PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560

"บิ๊กป้อม"ไม่รับลูก"บิ๊กตู่" บอกTrump จะประกาศวันเลือกตั้งปีหน้า

"บิ๊กป้อม"ไม่รับลูก"บิ๊กตู่" บอกTrump จะประกาศวันเลือกตั้งปีหน้า ไม่ได้ไปคุยด้วย!!..อ้ำอึ้ง ปม ล้อบบี้ "สนช."คว่ำ ร่าง กม.ลูก
"บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร ปัดไม่รู้ "บิ๊กตู่" ไปคุย "โดนัลด์ ทรัมป์" จะประกาศ วันเลือกตั้ง ปีหน้า ชี้ผมไม่ได้ไปคุยด้วย จะให้ยืนยันไม่ได้ จะมีเลือกตั้งปีหน้า มั้ย ระบุหากกฎหมายลูกเสร็จ ก็เลือกตั้งตาม Road Maps ยันไม่มีบิดพลิ้ว....ชี้ โรดแมพชัดเจนแล้ว 150วัน หลัง กม.ลูกเสร็จ ส่วน "สนช." จะคว่ำร่างกม.ลูกมั้ยเพราะไม่ได้เป็นสนช. ...อ้ำอึ้ง ไม่ตอบปม "ล็อบบี้"สนช. เพราะตั้งมาโดย หัวหน้า คสช. ...ยัน" ไม่มี ความในใจ"คสช.จะอยู่ต่อ หรือ อยากไปพักแล้ว" ยันทุกอย่าง ทำตามโรดแมพ

คสช.Count down สู่ 26ตค.

คสช.Count down สู่ 26ตค.
"บิ๊กเจี๊ยบ" ชี้นับถอยหลัง สู่พระราชพิธีฯแล้ว/ คสช. มอบ "กอร.รส."เชื่อมต่องานรักษาความปลอดภัย และดูแลประชาชนกับ "กอร.พระราชพิธีฯ"ที่กห.ให้เรียบร้อย ป้องกันเหตุไม่พึงประสงค์/ สั่ง การทำงานในปีหน้า เน้น ดูภาพรวมประเทศ เพื่อมุ่งสู่การเลือกตั้ง
พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.และ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน การประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ครั้งแรกในปีงบประมาณ 2561
พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง. รองโฆษก คสช. เผยว่า พลเอกเฉลิมชัย ได้กล่าวถึงภาพรวมการทำงานในปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมาว่า ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกส่วนราชการ ทำให้สถานการณ์ที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ประเทศมีความสงบ และเดินหน้าไปตามโรดแมป
ทั้งนี้ เชื่อว่าในปีงบประมาณ 2561 นี้ เราจะกล่าวไปข้างหน้า ตามบริบทของการบริหารบ้านเมืองและมุ่งสู่การเลือกตั้งได้อย่างเรียบร้อย
การประชุมในวันนี้ พลเอกเฉลิมชัย ให้ความสำคัญสูงสุด ต่อการเตรียมสนับสนุนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยเฉพาะงานรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
โดยขณะนี้รัฐบาลได้มีการจัดตั้ง กองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ (กอร.พระราชพิธีฯ)
ณ กระทรวงกลาโหม ซึ่งจะดูแลภาพรวมในงานพระราชพิธีให้เรียบร้อยและสมบูรณ์ที่สุด
โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาความปลอดภัย การจราจรและการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ หลังปิดการเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พลเอกเฉลิมชัย กำชับให้ กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย ประสานการปฏิบัติและเชื่อมต่อข้อมูลการใช้กำลังเจ้าหน้าที่กับ กอร.พระราชพิธีฯ เพื่อเชื่อมต่องานรักษาความปลอดภัย อำนวยการจราจรให้เรียบร้อยในทุกเส้นทางและทุกพื้นที่
พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยดำเนินมาตรการด้านการข่าว การชี้แจงและขอความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในช่วงงานพระราชพิธีด้วย
รวมทั้งขณะนี้เริ่มนับถอยหลังเพื่อเตรียมการสู่ช่วงงานพระราชพิธีฯ ซึ่งทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินงานตามกรอบที่ได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุด
พร้อมย้ำให้หน่วยทหารในทุกจังหวัดประสานและสนับสนุนทางจังหวัดในกิจกรรมทั้งปวงให้เรียบร้อยสมพระเกียรติในทุกพื้นที่ด้วย
สำหรับการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในปีงบประมาณ 2561 นี้ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ย้ำในนโยบายที่ให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จะยังคงดูแลภาพรวมของประเทศให้มีความสงบเรียบร้อย เน้นการช่วยเหลือประชาชนเป็นสำคัญ
พร้อมสนับสนุนให้กระบวนการต่างๆ ในการขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าไปตามกรอบแนวทางที่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กำหนดไว้ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเตรียมการไปสู่การเลือกตั้งและการมีรัฐบาลใหม่
นอกจากนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะเน้นสร้างความเข้มแข็งในงานจิตอาสา ส่งเสริมให้ประชาชนทำความดี ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อสร้างสังคมแห่งความสุขตามแนวพระราโชบายของรัชกาลที่ 10

