PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

"ดีเอสไอ" ลุยตรวจรถหรู "สมเด็จช่วง" ด้านวัดปากน้ำฯ

"ดีเอสไอ" ลุยตรวจรถหรู "สมเด็จช่วง" ด้านวัดปากน้ำฯ ยื่นคู่มือจดทะเบียน ยันมีผู้นำมาถวายให้ เชื่อ 1 เดือนสรุปผล ก่อนเรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะที่ ไวยาวัจกรวัด ยันหากผิดจริงยินดีทำตามกระบวนการทางกฎหมาย
จากกรณีมีกระแสข่าวลือในโซเชียลมีเดียเมื่อปลายสัปดาห์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ม. 44 สั่งการดีเอสไอประสานกำลังทหาร-ตำรวจ กว่า 100 นาย บุกจู่โจมวัดปากน้ำภาษีเจริญ กระทั่งวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางนายไพบูลย์ นิติตะวัน มายื่นเรื่องให้ตรวจสอบ และเป็นผู้กล่าวหาสมเด็จช่วง กรณีครอบครองรถหรูไม่ถูกกฎหมาย
คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กทม. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ ได้นำคณะสื่อมวลชนเข้าชมพิพิธภัณฑ์รถหรูโบราณ ตามคำเชิญของวัดปากน้ำ ที่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ที่ปรากฏข่าวว่าเป็นรถ 1 ในจำนวน 6,757 คัน ที่อยู่ในคดีที่ดีเอสไอรับไว้ตรวจสอบ เป็นรถจดประกอบถูกต้องตามกฎหมาย หรือรถนำเข้าทั้งคันที่สำแดงเท็จเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยมี นายดำเกิง จินดาหรา ไวยาวัจกร วัดปากน้ำ และ นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทีมกฎหมายวัดปากน้ำ ให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
มอบเอกสาร ยืนยัน ความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ดีเอสไอตรวจสอบปมรถหรู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถเบนซ์โบราณ 3 คัน ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่ห้องมหาชนคุณารมณ์ ชั้น 1 พระมหาเจดีย์รัชมงคล นอกจากนี้ยังมีสิ่งของโบราณกว่า 1,000 รายการ จัดแสดงให้ประชาชนเยี่ยมชม ก่อนที่ นายดำเกิง และ นายศุภัทร์พจน์ นำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์ของโบราณที่ตั้งอยู่ภายในวัดฯ
จากนั้น นายดำเกิง ได้มอบเอกสารสำเนาหนังสือคู่มือการจดทะเบียนรถให้กับ พ.ต.ต.วรณัน เพื่อใช้ตรวจสอบเอกสารกระบวนการได้มาซึ่งการครอบครองรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ โบราณ รุ่น s300 สีครีมไข่ไก่ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ขนาดเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี ที่สำแดงว่าเป็นอะไหล่รถยนต์เก่าของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบรถโบราณ ตามคำเชิญของทางวัดปากน้ำ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยมีการขอตรวจสอบเอกสารที่มาของรถว่ามาอย่างไร ทางนายดำเกิงได้มอบเอกสารเป็นสำเนาหนังสือคู่มือการจดทะเบียนรถ ขั้นตอนต่อไปดีเอสไอจะเริ่มตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของ 1. กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต ตรวจสอบการนำเข้าถูกกฎหมายไหม นำเข้ามาอย่างไร และ 2. กรมการขนส่งทางบก ว่ามีการจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบถูกต้องไหม มีแหล่งที่มาที่ไปจากไหน
ทัพสื่อมวลชน ให้ความสนใจล้มหลาม ติดตามาทำข่าวเป็นจำนวนมาก
“หากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือด้วยดี คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดไม่เกิน 1 เดือน จากนั้นดีเอสไอก็จะตรวจสอบด้านกายภาพรถ ถือว่าเป็นวัตถุพยาน โดยมีผู้เชี่ยวชาญของบริษัท เบนซ์ฯ จะใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ส่วนจะนำรถมาตรวจสอบที่ดีเอสไอหรือมาตรวจที่วัดฯ หรือไม่นั้น ต้องมีการประชุมพูดคุยกันก่อน ดีเอสไอยืนยันจะรีบดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้ทราบผลโดยเร็วเพื่อประโยชน์ของสังคมและทุกฝ่าย ส่วนการจะเรียกสอบ สมเด็จช่วง หรือไม่นั้น ต้องขอดูรายละเอียดตามเอกสารก่อน หากตรวจสอบเอกสารแล้วพบว่าเกี่ยวข้อง ก็ต้องเรียกมาสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย” พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
นายดำเกิง กล่าวว่า สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยินดีให้ตรวจสอบทุกกรณี แต่ยอมรับว่า รถโบราณดังกล่าวมีลูกศิษย์วัดนำมาถวายจริง แต่ไม่ทราบว่าลูกศิษย์ท่านไหน ในส่วนอะไหล่บางชิ้นส่วนนั้น ยอมรับว่าทางวัดได้มีการสั่งซื้อและนำเข้ามาจริง เพราะรถโบราณมีอายุประมาณ 60-70 ปี เมื่อรถชำรุดต้องสั่งอะไหล่มาใช้ในการซ่อมแซมรถ ยืนยันว่าเป็นรถลูกศิษย์ที่นำมาถวายในปี 2554 ก่อนทางวัดฯ นำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ช่วงปี 54-55 ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาความเป็นไปในอดีต ซึ่งมีทั้งรถเก่า เรือ มีอายุหลายสิบปี เป็นของในอดีตที่ชาวบ้านมี อีก 20 ปีอาจไม่มีสิ่งของเหล่านี้ ถ้าใครมีของโบราณมาบริจาคก็จะนำมาเก็บโชว์ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทั้งหมด ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ วัดก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เป็นวัดก็ต้องอยู่ในความสงบ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ถูกผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนรถคันอื่นเป็นของพระรูปเก่าแต่มรณภาพไปแล้ว
จนท.ดีเอสไอ ลุยตรวจสอบปมรถหรู ที่วัดปากน้ำ
ส่วนกรณีที่พบว่า ทางวัดนำเงินไปซื้อรถคันนี้ อันนี้ไม่ทราบ และที่ทราบมารถคันนี้เป็นรถจดประกอบ มีหลักฐานจากกรมขนส่งทางบกชัดเจน หากผลการตรวจสอบออกมาเช่นใด ทางวัดก็ยินดีจะทำตามกฎหมาย 
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวว่า วันนี้ทางวัดได้มอบเอกสารคู่มือการจดทะเบียนรถ หมายเลขทะเบียน ขม 99 ให้กับดีเอสไอ ซึ่งเป็นเอกสารจากกรมการขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร ระบุอยู่ในหมายเหตุหน้าที่ 18 ว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถเก่าที่บูรณะขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ ยืนยันว่ารถคันนี้สมเด็จช่วงได้จากการบริจาคของลูกศิษย์ที่ถวายให้เมื่อปี 2554 แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้บริจาครถคันดังกล่าวได้
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ปปง.ดำเนินการในคดีรถหรูอยู่แล้ว มีข้อมูลอยู่แล้วหน่วยงานไหนอยากได้ข้อมูลให้ประสาน ปปง.มา จะสามารถทำให้การทำงานง่ายและรวดเร็วขึ้น.

