PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เครื่องบินตก ... พบทั้ง 4 นายแล้ว รอดรายเดียว

#เพิ่มเติมข่าวเครื่องบินตก ... พบทั้ง 4 นายแล้ว 
- เสียชีวิต 3 นาย
- บาดเจ็บ 1 นาย
จ.ส.อ. นัฐชนันท์ เขื่อนแก้ว สังกัด ร.17 พัน.4
ยุติการค้นหาแล้ว เคสเครื่องบินตก
#ผู้เสียชีวิต 3 นาย ไว้ ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ในวันพรุ่งนี้ คือ
1. ร.ท.ณฤพล พุกทอง
2. ร.ท.วโรฒน์ แปลงกระโทก
3. ร.ท.เขมรสช ดวงแก้ว
#ส่วนผู้บาดเจ็บ /กระดูกหัก รู้สึกตัว พูดคุยได้ นำส่ง รพ.ศรีสังวาลย์ โดยรถยนต์ 24 นี้ กำลังออกจากพื้นที่
ที่มา...ราชสีห์ รส.

ทะเลคลั่งทำเรือล่มภูเก็ตช่วยแล้ว 89 คน ระทึกยังสูญหาย 49 ชีวิต

ทะเลคลั่งทำเรือล่มภูเก็ตช่วยแล้ว 89 คน ระทึกยังสูญหาย 49 ชีวิต จนท.เร่งค้นหา ยังไม่ทราบชะตากรรม
วันนี้ 5 กรกฎาคม 2561เวลา 21.30 น. นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เกิดเหตุเรือล่มที่เกาะเฮ และเกาะไม้ท่อน จากลมมรสุมและคลื่นลมแรงในช่วงเย็นที่ผ่านมาจากการรายงานข้อมูลมีเรือประสบเหตุจำนวน 3 ลำประกอบด้วย เรือฟิกนิก เลขทะเบียน 6000-02210 บรรทุกผู้โดยสาร รวมไดมาสเตอร์ รวม 97 คน ล่มบริเวณเกาะเฮ เหตุเกิด เมื่อเวลา 17.45 น.ที่ผ่านมา ,เรือเซเนลิก้าเกิดเหตุเรือล่ม ที่เกาะไม้ท่อนมีผู้โดยสารประมาณ 39 คน และเรือเจ็ทสกี 1 ลำผู้โดยสาร 2 คนจากทั้ง 3 เหตุการณ์มีผู้โดยสารประสบเหตุรวม 138 คน
ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตได้บูรณาการร่วมกับ ศปก.ทรภ.3 สั่งให้ ร.ล.หัวหิน เรือ ต.232 และ ชปพ.ออกทำการช่วยเหลือ ร่วมกับเรือ ตรน. โดยขนาดนี้ได้ทำการช่วยเหลือผู้โดยสารขึ้นฝั่งมาได้แล้วจำนวน 70 คนประกอบด้วย เป็นผู้โดยสารของเรือฟิกนิก 48 คน นำส่งโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระดับแดงจำนวน 1 รายและอยู่ในระดับเหลืองจำนวน 9 สำหรับผู้โดยสารของเรือเซเนลิก้าผู้โดยสารประมาณ 39 คน สามารถช่วยเหลือขึ้นฝั่งได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเรือเจ็ตสกีซึ่งเป็นผู้โดยสารชาวรัสเซียก็ได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยแล้วทั้ง 2 ราย
สรุปขณะนี้สามารถนำผู้โดยสารในเรือที่เกิดอุบัติเหตุได้จำนวน 89 ราย ผู้โดยสารทั้งหมด 138 ราย ยังคงเหลือผู้ประสบเหตุจำนวน 49 ซึ่งทหารเรือ ทัพเรือภาค 3 ตำรวจน้ำและหน่วยกู้ชีพกู้ภัยกำลังระดมให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้สูญหาย
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ขณะนี้คลื่นลมในทะลยังคงแรงและมีความสูงกว่า 5 เมตร ทำให้เรือเล็กไม่สามารถออกจากฝั่งได้ จังหวัดจึงออกประกาศเตือนห้ามเรือเล็กออกจากฝั่งอย่างเด็ดขาดและมีการรายงานว่ามีเรือโดยสารติดค้างอยู่ที่เกาะราชา อีกกว่า 10 ลำรวมผู้โดยสารจำนวน 263 คน
ขอบคุณข้อมูลจาก...สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต

“พลังประชารัฐ” พรรคหัวขาด มีกระสุน แต่ไม่มีกระแส

“พลังประชารัฐ” พรรคหัวขาด มีกระสุน แต่ไม่มีกระแส


“พลังประชารัฐ” เจาะฐานเสียง “เพื่อไทย” ไม่เข้า พื้นที่อีสานก็เหนื่อย ภาคเหนืองานยาก ภาคตะวันออกพื้นที่อีอีซี ใครว่าง่าย
ที่เป็นอย่างนี้ อาจเป็นไปได้ว่า เนื่องจากก่อตั้งพรรคใหม่ จะว่าไปความเป็นพรรคการเมืองสมบูรณ์ยังไม่มีด้วยซ้ำ
จึงไม่แปลกที่ผลโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของบางสำนัก ประชาชนให้ความสนใจพรรคนี้แค่ 17 %เศษเท่านั้น
ติดอันดับ 4 ทั้งที่ฟอร์มใหญ่ แบ๊กดี กำลังภายในสูงส่ง แต่พรรคที่เพิ่งตั้งไข่ จะนำไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่นเต็มๆคงไม่ได้ โดยเฉพาะกับเพื่อไทย ประชาธิปัตย์
ที่ตั้งมาก่อนมานาน ผ่านศึกเลือกตั้งโชกโชน เพราะฐานมันต่างกัน
แต่พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมจากประชาชนก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่า ต้องเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่เท่านั้น
ตัวอย่างมีให้เห็น อย่างพรรคไทยรักไทย หรือในชื่ออื่นใด พลังประชาชน และเพื่อไทยในปัจจุบัน
ก่อตั้งไม่ถึง 20 ปี แต่สามารถโค่นล้ม เอาชนะประชาธิปัตย์พรรคการเมืองเก่าแก่มาได้ทุกครั้ง
ผูกขาดชนะเลือกตั้ง นับแต่ลงสนามครั้งแรก เลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2544 กระทั่งครั้งสุดท้ายปี 2554
ชนะตลอดถึง 3 ครั้ง 3 ครา
เพียงแต่ว่า พรรคพลังประชารัฐที่ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกครั้งนั้น
อาจต้องยกเว้นให้ เพราะยังไม่เคยลงเลือกตั้งสนามจริง
แพ้หรือชนะยังไม่รู้
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอน เตรียมการเบื้องต้น การนำไปเรียงเคียง เทียบกับเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ อาจไม่แฟร์กับพลังประชารัฐเท่าใดนัก
หากจะเปรียบเทียบ ระนาบเดียวกันที่ใกล้เคียงที่สุดคงเทียบได้กับพรรคอนาคตใหม่
เป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนชุดเดียวกันของดุสิตโพล ระบุว่า ยึดตำแหน่งที่2 รองจากเพื่อไทย
ประชาชนให้ความสนใจพรรคอนาคตใหม่34.18%สูงกว่าเป็นเท่าตัว เทียบกับพลังประชารัฐ
แต่ก็เปรียบเทียบ อะไรไม่ได้มาก-ทั้งหมด
เนื่องจากอนาคตใหม่ มีหัวหน้าพรรค มีเลขาธิการพรรค เป็นตัวตนชัดเจนแล้ว
ขณะที่พลังประชารัฐ ยังเป็นพรรคผีหัวขาด
ชื่อ บิ๊กอุ-อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ คู่ดูโอที่ มีกระแสข่าวในตำแหน่งหัวหน้า และเลขาฯ จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีความชัดเจน แน่นอน
เมื่อไม่มีหัวหน้า เลขาฯ ตัวท็อป ตัวแทนแสดงบทบาทการเมือง
จึงอาจไม่มีใครรู้จัก ซึ่งส่งผลต่อความสนใจของประชาชน และคะแนนนิยมในที่สุด
แต่การมีหัวหน้า มีเลขาฯ พรรคพลังประชารัฐ ที่มองทะลุได้ถึงเบื้องหน้า เบื้องหลักชัดเจน กรณีนี้อาจไม่ได้เป็นเครื่องการันตี จะได้รับความสนใจ คนนิยม
เพราะเมื่อชัดเจน ประชาชนก็ย่อมจำแนกแยกแยะได้ง่าย
การตัดสินใจก็ชัดเจนอีกลำดับ
ระหว่างฝ่ายไม่เอารัฐบาลทหาร กับฝ่ายนิยมชมชอบลายพราง เป็นดาบสองคมเหมือนกัน
เป็นไปได้สองทาง อาจบีบแคบช่องว่างให้เล็กลง หรือขยายเพดานถ่างกว้าง ออกไปยิ่งกว่าเดิม
แต่ ณ วันนี้ วันที่พรรคพลังประชารัฐยังคลุมเครือ
กระแสความนิยมในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ชี้เป็นชี้ตายผลการเลือกตั้งนั้น ค่อนข้างเบาบาง อย่างชนิดน่าเป็นห่วง
จะเรียกว่า เจาะไม่เข้าก็ได้ หรือดำเนินไปอย่างที่แวดวงการเมืองพูดกันอื้ออึงว่า มีกระสุน แต่ไม่มีกระแสนิยม

