PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปากคำผู้เห็นเหตุการณ์พันโทหญิง โสภา..ไล่ที่น้องแชมป์ (ใน รพ.พระมงกุฎ)

พันโทหญิง โสภา (ไม่ทราบนามสกุล) แห่ง รพ.พระมงกุฎ
ใจดำจริงๆ ไล่ที่ขายล็อตเตอรี่ของอดีตทหารกล้าผู้เสียสละ

นี่คือความจริงจากปากของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่พันโทหญิง โสภา..ไล่ที่น้องแชมป์ (ใน รพ.พระมงกุฎ) 
เครดิต Gasanee Croskery

เรียนคุณท่านพันโทโสภา ... ผู้ซึ่งมีสิทธิ์และอำนาจในการจัดระเบียบร้านค้าแผงลอยในบริเวณของ รพ.พระมงกุฎนะคะ สืบเนืี่องมาจากวันนี้ (๑๙ ก.ค.) ที่ท่านได้ไล่เดินสั่งทุกๆ แผงว่าให้ย้ายสถานที่ทำกิน ไม่ให้ใช้สถานที่เดิมในการขายของ แต่ต้องย้ายไปขายในที่ที่ท่านจะจัดให้ ท่านพูดว่าแผงของน้องแชมป์อยู่เลยฟุตบาตออกมาตั้งเยอะ แต่ท่านไม่เคยที่จะสละเวลาดูเลยนะคะว่าอ้ายฟุตบาตที่ท่านพูดถึงกับฟุตบาตที่น้องแชมป์ (พลทหารมังกรทอง  ลิ้มประเสริฐสกุล) นั่งขายของนั้นมันต่างกันขนาดไหน ท่านบอกให้คุณพ่อของน้องแชมป์ไปทำเรื่องขอใบอนุญาติจาก ผอ.รพ.มาใหม่ แล้วท่านจึงจะอนุญาติให้น้องแชมป์และคุณพ่อน้องขายต่อได้ 

น้องแชมป์เป็นทหารพิการและเป็นคนไข้ในความดูแลของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ น้องมีใบอนุญาติจากท่าน ผอ.รพ.พระมงกุฎคนเก่าที่ระบุว่าน้องสามารถที่จะขายล๊อตเตอรี่ในบริเวณรั้วของ รพ.พระมงกุฎได้ แต่ ... เมื่อมีการเปลี่ยน ผอ.ใหม่ในแต่ละครั้ง น้องแชมป์และคุณพ่อก็จะโดนกดขี่และโดนไล่ที่ ไล่จากตรงนี้ไปตรงนั้น จากตรงนั้นไปตรงนี้ บางครั้งคนที่มาไล่ที่ก็จะไล่แบบไร้จรรยาบรรณ ไล่พวกเค้าเหมือนหมูเหมือนหมาก็มี 

วันนี้ท่านพันโทโสภาได้มายืนไล่ที่ของน้องแชมป์กับคุณพ่อ ท่านได้ใช้อำนาจของการเป็นพันโทหญิงของท่านแต่ไร้ซึ่งจรรยาบรรณของการเป็นทหารและการเป็นคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิ ท่านไม่ได้มีความสงสารและความเมตตาให้กับน้องแชมป์ซึ่งครั้งหนึ่งเค้าเคยรับใช้ประเทศชาติอยู่ที่ปลายด้ามขวานทอง พลีชีพเพื่อชาติจนตัวเองโดนระเบิดและกลายเป็นคนพิการอย่างทุกวันนี้ คนเรานะคะน่าจะมีคุณธรรมกันบ้าง น่าจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อคนที่เค้าหมดโอกาสทางสังคมบ้าง ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าประเทศชาติเป็นหนี้บุญคุณเหล่าทหารกล้าที่เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ แทนที่จะขอบคุณเค้า ช่วยเหลือเค้า แต่กลับสร้างความลำบากให้กับเค้าเพิ่มขึ้นไปอีก 

ท่านไม่เคยต้องมานั่งขายล๊อตเตอรี่ตั้งแต่ ๙ โมงเช้ายันสองทุ่มทุกวัน นั่งหลังขดหลังแข็ง ท่านไม่เคยต้องมีลูกชายที่พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าท่านใหญ่โตขนาดไหนเนื่องจากว่าไม่มีสมาชิกในครอบครัวรับราชการทหารมาก่อน 