7,500 คนเท่านั้น ที่จะได้เข้าถวายดอกไม้จันทน์ ณ พระเมรุมาศ สนามหลวง

7,500 คน
"บิ๊กป้อม" เผย จะมีแค่ ตัวแทนประชาชน ที่ลงทะเบียน และมีบัตร 7,500 คนเท่านั้น ที่จะได้เข้าถวายดอกไม้จันทน์ ณ พระเมรุมาศ สนามหลวง /นอกนั้น ถวาย ณ พระเมรุมาศ จำลอง /ตั้ง กอร.ที่กลาโหม ตลอด24ชม.ถึง30ตค.ยัน เข้มมาตรการ รปภ. หวั่น มีป่วน สร้างสถานการณ์ จากพวกในประเทศ ไม่เกี่ยวก่อการร้าย/ พบเบาะแสแจ้ง 1441
พลเอกประวิตร กล่าวว่า จะมีประชาชนและคนที่เกี่ยวข้อง ที่ลงทะเบียน มีบัตร แล้ว 7,500 คนเท่านั้น ที่จะได้เข้าถวายพระเพลิงพระบรมศพ ที่พระเมรุมาศที่ สนามหลวงได้
ส่วนประชาชนที่มา จะต้องถวายพระเพลิง ที่เมรุมาศจำลอง ที่ ลานพระราชวังดุสิต และ อีกหลายแห่ง และซุ้มต่างๆโดยรอบในกรุงเทพ ที่จัดไว้ให้ เท่านั้น ทั้งนี้เป็นการจัดระบบตามเดิมอยู่แล้ว
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น เข้มข้นจะใช้กำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ราว 5-7หมิ่นคน และ จะมีประชาชนจิตอาสามาช่วยดูแลอีกด้วย
ทั้งนี้สำหรับพวกที่จะก่อเหตุความวุ่นวาย จะเป็นพวกกลุ่มเดิมๆในประเทศ ไม่ใช่ กลุ่มก่อการร้าย
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการเตรียมการรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า รัฐบาลได้เปิด "กองอำนวยการร่วม" ที่ กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา
พร้อมจัดคนเข้าไปดูแลทั้งหมด ทั้งการเดินทาง ดูแลคน รวมถึงการซ้อมในพระราชพิธี เพื่อป้องกันการป่วน หรือการกระทำผิดกฎหมาย และดูแลสถานที่เพื่อให้มีความพร้อม ซึ่งพระราชพิธีนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคนไทยและคนทั่วโลก
ดังนั้นประชาชนต้องร่วมมือกันสร้างความปลอดภัย โดยผู้ที่จะเข้ามาในบริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวงจะต้องมีบัตร เท่านั้น 7,500 คน ส่วนผู้ที่ไม่มีบัตร จะมีสถานที่เตรียมไว้ให้
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีประชาชนมา ราว2.5 แสนคน ก็จะมีที่รองรับ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลยังได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้รองรับ โดยมีทั้งจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาชนจิตอาสา พร้อมดูแลพระเมรุมาศจำลองทั่วกรุงเทพ และ ทั่วประเทศ 76 แห่ง
ส่วนการเตรียมความพร้อมเราได้ประชุมสั่งการไปหมดแล้ว และมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดศูนย์อำนวยการไปจนถึงวันที่ 30 ตุลาคม ทำงานตลาด 24 ชั่วโมง โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 1441