ทั้งนี้ทั้งนั้น เอเยนต์จากส่วนกลาง และในภูมิภาค ไล่มาตั้งแต่บิ๊กลายพราง เสนาบดี มือไม้ระดับรองๆลงไป
หลายต่อหลายสาย ต่างไล่จีบ ทาบทามตามตื๊อ อดีตส.ส.เกรดเอในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย และรวมถึงนักการเมือง ผู้นำท้องถิ่น-อปท.
มีการเดินสายดูดทุกทิศทุกทาง ทั้งที่อ้างสายตรง สายรอง เกือบทุกสาย วนเวียนทาบทาม
อดีตส.ส.เสียงดี เนื้อหอม ถูกรุมตอมซ้ำ รับแขก รับนัดไม่หวาดไม่ไหว
มีการหยิบยื่นข้อเสนอ สิทธิประโยชน์ จัดเต็มโปรโมชั่น แต่ก็ดูดได้เกรดเอ ของดีไม่กี่คน
เพราะอดีตผู้แทนที่เกาะติดพื้นที่ ใกล้ชิดประชาชน กระแสกลิ่นรู้ดีว่า สถานการณ์แบบนี้
สถานการณ์ที่ไม่มีกระแสตอบรับพลังประชารัฐแบบนี้ ย้ายไปก็เหนื่อย เงินทองที่ได้มา ไม่ยั่งยืน มีหน้าตามีค่าเท่ากับการเป็นส.ส.
นี่เป็นโจทย์ใหญ่โหดหิน ของพรรคพลังประชารัฐ ในภาคเหนือ และอีสาน
แม้แต่ภาคตะวันออก นักการเมืองที่โดดร่วมหอลงโรงกับรัฐบาลก็บ่นพึม
ถึงจะแยกกันอยู่ สู้ในนามพรรคเดิมต่อ ไม่ควบรวมพลังประชารัฐ
แต่การเป็นแนวร่วม พันธมิตร ก็ลำบากมิใช่น้อย หากปุบปับเลือกตั้ง อาจพัง แพ้ได้ง่ายๆ เนื่องจากกระแสต้านทหารยังอยู่ระดับสูง
ที่ทำให้พอใจชื้นขึ้นหน่อยก็ตรงที่ยังพอมีเวลา เคลียร์ ทำความเข้าใจกับประชาชนว่า เหตุใดถึงต้องมาอยู่ขั้วข้างฝั่งนี้
แต่นักการเมืองภาคตะวันออก ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ว่าที่จะนำเรื่อง”อีอีซี”อภิมหาโปรเจ็กต์หลายแสนล้าน
ไปโน้มน้าว จูงใจประชาชนว่า คนในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างน้อย 3 จังหวัดได้รับประโยชน์โดยตรง ถึงได้ย้ายมาอยู่กับรัฐบาล
“อีอีซี”จะช่วยอุ้มเข้าสภาฯได้จริงหรือไม่
กลับไปที่อีสาน
พรรคภูมิใจไทย เบอร์2 รองแชมป์เลือกตั้ง รองจากเพื่อไทย ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก
เหตุชาวบ้านติดใจนโยบายประชานิยม-แก้จน ยังฝักใฝ่ ทักษิณ ชินวัตร เห็นใจยิ่งลักษณ ชินวัตร
ภูมิใจไทยอาจยึดเมืองหลวง อย่างบุรีรัมย์เอาไว้ได้ รวมถึงเมืองรองใกล้เคียงอีสานใต้ แต่อย่าได้หวังขยับขยาย รุกคืบกินแดนแย่งที่นั่งส.ส.เพื่อไทย
พื้นที่นี้ ชาวบ้านจดจำ ฝังใจ เหตุการณ์”เนวิน ชิดชอบ”หักหน้า แปรพักตร์ พลิกขั้วโหวตหนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งนายกรัฐมนตรี
ถึงวลี “มันจบแล้วครับนาย”
แต่ที่นั่น ไม่จบยันวันนี้
แน่นอน ยามนี้เพื่อไทยในภาคเหนือ อีสาน ไม่ได้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งเหมือนอดีต แต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต เลวร้าย
อย่างน้อยฐานเสียงสนับสนุนก็ยังอยู่ และมากพอ เหนือกว่า พรรคอื่นอย่างชนิดทิ้งห่าง ไม่ติดฝุ่น โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐยังห่างไกลจากคำว่าสู้ได้
เพราะมีแต่กระสุน แต่ไม่มีกระแส
กลุ่ม 3 มิตร 3 ช่า อีกหัวหอกแยกกันเดิน มุ้งใหญ่พลังประชารัฐนั้นเล่า ดูจากรายชื่ออดีตส.ส.ที่นำมาอวดโชว์เป็นผลงาน ตัวท็อปความหวังฐานดีก็มีนับหัวได้
จึงฝากฝีฝากไข้ได้ยาก
การที่มีกระแสข่าว การทุ่มเงินให้อดีตส.ส.บางคน 2 พันล้าน เพื่อตั้งเป็นพรรคสาขาใหม่ลายพรางในภาคอีสาน
เป็นภาพสะท้อนของการเจาะไม่เข้า ที่ต้องแก้เกม พลิกแพลง หากลยุทธ์ใหม่สู้เพื่อไทย เนื่องจากพรรคที่ไล่เรียงมานั้นขายไม่ได้ ไม่มีกระแสตอบรับ
น่าสนใจ-ติดตามเป็นที่ยิ่งว่า ในสถานการณ์การต่อสู้ ในสมรภูมิเลือกตั้งที่(พรรค)ลายพรางไม่เจนจัด ชี้นิ้วสั่งการไม่ได้นั้น บิ๊กๆคนดังผู้อยู่เบื้องหลัง
จะแก้เกม ตีตื้นอย่างไร ไม่ให้เสียของ แพ้เลือกตั้ง

บิ๊กป้อมลุยเคลียร์หนี้

“บิ๊กป้อม” สั่ง เคลียร์หนี้ นอกระบบ “คนจน”กว่า7แสน ที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ คาดเห็นผลใน กย.61นี้....มอบ กอ.รมน.-ทหาร-ตำรวจ จัดการ

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ กระทรวงแรงงาน สำรวจและสนับสนุนการผลักดันแก้ปัญหา หนี้นอกระบบ ของผู้มีรายได้น้อย ที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนกว่า 7 แสนคน  

โดยให้ประสานข้อมูลและทำงานร่วมกับ กอ.รมน. ทหารและตำรวจในพื้นที่  ระหว่างการขับเคลื่อนโครงการ “เพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ” ที่กำลังดำเนินการและจะเสร็จสิ้นใน ก.ย.61 

โดยคาดว่า หลัง ก.ย.61 ความร่วมมือกันในการผ่อนคลายภาระหนี้นอกระบบของผู้มีรายได้น้อย ร่วมกับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อย กว่า 6 แสนคน ที่เข้าร่วมพัฒนาตนเองกับกระทรวงแรงงาน จะสามารถพัฒนาศักยภาพและทักษะในวิชาชีพทางเลือก. ให้ผู้มีรายได้น้อย มีงานทำและมีรายได้พอเพียงสำหรับการพึ่งพาตนเอง  