"พลเอกธีรชัย"สั่งทหาร คุมเข้ม การลงพื้นที่ซื้อยางพารา



"พลเอกธีรชัย"สั่งทหาร คุมเข้ม การลงพื้นที่ซื้อยางพารา สั่งหน่วยทบ. จัดทำข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิต โดยกำหนดให้ต้องซื้อยางที่จะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตจากหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้รับผิดชอบ/ สั่ง ติดตามต่อเนื่องลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน และทำความเข้าใจ ร่างรธน. การทำประชามติ พร้อมติดตามผลมาตรการปลูกพืชใช้น้ำน้อยและช่วยหาตลาด เตรียมรับมือไฟป่า หมอกควัน เผย กำจัดผักตบไปแล้ว 997 ตัน
พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบทบ./เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ บก.ทบ.
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เผยว่า พลเอกธีรชัย กล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการที่ทุ่มเทการทำงาน และสนองตอบต่อนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาลอย่างเต็มที่
พร้อมย้ำให้ทุกส่วนนำนโยบายหรือสั่งการของ พลเอกประยุทธ์ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในวาระต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหน่วยงานใด ให้รีบนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้การบริหารราชการ และดูแลประชาชนได้มีการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพทันต่อเหตุการณ์ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง
ส่วนการช่วยสนับสนุนมาตรการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางของรัฐบาลที่มอบหมายให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ, องค์การคลังสินค้า, การยางแห่งประเทศไทย ร่วมดำเนินการในขณะนี้ พลเอกธีรชัย ได้กำชับให้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กำกับดูแลและสนับสนุนมาตรการดังกล่าวให้ตรงกับแนวทางที่ภาครัฐกำหนดในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะการรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนโดยตรง
สำหรับการสนับสนุนการใช้ยางพาราในหน่วยงานราชการให้มากขึ้น ในเรื่องการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ที่ผลิตจากยางพารา เช่น ที่นอนในหน่วยทหาร ยางรถยนต์ เป็นต้น ให้พิจารณาจัดทำข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิต โดยกำหนดให้ต้องซื้อยางที่จะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตจากหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้รับผิดชอบการรับซื้อยางจากเกษตรกรตามมาตรการข้างต้นด้วย
นอกจากนี้ให้ดำรงความต่อเนื่องในการลงพื้นที่พร้อมสำรวจและช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติงานและสร้างการรับรู้ในเรื่องการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ
พลเอกธีรชัย ยังคงให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งที่ภาครัฐกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ กำชับให้มีการติดตามผลในมาตรการปลูกพืชใช้น้ำน้อย และหาตลาดรองรับผลผลิต
รวมทั้งการขุดลอกพัฒนาแหล่งน้ำ และการกำจัดผักตบชวา ซึ่งในช่วง ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ร่วมกับ ส่วนราชการและประชาชน ดำเนินการกำจัดผักตบชวาไปแล้ว 13 จังหวัด รวม997ตัน
นอกจากนี้จากสภาพอากาศที่แห้งจะส่งผลให้เกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย, ศูนย์ดำรงธรรม, ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป, กระทรวงมหาดไทย และตำรวจ เตรียมความพร้อมในการเข้าระงับไฟป่าและหมอกควัน ควบคู่ไปกับการรณรงค์ขอความร่วมมือประชาชนไม่เผาป่า เผาวัสดุทางการเกษตร เพราะจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ อีกทั้งขณะนี้ปริมาณน้ำมีจำนวนน้อย หากต้องนำไปใช้ดับไฟจะยิ่งทำให้ภัยแล้ง
ทวีความรุนแรงขึ้น

