกตั้งแทน แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะมอบหมายให้หน่วยงานใด ส่วนความเห็นที่ไม่เห็นด้วยของ กมธ.บางคน ก็ให้บันทึกไว้ในเจตนารมณ์ต่อไป
--------------------
รอง กมธ.ศึกษาความปรองดอง สปช. เผย เสนอรัฐบาลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ตั้งเเต่ปี 2548-2557 

นายบุญเลิศ คชายุทธเดช รองประธานคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการสร้างความความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการมีความเห็นที่จะเสนอไปยังรัฐบาล ให้
ตั้งคณะกรรมการเยียวยาอำนวยความยุติธรรม ผู้ได้รับผลกระทบเหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548-2557 และเพื่อให้มีผลทางกฎหมายจึงอยากให้รัฐบาลออกเป็นคำสั่งโดยคณะกรรมมาธิการฯ
ต้องการให้คณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย รวมถึงต้องการให้ผู้ที่ถูกคุมขังการคดีทางการเมือง ได้รับการประกันตัวเพื่อออกมาสู้คดีเพื่อมนุษยธรรม

นายบุญเลิศ กล่าวอีกว่า ทางคณะกรรมาธิการเตรียมประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ภาครัฐ อาทิ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อัยการสูงสุด (อสส.) ที่
เกี่ยวข้องกับการประกันตัวของผู้ต้องขังที่มีคดีติดตัวอยู่ และประธานศาลฎีกา เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและนำไปสู่ความยุติธรรม
------------------------
เลิศรัตน์ เผย ยกร่างหมวด 2 กกต. ต้องยื่นศาลกรณีเเจกใบแดงผู้สมัคร เเต่สืบสวนเอง สั่งเลือกตั้งใหม่ได้

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ในหมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในส่วนที่ 5 องค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีอำนาจหน้าที่ โดยมีการแก้ไขให้ กกต. สามารถออกประกาศวางระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมไปถึงวางระเบียบข้อห้ามในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ซึ่งร่วมกันปฏิบัติหน้าที่คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรี โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมเสมอภาค กำหนดควบคุมการบริจาคการจ่ายเงินให้แก่พรรคการเมืองรวมถึงการตรวจสอบบัญชีทางการเงินของพรรคโดยเปิดเผย สามารถมีคำสั่งให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดการเลือกตั้ง ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย สามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและสามารถสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ในกรณีมีการทุจริตการเลือกตั้ง ได้มาไม่ถูกต้องตามกฎหมายสามารถประกาศผลการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น ผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และผลการออกเสียงประชามติ

ทั้งนี้ การยื่นคำร้องให้ใบแดง กกต. ต้องยื่นต่อศาลอุธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค สั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือสนับสนุนผู้อื่นกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และ กกต. สามารถควบคุมการจัดการออกเสียงประชามติในหน่วยเลือกตั้งเมื่อมีหลักฐานว่าหน่วยเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม
--------------------------
โฆษก กมธ.ยกร่าง เผยตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง 7 คน สรรหาคนที่จะมาจัดการเลือกตั้ง เเต่อำนาจทั้งหมดยังอยู่ที่ กกต.

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ในหมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในส่วนที่ 5 องค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีอำนาจหน้าที่ โดยมีการแก้ไขให้จัดตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง หรือ กจต. ทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มีหน้าที่สรรหาบุคคลที่จะมาดำเนินการจัดการเลือกตั้ง และสามารถโยกย้ายบุคคลที่ทำการทุจริตการเลือกตั้งไปที่หน่วยงานอื่นได้ แต่อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ กกต. เพื่อให้ดำเนินการเลือกตั้งเป็นไปอย่างทุจริตและเที่ยงธรรม
////////////
นายกเคลื่อนไหว

นายกฯ นำถก ครม.แล้ว ก่อนเข้าประชุม บอกยังไม่เห็นหนังสือกระทรวงทรัพยากรฯ  ตั้ง "ตั๊น-จิตร์ภัสสร์" เข้าทำงาน

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุดในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวสั้น ๆ ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวมีหนังสือของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้ง นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร อดีตแกนนำ กปปส. เป็นหนึ่งในคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่ายังไม่เห็น

อย่างไรก็ตาม สำหรับวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีที่น่าสนใจวันนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอให้เพิ่มวันที่ 4 พ.ค. 2558 เป็นวันหยุดพิเศษ เพื่อให้ประชาชนได้หยุดต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 1 พ.ค. ถึงวัน อังคารที่ 5 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคล ดังนั้น จึงประกาศเพิ่มให้วันจันทร์ที่ 4 พ.ค. เป็นวันหยุดพิเศษอีกหนึ่งวัน เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว
 
ขณะที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอโครงสร้างการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และขอปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
------------------
ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ 4 พ.ค. 58 เป็นวันหยุดราชการ เพิ่มวันหยุดยาว 1-5 พ.ค. เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ให้วันที่ 4 พฤษภาคม 2558 เป็นวันหยุดเพิ่มเติม เพื่อให้มีวันหยุดยาว ตั้งแต่วันที่ 1-5 พฤษภาคม เนื่องจากตรงกับวันแรงงาน และวันฉัตรมงคล โดยคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำชับให้มีการดูแลการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มีคุณภาพ รวมถึงให้มีการเพิ่มตำรวจท่องเที่ยว เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจุดสำคัญ

ทั้งนี้ นางกอบกาญจน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีนักเที่ยวเสียชีวิตที่เกาะเต่า ล่าสุดว่าจากการชันสูตรเบื้องต้นอาจเกิดจากการแพ้ยา ซึ่งต้องรอผลจากห้องแล็บอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า การเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการฆาตกรรมและถูกทำร้ายอย่างแน่นอน
-----------------------
นายกฯ เผย ผู้ช่วยรัฐมนตรี กต.สหรัฐฯ ห่วงการเเสดงความคิดเห็นทางการเมืองในไทย - หวังยกเลิกกฎอัยการศึก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ แสดงความห่วงใยเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในไทยและสอบถามถึงความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกว่า ได้มีการถามกลับไปทางสหรัฐฯ ว่า หากเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในลักษณะนี้จะทำอย่างไร ซึ่งทางสหรัฐฯ ไม่สามารถตอบได้