"บิ๊กป้อม" เผย แผน ทบ. เตรียมซื้อ ฮ.Cobra ติด Gunship ฮ.โจมตี เพราะตอนนี้ สหรัฐฯ ไฟเขียว



"บิ๊กป้อม" เผย แผน ทบ. เตรียมซื้อ ฮ.Cobra ติด Gunship ฮ.โจมตี เพราะตอนนี้ สหรัฐฯ ไฟเขียว แล้ว
พลเอกประวิตร กล่าวว่า หลังจากที่ คสช.เข้ามา ทางสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ขายให้เรา แต่ตอนนี้ ให้แล้ว
โดยเฉพาะหลังจากที่ พลเอกประยุทธ์ ไปพบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตามคำเชิญ แม้จะไม่ได้มีการหารือเรื่องการจัดซื้ออาวุธ. แต่ก็เป็นการสะท้อนความสัมพันธ์ที่ดีในทุกๆด้าน ประเทศมหาอำนาจ เชิญท่านายกฯไป ก็แสดงว่าเขาเชื่อมั่น
แต่ให้ทางทบ พิจารณา อีกที เพราะ ฮ.โจมตี อยู่ในแผนความต้องการของกองทัพบกอยู่แล้ว
เผยเป๋นเดิมทบ.ตั้งแต่ก่อน คสช.เข้ามา แต่พอเสนอไป เขาไม่ขายให้ มาตอนนี้ เลยเอาแผนเดิมมาเสนอใหม่ ให้เป็นเรื่องของหน่วย ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล อันไหนให้ซิ้อได้ก็ให้ อันไหนไม่ได้ ก็ไม่ให้
เดิมมีใช้ จน 2ลำ สุดท้าย และจะGroundไปแล้ว เหลือชม.บินน้อยมาก
โดย หากจะซื้อก็คงเป็นรุ่นใหม่แล้ว ส่วน งบฯเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เป็น ฮ.ดี เราไม่มี ฮ.โจม ตี

บิ๊กตู่ ยัน ผมจะประกาศ วันเลือกตั้ง เอง ปีหน้าแน่"

บิ๊กตู่ ยัน ผมจะประกาศ วันเลือกตั้ง เอง ปีหน้าแน่"
"บิ๊กตู่" รีบชิง แจง "Trump"ยัน เลือกตั้ง ปีหน้าแน่ หลัง กม.ลูกเสร็จ150วัน ลั่น"ผมจะประกาศเอง วันเลือกตั้ง ปีหน้าแน่" อย่าเชื่อการบิดเบือน ยันไม่เคยปิดบัง/ Trump ไม่ได้ถาม แต่ บิ๊กตู่ บอกก่อนเลย
พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ ที่ สหรัฐอเมริกา ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ได้สอบถาม เรื่องการเลือกตั้ง
แต่ผมได้แสดงความเชื่อมั่นให้กับ Donald Trump ว่า การเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่เป็นสากล ก็เป็นไปตามโรดแมพ
"ในปีหน้า เราจะประกาศวันเลือกตั้ง ออกมา พอเราประกาศเมื่อไหร่ จะมีกรรมวิธีของการเลือกตั้งอีก150วัน ตามกฎหมายก็แค่นั้น ประกาศเมื่อไหร่ ก็นับกันไป ผมยืนยันว่า ประกาศปีหน้าแน่"
" ผม ไม่ได้ปกปิดใคร ไม่ต้องการไปบิดเบือนอะไร ใครทั้งสิ้น อย่างที่หลายคนมากล่าวอ้าง ผมก็พูดยังงี้ มาตลอด จะได้เลิกพูดกันเรื่องนี้กันเสียที" บิ๊กตู่ ระบุ