ร่วมด้วยช่วยยาง......


ร่วมด้วยช่วยยาง......
พล.อ.ประวิตร เผย กลาโหม จะช่วยซื้อยาง งบฯปี59 จำนวน5,734 ตัน ปี60อีก1.5หมื่นตัน เพราะใช้ยางทำยุทธภัณฑ์ รองเท้า ล้อรถ
ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ รมว.มหาดไทย เผยองค์กรปกครองส่วนท้องถื่น( อปท.) ต้องการซื้อยางแผ่นรมควัน 5 หมื่นตัน ใช้ในศูนย์เด็กเล็ก และทำลานกีฬา
ส่วน8 กระทรวง ใช้งบฯปี59 อีก1.4 หมื่นตัน ให้ซื้อโดยตรงจากเกษตรกร
ด้าน นายกฯ เผย ครม.อนุมัติ ใช้งบฯจากหลายส่วน 4,500 ล้านบาท ซื้อยางช่วยเกษตรกร1แสนตัน พร้อม อนุมัติงบกลางเผื่อไว้ซื้อยาง 5.6หมื่นล้าน

บิ๊กแกละ เสธ.ทบ. สั่งเข้ม ห้ามเจ้าหน้าที่ต้องไม่ปฏิบัติตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว


บิ๊กแกละ เสธ.ทบ. สั่งเข้ม ห้ามเจ้าหน้าที่ต้องไม่ปฏิบัติตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว /กอ.รมน. สรุปยอด การจดทะเบียน แรงงานต่างด้าว 87,266 คน เผยแรงงานภาคประมงมาจดทะเบียนมากสุด
พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบกและ เลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธาน การประชุม หน่วยขึ้นตรง กอ.รมน
พ.อ.หญิง รภัสกุล รอดทิพย์ รองโฆษก กอ.รมน. เปิดเผยผลการประชุม นขต.กอ.รมน. ถึง ความคืบหน้าการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ แบบ OSS ( One Stop Service ) ในกิจการประมงทะเลตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.58 มีแรงงานต่างด้าวมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 54,407 คน
ต่อมารัฐบาลกำหนดห้วงระยะการจดทะเบียน ครั้งที่ 2 มีแรงงานมาจดทะเบียนจนถึงวันที่ 5 ม.ค.59 จำนวน 32,859 คน รวมยอดการจดทะเบียนทั้งสิ้น 87,266 คน
หากเปรียบเทียบระหว่างจำนวนแรงงานที่มาขึ้นทะเบียนกับจำนวนเรือประมงซึ่งมีมากกว่า 40,000 ลำ จะเห็นว่ายังมีแรงงานต่างด้าวจำนวนน้อยที่มาจดทะเบียน
สำหรับยอดการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.58 จนถึงวันที่ 5 ม.ค.59 มีจำนวน 53,694 คน
สรุปผลการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ปี 2558 (ม.ค.58 - ธ.ค.58) สัญชาติเมียนมา 6,399 คน, ลาว 2,838 คน, กัมพูชา 3,865 คน, เวียดนาม 211 คน, เกาหลีเหนือ 135 คน, สัญชาติอื่นๆ 247 คน, ผู้นำพา/ให้ที่พักพิง 175 คน รวมทั้งสิ้น 13,870 คน
ส่วน การขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กับ กอ.รมน. ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกัน เมื่อวันที่ 13 พ.ย.58 ซึ่งจะมีการดำเนินการร่วมกันเพื่อพัฒนาสถานศึกษา กศน. ระดับตำบลให้เป็นศูนย์เรียนรู้หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงทั่วประเทศ 7,424 แห่ง
โดยกิจกรรมแรกคือ การพัฒนาครูแกนนำระดับตำบล เข้ารับการอบรมในศูนย์การศึกษาพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 6 แห่ง ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัด
เลขาธิการ กอ.รมน. ได้สรุป/สั่งการเพิ่มเติม โดยเน้นย้ำการปฏิบัติงานของ กอ.รมน. ต้องบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกัน เจ้าหน้าที่ต้องไม่ปฏิบัติตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัวแต่ให้ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำเรื่องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เช่นปัญหาภัยแล้ง ให้ กอ.รมน.ภาค, กอ.รมน.ส่วนแยก กอ.รมน.จังหวัด, กกล.รส., ศูนย์ดำรงธรรมและศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป เข้าไปดูแลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนต่อไป