การที่ท่านมาท้าคุณพ่อของน้องแชมป์ในวันนี้ว่า ถ้าอยากจะร้องเรียนท่านก็เชิญทำได้ ท่านพูดจาท้าทายพร้อมกับชี้ไปที่ชื่อบนหน้าอกเสื้อของท่านและพูดว่า "ฉัน พันโท โสภา" ท่านบอกให้พ่อของน้องแชมป์จดชื่ิอของท่านเอาไว้ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านทำแบบนั้นไปทำไมและเพื่ออะไร หรือว่าทำเฉพาะกับพวกตาสีตาสาคะ?? ดิฉันศรัทธาในตัวทหารมาโดยตลอด แต่พอมาเจอทหารอย่างท่านในวันนี้แล้ว บอกตามตรงว่าหมดศรัทธามากดูเพิ่มเติม
พันโทหญิง โสภา (ไม่ทราบนามสกุล) แห่ง รพ.พระมงกุฎ
ใจดำจริงๆ ไล่ที่ขายล็อตเตอรี่ของอดีตทหารกล้าผู้เสียสละ

นี่คือความจริงจากปากของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่พันโทหญิง โสภา..ไล่ที่น้องแชมป์ (ใน รพ.พระมงกุฎ)
เครดิต Gasanee Croskery

เรียนคุณท่านพันโทโสภา ... ผู้ซึ่งมีสิทธิ์และอำนาจในการจัดระเบียบร้านค้าแผงลอยในบริเวณของ รพ.พระมงกุฎนะคะ สืบเนืี่องมาจากวันนี้ (๑๙ ก.ค.) ที่ท่านได้ไล่เดินสั่งทุกๆ แผงว่าให้ย้ายสถานที่ทำกิน ไม่ให้ใช้สถานที่เดิมในการขายของ แต่ต้องย้ายไปขายในที่ที่ท่านจะจัดให้ ท่านพูดว่าแผงของน้องแชมป์อยู่เลยฟุตบาตออกมาตั้งเยอะ แต่ท่านไม่เคยที่จะสละเวลาดูเลยนะคะว่าอ้ายฟุตบาตที่ท่านพูดถึงกับฟุตบาตที่น้องแชมป์ (พลทหารมังกรทอง ลิ้มประเสริฐสกุล) นั่งขายของนั้นมันต่างกันขนาดไหน ท่านบอกให้คุณพ่อของน้องแชมป์ไปทำเรื่องขอใบอนุญาติจาก ผอ.รพ.มาใหม่ แล้วท่านจึงจะอนุญาติให้น้องแชมป์และคุณพ่อน้องขายต่อได้

น้องแชมป์เป็นทหารพิการและเป็นคนไข้ในความดูแลของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ น้องมีใบอนุญาติจากท่าน ผอ.รพ.พระมงกุฎคนเก่าที่ระบุว่าน้องสามารถที่จะขายล๊อตเตอรี่ในบริเวณรั้วของ รพ.พระมงกุฎได้ แต่ ... เมื่อมีการเปลี่ยน ผอ.ใหม่ในแต่ละครั้ง น้องแชมป์และคุณพ่อก็จะโดนกดขี่และโดนไล่ที่ ไล่จากตรงนี้ไปตรงนั้น จากตรงนั้นไปตรงนี้ บางครั้งคนที่มาไล่ที่ก็จะไล่แบบไร้จรรยาบรรณ ไล่พวกเค้าเหมือนหมูเหมือนหมาก็มี

วันนี้ท่านพันโทโสภาได้มายืนไล่ที่ของน้องแชมป์กับคุณพ่อ ท่านได้ใช้อำนาจของการเป็นพันโทหญิงของท่านแต่ไร้ซึ่งจรรยาบรรณของการเป็นทหารและการเป็นคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิ ท่านไม่ได้มีความสงสารและความเมตตาให้กับน้องแชมป์ซึ่งครั้งหนึ่งเค้าเคยรับใช้ประเทศชาติอยู่ที่ปลายด้ามขวานทอง พลีชีพเพื่อชาติจนตัวเองโดนระเบิดและกลายเป็นคนพิการอย่างทุกวันนี้ คนเรานะคะน่าจะมีคุณธรรมกันบ้าง น่าจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อคนที่เค้าหมดโอกาสทางสังคมบ้าง ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าประเทศชาติเป็นหนี้บุญคุณเหล่าทหารกล้าที่เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ แทนที่จะขอบคุณเค้า ช่วยเหลือเค้า แต่กลับสร้างความลำบากให้กับเค้าเพิ่มขึ้นไปอีก