อย่างไรก็ตาม มองว่าขณะนี้มีแม้จะมีกฎอัยการศึกอยู่แต่ก็มีความเสรี แต่บางเรื่องต้องขอไว้ และต่างประเทศมีความเข้าใจมากขึ้น ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าประชาธิปไตยไม่เคยตายไปจากแผ่นดินไทย ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอสื่ออย่าให้ความสนใจกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ หารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า ในเรื่องคดีความต่าง ๆ ต้องยึดตามกฎหมายและไม่ได้มีการสั่งทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ส่วนการแสดงความเห็นหรือการปลุกระดมต่าง ๆ ในโลกโซเชียลนั้น ทาง คสช. ได้ติดตามอยู่ รวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศของบุคคลทางการเมืองก็ให้ทำเรื่องขออนุญาตมา
----------------
โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผย ครม. เห็นชอบโยกย้ายผู้ว่า 10 ราย มีผลทันที หลังโปรดเกล้าฯ

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติความเห็นชอบบัญชีรายชื่อข้าราชการระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 10 ตำแหน่ง

ประกอบด้วย 1.นายธานี สามารถกิจ จากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ถูกโยกไปเป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง 2.นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง
มหาดไทย 3.นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 4.นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง
มหาดไทย 5.นายชยพล ธิติศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ 6.นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
อุบลราชธานี 7.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง 8.นายอำนวย ตั้งเจริญชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู 9.นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ 10.นายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร
-----------------------
นายกฯ ยัน ไม่มีการเเต่งตั้ง "ตั๊น จิตภัสร์" ทำงานทรัพยากรสิ่งแวดล้อม - เชื่อ พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่ละเมิดสิทธิ์หากไม่ได้ทำผิด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยืนยันว่า ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้มีการแต่งตั้ง นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร อดีตแนวร่วม กปปส. เป็นคณะทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าร่าง พ.ร.บ.ไซเบอร์อาจจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้น ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน ซึ่งอาจจะถูกปรับแก้ในชั้นคณะกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทั่วไป หากไม่ได้เกิดการกระทำความผิด
--------------------------
นายกฯ ห่วงเศรษฐกิจเเละเกษตรกรรายย่อย หวั่นเคลื่อนย้ายเงินทุน - ตรวจสอบงบทุกกระทรวงต้องโปร่งใส

พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ในวันนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุม โดยมีความเป็นห่วงเศรษฐกิจภาพร่วมที่ราคาน้ำมันยังต่ำกว่าตลาดโลก ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในประเทศไทย จึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุน และหาแนวทางแก้ไขไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวมขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังแสดงความเป็นห่วงผู้มีรายได้น้อย และเกษตรกรรายย่อย จึงมอบทุกกระทรวงให้ชี้แจงถึงความห่วงใยของรัฐบาล และให้ติดตามมาตรการช่วยเหลือในการประกอบอาชีพของพื้นที่ไม่จ่ายน้ำในลุ่มน้ำแม่กลอง และการสนับสนุนอุปกรณ์การเกษตร ซึ่งขอให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อให้การช่วยเหลือง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ในด้านการค้าขายได้มีการทำตลาดนัดกล้วยไม้และตลาดน้ำคลองผดุงกรุงเกษม โดยขอให้ทุกหน่วยงานหาพื้นที่ในแต่ละจังหวัดที่มีประชาชนสัญจรจำนวนมากไปเปิดตลาด และจัดระเบียบให้พ่อค้าแม่ค้ามาขายของ เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

ทั้งนี้ ในส่วนของการบริหารงบประมาณในการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงเร่งจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามจุดประสงค์และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ทหารทุกเหล่าทัพเข้าไปตรวจสอบความโปร่งใส และปัญหาที่เกิดขึ้น
------------------------
นายกฯ เผยโยกย้ายผู้ว่าฯ ตามหน้าที่ ไม่มีการกลั่นเเกล้ง - กำชับเร่งจับผู้ร้ายยิงมารดาวัยรุ่นคู่อริ ที่นครปฐมให้ได้ภายในศุกร์นี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยนอกฤดูกาลโยกย้ายว่า เพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ขณะเดียวกันได้ให้กำชับให้คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช. ติดตามการทำงานของข้าราชการส่วนต่าง ๆ ที่ไม่ปฏิบัติงานควบคู่กับรัฐบาล พร้อมสั่งการให้เข้มงวดการแก้ไขปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้กำชับให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ คดีที่กลุ่มวัยรุ่น ยิงมารดาของคู่อริที่ร้องขอชีวิตบุตรชายจนเสียชีวิต ที่จังหวัดนครปฐม โดยต้องติดตาม
ตัวผู้ก่อเหตุให้ได้ภายในวันศุกร์ที่ 30 ม.ค. นี้
-------------------------
รมต.สธ. เผยไม่ให้ปัญหาภายในกระทรวงส่งผลต่อการรักษาดูเเล ปชช. - ย้ำพูดคุยหารือเเพทย์ชนบทยื่นหนังสือถึงนายกฯ ปลดปลัดกระทรวง

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มแพทย์ชนบทยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ปลดปลัดกระทรวงสาธารณสุขออกจากตำแหน่งโดยอ้างว่าสร้างความแตกแยกในกระทรวงสาธารณสุข และมีความขัดแย้งกับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องการยื่นหนังสือดังกล่าวเมื่อเช้าวันนี้ และจะพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการใช้กลไกที่มีอยู่ให้มาพูดคุยกัน ทั้งเรื่องความเห็นของแต่ละฝ่ายที่แตกต่างกัน และการจัดสรรงบประมาณที่คณะอนุกรรมการการเงินการคลังกำลังหารือ

อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.รัชตะ ระบุว่า ได้นัดหมายทุกฝ่าย ทั้งกระทรวงสาธารณสุข ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม มาร่วมหารือกับ สปสช. เพื่อรับฟังความคิดเห็นระดับชาติจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ประจำปีงบประมาณ 2558 ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ อีกทั้งได้ให้กระทรวงสาธารณสุขกับ สปสช. ร่วมกันพิจารณาเรื่องของงบประมาณขาขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้กรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลของประชาชนอย่างแน่นอน
-------------------------
พล.อ.ประวิตร ไม่กังวล ยิ่งลักษณ์ พบผู้เเทนสหรัฐ ยันไม่เคยเจอ ทักษิณ เเละนักการเมืองคนใดเลยช่วงที่ผ่านมา

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบกับผู้แทนสหรัฐอเมริกาจะมีนัยทางการเมืองหรือไม่นั้น ว่า คงเป็นการพูดคุยโดยไม่ได้สร้างความแตกแยกและสามารถทำได้ ซึ่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ไม่ได้ห้าม ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาแสดงท่าทีกังวลใจกับการใช้กฎอัยการศึกของไทยนั้น พลเอก ประวิตร กล่าวว่า แต่ละประเทศมีการปกครองในส่วนของตนเอง รวมทั้งไทยที่มีแนวทางการดำเนินงานภายในและขณะนี้ถือว่าสถานการณ์สงบเรียบร้อย สามารถเดินหน้าการทำงานได้ทุกด้าน โดยไม่ได้ปิดกั้นใคร ซึ่งหากใครจะเสนอประเด็นใดก็มีช่องทางแสดงความคิดเห็นกว่า 4000 เวที