พลเอกประวิตร เผยวันนี้ ได้ส่งรายงานปราบปรามค้ามนุษย์ Tip Report ให้กต. นำส่งให้สหรัฐอเมริกา

พลเอกประวิตร เผยวันนี้ ได้ส่งรายงานปราบปรามค้ามนุษย์ Tip Report ให้กต. นำส่งให้สหรัฐอเมริกา หวังผลทางที่ดี เพราะทำเต็มที่ทุกด้าน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ดีที่สุดแล้วตามหลักสากล พร้อมส่ง รายงานค้ามนุษย์ให้กระทรวงต่างประเทศภายในวันนี้ เพื้อส่งใหเสหรัฐอเมรืกา
ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐได้พยายามทำดีที่สุดในการแก้ไขป้ญหานี้ตามหลักสากล ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เรื่องของแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานเด็ก
ส่วนจุดเด่นของรายงานค้ามนุษย์ครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำดีขึ้นแทบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องการค้ามนุษย์ และการค้าประเวณี ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่พยายามทำเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส และตอบสนองความต้องการของสหรัฐอเมริกาในการแก้ปัญหานี้

บิ๊กป้อม เผย ผู้บริหารEU เตรียมมาไทย พบ ผบ.ทร./ศปมผ.20มค.นี้

บิ๊กป้อม เผย ผู้บริหารEU เตรียมมาไทย พบ ผบ.ทร./ศปมผ.20มค.นี้ ส่วนตอนนี้ จนท.เทคนิค มา เผยนำเสนอรายงานTip report ให้ ครม. รับทราบ ก่อนส่งให้สหรัฐฯ สุดท้ายอีกฉบับมีค.
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ/รมว.กลาโหม เผยว่า ตอนนี้ จนท.เทคนิค ของEU มาถึงไทยแล้ว เป็นชุดเล็ก มาเตรียมการ เดี๋ยว20 มค.นี้ ระดับผู้บริหาร จะมา แต่ไม่ได้มาพบตน แต่มาพบ พล ร อ ณะ อารีนิจ ผบทร./ศปมผ.
วันนี้ จะนำเสนอรายงานTip report รายงานการปราบปรามค้ามนุษย์ ที่จะส่งให้สหรัฐอเมริกาให้ ครม. รับทราบ และ ในเดือนมีนาคม จะเป็นการเสนอรายงาน ครั้งสุดท้าย ก่อนที่สหรัฐอเมริกา จะประเมิน
ทั้งนี้ เชื่อว่า จะออกมาใน ทางที่ดี ทั้ง ส่วนของ IUU fishing และ ค้ามนุษย์ เพราะเราทำเต็มที่ และ โดยส่วนของประมง เรายึดตามคำแนะนำของ EU

นายกฯ บ่น ข่าว ทำอารมณ์เสีย ข่าวไม่ดี เอาไว้หน้าในบ้าง ยันเร่งแก้ปัญหาทุจริต คิดจนหัวแทบแตก