ท่านไม่เคยต้องมานั่งขายล๊อตเตอรี่ตั้งแต่ ๙ โมงเช้ายันสองทุ่มทุกวัน นั่งหลังขดหลังแข็ง ท่านไม่เคยต้องมีลูกชายที่พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าท่านใหญ่โตขนาดไหนเนื่องจากว่าไม่มีสมาชิกในครอบครัวรับราชการทหารมาก่อน

การที่ท่านมาท้าคุณพ่อของน้องแชมป์ในวันนี้ว่า ถ้าอยากจะร้องเรียนท่านก็เชิญทำได้ ท่านพูดจาท้าทายพร้อมกับชี้ไปที่ชื่อบนหน้าอกเสื้อของท่านและพูดว่า "ฉัน พันโท โสภา" ท่านบอกให้พ่อของน้องแชมป์จดชื่ิอของท่านเอาไว้ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านทำแบบนั้นไปทำไมและเพื่ออะไร หรือว่าทำเฉพาะกับพวกตาสีตาสาคะ?? ดิฉันศรัทธาในตัวทหารมาโดยตลอด แต่พอมาเจอทหารอย่างท่านในวันนี้แล้ว บอกตามตรงว่าหมดศรัทธามากดูเพิ่มเติม

ชายผู้ไม่ยอมฮุนเซน สม รังสี กลับถึงกัมพูชาแล้ว หลังลี้ภัยทางการเมืองนาน 4 ปี

วันนี้ (19 กรกฎาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสม รังสี ผู้นำพรรคกู้ชาติกัมพูชา วัย 64 ปี กลับถึงดินแดนบ้านเกิดแล้วเมื่อเวลาราว 9 โมงเช้า ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งตรงกับเวลาไทย พร้อมกับก้มลงจูบแผ่นดินทันทีที่ลงจากเครื่องบิน ท่ามกลางการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ของกลุ่มผู้สนับสนุนราว 40,000 คน

โดย นายสม รังสี ได้กล่าวกับฝูงชนผู้สนับสนุนหลายพันคนว่า เขามีความสุขมากที่ได้กลับมาเพื่อกอบกู้ชาติร่วมกับทุกคนเพื่อช่วยชีวิตประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ แม้จะไม่มีสิทธิ์ลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่ นายสม รังสี ยืนยันจะเดินหน้าช่วยสมาชิกพรรคพรรคกู้ชาติ (CNRP) หาเสียงอย่างถึงที่สุด ก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ สม รังสี ลี้ภัยไปฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2552 เพื่อหลบหนีคดีที่ต้องโทษจำคุก 11 ปี ในข้อหาปลุกระดมให้เกิดความรุนแรงและความแตกแยกในประเทศ แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากสมเด็จพระนโรดม สีหมุนีเมื่อ 12 กรกฎาคม ตามที่นายกรัฐมนตรีฮุน เซนได้ยื่นถวายฎีกา โดยทางรัฐบาลยืนยันว่า การยื่นขอพระราชทานภัยโทษให้สม รังสี ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม หรือแรงกดดันจากนานาชาติ หลังจาก ส.ส.สหรัฐฯ เสนอให้ตัดเงินช่วยเหลือ หากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างเสรีและยุติธรรม อย่างไรก็ดี นายสม รังสี ไม่มีสิทธิลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้คาดว่านายกรัฐมนตรีฮุนเซน วัย 74 ปีจะยังคงได้รับเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 5

ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า สมาชิกพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) จะพยายามหาทางให้ นายสม รังสีได้ลงสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ นอกจากนี้ซูร์ยา ซูเบดี ทูตพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เรียกร้องให้กัมพูชาให้สม รังสี ได้มีบทบาทสำคัญทางการเมืองอย่างเต็มที่

ดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันอีฎิ้ลฟิตริ

ประกาศจุฬาราชมนตรี
เรื่อง ดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันอีฎิ้ลฟิตริ
ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1434

****************
เพื่อให้การกำหนดวันที่ 1 เดือนเซาวาล (วันอีฎิ้ลฟิตริ) ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1434 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จุฬาราชมนตรี จึงประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์ในวันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลาหลังดวงอาทิตย์ ลับขอบฟ้า

หากมีผู้เห็นดวงจันทร์ในวันและเวลาดังกล่าวขอได้โปรดแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เพื่อคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจักได้ตรวจสอบและรายงานผลการดูดวงจันทร์ดังกล่าวไปยังสำนักจุฬาราชมนตรี เพื่อดำเนินการต่อไป

ประกาศ ณ วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

(นายอาศิส พิทักษ์คุมพล)
จุฬาราชมนตรี

อิศราแก้ไขข่าว"ข้าวฉาว" หลังซีพี.ทำหนังสือจี้เสนอข่าวคลาดเคลื่อน

จากกรณีที่บริษัท ข้าว .ซี.พี จำกัด ได้ทำหนังสือแจ้งถึงสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพื่อสอบถามข้อมูลข่าวการประมูลข้าวสาร ของบริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ผู้ผลิตข้าวตราฉัตร เนื่องจากบริษัทตรวจสอบพบว่า ข้อมูลที่นำเสนอของสำนักข่าวอิศรา ฯ ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง จากในเอกสารสัญญาการซื้อข้าวของบริษัท ข้าว ซี.พี. ที่ทำสัญญาไว้กับ อ.ต.ก. นั้น 

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ตรวจสอบข้อมูลข่าวการประมูลข้าวสารของบริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ดังกล่าว ตามที่บริษัทฯ แจ้งข้อมูลเข้ามา พบข้อเท็จจริงดังนี้

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้นำเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับการประมูลข้าวสาร ของบริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ภายใต้ชื่อ ข่าวว่า “เปิดชื่อ 11 บริษัทซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาล 3,370 ล้าน-เชื่อมโยงก๊วน“เสี่ยเปี๋ยง” เมื่อวันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2013 เวลา 20:00 น.


(อ่านรายละเอียดข่าวตามลิงค์ http://bit.ly/Z1XIfo )

วัตถุประสงค์ในการนำเสนอข่าวชิ้นนี้ เพื่อตรวจสอบการประมูลข้าวของบริษัทเอกชน จาก อ.ต.ก. โดยมุ่งประเด็นไปในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างหนึ่งในบริษัทผู้เข้าร่วมประมูลซื้อขายข้าวกับ อ.ต.ก. กับ นักธุรกิจค้าข้าวกลุ่มหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในการนำเสนอข่าวดังกล่าว มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ในการระบุรายละเอียด ข้าว ที่บริษัท ข้าว ซี.พี จำกัด ในตารางแนบท้ายข่าว รายการที่ 9 . “จัดซื้อข้าวหอมมะลิ ในสต็อกของรัฐโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 จำนวน 6,810.688647 ตัน ที่ปรากฏรายชื่อ บจก.ข้าวซี.พี เป็นผู้ชนะการประมูลไป โดยมีการพิมพ์ตกคำว่า “ปลาย” ไป เพราะในข้อเท็จจริงการประมูลข้าวรายการนี้ เป็นการประมูลปลายข้าว ไม่ใช่การประมูลซื้อขายข้าวแต่อย่างใด

จึงขอเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน พร้อมกันนี้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ทำการแก้ไขข้อมูลในตารางท้ายข่าวดังกล่าว เพื่อความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
(อ่านรายละเอียดข่าวตามลิงค์นี้http://bit.ly/1awGNKw )

เปิดชื่อ 11 บริษัทซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาล 3,370 ล้าน-เชื่อมโยงก๊วน“เสี่ยเปี๋ยง”


วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2013 เวลา 20:00 น.
 