ทั้งนี้ ยืนยันว่า แม้จะมีกฎอัยการศึก แต่ยังคงใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ซึ่งต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ในประเทศในขณะนี้ว่ายังมีความจำเป็นต้องคงประกาศกฎอัยการศึกไว้ จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ เพราะขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลปกติ

อย่างไรก็ตาม พลเอก ประวิตร ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้พบกับอดีตผู้ดำรงทางการเมืองคนใด รวมทั้ง พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
///////////////////
ความมั่นคง

กอ.รมน. เตรียมแถลงแผนงานปี 58 นายกฯ เป็นประธาน 30 ม.ค.นี้ ที่ทำเนียบฯ

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า กอ.รมน. กำหนดการสรุปผลการปฏิบัติงาน ประจำปี 2557 และแถลงแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2558 ในวันที่ 30 ม.ค. 58 เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. เป็นประธาน

ทั้งนี้ กอ.รมน. ถือเป็นส่วนราชการที่มีรูปแบบเฉพาะ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) มีบทบาทหน้าที่เป็นองค์กรในการอำนวยการ ประสานงาน และเสริมการปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกัน ควบคุม แก้ไข และฟื้นฟูสถานการณ์ที่เป็นภัย หรืออาจเป็นภัยต่อความสงบสุข หรือทำลาย ทำความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ ให้กลับสู่สภาวะปกติ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ
-------------------
พล.อ.ธนะศักดิ์ เผย สหรัฐฯ เข้าใจ คสช. - ยกเลิกกฎอัยการศึกบ้านเมืองมีปัญหา เชื่อรอคอยประชาธิปไตยอีกไม่นาน

ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานถึงการมาของ แดเนียล รัสเซล ว่า จากการเสนอต่อสังคมให้เกิดความเข้าใจผิดว่าสหรัฐอเมริกากดดันประเทศไทยนั้น พบว่าการแสดงท่าทีของสหรัฐอเมริกาเป็นไปตามบทบาทและจุดยืนทางประชาธิปไตย ซึ่งสหรัฐฯ เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของ คสช. ส่วนกฎอัยการศึกที่อยากให้ยกเลิกนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ได้ถามกลับไปว่า หากสถานการณ์บ้านเมืองที่มีปัญหาแบบประเทศไทยและไม่มีกฎหมายแบบนี้จะจัดการอย่างไร ซึ่งอีกฝ่ายตอบไม่ได้ แต่ได้รับฟังความเห็นทุกฝ่าย ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลควบคุมอำนาจแต่ให้สิทธิต่างประเทศในการพูดคุยกับทุกฝ่ายและมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลและ คสช. ทำมานั้น ประชาชนมีความสุขและรอคอยวันที่ประชาธิปไตยจะกลับมาตามปกติ
------------------------
พล.ต.สรรเสริญ เผย ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.กักขัง เพิ่มโทษผู้ริดรอนสิทธิ์คนอื่น

พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ อาทิ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องกักขังที่อาจจะทำอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นหรือวิกลจริต ซึ่งอาจจะทำอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือกรณีที่ถูกควบคุมตัวไปนอกสถานที่กักขัง และมีพฤติการณ์จะหลบหนี กำหนดการรับรองสิทธิ์ของผู้ต้องกักขังในการยื่นเรื่องราวร้องทุกข์และถวายฎีกา กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบจดหมาย เอกสาร และสกัดกั้นการสื่อสาร กำหนดการปฏิบัติต่อผู้ต้องกักขังหญิงมีครรภ์ ให้ได้รับการดูแลรักษาพยาบาล เช่นเดียวกับผู้หญิงมีครรภ์โดยทั่วไป เพิ่มอัตราโทษสำหรับผู้ต้องกักขังที่ถูกปล่อยตัวไปกรณีมีเหตุฉุกเฉินแล้วไม่กลับมารายงานตัวจากเดิมจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"พล.อ.ประวิตร" ปฏิเสธข่าวเจรจาต่อรอง"ทักษิณ"แกนนำเพื่อไทย

"พล.อ.ประวิตร" ปฏิเสธข่าวเจรจาต่อรอง"ทักษิณ"แกนนำเพื่อไทย ยันไม่เคยคุยกับใครทั้งนั้น และไม่คิดคุย ตั้งเป้าแต่ปรองดอง ยันเรียก"สิงห์ทอง"คุย แค่ทำความเข้าใจ ไม่ใช่เชือดไก่ให้ลิงดู ยันถ้าไม่ทำผิด จะเรัยกมาทำไม ถ้าทำแล้วปรองดอง เราจะไปทำอะไรเขาได้ อะไรที่ทำให้แตกแยก ไม่ปรองดอง คสช คงรับไม่ได้ ยัน คสช.ต้องการให้ประเทศเดินหน้า ตามโรดแมพ ถ้าใครทำแตกแยก ไม่ปรองดอง ก็เรียกมาคุย ยัน รัฐบาล คสช.ไม่ได้ต้องการไล่ล่าใคร ไม่ไช่จะไปไล่ล่า หรือแก้แค้นใคร หรือตัองการจะเป็นศัตรูกับใคร ยันไม่เลิกอัยการศึก แม้สหรัฐฯกังวลใจ เพราะประเทศเรา สถานการณ์เป็นแบบนี้ แม้ประกาศ แต่ไม่ได้ใช้ ยันแต่ละประเทศมีการปกครองของตนเอง เราก็ทำของเราก็สงบเรียบร้อยดี

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกองทัพภาคที่1 เชิญตัวนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าพบ ว่า การดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมาย และกระบวนการขององค์กรต่างๆ ซึ่งยืนยันว่า รัฐบาลและคสช.ยอมไม่ได้หากจะมีการกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดความแตกแยก เพราะต้องการให้ประเทศเดินหน้าตามโรดแมป ดังนั้นหากพบการดำเนินการที่จะสร้างความแตกแยกและไม่ปรองดอง ก็ต้องเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจ และคงจะเชิญมาพบเฉพาะผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น ไม่ใช่เชือดไก่ให้ลิงดู และไม่ถึงขั้นควบคุมตัวนายสิงห์ทอง แต่อย่างใด
พร้อมย้ำต้องการไล่ล่าใคร และไม่ต้องการแก้แค้นหรือเป็นศัตรูกับใคร