นายกฯ บ่น ข่าว ทำอารมณ์เสีย ข่าวไม่ดี เอาไว้หน้าในบ้าง ยันเร่งแก้ปัญหาทุจริต คิดจนหัวแทบแตก อะไรๆก็บอกทุจริต แนะสื่อ ช่วยกันสอนคนขายยาง อย่าทุจริต อย่าไปร่วมมือกับนายทุน อย่าเอายางในคลังมาขายใหม่ เผย วันนี้อารมณ์ดี เพราะได้เจอนักข่าว
พลเอกประยุทธ์ นายกฯบอกผู้สื่อข่าว ก่อนประชุม ครม.ว่า "เวลาเขียนข่าว อย่าไปจับอะไรจุกจิกมาเขียน แล้วทำให้ฉันโมโหทุกวัน"
" เห็นมั้ย ว่าผมอารมณ์ดีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะโมโหไปเมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ที่แล้ว อารมณ์เสีย"
" เสาร์ อาทิตย์ เวลาที่อยู่บ้าง แต่พอมาเจอพวกเธอ ฉันก็อารมณ์ดี"
นายกฯบอกว่า ถ้าบ้านเมืองสงบสุข เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น นักข่าวก็จะได้เงินเดือนสูงขึ้น เพราะฉะนั้น อย่าไปเขียนข่าวอะไรที่วิลิศมาหรา จนทะเลาะกันทุกวันนี้มันไม่เป็นประโยชน์
แต่ก็เข้าใจเรื่องการทำธุรกิจต่างๆ เพียงแต่ว่าเราจะต้องไม่ทะเลาะ ต้องมาช่วยกัน อะไรที่จะทำให้ประเทศปลอดภัย
"เพราะวันนี้มันเข้ามาทุกเรื่องแล้วเป็นข่าวสำคัญพาดหัวกันทุกวัน จริงๆ เอาเข้าไปอยู่หน้าในบ้างก็ได้ ข่าวดีๆ อย่างเช่น เราจะช่วยผู้สูงอายุได้อย่างไร จะผลิตยางอย่างไร เอามาไว้ด้านหน้าบ้าง ไม่ใช่อะไรก็ทุจริตอีกแล้ว ทุกวันนี้ผมก็คิดจนหัวจะแตกอยู่แล้วว่านะทำอย่างไรจะไม่ทุจริต"
" สื่อก็ต้องช่วยกันสอนคนขายยาง ว่าอย่าทุจริต อย่าไปร่วมมือกับนายทุน"
วันนี้รัฐบาลกำลังช่วยอยู่ ดังนั้นเกษตรกรต้องนำผลผลิตมาขายจริง ไม่ใช่เอายางที่อยู่ในคลังที่ขายแล้ว เอาออกมาขายใหม่ อย่าลืมว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ รัฐบาลนี้มีทั้ง คสช. มีทั้งมหาดไทย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมมือกันดำเนินการ นี่คือมาตรการที่ผมทำ อย่าไปเขียนดักหน้าดักหลัก ผมแก้ปัญหาทุกวัน ปวดหัวไปหมด"

จีนแพร่รายชื่อผู้กลับชาติมาเกิดเป็นดาไลลามะ

จีนเผยแพร่รายชื่อผู้ที่เชื่อว่ากลับชาติมาเกิดเพื่อขึ้นเป็นดาไล ลามะองค์ต่อไป

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า รัฐบาลจีนได้เปิดเผยรายชื่อพระสงฆ์ในพุทธศาสนาแบบธิเบตเกือบ 900 รายชื่อ ที่เชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด โดยรัฐบาลให้เหตุผลในการตีพิมพ์รายชื่อดังกล่าวบนเว็บไซต์ของทางการว่า มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของพระแต่ละรูป ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้พระหลอกลวงเอาเงินไปจากผู้เลื่อมใสศรัทธาที่อาจหลงเชื่อได้โดยง่าย แต่ฝ่ายวิจารณ์กลับมองว่า เป้าหมายที่แท้จริงของทางการจีน ก็เพื่อควบคุมกระบวนการสรรหาและสถาปนาดาไล ลามะองค์ใหม่ หลังการสิ้นพระชนม์ของดาไล ลามะองค์ปัจจุบัน #DalaiLama #China #TibetBuddhism 

ภาพประกอบ (แฟ้มภาพ) พระนิกายธิเบตในพิธีสวดมนต์ที่วัดแห่งหนึ่งในเขตปกครองตนเองธิเบต

ทบ.เผยโฉมเขี้ยวเล็บใหม่ในพิธีสวนสนามวันกองทัพไทย!..ATMG VS DTI-1G.

Sompong Nondhasa
4 ชม.
ทบ.เผยโฉมเขี้ยวเล็บใหม่ในพิธีสวนสนามวันกองทัพไทย!..ATMG VS DTI-1G..วันนี้กองทัพบกไทยนำอาวุธปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG 155 มม.(ซ้าย) และอาวุธนำวิถี DTI-1G มาตั้งแสดงให้ชมเป็นครั้งแรก ในพิธีสวนสนามวันกองทัพไทยที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (18 ม.ค. 2559)
  • RTNI ได้แชร์รูปภาพของ Sompong Nondhasa
    ทบ.เผยโฉมเขี้ยวเล็บใหม่ในพิธีสวนสนามวันกองทัพไทย!..ATMG VS DTI-1G..วันนี้กองทัพบกไทยนำอาวุธปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG 155 มม.(ซ้าย) และอาวุธนำวิถี DTI-1G มาตั้งแสดงให้ชมเป็นครั้งแรก ในพิธีสวนสนามวันกองทัพไทยที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (18 ม.ค. 2559)
    (Made In Thailand! ระบบจรวดหลายลำกล้องนำวิถีแบบ DTI-1G(ขวา) และปืนใหญ่อัตาจรล้อยางแบบ ATMOS อาวุธฝีมือคนไทยได้ออกสู่สายตาจริงๆเสียทีหลังซุ่มเงียบมาพอสมควร
    ปล.1 ระบบจรวดได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีน แล้วนำมาพัฒนาต่อเอง
    ปล.2 ปืนใหญ่จัดซื้อตัวลำกล้องปืนและระบบควบคุมจากอิสราเอล แล้วนำมาประกอบเข้ากับระบบอื่นๆที่ไทย cr.Militaly Technology Lover Forum)

