PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว



สปช. 4 คน ที่ถูกเสนอชื่อเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แสดงวิสัยทัศน์



การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าทำหน้าที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แทน นางทิชา ณ นคร
ที่ลาออกไป โดยมีสมาชิกเสนอรายชื่อ 4 คน ล่าสุด ประธานให้แสดงวิสัยทัศน์คนละไม่เกิน 3 นาที เริ่มจาก

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล แสดงวิสัยทัศน์ว่า ต้องการร่างรัฐธรรมนูญให้ลดความเหลื่อล้ำ ทางสังคม เศรษฐกิจ เพื่อความเป็นอยู่ ปากท้อง
ของประชาชนทั้งประเทศ

นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา ต้องการบูรณาการ การปฏิรูปประเทศ ควบคู่ไปกับการทำงานของ กรรมาธิการ 18 คณะ และ การร่างรัฐธรรมนูญ
ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง

นางจุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์ ย้ำว่า ตนมีกรอบความคิด เรื่องความเสมอภาคทางเพศ และต้องการร่างรัฐธรรมนูญที่สามารถใช้ได้จริงกับสัมคม
ไทย ยืนยันว่าตนปราศจากการครอบงำจากฝ่ายต่าง ๆ

นายอมร วาณิชวิวัตร เน้นมุ่งประโยนช์สาธารณะ ประสานงานให้แม่น้ำทุกสายทำงานร่วมกันให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
/////////////
มติ สปช. โหวต "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" นั่ง กมธ.รธน. แทน ทิชา หลังลงคะแนนลับ

การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าทำหน้าที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แทน นางทิชา ณ นคร
ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 4 คน คือ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา นางจุไรรัตน์
จุลจักรวัฒน์ และ นายอมร วาณิชวิวัฒน์ ซึ่งภายหลังการแสดงวิสัยทัศน์แล้ว ประธานการประชุมให้สมาชิกลงคะแนนแบบลับ
ในคูหาและหย่อนบัตรลงตู้ที่ได้เตรียมไว้ ทั้งนี้ ผลการนับคะแนน ปรากฏว่า นายกอบศักดิ์ ได้คะแนน 119 คะแนน นางศิรินา ได้
26 คะแนน นางจุไรรัตน์ ได้ 67คะแนน และ นายอมร ได้ 8 คะแนน ดังนั้น ที่ประชุมเห็นชอบเลือก นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ดำรง
ตำแหน่งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แทนตำแหน่งที่ว่าง
//////////////

"พล.อ.ประวิตร" ไม่คิดนั่งนายกรัฐมนตรีคนนอก ยันโผทหารยึดอาวุโส คดี "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ยึด กม.

พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญ
ที่ระบุให้สามารถมีนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้ ว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้มีข้อยุติ และยืนยันว่า ตนเอง
ไม่ได้อยากเป็นนายกรัฐมนตรี และยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอยู่พร้อมย้ำว่า คสช. จะดำเนินการตามโรดแมป และระยะ
เวลาที่ได้ตั้งไว้

ส่วนการส่วนกรณีโผโยกย้ายนายทหารกลางปี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คาดว่ารายชื่อจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า
และรายชื่อดังกล่าวจะคัดสรรตามลำดับอาวุธโส และความรู้ความสามารถ

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการชี้แจงคดีการสลายการชุมนุมปี 2553 ด้วยว่าจะทำไปตามขั้นตอนที่กฎหมาย
ระบุไว้โดยได้ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในกระบวนการตัดสินใจ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของ นายอภิสิทธ์
เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น
//////////////////
"พล.อ.อนุพงษ์" เผย ต้องมีกฎหมายรองรับเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมืองปี 56-57

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ให้มีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง
ในปี 2556-2557 ว่า แนวทางการเยียวยา ตนเห็นว่าต้องมีกฎหมายรองรับที่ถูกต้อง ส่วนการดำเนินการนั้น จะผ่านกลไกใดก็ได้
แต่ผู้ที่ได้รับการเยียวยา ต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวไม่ได้เข้าในวาระคณะรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
ว่า ครม. ได้เห็นชอบเรื่องดังกล่าว โดยจะมีการปรับพื้นที่ให้เหมาะสมกับแหล่งน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ ในบางพื้นที่มีปัญหา ทำให้ไม่สามารถ
ดำเนินโครงการได้ ส่วนเรื่องงบประมาณมีการปรับลดให้น้อยลงกว่าเดิมเล็กน้อย
/////////////////

นายกรัฐมนตรี ให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเน้นย้ำทุกหน่วยงานราชการให้กำชับดูแล

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงข้อสั่งการ
ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยกำหนดแนวทางให้คณะรัฐมนตรี
และถือเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเน้นย้ำทุกหน่วยงานราชการให้กำชับดูแลหน่วยงานของตนเองในเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก
ส่วนราชการเป็นต้นแบบในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ส่วนการดูงานในต่างประเทศของของหน่วยงานต่างๆ
ให้ดูความจำเป็นเพื่อปรับลดค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ ได้มอบหมายคณะกรรมการตรวจสอบงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. เข้าไปดำเนินการตรวจสอบองค์กรมหาชนทุก
องค์กรเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน รวมถึงแนะนำการจัดการงบประมาณให้มีความรวดเร็วโปร่งใส
///////////
นายกรัฐมนตรี ห่วงการสร้างความรับรู้กับประชาชนในเรื่องการทำงานของรัฐบาล

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงข้อสั่งการ
ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ว่า รัฐบาลทำงานเป็นจำนวนมาก แต่การ
สร้างความรับรู้กับประชาชนยังไม่ครบถ้วน จึงต้องสร้างความรับรู้เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในการดำเนินงาน
ของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดูแลในเรื่องของแอปพลิเคชั่นเป็นโทรศัพท์
มือถือในเรื่องของข้อมูลที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น ราคาสินค้าต่าง ๆ และเพื่อป้องกันการขายสินค้า
เกินราคา
//////////////////
ที่ประชุม ครม. อนุมัติให้ กระทรวงกลาโหม ปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย กรณีไปปฏิบัติราชการ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า คณะรัฐมนตรี
อนุมัติให้กระทรวงกลาโหม ปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย
กรณีไปปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปรามนอกที่ตั้งปกติ หรือไปปฏิบัติราชการพิเศษ เพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ให้ได้
รับอัตราเบี้ยเลี้ยงเพิ่มขึ้น จากเดิมวันละ 94 บาท เป็นวันละ 200 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2557 โดยอัตราเบี้ยเลี้ยงสำหรับ
พลทหาร หรือสิบตรี จ่าตรี และจ่าอากาศตรีกองประจำการ และนักเรียนทหาร ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นนายทหาร
ประทวน เบี้ยเลี้ยงประจำ จาก 75 บาทต่อวัน เป็น 96 บาทต่อวัน เบี้ยเลี้ยงกรณีเดินทางไปราชการนอกที่ตั้งปกติจาก 94 บาท
ต่อวัน เป็น 120 บาทต่อวัน อัตราเบี้ยเลี้ยงประจำสำหรับนักเรียนช่างฝีมือทหารและนักเรียนช่าง กรมอู่ทหารเรือ จาก 87 บาท
ต่อวัน เป็น 111 บาทต่อวัน อัตราเบี้ยเลี้ยงประจำสำหรับนักเรียนทหาร ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นนายทหาร
สัญญาบัตร อัตราเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และอัตราเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักเรียนเตรียม
ทหาร จาก 106 บาทต่อวัน เป็น 120 บาทต่อวัน อัตราเบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังและผู้ถูกควบคุมตัว จาก 52 บาทต่อวัน เป็น 67
บาทต่อวัน ค่าอาหารผู้เจ็บป่วย จาก 75 บาทต่อวัน เป็น 96 บาทต่อวัน

นอกจาก นี้ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ส่วนเบี้ยเลี้ยงทหารกองประจำการ กรณีไปปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปราม
นอกที่ตั้งปกติหรือไปปฏิบัติ ราชการพิเศษเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ จาก 94 บาทต่อวัน เป็น 200 บาทต่อวัน โดยเปรียบเทียบ
กับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของข้าราชการทหาร ซึ่งกำหนดอัตราเบี้ยเลี้ยงข้าราชการทหารซึ่งมียศพันเอก
นาวาเอก นาวาอากาศเอก อัตราเงินเดือน พันเอกพิเศษ นาวาเอกพิเศษ นาวาอากาศเอกพิเศษขึ้นไป 270 บาทต่อวัน และข้าราชการ
ทหาร ซึ่งมียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอกลงมา 240 บาทต่อวัน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่าย
ในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554
----------------
นายกรัฐมนตรี เตรียมเป็นประธานเปิดงาน "วิถีข้าว : วิถีไทย" ณ บริเวณคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล

นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้เป็นประธานการประชุมการจัดงาน “วิถีข้าว : วิถีไทย
Thai rice : Thainess” เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน และมอบหมายงานให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้
ที่ประชุมได้รับทราบการจัดงาน “วิถีข้าว : วิถีไทย Thai rice : Thainess” ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5 มีนาคม - 5 เมษายน
2558 เป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน ณ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งโครงการนี้เกิดจากการริเริ่มของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบนโยบายให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมกันจัดงานครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร
ที่ผลิตข้าวคุณภาพดี ในชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ ได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์ข้าวที่ตนผลิตสู่ตลาดชุมชนเมืองในกรุงเทพมหานคร ซึ่ง
จะเป็นช่องทางสำคัญได้เชื่อมโยงการตลาดจากผู้ผลิต คือ เกษตรกรไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ตลอดจนสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าว
อันจะเป็นแนวทางเพิ่มรายได้และสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรในการประกอบอาชีพทำนา เพื่อผลิตสินค้าข้าวที่ดีมีคุณภาพต่อไป
ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ รัฐบาลคาดหวังว่า จะเป็นการกระตุ้นให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญและความเข้าใจในคุณค่าของข้าวไทย
ความมหัศจรรย์ของข้าวไทย และเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยให้หันมาบริโภคข้าว ที่มีคุณภาพพิเศษเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนเป็นการ
เชื่อมโยงผู้ผลิตข้าว ผู้ประกอบการและผู้บริโภค เพื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลและเชื่อมโยงตลาดข้าวระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคโดย
ตรงอีกด้วย ทั้งนี้ วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2558 เวลาประมาณ 17.00 น. นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานในการเปิดงาน
ณ บริเวณ ดังกล่าวในโอกาสนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนและผู้สนใจมาร่วมชมนิทรรศการ และอุดหนุนข้าวไทยพันธุ์ต่าง ๆ ที่มี
คุณค่าทางโภชนาการโดยสามารถเข้าร่วมงานนี้ได้ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม จนกระทั่งถึง วันที่ 5 เมษายน ศกนี้ ณ บริเวณคลองผดุงกรุงเกษม
ข้างทำเนียบรัฐบาล
/////////////
สนช.

"สุรชัย" เผย วิป สนช. มีข้อสรุปให้ สมาชิก สนช. ปรับคนใกล้ชิดเป็นผู้ช่วยออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลย้อนหลัง
ไปถึงวันที่ 1 มี.ค.

นายสุรชัย เลี้ยงบญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสสังคมวิจารณ์
สมาชิก สนช. แต่งตั้งคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวเข้ามาทำหน้าที่ผู้ช่วยหรือผู้เชี่ยวชาญว่า ทาง คณะกรรมาธิการ
วิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. ได้มีการหารือกัน และได้ข้อสรุปโดยให้ วิป สนช. แจ้งต่อสมาชิก
ทุกคนที่มีผู้ช่วยในลักษณะดังกล่าว ปรับเปลี่ยนออกจากตำแหน่งทั้งหมด โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 มี.ค.

ทั้งนี้ นายสุรชัย ยังระบุอีกว่า การแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดเข้ามาทำหน้าที่ผู้ช่วยหรือผู้เชี่ยวชาญของสมาชิก สนช. นั้น ไม่ได้
เป็นการกระทำที่ผิดกฎ หรือขัดต่อประกาศแต่อย่างใด เพราะกรณีดังกล่าวไม่ได้มีการบัญญัติ หรือกำหนดไว้เป็นข้อกฎหมาย
แต่ในอนาคต อาจมีการระบุให้ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการแต่งตั้งจะไม่ผิดกฎ แต่เพื่อให้เป็นตัวอย่าง และเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีของสภา สนช. เห็น
ควรที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจ

ศาลสั่งจำคุก “สุดาทิพย์-โกวิท ม่วงนวล” คนละ 1 ปีครึ่ง ปรับ 375,000 บาท

ศาลสั่งจำคุก “สุดาทิพย์-โกวิท ม่วงนวล” คนละ 1 ปีครึ่ง ปรับ 375,000 บาท คดีสร้างรีสอร์ตและบุกรุกที่ดินใน อ.สวนผึ้งโดยผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีบุกรุกที่ดิน อ.642/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพย์ยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล อายุ 42 ปี อดีต ผกก.ตม. จ.สมุทรสาคร และนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล หรืออัครพงศ์ปรีชา อายุ 45 ปี พี่สาวของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันครอบครองที่ดิน แผ้วถางบุกรุกทำลายป่า ทำให้ดินเสื่อมสภาพฯ
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 2 เม.ย. 56 - 20 พ.ย. 2557 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันด้วยการบุกรุกครอบครองที่ดินบริเวณหมู่ 2 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จำนวน 10 ไร่ 2 งาน 49 ตารางวา ทำให้รัฐเสียหาย 495,878 บาท อันเป็นสาธารณะสมบัติ นอกจากนี้ จำเลยทั้งสองยังร่วมกันกระทำผิดสร้างฝายปูนเป็นถนนกว้าง 10 เมตร ยาว 50 เมตร เนื้อที่ 500 ตารางเมตร ล่วงล้ำลำคลอง อันเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยเข้าใจแล้ว สอบถามปรากฏว่าจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพโดยดี
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริงตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 90 อันเป็นบทหนักสุด ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี และฐานปลูกสร้างฝายน้ำหรือสิ่งอื่นใดอันเป็นการรุกล้ำ จำนวน 500 ตารางเมตร ปรับตารางเมตรละ 1,500 บาท รวมเป็นเงินปรับคนละ 750,000 บาท แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับคนละ 375,000 บาท และให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.100/2558 ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงฯ กรณีแอบอ้างขายน้ำพริกกองกิจการในพระองค์ฯ ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี 6 เดือนด้วย
ที่มา http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…