PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ความมั่นใจในชัยชนะของ ‘ทักษิณ’ ผกผันวันเลือกตั้ง

ความมั่นใจในชัยชนะของ ‘ทักษิณ’ ผกผันวันเลือกตั้ง



ตอกย้ำคำเดิมทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ของ ”นายใหญ่” แห่งพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร ว่าจะชนะการเลือกตั้ง
ล่าสุด ประกาศผ่านสื่อญี่ปุ่นที่ฮ่องกงด้วยความเชื่อมั่นว่า ช่วงการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์-เดือนพฤษภาคม ปี 2562 พรรคภายใต้เครือข่ายของตัวเองจะได้รับเลือกตั้งและได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
นั่นคือจำนวน ส.ส.เกิน 250 ที่นั่ง
เป็นไปตามสูตร ”รวมกันแพ้ แยกกันชนะ” ที่กำลังเดินอยู่ขนาดนี้
นั่นคือ เพื่อไทย มีพรรคการเมืองที่แตกเซลล์ออกมา มี เพื่อธรรม, เพื่อชาติ และล่าสุด พลังไทยรักษาชาติ
นอกนั้นมีพรรคถือเป็นพันธมิตร อาทิ พรรคประชาชาติ พรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังปวงชนชาวไทย พรรคเสรีรวมไทย
หากข้อมูล ”คนแดนไกล” คาดการณ์ไว้เออเร่อ
ชนะเลือกตั้งได้ไม่ถึง 250 เสียง แต่มาอันดับ 1 ด้วยคะแนน 210-230 อาจร่วมพรรคที่เป็นพันธมิตร มีจุดยืนคล้ายกัน อย่างพรรคประชาชาติ และพรรคอนาคตใหม่
แล้วผนวกกับพรรคขนาดกลางที่มีนโยบายเหยียบเรือสองแคมทางการเมือง เป็นมิตรกับทุกฝ่าย จะสวิงไปรวม “พรรคเพื่อไทย” หรือ “ท็อปบูท” ก็ได้
ถ้า 2 พรรคนี้มาร่วมจับขั้วทางการเมือง เพื่อไทยน่าจะได้ถึง 280 เสียง
“เสธฯแมว” พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมาชิก พท. วิเคราะห์แบบฟันธงว่า
“พรรคขนาดกลางอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่คาดหมายว่าจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล มาเข้าร่วมกับซีกประชาธิปไตย (พท.) ได้อย่างแน่นอน