ตลอดจนมีหลักประกันทางสังคมและความมั่นคงในชีวิตที่เหมาะสม เพื่อให้สังคมสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าอย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน

สมคิดโดนมาเยอะ

FOS .....”สมคิด”คนเพื่อนเยอะ...เพื่อนกันทั้งนั้น

“สมคิด" ปัด”ดีล” สามมิตร”หนุน”บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ แต่ยอมรับรู้จัก เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น วงการเมืองคือเพื่อนๆกัน
 “ผมมีเพื่อนเยอะ และเชื่อว่าทุกคนก็มองถึงประเทศชาติทั้งนั้น ทุกพรรคคือเพื่อนกันทั้งนั้น”

ใครจะเอาชื่อไปพาดพิง ก็ตามสบาย เพราะโดนมา20ปีแล้ว ชี้ไปต่างประเทศ มา2 สัปดาห์ ก็โดนพาดพิง

ยันไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะทำงานด้านเศรษฐกิจ... ชี้ นักการเมืองมีสิทธิเลือกพรรค ทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น และไม่ใช่แค่สามมิตร เป็นมวลหมู่มหามิตรเลย เป็นเพื่อนฝูงกันทั้งนั้น วงการเมืองคือเพื่อนๆกัน ไม่ตอบ สามมิตร จับมือ พรรคพลังประชารัฐ  สู้เพื่อไทย 

“การทำเพื่อประเทศ ไม่เกี่ยวกับว่าจะรวมกลุ่ม หรือไม่  การเมืองคือการที่ทุกคนต้องเข้ามาทำให้ประเทศดีขึ้น  

“พรรคการเมืองดีทุกพรรค แต่ละพรรคมีนโยบายของเขา ใครจะอยู่พรรคใดก็อยู่ไปถ้ามีความสุข คนที่จะเลือกพรรคเขาจะมองว่าพรรคนั้นสามารถทำให้เขาได้ทำงานเพื่อประเทศชาติได้หรือไม่ ใครจะอยู่พรรคใดก็แล้วแต่ ทุกคนมีสิทธิ์ทั้งนั้น แต่อย่าทะเลาะกัน อย่าไปมองการเมืองในแง่ที่ไม่ดี” : นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