เขียนโดย isranews หมวด จัดซื้อจัดจ้างInvestigative

เปิดรายชื่อพ่อค้าใหญ่ 11 รายรับซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาล โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/55 ผ่านโกดัง อตก. 3,370.5 ล้าน พบ 1 รายเชื่อมโยงเครือข่าย“เสี่ยเปี๋ยง”

องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ได้ทำสัญญาขายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ให้เอกชน 8 ราย วงเงิน 3,370.5 ล้านบาทเมื่อช่วงเดือนกันยายนและต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ระหว่างวันที่ 14 กันยายน -8 ตุลาคม 2555 องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวในสต็อกรัฐบาล โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ให้เอกชน 11 ราย จำนวน 179,895 ตัน รวมวงเงิน 3,370,563,169.97 บาท ได้แก่
1.บริษัท โตมี อินเตอร์เทรด จำกัด 198,088,927.79 บาท
2.บริษัท ไชยพรไรซ แอนด์ ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด 804,871,917.69 บาท
3.บริษัท เอเซีย โกลเด้น ไรซ์ จำกัด 600,299,122.13 บาท และ 209,396,404 บาท ( 2 งวด)
4.บริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด 328,766,615.35 บาท และ 210,625,486.88 บาท ( 2 งวด)
5.บริษัท ข้าวเสนางค์ จำกัด 262,179,707.16 บาท
6.บริษัท ข้าว.ซี.พี. จำกัด 28,913,843.85 บาท และ 111,014,224.95 บาท (2 งวด)
7.บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด 375,580,186.29 บาท
8.บริษัท รอยัลริชชี่ไรซ์ จำกัด 8,979,486.47 บาท
9.บริษัท ไทยธุรกิจเกษตร จำกัด 88,179,921.47 บาท
10.บริษัท โอแลม (ประเทศไทย) จำกัด 110,539,605.01 บาท
11.บริษัท โสธรอินเตอร์เทรด จำกัด 33,127,720.93 บาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 1 รายที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จดทะเบียนในสิงคโปร์ คือ บริษัท โอแลม (ประเทศไทย)
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัท โอแลม (ประเทศไทย) จดทะเบียนวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ทุนเริ่มแรก 5 ล้านบาท ปัจจุบัน 6 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 241/3 หมู่ที่ 17 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร โอแลม อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด สัญชาติสิงคโปร์ ถือหุ้น ใหญ่ 159,997 หุ้น (99.99%) นายซามินเดอร์ บีร์ ซิง เบดิ นายราจีฟ ไรนา นายอภิเชค ซาไฮ สัญชาติอินเดีย คนละ 1 หุ้น นายซามินเดอร์ บีร์ ซิง เบดิ นายราจีฟ ไรนา นายอภิเชค ซาไฮ เป็นกรรมการ
จากการตรวจสอบพบว่า นายซามินเดอร์ บีร์ ซิง เบดิ นายราจีฟ ไรนา ทำธุรกิจร่วม นายไพบูลย์ อรุณลาภ ในชื่อ บริษัท กำแพงเพชร ไรซ์ มิลล์ จำกัด และบริษัท มิตรสุพรรณ ไรซ์ จำกัด
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ อรุณลาภ ทำธุรกิจ ค้าข้าวร่วมกับ นายธัชชัย จริยะนันตกุล กรรมการบริษัท กิจเจริญ ไรซ์ จำกัด ซึ่งมี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) ถือหุ้นใหญ่
ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 ของสมาคมข้าวโรงสีข้าวไทย ณ อาคารจักรพันธุ์เพ็ญศิริ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2555 นายไพบูลย์ อรุณลาภ ปรากฏชื่อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมการเสวนาหัวข้อ “นโยบายข้าวกับอนาคตข้าวไทย”
โดย นายไพบูลย์ ระบุตำแหน่งว่า ที่ปรึกษา บริษัท โอแลม (ประเทศไทย) จำกัด