พลเอก ประวิตร ปฏิเสธข่าว ที่ว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยต่อรองกับ แกนนำพรรคเพื่อไทย หรือ อดีตผู้ดำรงทางการเมืองคนใด หรือแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ไม่เคยคุย และไม่คิดที่จะคุย

ส่วนกรณีที่ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพบกับ ปช.รมต.กต. สหรัฐจะมีนัยยะทางการเมืองหรือไม่นั้น พลเอก ประวิตร กล่าวว่า คงเป็นพูดคุย โดยไม่ได้สร้างความแตกแยกและสามารถทำได้ ซึ่งรัฐบาลและคสช.ไม่ได้ห้าม

ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาแสดงท่าทีกังวลใจกับการใช้กฎอัยการศึกของไทยนั้น พลเอก ประวิตร กล่าวว่า แต่ละประเทศมีการปกครองในส่วนของตนเอง รวมทั้งไทยที่มีแนวทางการดำเนินงานภายในและขณะนี้ถือว่าสถานการณ์สงบเรียบร้อย สามารถเดินหน้าการทำงานได้ทุกด้าน โดยไม่ได้ปิดกั้นใคร ซึ่งหากใครจะเสนอประเด็นใดก็มีช่องทางแสดงความคิดเห็นกว่า4 พันเวที
" สถานการ์บ้านเราเป็นแบบนี้ แม้จะมีกฎอัยการศึก แต่ยังคงใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ซึ่งต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ในประเทศในขณะนี้ว่ายังมีความจำเป็นต้องคงประกาศกฎอัยการศึกไว้ จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ เพราะขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลปกติ" พลเอก ประวิตร กล่าว


ความแตกต่างของราคาข้าว



มีเพื่อนสรุปมาให้ฟัง
@ข้าวเปลือก ที่มีความชื้น๑๕% ราคา๑๕๐๐๐บาท/ตัน
ข้าวเปลือกสีเป็นข้าวสารได้๖๕%นอกนั้นเป็นปรายข้าว รำ แกลบ ซึ่งจะขายได้ทั้งสิ้น แต่จะคิดแค่๖๐% หรือได้ข้าวสาร๖๐๐กรับจากข้าวเปลือก๑กิโลกรัม
ข้าวเปลือก ๑ กก.ได้ข้าวสาร๖๐๐กรัมราคา๑๕บาท
ถ้าคิดเป็นข้าวสาร๑กก.ก็จะได้ราคา๒๕บาท
ข้าวสารบรรจุถุง๕กก.ขายในตลาด(ห้าง)๑๙๐บาทหรือกก.ละ๓๘บาทกำไรรวมค่วใช้จ่าย๑๓บาท/กก.
ปัจจุบัน ไม่มีโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือก๘๐๐๐บาทตัน(สำหรับคนโชคดีที่จะขายได้ราคานี้)
ข้าวเปลือก๑กกได้ข้าวสาร๖๐๐กรัมราคา๘บาท
หรือข้าวสาร๑กิโลกรัมราคา๑๓.๓๐บาท และยังคงขายในราคา๑๙๐บาทต่อถุง(๕กก.)
จะเห็นว่ากำไรต่างกันมากมายตอนมีโครงการรับจำนำข้าวพ่อค้าข้าวจะมีกำไร๑๓บาท/กก.หรือ๑๓๐๐๐บาทต่อตัน เมื่อโครงการถูกระงับกำไรของพ่อค้าข้าว๒๒.๗๐บาทต่อกก. หรือกำไร๒๒๗๐๐บาทต่อตัน
ใครรวยใครจนคงเห็นกันชัดเจนครับ การมีโครงการรับจำนำข้าวทำให้พ่อค้าข้าวได้กำไรน้อยลง จึงมีการล้มโครงการรับจำนำข้าวครับ

ลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เสนอให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 เป็นระยะเวลา 15 วัน (นับระยะเวลาตั้งแต่เตรียมการอุปสมบทถึงลาสิกขา) ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2558
โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนปกติ

บทเรียนประเทศเวเนซุเอล่า สิ้นเนื้อประดาตัว สอนอะไรให้คนไทยระวัง

วันที่ 18 ม.ค.58 เผย..บทเรียนประเทศเวเนซุเอล่า สิ้นเนื้อประดาตัว สอนอะไรให้คนไทยระวัง (ตอนแรก)
ประเทศเวเนซุเอล่า อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ เป็นประเทศร่ำรวยน้ำมัน ถือเป็นหนึ่งในสมาชิก องค์การประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (OPEC) และเป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากที่สุดในโลกถึง 297,600 ล้านบาร์เรล เหลือเวลาผลิตได้ยาวนานถึง 310 ปี แต่แทบไม่น่าเชื่อสายตาว่า
ประเทศนี้ที่ใช้วิธีเก็บผลประโยชน์พลังงานเป็น “ ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) “ นี้ กลับจำเป็นต้องก้มหน้ายอมอับอาย นำเข้าน้ำมันดิบ จากต่างประเทศ เข้ามาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติอย่างน่าอดสูใจ มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร มาหาคำตอบที่น่ากลัวนี้กัน ?
พ.ศ. 2542 ประธานาธิบดีอูโก ชาเบซ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี แห่งประเทศเวเนซุเอลา เริ่มดำเนินนโยบายจัดเก็บค่าภาคหลวง และภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จากธุรกิจสำรวจ และผลิตปิโตรเลียม จากนั้นก็ทำการ “ยึดสัมปทานน้ำมัน” และเปลี่ยนเงื่อนไข สัดส่วนการครองหุ้นให้มาอยู่ภายใต้การควบคุม ของบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซุเอลา (PDVSA) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
แล้วใช้วิธีเก็บผลประโยชน์พลังงานเป็น “ ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) “ นำรายได้ของ PDVSA ที่ได้จากการเจาะน้ำมัน ไปใช้อุดหนุนชดเชยราคาขายปลีกน้ำมัน และสวัสดิการทางสังคมเป็นจำนวนมาก แทนที่จะนำกลับมาลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศ
เรียกแบบภาษาชาวบ้านคือ ปล้นบริษัทน้ำมันมา ก็เหมือน 3 ล้อถูกหวย เอารายได้น้ำมันมาชดเชยราคาน้ำมัน และราคาสินค้า แบบบิดกลไกลตลาด ประชาชนมีนิสัยฟุ้งเฟ้อ สุรุ่ยสุร่าย ไม่ประหยัด และเก็บออม รัฐบาลเองด้วยความที่บริษัทน้ำมันต่างชาติว่าจ้าง NGO ให้หนุนระบบแบ่งปันผลผลิต ก็เลยอวยกันจนไม่เคยถึงอนาคต เหลิงว่าเหลือเวลาผลิตได้ยาวนานถึง 310 ปี จึงไม่เคยมีเงินคงคลังสะสม
บริษัทน้ำมันต่างชาติหลายๆ แห่ง ก็ทยอยถอนทุน หรือชะลอการลงทุน เพราะความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ของประเทศเวเนซุเอลา จากที่เคยผลิตถึงระดับ 3.52 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจนเหลือเพียง 2.49 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปริมาณการผลิตที่ลดลงส่วนใหญ่ มาจากน้ำมันดิบเบา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบหนักพิเศษของประเทศ
ประเทศนี้มีแหล่งน้ำมันดิบหนักพิเศษแห่งหนึ่ง ที่ถูกค้นพบจำนวนมากในบริเวณโอริโนโค เบลล์ คาดว่าอาจจะมีน้ำมันดิบชนิดนี้สะสมในชั้นหินใต้ดินบริเวณนี้ถึง 1.3 ล้านล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นปริมาณเกือบเทียบเท่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบ ที่พิสูจน์แล้ว “ของทั้งโลก” เลยทีเดียว และคาดว่าประมาณ 513,000 ล้านบาร์เรลนั้น ถ้าผลิตได้ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน จะเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่มีศักยภาพสูงมากแห่งหนึ่งของโลก
แต่ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันดิบหนักพิเศษนั้น มีความหนืดสูงไม่สามารถไหลได้ หรือไหลได้ยากมากในสภาวะปกติ ทำให้ขนส่งทางท่อลำบาก นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนขนาดใหญ่ รวมถึงมีสารเจือปนและโลหะหนักเป็นจำนวนมาก จึงไม่ค่อยเหมาะกับโรงกลั่นน้ำมันที่มีอยู่ในตลาดโลก
ถึงกลั่นออกมาก็ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าต่ำในสัดส่วนที่มาก เช่น กลุ่มเรซิน และยางมะตอย เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับคุณภาพ หรือ “ อัพเกรดน้ำมันดิบหนักพิเศษ” นี้ให้เป็น “น้ำมันดิบที่เบาขึ้น” และมีสิ่งเจือปนน้อยลง มีคุณสมบัติที่สามารถขนส่งทางท่อ และสามารถป้อนให้โรงกลั่นน้ำมันในตลาดโลกได้
น้ำมันดิบหนักพิเศษที่ถูกค้นพบ เช่น รัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา มีวิธีการปรับคุณภาพหลายแบบ ส่วนใหญ่ที่ใช้คือการผลิตเป็นน้ำมันดิบสังเคราะห์ อีกวิธีก็คือผสมกับตัวทำละลาย เช่น น้ำมันดิบเบา คอนเดนเสท หรือ แนฟทา ฯลฯ กลายเป็น “ DCO ” หรือ “DilBit”
กระบวนการปรับคุณภาพ ให้เป็นน้ำมันดิบสังเคราะห์นี้ คือ กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างทางเคมีของน้ำมันดิบหนักพิเศษ ให้ไปเป็นน้ำมันดิบที่เบาขึ้น และ แยกสิ่งเจือปนออกไป จนมีคุณสมบัติคล้ายๆ น้ำมันดิบทั่วไปในตลาด “ จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง” ในการสร้างเครื่องจักรและอุปกรณ์การปรับคุณภาพ
แต่ประเทศเวเนซุเอลามีเครื่องจักร และ อุปกรณ์การปรับคุณภาพด้วยกำลังการผลิตเพียง 600,000 บาร์เรลต่อวัน และ PDVSA ก็ไม่มีเงินลงทุนมากพอ ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตด้วยวิธีนี้ เพราะเอารายได้ไปชดเชยราคาน้ำมันและราคาสินค้าจนหมดแล้ว แล้วส่วนบริษัทต่างชาติก็ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนเพราะกลัวโดนรัฐบาลยึดอีก
ดังนั้น จึงใช้วิธีผสมกับตัวทำละลาย แนฟทา หรือผสมกับน้ำมันดิบเบา จากแหล่งน้ำมันในประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการผลิต ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นขาดแคลน ทั้งๆ ที่ยังเหลือปริมาณสำรองจำนวนมหาศาล ในที่สุดประเทศเวเนซุเอลาก็ต้องนำเข้าน้ำมันดิบเบา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