ถึงจุด ‘ลุงตู่’ ไม่แคร์แล้ว

ถึงจุด ‘ลุงตู่’ ไม่แคร์แล้ว



เลี่ยงถูกเหน็บแนมว่าโหนกระแสทีมหมูป่าฯ
ตามกระแสข่าวที่ทีมงานเสนอให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ยกเลิกการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงรายในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ไปจัดที่จังหวัดน่านแทน
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันโปรแกรมที่เชียงรายเหมือนเดิม เพราะกำหนดคิวไว้แล้ว
ตามแนวโน้มสถานการณ์ที่เห็นได้เลยว่า มาถึงนาทีนี้ทีมงานการเมืองของ “นายกฯลุงตู่” ให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสมากเป็นพิเศษ ประเมินทิศทางลมตลอดเวลา
ในจังหวะที่รัฐบาล “ลุงตู่” กำลังตุนแต้มบวกจากปฏิบัติการช่วย 13 เยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าฯ สอบผ่านเชิงบริหารภายใต้สภาวการณ์วิกฤติที่คนทั้งประเทศไทยและทั่วโลกจับตา (ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ถ้ำหลวงเชียงราย)
ถ้าพลาดโดนด่า กระแสดีดกลับมันไม่คุ้ม
นี่แหละคือมุมในแบบฉบับของนักการเมืองอาชีพ โดยวิสัยของคนเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้งจะต้องให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์บริหารกระแสแบบนี้
ที่แน่ๆเริ่มปักหลัก ตั้งรับแรงกระแทกทางการเมืองแบบมีลีลา
จับทางจากที่ “นายกฯลุงตู่” ตีกรรเชียงตอบกรณีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยโจมตีและเรียกร้องให้ตรวจสอบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่โยงกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มสามมิตรที่ประกาศสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ
จะโจมตีตนเองเรื่องอะไร ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐยังไม่ประกาศออกมาเลย เป็นเพียงการจองชื่อไว้เฉยๆ การพูดคุยในวันนี้ถือว่ามีอิสระเสรีมากพอสมควร ไม่ว่าใครก็ตาม เขาก็มีการพูดคุยกันตลอด จะให้แต่นักการเมืองคุยกันข้างเดียวหรือ
การดำเนินการอย่ามองว่าได้เปรียบเสียเปรียบอะไร เพราะประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
สถานการณ์ถึงจุดที่ “บิ๊กตู่” ไม่แคร์ที่ถูกนักการเมืองรุมถล่มให้ท้ายยี่ห้อพลังประชารัฐ
แถมยังมีเหลี่ยมออกตัวจงใจตอกย้ำชัดๆ แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดเองเลยว่า หลายคนบอกโครงการไทยนิยม โครงการประชารัฐได้เปรียบ
ทั้งๆที่โครงการนี้เกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการหรือการทำงานที่จะมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง แต่ต้องการที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั้งจังหวัด อำเภอ ตำบล ให้งบประมาณไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี และปีนี้ก็ต้องลงอีกครั้ง
ปูทางนำร่องรายการอัดฉีดเพิ่มโครงการไทยนิยม ลดแลกแจกแถมสินค้ายี่ห้อ “ประชารัฐ”
ใช้งบหลวงมัดจำแต้มความนิยมกับชาวบ้านแบบเนียนๆ
เลียนแบบมุกเดียวกับที่ยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยทำยังไงยังงั้น
สอดรับกับข่าววงใน แว่วๆทีมงาน “สามมิตร” อย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” แสดงความมั่นใจในยุทธศาสตร์ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วสมัยพรรคไทยรักไทย ที่มีคนชื่อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นหลักในทีมคิดนโยบายกวาดแต้มถล่มทลาย
แค่ปรับจากยี่ห้อ “ประชานิยม” เป็นแบรนด์ “ประชารัฐ”
นโยบายกระตุ้นปากท้องโดยยี่ห้อ “นายกฯลุงตู่” รายการลดแลกแจกแถมชาวบ้านฐานราก จัดหนักแน่
ขอเวลาแค่ 3 เดือนก่อนเลือกตั้งเท่านั้น
ฐานลูกค้าจากยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่แน่นๆ แกว่งแน่
และคงไม่ใช่แค่ราคาคุย หรือการปั่นราคาของยี่ห้อ “สามมิตร”
ตามปรากฏการณ์สะท้อนจากอาการนั่งไม่ติดของเครือข่าย “ทักษิณ” ที่ตีฆ้องร้องป่าว
โหมตีปี๊บประจาน ดักคอดักทาง “บิ๊กตู่” ที่หลิ่วตาให้ทีมงานสามมิตรเดินสายดูด ส.ส. ถึงขั้นยื่นร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ “ทำแท้ง” พรรคพลังประชารัฐ
ฟ้องกันด้วยหลักฐานลอยๆ อ้างข้อความแชตในไลน์มาตีกินเป็นข่าว
เป้าหมายจริงคือเขย่าปมสองมาตรฐาน เขี่ยเชื้อไฟกองเชียร์ฝ่ายต้าน คสช.
ลึกๆเพื่อไทยส่ออาการแหยง “เลือดไหลไม่หยุด”
ที่แน่ๆสถานการณ์นับแต่นี้ไป คนพรรคเพื่อไทยต้องเจอเหลี่ยมของพวก “เป็นมวย” การเมืองด้วยกัน
ชั้นเชิงของอดีตมวยค่ายเดียวกันเองที่รู้เหลี่ยมรู้ทางกันดี
สถานการณ์เข้าสู่โหมดงานโหดและหิน ไม่ง่ายเหมือนล่อเป้าทหาร ยั่วจุดเดือด “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ให้หลุดเสียอาการ พาลรุมกระแทกทีม “สมคิด” ที่แรงเสียดทานทางการเมืองต่ำ
ที่สำคัญแถมเทียบฟอร์มเครือข่าย “สามมิตร” ที่เป็นมวยรุ่นใหญ่
เขี้ยวกว่า “นกแล” ของ “นายใหญ่” เยอะ.
ทีมข่าวการเมือง