ด่วน!!! "โหรภิญโญ"โดนดักต่อยคาปั๊ม-คิ้วแตก หัวแตก ขณะไปออกรายการทีวี

ด่วน!!! "โหรภิญโญ"โดนดักต่อยคาปั๊ม-คิ้วแตก หัวแตก ขณะไปออกรายการทีวี

สุดเถื่อน!!! คนร้ายซิ่งจยย.ดักต่อย "โหรภิญโญ พงศ์เจริญ"  ขณะจะไปออกรายการทีวี  ส่งผล "คิ้วแตก-หัวแตก-ตาช้ำ"   โดยก่อนหน้าหมอภิญโญ เคยทำนายดวง "แม้ว-ปู" จนสร้างความฮือฮา?????
วันนี้( 19 ก.ค.) นายภิญโญ พงศ์เจริญ  นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ    ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวทีนิวส์ว่า เมื่อเวลาช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ตนจะหยิบสูทในรถส่วนตัว  ที่อยู่ในปั๊มทีพีไอ    ถนนจันทน์ตัดใหม่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร   เพื่อเตรียมตัวไปร่วมออกรายการของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียวช่องสุวรรณภูมินั้น ได้มีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปี ได้เดินปรี่เข้ามา โดยไม่พูดไม่จา แล้วชกต่อยตนเองเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง  ทำให้คิ้วแตก ตาช้ำ ศีรษะแตก และเลือดอาบ  โดยคาดว่าน่าจะใช้สนับมือในการชก  จากนั้นคนร้ายได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่สตาร์ทเครื่องรออยู่หลบหนีไป   หลังจากนั้นตนได้เดินทางไปที่โรงพยายามทำแผล และไปแจ้งความไว้ที่สน.ทุ่งมหาเมฆแล้ว

นายภิญโญ  โดยบอกว่า ไม่ได้รู้จักชายคนดังกล่าวมาก่อน  และไม่ทราบเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้
สำหรับนายภิญโญ  เป็นโหรชื่อดัง   โดยก่อนหน้านี้ได้ทำนายดวงรัฐบาล นางสาวยื่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี   และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี  ในช่วงปี 2556 ในทำนองดวงไม่ดี ดวงตก ทำให้เป็นที่ฮือฮาของสังคมอย่างมาก ????

ผบ.ทบ.บอกกังวลได้ แต่วอนอย่าตื่น ตระหนก กำลังเคลียร์ กรณี”มาเลเซีย-BRN ผนวก อ.สะเดา สงขลา เป็น พื้นที่เสี่ยง

พล.อ.ประยุทธ์ ผบทบ. บอกกังวลได้ แต่วอนอย่าตื่น ตระหนก”มาเลเซีย-BRN ผนวก อ.สะเดา สงขลา เป็น พื้นที่เสี่ยง รวบ เป็น 5 อำเภอ ยันยังไม่มีอะไรเสียหาย เผยคณะทำงาน ทำอยู่ แจ้ง มาเล แล้ว แต่ไม่ออกสื่อ หวั่นโกลาหล

จากกรณีที่นายดาโต๊ะซัมซามิน อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองของมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยสันติภาพ ระหว่างไทยกับ BRN ทได้ผนวกพื้นที่อ.สะเดา เป็นพื้นที่ที่เกี่ยวพันกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้. ลงในคำแถลงลดเหตุรุนแรฃ รอมฎอน จนทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลนั้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงกังวลได้ แต่อย่าตื่นตระหนกในทุกเรื่อง การตอบโต้ไปมาหลายเรื่องไม่ได้ทำอะไรดีขึ้น ตนคิดว่าคณะทำงานดำเนินการอยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องออกสื่อให้เกิดความโกลาหล

"ขอบคุณที่ทุกคนห่วงใยและแจ้งเตือน คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงมีการแจ้งไปยังทางมาเลเซียแล้ว "

ส่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4สน.) ก็ได้แจ้งเรื่องไปแล้วเช่นกัน ประการสำคัญคือ เป็นการยื่นข้อเสนอเพียงฝ่ายเดียว เราก็รับฟังและนำไปเป็นข้อมูลพุดคุยครั้งต่อไป คิดว่ายังไม่มีใครเสียหายมากเกินไปจนเราจะต้องมาทะเลาะเบาะแว้ง

"เสธ.อ้าย" เผย "พิทักษ์สยาม" ฮึดสู้ !! ตั้งคณะเสนาธิการร่วม ลั่นโค่นระบอบแม้ว

"เสธ.อ้าย" เผยการเคลื่อนไหวกลุ่ม"องค์การพิทักษ์สยาม"  เตรียมเปิดตัว "คณะเสนาธิการร่วม" เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ

วันนี้ ( 19 ก.ค.) พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ "เสธ.อ้าย" อดีตประธานกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) และประธานรุ่น ตท.1 กล่าวถึงการเตรียมเคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) ในนามกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม จะมีการเปิดตัว "คณะเสนาธิการร่วม" โดยจะจัดให้มีการแถลงข่าว ใช้ชื่องานว่า "คณะเสนาธิการร่วมและกำหนดจังหวะก้าวโค่นระบอบทักษิณ"
โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงอยู่เบื้องหลัง แต่ทั้งนี้ฉันทามติได้มอบหมายให้ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรองผบ.สส. และในฐานะประธาน อพส. ที่มาดำรงแทนตน จะเป็นแกนหลักในการแถลงข่าวครั้งนี้ นอกจากนี้ จะมี นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัจน์ อดีตนายทหารคนสนิทพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร และสมาชิกประมาณ 20 คน จะร่วมประชุมหาแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ โดยจะมีการประชุมและร่วมกันแถลงข่าวถึงจุดยืนในเรื่องนี้ ที่ห้องประชุมรามราฆพ ราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) ในเวลา 14.00 น.
"ผมขอทำหน้าที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเท่านั้น ตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองหลังการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามได้ยุติบทบาท" พล.อ.บุญเลิศ กล่าว.

ที่มา : Tnews

"แดงส์ ชาคริต" ผอ.สถาบันตักส์ศิลาแฟชั่น สารภาพฆ่าคนสนิทยัดกระเป๋า เพราะโมโห

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16:10:30 น.





นายชลัช เยาวโรจนรุจิ หรือ ชื่อวงการคือ "แดงส์" 


 จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพผู้เสียชีวิตถูกฆ่ายัดใส่กระเป๋าเดินทาง ถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่ข้างถนนสายพนัส-หนองซาก กม.ที่ 5  หมู่ที่  3 ตำบลนามะตูม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี   เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา   จนกระทั่งชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ลงมือฆ่าได้ คือ นายชลัช เยาวโรจนรุจิ หรือ ชื่อวงการคือ "แดงส์"  อายุ 61 ปี  ผู้อำนวยการสถาบันตักส์ศิลาแฟชั่น   และผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสอนตัดเสื้อกรสยาม    โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 1111/44 ถนนลาดพร้าว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานครได้ นั้น


 ล่าสุด  เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 กรกฎาคม  พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นำตัวนายชลัช ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ โดยระบุว่า  ได้ลงมือฆ่านายธงชัย แมมิ่ง อายุ  60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 902/233 แขวงสามเสน เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งเป็นคนสนิทที่ตนเองได้ว่าจ้างให้ไปทำพิธีไหว้ครู ในวันที่ 4  กรกฎาคม 2556 ในวงเงิน 1 แสนบาท และในวันที่ 2 ก.ค. เวลา 21.30 น. พาผู้ตายไปวางแผนเพื่อเตรียมงาน แต่นายธงชัยไม่ค่อยสนใจที่จะทำงาน จะขอเงินก่อนอย่างเดียว และก่อนหน้าที่จะทำงานก็ขอเบิกเงินไป 1 หมื่นแล้ว งานก็ยังไม่ได้เริ่มจนตนเองเกิดความโมโห จึงใช้แป๊บยาวประมาณ  1 ฟุตตีเข้าที่ศรีษะจนล้มลง และเข้าไปตีซ้ำจนเสียชีวิต หลังจากนั้นในคืนวันที่ 3 ก.ค.เวลา 02.00 น. ก็นำศพนายธงชัยใส่กระเป๋าเดินทางและนำศพขึ้นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไทเกอร์ หมายเลขทะเบียน ษค-9122 กรุงเทพมหานคร เพื่อที่จะเอาไปทิ้ง และขับรถไปเรื่อยๆ และนำมาทิ้งในจุดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่น และซ่อนเร้นอำพรางศพ


สำหรับประวัติของนายชาคริต เชาวนโรจนรุจิ เป็นผู้อำนวยการสถาบันตักศิลาแฟชั่น เมื่อปี 2514-2525 ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสอนตัดเสื้อกรสยาม ปีพ.ศ.2525-2531 ร่วมก่อตั้ง สถาบันแดงส์ ดีไซน์เนอร์  พ.ศ.2545-2554 ตั้งสถาบันตักส์ศิลาแฟชั่น