10 ปีคดี “ฟิลลิป มอร์ริส” อัยการยื่นฟ้องแจ้งราคานำเข้าบุหรี่ต่ำกว่าความจริง เลี่ยงภาษี 6.8 หมื่นล้านบาท


ต่อสู้คดีกันมานานกว่า 10 ปี ในที่สุดสำนักงานอัยการสูงสุดก็ตัดสินใจสั่งฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ในข้อกล่าวหาสำแดงราคานำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ต่ำกว่าความเป็นจริง ระหว่างปี 2546-2550 ทำให้รัฐเสียหาย คิดเป็นมูลค่ากว่า 68,000 ล้านบาท โดยสำนักงานอัยการสูงสุดมอบหมายให้ ร.ท. สมนึก เสียงก้อง อธิบดีอัยการ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด, นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดแถลงข่าวความคืบหน้าของคดีนี้วันที่ 19 มกราคม 2559 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 303 สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ
ขณะที่บริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ ออกแถลงข่าวยืนยันว่า ข้อกล่าวหาที่สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นฟ้องบริษัทเกี่ยวกับคดีเลี่ยงภาษีศุลกากรนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง ไม่ยุติธรรม อีกทั้งยังละเมิดต่อพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ในการปฏิบัติตามความตกลงว่าด้วยการประเมินราคาศุลกากร
โดยนายทรอย มอดลิน ผู้จัดการสาขา บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า “บริษัทไม่ได้กระทำผิดแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่ข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ปราศจากมูลความจริง และเป็นการละเมิดต่อพันธกรณีของประเทศไทยในการปฏิบัติตามหลักความตกลงว่าด้วยการประเมินราคาศุลกากรขององค์การการค้าโลก แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถามกับประเทศไทยในเรื่องหลักการความยุติธรรม ความโปร่งใส และการเคารพหลักนิติธรรม การสั่งดำเนินคดีนี้ทำลายความพยายามของประเทศไทยในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีประชาคมโลก และความพยายามทำให้ประเทศเป็นตลาดที่เปิดกว้างและเป็นมิตรกับนักลงทุน”
“การตัดสินใจของอดีตอัยการสูงสุด นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ในการสั่งฟ้องบริษัทฯ รวมถึงการสั่งดำเนินคดีกับอดีตพนักงานและพนักงานปัจจุบันของบริษัทนั้น ขัดแย้งกับคำสั่งไม่ฟ้องของสำนักงานอัยการสูงสุดเองในข้อหาเดียวกันเมื่อ 4 ปีก่อน นอกจากนี้ ยังเป็นการขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของกรมศุลกากร คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ สำนักตรวจสอบ หลังการตรวจปล่อยสินค้า รวมถึงองค์การการค้าโลกก่อนหน้านี้ด้วย” นายทรอยกล่าว
นายทรอยกล่าวต่อว่า ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เริ่มดำเนินการสอบสวนเมื่อปี 2549 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยืนยันที่จะต่อสู้กับข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริงนี้อย่างถึงที่สุด และพร้อมที่จะแสดงให้เห็นว่าบริษัทยึดถือปฏิบัติตามหลักกฎหมายไทย และมาตรฐานปฏิบัติสากลในเรื่องว่าด้วยการประเมินราคาศุลกากรมาโดยตลอด
philip morris
ทั้งนี้ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ ได้จัดทำ เอกสารลำดับเหตุการณ์ แจกให้ผู้สื่อข่าว โดยตำนานคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2546–2550 บริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ เริ่มนำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2546 ซึ่งทางกรมศุลกากรก็ยอมรับราคานำเข้าบุหรี่ตามบริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ สำแดงตามปกติ
จนกระทั่งมาถึงเดือนสิงหาคม 2549 ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตรวจสอบราคานำเข้าของผู้นำเข้าบุหรี่ของบริษัท กรมศุลกากรเริ่มปฏิเสธราคานำเข้าบุหรี่ของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส และกำหนดให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวมทั้งสรุปสำนวนคดีส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็น “คดีพิเศษ”
– กุมภาพันธ์ 2551 ฟิลิปปินส์ยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาระงับข้อพิพาททางการค้ากับประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
-พฤษภาคม 2551 กรมศุลกากรสรุปผลการตรวจสอบย้อนหลัง และพบว่าไม่มีการกระทำผิด จึงสั่งคืนเงินประกันให้บริษัทมูลค่า 8 ล้านเหรียญสหรัฐ
-เมษายน 2552 ดีเอสไอได้ทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส
-กันยายน 2552 ดีเอสไอเห็นชอบให้ดำเนินคดีกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ และพนักงานของบริษัท 14 คน ซึ่งรวมถึงการออกหมายจับผู้บริหารที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ 4 คน
-พฤศจิกายน 2553 คณะกรรมการไต่สวนข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก ออกคำวินิจฉัยเห็นสอดคล้องกับคำร้องของฟิลิปปินส์ โดยคณะไต่สวนฯ วินิจฉัยว่าประเทศไทยไม่มีมูลเหตุที่จะปฏิเสธราคาสำแดงของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์)
-มกราคม 2554 อัยการมีคำสั่งเห็นแย้งกับความเห็นของดีเอสไอในข้อกล่าวหาต่อฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) และมีคำสั่งไม่ฟ้อง ส่งผลให้มีการยกเลิกหมายจับผู้บริหาร
-มีนาคม-เมษายน 2554 หัวข้อการสำแดงราคานำเข้า (ซีไอเอฟ) ถูกนำมาเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์
-วันที่ 17 มิถุนายน 2554 คณะอุทธรณ์ขององค์การการค้าโลกยืนตามคำวินิจฉัยคณะกรรมการไต่สวนข้อพิพาทองค์การการค้าโลก ซึ่งตัดสินว่าประเทศไทยไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก
-วันที่ 17 สิงหาคม 2554 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เห็นแย้งต่อคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ส่งผลให้คดีของฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ต้องถูกส่งกลับมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อมีคำวินิจฉัยชี้ขาด
-กันยายน 2555 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ กรมศุลกากร มีคำสั่งรับราคาสำแดงนำเข้าจำนวน 118 รายการจากฟิลิปปินส์ ซึ่งครอบคลุมช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2550 การพิจารณารับราคาสำแดงในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนี้เป็นช่วงเวลาของธุรกรรมที่ปรากฏในข้อกล่าวหาหลักของดีเอสไอ ซึ่งได้รับการตรวจสอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย และองค์การการค้าโลก ซึ่งทุกหน่วยงานได้ยืนยันว่าฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ได้ปฏิบัติสอดคล้องตามกฎหมาย
-ตุลาคม 2556 นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด มีคำสั่งให้ดำเนินคดีกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ และพนักงานที่เกี่ยวข้อง
-มกราคม 2557 – มกราคม 2559 กำหนดรับทราบข้อกล่าวหาเพื่อยื่นฟ้อง ซึ่งเดิมกำหนดไว้เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 ได้ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง โดยสำนักงานอัยการสูงสุดเอง
-วันที่ 18 มกราคม 2559 สำนักงานอัยการสูงสุด ตัดสินใจยื่นฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด และอดีตพนักงานและพนักงานปัจจุบัน