แนวโน้ม การเมือง โพสต์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การศึก มิหน่ายเล่ห์

แนวโน้ม การเมือง โพสต์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การศึก มิหน่ายเล่ห์


ทั้งๆ ที่มีความเชื่อเป็นอย่างสูงตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม กระทั่งวันที่ 27 กันยายน ว่ากรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะจบ

จบเพราะการหนี

จบเพราะคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่ามีความผิด ต้องจำคุกเป็นเวลา 5 ปี

แต่ถามว่า กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จบหรือไม่

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำ “หมายค้น” จากศาลรุดไปยังบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันว่าไม่จบ

ยิ่งข่าวระลอกแล้วระลอกเล่าจาก “อังกฤษ” ยิ่งมากด้วย “ประเด็น”

ไม่ว่าข่าวนั้นจะมาจากรายงานของกระทรวงการต่างประเทศส่งตรงไปยังนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าข่าวนั้นจะมาจากสำนักข่าวต่างประเทศ

เพราะที่เด่นชัดคือ การขอสถานะเป็น “ผู้ลี้ภัย”

แม้คำแถลงท่าทีล่าสุดจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านปากของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ยืนยันว่า

มิได้ให้ “ความสำคัญ” มิได้ “สนใจ”

แต่เป็นไปได้มากน้อยเพียงใดในทางเป็นจริง ว่าเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีความสำคัญ กระทั่งละเลย ไม่สนใจก็ได้

อย่างน้อย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยเป็น “นายกรัฐมนตรี”

อย่างน้อย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เป็นคนที่ได้รับผลสะเทือนโดยตรงก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

ไม่ว่าจะในด้าน “ถูกถอดถอน” ไม่ว่าจะในด้าน “คดีความ”

เหตุผลและการยื่นขอสถานะ “ผู้ลี้ภัย” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ ย่อมสัมพันธ์กับ “รัฐประหาร” และ “คดีความ” โดยตรง

ที่สุดแล้วก็คือ สัมพันธ์กับ คสช. สัมพันธ์กับรัฐบาล

ที่เคยคิดและประเมินว่า พอพ้นจากวันที่ 25 สิงหาคม และโดยเฉพาะพ้นจากวันที่ 27 กันยายนไปแล้ว เรื่องอันเกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ก็จะหมด “ความหมาย”

ไม่เพียงแต่ความหมายจากตัวตนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอง แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยและ นปช. คนเสื้อแดง ก็แทบจะขยับขับเคลื่อนอะไรไม่ได้

เพราะว่าตกอยู่ในสภาพ “มังกรไร้หัว”

จึงเมื่อมี “หมายจับ” จากศาลเนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ไปปรากฏตัวเพื่อฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม หลายคนจึงชโยโห่ร้องด้วยความคึกคัก

ยิ่ง “คำพิพากษา” เมื่อวันที่ 27 กันยายน ยิ่งเท่ากับตอกฝาโลง

แต่สภาพความเป็นจริงทางด้าน “การข่าว” นับแต่หลังวันที่ 25 สิงหาคม หรือแม้กระทั่งหลังวันที่ 27 กันยายน กลับมิได้เป็นไปตามความคาดหมาย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงมีบทบาท

ทั้งยังเป็นบทบาทที่ยืนเรียงเคียงอยู่กับบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย

หากย้อนกลับไปศึกษากระบวนการวางแผนและดำเนินการ “ล่องหน” นับแต่กลางดึกของคืนวันที่ 23 สิงหาคมเป็นต้นมาตราบปัจจุบัน

จากไทยไปถึงนครดูไบ และกรุงลอนดอน

ทั้งหมดไม่เพียงแต่สะท้อนความแหลมคมอย่างยิ่งของปัญหาและความขัดแย้งในทางการเมือง หากแต่ยังยืนยันถึงศักยภาพที่ยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมของอีกฝ่าย

ทุกอย่างเป็นไปในแบบ “การศึกมิหน่ายเล่ห์” อย่างแท้จริง

ราคาของฟรี

ราคาของฟรี

“น้ำ” เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่เทวดาประทาน ให้ฟรีๆ

รัฐบาลจึงไม่ใช่เจ้าของน้ำฝน และน้ำฝนก็ไม่ใช่สมบัติของรัฐบาล

การที่ธรรมชาติส่งน้ำฝนลงมาให้ใช้ฟรีๆ ประชาชนทุกคนจึงควรใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องจ่ายสตางค์

“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่แปลกใจที่ใครต่อใครออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำของรัฐบาล คสช. กันอึกทึกครึกโครม

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือเปิดช่องให้รัฐบาลเรียกเก็บค่าใช้น้ำจากผู้ใช้น้ำธรรมชาติจากแม่น้ำลำคลองทั่วไปในอัตราตั้งแต่ 50 สตางค์ ถึง 3 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ตามปริมาณการใช้น้ำ และประเภทการใช้น้ำแต่ละกรณี

คาดว่าถ้าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คลอด ออกมาบังคับใช้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เข้ากระเป๋าอีกก้อนโต

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการที่รัฐบาลจะออก ก.ม.เก็บค่าใช้น้ำธรรมชาติจากประชาชน

แสดงว่ารัฐบาลกลายเป็นเจ้าของน้ำที่ธรรมชาติให้มาฟรีๆ

แต่รัฐบาลยังใจดี ยกเว้นไม่เก็บค่าต๋งใช้น้ำจากพี่น้องคนยากคนจน

ยกเว้น ไม่เก็บค่าน้ำเพื่อการบริโภคในครัวเรือน

ยกเว้น ไม่เก็บค่าน้ำจากเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินทำกินต่ำกว่า 50 ไร่ต่อราย

และยกเว้น ไม่เก็บค่าน้ำจากอุตสาหกรรมในครัวเรือน

แสดงว่ารัฐบาลเองก็กลัวเรตติ้งตกอยู่เหมือนกัน

ส่วนพี่น้องเกษตรกรชาวนาชาวสวนชาวไร่ ที่มีพื้นที่ทำกินมากกว่า 50 ไร่ขึ้นไป หรือทำฟาร์มเลี้ยงไก่ตั้งแต่ 5 พันตัว หรือทำฟาร์มเลี้ยงหมูตั้งแต่ 30 ตัว หรือทำบ่อกุ้งบ่อปลาตั้งแต่ 10 ไร่ขึ้นไป ฯลฯ

รัฐบาลจะขอเก็บค่าใช้น้ำขั้นต่ำ 50 สตางค์ต่อคิว

สำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ฯลฯ รัฐบาลขอเก็บ ค่าใช้น้ำขึ้นอีกหน่อยเป็น 1 บาทต่อคิว

ใครที่เคยใช้น้ำฟรีๆ ทีนี้ก็ต้องจ่ายค่าน้ำบำรุงกระเป๋ารัฐบาลแก้ขัดหนักขัดเบา

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่ากลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจาก พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่เต็มเปา

คือกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือเอกชนผู้ทำธุรกิจเกษตรขนาดใหญ่ หรือกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน และกลุ่มสนามกอล์ฟที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะฟรีๆ

เมื่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับใช้ ต้องโดนเก็บค่าใช้น้ำอัตราสูงสุด 3 บาทต่อคิว

ใครไม่อยากจ่ายค่าน้ำให้รัฐบาล ก็ต้องขุดน้ำบาดาลใช้เองสถานเดียว

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าร่าง ก.ม.ฉบับนี้ ซึ่งใกล้จะคลอดออกมาบังคับใช้ก่อนสิ้นปี อ้างเหตุผลว่าการเก็บค่าใช้น้ำ ธรรมชาติจากผู้ใช้น้ำจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหามือใครยาวสาวได้สาวเอา

ในเมื่อทรัพยากรน้ำมีจำกัดควรเฉลี่ยใช้ให้ทั่วถึงกัน

ใครใช้น้ำมากจึงต้องจ่ายมากเพื่อความเป็นธรรม

อย่างไรก็ดี มีเสียงโอดโอยจากพี่น้องเกษตรกรขนาดกลางๆ ที่ต้องโดนโขกค่าน้ำ 50 สตางค์ต่อคิว ว่าโหดเกินไป

แต่เสียงคัดค้านดังที่สุดคือ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องจ่ายค่าใช้น้ำแพงหูฉี่ถึง 3 บาทต่อคิว ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอีกบานตะไท

“แม่ลูกจันทร์” ไม่แน่ใจว่าเสียงคัดค้านจากกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจะทำให้ นายกฯบิ๊กตู่ ยอมสั่งเบรกร่าง

ก.ม.ฉบับนี้หรือไม่??

เพราะกลุ่มอุตสาหกรรมเรียกร้องอะไร รัฐบาลมักใจอ่อนยอมโอเคทุกที

ครั้งนี้รัฐบาลจะโอเค? หรือโนเค? หวยออกได้ 2 ประตู

แต่ถ้าจะให้เลือก 1 ประตู “แม่ลูกจันทร์” เลือกประตูโอเค.


"แม่ลูกจันทร์"

กระพือแรงต้านเอง?

กระพือแรงต้านเอง?

แล้วก็ถึงเดือนตุลาคม เข้าสู่ห้วงพระราชพิธีสำคัญของคนไทยทั้งชาติ

อารมณ์ใจหาย บรรยากาศของการถวายอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายคงจะปกคลุมไปทั่วประเทศ เหตุการณ์ด้านต่างๆน่าจะเข้าสู่โหมดของห้วงเวลาพิเศษ

โดยเฉพาะเรื่องการเมืองก็น่าจะลดโทนลงโดยอัตโนมัติ

ในจังหวะสำคัญที่ผู้นำรัฐบาลอย่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.นำคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และทีมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับงานด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ไปพบหารือประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี.
มีทั้งคิวหารือแบบ “โฟร์อาย” พูดคุยกันแบบตัวต่อตัวระหว่าง “ลุงตู่” กับ “ทรัมป์”

และการประชุมร่วมคณะใหญ่ของทั้งสองประเทศ เพื่อถกความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ในฐานะไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคทะเลจีนใต้ที่สหรัฐฯให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ตามภาพเชิงยุทธศาสตร์ ยังไงก็เป็นแต้มบวกรัฐบาล คสช.

เพราะเครดิตของผู้นำรัฐบาลไทยได้รับการประทับจากพี่เบิ้ม ยกระดับออกมานอกบัญชี “ผู้นำเผด็จการทหาร” ที่อเมริกาไม่สุงสิงด้วย

ด้านหนึ่งก็โชคช่วย ผลจากวิกฤติคาบสมุทรเกาหลีและอิทธิพลของจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้ฝรั่งตะวันตกต้องเริ่มทำความเข้าใจกับบริบทประชาธิปไตยแบบไทยๆมากขึ้น

ซึ่งนั่นก็ทำให้แรงเสียดทานจากนานาชาติเบาบางลงตามเงื่อนไข

แต่มันจะแปร่งๆก็ตรงเหตุการณ์ภายในที่สัญญาณไม่ปกติ ตามคิวล่าสุดที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นคนเปิดปมเองเลยว่า ข้อมูลการข่าวมีกลุ่มคนจ้องก่อเหตุป่วนสถานการณ์ในห้วงพระราชพิธีสำคัญทั้งในและนอกประเทศ

ยังมีคนที่ต่อต้านและไม่หวังดีต่อสถาบัน มีการกำหนดชัดเจน ใครที่คิดไม่ดีก็ขอให้หยุด

พูดเป็นนัยให้โยงข้อมูลเชื่อมกับความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะปมของขบวนการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ พวกหมิ่นสถาบัน หรือกรณีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังเดินหมากขอลี้ภัยการเมือง

ตามท้องเรื่องรัฐบาล คสช.ต้องตั้งรับแรงกระแทกจากฝ่ายตรงข้ามที่ไม่หวังดี

ซึ่งยังไม่ชัดว่ามาจากทิศทางไหน

แต่ที่เห็นๆโดยปรากฏการณ์ที่แรงกระเพื่อมถูกกระพือจากฝ่ายคุมอำนาจรัฐซะเอง

ไม่ว่าจะเป็นปมร้อน “เก็บภาษีน้ำ” ตามการตีฆ้องป่าวประกาศของนายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรฯ เปิดโพยร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฯ ที่กำลังผลักดันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใกล้มีผลบังคับใช้ในไม่ช้า

ตามเงื่อนไข ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ จัดอยู่ในประเภทใช้นํ้าด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ มีสิทธิ์โดนเก็บค่าน้ำไม่เกิน 50 สตางค์ต่อ ลบ.ม.

โดยหลักการการจัดสรรการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ

แต่มันก็ง่ายต่อการปลุกกระแสต่อต้านรัฐบาลแบบที่เห็นอาการกระโดดใส่ ลูกเข้าเหลี่ยมเขี้ยวยี่ห้อประชาธิปัตย์ รีบส่งมวยรุ่นใหญ่อย่างนายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการนโยบายพรรคและคณะทำงานด้านน้ำ เปิดแถลง “ตีกิน”

ค้านการเก็บภาษีน้ำ รัฐบาลต้องไม่ซ้ำเติมทุกข์ให้ประชาชน

สถานการณ์อึมครึมคลุมเครือว่าด้วยมาตรการของรัฐยังต่อเนื่อง จากปมร้อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงของประเทศ

กระตุกต่อมผวาลามกระทบปมหวั่นไหวทางด้านเศรษฐกิจ

ยังไม่นับหัวเชื้อชนวนล่อแหลมต่อเนื่องจากปมป่วนชักเข้าชักออก ตำแหน่งของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก่อนนำมาซึ่งกฎเข้มพระสงฆ์ที่มีการแจ้งวัดทั่วประเทศให้ปฏิบัติตามธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ห้ามจำหน่ายพระบูชา วัตถุมงคล เทวรูปต่างๆภายในบริเวณโบสถ์ ห้ามปลุกเสกพระเครื่อง ปลดป้ายงานพุทธาภิเษกหรือปลุกเสก ตลอดไปจนถึงห้ามเล่นเฟซบุ๊ก

“ปลุกพระ” ให้ต่อต้านมาตรการเข้ม กระตุกอารมณ์คว่ำบาตรรัฐบาล

แน่นอนโดยปมโยงจากเงินทอนวัด ตัดตอนผลประโยชน์มหาศาลในวงการพุทธพาณิชย์

แต่อย่างที่รู้ๆกัน เรื่องของพระ ปมศาสนาเป็นเรื่องอ่อนไหว

พลาดไป รัฐบาลเสี่ยงเจอแรงต้านแบบที่ประเมินไม่ได้.


ทีมข่าวการเมือง