เพราะทั้งชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ทุกคนต่างก็รู้ว่ามีจุดยืนในการฟังเสียงประชาชน เมื่อซีกประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรม มี ส.ส.ยืนพื้นได้หลัก 280 เสียง เชื่อว่าพรรคขนาดกลางจะฟังเสียงประชาชน
กลายเป็นกระแสกดดัน 250 ส.ว.ที่ คสช.แต่งตั้ง ไม่กล้าดึงดันเลือกคนจากพรรคทหารมาเป็นนายกฯแน่นอน เพราะถ้าตั้งรัฐบาลโดยมีเพียง 126 เสียง ส.ส.นั้น ไปไม่รอดแน่นอน”
ยิ่งคืนวันผ่านไป “นายใหญ่” แห่งเพื่อไทยมีความมั่นใจแค่ไหน โรดแมปวันเลือกตั้งที่ คสช.กำหนดไว้ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เริ่มไม่แน่นอน
แม้นล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ “พี่ใหญ่” แห่ง คสช.จะออกมาย้ำว่า 24 กุมภาฯ 62 หย่อนบัตรวันนี้แน่
แต่ถ้าฟังเสียงของหัวหน้า คสช. “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดปลายเปิดตลอด เช่น “ยังคงยืนยันว่าการเลือกตั้งจะเป็นในเดือนกุมภาพันธ์ 62 ไปก่อน ตามที่เคยพูดไว้ แต่ถ้าทำไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที …”
ยิ่งวันก่อน “บิ๊กตู่” ระบุระหว่างการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรนอร์เวย์ โดยคาดว่า จะจัดการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2562
ยิ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ได้จริงหรือไม่
“หมอเลี้ยบ” นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตบิ๊กเนม “ไทยรักไทย” สวนว่า ช่วงหาเสียงเลือกตั้งคร่อมวันสงกรานต์จึงควรหลีกเลี่ยง เพราะจะเกิดความโกลาหลที่ไม่อาจคำนวณได้
ทบทวนการเลือกตั้ง 27 ครั้งที่ผ่านมา พบว่า มีการหาเสียงคร่อมวันสงกรานต์เพียง 2 ครั้งเท่านั้น คือการเลือกตั้งวันที่ 22 เมษายน 2522 และวันที่ 18 เมษายน 2526 ซึ่งเป็นยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ
ฉะนั้น เวลานี้มองเห็น “หนทาง” ที่จะอ้างเลื่อนเลือกตั้ง โดยหา “เหตุ” กลบเกลื่อน ที่มีคนกล่าวถึงดวงดาว “ผู้มีอำนาจ” ถ้าเลือกตั้งก่อนกรกฎาคมแพ้แน่ คือการให้กลุ่มการเมืองที่ขอจัดตั้ง กกต.เป็นพรรคการเมืองยังไม่เรียบร้อยทั้งหลายนั้น ขอให้ คสช.ร่วมกับ กกต.ประกาศให้เลื่อนเลือกตั้งเป็น 5 พฤษภาคม โดยอ้างว่า ไม่เช่นนั้นพรรคการเมืองใหม่น่าจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งไม่ทันถึงร้อยละ 50
ดังนั้น ยิ่ง “ทักษิณ” ประกาศมีชัยชนะเหนือพรรคใดๆ วันหย่อนบัตรเลือกตั้งมีแนวโน้มเลื่อนออกไป เป็นเรื่องที่ผกผันกัน