บัณฑูร ล่ำซำตำหนิรัฐบาลก่อนๆทำเศรษฐกิจสะสมจน“ฝีแตก”ในรัฐบาลปัจจุบัน


บัณฑูร ล่ำซำตำหนิรัฐบาลก่อนๆทำเศรษฐกิจสะสมจน“ฝีแตก”ในรัฐบาลปัจจุบันแนะให้ทั้งเอกชนและธนาคารช่วย
บัณฑูร ล่ำซำตำหนิรัฐบาลก่อนๆทำเศรษฐกิจสะสมจน“ฝีแตก”ในรัฐบาลปัจจุบันแนะให้ทั้งเอกชนและธนาคารช่วย
บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและซีอีโอธนาคารกสิกรไทย
Last updated: 15 January 2016 | 17:42
ประธานธนาคารกสิกรไทยชี้รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องเข้ามาแก้ปัญหาที่ตัวเองไม่ได้สร้างไว้ ตำหนิรัฐบาลผ่านๆมาสนุกกับการมีอำนาจ ละเลยแก้ปัญหาแรงงาน ประมง IUU การบินไทย จึงกลายเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจถดถอย
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2559 นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เวลานี้มีเพียงเศรษฐกิจของไม่กี่ประเทศที่ยังฟ้าใสเท่านั้น ส่วนประเทศที่เหลือตกอยู่ในภาวะฟ้ามืดโดยเฉพาะจีนเห็นชัดเจนว่าเศรษฐกิจทรุดลง ทำให้ประเทศอื่นๆทรุดหมด ซึ่งจีนก็มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศตัวเองก่อน
ขณะที่ประเทศไทย ก็จะเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจังและพยายามใช้ทุกมาตรการ เพื่อดูแลไม่ให้ถดถอย และมีการทำควบคู่ไปกับด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่พยามดึงต่างประเทศเข้ามาร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย  ดังนั้นภาคเอกชนไทยก็ต้องร่วมมือมาลงทุนด้วย
นายบัณฑูรกล่าวว่ายิ่งภาวะปัจจุบันที่เกิดปัญหาชาวสวนยางประท้วงก็เป็นเพราะไม่สามารถทำมาหากินได้แล้ว เกิดจากราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกตกต่ำ ภาคเกษตรกรขายสินค้าราคาถูกก็ไม่สามารถสู้ต้นทุนที่สูง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย สั่งสมมาจากหลายๆ รัฐบาลก่อนที่มาจากการเลือกตั้ง มีปัญหาทั้งเรื่องข้าวที่ทำให้เสียหายระดับหนึ่งไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องแรงงานข้ามชาติ  การทำผิดประมง IUU การบินของไทยที่เกือบถูกใบแดงจนเกือบถูกห้ามบิน ทั้งๆ ที่ปัญหาเหล่านี้รัฐบาลชุดก่อนๆ ทำผิดกติกากันมานาน ทั้งที่มีมาตรฐานสากล-บรรทัดฐานกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่รัฐบาลเหล่านั้นก็สนุกกับการมีอำนาจ โดยละเลยการแก้ปัญหาเหล่านี้ จึงกลายเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจถดถอย 
นายบัณฑูรวิจารณ์ว่าอาการฝีแตกต่างๆ จึงเกิดในรัฐบาลชุดนี้ เมื่อเข้ามาบริหารประเทศจึงต้องมาแก้ปัญหาเก่าๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำและต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านสินค้าเกษตรที่เกิดภาวะราคาตกต่ำ เพื่อให้เกษตรกรเหล่านี้มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่วิธีการเข้าไปอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรอย่างเดียว มิเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาการเรียกร้องเหมือนข้าว ยาง กันอยู่  การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างก็ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาเหล่านี้ และหากไม่แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้ ก็จะเกิดปัญหาที่ลุกลามที่จะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตได้
กลายเป็นปัญหาปากท้องประชาชน ที่รัฐบาลก็ต้องเข้ามาดูแลเพราะคนระดับล่างจำนวนมากในประเทศไม่สามารถทำงานหารายได้พอกินได้ คนจนลงไปอีกทำให้รัฐบาลชุดนี้ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ต่อไป รัฐบาลปะซ้ายปะขวา(ปัญหาต่างๆ) ก็ใช้ทุกมาตรการ เปิดทุกก๊อก แต่ก็ยังทำไม่ได้ดั่งใจ ของพวกนี้ต้องใช้เวลาเพราะเป็นโรคใหญ่โรคหนักต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ ซึ่งยาพวกนี้ก็ต้องไปแก้ที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญคือปากท้องประชาชนนายบัณฑูรกล่าว
ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าระบบธนาคารพาณิชยมีส่วนในการช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นส่วนที่ต้องนำเงินออมมาใช้ปล่อยสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้เงินในระบบงอกเงย แต่การปล่อยสินเชื่อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  ถ้าธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจก็ไม่ฟื้น แต่ถ้าปล่อยสินเชื่อไปแล้วธุรกิจยังไม่ดีก็จะพากันลงเหว จึงเป็นประเด็นว่าธนาคารจะปล่อยสินเชื่ออย่างไรให้มีความหมายทำให้เงินออมไม่เสียหายจึงเป็นปัญหาของธนาคารพาณิชย์และเป็นความท้าทายทั้งของธนาคารพาณิชย์และภาคเอกชน
ดังนั้น เอกชนและรัฐบาลต้องร่วมมือกันและเอาผลประโยชน์โดยรวมของประเทศเป็นตัวตั้งและเอกชนก็ต้องขานรับอย่างจริงจังเพื่อช่วยกันฟื้นเศรษฐกิจ

First posted: 15 January 2016 | 17:41

ไอเอสฆ่าชาวซีเรีย 280 ราย ลักพาตัวอีก 400 ราย

ไอเอสฆ่าชาวซีเรีย 280 ราย ลักพาตัวอีก 400 ราย
เมื่อวันที่ 17 ม.ค.สถานีโทรทัศน์อัลมะยาดีนของรัฐบาลซีเรียรายงานว่า กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสได้บุกโจมตีและลักพาตัวประชาชนไปประมาณ 400 คนจากเมืองในจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ทางตะวันออกของซีเรียที่ใกล้กับอิรัก
อย่างไรก็ตามกลุ่มไอเอสได้บุกโจมตีจังหวัดอัลบากาลิยะห์ที่อยู่ใกล้กับจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 280 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก หลังจากนั้นก็โยนศพผู้เสียชีวิตลงไปในแม่น้ำยูเฟรตีส อีกทั้งยังเกิดระเบิดฆ่าตัวตายที่ฐานทัพของรัฐบาลหลายแห่งด้วย
ทั้งนี้เริ่มมีการโจมตีในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ท่ามกลางการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอีกครั้งระหว่างไอเอสและกองกำลังของรัฐบาลซีเรียในจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ รวมถึงฐานทัพอากาศที่อยู่ใกล้กับชายแดนของอิรัก