จากประเทศแอลจีเรียและรัสเซีย มาใช้เป็นตัวทำละลาย ผสมกับน้ำมันดิบหนักพิเศษ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในประเทศ ช่วงรุ่งๆ และลืมตัวนั้น เวเนซุเอลา มีนโยบายการอุดหนุนชดเชยราคาน้ำมันจำนวนมหาศาล จนน้ำมันราคาถูกมากแทบจะใช้ฟรี นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายควบคุมกิจการ และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ
ประชาชนเขาก็หลงกล โดนบริษัทน้ำมันอเมริกา ให้เงินผ่านกองทุนต่างๆ มาจ้าง NGO ในประเทศ (เหมือนในไทยตอนนี้) ให้เคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล ให้ใช้ระบบเก็บผลประโยชน์น้ำมันให้กับรัฐเป็นแบบ "แบ่งปันผลผลิต (PSC) " จากนั้นพวกอีลิทอเมริกา ก็สั่งรัฐบาลมะกัน มาบีบรัฐบาลเวเนซุเอลา อีกที
ชาติตะวันตกจะจ้างและหลอกให้ประเทศที่ " NGO ฉลาดติดลบ แล้วถอดแสควร์รูทอีกที " มาสร้าง “ชุดข้อมูลเท็จ” หลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนว่ามันดีกว่าระบบสัมปทาน และโจมตีรัฐวิสาหกิจของประเทศ คนเวเนซุเอลาก็หลงกลชาติตะวันตก หนุนใช้เก็บรายได้แบบ PSC ผลคือประเทศเขา ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินลงขันประเดิม ร่วมลงทุนร่วมกับบริษัทน้ำมันอเมริกาที่มาขุดเจาะ
บริษัทอเมริกาหัวเราะจนฟันร่วง ว่าทำไมคนเวเนซุเอล่าหลอกง่ายแบบนี้ จึงใช้ช่องว่างของระบบ PSC นี้ "ติดสินบนนักการเมือง" ให้ฮั้วกับ NGO แล้วก็เจรจาจ่ายผลตอบแทนกัน ให้บริษัทน้ำมันอเมริกา ได้ส่วนแบ่งเยอะกว่ารัฐบาล พวก NGO เขาก็เงียบกริ๊บซิ เพราะเรื่องอะไรจะต่อต้าน กระเป๋าเงินนายจ้างของตนเอง
ช่วงแรกๆ ประชาชนเขาก็ใช้น้ำมันถูกก็จริงอยู่ระยะหนึ่ง แต่ผลคือรายได้จากน้ำมันแทบไม่เข้าคลังของเวเนซุเอลาเลย เรียกได้ว่าขุดเจาะน้ำมันได้เท่าไร เอาไปชดเชยราคาน้ำมันที่มีคนใช้กลุ่มเดียว แล้วบริษัทน้ำมันอีลิทอเมริกา แบ่งปันผลผลิตเอาไปเรียบ , นักการเมืองก็กระเป๋าตุง , NGO ก็กระเป๋าตุง , ประชาชนก็ใช้น้ำมันถูก จึงหลงระเริงว่าระบบ PSC มันดี
เวเนซุเอล่า ยังมีการการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่มากเกินไป จนทำให้บริษัทเอกชนขาดแรงจูงใจในการลงทุน และไม่เกิดการแข่งขันผลิตสินค้า ส่งผลให้การผลิตได้ผลผลิตน้อย ขณะที่มีความต้องการมาก ผลผลิตบางส่วนมีการซื้อขายกันในตลาดมืด ในราคาที่สูงกว่าราคาที่ควบคุมตามร้านค้าทั่วไปหลายเท่า
ส่งผลให้ขาดแคลนสินค้าที่วางขายตามร้านค้าทั่วไป ต้องนำเข้าสินค้าต่างๆ มากมายเข้ามาทดแทน ทำให้สูญเสียเงินตราไปต่างประเทศจำนวนมาก เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อค่าเงินในประเทศ เกิดปรากฎการณ์ “ข้าวยาก หมากแพง “ จนรัฐบาลเวเนซุเอลา ต้องกู้เงินมาใช้จ่ายในนโยบายเหล่านี้
เกิดหนี้สินพะรุงพะรังถึงขั้นต้องชดใช้หนี้ต่างชาติเป็นน้ำมันดิบ ในที่สุดรัฐบาล ถึงกับต้องใช้ระบบจำกัดในการซื้อสินค้า โดยประชาชนต้องสแกนลายนิ้วมือ และต่อคิวซื้อสินค้า เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า ล่าสุดปัญหาของประเทศเวเนซุเอลา คือ “ ขาดแคลนน้ำมันดิบ” ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก สุด งง ไหมนั่น !!
ทีนี้พอราคาน้ำมันโลกตกต่ำวูบวาบ ฟองสบู่อเมริกาแตกโป๊ะ เกิดการล่มสลายทางการเงิน เวเนซุเอลา ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้น ก็เจ๊งซิ เงินคงคลังไม่มีเหลือหรอ เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาตอนนี้ มันคือ "ลูกบอลลูนแตก" ตูมสนั่น เละทั้งประเทศ เกิดวิกฤติเศรษฐกิจร้ายแรงสุดขั้วทันที เกิดการทะเลาะขัดแย้งกันของนักการเมืองที่ "ดีแต่พูด" แต่ขี้โกง
จะเปลี่ยนเป็นเก็บรายได้เข้ารัฐมากๆ ระบบสัมปทาน ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว และอเมริกาก็แทรกแซง ห้ามรัฐบาลเวเนซุเอลาเปลี่ยนระบบ อ้างจะคว่ำบาตรการค้า อ้างสิทธิมนุษยชน อ้างโน่น นี่ นั่น ขู่ตามสไตล์อเมริกา รัฐบาลนักการเมืองเลือกตั้งนั้นก็ป๊อด ไม่กล้าหือกับอเมริกา
จะขึ้นเก็บภาษีน้ำมันตอนนี้ก็ไม่ทันอีก ป่วยเกินเยียวยา ตอนนี้ จึงเกิดอาการปั่นป่วนไปทั่วประเทศเวเนซุเอลา เกิดอาชญากรรมเต็มเมือง ประชาชนต่างหนีตายเอาตัวตัวรอด "กักตุนสินค้า" ต่างเขาคิวต่อแถวยาวเหยียด แย่งกันไปซื้อของ ซื้อเสบียง อาหาร สบู่ ยาสีฟัน ของใช้ส่วนตัว ฯลฯ
ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ใจกลางเมืองหลวง จนเกลี้ยงชั้น จนทหารต้องออกมารักษาความสงบแล้ว (แต่ยังไม่ได้คืนความสุขประชาชน) ชาวเวเนซุเอล่าหลายพันคน เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงกับกลุ่มฝ่ายค้านในกรุงคารากัส โดยกล่าวหาว่า “รัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาด”
ทำการจัดเก็บผลประโยชน์ แบบ “ แบ่งปันผลผลิต (PSC) “ แต่แรกทำไม ?? จนทำให้วิกฤตเศรษฐกิจยิ่งเลวร้ายลง ทั้งมีปัญหาเงินเฟ้อ อาชญากรรมสูง และขาดแคลนสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น การชุมนุมในครั้งนี้ มีเหตะปะทะกับเจ้าหน้าที่บ้างเล็กน้อย ผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุม มีการถือป้ายผ้า (ไม่มีเงินทำป้ายไวนิล) ด่าทอรัฐบาล
และหลายคนยังนำถ้วยชาม หรือหม้อข้าวที่ว่างเปล่ามาด้วย เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าพวกเขา “อดอยากและไม่มีอาหาร “ ผู้ชุมนุมระบุว่าพวกเขาขาดแคลนทั้งอาหาร และยารักษาโรค ซึ่งทำให้ราคาสินค้าต่างๆ แพงขึ้นมาก ผู้ประกอบการซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ 4 แห่ง ก็กักตุนสินค้า และลักลอบนำสินค้าออกนอกประเทศ
ซึ่งผู้นำฝ่ายค้าน เลยสวมรอย เรียกร้องให้ประธานาธิบดี ลงจากอำนาจในทันที เพื่อยกเลิกการจัดเก็บผลประโยชน์ แบบ “ แบ่งปันผลผลิต (PSC) “ ให้ชาวเวเนซุเอล่า กลับมามีความสามัคคีกันอีกครั้ง เพราะว่าเวเนซุเอล่า พึ่งพิงรายได้หลักจากการค้าน้ำมัน แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงมาก
นี่แหละตัวอย่างความวุ่นวาย ผลจากที่รัฐบาลเขา ยึดติดระบบทุนนิยมประชาธิปไตย ไม่เคยวางแผนระยาวเลย และการเลือกระบบจัดเก็บผลประโยชน์น้ำมันให้กับรัฐเป็นแบบ "แบ่งปันผลผลิต (PSC) " ที่ผิดพลาด จนประเทศเข้าสู่ตาจน ส่วนนักการเมือง กับ NGO พลังงาน ที่อ้าง " ผลประโยชน์ประชาชน" ก็ฮั้วกันจน “รวย” ไป แต่พาประชาชนเดินหลงทาง "ซวย" กันทั้งประเทศ
มันก็ลามมาจากประเทศไนจีเรีย ที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในแอฟริกา ที่ใช้ ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) จนเกิดการเลื่อมล้ำของสังคม นักการเมือง NGO สื่อ “ รวยกระจุก” เพราะรับเงินจากบริษัทน้ำมันอีลิทต่างชาติ แต่ประชาชนกลับ “จนกระจาย” กันถ้วนหน้า
เห็นภาพตัวอย่างต่างชาติแบบนี้ คนไทยเข้าใจหรือยัง ว่าทำไมสภาท่าพระเสาร์ กับ NGO ทุนพลังงานต่างชาติ เขาถึงดิ้นกันจัง..เรื่องบังเอิญไม่มีจริงในโลก ประชาชนต้องอย่าโลกสวย และต้องรู้เท่าทันพวกเขา ก่อนที่ประชาชนจะตกเป็นเหยื่อของ " ผู้ที่ไม่หวังดีต่อชาติอย่างจริงใจ "
------------------------------------>
เปรียบเทียบแบบเข้าใจแบบชาวบ้านๆ
1. ระบบสัมปทาน ก็คือ เรามีที่ดิน แล้วเราให้สัมปทานคนมาทำที่จอดรถ แล้วทำสัญญากัน คนเช่าที่เราจะเก็บรายได้หรือเปล่าเราไม่สน ถึงกำหนดสิ้นเดือนต้องจ่ายค่าเช่ามาตามสัญญา แม้เราเอารถไปจอดในที่ดินนี้ ก็ต้องจ่ายค่าจอดรถเขาด้วย แต่หากคนเช่าเลิกกิจการไปแล้ว สิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย ก็ตกเป็นของเราโดยปริยาย เราก็เก็บค่าเช่าจอดรถต่อไปเลย
2. ระบบแบ่งปันผลผลิต ก็คือ เรามีที่ดิน แล้วเราให้คนอื่นมาทำที่จอดรถ แล้วทำข้อตกลงกัน แต่เราต้องควักเนื้อร่วมลงทุนด้วย โดยตกลงผลประโยชน์กัน คือ เดือนไหนเก็บค่าจอดรถได้น้อย เขาก็จ่ายเราน้อย เดือนไหนเก็บได้มากเขาก็จ่ายมาก , ต้องแบ่งประเภทรถอีก รถยนต์ มอเตอร์ไซต์ ซาเล้ง จานบิน ดาวเทียม จักรยาน รถเด็กเล่น รถเครน ฯลฯ
เก็บประเภทไหนได้น้อย เขาก็จ่ายเราน้อย เก็บประเภทไหนได้มากเขาก็จ่ายมาก ไม่มีความแน่นอน ขึ้นกับรายได้ และยังแบ่งเป็นโซนๆ ได้อีก เช่น โซนทางเข้าสะดวก จ่ายส่วนแบ่งมาก โซนด้านในลึกๆ คนขี้เกียจขับมาจอด จ่ายส่วนแบ่งน้อย แต่ช่วงไหนมีลิเก หนังกลางแปลงมาแสดง คนมาจอดโซนในมาก ก็จ่ายส่วนแบ่งมากขึ้น
โอย พระเจ้า ชีวิตนี้ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว วุ่นวายอยู่กับการเจรจาแบ่งปันผลผลิตอยู่นี่แหละ จะไปทำผม แต่งเล็บ เสริมจมูก ตัดกราม เสริมเต้านม อะไรไม่ได้เลย ต้องคอยดูแลวุ่นวายกับระบบนี้แหละ และระบบนี้เราต้องลงทุนจ้างพนักงานไปร่วมนั่งเก็บเงินค่าจอดรถด้วย เออ..บันเทิงละที่นี้ โกงกันสะบั้นหั่นแหลก แถมสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายถ้าพัง เราต้องร่วมออกค่าซ่อมด้วย..เวรกรรมแท้ๆ พอกันที ไม่ไหวแล้ววว
หลักการระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) เปรียบเทียบให้เห็นชัดเป็นรูปธรรม ก็คล้ายๆ นโยบายจำนำข้าวของปูข้าวเน่านั่นแหละ คือ บิดเบือนราคาตลาดโลก แล้วใช้เงินรายได้ของรัฐที่ควรจะได้ ไปชดเชยให้ จัดเป็น "นโยบายประชานิยม" แบบหนึ่ง ทำเพื่อคนกลุ่มหนึ่ง แต่พอความเสียหายเกิดขึ้น กลับโดนผลกระทบไปถึงประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ทั้งประเทศ
เกิดหนี้สาธารณะกองกลางประเทศ มากมหาศาล ก็เหมือนฝรั่งยัดเยียด คำและรูปแบบประชาธิปไตยมาให้เราใช้นั่นเอง หลักการดี..พอเอามาใช้ในไทย ก็เละเป็นโจ๊กเลย ระบบอะไรที่ว่าดี เจอนักการเมืองไทยเข้าไป ซิกแซกหัวหมอ โกงกันวินาศไปหมด.." การไว้ใจนักการเมืองเลือกตั้งวันนี้ ภายหน้าลูกหลานก็ต้องมาตรมทุกข์ "
นักการเมืองก็แค่ปฏิเสธความรับผิดชอบ และอ้างปัดว่า "หนูไม่รู้ หนูบริสุทธิ์ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง และสองมาตรฐาน " แต่หนีก้อนใหญ่ของชาติก็เกิดขึ้นจากนโยบายของนักการเมืองเลือกตั้งไปเสียแล้ว..แบบนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับประชาชนทุกคน !!
แทนที่เราจะมาเถียงกันว่าจะเอาระบบแบบใด ทำไมเราไม่คิดว่าทั้ง 2 ระบบมีข้อดี และข้อเสีย เราก็ไม่ต้องใช้ทั้ง 2 ระบบก็สิ้นเรื่อง แต่เราก็ดึงเอาแต่ข้อดีของแต่ละระบบมา (ทั้งแบ่งปันผลผลิต และ สัมปทาน) แล้วเราก็เอามาสร้างเป็นระบบใหม่แบบไทยๆ ของเราเอง
ที่เรียกว่าระบบ "Thailand III Plus " ที่เป็นจุดดีและเป็นลูกผสมของ 2 ระบบ แล้วเราก็ทำตามกฎหมายที่มีรองรับ ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำตามครรลองครองทำ และเป็นระบบไทยๆ ไม่ลอกเลียบแบบต่างชาติ หลักการคล้ายระบอบการปกครองแนวอนุรักษ์นิยมของเราตอนนี้นั่นเอง Win-Win ด้วยกันทุกฝ่าย
ถ้าใครจะดึงดันค้านอีก และรณรงค์ล่ารายชื่อไม่ให้ “สำรวจ” พลังงานรอบใหม่ เพื่อให้คนไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน และน้ำมันถูกลง คนไทยส่วนใหญ่ที่อยากเห็นประเทศไม่ติดหล่มอยู่กับที่ เดินหน้าต่อไปได้ และชอบความสามัคคีไม่แตกแยก คงไม่เอาด้วยแน่ๆ และควรต่อต้านไล่ส่งคนพวกนี้ไปไกลๆ !!
** อ่านตอนต่อไป...คำถาม 6 ข้อเตือนสติคนไทย ไม่อยากล่มสลายแบบเวเนซุเอล่า แม้มีน้ำมันมากที่สุดในโลก ..คลิ๊กที่https://www.facebook.com/media/set/…
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
"กติกา" โปรดงดความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้, งดนำข่าวลือเขาว่ามา , คำหยาบ , ป่วน , งดลิ้งใดๆ ทุกชนิด , งดข้อความจากแหล่งอื่น , งดภาพ , การให้ร้ายดูหมิ่นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อกเข้าเพจนี้..สามารถติดตามข่าวสั้นคลิ๊กที่http://www.facebook.com/thailandcoup