พื้นฐานมั่นใจที่ต่างกัน


ฉากการเมืองเดินมาถึงช็อตชิลๆ
อารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินจูงมือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ปลูกต้นพะยูง เนื่องในวันปลูกต้นไม้ประจำปีของชาติ ฮัมเพลง “ต้นไม้ของพ่อ” อย่างสบายอุรา
สะท้อนอาการเบอร์ต้นๆของรัฐบาล คสช.อยู่ในห้วงผ่อนคลาย
กระแสตื่น “ปฏิวัติ” จางไป ตามน้ำเสียงนุ่มๆของ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่พูดจาเชิงเหตุเชิงผลเทียบสถานการณ์ให้คนเข้าใจง่ายๆ หากย้อนไปเมื่อช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยทุกคนได้เห็นว่า ใน 4 ปีนี้เป็น 4 ปีที่มีแต่ความสงบ ไม่มีการเดินขบวนประท้วงจนทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเกิดปัญหา คนไทยก็อยู่อย่างมีความสุข ทำมาหากินอย่างปกติ การติดต่อค้าขาย เศรษฐกิจไปได้ด้วยดี กฎหมายมีการบังคับใช้ ทุกคนเคารพกฎหมาย ถือว่าสังคมอยู่ในสภาวะปกติ ไม่มีอะไรต้องกังวล
ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้คนไทยต้องกังวล ยังมีหนทางอื่นที่ใช้มากกว่าหนทางรัฐประหาร
“ภาษาท็อปบูต” พูดโทนเสียงเรียบๆ ก็ไม่เห็นต้องตื่นเต้นอะไร
ในจังหวะเบื้องหน้าที่เห็นๆกันอยู่ว่าสถานการณ์กำลังเดินตามโรดแม็ป
ล่าสุด “บิ๊กป้อม” ย้ำออกอากาศชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง “เลือกตั้ง เลือกแน่นอน 24 กุมภาพันธ์ 62”
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่สอดคล้องต่อเนื่องกับจุดไฮไลต์ที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยกับสื่อมวลชนระหว่างร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มีผู้นำมากกว่า 11 ประเทศที่มีความประสงค์จะพบหารือกับผู้นำไทย
เหตุเพราะนานาประเทศรับรู้ว่า โอกาสที่นายกฯจะกลับมาอีกก็มี
ใครๆก็อยากจะพูดคุยกับผู้ที่อาจจะเป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทย
ทั้งช็อตของนายดอน ทั้งคิวของ พล.อ.ประวิตร จับไต๋ ประเมินปฏิกิริยาของฝั่งรัฐบาลที่หงายไพ่กันออกมา มันบ่งบอกระดับความมั่นอกมั่นใจ ในกระบวนการตีตั๋วไปต่อหลังเลือกตั้งของ “นายกฯลุงตู่”
คนที่ถืออำนาจชัวร์ๆอยู่ในมือ พร้อมปล่อยคิวไปวัดกันในสนามเลือกตั้ง
นี่แหละคือจังหวะของฝ่ายที่มั่นใจใน “แต้มต่อ”
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ของจริงที่รัฐบาลกุมสภาพได้เป็นส่วนใหญ่ทั้งเรื่องของอำนาจ เครื่องไม้เครื่องมือ ไปยันเนื้องานในเชิงปฏิบัติที่สัมผัสแตะต้องได้
แม้แต่เซอร์ไพรส์ล่าสุด “สวนดุสิตโพล” เปิดตัวเลขประชาชนถึงร้อยละ 89 ชื่นชอบพอใจการเดินหน้าสะสางปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล คสช.โดยให้คะแนน พล.อ.ประวิตร 9.8 เต็ม 10
อารมณ์เรื่องหนี้ของคนยากคนจน ใครไม่เป็นหนี้ไม่รู้
ที่แน่ๆมันติดหูติดตา ใครช่วยให้ลืมตาอ้าปากได้ คนจนจำขึ้นใจก็แล้วกัน
มันคือ “คะแนนดิบ” ทีม “ลุงตู่” ที่หักมุมกับเกมแห่กระแสต้านทหาร
โดยสถานการณ์เทียบกับความมั่นใจในลีลา“ตีเช็ก”ด้วยปากเปล่า ตามปรากฏการณ์แบบที่ “แม่ทัพพลัดถิ่น” อย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น
ฟันธง การปกครองโดยทหารใกล้ถึงจุดจบ
มั่นใจฝ่ายประชาธิปไตยเครือข่ายของตัวเองได้ที่นั่งในสภาฯมากกว่า 300 ที่นั่ง รัฐบาล “ลุงตู่” จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่สามารถผ่านงบประมาณและยังต้องเจอกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
รัฐบาลจะล่มภายในไม่กี่สัปดาห์
“ทักษิณ” เร่งเครื่องเบิ้ลกระแส เปิดเกมเขย่าขวัญด้วยตัวเลขมโนลอยๆ
แต่ในเชิงปฏิบัติมันยังขัดๆกันอยู่กับบริบทการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะภายใต้เงื่อนไขการเลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนผสมตามรัฐธรรมนูญใหม่
เกมยากแบบที่พรรคเพื่อไทยต้องแตกค่าย รบแบบกองโจร แยกกันเดินรวมกันตี
แต่แฝงไปด้วยรอยแตกจริงจาก “สนิมเนื้อใน”
ขนาดลูกทีมยังมึน กองเชียร์สับสน ถึงวันเลือกตั้งจะสั่งซ้ายหันขวาหันได้ขนาดนั้นเลยหรือไม่
ยี่ห้อ “ทักษิณ” อยู่ในภาวะลอยๆกับกระแส “บุญเก่า”
เอาเป็นว่า ณ วันนี้ ชัดเจนแค่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง คือแม่ทัพ “นอมินี” ภาค 3 ตามฉากที่ได้รับธงไปเปิดตัวฐานเชียงใหม่ เมืองหลวง “ทักษิณ”
และก็ชัวร์ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไม่ร่วมวงสังฆกรรมด้วย แม้แต่ปรากฏกายร่วมงาน
อาการ “ศึกเจ๊” เครื่องรวนตั้งแต่ออกสตาร์ตเลย.
ทีมข่าวการเมือง