จินตนาการประเทศไทย "สมศรี2570" ของ V For Thailand

ประเทศไทย 2570 กรุณาอ่านให้จบ แล้วตอบด้วยว่าจะเอาแบบนี้ใหม

03.00 เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น สมศรี ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียหลังจากที่เธอเพิ่งได้หลับตามาเพียง 3 ชั่วโมงกว่าๆ เธอปลุก ลูกๆและสามีให้รีบตื่นขึ้นมา และเตรียมตัวออกจากบ้าน

03.20 สมศรี สาละวนกับอาหารของทุกๆคน ที่ต้องทานเช้า และ มื้อเที่ยง เพราะว่าอาหารข้างนอกราคาแพงมาก ก๋วยเตี๋ยวจานหนึ่ง ราคา 200 บาท เกินความสามารถที่พนักงานเงินเดือน 50000 บาทอย่างเธอจะสามารถซื้อทานได้

03.50 ทุกคนพร้อมที่จะออกเดินทาง ลูกๆเดินทางโดยรถโรงเรียน ส่วน สมศรีกับสามีนั้นเดินทางโดยรถประจำทาง ทุกๆวันเธอจะต้องรอส่งลูกๆให้ขึ้นรถโรงเรียนให้เรียบร้อยเพราะว่า โจรโขมยเด็กนั้นเยอะมากในภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายเช่นนี้

04.00 สมศรีและสามีขึ้นรถประจำทางจากแฟลตเล็กๆชานเมือง ถึงแม้ว่าระยะทางจะไม่ใกลเพียง 10 กม จากบ้าน แต่เนื่องด้วยนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วทำให้รถติดมหาศาลใช้เวลากว่า 3 ชม ในการเดินทาง และที่สำคัญ เงินเดือนเช่นเธอ ไม่สามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้เพราะว่า แพงเกินไป

07.00 สมศรีถึงที่ทำงาน เธอเตรียมทำความสะอาดที่ทำงาน เตรียมห้องประชุมให้กับนาย ชาวต่างประเทศ

08.00 สมศรีถูกเจ้านายชาวเขมร ใช้ไปซื้อกาแฟยี่ห้อดัง ตัวเธอก็หวังว่าวันหนึ่งเธอจะต้องเก็บตังซื้อกาแฟยี่ห้อนี้ทานให้ได้

10.00 เธอพักเบรกประจำชั่วโมงแต่ไม่วานเจอผู้จักการฝ่ายบัญชี ชาวเวียดนาม ใช้ให้ไปถ่ายเอกสาร

12.00 เป็นเวลาที่เธอมีความสุขมากๆเพราะเธอจะได้พบปะกับบรรดา เพื่อนๆชาวไทยด้วยกัน ซึ่งในออฟฟิสเธอก็มีหลายคน ที่ยังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ (ส่วนใหญ่ในกรุงเทพจะเป็นชาวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ลาว เขมร เวียดนาม พม่า เป็นต้น ส่วนชาวไทยแท้ๆนั้นหนีภัยสงครามกลางเมือง ไปเป็นผู้ลี้ภัยต่างประเทศ แทบหมดประเทศเพราะรับไม่ได้กับนโยบาย จ่ายภาษี 70% เพื่อเอาไปชำระหนี้ก้อนมหาศาลที่รัฐบาลในอดีต ก่อไว้)

18.00 สมศรีเลิกงาน แต่เธอก็ยังต้องรับจ้าง ทำความสะอากบ้านให้กับ ชาวพม่าที่อยู่ในย่านคนรวย ซึ่งสมศรีเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นคนไทยและได้รับสิทธิ์เข้าไปในเขตนี้ เพื่อหารายได้เสริมให้กับครอบครัว

20.00 สมศรีต้องฝ่าการจราจรแสนสาหัส เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อน 23.00 เพราะเธอต้องรับลูกทั้งสองคนจากรถโรงเรียน

23.30 ทุกคนพร้อมหน้ากันอีกครั้งพร้อมรับประทานอาหารเย็น

24.00 ถึงเวลานอน ราตรีสวัสดิ์ ประเทศไทย