มติ ครม.ย้าย๑๐ผวจ.นอกฤดูกาล

มติ ครม.เคาะโยก 10 ผู้ว่าฯ นอกฤดูกาล (ดังนี้)
1. นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
2. นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
3. นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
4. นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเชร เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
5. นายชยพล ธิติศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
6. นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
7. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง
8. นายอำนวย ตั้งเจริญชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู
9. นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
10. นายธานี ธัญญาโภชน์ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ


แนะ รบ.คสช.ย้อนรอยแจงตปท.กรณีการพบตัวแทนสหรัฐของ"ยิ่งลักษณ์"

รัฐบาล คสช.ต้องย้อนรอย ยิ่งลักษณ์ พิมพ์สมุดปกขาวแจงข้อเท็จจริงที่ต้องถอดถอนยิ่งลักษณ์แจกให้ต่างชาติรับรู้ !

8556
ภาณุมาศ ทักษณา
หนังสือพิมพ์ มติชน บิดเบือนข่าวอีกแล้ว วันนี้พาดหัวข่าว มะกันพบปู ชี้โลกเชื่อคดีการเมือง ทั้งที่ยิ่งลักษณ์ไปขอพบ
นี่ถ้าผมไม่ได้ฟังจากปาก คุณสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.ในรายการสนามข่าว 101 เมื่อเช้าวันที่ 27 ม.ค.2558 นี้
แล้วอ่านจากข่าวของหนังสือพิมพ์มติชน ผู้ซื่อสัตย์(ฮา) ก็คงเข้าใจว่า ผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกาขอพบจริง
แต่เรื่องนี้ คุณสมชาย ได้บอกเล่าให้ผู้ฟังในรายการทราบว่า มีข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศใกล้เกษียณคนหนึ่ง
ทื่เคยได้ดิบได้ดีสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ได้รับการขอร้องจากคนของพรรคเพื่อไทยให้นัดหมายผู้ช่วย รมต.คนนี้
เพื่อนำ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูก สนช.ถอดถอนไปพบ เขาจึงให้พบที่ “บ้านพักเอกอัครราชทูต”ไม่ใช่ในที่ทำการสถานฑุต
ผมจึงขอนำความจริงแท้แน่นอนมาบอกเล่าต่อ  เพราะถ้าเขาเชิญพบอย่างเป็นทางการต้องพบในที่ทำงานช่วง 10.00 น.
แต่นี่ไปพบเขาตอนเช้า ซึ่งโดยมารยาทไม่ควรไปรบกวนเขาอย่างนั้น แต่เป็นเพราะเพื่อไทยต้องการสร้างภาพลวงคนไทย
จึงถ่ายภาพมาเผยแพร่ในสื่อแสดงให้คนเข้าใจว่า สหรัฐอย่างรู้ความจริง ทั้ง ๆ สหรัฐอเมริการู้เรื่องเมืองไทยดีทุกอย่าง
ต้องอย่าลืมว่า ประเทศไทยคือศูนย์กลางของอาเซียน ที่หน่วยสืบราชการลับของทุกประเทศทั่วโลกส่งคนเข้ามาหาข่าว
ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกามีหรือจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรอง CIA มาดูความเคลื่อนไหวของไทย
การไปพบคนของสหรัฐอเมริกาของพรรคเพื่อไทยเป็นการหวังผลที่จะให้ข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลกเหมือนสาวไส้ให้การกิน
เรื่องอย่างนี้ รัฐบาล คสช.โดยกระทรวงการต่างประเทศ ควรพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการเผยความจริงออกไปให้ทั่ว
ว่า สนช.ต้องถอดถอนยิ่งลักษณ์ เพราะยิ่งลักษณ์มีพฤติการโกงประเทศของตัวเอง ไม่ใช่แผนทางการเมืองอย่างที่มันพูด
กระทรวงการต่างประเทศ ต้องพิมพ์คำชี้มูลของ ป.ป.ช.และขั้นตอนการพิจารณาถอดถอน ยิ่งลักษณ์ เป็นภาษาอังกฤษ
แจกจ่ายให้สถานทูตต่าง ๆ ในไทย และแจกจ่ายไปยังสำนักข่าวต่างประเทศที่มีสำนักงานในประเทศให้ช่วยเผยแพร่ครับ

"ถวิล"หอบหลักฐานแจงที่มาทรัพย์สิน86ล้าน

"ถวิล พึ่งมา"หอบหลักฐานแจงที่มาทรัพย์สิน 86 ล้านบาท
Cr:ผู้จัดการ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (27 ม.ค.) ที่กองปราบปราม นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าทีมสอบสวนคดีลักเงินคงคลังสถาบันดังกล่าว และพ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน กก. 6 บก.ป เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับคดี พร้อมนำหลักฐานมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สิน 86 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายถวิลมีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้มีท่าทีวิตกกังวลแต่อย่างใด ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน นายถวิลปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวจำนวนมาก โดยเจ้าตัวกล่าวเพียงสั้นๆว่า ขอชี้แจงกับพนักงานสอบสวนก่อนแล้วค่อยมาให้สัมภาษณ์อีกที
ทั้งนี้ เมื่อปี 2557 นายถวิลได้รายงานทรัพย์สิน 86 ล้านบาทกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช. แบ่งเป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 32 ล้านบาท ที่ดิน 42 ล้านบาท ยานพาหนะ 8 ล้านบาท เงินฝากและทรัพย์สินอื่นๆอีก 4 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องการทราบถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินดังกล่าว โดยการเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว